You are my hope.เจ้าเท่านั้น ที่ข้าจะรอ yaoi
10.0
1) บทที่1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ จุนเดินเข้ามาในโรงเรียนด้วยความซึมเศร้าต่างจากเมื่อวานโดยสิ้นเชิง ซึมจนแม้แต่อาจารย์สาวที่ชอบแหย่คนอื่นไปเรื่อยอย่างคิริเอะยังอดเข้ามาไต่ถามด้วยความเป็นห่วงจริงจังไม่ได้
แน่นอน คำตอบคือยิ้มแหยๆพร้อมกับคำตอบส่งเดช
เขาไม่อยากพูดถึงหรอกนะว่าเมื่อวานเขารอจนถึงห้าโมงเย็นก็แล้ว จิเสะยังไม่ปรากฏตัวขึ้นเรื่อยแม้แต่เงา อย่างน้อยถ้าจะปฏิเสธกันก็น่าจะเดินมาบอกหน่อยสิ
ในระหว่างที่เขาจะเข้าห้องเรียนนั้นเอง เด็กสาวผมสั้นเดินเข้ามาพร้อมกับกลุ่มเพื่อน ดูอาการแล้วเหมือนกำลังปลอบใจกันอยู่
จิเสะชะงักไปเล็กน้อยที่เจอจุนจ้องมองเธออยู่
"ฉันเกลียดเธอที่สุดเลย!"
เด็กสาววิ่งร้องไห้ออกไปโดยที่เพื่อนๆไม่ได้ตามไปเพราะมัวแต่ตีหน้ายักษ์ใส่จุนอยู่ พวกเธอรวมเสียงประณามด่า
"สวนหลังโรงเรียนอันตรายแค่ไหน จิเสะยังไปรอนายจนเกือบค่ำ!"
"ทำไมนายต้องล้อเล่นกับความรู้สึกผู้หญิงด้วย!"
"คิดบ้างไหมว่าจิเสะเคยช่วยนายไว้แค่ไหน ทำไมน่ารังเกียจแบบนี้!"
จุนแทบอยากหนีเสียงที่ว่าเขาเหล่านั้น คนที่ไม่มาก็คือฝ่ายจิเสะเองไม่ใช่หรอกหรือ หากไม่ติดที่ประโยคคำว่า 'สวนหลังโรงเรียน'
"พวกเธอว่าไงนะ สวนหลังโรงเรียน? ฉันนัดจิเสะที่ดาดฟ้าต่างหาก"
พวกผู้หญิงโต้ทันทีด้วยอารมณ์คุกรุ่น
"อย่ามั่วน่า จดหมายเขียนว่าสวนหลังโรงเรียนชัดๆ! เนอะ...พวกเรา"
เสียงสนับสนุนของเด็กผู้หญิงพวกนั้นทำให้จุนรู้ทันทีว่ามีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น จินเนะโพสต์ท่าให้พวกรุ่นน้องไปก็ส่งสายตาเยาะเย้ยมาให้เขาแวบหนึ่ง
เด็กหนุ่มนึกถึงเสียงตะโกนขัดจังหวะการตรวจจดหมายในเช้าเมื่อวานของน้องสาวได้ทันที เขาว่าแล้วว่ามันมีอะไรแปลกๆ
หลายวันมานี้เขาพยามจะคุยกับจิเสะ ถ้าไม่โดนสายตาเย็นชาไม่ต่างจากน้องสาวของเขาก็เป็นคำพูดตะโกนใส่สั้นๆแล้วเดินหนีทุกครั้ง
ยิ่งทางด้านจุนซึมเศร้าขึ้นเท่าไหร่ ดูเหมือนจินเนะจะยิ่งร่าเริงขึ้น ภาพลักษณ์เหล่านี้ทำให้ระดับความนิยมเพิ่มขึ้นจนไม่รู้จะเพิ่มยังไงแล้ว ช่างเป็นคนที่โชคดีจากหายนะของคนอื่นจริงๆ
แต่ความร้ายกาจของเด็กสาวคนนี้ไม่ได้หยุด เธอส่งจดหมายซึ่งตั้งใจจะให้พี่ชายได้ผิดหวังรอบสอง
'ถึง...คาเมซากิคุง
ฉันรู้แล้วว่าจดหมายมีอะไรผิดพลาด ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้อยากจะขอโทษเธอ พบฉันที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะตอนสี่โมงเย็นนะ'
สำหรับคนที่เศร้าจนไม่พูดไม่จาอะไรกับใครอย่างจุน จดหมายฉบับนั้นช่างเหมือนกับสิ่งที่สวรรค์ประทานมาจริงๆ
จินเนะไม่ได้รับรู้เลยว่า จดหมายที่ส่งไปแกล้งพี่ชายตามปกติจะทำให้เกิดเรื่องราวบางอย่างนับตั้งแต่วินาทีนั้นเอง...
