love hormone สัมผัส(รัก)หน่อยนะMy Darling
-
5) ตอนที่ 4 ผู้สืบเชื้อสาย 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความคฤหาสน์ตระกูลHormonce
“นี่เหรอเด็กที่กำหราบพวกกาบหอยแครงนั่นได้”หญิงอายุประมาณ60ปลายๆวางใบประวัติที่มีรูปของเฟลอร์ติดอยู่บนขอบกระดาษลงบนโต๊ะทำงานของตนก่อนจะหยิบรูปแอบถ่ายของเฟลอร์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโต๊ะขึ้นมาดูและเพ่งอย่างพินิจน์
“ผู้หญิงจริงๆด้วยสินะ สรุปแล้วหลานชายฉันแพ้ผู้หญิงรึเนี่ยแถมยังเป็นพี่สาวของเด็กนั่นมหัศจรรย์จริงๆ”
“...”ไม่มีเสียงตอบรับจากพ่อบ้านสายสืบ คนรับใช้ หรือใครๆทั้งสิ้น หญิงวัยกลางคน(ตอนปลาย)วางรูปแอบถ่ายของเฟลอร์ลงอีกครั้งก่อนจะใช้ศอกทั้งสองค้ำลงที่ตัวโต๊ะก่อนจะโน้มตัวลงมาท้าวคางและทำสายตาเจ้าเล่ห์
“ถือว่าสุดยอดที่เอาชนะมือฉมังในด้านการต่อสู้อย่างอินฟินิตี้ได้แถมผลการทดสอบIQยังเกินเกณฑ์ระดับที่ต้องการซะอีกส่วนข่าวการบุกจับแหล่งค้าประเวณีผิดกฎหมายเมื่อกี้ก็เป็นฝีมือของแด็กคนนี้อีกล่ะสิหึ!ปล่อยให้เจ้านั่นไม่รู้น่ะดีแล้ว...”ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองไปยังเจ้าหล่อนอย่างไม่เข้าใจในคำพูดของเธอนัก
“เด็กคนนั้นคงเป็นคนนำพามาจริงๆ...คำทำนายเริ่มสำแดงฤทธิ์การเริ่มต้นของจุดจบของคำสาปในรุ่นนี้เริ่มต้นขึ้น ผู้สืบเชื้อสายที่แท้จริงก็ใกล้จะปรากฎตัวขึ้นแล้วเรื่องน่าสนุกทั้งนั้น...หึ!”หญิงวัยกลางคน(ตอนปลาย)ยิ้มอย่างมีเลศนัยย์ให้กับตัวเอง
~~ผู้พากย์ จบ3~~
ในเวลาเพียงไม่นานพวกเราก็มาถึง ‘คฤหาสน์ตระกูลHormonce’ ซึ่งเป็นที่ๆมีหัวหน้าใหญ่ผู้ผู้คุมองค์กรใหญ่ของVenus FlytrapHMc พวกเราโดนต้อนรับอย่างดีจากเหล่าคนรับใช้ของตัวคฤหาสน์ในชุดที่เป็นพิธีการเหมือนภาพในฉากของการต้อนรับเชื้อพระวงศ์กลับเข้าสู่พระราชวังในการ์ตูนยังไงอย่างงั้นฉันเดินตามชายวัยกลางคนๆหนึ่งที่ขนที่งอกออกมาจากส่วนตั้งแต่ต้นคอขึ้นไปเป็นสีขาวไปหมดซะทุกเส้นที่เขาแนะนำว่าตัวเองชื่อ‘ครีเอด’เพื่อพาฉันไปพบกับใครคนหนึ่งที่ต้องการพบฉันเป็นการส่วนตัวก่อนจะเข้าห้องประชุมใหญ่ที่พวกเขาเรียกกันว่า‘ท่านอินซูลิน’ ส่วนอินฟินิตี้โชฟาและเจาว์ลอร์ก็โดนกันให้ไปที่ห้องประชุมโดยไม่ต้องรอฉันให้ไปพร้อมกัน
โชเฟและเจาว์ลอร์ได้เล่าให้ฉันฟังว่า กลุ่มองกรณ์ใหญ่หรือตระกูลHormonceเป็นเสมือนกลุ่มองค์กรมาเฟียอิสระที่อยู่เหนือกฎหมายโดยกลุ่มองค์กรใหญ่ตั้งอยู่ที่ไทย กลุ่มองค์กรกลางตั้งอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและกลุ่มองค์กรเล็กกระจายอยู่ทั่วโลก ถือเป็นกลุ่มองค์กรณ์การค้าในม่านมืดที่ใหญ่อันดับโลกลึกลับและยากที่จะสืบหา
องค์กรเล็กที่ว่ากระจายอยู่ทั่วโลกนั้นแบ่งออกเป็นกลุ่มของพืชและสัตว์และกลุ่มVenus FlytrapHMcของเราก็เป็นผู้นำองค์กรเล็กกลุ่มพืชซึ่งมีอยู่4กลุ่ม นั่นก็คือ
Venus FlytrapHMc(กาบหอยแครง)
Strangler figHMc(กาฝากสแทรงเกลอร์ฟิก)
Nepenthes TanaxHMc (หม้อข้าวหม้อแกงลิงแนพเพนแทส)
RhododendronHMc (กุหลาบพันปี)
ส่วนกลุ่มสัตว์ก็มีอยู่4กลุ่มเช่นกันโดยผู้นำองค์กรเล็กนี้นั่นคือ
CicindelaaurulentaHMc (ด้วงเสือ)
Poison Dart FrogHMc (กบลูกดอก)
Black Widow SpiderHMc (แมงมุมแม่ม้ายดำ)
Mimic octopusHMc (ปลาหมึกมิมมิค)
โชเฟและเจาลอร์ยังเล่าให้ฉันฟังอีกว่าคนที่จะเป็นผู้นำกลุ่มแต่ละกลุ่มได้ต้องเป็นเชื้อสายของตระกูลHormonceเท่านั้นแต่เมื่อสามปีที่แล้วก่อนที่พวกเราจะเจอกันไม่กี่สัปดาห์ผู้นำองค์กรใหญ่ที่ชื่อว่าอินซูลินกลับจะย้ายตำแหน่งของอินฟินิตี้ไปอยู่ที่องค์กรกลางที่สหรัฐฯแทนคนเก่าที่เพิ่งจะเสียชีวิตด้วยโรคชราไปแล้วให้หาผู้นำองค์กรคนใหม่ด้วยกฎเกณฑ์ที่สามารถตั้งขึ้นเองได้โดยไม่มีเหตุผลและเพราะเหตุนี้ฉันที่กำลังโมโหและโกรธอย่างสุดขีดในตอนนั้นจึงสามารถข้ามผ่านกฎทุกข้อที่เจ้าพวกนี้ตั้งขึ้นเองหมดจนได้กลายเป็นหัวหน้ากลุ่มคนในตอนนี้
