อีกด้านหนึ่งใจจิตใจ
-
2)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่2
“ตื่นแล้วเหรอ!”
เสียงนี่จะเป็นใครด้ายอีกนอกจากพี่สาวของผมเองหน้าตาท่าทางทีเป็นห่วงอย่างนี้หาดูยากมากเพราะเวลาปกติพี่สาวผมมักจะเป็นคนทำหน้าเย็นชาไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมาให้ใครเห็นแต่นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้แต่ก็เอาเถอะได้เห็นหน้าพี่แล้วรู้สึกดีขึ้นมากเลย ว่าแต่ตอนนี้ผมอยู่ที่ไหนพอตื่นมาก็รู้สึกได้ว่านอนอยู่ที่ที่ไม่ให้บ้านแล้ว
“ผมอยู่ที่ไหน”
“โรงพยาบาลจ๊ะ”
“หา!”
“แล้วผมเป็นอะไรถึงต้องมาอยู่โรงพยาบาล”
“นี่นายจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ”
“ไม่! จำไม่ได้”
กะแล้วว่าจะต้องจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้จริงๆ จู่ก็มีโทรศัพท์จากเด็กที่ชื่อโหน่งโทรมาถามหาตัวเจแต่เจก็ยังไม่กลับบ้านเลยฉันเองก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมเจถึงยังไม่กลับบ้านทั้งที่ปกติน่าจะกลับมาตั้งแต่ 5โมงแล้วคิดแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้จะโทรแจ้งตำรวจแต่ก็กลัวว่าเจจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฏหมายคิดไปคิดมาคงจะทำได้แค่นั้งรอการติดต่อกลับมาของเจเท่านั้นและจู่ก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาในใจคิดอย่างเดียวว่าต้องเป็นเจอย่างแน่นนอน
“เจ! ตอนนี้แกอยู่ที่ไหนเด็กบ้ารู้มั้ยว่าพี่เป็นห่วงมาก”
“คือนี่ผม โหน่งเองครับ”
“อ้าวโหน่งเองเหรอแล้วเจอตัวเจรึยัง?”
ฉันถามด้วยความเป็นห่วง
“คือ....ตอนนี้ผมอยู่โรงพยาบาลนะครับ”
เหมือนสติจะไม่อยู่กับตัวสิ่งแรกที่คิดอยู่ในใจคือต้องรีบไปหาเจ พอไปถึงโหน่งก็นั้งอยู่หน้าห้องฉุกเฉินดูจากสภาพแล้วท่าทางจะเกิดเรื่องไม่ดีแน่พอจะเดินเข้าไปถามแต่หมอก็ออกมาพอดีฉันเลยตัดสินใจเข้าไปถามหมอเป็นอันดับแลก
“คุณหมอค่ะน้องชายของดิฉันเป็นไงบ้างค่ะ?”
“ไม่ต้องห่วงครับแค่เสียเลือดที่ขามากไปหน่อยแต่ตอนนี้เราเติมเลือดให้แล้วคงต้องนอนดูอาการไปก่อนสักสองสามวันนะ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
“คือ...ผมมีเรื่องอยากจะถามนะครับ”
“เรื่องอะไรเหรอจ๊ะ”
“คิดว่าเจเป็นคนแบบไหนเหรอครับ”
“เอ่!”
“ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะจ๊ะ”
“ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเจเลย”
มันก็ไม่แปลกที่ว่าทำไมโหน่งถึงไม่รู้จักนิสัยของเจเลยสักนิดเพราะว่าเจนั้นย้ายมาเรียนที่เมืองนี้เมื่อปีที่แล้วนั้นเองทำให้ไม่มีใครรู้จักแต่ฉันรู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับสองคนแต่มันก็ยากที่จะอธิบายให้เข้าใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเจเพราะมันซับซ้อนมากอาการแบบนี้มักจะเกิดขึ้นเมื่อเจเกิดโมโหเต็มที่เมื่อไหร่ก็จะทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนพอรู้สึกตัวที่ไรก็มักจะจำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อยอีกทั้งยังหวาดกลัวกลับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทั้งที่ก่อนหน้านั้นสีหน้าท่าทางอยู่ในรูปแบบของพวกโรคจิตมากกว่าคนปกติธรรมดาทั่วไปแถมร่างกายพื้นตัวได้เร็วอีกด้วยเป็นเรื่องที่หน้าแปลกแต่ก็ดูยังไงๆก็เหมือนเด็กธรรมดาทั่วไปจริงๆ
“เจไปทำอะไรมางั้นเหรอจ๊ะ”
“เปล่าครับแค่เกิดอุบัติเหตนิดหน่อย”
นิดหน่อยเนี่ยน่ะนิดหน่อย แบบนี่เค้าเรียกว่ารุแรงมากกว่ามั้งคุณน้อง
“งั้นเหรอจ๊ะแต่ว่าไม่เป็นไรมากก็ดีแล้วล่ะ”
“แล้วนี่จะกลับบ้านยังไงจ๊ะ ให้พี่ไปส่งมั้ย”
“อ๋อ ไม่ต้องหรอกครับผมเอามอเตอร์ไซค์มาน่ะครับ”
“อ๋อ งั้นก็กลับบ้านดีๆนะจ๊ะ”
“ครับ สวัสดีครับ”
“สวัสดีจ๊ะ”
“แล้วนี่จะบอกผมได้ยังว่าทำไมผมถึงมาอยู่โรงพยาบาลได้อะ”
“ยัง!”
“แง้! เจ๊ใจร้ายมี่สุด”
“ช่างฉันเถอะน่า!”
“ตื่นมาก็แหกปากแล้วนะ!”
“แต่ก็เอาเหอะแข็งแรงแบบนี้ก็ดีแล้ว”
“ช่วงนี้จะลุกไปไหนก็ให้ฉันแล้วกันเพราะว่าขาของแกยังต้องดูอาการไปก่อน”
“มีโอกาสที่ผมจะเดินไม่ได้อีกมั้ยอะ?”
“สูงมาก” “แง้!ไม่ยอมๆ”
“ช่วยไม่ได้นิใครบอกไม่ให้รู้จักระวังตัวเองนิ”
“อยู่นี่ก่อนน่ะเดียวจะไปหาอะไรมาให้กิน”
“เล่น BB ได้ปะ?”
“ตามใจ!”
น้ำเสียงที่ทำเป็นเย็นชาปนความดุนั้นที่จริงแล้วมันมีแต่ความเป็นห่วงสุดที่อยู่ภายในใจผมรู้สึกว่าพี่มีอะไรบางอย่างปิดบังผมอยู่ถึงจะไม่บอกผมก็ดูออกว่ามันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องเมื่อวานอย่างแน่นอนตอนนี้ผมคิดว่าน่าจะมีคนรู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมพอผมตื่นมาทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนแปลงคิดๆดูแล้วหลังจากแยกกับไอ้โหน่งตอนนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้อีกเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผมแต่ผมคิดว่าไอ้โหน่งหน้าจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนแบบนี้มันต้อง BB ไปหาซะหน่อยแล้ว
“ไง”
“.......”
ไม่มีคำตอบกลับมีแต่จุดๆ
“มึงเป็นอะไรเปล่า?”
“เปล่า! สบายดี”
“โกหก!”
“ไม่ได้โกหก!”
“เหรอ ก็ดี”
“แล้วนี้อาการขอมึงเป็นไงบ้าง?”
“ก็ดี”
“แล้วมึงพื้นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”
“เมื่อกี้”
แค่ดูการตอบคำถามของไอ้โหน่งแล้วระบุได้ว่ามันต้องรู้เรื่องที่เกขึ้นเมื่อวานนี่แน่นอนแต่ว่าทำไมถึงไม่เห็นโพล่หน้ามาให้ผมเห็นเลยทั้งที่ปกติแล้วเวลาผมป่วยถ้ามันรู้ละก็ต่อให้จะต้องกักบริเวณมันก็จะต้องมาหาผมเป็นอันดับแรกเลยแต่ทำไมครั้งนี้ไม่เห็นเป็นแบบทุกครั้งเลยแบบนี้หรือว่า
“นี่ไอ้โหน่ง”
“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับกูใช้มั้ย?”
“กูไม่รู้”
“งั้นเหรอ”
“แล้วมึงรู้ได้ไงว่ากูป่วย?”