จุนแลกเวรทำความสะอาดกับเพื่อนในห้องเพื่อวิ่งไปศาลเจ้าฟุมิเนเนะ ที่นั่นขึ้นชื่อว่าเป็นศาลเจ้าที่ไม่ค่อยมีใครเข้าไปเนื่องจากอยู่ห่างไกลชุมชนพอสมควรและอยู่บนเชิงเขา แต่ในความคิดของจุน เด็กสาวขี้อายอย่างจิเสะน่าจะหาสถานที่ลับตาคนเพื่อสารภาพความในใจก็ถูกต้องแล้ว
เขาใช้เวลายี่สิบนาทีในการต่อรถบัสและวิ่งมาเต็มฝีเท้าเพื่อมายังศาลเจ้าแห่งนี้ แม้จะดูเก่าแต่ก็ไม่ได้ทรุดโทรมจนกลายเป็นซากปรักหักพังขนาดนั้น
ทว่า...รอแล้วรอเล่าจนจะห้าโมงครึ่งก็ตาม ไม่มีใครโผล่มาสักคน กระทั่ง เด็กหนุ่มได้รับเมสเสจจากคนที่ไม่น่ารับที่สุด
'หึ! ทีแรกก็ไม่ได้อยากส่งมาหรอกนะ ถ้าไม่โดนบังคับให้ทำ แต่ยัยจิเสะอะไรนั่นไม่ได้มีนัดกับนายตั้งแต่แรกแล้วย่ะ!"
คาเมซากิ จุนทรุดลงอย่างหมดแรงและเริ่มต้นกอดเข่า มองไปยังท้องฟ้าอันเวิ้งว้างว่างเปล่าด้วยจิตใจอันแสนบอบช้ำ
อยากร้องไห้เหลือเกิน...
แต่ลูกผู้ชายอกสามศอกอย่างเขาถือคติว่าจะไม่ร้องไห้ด้วยเรื่องแบบนี้ โดยเฉพาะร้องไห้ให้กับเรื่องที่โดนจินเนะแกล้งด้วยแล้ว เขาจะไม่มีวันทำหรอก!
อ้อมแขนเย็นๆของใครบางคนถูกส่งมาจากด้านหลัง นั่นทำให้จุนรีบสะบัดตัวออกจนเกือบตกบันไดที่ใช้ปีนขึ้นศาลเจ้า
"นานมาก..." คนในชุดกิโมโนแบบโบราณพูดเสียงลอย "นานมากจริงๆ ข้ารอเจ้ามาตลอดนะ"
จุนพูดด้วยเสียงเศร้าสร้อย "คุณคงจำคนผิดคนผิดแล้วล่ะ ผม...มาที่นี่ด้วยความ...บังเอิญ"
"บังเอิญอะไรกัน" อีกฝ่ายยิ้มทั้งน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ มันดูเชื่องช้าและใสกว่าปกติ "ในเมื่อเจ้าบอกให้ข้ารอ ข้าก็รอมาตลอดนี่ไงล่ะ ต่อให้ผ่านมากี่ร้อยปีก็ตาม"
โดยที่ไม่ได้ตั้งตัว จุนถูกสวมกอดอีกครั้ง มันเป็นอ้อมกอดที่ไม่ได้สื่อถึงความอบอุ่นเลย ออกจะเย็นเฉียบเหมือนอยู่ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมามากกว่า
แต่จากหัวใจลึกๆที่เต็มไปด้วยความบอบช้ำ จุนอดกอดอีกฝ่ายตอบไม่ได้ น้ำตาของลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างเงียบๆ
หลังจากที่เล่าเรื่องต่างๆและโดนปลอบอยู่นาน บุรุษผู้มีใบหน้าอ่อนโยนนามว่ามาซารุคนนี้ได้เชิญเขาเข้าไปทานอาหารข้างในศาลเจ้าเพราะใกล้เวลามื้อเย็นมากแล้ว
จุนเดินเขาไปอย่างไม่คิดปฏิเสธ เขาไม่อยากกลับไปเจอน้องสาวจอมวุ่น สายตาของจิเสะที่จ้องเขามาอย่างเย็นชาระคนผิดหวัง ความห่วงใยของอาจารย์สาว หรือการหมกตัวอยู่คนเดียวในห้อง...