ก๊อกๆๆ...ครึง~~
ประตูไม้บานยักษ์ถูกเปิดขึ้นโดยครีเอดก่อนที่ฉันจะย่างก้าวเดินเข้าไปข้างในนั้นและพบกับหญิงวัยกลางคนๆหนึ่งหน้าตาอายุอานามน่าจะประมาณเกือบๆ60ทำผมเกล้าไว้ข้างหลังหน้าตาท่าทางดูนิ่งๆในชุดเสื้อคลุมยาวผ้าไหมลูกแก้วสีทองซึ่งคาดว่าน่าจะใช่ท่านอินซูลินที่เขาว่ากันนั่งอยู่บนโซฟาปักดิ้นทองกำลังจิบน้ำชาโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมา
“ฉันต้องการคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว”เพียงเสียงๆหนึ่งที่ออกมาจากริมฝีปากของท่านอินซูลินทุกคนที่อยู่ภายในห้องนอกจากฉันก็พากันโค้งตัวคำนับก่อนจะทยอยกันเดินออกจากห้องไป
“นั่งก่อนสิ”และไม่นานก็ถึงคราวฉันที่ต้องทำตามคำสั่งของเขาฉันเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้โซฟาตัวตรงข้ามกับเขา
“เธอชื่อเฟลอร์สินะถ้าฉันจะบอกว่าฉันรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวเธอทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่เรื่องที่เธอเป็นผู้หญิง...เธอจะว่าไงบ้างล่ะ”สิ้นคำพูดประโยคสุดท้ายถ้วยน้ำชาก็ถูกวางลงบนโต๊ะในทันที
“...”ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากฉันดวงตาที่มั่นคงของฉันก็ยังจดจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเขา
“หึ!เธอนี่เป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ ดูมืดมน ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องอะไรต่ออะไรมากนักแถมดูเป็นคนเงียบๆจนเหมือนกับไม่มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้...”ใต้กะโหลกนั่นกำลังคิดอะไรที่ฉันคาดไม่ถึงอยู่รึเปล่า?
“เธอจะเรียกฉันว่าย่าทวดก็ได้นะเธอคงรู้แล้วว่าฉันคือใครคงไม่ต้องอธิบายมาก เราจะได้เข้าเรื่องกันซักที...”ย่าทวดก็เหมาะดีแต่นี่ยังไม่เข้าเรื่องอีกรึเนี่ย
“ที่ฉันเรียกเธอเข้ามาพบเป็นการส่วนตัวในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะบอกกับเธอว่า...”ท่านอินซูลินหรือย่าทวดที่ฉันควรเรียกอยู่ๆก็เปลี่ยนสีหน้าจากใบหน้านิ่งๆที่พอจะมีรอยยิ้มใจดีๆอยู่บ้างกลายเป็นใบหน้าที่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อันน่ากลัวอยู่แทน
“ฉันยังไม่ยอมรับเธอเป็นหัวหน้ากลุ่มVenus Flytrap เธอจะว่าไงล่ะ”ไม่ยอมรับงั้นเหรอ!?...คุณคิดว่าไงเหรอ...ฉันจะทำหน้ายังไงกันนะ...ก็...
“...”...เงียบต่อไป
“หึ!ว่าแล้วเชียวว่าเธอต้องไม่สะทกสะท้านอะไรเป็นแน่ ถึงฉันจะบอกว่าฉันไม่ยอมรับเธอและให้เธอออกไปจากคฤหาสน์ตอนนี้เธอก็คงจะทำตามล่ะสินะฮึๆๆ^ ^+”ถึงพูดอย่างนั้นฉันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี...ตกลงว่าฉันควรออกไปจากที่นี่งั้นเหรอ!?
“เอาเถอะฉันมีตัวเลือกให้เธอเลือกอยู่2ทาง นั่นคือทำตามที่ฉันสั่งให้สำเร็จแล้วเธอจะได้อยู่ที่นี่ในฐานะหัวหน้าใหญ่ของกลุ่มVenusFlytrapตลอดไปหรือข้อสองคือเดินออกไปจากที่นี่และลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้...”
ผลุบ!
ไม่ทันที่ย่าทวดจะพูดจบฉันก็ลุกขึ้นจากโซฟาในทันทีก่อนจะหันหลังเดินออกจากตรงนั้นทันทีซึ่งเป็นสัญญาณเด่นชัดของคำตอบที่ฉันเลือก... นั่นคือข้อสอง
“เดี๋ยว!...”
ก๊อกๆๆ
“แพรเองค่ะคุณท่าน ขออนุญาติเข้าไปนะคะ”สิ้นคำพูดประตูทางเข้าก็เปิดออกเผยให้เห็นเจ้าของเสียงดังกล่าวและ...
