You are my hope.เจ้าเท่านั้น ที่ข้าจะรอ yaoi

10.0

เขียนโดย ปรัสรา

วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555 เวลา 10.13 น.

  20 chapter
  3 วิจารณ์
  28.06K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทที่1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
        จุนเดินเข้ามาในโรงเรียนด้วยความซึมเศร้าต่างจากเมื่อวานโดยสิ้นเชิง  ซึมจนแม้แต่อาจารย์สาวที่ชอบแหย่คนอื่นไปเรื่อยอย่างคิริเอะยังอดเข้ามาไต่ถามด้วยความเป็นห่วงจริงจังไม่ได้
        แน่นอน คำตอบคือยิ้มแหยๆพร้อมกับคำตอบส่งเดช
        เขาไม่อยากพูดถึงหรอกนะว่าเมื่อวานเขารอจนถึงห้าโมงเย็นก็แล้ว  จิเสะยังไม่ปรากฏตัวขึ้นเรื่อยแม้แต่เงา  อย่างน้อยถ้าจะปฏิเสธกันก็น่าจะเดินมาบอกหน่อยสิ
        ในระหว่างที่เขาจะเข้าห้องเรียนนั้นเอง  เด็กสาวผมสั้นเดินเข้ามาพร้อมกับกลุ่มเพื่อน  ดูอาการแล้วเหมือนกำลังปลอบใจกันอยู่
        จิเสะชะงักไปเล็กน้อยที่เจอจุนจ้องมองเธออยู่
        "ฉันเกลียดเธอที่สุดเลย!"
        เด็กสาววิ่งร้องไห้ออกไปโดยที่เพื่อนๆไม่ได้ตามไปเพราะมัวแต่ตีหน้ายักษ์ใส่จุนอยู่  พวกเธอรวมเสียงประณามด่า
        "สวนหลังโรงเรียนอันตรายแค่ไหน จิเสะยังไปรอนายจนเกือบค่ำ!"
        "ทำไมนายต้องล้อเล่นกับความรู้สึกผู้หญิงด้วย!"
        "คิดบ้างไหมว่าจิเสะเคยช่วยนายไว้แค่ไหน  ทำไมน่ารังเกียจแบบนี้!"
        จุนแทบอยากหนีเสียงที่ว่าเขาเหล่านั้น  คนที่ไม่มาก็คือฝ่ายจิเสะเองไม่ใช่หรอกหรือ  หากไม่ติดที่ประโยคคำว่า 'สวนหลังโรงเรียน'
        "พวกเธอว่าไงนะ  สวนหลังโรงเรียน?  ฉันนัดจิเสะที่ดาดฟ้าต่างหาก"
        พวกผู้หญิงโต้ทันทีด้วยอารมณ์คุกรุ่น
        "อย่ามั่วน่า  จดหมายเขียนว่าสวนหลังโรงเรียนชัดๆ!  เนอะ...พวกเรา"
        เสียงสนับสนุนของเด็กผู้หญิงพวกนั้นทำให้จุนรู้ทันทีว่ามีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น  จินเนะโพสต์ท่าให้พวกรุ่นน้องไปก็ส่งสายตาเยาะเย้ยมาให้เขาแวบหนึ่ง
        เด็กหนุ่มนึกถึงเสียงตะโกนขัดจังหวะการตรวจจดหมายในเช้าเมื่อวานของน้องสาวได้ทันที  เขาว่าแล้วว่ามันมีอะไรแปลกๆ
 