อาหารมื้อเย็นของจุนดูเหมือนจะเป็นอาหารแบบย้อนยุคพอสมควร ถ้าจะให้พูดตามจริง จุนรู้สึกว่าสถานที่นี้มีแต่ของที่ใช้ในสมัยก่อนทั้งนั้น แม้แต่การแต่งกายของมาซารุคนนี้ก็ตาม การผูกและการใช้กิโมโนแบบนั้น ตอนนี้มีแต่พวกคุณปู่คุณย่าหรือคนแก่แล้วจะทำกัน
แต่รสชาติที่ลิ้มรสก็นับว่าไม่น้อยหน้าอาหารสมัยนี้เลยทีเดียว
"ยังเหมือนเดิมสินะ" มาซารุยิ้มบางๆ "เจ้าชอบกินต้มเผือกและโกโบที่สุด"
จุนชะงัก ความจริงแล้วตัวเขาแค่เลือกกินสิ่งนี้ด้วยความบังเอิญเท่านั้นเอง แต่เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความสุขของมาซารุ จุนก็พูดไม่ออก ได้แต่ทานอาหารเย็นไปเรื่อยๆเท่านั้น
ห้วงเวลาที่เหมือนจะได้ลืมสรรพสิ่งภายนอกเช่นนี้ผ่านไปเนิ่นนานจนล่วงเลยถึงสองทุ่มกว่า จุนต้องรีบขอตัวกลับ
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าวันนั้นเขาโดนดุหนักแค่ไหนโดยมีสีหน้าของจินเนะสะใจเป็นเครื่องประกอบ
"จุน! จุน! คาเมซากิ จุน!"
เมื่อโดนเรียกชื่อเต็มเขาถึงได้สติขึ้นมา อาจารย์สาวอย่างคิริเอะถอนหายใจเฮือก มือถือชอล์กปัดไปมา
"นี่มันอะไรๆกันเนี่ย เมื่อวานทำหน้าเศร้าอย่างกับอกหัก วันนี้ทำหน้าเหม่ออย่างกับโดนสาวชก เอ๊ะ? หรือว่าโดนชกมาจริงๆ ใครทำล่ะ...จุน จุน! เหม่อแบบนี้ไปนอกห้องเถอะ ฉันไม่มีสมาธิสอนนะยะ"
ก็อยากให้นั่งสบายๆและตั้งใจเรียนอยู่หรอก แต่สภาพแบบนี้ต่อให้เอาลำโพงยักษ์มาขนาบข้างก็ไม่มีอะไรหลุดเข้าไปในสมองหรอก
คิริเอะคิดอย่างปลดปลง
จุนเดินออกมายืนนอกห้องด้วยความเหม่อลอยพลางมองไปที่จิเสะซึ่งเดินออกมาเข้าห้องน้ำพอดีด้วยแววตาเศร้าสร้อย เด็กสาวชะงักไปครู่หนึ่งแล้วทำหน้ามุ่ยเดินหนีไป ไม่คิดจะพูดอะไรกับเขาสักคำ
จุนยืนอยู่อย่างนั้นจนถึงช่วงเวลาเข้าชมรม จุนรู้สึกว่ามันช่างเป็นการยากที่จะเปิดประตูชมรมชงชาที่อุตสาห์สมัครมาเพื่อใกล้ชิดกับจิเสะโดยเฉพาะ
"เอาล่ะๆ" คุณประธานชมรมพูดขึ้นในท้ายชั่วโมง "และพรุ่งนี้จะมีสอบมารยาทในการดื่มน้ำชา ทำเป็นรายงานมาส่งนะ แล้วก็ฝึกซ้อมปฏิบัติมาด้วย"
จิเสะกำลังจะเดินไปหาจุน เธอรู้ว่าเขามักจะมีปัญหากับการปฏิบัติสิ่งเหล่านี้เสมอ แต่เมื่อเขาหันมาสบตาเธอพอดี ความโกรธก็แล่นริ้วขึ้นมาจนได้แต่หมุนตัวหนีไป
ตั้งแต่วันนั้น ทำไมเขาไม่มีมาง้อเธอเลยนะ หรือว่าเธอควรจะเป็นคนพูดกับเขาก่อนดี?
จุนเดินเตะก้อนหินตามทางมาเรื่อยๆ เฮ้อ...เขาจะทำยังไงดีนะ ก็ในเมื่อความหวังเพียงหนึ่งเดียวอย่างจิเสะจังก็เมินเขาแล้ว แถมคนที่สองที่รู้มารยาทพวกนี้ดีก็ดันเป็นคนที่เกลียดเขาที่สุดซะนี่ เฮ้อ
ครอบครัวเขากว่าจะกลับก็ค่ำๆมืดๆ ไม่มีเวลามาสอนอะไรแบบนี้ซะด้วยสิ...