“...0_0...”หญิงสาวในชุดราตรีสีฟ้าใสถือไม้เท้าสำหรับคนตาบอด...ดวงตาที่ไร้การรับรู้ดวงนั้น... จมูก คิ้ว ปากและโครงหน้าแบบนั้น...คนที่เหมือนแม่ได้ถึงขนาดนี้... ไม่จริง เป็นไปได้ยังไง
“เอโม่...”มือของฉันค่อยๆเอื้อมขึ้นไปจะสัมผัสใบหน้าของเธอตาฉันที่เบิกโพลงด้วยความตกใจจนถึงที่สุดตอนนี้เริ่มมีน้ำตาไหลปริ่ม...ทำไมเอโม่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้
“อย่านะคะ!”ไม่ทันที่มือของฉันจะถึงใบหน้าของเอโม่...น้องสาวที่ฉันตามหามาตลอดเพราะเชื่อว่าเธอยังไม่ตายแต่ก็สืบหาไม่เคยเจอไม่ว่าจะเปลี่ยนคนสืบกี่คนต่อกี่คน หญิงวัยกลางคนที่ชื่อแพรก็เข้ามากั้นระหว่างเราสองคนเอาไว้ก่อนจะปัดมือฉันออก
“คุณหนูไอซ์มักจะขี้ตกใจน่ะค่ะถ้าได้รับสัมผัสที่ไม่คุ้นเคยเธอจะตกใจมากจนสั่นและอาจช็อกได้”ฉันถึงกับชะงักก่อนจะดึงตัวเองออกมาจากภวังค์ตรงนั้นได้ฉันหลบสายตาด้วยความละอายใจ ไอซ์อย่างนั้นเหรอจะอะไรก็ช่างแต่ฉันมั่นใจที่สุดว่านี่คือเอโม่...บทจะเจอก็เจอง่ายๆแต่ทำไมต้องเจอเธอในลักษณแบบนี้ด้วย...
“สงสัยเราคงต้องคุยกันใหม่อีกรอบซะแล้วล่ะนะหึ!”
~~เฟลอร์ จบ5~~
ห้องโถงใหญ่หรือห้องประชุมใหญ่
“สรุปวันนี้วันต้อนรับพวกเรากลับบ้านหรือวันรวมญาติตั้งแต่โคตรตระกูลกันแน่นเนี่ย”เอสแส็คบ่นให้กับภาพที่เขาเห็นเป็นสิ่งแรกเมื่อเดินเข้ามาในห้อง
“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน!!!”เสียงดังสนั่นหวั่นไหวของเหล่าญาติๆหรือพวกผู้นำกลุ่มแก๊งทั้งหลายกล่าวต้อนรับบุคคลที่ยืนอยู่ณ ทางเข้าอย่างยิ้มแย้ม
“8คนสำหรับหัวหน้าแก๊ง16คนสำหรับมือขวาและซ้ายของแต่ละกลุ่มย่อยรวมเด็กอีก2บวกพี่เลี้ยงอีก1 รวม25 ยังไม่ถึง30%ของปริมาณคนที่สามารถจุอยู่ในห้องนี้ได้เลยก็ไม่ต้องกลัวว่ามันจะถล่มหรอกนะเอสแส็ค”อะตอมใช้เวลาไม่นานในการคำนวณความเหมาะสมให้เอสแส็คฟัง
“เชิญทางนี้ครับคุณชาย”ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาเพื่อนำทางทั้งสามคนให้ไปนั่งตรงที่ๆจัดเตรียมเอาไว้ให้โดยเฉพาะ
“รวมหมอนี่ก็26”อะตอมพูดพลางยักคิวให้เอสแส็ค
“กวนตีนเหรอฮะ เด๊ะๆ!”เริ่มเกิดปากเสียงกันเล็กน้อยแต่ก็ไม่มีใครใส่ใจกับมันทั้งสามเดินตามชายหนุ่มไปที่นั่งหัวโต๊ะก่นอจะแยกนั่งคนละฝั่ง เอสแส็คนั่งกับอะตอมและออมเล็ตนั่งอีกฝั่งตรงกันข้ามกับอะตอมที่ติดกับหัวโต๊ะที่สุดเว้นที่ว่างไว้สำหรับใครซักคนที่เขาคิดว่าน่าจะใช่เฟลอร์เพราะเก้าอี้ตัวถัดไปจากนั้นคนที่นั่งอยู่คืออินฟินิตี้น้าชายคนหนึ่งของเขานั่นเอง
“เอ่อ...ขอโทษนะครับน้าอินแล้วเด็กคนนั้นล่ะครับ”ออมเล็ตกระซิบถามด้วยความสงสัยทำให้เอสแส็คและอะตอมต้องมองเขาด้วยสายตาเดียวกันเช่นกันทำไมวันนี้พี่ชายเขาถึงมีท่าทีสนใจเด็กคนนั้นเหลือเกินกันแน่นะ
“อยู่กับป้าอินซูน่ะนี่ก็ปาเข้าไปจะครึ่งชั่วโมงแล้วไม่รู้มีเรื่องอะไรกันนักถึงต้องเรียกไปคุยก่อนเข้าประชุม”
“เหรอครับ...”ออมเล็ตเริ่มขมวดคิ้วทำหน้าตาไม่ค่อยจะดีซักเท่าไหร่เขาเริ่มรู้สึกถึงกลิ่นที่ไม่ค่อยชวนยินดีนักซะแล้ว ‘คุณยายจะเอาไอซ์เป็นเครื่องต่อรองกับคนๆนั้นเพื่อทำอะไรบางอย่างแน่ๆ’...