“กูถามจากพี่มึง”
ว่าแล้วเชียวว่าต้องเกิดอะไรขึ้นแน่และไอ้โหน่งกับพี่ต้องปิดบังอะไรอยู่
“งั้นก็ไม่เป็นไร กูอยากพักผ่อนละ”
“อือ หายเร็วนะ”
หลังจากผมเลิกเล่น BBกับไอ้โหน่งแล้วผมก็ได้แต่นอนคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ทำไมคนรอบข้างต้องปิดบังความจริงที่เกิดขึ้น หรือว่าเราจะเป็นคนก่อเรื่องซะเองแต่ว่าทำไมถึงจำไม่ได้ก็ไม่รู้สิหรือว่าเราจะโดนผีสิงก็ไม่รู้น่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า แต่ว่ามันก็อาจเป็นจริงก็ได้เพราะตั้ง เมื่อกี้แล้วยังรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองผมอยู่ภายในห้องแต่ว่าอาจจะรู้สึกไปเองก็เป็นไปได้นะเฮ่อ.......
หลังจากจบสนทนาทาง BBกับไอ้เจแล้วสิ่งแรกที่ผมคิดก็คือไอ้เจจำเรื่องที่เกิดเมือคืนไม่ได้ทั้งที่ตอนนั้นเขายังไล่ผมแล้ววิ่งออกไปในสภาพขาชุ่มไปด้วยเลือดแล้วก็ไปหมดสติที่ประตูโรงเรียนตอนนั้นผมไม่รู้ว่าจะยังไงกลัวว่าจะอาละวาดแต่พอเห็นเลือดที่ไหลไม่ยอมหยุดจึงต้องคิดถึงชีวิตไว้ก่อนผมรีบประถมพยาบาลเบื้องต้นแล้วก็แบกมันไปหารถแหมเอามาแต่ละที่นี่ยากมากขนาดหุ่นหยั่งกับกุ้งแห้งแต่ขอบอกว่าหนักโครดดดด กินอะไรถึงได้หนักขนาดนี้พอเอานั้งรถได้ขั้นตอนต่อไปคือการนำส่งโรงพยาบาลขอลัดไปเลยแล้วกันพอไปถึงโรงพยาบาลอันดับแรกคือต้องเอาคนไข้นอนบนเตียงซึ้งคราวนี้ก็ลำบากอีกตามเคยเพราะว่าไอ้เจ้าหน้าที่มีหน้าที่เข็นคนไข้อย่างเดียวไม่คิดจะมาช่วยผมอุ้มไอ้กุ้งแห้งร้อยกิโลขึ้นเตียงเลยหลังจากนำขึ้นเตียงได้ไอ้เจ้าหน้าแร้งน้ำใจก็รีเข็นไอ้เจเข้าไปที่ห้องฉุกเฉินอย่างเร่งด่วนเพราะเสียเลือดมากอาจช็อกและเสียชีวิตได้ทันที่ผมได้แต่นั้งรอคำตอบจากหมอเวลานั้นก็คิดไดว่าต้องรีบโทรบอกพี่สาวขอไอ้เจก่อนหลังจากนั้นไม่นานพี่สาวก็วิ่งมาทางห้องฉุกเฉินเหมือนจะเข้ามาหาผมโดยตรงแต่ช่างเป็นคนสวยอะไรอย่างงี้แต่ยังไม่ทันไปทักคุณหมอก็ออกมาพอดีก็เลยเปลี่ยนเป่าหมายหันไปหาคุณหมอแทนโล่งอกไปที่นึกว่าต้องตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่อธิบายยากมากของไอ้เจแต่ว่าเราหน้าจะต้องเป็นฝ่ายถามสิถึงจะถูกใช้แล้วเราจะต้องเป็นคนถาม พอคิดได้อย่างงั้นก็เลยลุกขึ้นไปถามแต่ว่าคำถามถูตีกลับด้วยคำถามที่ว่า เจไปทำอะไรมางั้นเหรอจ๊ะ แล้วจะให้ตอบยังไงล่ะให้บอกว่าอยู่ๆมันก็ทุ่มผมติดกำแพงงั้นเหรอแล้วก็จะเอามีดแทงผมแต่กลับเอาไปแทงขาตัวเองซะงั้นถ้าพูดไปจะเกิดอะไรขึ้นก็ยังไม่รู้เพราะว่าตอนนี้มีดที่เต็มไปดวยเลือดมันอยู่ทีผมนิ แง้! ทำไงดีท่ามีคนเห็นละก็จะต้องหาว่าผมเป็นคนทำแน่เลยแทบตอนนี้ไอ้เจก็จำเรื่องที่ตัวเองเป็นคนก่อไว้ไม่ได้อีกงะ แบบนี้คนที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างเราก็ต้องเป็นผู้ต้องวสงสัยในคดีทำร้ายเพื่อนโดยเจตนาอ่ะดิม้ายยยยยยยยเอานะแง้!
กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง!
เวลาแบบนี้ใครมันยังมีอารมณ์โทรมาตอนนี้เนี่ย
“ค๊าบ ใครเอ่ย”
พูดีเอาไว้ก่อนแม่สอนไว้ ครับ
“ ฮันโหล โหน่งเหรอตอนนั้อยู่ไหน?”
แว๊กกกกลืมไปเลยว่ายังมีคนที่ยังไม่รู้ว่าไอ้เจเข้าโรงพยาบาล
“อยู่บ้านจ้า! เมย์ละจ๊ะ ”
“ไม่ต้องมาเล่นลิ้นเลยนะ! เจอยู่โรงพยาบาลทำไมไม่บอกห่ะ!”
“ขอโตดค๊าบ!”
“แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมเจถึงอยู่โรงพยาบาลได้ห่ะ!”
“คือว่าพูดไปแล้วเรื่องมันยาวมากเลยอ่ะ”
“มันจะยาวเป็นกิโลก็ช่างเล่ามาดี๋วยนี่!”
“คือว่าไอ้เจมันงอนที่เธอไม่คุยกะมันก็เลยไปกินเหล้าแล้วก็ไปหาเรื่องพวกนักเลงแถวๆนั้นเราเองก็รีบไปช่วยอย่างสุดกำลังแล้วแต่ไอ้เจมันไม่ยอมหยุดยังจะเข้าไปหาเรื่องก็เลยโดนมีดแทงเข้านะแต่ไม่ต้องห่วงแค่โดนที่ขาเท่านั้นเอง”
แหมถ้าพูดความจริงไปคงจะไม่เชื้อแน่นอนเลยแบบนี้ก็ต้องโกหกไปก่อนน่ะขอโทษด้วยน่ะ
“ตอนนี้ เจอยู่ที่ไหน ?”
“แหมถามแบบนี้จะไปหาเขาล่ะสิ”
“ฉันถามว่าเจอยู่ที่ไหน!”
ดูท่าว่าจะโกรทขึ้นมาแล้วจิ
“ โรงพยาบาล cc contay ชั้น2 ห้อง205 ค๊าบบบ”
“ขอบใจมากนะจ๊ะ! ให้เวลา 15 นาที มารับฉันที่บ้านด่วน!”
“เล่นสั่งกันเลยนิแฟนใครก็ไปหาเอาเองสิฟ่ะ”
“นะ! นะ! นะ!”
“อือ! ก็ได้จ้า”
จำไว้น่ะไอ้เจ อกกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ละก็มึง!
“รีบๆมานะจ๊ะ(ไม่งั้นแก่ตาย)”
แง้ๆๆๆโหดอ่ะ
หลังจากวางสายไปแล้วสิ่งแรกที่ผมคิดอยู่ตอนนี้คือ จะทำยังไงต่อ ถ้าเจอหน้าไอ้เจแล้วจะทำยังไงต่อดีจะพูดยังไงดีแค่คิดก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้วถ้าเจอหน้ากันแล้วจะพูดกับไอ้เจยังไงดีแล้วเจมันจะอาละวาดอีกมั้ยนะเป็นไปได้สูงเลยถึงจะจำไม่ได้แต่ว่ามันไม่ใช้ว่าจะอาละวาดไม่ได้นิขนาดเมื่อวานขาเจ็บแท้ยังวิ่งไปถึงหน้าโรงเรียนได้แสดงว่าไม่ใช้คนแล้วมั้งเนี่ยดูถ้าว่าจะได้เพื่อนเป็นสัตว์ประหลาดแน่เลย อ่ะแย่แล้วต้อรีบไปรับแล้วไม่งั้นมีหวังตายก่อนได้เจอหน้าไอ้เจแน่
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