เมื่อคิดไปคิดมา ถึงจะเป็นการเสียมารยาทที่พบกันวันเดียวก็ให้มาสอนการดื่มชา แต่มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้แล้วนี่ ไหนๆอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะเก่งวัฒนธรรมญี่ปุ่นอยู่แล้วด้วย
ศาลเจ้าฟุมิเนเนะยังคงเหมือนเดิม เพียงแต่มาซารุออกมายืนรอเขาเหมือนรู้ว่าจะมา
"การดื่มชาเหรอ ของแบบนั้นง่ายๆ ข้าถูกฝึกมาตั้งแต่เด็กแล้ว"
จุนมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัยก่อนจะเลียบๆเคียงๆถามว่า "มาซารุซังก็เคยอยู่ชมรมชงชาหรือครับ"
"เปล่า" มาซารุก้มหน้าลงเล็กน้อย "พอดีว่าข้าต้องฝึกมารยาทต่างๆเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว ทั้งยังต้องฝึกดาบ ฝึกการเขียนพู่กัน เจ้าเองก็เคยบอกว่าชอบการเขียนพู่กันของข้า...อ๊ะ ไม่ใช่สิ เราไม่เคยพบกันนี่นะ"
ความเงียบปกคลุมอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่มาซารุจะเงยหน้าขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มที่ร่าเริงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า ข้าจะไปหยิบมัทฉะ (ผงชาเขียวป่น) มานะ"
มาซารุเริ่มต้นทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ท่วงท่างดงามอ่อนโยนทำให้จุนรู้สึกนับถือขึ้นมาทันทีและเริ่มต้นทำตามโดยมีเสียงประกอบ
"ใส่มัทฉะกับน้ำร้อนก่อน อ๊ะ...พอก่อน เดี๋ยวน้ำจะมาเกินไปจนชาจาง คนชาด้วยฉะเซน (ไม้ชงชา) จนแตกฟอง น่าจะได้แล้วล่ะ ยกขึ้นมาด้วยมือขวาแล้ววางบนมือซ้ายอย่างช้าๆ ระวังอย่าเร็วเกินไป จะทำให้ดูแข็งกระด้างไปนะ"
มาซารุพูดไปก็จับจ้องกริยาที่เต็มไปด้วยความเกร็งของอีกฝ่ายไปพร้อมกับยิ้มขำเล็กๆ
"หมุนถ้วยชาเข้าหาตัวหลังดื่มเสร็จแล้วเช็ดที่ขอบถ้วยชา เช็ดนิ้วด้วยไคชิ (กระดาษรองขนม) เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว เก่งมากเลย จุน"
มาซารุเรียกอย่างสนิทสนมด้วยความไม่รู้สึกประหลาดอะไร ในเมื่อตอนนั้นเขาเองก็เรียกชื่ออีกฝ่ายเฉยๆ ไม่ได้เติมอะไรเข้าไปต่อท้ายนี่นะ
จุนเองพอจะเข้าใจว่ามาซารุคงคิดว่าเขาไปคล้ายใครเข้าจึงได้เรียกอย่างสนิทสนม แต่เขายังคงรู้สึกแปลกๆอยู่ดี
การฝึกสอนล่วงเลยไปจนถึงช่วงค่ำจึงจะเสร็จ ช่างเป็นการย้ำเตือนจุนให้นึกถึงเมื่อวานที่โดนด่ายาวและสีหน้าสะใจชวนเซ็งของจินเนะ ยังไงซะ มื้อเย็นคงเหลือแต่คงที่เขาไม่ชอบตามวิสัยของน้องสาวตัวดีอยู่แล้ว
ดังนั้น เมื่อเทียบกับคำเชิญที่เต็มไปด้วยไมตรีของมาซารุ เรื่องเหล่านั้นช่างพ่ายแพ้ในการจะดึงตัวจุนกลับไปมากนัก เขาส่งเมจเสจไปว่าคืนนี้จะนอนค้างที่บ้านเพื่อนเป็นการสรุปการตัดสินใจเลือกที่พัก
มาซารุเตรียมชุดให้จุนเรียบร้อย หลังขึ้นมาจากอ่างน้ำร้อนซึ่งถูกจัดไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้ กิจกรรมต่อไปเป็นเพียงการคุยสัพเพเหระรับลมที่โชยเข้ามาเย็นๆ เพราะที่นี่ไม่มีสิ่งบันเทิงอย่างที่เป็นสมัยใหม่เลยสักอย่าง
ระหว่างที่คุยจนมาซารุพิงเขาหลับไป เด็กหนุ่มอดครุ่นคิดไม่ได้ว่าความสนิทสนมนี่มันช่างไม่ขึ้นอยู่กับช่วงเวลายาวนานและสั้นน้อยแค่ไหนเลยจริงๆ แม้แต่เขาที่เพิ่งพบกับคนคนนี้ ยังรู้สึกเหมือนเคยพบกันมาเนิ่นนานเลย...