คลึง!~~~~
และแล้วเสียงเปิดประตูที่ต่างคนต่างรอคอยก็มาถึงอินซูลินปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับร่างของเฟลอร์ครีเอด และป้าแพรที่พยุงตัวไอซ์เข้ามาด้วยอีกคนอินซูลินเดินนำขึ้นไปที่หัวโต๊ะพร้อมๆกับทั้งสามคนที่ตามเขามาก่อนจะนั่งลงยังตำแหน่งที่คู่ควรส่วนเฟลอร์ก็นั่งลงระหว่างอินฟินิตี้และออมเล็ตโดยที่ทั้งสองคนต้องหันมองเธอและสังเกตสีหน้าของเธอก่อนจะค้นพบว่า...เธอก็ยังนิ่งอยู่เหมือนตอนเจอกันเมื่อครั้งแรก...และสุดท้ายป้าแพรพยุงตัวพาไอซ์ไปนั่งยังที่นั่งพิเศษเยื้องๆกับอินซูลินแต่ถอยห่างจากโต๊ะไป2ช่วงเก้าอี้ ออมเล็ตอะตอมและเอสแส็คมองไปยังไอซ์ที่กำลังนั่งลงพลางคอยระมัดระวังด้วยสายตาให้อย่างสุดขีดใช่แล้วไอซ์เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่พวกเขายอมรับและคิดจะดูแลตลอดไปเช่นเดียวกับเฟลอร์
“ขอต้อนรับกลับบ้านนะทั้งสามคน”อินซูลินหันไปสนทนากับหลานชายทั้งสามพร้อมยิ้มไมตรีให้เช่นเดียวกับทั้งสามที่โต้ตอบด้วยการส่งยิ้มแบบเดียวกัน
“เอาล่ะ ในที่สุดก็ได้เวลาอันสมควรแล้ว ก่อนอื่นฉันขอแนะนำให้รู้จัก”อิซูลินเว้นวรรคก่อนจะเหลือบตาไปมองเฟลอร์ทที่ตอนนี้ยังอยู่ในท่าทีที่สงบเสงี่ยมเหมือนงูพิษที่กำลังรอการกระตุ้นให้ตื่นจากห้วงนิทราเพื่อออกหาเหยื่อ
“...เฟลอร์ เฟลอริเทลเลอร์เทส”สิ้นเสียงประกาศนามของเฟลอร์ โชเฟและเจาว์ลอร์ถึงกับอ้าปากหวอก่อนที่เจ้าของชื่อจะลุกขึ้นยืนหันไปโค้งหัวคำนับหนึ่งครึ่งยังแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายแหล่และยืนนิ่งไปอย่างเป็นระเบียบ...‘ชื่อใหม่ฉันเหรอเนี่ยพ่อแม่ปู่ย่าตายายแล้วก็ทวดของฉันเป็นคนไทยนะ...’ หญิงสาวคิดในใจแต่ไม่แสดงออกทางสีหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว
“เด็กคนนี้จะมาอยู่ประจำตำแหน่งแทนอินฟินิตี้ที่ถูกโยกย้ายตำแหน่งไปควบคุมองค์กรกลางที่สหรัฐฯ เพราะฉะนั้นขอความกรุณาให้ความเคารพและช่วยกันดูแลแนะนำสั่งสอนเขาด้วยก็แล้วกัน”
จบคำพูดของอินซูลินเหล่าสหายทั้งหลายที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่กับเขาต่างหันมาทักทายด้วยคำว่า‘ยินดีที่ได้รู้จัก’พร้อมส่งรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะเป็นมิตรให้เธอแต่อย่างว่าล่ะนะ...ก็พวกเขาไม่ใช่คนที่เธอจะแสดงความรู้สึกหรือเสแสร้งทำเป็นยินดีด้วยได้ซักหน่อยหญิงสาวได้แต่โด้งคำนับแล้วนั่งลงอย่างสงบเสงี่ยม...
“โทษทีนะเผอิญเขาเป็นเด็กขี้อายน่ะ”และเป็นอีกครั้งหนึ่งที่โชฟาและเจาว์ลอร์เกิดอาการปากตัวโอขึ้นเพราะพวกเขาต่างก็รู้ดีว่าจริงๆแล้วเฟลอร์เป็นอย่างไรและเป็นอีกครั้งที่เฟลอร์เกิดอาการขัดแย้งกันภายในจิตใจ...‘อาย?ฉันทำอย่างนี้เวลาอายตอนไหนกัน??’
“เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาฉันเลยเอาประวัติของพวกเธอทุกคนให้เฟลอร์ได้อ่านหมดแล้วเลยไม่จำเป็นจะต้องมาพูดให้เป็นการเสียเวลาในงานเลี้ยงต้อนรับเหลนฉันกลับมาจากญี่ปุ่นด้วยเอาเป็นว่าใครอยากรู้จักใครให้มากกว่าก็ศึกษาประวัติผลงานทั่วไปที่อยู่ในแผ่นกระดาษใบเล็กๆก็เชิญตามสบายนะตอนนี้เป็นอิสระของพวกนายแล้วฉันขอตัวล่ะ อ้อ!แล้วก็ เอสแส็คเดี๋ยวตามยายมาหน่อยยายมีเรื่องจะพูดด้วยน่ะ”
“ครับ”หลังจากการตอบรับด้วยความใคร่รู้นิดๆของเอสแส็คอินซูลินลุกขึ้นในทันทีก่อนที่ครีเอดจะเดินเข้ามายืนในตำแหน่งที่ควรจะยืนใกล้ๆเธออินซูลินเหลือบตามองเฟลอร์ที่ตอนนี้ก็กำลังมองหล่อนกลับไปเช่นกัน ซึ่งเป็นขนะเดียวกันที่ออมเล็ตชายตาไปมองที่เฟลอร์และอะตอมกำลังสังเกตพฤติกรรมแปลกๆของพี่ชายครึ่งหญิงครึ่งของตน