        หลายวันมานี้เขาพยามจะคุยกับจิเสะ  ถ้าไม่โดนสายตาเย็นชาไม่ต่างจากน้องสาวของเขาก็เป็นคำพูดตะโกนใส่สั้นๆแล้วเดินหนีทุกครั้ง
        ยิ่งทางด้านจุนซึมเศร้าขึ้นเท่าไหร่  ดูเหมือนจินเนะจะยิ่งร่าเริงขึ้น  ภาพลักษณ์เหล่านี้ทำให้ระดับความนิยมเพิ่มขึ้นจนไม่รู้จะเพิ่มยังไงแล้ว  ช่างเป็นคนที่โชคดีจากหายนะของคนอื่นจริงๆ
        แต่ความร้ายกาจของเด็กสาวคนนี้ไม่ได้หยุด  เธอส่งจดหมายซึ่งตั้งใจจะให้พี่ชายได้ผิดหวังรอบสอง
        'ถึง...คาเมซากิคุง
        ฉันรู้แล้วว่าจดหมายมีอะไรผิดพลาด  ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้อยากจะขอโทษเธอ  พบฉันที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะตอนสี่โมงเย็นนะ'
        สำหรับคนที่เศร้าจนไม่พูดไม่จาอะไรกับใครอย่างจุน  จดหมายฉบับนั้นช่างเหมือนกับสิ่งที่สวรรค์ประทานมาจริงๆ
        จินเนะไม่ได้รับรู้เลยว่า  จดหมายที่ส่งไปแกล้งพี่ชายตามปกติจะทำให้เกิดเรื่องราวบางอย่างนับตั้งแต่วินาทีนั้นเอง...
 