ปรัสราค่ะ! ยังไงฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ (โค้งตัว)
แต่งเรื่องนี้บทเดียวทำเอาความรู้เกี่ยวกับพิธีในญี่ปุ่นของปรัสราเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวได้เลยล่ะมั้งคะ 555+ จริงๆนะคะ
ยังไงก็เม้นท์ติชมกันได้นะคะ ^^
แน่นอน คำตอบคือยิ้มแหยๆพร้อมกับคำตอบส่งเดช
เขาไม่อยากพูดถึงหรอกนะว่าเมื่อวานเขารอจนถึงห้าโมงเย็นก็แล้ว จิเสะยังไม่ปรากฏตัวขึ้นเรื่อยแม้แต่เงา อย่างน้อยถ้าจะปฏิเสธกันก็น่าจะเดินมาบอกหน่อยสิ
ในระหว่างที่เขาจะเข้าห้องเรียนนั้นเอง เด็กสาวผมสั้นเดินเข้ามาพร้อมกับกลุ่มเพื่อน ดูอาการแล้วเหมือนกำลังปลอบใจกันอยู่
จิเสะชะงักไปเล็กน้อยที่เจอจุนจ้องมองเธออยู่
"ฉันเกลียดเธอที่สุดเลย!"
เด็กสาววิ่งร้องไห้ออกไปโดยที่เพื่อนๆไม่ได้ตามไปเพราะมัวแต่ตีหน้ายักษ์ใส่จุนอยู่ พวกเธอรวมเสียงประณามด่า
"สวนหลังโรงเรียนอันตรายแค่ไหน จิเสะยังไปรอนายจนเกือบค่ำ!"
"ทำไมนายต้องล้อเล่นกับความรู้สึกผู้หญิงด้วย!"
"คิดบ้างไหมว่าจิเสะเคยช่วยนายไว้แค่ไหน ทำไมน่ารังเกียจแบบนี้!"
จุนแทบอยากหนีเสียงที่ว่าเขาเหล่านั้น คนที่ไม่มาก็คือฝ่ายจิเสะเองไม่ใช่หรอกหรือ หากไม่ติดที่ประโยคคำว่า 'สวนหลังโรงเรียน'
"พวกเธอว่าไงนะ สวนหลังโรงเรียน? ฉันนัดจิเสะที่ดาดฟ้าต่างหาก"
พวกผู้หญิงโต้ทันทีด้วยอารมณ์คุกรุ่น
"อย่ามั่วน่า จดหมายเขียนว่าสวนหลังโรงเรียนชัดๆ! เนอะ...พวกเรา"
เสียงสนับสนุนของเด็กผู้หญิงพวกนั้นทำให้จุนรู้ทันทีว่ามีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น จินเนะโพสต์ท่าให้พวกรุ่นน้องไปก็ส่งสายตาเยาะเย้ยมาให้เขาแวบหนึ่ง
เด็กหนุ่มนึกถึงเสียงตะโกนขัดจังหวะการตรวจจดหมายในเช้าเมื่อวานของน้องสาวได้ทันที เขาว่าแล้วว่ามันมีอะไรแปลกๆ
หลายวันมานี้เขาพยามจะคุยกับจิเสะ ถ้าไม่โดนสายตาเย็นชาไม่ต่างจากน้องสาวของเขาก็เป็นคำพูดตะโกนใส่สั้นๆแล้วเดินหนีทุกครั้ง
ยิ่งทางด้านจุนซึมเศร้าขึ้นเท่าไหร่ ดูเหมือนจินเนะจะยิ่งร่าเริงขึ้น ภาพลักษณ์เหล่านี้ทำให้ระดับความนิยมเพิ่มขึ้นจนไม่รู้จะเพิ่มยังไงแล้ว ช่างเป็นคนที่โชคดีจากหายนะของคนอื่นจริงๆ
แต่ความร้ายกาจของเด็กสาวคนนี้ไม่ได้หยุด เธอส่งจดหมายซึ่งตั้งใจจะให้พี่ชายได้ผิดหวังรอบสอง
'ถึง...คาเมซากิคุง
ฉันรู้แล้วว่าจดหมายมีอะไรผิดพลาด ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้อยากจะขอโทษเธอ พบฉันที่ศาลเจ้าฟุมิเนเนะตอนสี่โมงเย็นนะ'
สำหรับคนที่เศร้าจนไม่พูดไม่จาอะไรกับใครอย่างจุน จดหมายฉบับนั้นช่างเหมือนกับสิ่งที่สวรรค์ประทานมาจริงๆ
จินเนะไม่ได้รับรู้เลยว่า จดหมายที่ส่งไปแกล้งพี่ชายตามปกติจะทำให้เกิดเรื่องราวบางอย่างนับตั้งแต่วินาทีนั้นเอง...