“ตามสบายนะ...เฟลอร์”อินซูลินซึ่งถือไพ่เหนือกว่าเฟลอร์ยิ้มอย่างเยือกเย็นส่งไปให้อย่างพอใจก่อนจะก้าวเดินออกจากห้องอย่างสง่างามพร้อมราชองคลักษณ์ที่แก่หง่ำเหงือกพอๆกันและเอสแส็คอีกหนึ่งคน... เหลือเพียงภารกิจบางอย่างที่ทิ้งไว้ให้เฟลอร์เป็นคนเริ่มสตาร์ทมันเท่านั้นและความสงสัยที่ยังไม่คลี่คลายของออมเล็ตและอะตอม
“นี่เหรอเด็กที่กำหราบพวกกาบหอยแครงนั่นได้”หญิงอายุประมาณ60ปลายๆวางใบประวัติที่มีรูปของเฟลอร์ติดอยู่บนขอบกระดาษลงบนโต๊ะทำงานของตนก่อนจะหยิบรูปแอบถ่ายของเฟลอร์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโต๊ะขึ้นมาดูและเพ่งอย่างพินิจน์
“ผู้หญิงจริงๆด้วยสินะ สรุปแล้วหลานชายฉันแพ้ผู้หญิงรึเนี่ยแถมยังเป็นพี่สาวของเด็กนั่นมหัศจรรย์จริงๆ”
“...”ไม่มีเสียงตอบรับจากพ่อบ้านสายสืบ คนรับใช้ หรือใครๆทั้งสิ้น หญิงวัยกลางคน(ตอนปลาย)วางรูปแอบถ่ายของเฟลอร์ลงอีกครั้งก่อนจะใช้ศอกทั้งสองค้ำลงที่ตัวโต๊ะก่อนจะโน้มตัวลงมาท้าวคางและทำสายตาเจ้าเล่ห์
“ถือว่าสุดยอดที่เอาชนะมือฉมังในด้านการต่อสู้อย่างอินฟินิตี้ได้แถมผลการทดสอบIQยังเกินเกณฑ์ระดับที่ต้องการซะอีกส่วนข่าวการบุกจับแหล่งค้าประเวณีผิดกฎหมายเมื่อกี้ก็เป็นฝีมือของแด็กคนนี้อีกล่ะสิหึ!ปล่อยให้เจ้านั่นไม่รู้น่ะดีแล้ว...”ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองไปยังเจ้าหล่อนอย่างไม่เข้าใจในคำพูดของเธอนัก
“เด็กคนนั้นคงเป็นคนนำพามาจริงๆ...คำทำนายเริ่มสำแดงฤทธิ์การเริ่มต้นของจุดจบของคำสาปในรุ่นนี้เริ่มต้นขึ้น ผู้สืบเชื้อสายที่แท้จริงก็ใกล้จะปรากฎตัวขึ้นแล้วเรื่องน่าสนุกทั้งนั้น...หึ!”หญิงวัยกลางคน(ตอนปลาย)ยิ้มอย่างมีเลศนัยย์ให้กับตัวเอง
~~ผู้พากย์ จบ3~~
ในเวลาเพียงไม่นานพวกเราก็มาถึง ‘คฤหาสน์ตระกูลHormonce’ ซึ่งเป็นที่ๆมีหัวหน้าใหญ่ผู้ผู้คุมองค์กรใหญ่ของVenus FlytrapHMc พวกเราโดนต้อนรับอย่างดีจากเหล่าคนรับใช้ของตัวคฤหาสน์ในชุดที่เป็นพิธีการเหมือนภาพในฉากของการต้อนรับเชื้อพระวงศ์กลับเข้าสู่พระราชวังในการ์ตูนยังไงอย่างงั้นฉันเดินตามชายวัยกลางคนๆหนึ่งที่ขนที่งอกออกมาจากส่วนตั้งแต่ต้นคอขึ้นไปเป็นสีขาวไปหมดซะทุกเส้นที่เขาแนะนำว่าตัวเองชื่อ‘ครีเอด’เพื่อพาฉันไปพบกับใครคนหนึ่งที่ต้องการพบฉันเป็นการส่วนตัวก่อนจะเข้าห้องประชุมใหญ่ที่พวกเขาเรียกกันว่า‘ท่านอินซูลิน’ ส่วนอินฟินิตี้โชฟาและเจาว์ลอร์ก็โดนกันให้ไปที่ห้องประชุมโดยไม่ต้องรอฉันให้ไปพร้อมกัน
โชเฟและเจาว์ลอร์ได้เล่าให้ฉันฟังว่า กลุ่มองกรณ์ใหญ่หรือตระกูลHormonceเป็นเสมือนกลุ่มองค์กรมาเฟียอิสระที่อยู่เหนือกฎหมายโดยกลุ่มองค์กรใหญ่ตั้งอยู่ที่ไทย กลุ่มองค์กรกลางตั้งอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและกลุ่มองค์กรเล็กกระจายอยู่ทั่วโลก ถือเป็นกลุ่มองค์กรณ์การค้าในม่านมืดที่ใหญ่อันดับโลกลึกลับและยากที่จะสืบหา
องค์กรเล็กที่ว่ากระจายอยู่ทั่วโลกนั้นแบ่งออกเป็นกลุ่มของพืชและสัตว์และกลุ่มVenus FlytrapHMcของเราก็เป็นผู้นำองค์กรเล็กกลุ่มพืชซึ่งมีอยู่4กลุ่ม นั่นก็คือ
Venus FlytrapHMc(กาบหอยแครง)
Strangler figHMc(กาฝากสแทรงเกลอร์ฟิก)
Nepenthes TanaxHMc (หม้อข้าวหม้อแกงลิงแนพเพนแทส)
RhododendronHMc (กุหลาบพันปี)
ส่วนกลุ่มสัตว์ก็มีอยู่4กลุ่มเช่นกันโดยผู้นำองค์กรเล็กนี้นั่นคือ
CicindelaaurulentaHMc (ด้วงเสือ)
Poison Dart FrogHMc (กบลูกดอก)
Black Widow SpiderHMc (แมงมุมแม่ม้ายดำ)
Mimic octopusHMc (ปลาหมึกมิมมิค)