        จุนแลกเวรทำความสะอาดกับเพื่อนในห้องเพื่อวิ่งไปศาลเจ้าฟุมิเนเนะ  ที่นั่นขึ้นชื่อว่าเป็นศาลเจ้าที่ไม่ค่อยมีใครเข้าไปเนื่องจากอยู่ห่างไกลชุมชนพอสมควรและอยู่บนเชิงเขา  แต่ในความคิดของจุน  เด็กสาวขี้อายอย่างจิเสะน่าจะหาสถานที่ลับตาคนเพื่อสารภาพความในใจก็ถูกต้องแล้ว
        เขาใช้เวลายี่สิบนาทีในการต่อรถบัสและวิ่งมาเต็มฝีเท้าเพื่อมายังศาลเจ้าแห่งนี้  แม้จะดูเก่าแต่ก็ไม่ได้ทรุดโทรมจนกลายเป็นซากปรักหักพังขนาดนั้น
        ทว่า...รอแล้วรอเล่าจนจะห้าโมงครึ่งก็ตาม  ไม่มีใครโผล่มาสักคน  กระทั่ง เด็กหนุ่มได้รับเมสเสจจากคนที่ไม่น่ารับที่สุด
        'หึ!  ทีแรกก็ไม่ได้อยากส่งมาหรอกนะ  ถ้าไม่โดนบังคับให้ทำ  แต่ยัยจิเสะอะไรนั่นไม่ได้มีนัดกับนายตั้งแต่แรกแล้วย่ะ!"
        คาเมซากิ จุนทรุดลงอย่างหมดแรงและเริ่มต้นกอดเข่า  มองไปยังท้องฟ้าอันเวิ้งว้างว่างเปล่าด้วยจิตใจอันแสนบอบช้ำ
        อยากร้องไห้เหลือเกิน...
        แต่ลูกผู้ชายอกสามศอกอย่างเขาถือคติว่าจะไม่ร้องไห้ด้วยเรื่องแบบนี้  โดยเฉพาะร้องไห้ให้กับเรื่องที่โดนจินเนะแกล้งด้วยแล้ว  เขาจะไม่มีวันทำหรอก!
        อ้อมแขนเย็นๆของใครบางคนถูกส่งมาจากด้านหลัง  นั่นทำให้จุนรีบสะบัดตัวออกจนเกือบตกบันไดที่ใช้ปีนขึ้นศาลเจ้า
        "นานมาก..."  คนในชุดกิโมโนแบบโบราณพูดเสียงลอย  "นานมากจริงๆ  ข้ารอเจ้ามาตลอดนะ"
        จุนพูดด้วยเสียงเศร้าสร้อย  "คุณคงจำคนผิดคนผิดแล้วล่ะ  ผม...มาที่นี่ด้วยความ...บังเอิญ"
        "บังเอิญอะไรกัน"  อีกฝ่ายยิ้มทั้งน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ  มันดูเชื่องช้าและใสกว่าปกติ  "ในเมื่อเจ้าบอกให้ข้ารอ  ข้าก็รอมาตลอดนี่ไงล่ะ  ต่อให้ผ่านมากี่ร้อยปีก็ตาม"
        โดยที่ไม่ได้ตั้งตัว  จุนถูกสวมกอดอีกครั้ง  มันเป็นอ้อมกอดที่ไม่ได้สื่อถึงความอบอุ่นเลย  ออกจะเย็นเฉียบเหมือนอยู่ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมามากกว่า
        แต่จากหัวใจลึกๆที่เต็มไปด้วยความบอบช้ำ  จุนอดกอดอีกฝ่ายตอบไม่ได้  น้ำตาของลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างเงียบๆ
        หลังจากที่เล่าเรื่องต่างๆและโดนปลอบอยู่นาน  บุรุษผู้มีใบหน้าอ่อนโยนนามว่ามาซารุคนนี้ได้เชิญเขาเข้าไปทานอาหารข้างในศาลเจ้าเพราะใกล้เวลามื้อเย็นมากแล้ว
        จุนเดินเขาไปอย่างไม่คิดปฏิเสธ  เขาไม่อยากกลับไปเจอน้องสาวจอมวุ่น  สายตาของจิเสะที่จ้องเขามาอย่างเย็นชาระคนผิดหวัง  ความห่วงใยของอาจารย์สาว  หรือการหมกตัวอยู่คนเดียวในห้อง...
        อาหารมื้อเย็นของจุนดูเหมือนจะเป็นอาหารแบบย้อนยุคพอสมควร  ถ้าจะให้พูดตามจริง  จุนรู้สึกว่าสถานที่นี้มีแต่ของที่ใช้ในสมัยก่อนทั้งนั้น  แม้แต่การแต่งกายของมาซารุคนนี้ก็ตาม  การผูกและการใช้กิโมโนแบบนั้น  ตอนนี้มีแต่พวกคุณปู่คุณย่าหรือคนแก่แล้วจะทำกัน
        แต่รสชาติที่ลิ้มรสก็นับว่าไม่น้อยหน้าอาหารสมัยนี้เลยทีเดียว
        "ยังเหมือนเดิมสินะ"  มาซารุยิ้มบางๆ  "เจ้าชอบกินต้มเผือกและโกโบที่สุด"
        จุนชะงัก  ความจริงแล้วตัวเขาแค่เลือกกินสิ่งนี้ด้วยความบังเอิญเท่านั้นเอง  แต่เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความสุขของมาซารุ  จุนก็พูดไม่ออก  ได้แต่ทานอาหารเย็นไปเรื่อยๆเท่านั้น
        ห้วงเวลาที่เหมือนจะได้ลืมสรรพสิ่งภายนอกเช่นนี้ผ่านไปเนิ่นนานจนล่วงเลยถึงสองทุ่มกว่า  จุนต้องรีบขอตัวกลับ
        ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าวันนั้นเขาโดนดุหนักแค่ไหนโดยมีสีหน้าของจินเนะสะใจเป็นเครื่องประกอบ
 