จุนแลกเวรทำความสะอาดกับเพื่อนในห้องเพื่อวิ่งไปศาลเจ้าฟุมิเนเนะ ที่นั่นขึ้นชื่อว่าเป็นศาลเจ้าที่ไม่ค่อยมีใครเข้าไปเนื่องจากอยู่ห่างไกลชุมชนพอสมควรและอยู่บนเชิงเขา แต่ในความคิดของจุน เด็กสาวขี้อายอย่างจิเสะน่าจะหาสถานที่ลับตาคนเพื่อสารภาพความในใจก็ถูกต้องแล้ว
เขาใช้เวลายี่สิบนาทีในการต่อรถบัสและวิ่งมาเต็มฝีเท้าเพื่อมายังศาลเจ้าแห่งนี้ แม้จะดูเก่าแต่ก็ไม่ได้ทรุดโทรมจนกลายเป็นซากปรักหักพังขนาดนั้น
ทว่า...รอแล้วรอเล่าจนจะห้าโมงครึ่งก็ตาม ไม่มีใครโผล่มาสักคน กระทั่ง เด็กหนุ่มได้รับเมสเสจจากคนที่ไม่น่ารับที่สุด
'หึ! ทีแรกก็ไม่ได้อยากส่งมาหรอกนะ ถ้าไม่โดนบังคับให้ทำ แต่ยัยจิเสะอะไรนั่นไม่ได้มีนัดกับนายตั้งแต่แรกแล้วย่ะ!"
คาเมซากิ จุนทรุดลงอย่างหมดแรงและเริ่มต้นกอดเข่า มองไปยังท้องฟ้าอันเวิ้งว้างว่างเปล่าด้วยจิตใจอันแสนบอบช้ำ
อยากร้องไห้เหลือเกิน...
แต่ลูกผู้ชายอกสามศอกอย่างเขาถือคติว่าจะไม่ร้องไห้ด้วยเรื่องแบบนี้ โดยเฉพาะร้องไห้ให้กับเรื่องที่โดนจินเนะแกล้งด้วยแล้ว เขาจะไม่มีวันทำหรอก!
อ้อมแขนเย็นๆของใครบางคนถูกส่งมาจากด้านหลัง นั่นทำให้จุนรีบสะบัดตัวออกจนเกือบตกบันไดที่ใช้ปีนขึ้นศาลเจ้า
"นานมาก..." คนในชุดกิโมโนแบบโบราณพูดเสียงลอย "นานมากจริงๆ ข้ารอเจ้ามาตลอดนะ"
จุนพูดด้วยเสียงเศร้าสร้อย "คุณคงจำคนผิดคนผิดแล้วล่ะ ผม...มาที่นี่ด้วยความ...บังเอิญ"
"บังเอิญอะไรกัน" อีกฝ่ายยิ้มทั้งน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ มันดูเชื่องช้าและใสกว่าปกติ "ในเมื่อเจ้าบอกให้ข้ารอ ข้าก็รอมาตลอดนี่ไงล่ะ ต่อให้ผ่านมากี่ร้อยปีก็ตาม"
โดยที่ไม่ได้ตั้งตัว จุนถูกสวมกอดอีกครั้ง มันเป็นอ้อมกอดที่ไม่ได้สื่อถึงความอบอุ่นเลย ออกจะเย็นเฉียบเหมือนอยู่ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมามากกว่า
แต่จากหัวใจลึกๆที่เต็มไปด้วยความบอบช้ำ จุนอดกอดอีกฝ่ายตอบไม่ได้ น้ำตาของลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างเงียบๆ
หลังจากที่เล่าเรื่องต่างๆและโดนปลอบอยู่นาน บุรุษผู้มีใบหน้าอ่อนโยนนามว่ามาซารุคนนี้ได้เชิญเขาเข้าไปทานอาหารข้างในศาลเจ้าเพราะใกล้เวลามื้อเย็นมากแล้ว
จุนเดินเขาไปอย่างไม่คิดปฏิเสธ เขาไม่อยากกลับไปเจอน้องสาวจอมวุ่น สายตาของจิเสะที่จ้องเขามาอย่างเย็นชาระคนผิดหวัง ความห่วงใยของอาจารย์สาว หรือการหมกตัวอยู่คนเดียวในห้อง...
อาหารมื้อเย็นของจุนดูเหมือนจะเป็นอาหารแบบย้อนยุคพอสมควร ถ้าจะให้พูดตามจริง จุนรู้สึกว่าสถานที่นี้มีแต่ของที่ใช้ในสมัยก่อนทั้งนั้น แม้แต่การแต่งกายของมาซารุคนนี้ก็ตาม การผูกและการใช้กิโมโนแบบนั้น ตอนนี้มีแต่พวกคุณปู่คุณย่าหรือคนแก่แล้วจะทำกัน
แต่รสชาติที่ลิ้มรสก็นับว่าไม่น้อยหน้าอาหารสมัยนี้เลยทีเดียว
"ยังเหมือนเดิมสินะ" มาซารุยิ้มบางๆ "เจ้าชอบกินต้มเผือกและโกโบที่สุด"
จุนชะงัก ความจริงแล้วตัวเขาแค่เลือกกินสิ่งนี้ด้วยความบังเอิญเท่านั้นเอง แต่เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความสุขของมาซารุ จุนก็พูดไม่ออก ได้แต่ทานอาหารเย็นไปเรื่อยๆเท่านั้น
ห้วงเวลาที่เหมือนจะได้ลืมสรรพสิ่งภายนอกเช่นนี้ผ่านไปเนิ่นนานจนล่วงเลยถึงสองทุ่มกว่า จุนต้องรีบขอตัวกลับ
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าวันนั้นเขาโดนดุหนักแค่ไหนโดยมีสีหน้าของจินเนะสะใจเป็นเครื่องประกอบ
"จุน! จุน! คาเมซากิ จุน!"
เมื่อโดนเรียกชื่อเต็มเขาถึงได้สติขึ้นมา อาจารย์สาวอย่างคิริเอะถอนหายใจเฮือก มือถือชอล์กปัดไปมา
"นี่มันอะไรๆกันเนี่ย เมื่อวานทำหน้าเศร้าอย่างกับอกหัก วันนี้ทำหน้าเหม่ออย่างกับโดนสาวชก เอ๊ะ? หรือว่าโดนชกมาจริงๆ ใครทำล่ะ...จุน จุน! เหม่อแบบนี้ไปนอกห้องเถอะ ฉันไม่มีสมาธิสอนนะยะ"
ก็อยากให้นั่งสบายๆและตั้งใจเรียนอยู่หรอก แต่สภาพแบบนี้ต่อให้เอาลำโพงยักษ์มาขนาบข้างก็ไม่มีอะไรหลุดเข้าไปในสมองหรอก
คิริเอะคิดอย่างปลดปลง
จุนเดินออกมายืนนอกห้องด้วยความเหม่อลอยพลางมองไปที่จิเสะซึ่งเดินออกมาเข้าห้องน้ำพอดีด้วยแววตาเศร้าสร้อย เด็กสาวชะงักไปครู่หนึ่งแล้วทำหน้ามุ่ยเดินหนีไป ไม่คิดจะพูดอะไรกับเขาสักคำ
จุนยืนอยู่อย่างนั้นจนถึงช่วงเวลาเข้าชมรม จุนรู้สึกว่ามันช่างเป็นการยากที่จะเปิดประตูชมรมชงชาที่อุตสาห์สมัครมาเพื่อใกล้ชิดกับจิเสะโดยเฉพาะ
"เอาล่ะๆ" คุณประธานชมรมพูดขึ้นในท้ายชั่วโมง "และพรุ่งนี้จะมีสอบมารยาทในการดื่มน้ำชา ทำเป็นรายงานมาส่งนะ แล้วก็ฝึกซ้อมปฏิบัติมาด้วย"
จิเสะกำลังจะเดินไปหาจุน เธอรู้ว่าเขามักจะมีปัญหากับการปฏิบัติสิ่งเหล่านี้เสมอ แต่เมื่อเขาหันมาสบตาเธอพอดี ความโกรธก็แล่นริ้วขึ้นมาจนได้แต่หมุนตัวหนีไป
ตั้งแต่วันนั้น ทำไมเขาไม่มีมาง้อเธอเลยนะ หรือว่าเธอควรจะเป็นคนพูดกับเขาก่อนดี?
จุนเดินเตะก้อนหินตามทางมาเรื่อยๆ เฮ้อ...เขาจะทำยังไงดีนะ ก็ในเมื่อความหวังเพียงหนึ่งเดียวอย่างจิเสะจังก็เมินเขาแล้ว แถมคนที่สองที่รู้มารยาทพวกนี้ดีก็ดันเป็นคนที่เกลียดเขาที่สุดซะนี่ เฮ้อ
ครอบครัวเขากว่าจะกลับก็ค่ำๆมืดๆ ไม่มีเวลามาสอนอะไรแบบนี้ซะด้วยสิ...