โชเฟและเจาลอร์ยังเล่าให้ฉันฟังอีกว่าคนที่จะเป็นผู้นำกลุ่มแต่ละกลุ่มได้ต้องเป็นเชื้อสายของตระกูลHormonceเท่านั้นแต่เมื่อสามปีที่แล้วก่อนที่พวกเราจะเจอกันไม่กี่สัปดาห์ผู้นำองค์กรใหญ่ที่ชื่อว่าอินซูลินกลับจะย้ายตำแหน่งของอินฟินิตี้ไปอยู่ที่องค์กรกลางที่สหรัฐฯแทนคนเก่าที่เพิ่งจะเสียชีวิตด้วยโรคชราไปแล้วให้หาผู้นำองค์กรคนใหม่ด้วยกฎเกณฑ์ที่สามารถตั้งขึ้นเองได้โดยไม่มีเหตุผลและเพราะเหตุนี้ฉันที่กำลังโมโหและโกรธอย่างสุดขีดในตอนนั้นจึงสามารถข้ามผ่านกฎทุกข้อที่เจ้าพวกนี้ตั้งขึ้นเองหมดจนได้กลายเป็นหัวหน้ากลุ่มคนในตอนนี้
ก๊อกๆๆ...ครึง~~
ประตูไม้บานยักษ์ถูกเปิดขึ้นโดยครีเอดก่อนที่ฉันจะย่างก้าวเดินเข้าไปข้างในนั้นและพบกับหญิงวัยกลางคนๆหนึ่งหน้าตาอายุอานามน่าจะประมาณเกือบๆ60ทำผมเกล้าไว้ข้างหลังหน้าตาท่าทางดูนิ่งๆในชุดเสื้อคลุมยาวผ้าไหมลูกแก้วสีทองซึ่งคาดว่าน่าจะใช่ท่านอินซูลินที่เขาว่ากันนั่งอยู่บนโซฟาปักดิ้นทองกำลังจิบน้ำชาโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมา
“ฉันต้องการคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว”เพียงเสียงๆหนึ่งที่ออกมาจากริมฝีปากของท่านอินซูลินทุกคนที่อยู่ภายในห้องนอกจากฉันก็พากันโค้งตัวคำนับก่อนจะทยอยกันเดินออกจากห้องไป
“นั่งก่อนสิ”และไม่นานก็ถึงคราวฉันที่ต้องทำตามคำสั่งของเขาฉันเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้โซฟาตัวตรงข้ามกับเขา
“เธอชื่อเฟลอร์สินะถ้าฉันจะบอกว่าฉันรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวเธอทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่เรื่องที่เธอเป็นผู้หญิง...เธอจะว่าไงบ้างล่ะ”สิ้นคำพูดประโยคสุดท้ายถ้วยน้ำชาก็ถูกวางลงบนโต๊ะในทันที
“...”ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากฉันดวงตาที่มั่นคงของฉันก็ยังจดจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเขา
“หึ!เธอนี่เป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ ดูมืดมน ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องอะไรต่ออะไรมากนักแถมดูเป็นคนเงียบๆจนเหมือนกับไม่มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้...”ใต้กะโหลกนั่นกำลังคิดอะไรที่ฉันคาดไม่ถึงอยู่รึเปล่า?
“เธอจะเรียกฉันว่าย่าทวดก็ได้นะเธอคงรู้แล้วว่าฉันคือใครคงไม่ต้องอธิบายมาก เราจะได้เข้าเรื่องกันซักที...”ย่าทวดก็เหมาะดีแต่นี่ยังไม่เข้าเรื่องอีกรึเนี่ย
“ที่ฉันเรียกเธอเข้ามาพบเป็นการส่วนตัวในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะบอกกับเธอว่า...”ท่านอินซูลินหรือย่าทวดที่ฉันควรเรียกอยู่ๆก็เปลี่ยนสีหน้าจากใบหน้านิ่งๆที่พอจะมีรอยยิ้มใจดีๆอยู่บ้างกลายเป็นใบหน้าที่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อันน่ากลัวอยู่แทน
“ฉันยังไม่ยอมรับเธอเป็นหัวหน้ากลุ่มVenus Flytrap เธอจะว่าไงล่ะ”ไม่ยอมรับงั้นเหรอ!?...คุณคิดว่าไงเหรอ...ฉันจะทำหน้ายังไงกันนะ...ก็...
“...”...เงียบต่อไป
“หึ!ว่าแล้วเชียวว่าเธอต้องไม่สะทกสะท้านอะไรเป็นแน่ ถึงฉันจะบอกว่าฉันไม่ยอมรับเธอและให้เธอออกไปจากคฤหาสน์ตอนนี้เธอก็คงจะทำตามล่ะสินะฮึๆๆ^ ^+”ถึงพูดอย่างนั้นฉันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี...ตกลงว่าฉันควรออกไปจากที่นี่งั้นเหรอ!?
“เอาเถอะฉันมีตัวเลือกให้เธอเลือกอยู่2ทาง นั่นคือทำตามที่ฉันสั่งให้สำเร็จแล้วเธอจะได้อยู่ที่นี่ในฐานะหัวหน้าใหญ่ของกลุ่มVenusFlytrapตลอดไปหรือข้อสองคือเดินออกไปจากที่นี่และลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้...”
ผลุบ!
ไม่ทันที่ย่าทวดจะพูดจบฉันก็ลุกขึ้นจากโซฟาในทันทีก่อนจะหันหลังเดินออกจากตรงนั้นทันทีซึ่งเป็นสัญญาณเด่นชัดของคำตอบที่ฉันเลือก... นั่นคือข้อสอง
“เดี๋ยว!...”
ก๊อกๆๆ
“แพรเองค่ะคุณท่าน ขออนุญาติเข้าไปนะคะ”สิ้นคำพูดประตูทางเข้าก็เปิดออกเผยให้เห็นเจ้าของเสียงดังกล่าวและ...
“...0_0...”หญิงสาวในชุดราตรีสีฟ้าใสถือไม้เท้าสำหรับคนตาบอด...ดวงตาที่ไร้การรับรู้ดวงนั้น... จมูก คิ้ว ปากและโครงหน้าแบบนั้น...คนที่เหมือนแม่ได้ถึงขนาดนี้... ไม่จริง เป็นไปได้ยังไง
“เอโม่...”มือของฉันค่อยๆเอื้อมขึ้นไปจะสัมผัสใบหน้าของเธอตาฉันที่เบิกโพลงด้วยความตกใจจนถึงที่สุดตอนนี้เริ่มมีน้ำตาไหลปริ่ม...ทำไมเอโม่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้
“อย่านะคะ!”ไม่ทันที่มือของฉันจะถึงใบหน้าของเอโม่...น้องสาวที่ฉันตามหามาตลอดเพราะเชื่อว่าเธอยังไม่ตายแต่ก็สืบหาไม่เคยเจอไม่ว่าจะเปลี่ยนคนสืบกี่คนต่อกี่คน หญิงวัยกลางคนที่ชื่อแพรก็เข้ามากั้นระหว่างเราสองคนเอาไว้ก่อนจะปัดมือฉันออก
“คุณหนูไอซ์มักจะขี้ตกใจน่ะค่ะถ้าได้รับสัมผัสที่ไม่คุ้นเคยเธอจะตกใจมากจนสั่นและอาจช็อกได้”ฉันถึงกับชะงักก่อนจะดึงตัวเองออกมาจากภวังค์ตรงนั้นได้ฉันหลบสายตาด้วยความละอายใจ ไอซ์อย่างนั้นเหรอจะอะไรก็ช่างแต่ฉันมั่นใจที่สุดว่านี่คือเอโม่...บทจะเจอก็เจอง่ายๆแต่ทำไมต้องเจอเธอในลักษณแบบนี้ด้วย...
“สงสัยเราคงต้องคุยกันใหม่อีกรอบซะแล้วล่ะนะหึ!”
~~เฟลอร์ จบ5~~
ห้องโถงใหญ่หรือห้องประชุมใหญ่
“สรุปวันนี้วันต้อนรับพวกเรากลับบ้านหรือวันรวมญาติตั้งแต่โคตรตระกูลกันแน่นเนี่ย”เอสแส็คบ่นให้กับภาพที่เขาเห็นเป็นสิ่งแรกเมื่อเดินเข้ามาในห้อง
“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน!!!”เสียงดังสนั่นหวั่นไหวของเหล่าญาติๆหรือพวกผู้นำกลุ่มแก๊งทั้งหลายกล่าวต้อนรับบุคคลที่ยืนอยู่ณ ทางเข้าอย่างยิ้มแย้ม
“8คนสำหรับหัวหน้าแก๊ง16คนสำหรับมือขวาและซ้ายของแต่ละกลุ่มย่อยรวมเด็กอีก2บวกพี่เลี้ยงอีก1 รวม25 ยังไม่ถึง30%ของปริมาณคนที่สามารถจุอยู่ในห้องนี้ได้เลยก็ไม่ต้องกลัวว่ามันจะถล่มหรอกนะเอสแส็ค”อะตอมใช้เวลาไม่นานในการคำนวณความเหมาะสมให้เอสแส็คฟัง
“เชิญทางนี้ครับคุณชาย”ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาเพื่อนำทางทั้งสามคนให้ไปนั่งตรงที่ๆจัดเตรียมเอาไว้ให้โดยเฉพาะ
“รวมหมอนี่ก็26”อะตอมพูดพลางยักคิวให้เอสแส็ค
“กวนตีนเหรอฮะ เด๊ะๆ!”เริ่มเกิดปากเสียงกันเล็กน้อยแต่ก็ไม่มีใครใส่ใจกับมันทั้งสามเดินตามชายหนุ่มไปที่นั่งหัวโต๊ะก่นอจะแยกนั่งคนละฝั่ง เอสแส็คนั่งกับอะตอมและออมเล็ตนั่งอีกฝั่งตรงกันข้ามกับอะตอมที่ติดกับหัวโต๊ะที่สุดเว้นที่ว่างไว้สำหรับใครซักคนที่เขาคิดว่าน่าจะใช่เฟลอร์เพราะเก้าอี้ตัวถัดไปจากนั้นคนที่นั่งอยู่คืออินฟินิตี้น้าชายคนหนึ่งของเขานั่นเอง
“เอ่อ...ขอโทษนะครับน้าอินแล้วเด็กคนนั้นล่ะครับ”ออมเล็ตกระซิบถามด้วยความสงสัยทำให้เอสแส็คและอะตอมต้องมองเขาด้วยสายตาเดียวกันเช่นกันทำไมวันนี้พี่ชายเขาถึงมีท่าทีสนใจเด็กคนนั้นเหลือเกินกันแน่นะ
“อยู่กับป้าอินซูน่ะนี่ก็ปาเข้าไปจะครึ่งชั่วโมงแล้วไม่รู้มีเรื่องอะไรกันนักถึงต้องเรียกไปคุยก่อนเข้าประชุม”
“เหรอครับ...”ออมเล็ตเริ่มขมวดคิ้วทำหน้าตาไม่ค่อยจะดีซักเท่าไหร่เขาเริ่มรู้สึกถึงกลิ่นที่ไม่ค่อยชวนยินดีนักซะแล้ว ‘คุณยายจะเอาไอซ์เป็นเครื่องต่อรองกับคนๆนั้นเพื่อทำอะไรบางอย่างแน่ๆ’...
คลึง!~~~~
และแล้วเสียงเปิดประตูที่ต่างคนต่างรอคอยก็มาถึงอินซูลินปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับร่างของเฟลอร์ครีเอด และป้าแพรที่พยุงตัวไอซ์เข้ามาด้วยอีกคนอินซูลินเดินนำขึ้นไปที่หัวโต๊ะพร้อมๆกับทั้งสามคนที่ตามเขามาก่อนจะนั่งลงยังตำแหน่งที่คู่ควรส่วนเฟลอร์ก็นั่งลงระหว่างอินฟินิตี้และออมเล็ตโดยที่ทั้งสองคนต้องหันมองเธอและสังเกตสีหน้าของเธอก่อนจะค้นพบว่า...เธอก็ยังนิ่งอยู่เหมือนตอนเจอกันเมื่อครั้งแรก...และสุดท้ายป้าแพรพยุงตัวพาไอซ์ไปนั่งยังที่นั่งพิเศษเยื้องๆกับอินซูลินแต่ถอยห่างจากโต๊ะไป2ช่วงเก้าอี้ ออมเล็ตอะตอมและเอสแส็คมองไปยังไอซ์ที่กำลังนั่งลงพลางคอยระมัดระวังด้วยสายตาให้อย่างสุดขีดใช่แล้วไอซ์เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่พวกเขายอมรับและคิดจะดูแลตลอดไปเช่นเดียวกับเฟลอร์
“ขอต้อนรับกลับบ้านนะทั้งสามคน”อินซูลินหันไปสนทนากับหลานชายทั้งสามพร้อมยิ้มไมตรีให้เช่นเดียวกับทั้งสามที่โต้ตอบด้วยการส่งยิ้มแบบเดียวกัน
“เอาล่ะ ในที่สุดก็ได้เวลาอันสมควรแล้ว ก่อนอื่นฉันขอแนะนำให้รู้จัก”อิซูลินเว้นวรรคก่อนจะเหลือบตาไปมองเฟลอร์ทที่ตอนนี้ยังอยู่ในท่าทีที่สงบเสงี่ยมเหมือนงูพิษที่กำลังรอการกระตุ้นให้ตื่นจากห้วงนิทราเพื่อออกหาเหยื่อ
“...เฟลอร์ เฟลอริเทลเลอร์เทส”สิ้นเสียงประกาศนามของเฟลอร์ โชเฟและเจาว์ลอร์ถึงกับอ้าปากหวอก่อนที่เจ้าของชื่อจะลุกขึ้นยืนหันไปโค้งหัวคำนับหนึ่งครึ่งยังแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายแหล่และยืนนิ่งไปอย่างเป็นระเบียบ...‘ชื่อใหม่ฉันเหรอเนี่ยพ่อแม่ปู่ย่าตายายแล้วก็ทวดของฉันเป็นคนไทยนะ...’ หญิงสาวคิดในใจแต่ไม่แสดงออกทางสีหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว
“เด็กคนนี้จะมาอยู่ประจำตำแหน่งแทนอินฟินิตี้ที่ถูกโยกย้ายตำแหน่งไปควบคุมองค์กรกลางที่สหรัฐฯ เพราะฉะนั้นขอความกรุณาให้ความเคารพและช่วยกันดูแลแนะนำสั่งสอนเขาด้วยก็แล้วกัน”
จบคำพูดของอินซูลินเหล่าสหายทั้งหลายที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่กับเขาต่างหันมาทักทายด้วยคำว่า‘ยินดีที่ได้รู้จัก’พร้อมส่งรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะเป็นมิตรให้เธอแต่อย่างว่าล่ะนะ...ก็พวกเขาไม่ใช่คนที่เธอจะแสดงความรู้สึกหรือเสแสร้งทำเป็นยินดีด้วยได้ซักหน่อยหญิงสาวได้แต่โด้งคำนับแล้วนั่งลงอย่างสงบเสงี่ยม...
“โทษทีนะเผอิญเขาเป็นเด็กขี้อายน่ะ”และเป็นอีกครั้งหนึ่งที่โชฟาและเจาว์ลอร์เกิดอาการปากตัวโอขึ้นเพราะพวกเขาต่างก็รู้ดีว่าจริงๆแล้วเฟลอร์เป็นอย่างไรและเป็นอีกครั้งที่เฟลอร์เกิดอาการขัดแย้งกันภายในจิตใจ...‘อาย?ฉันทำอย่างนี้เวลาอายตอนไหนกัน??’
“เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาฉันเลยเอาประวัติของพวกเธอทุกคนให้เฟลอร์ได้อ่านหมดแล้วเลยไม่จำเป็นจะต้องมาพูดให้เป็นการเสียเวลาในงานเลี้ยงต้อนรับเหลนฉันกลับมาจากญี่ปุ่นด้วยเอาเป็นว่าใครอยากรู้จักใครให้มากกว่าก็ศึกษาประวัติผลงานทั่วไปที่อยู่ในแผ่นกระดาษใบเล็กๆก็เชิญตามสบายนะตอนนี้เป็นอิสระของพวกนายแล้วฉันขอตัวล่ะ อ้อ!แล้วก็ เอสแส็คเดี๋ยวตามยายมาหน่อยยายมีเรื่องจะพูดด้วยน่ะ”
“ครับ”หลังจากการตอบรับด้วยความใคร่รู้นิดๆของเอสแส็คอินซูลินลุกขึ้นในทันทีก่อนที่ครีเอดจะเดินเข้ามายืนในตำแหน่งที่ควรจะยืนใกล้ๆเธออินซูลินเหลือบตามองเฟลอร์ที่ตอนนี้ก็กำลังมองหล่อนกลับไปเช่นกัน ซึ่งเป็นขนะเดียวกันที่ออมเล็ตชายตาไปมองที่เฟลอร์และอะตอมกำลังสังเกตพฤติกรรมแปลกๆของพี่ชายครึ่งหญิงครึ่งของตน
“ตามสบายนะ...เฟลอร์”อินซูลินซึ่งถือไพ่เหนือกว่าเฟลอร์ยิ้มอย่างเยือกเย็นส่งไปให้อย่างพอใจก่อนจะก้าวเดินออกจากห้องอย่างสง่างามพร้อมราชองคลักษณ์ที่แก่หง่ำเหงือกพอๆกันและเอสแส็คอีกหนึ่งคน... เหลือเพียงภารกิจบางอย่างที่ทิ้งไว้ให้เฟลอร์เป็นคนเริ่มสตาร์ทมันเท่านั้นและความสงสัยที่ยังไม่คลี่คลายของออมเล็ตและอะตอม
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