 
        "จุน!  จุน!  คาเมซากิ จุน!"
        เมื่อโดนเรียกชื่อเต็มเขาถึงได้สติขึ้นมา  อาจารย์สาวอย่างคิริเอะถอนหายใจเฮือก  มือถือชอล์กปัดไปมา
        "นี่มันอะไรๆกันเนี่ย  เมื่อวานทำหน้าเศร้าอย่างกับอกหัก  วันนี้ทำหน้าเหม่ออย่างกับโดนสาวชก  เอ๊ะ?  หรือว่าโดนชกมาจริงๆ  ใครทำล่ะ...จุน  จุน!  เหม่อแบบนี้ไปนอกห้องเถอะ  ฉันไม่มีสมาธิสอนนะยะ"
        ก็อยากให้นั่งสบายๆและตั้งใจเรียนอยู่หรอก  แต่สภาพแบบนี้ต่อให้เอาลำโพงยักษ์มาขนาบข้างก็ไม่มีอะไรหลุดเข้าไปในสมองหรอก
        คิริเอะคิดอย่างปลดปลง
        จุนเดินออกมายืนนอกห้องด้วยความเหม่อลอยพลางมองไปที่จิเสะซึ่งเดินออกมาเข้าห้องน้ำพอดีด้วยแววตาเศร้าสร้อย  เด็กสาวชะงักไปครู่หนึ่งแล้วทำหน้ามุ่ยเดินหนีไป  ไม่คิดจะพูดอะไรกับเขาสักคำ
        จุนยืนอยู่อย่างนั้นจนถึงช่วงเวลาเข้าชมรม  จุนรู้สึกว่ามันช่างเป็นการยากที่จะเปิดประตูชมรมชงชาที่อุตสาห์สมัครมาเพื่อใกล้ชิดกับจิเสะโดยเฉพาะ
        "เอาล่ะๆ"  คุณประธานชมรมพูดขึ้นในท้ายชั่วโมง  "และพรุ่งนี้จะมีสอบมารยาทในการดื่มน้ำชา  ทำเป็นรายงานมาส่งนะ  แล้วก็ฝึกซ้อมปฏิบัติมาด้วย"
        จิเสะกำลังจะเดินไปหาจุน  เธอรู้ว่าเขามักจะมีปัญหากับการปฏิบัติสิ่งเหล่านี้เสมอ  แต่เมื่อเขาหันมาสบตาเธอพอดี  ความโกรธก็แล่นริ้วขึ้นมาจนได้แต่หมุนตัวหนีไป
        ตั้งแต่วันนั้น ทำไมเขาไม่มีมาง้อเธอเลยนะ  หรือว่าเธอควรจะเป็นคนพูดกับเขาก่อนดี?
 