เมื่อคิดไปคิดมา ถึงจะเป็นการเสียมารยาทที่พบกันวันเดียวก็ให้มาสอนการดื่มชา แต่มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้แล้วนี่ ไหนๆอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะเก่งวัฒนธรรมญี่ปุ่นอยู่แล้วด้วย
ศาลเจ้าฟุมิเนเนะยังคงเหมือนเดิม เพียงแต่มาซารุออกมายืนรอเขาเหมือนรู้ว่าจะมา
"การดื่มชาเหรอ ของแบบนั้นง่ายๆ ข้าถูกฝึกมาตั้งแต่เด็กแล้ว"
จุนมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัยก่อนจะเลียบๆเคียงๆถามว่า "มาซารุซังก็เคยอยู่ชมรมชงชาหรือครับ"
"เปล่า" มาซารุก้มหน้าลงเล็กน้อย "พอดีว่าข้าต้องฝึกมารยาทต่างๆเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว ทั้งยังต้องฝึกดาบ ฝึกการเขียนพู่กัน เจ้าเองก็เคยบอกว่าชอบการเขียนพู่กันของข้า...อ๊ะ ไม่ใช่สิ เราไม่เคยพบกันนี่นะ"
ความเงียบปกคลุมอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่มาซารุจะเงยหน้าขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มที่ร่าเริงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า ข้าจะไปหยิบมัทฉะ (ผงชาเขียวป่น) มานะ"
มาซารุเริ่มต้นทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ท่วงท่างดงามอ่อนโยนทำให้จุนรู้สึกนับถือขึ้นมาทันทีและเริ่มต้นทำตามโดยมีเสียงประกอบ
"ใส่มัทฉะกับน้ำร้อนก่อน อ๊ะ...พอก่อน เดี๋ยวน้ำจะมาเกินไปจนชาจาง คนชาด้วยฉะเซน (ไม้ชงชา) จนแตกฟอง น่าจะได้แล้วล่ะ ยกขึ้นมาด้วยมือขวาแล้ววางบนมือซ้ายอย่างช้าๆ ระวังอย่าเร็วเกินไป จะทำให้ดูแข็งกระด้างไปนะ"
มาซารุพูดไปก็จับจ้องกริยาที่เต็มไปด้วยความเกร็งของอีกฝ่ายไปพร้อมกับยิ้มขำเล็กๆ
"หมุนถ้วยชาเข้าหาตัวหลังดื่มเสร็จแล้วเช็ดที่ขอบถ้วยชา เช็ดนิ้วด้วยไคชิ (กระดาษรองขนม) เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว เก่งมากเลย จุน"
มาซารุเรียกอย่างสนิทสนมด้วยความไม่รู้สึกประหลาดอะไร ในเมื่อตอนนั้นเขาเองก็เรียกชื่ออีกฝ่ายเฉยๆ ไม่ได้เติมอะไรเข้าไปต่อท้ายนี่นะ
จุนเองพอจะเข้าใจว่ามาซารุคงคิดว่าเขาไปคล้ายใครเข้าจึงได้เรียกอย่างสนิทสนม แต่เขายังคงรู้สึกแปลกๆอยู่ดี
การฝึกสอนล่วงเลยไปจนถึงช่วงค่ำจึงจะเสร็จ ช่างเป็นการย้ำเตือนจุนให้นึกถึงเมื่อวานที่โดนด่ายาวและสีหน้าสะใจชวนเซ็งของจินเนะ ยังไงซะ มื้อเย็นคงเหลือแต่คงที่เขาไม่ชอบตามวิสัยของน้องสาวตัวดีอยู่แล้ว
ดังนั้น เมื่อเทียบกับคำเชิญที่เต็มไปด้วยไมตรีของมาซารุ เรื่องเหล่านั้นช่างพ่ายแพ้ในการจะดึงตัวจุนกลับไปมากนัก เขาส่งเมจเสจไปว่าคืนนี้จะนอนค้างที่บ้านเพื่อนเป็นการสรุปการตัดสินใจเลือกที่พัก
มาซารุเตรียมชุดให้จุนเรียบร้อย หลังขึ้นมาจากอ่างน้ำร้อนซึ่งถูกจัดไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้ กิจกรรมต่อไปเป็นเพียงการคุยสัพเพเหระรับลมที่โชยเข้ามาเย็นๆ เพราะที่นี่ไม่มีสิ่งบันเทิงอย่างที่เป็นสมัยใหม่เลยสักอย่าง
ระหว่างที่คุยจนมาซารุพิงเขาหลับไป เด็กหนุ่มอดครุ่นคิดไม่ได้ว่าความสนิทสนมนี่มันช่างไม่ขึ้นอยู่กับช่วงเวลายาวนานและสั้นน้อยแค่ไหนเลยจริงๆ แม้แต่เขาที่เพิ่งพบกับคนคนนี้ ยังรู้สึกเหมือนเคยพบกันมาเนิ่นนานเลย...
ปรัสราค่ะ! ยังไงฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ (โค้งตัว)
แต่งเรื่องนี้บทเดียวทำเอาความรู้เกี่ยวกับพิธีในญี่ปุ่นของปรัสราเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวได้เลยล่ะมั้งคะ 555+ จริงๆนะคะ
ยังไงก็เม้นท์ติชมกันได้นะคะ ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