 
        จุนเดินเตะก้อนหินตามทางมาเรื่อยๆ  เฮ้อ...เขาจะทำยังไงดีนะ  ก็ในเมื่อความหวังเพียงหนึ่งเดียวอย่างจิเสะจังก็เมินเขาแล้ว  แถมคนที่สองที่รู้มารยาทพวกนี้ดีก็ดันเป็นคนที่เกลียดเขาที่สุดซะนี่  เฮ้อ
        ครอบครัวเขากว่าจะกลับก็ค่ำๆมืดๆ  ไม่มีเวลามาสอนอะไรแบบนี้ซะด้วยสิ...
        เมื่อคิดไปคิดมา ถึงจะเป็นการเสียมารยาทที่พบกันวันเดียวก็ให้มาสอนการดื่มชา  แต่มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้แล้วนี่  ไหนๆอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะเก่งวัฒนธรรมญี่ปุ่นอยู่แล้วด้วย
        ศาลเจ้าฟุมิเนเนะยังคงเหมือนเดิม  เพียงแต่มาซารุออกมายืนรอเขาเหมือนรู้ว่าจะมา
        "การดื่มชาเหรอ  ของแบบนั้นง่ายๆ  ข้าถูกฝึกมาตั้งแต่เด็กแล้ว"
        จุนมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัยก่อนจะเลียบๆเคียงๆถามว่า  "มาซารุซังก็เคยอยู่ชมรมชงชาหรือครับ"
        "เปล่า"  มาซารุก้มหน้าลงเล็กน้อย  "พอดีว่าข้าต้องฝึกมารยาทต่างๆเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว  ทั้งยังต้องฝึกดาบ  ฝึกการเขียนพู่กัน  เจ้าเองก็เคยบอกว่าชอบการเขียนพู่กันของข้า...อ๊ะ  ไม่ใช่สิ  เราไม่เคยพบกันนี่นะ"
        ความเงียบปกคลุมอยู่ชั่วขณะหนึ่ง  ก่อนที่มาซารุจะเงยหน้าขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มที่ร่าเริงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
        "เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า  ข้าจะไปหยิบมัทฉะ (ผงชาเขียวป่น) มานะ"
        มาซารุเริ่มต้นทำให้ดูเป็นตัวอย่าง  ท่วงท่างดงามอ่อนโยนทำให้จุนรู้สึกนับถือขึ้นมาทันทีและเริ่มต้นทำตามโดยมีเสียงประกอบ
        "ใส่มัทฉะกับน้ำร้อนก่อน อ๊ะ...พอก่อน  เดี๋ยวน้ำจะมาเกินไปจนชาจาง  คนชาด้วยฉะเซน (ไม้ชงชา) จนแตกฟอง  น่าจะได้แล้วล่ะ  ยกขึ้นมาด้วยมือขวาแล้ววางบนมือซ้ายอย่างช้าๆ  ระวังอย่าเร็วเกินไป  จะทำให้ดูแข็งกระด้างไปนะ"
        มาซารุพูดไปก็จับจ้องกริยาที่เต็มไปด้วยความเกร็งของอีกฝ่ายไปพร้อมกับยิ้มขำเล็กๆ
        "หมุนถ้วยชาเข้าหาตัวหลังดื่มเสร็จแล้วเช็ดที่ขอบถ้วยชา  เช็ดนิ้วด้วยไคชิ (กระดาษรองขนม) เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว  เก่งมากเลย จุน"
        มาซารุเรียกอย่างสนิทสนมด้วยความไม่รู้สึกประหลาดอะไร  ในเมื่อตอนนั้นเขาเองก็เรียกชื่ออีกฝ่ายเฉยๆ  ไม่ได้เติมอะไรเข้าไปต่อท้ายนี่นะ
        จุนเองพอจะเข้าใจว่ามาซารุคงคิดว่าเขาไปคล้ายใครเข้าจึงได้เรียกอย่างสนิทสนม  แต่เขายังคงรู้สึกแปลกๆอยู่ดี
        การฝึกสอนล่วงเลยไปจนถึงช่วงค่ำจึงจะเสร็จ  ช่างเป็นการย้ำเตือนจุนให้นึกถึงเมื่อวานที่โดนด่ายาวและสีหน้าสะใจชวนเซ็งของจินเนะ  ยังไงซะ มื้อเย็นคงเหลือแต่คงที่เขาไม่ชอบตามวิสัยของน้องสาวตัวดีอยู่แล้ว
        ดังนั้น เมื่อเทียบกับคำเชิญที่เต็มไปด้วยไมตรีของมาซารุ  เรื่องเหล่านั้นช่างพ่ายแพ้ในการจะดึงตัวจุนกลับไปมากนัก  เขาส่งเมจเสจไปว่าคืนนี้จะนอนค้างที่บ้านเพื่อนเป็นการสรุปการตัดสินใจเลือกที่พัก
        มาซารุเตรียมชุดให้จุนเรียบร้อย  หลังขึ้นมาจากอ่างน้ำร้อนซึ่งถูกจัดไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้  กิจกรรมต่อไปเป็นเพียงการคุยสัพเพเหระรับลมที่โชยเข้ามาเย็นๆ  เพราะที่นี่ไม่มีสิ่งบันเทิงอย่างที่เป็นสมัยใหม่เลยสักอย่าง
        ระหว่างที่คุยจนมาซารุพิงเขาหลับไป  เด็กหนุ่มอดครุ่นคิดไม่ได้ว่าความสนิทสนมนี่มันช่างไม่ขึ้นอยู่กับช่วงเวลายาวนานและสั้นน้อยแค่ไหนเลยจริงๆ  แม้แต่เขาที่เพิ่งพบกับคนคนนี้  ยังรู้สึกเหมือนเคยพบกันมาเนิ่นนานเลย...
 



ปรัสราค่ะ!  ยังไงฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ  (โค้งตัว)
แต่งเรื่องนี้บทเดียวทำเอาความรู้เกี่ยวกับพิธีในญี่ปุ่นของปรัสราเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวได้เลยล่ะมั้งคะ 555+  จริงๆนะคะ
 ยังไงก็เม้นท์ติชมกันได้นะคะ ^^

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา