สุดฝั่งฝัน
-
2) บทที่ 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ1.....
แอนดรูว์กำลังลูบแผงคอลูกม้าตัวใหม่ที่เพิ่งได้รับเป็นของขวัญจากบิดาด้วยความรักใคร่ เด็กชายรักการขี่ม้าเป็นชีวิตจิตใจ เขาเงยหน้าขึ้นเมื่อแว่วเสียงเรียกมาแต่ไกล
“คุณหนูครับ คุณหนู”
เจนนิ่งส์วิ่งกระหืดกระหอบมาจากทางคฤหาสน์หลังงาม แอนดรูว์ยืนมองคนรับใช้ประจำตัวบิดาหยุดยืนหายใจหอบด้วยความขบขัน ตอนนี้เจนนิ่งส์หายใจแรงยิ่งกว่าม้าเสียอีก หลายวินาทีกว่าที่คนรับใช้หนุ่มจะควบคุมลมหายใจแล้วเปิดปากพูดขึ้นมาได้
“เร็วเถอะครับคุณแอนดรูว์ คุณนิคน้อยกำลังจะไปแล้ว”
“ไปไหนเจนนิ่งส์ นิคกี้จะไปไหน” รอยยิ้มขบขันเมื่อสักครู่จางหายไปอย่างรวดเร็ว แอนดรูว์กระตุกแขนเจนนิ่งส์เพื่อเร่งเร้าคำตอบ หากดูเหมือนคนรับใช้หนุ่มจะไม่สนใจตอบคำถามของเจ้านายน้อย เขาคว้าแขนแอนดรูว์พาวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
แอนดรูว์วิ่งด้วยความเร็วที่แทบจะทำลายสถิติของเด็กวัยสิบขวบทุกคน เมื่อไปถึงเขาเห็นนิโคลัสกำลังถูกผู้ชายตัวโตคนหนึ่งอุ้มขึ้นรถยนต์คันหรูพอดี น้องชายของเขาส่งเสียงร้องดังลั่นพร้อมทั้งเตะขาไปมา กำปั้นน้อย ๆ เหวี่ยงเปะปะไปโดนชายผู้นั้นหลายที แต่ดูเหมือนฤทธิ์กำปั้นของนิคน้อยจะไม่มีผลอะไร สุดท้ายนิโคลัสจึงก้มลงกัดแขนคนอุ้มเต็มแรง หากผู้ชายคนนั้นเพียงแค่ร้องออกมาเบา ๆ แล้วจับตัวเด็กชายยัดเข้าไปในรถได้เป็นผลสำเร็จ
ประตูรถปิดอย่างแรงก่อนที่แอนดรูว์จะถลาไปถึง เขาหันไปมองบิดา นายเอ็ดเวิร์ดเพียงยืนมองด้วยแววตาเฉยชา ในขณะที่ผู้เป็นแม่กำลังร้องไห้ฟูมฟายอยู่บนพื้นหินอ่อนด้านหน้าคฤหาสน์ ใบหน้างดงามนั้นเงยขึ้นมองบิดาของเขาอย่างตัดพ้อ เสียงคร่ำครวญดังไม่ขาดจากริมฝีปากบางได้รูป “คุณผิดสัญญา...คุณไม่รักษาสัญญา”
หากแอนดรูว์ไม่สนใจกับเสียงครวญคร่ำของมารดา เด็กชายตัดสินใจวิ่งตามรถยนต์ออกไป
“นิคกี้!” เขาวิ่งไปพร้อมกับตะโกนเรียกน้องชาย
ทั้งที่ไม่คิดว่านิโคลัสจะได้ยิน แต่นิคกี้ของเขาก็โผล่ศีรษะเล็ก ๆ ขึ้นมามองผ่านทางกระจกด้านหลังของรถ ใบหน้าของเด็กชายตัวน้อยมอมแมมไปด้วยคราบน้ำตา เส้นผมสีดำสนิทนั้นดูยุ่งเหยิง มือเล็ก ๆ เอื้อมมาหาเขาที่เป็นพี่ชาย ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจัดมองตรงมาด้วยความหวังทำให้แอนดรูว์พยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น หากดูเหมือนยิ่งเร่ง ใบหน้าน้อย ๆ นั้นก็จะยิ่งห่างไกลออกไปทุกที ในที่สุดรถยนต์คันนั้นก็เหลือเพียงจุดเล็ก ๆ ก่อนจะลับหายไปจากสายตา
แอนดรูว์ก้มตัวลงใช้มือยันกับหัวเข่า ตอนนี้แม้แต่แรงจะยืนยังแทบจะไม่มี เด็กชายอ้าปากหอบฮัก ดวงตาสีเทาสวยจ้องมองไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้า หัวใจน้อย ๆ ของเด็กชายวัยสิบขวบรู้สึกราวกับถูกบีบอย่างแรงเมื่อคิดว่าจะไม่ได้เห็นแววตาซุกซนของน้องชายอีกต่อไปแล้ว
“กลับเถอะครับคุณหนู”
คนรับใช้หนุ่มวิ่งตามเด็กชายออกมา แม้แอนดรูว์จะโตจนแขนขาเริ่มยาวเก้งก้าง แต่เจนนิ่งส์ก็ก้มลงอุ้มเจ้านายน้อยขึ้นในอ้อมแขน แอนดรูว์ซบหน้าลงกับไหล่ของชายหนุ่ม เด็กชายไม่เคยโกรธบิดาเท่าวันนี้มาก่อน เขารู้ว่าผู้เป็นพ่อไม่ค่อยรักนิโคลัสนัก แต่ในฐานะพ่อ นายเอ็ดเวิร์ดก็ควรจะปกป้องลูกชายของตัวเองมากกว่านี้
เจนนิ่งส์วางตัวแอนดรูว์ลงที่หน้าคฤหาสน์ เด็กชายวิ่งเข้าไปด้านในทันที เขาวิ่งเข้าห้องโน้นออกห้องนี้ก่อนจะพบบิดาและมารดาที่ห้องทำงานของผู้นำตระกูลเคลย์ตัน นายเอ็ดเวิร์ดกำลังยืนพิงโต๊ะทำงาน ในขณะที่ผู้เป็นแม่นั่งซับน้ำตาอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง แอนดรูว์ไม่สนใจสีหน้าเคร่งเครียดของคนทั้งคู่ เขาตรงรี่เข้าไปต่อว่าบิดา
“พ่อครับ! ทำไมพ่อปล่อยให้เขาเอาตัวนิคกี้ไป”
นายเอ็ดเวิร์ดเบือนหน้าหนี หากเด็กชายยังคงเดินอ้อมไปหยุดอยู่หน้าผู้เป็นพ่อ เขาจ้องหน้านายเอ็ดเวิร์ดอย่างโกรธเคือง
“น้องเป็นลูกของพ่อนะ” แอนดรูว์ตะเบ็งเสียงใส่บิดา
“ไม่ใช่! มันไม่ใช่ลูกฉัน...มันเป็นลูกชู้” ผู้เป็นพ่อหมดความอดทน เขาตวาดกลับมาอย่างเดือดดาล ดวงตาสีเทาเหมือนกับของบุตรชายเต็มไปด้วยแววเคียดแค้น น้ำเสียงยามเมื่อเอ่ยคำสุดท้ายเจือไปด้วยความเจ็บช้ำ
แอนดรูว์ตะลึงงันด้วยความตกใจ เขาโตพอจะเข้าใจถึงความหมายของคำว่า ‘ลูกชู้’ หูของเด็กชายแว่วเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดแสนสาหัสของมารดา พลันเขาก็รู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนที่ต้นแขน พร้อมกับเสียงเรียกชื่อ เสียงนั้นนุ่มนวลและแผ่วเบา ก่อนที่จะค่อย ๆ ดังขึ้น...ดังขึ้น
“แอนดี้คะ...แอนดี้”
แอนดรูว์ลืมตาขึ้นอย่างงุนงง ใครคนหนึ่งกำลังเขย่าต้นแขนเขาเบา ๆ ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งพร้อมกับยกมือขึ้นลูบใบหน้าชื้นเหงื่อของตัวเอง รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นดวงหน้าคมหวานอันคุ้นตา
“แก๊บบี้”
“ฝันเหมือนเดิมอีกแล้วเหรอคะ” เกเบรียลลาถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง หญิงสาวเข้ามาทันได้เห็นคู่หมั้นหนุ่มนอนกระสับกระส่ายราวกับกำลังฝันร้าย
แอนดรูว์พยักหน้ารับ เกเบรียลลาเคยเป็นจิตแพทย์ประจำตัวของเขามาก่อนที่ทั้งคู่จะหมั้นกัน หญิงสาวรู้เรื่องความฝันของเขาเป็นอย่างดี เขามีปัญหาเกี่ยวกับฝันร้ายมาตั้งแต่เด็ก รุนแรงมากขึ้นจนแทบไม่อยากหลับ ฝันร้ายเริ่มขึ้นหลังการจากไปของมารดาไม่นานนัก
เมื่อลูกชายคนเล็กถูกพรากไปจากอก นาตาเลียก็เอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญ มารดาของแอนดรูว์จะกรีดร้องราวกับคนเสียสติทุกครั้งที่ผู้เป็นสามีเข้าใกล้ ผ่านไปไม่นานหญิงสาวก็เสียชีวิตลง เด็กชายแอนดรูว์เป็นคนแรกที่เข้าไปพบ ใบหน้าที่เคยงดงามของผู้เป็นแม่บิดเบ้จากความทรมาน ดวงตาทั้งสองข้างเหลือกลาน ฟองสีขาวไหลเป็นทางจากมุมปาก เขารีบวิ่งไปหานายเอ็ดเวิร์ด แอนดรูว์จำได้ราง ๆ ถึงความอลหม่านวุ่นวายในวันนั้น ในเวลาต่อมาเขาก็รับรู้จากเสียงซุบซิบของคนรับใช้ว่าแม่ฆ่าตัวตายด้วยการกินยาแก้ปวดเกินขนาด
แล้วเขาก็เริ่มฝัน ทุกครั้งความฝันจะเริ่มต้นที่การจากไปของน้องชายและจบลงที่สภาพเลวร้ายของมารดาเสมอ ครั้งนี้ก็คงจะเหมือนเดิมอีก ถ้าเกเบรียลลาไม่เข้ามาปลุกเขาเสียก่อน
“คุณเลิกฝันไปนานแล้วนี่ ทำไมถึงกลับมาฝันอีกล่ะคะ” คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความสงสัย หรือเธอจะบำบัดอาการของแอนดรูว์ไม่สำเร็จอย่างที่เคยเข้าใจ
“สงสัยเพราะคุณพ่อเพิ่งจะจากไป ผมก็เลยกลับมาฝันอีก ไม่มีอะไรน่าวิตกหรอก” เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของจิตแพทย์สาวผู้เป็นคู่หมั้น แอนดรูว์จึงส่งยิ้มร่าเริงพร้อมกับบีบมือเรียวบางนั้นเบา ๆ อย่างปลอบใจ
“ว่าแต่วันนี้ทำไมคุณหมอสลีเฟิร์ทถึงมาปลุกผมถึงห้องนอนเลยฮึ” แอนดรูว์ลุกขึ้นยืน เขาเอื้อมมือไปบีบปลายจมูกหญิงสาวเบา ๆ พร้อมกับแกล้งทำสีหน้ากรุ้มกริ่ม เกเบรียลลารีบเบนศีรษะหลบเมื่อแอนดรูว์ปล่อยนิ้วออกจากปลายจมูกโด่งงามของเธอ หญิงสาวถลึงตาใส่ชายหนุ่มเพื่อกำราบความซุกซนของเขา หากคู่หมั้นหนุ่มกลับปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างขบขัน
“เจนนิ่งส์โทรไปบอกว่าคุณไม่ค่อยสบาย”
“ผมสบายดี…โอเค ใช่ ก็แค่มีไข้นิดหน่อย ตอนนี้หายแล้ว” แอนดรูว์รีบพูดต่อเมื่อเห็นสีหน้าไม่เชื่อของหญิงสาว
“ดีนะ เป็นเองแล้วก็หายเองได้ อย่างนี้หมอตกงานกันหมด” เกเบรียลลาหันไปหยิบปรอทจากชุดปฐมพยาบาลที่เจนนิ่งส์เตรียมไว้ให้ขึ้นมาสะบัดสองสามครั้งก่อนจะส่งเข้าปากคู่หมั้นหนุ่มที่รีบอ้าปากรับแต่โดยดี
“เจ้าหนูเจมี่เป็นยังไงบ้าง” แอนดรูว์นึกขึ้นได้ถึงเจ้าตัวแพร่เชื้อไข้หวัด คนไข้ตัวโตหยิบปรอทออกจากปากแล้วก็ต้องรีบยัดเข้าไปใหม่เมื่อคุณหมอสาวหันกลับมาหลังจากได้ยินคำถาม เกเบรียลลานิ่วหน้าอย่างรู้ทัน เธอก้มลงดูนาฬิกาชั่วครู่ก่อนจะดึงปรอทออกจากปากของชายหนุ่ม
“ไข้ไม่สูง เดี๋ยวทานยาสักหน่อยแล้วกันนะคะ”
“เป็นจิตแพทย์น่ะ รักษาโรคได้ด้วยเหรอ” ชายหนุ่มแกล้งถามทั้งที่รู้ดีว่าอาการไข้เล็กน้อยของเขา หมอไหนก็รักษาได้ทั้งนั้น
“ไม่แน่ใจค่ะ เพราะเพิ่งรักษาเป็นครั้งแรกเหมือนกัน แต่รับรองว่ารักษาโรคชอบก่อกวนได้แน่นอน” เกเบรียลลาหยิบไม้โปโลที่วางอยู่ข้างเตียงขึ้นมาหวดไปมาพร้อมกับส่งยิ้มหวานจ๋อยให้ชายหนุ่ม ยิ้มกว้างของแอนดรูว์กลายเป็นรอยยิ้มแหยทันควัน เขาพยายามทำสีหน้าให้ดูเรียบร้อยเสียจนหญิงสาวอดขำไม่ได้
“ว่าไงล่ะ” ชายหนุ่มยังไม่ลืมทวงคำตอบ
“อะไรคะ”
“ก็เจมี่ไง แกเป็นยังไงบ้าง” น้ำเสียงชักเริ่มร้อนรนด้วยความเป็นห่วงจริง ๆ
“อ๋อ! ดีขึ้นแล้วค่ะ นี่ก็งอแงร้องหาเพื่อนเล่นคนโปรดทุกวัน”
เจ้าหนูเจมี่เป็นเด็กที่อยู่ในศูนย์คุ้มครองซึ่งเกเบรียลลาทำงานเป็นจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยาเด็ก หลังจากเรียบจบหญิงสาวก็มาเป็นจิตแพทย์ประจำตัวแอนดรูว์ เธอค่อนข้างแปลกใจที่เขายอมรับให้เธอทำงานนี้ ทั้งที่เธอเคยได้ยินมาว่าเขาไม่ยอมคุยกับจิตแพทย์ที่นายเอ็ดเวิร์ดพยายามหามาบำบัดอาการฝันร้ายของลูกชายเลยสักคน เกเบรียลลาเพิ่งมารู้สาเหตุจากเจ้าตัวหลังจากทั้งสองกลายมาเป็นคู่หมั้นกันว่า “เห็นจบมาใหม่ ๆ สงสาร” มันน่าโมโหไหมล่ะ ที่รู้ว่าได้งานเพราะความสงสารของคนไข้
หากความสงสารของแอนดรูว์กลับทำให้เธอได้รับการยอมรับในฐานะจิตแพทย์สาวผู้มีความสามารถ หลังจากบำบัดอาการฝันร้ายของชายหนุ่มสำเร็จเธอจึงได้เข้าไปทำงานที่ศูนย์คุ้มครองเด็ก เกเบรียลลาเองเพิ่งรู้ว่าคู่หมั้นของตัวเองเป็นคนรักเด็กเอามาก ๆ เมื่อเขาแวะไปหาเธอที่ทำงาน
ชายหนุ่มกลายเป็นเพื่อนเล่นตัวโข่งของบรรดาคนไข้ตัวน้อยของเธอ โดยเฉพาะเจ้าหนูเจมี่ที่กลายเป็นคนโปรดของแอนดรูว์ตั้งแต่วันแรก มิใยที่เธอจะแกล้งว่าเขาลำเอียง แต่ชายหนุ่มกลับยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบาน “ฮื่อ...ก็เจ้าหนูนี่อยากเหมือนนิคกี้ทำไมล่ะ”
เกเบรียลลารู้จักน้องชายของคู่หมั้นแค่เพียงจากภาพถ่ายและคำบอกเล่าของแอนดรูว์ นิคกี้น้อยวัยหกขวบในภาพถ่ายนั้นมีเส้นผมสีดำสนิทเหมือนกับหนูน้อยเจมี่ ดวงตาของทั้งคู่เป็นสีน้ำเงินเหมือนกัน แต่สีตาของนิโคลัสนั้นเข้มกว่ามาก หญิงสาวยังไม่เคยเห็นใครที่มีดวงตาสีน้ำเงินเข้มจัดเท่านี้มาก่อนเลย
แอนดรูว์ยิ้มกว้างกับคำตอบของหญิงสาว ถ้าเขาหายไข้ดีแล้วคงต้องรีบไปรายงานตัวกับเจ้าตัวแสบซะหน่อย
“วันนี้คุณจะออกไปไหนรึเปล่าคะ ถ้าไม่มีอะไรสำคัญ ฉันว่าอยู่บ้านพักผ่อนดีกว่า” เกเบรียลลาหันไปทำความสะอาดปรอทแล้วเก็บลงกล่อง ก่อนจะคว้าชุดปฐมพยาบาลขึ้นมาถือ
“ผมหายแล้วล่ะ กะว่าจะเข้าบริษัทแล้วก็แวะไปสนามซ้อมสักหน่อย ถ้าขืนมัวแต่นอน ปีนี้ชวดแชมป์โปโลแหง ๆ” แอนดรูว์ฉวยผ้าขนหนูขึ้นมาพาดไหล่เตรียมอาบน้ำ นอกจากการดูแลธุรกิจของบิดาแล้ว ชายหนุ่มยังมีงานอดิเรกเป็นนักกีฬาโปโลอีกด้วย ทีมของเขาเป็นแชมป์โปโลการกุศลมาเจ็ดสมัยแล้ว
“แต่ถ้าขืนคุณไปตากแดดซ้อมโปโลล่ะก็ คุณคงได้ดูเพื่อน ๆ ฉลองแชมป์อยู่ข้างสนามแทนแน่ ๆ”
“ผมแค่ไปดูเพื่อนซ้อมเฉย ๆ” แอนดรูว์เอ่ยไม่ค่อยเต็มเสียง เมื่อในใจนั้นคิดจะลงสนามซ้อมอย่างแน่นอน หากผู้เป็นคู่หมั้นดูเหมือนจะรู้นิสัยกันดี มีหรือที่คนอย่างแอนดรูว์จะยอมนั่งดูเพื่อนอยู่เฉย ๆ
“พนันกันมั้ยล่ะ”
“แก๊บบี้ คุณชอบเล่นพนันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” แอนดรูว์เอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะอย่างล้อเลียน
“ก็น่าลองไม่ใช่เหรอคะ ถ้ารู้ว่าชนะแน่” เกเบรียลลาย่นจมูกใส่ชายหนุ่ม ก่อนจะออกจากห้องเธอหันมาพูดกับเขาอีกครั้ง
“ฉันไปทำงานแล้วนะคะ ถ้าวันนี้มีใครเห็นคุณควบม้าอยู่กลางสนามโปโลล่ะก็ คุณต้องไปร้องเพลงให้เด็ก ๆ ฟัง”
ก่อนที่ร่างบางจะผลุบหายออกไป แอนดรูว์ยังอุตส่าห์เห็นรอยยิ้มอย่างผู้ชนะระบายอยู่บนดวงหน้างดงามของคู่หมั้นสาว เขาโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ ครั้งนี้คงต้องยอมงดลงสนามซ้อมจริง ๆ ไม่อย่างนั้นเด็ก ๆ ที่ศูนย์คุ้มครองเป็นต้องฝันร้ายกันหมดแน่ ก็ขนาดเจ้าม้าคู่ใจของเขายังทนฟังเสียงเพลงของเจ้าของไม่ค่อยจะได้เลย
...............................................................
เสียงหัวเราะคิกคักของผู้หญิงทำให้คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน นิโคลัสมองออกไปทางประตูห้องทำงานที่เปิดอ้าเอาไว้ซึ่งเป็นที่มาของเสียงรบกวน เขาเห็นชาร์ลีกำลังเดินโอบไหล่หญิงสาวรูปร่างอวบอัดผู้เป็นเจ้าของเสียงหัวเราะแหลมสูงนั้นเดินผ่านไป แบรนดอนเองก็หันไปมองภาพอันคุ้นตานั้นเช่นกัน ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ชาร์ลีมักจะพาผู้หญิงมามั่วที่คฤหาสน์นี้เสมอ หากชายหนุ่มผู้เป็นพี่ชายบุญธรรมของนิโคลัสคนนี้ก็ฉลาดพอที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้บิดารู้
ชาร์ลีจูบแก้มคู่ขาฟอดใหญ่แล้วเปิดกระเป๋าสตางค์ควักธนบัตรส่งให้เจ้าหล่อนสองสามใบ หญิงสาวเจ้าของสะโพกทอร์นาโดรับเงินแล้วรีบจากไปอย่างรู้หน้าที่ จากนั้นชายหนุ่มจึงเดินกลับเข้าไปหานิโคลัสในห้องทำงาน
หากไม่ได้ยืนเทียบกับนิโคลัสแล้ว ชาร์ลีก็จัดว่าเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีคนหนึ่ง เขามีเส้นผมสีทองและดวงตาสีฟ้าสวย ชาร์ลีนั้นมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเสมอราวกับทั้งโลกนี้มีแต่เรื่องสนุก แม้แต่ในตอนนี้ที่ต้องเผชิญหน้ากับดวงตาคมที่เต็มไปด้วยเพลิงโทสะ ชายหนุ่มก็ยังคงยิ้มรับ
“เฮ้! นิค เห็นคนของนายไปบอกว่านายอยากพบฉัน” ชาร์ลีทักทายนิโคลัสด้วยน้ำเสียงร่าเริงจนเกินเหตุ
นิโคลัสไม่ได้ทักทายตอบ เขาโยนแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะโครมใหญ่ รอยยิ้มร่าเริงของชาร์ลีเจื่อนลงเล็กน้อยเมื่อเห็นตัวหนังสือที่ติดอยู่บนแฟ้ม ก่อนที่จะปรับสีหน้าได้อย่างรวดเร็ว
“นี่มันเรื่องอะไรกัน” ชายหนุ่มยังคงยิ้ม เขาทำท่าไม่รู้เรื่องได้แนบเนียนที่สุด ชาร์ลีตีบทแตกเสียจนนิโคลัสยังอดแค่นยิ้มออกมาไม่ได้
“ทำไมมันถึงขาดทุนย่อยยับขนาดนี้” นิโคลัสถามเสียงเย็นเสียจนชาร์ลีเสียวสันหลังวูบ ไม่ต้องเปิดดูก็รู้ว่าเป็นงบกำไรขาดทุนของบริษัทลูกที่เขาดูแลอยู่ แต่ทำไมนิโคลัสถึงได้รู้เรื่องเร็วขนาดนี้ เมื่อยังคิดคำแก้ตัวไม่ออก ชาร์ลีจึงใช้วิธียิ้มประจบเอาไว้ก่อนเหมือนเช่นเคย
“ไม่เอาน่ะน้องชาย เรามีตั้งหลายบริษัท ขาดทุนไปบ้างสักสองสามบริษัทก็ไม่เสียหายหรอกน่า” ชาร์ลีพูดด้วยน้ำเสียงรอมชอมพร้อมกับตบไหล่นิโคลัสอย่างสนิทสนม
“เอามือโสโครกของนายออกไปชาร์ลี เด็กข้างถนนที่พ่อเก็บมาเลี้ยงอย่างนาย อย่าได้เผยอตัวมาเป็นพี่ชายฉัน” นิโคลัสเอ่ยเสียงเข้ม น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยแววเหยียดหยามจนโทสะของชาร์ลีเดือดพล่าน ชายหนุ่มหันมองไปทางผู้รับใช้ของน้องชายบุญธรรม แม้แต่แบรนดอนยังกล้ายิ้มเยาะเขา ชาร์ลีกำหมัดแน่นอยู่ข้างลำตัว
“นายมีเวลาอีกสามเดือน ทำให้มันดีขึ้น” นิโคลัสหยิบแฟ้มบนโต๊ะโยนให้ชาร์ลีที่รีบรับก่อนที่มันจะลอยมากระแทกหน้าของเขา
“ออกไป!” นิโคลัสเอ่ยไล่โดยที่ชาร์ลียังไม่ทันได้มีโอกาสอ้าปากพูด
“แต่นิค..” ชายหนุ่มพยายามจะต่อรอง
“ออกไป!” เสียงตบโต๊ะดังสนั่น ชาร์ลีรีบลนลานออกไปจากห้องแทบไม่ทัน สวนกับไซม่อนหนึ่งในผู้ติดตามของนิโคลัสที่หน้าประตู
ไซม่อนเลิกคิ้วกับอาการกลั้นหัวเราะของแบรนดอนที่สุดท้ายก็หลุดเสียงหัวเราะออกมาจนได้
“นี่ผมพลาดเรื่องสนุกอะไรไปรึเปล่า” เขามองหน้าเจ้านายหนุ่ม นิโคลัสจึงหันไปนิ่วหน้าใส่แบรนดอน
“เลิกขำได้แล้วแบรนด์”
ราวกับประกาศิต แบรนดอนหยุดหัวเราะทันที เขาพยายามปั้นหน้าเคร่งขรึมเป็นงานเป็นการทั้งที่แววตายังพราวระยับ ไซม่อนมองเพื่อนด้วยความขบขันก่อนจะยื่นแฟ้มให้เจ้านาย
นิโคลัสรับไปเปิดดู ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้ลมหายใจของเขาแทบสะดุด หญิงสาวในภาพถ่ายช่างงดงามราวกับนางฟ้า เส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่ล้อมใบหน้ารูปไข่นั้นยาวสลวยเคลียบ่าบอบบาง คิ้วเรียวโก่งหนาพอดิบพอดี ดวงตาสีเดียวกับเส้นผมนั้นคมหวานดุจมีธารน้ำผึ้งหล่อเลี้ยงอยู่ภายใน จมูกโด่งงามรับกับริมฝีปากอิ่มสวย ชายหนุ่มเหมือนตกอยู่ใต้มนต์สะกดของสาวงามตรงหน้า กระทั่งเสียงกระแอมของไซม่อนดังขึ้นเรียกสติของเขากลับคืนมา
“ว่าไงไซม่อน” ดูเหมือนนิโคลัสจะเพิ่งหาเสียงของตัวเองพบ
ไซม่อนก้มหน้าลงซ่อนยิ้ม นี่แค่รูปถ่ายยังอาการหนักขนาดนี้ ถ้าเจ้านายได้เจอตัวจริงจะเป็นถึงขั้นไหนกัน
“คู่หมั้นของแอนดรูว์ เคลย์ตัน เธอชื่อเกเบรียลลา อลิซาเบธ สลีเฟิร์ท อายุยี่สิบห้าปี ปัจจุบันทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็กอยู่ที่ศูนย์คุ้มครองเด็กมาสเดน เคยเป็นจิตแพทย์ประจำตัวนายแอนดรูว์มาก่อน”
นิโคลัสนิ่วหน้าเล็กน้อย ทำไมแอนดรูว์ถึงต้องการจิตแพทย์ ชายหนุ่มรีบสะบัดศีรษะเพื่อปัดความคิดเหลวไหลออกไป แอนดรูว์จะเป็นยังไงก็ช่าง ยิ่งถ้าหมอนั่นไม่มีความสุขถึงขั้นต้องพึ่งจิตแพทย์ เขาก็ควรจะดีใจ นิโคลัสก้มลงพิจารณาภาพถ่ายอีกครั้ง
“ไม่ใช่ยูเรเชี่ยนแท้?” เขาถามโดยยังไม่ละสายตาจากรูปภาพ ดวงหน้าที่เห็นนั้นคมหวานกว่าชาวยุโรปทั่วไป
“ครับ คุณหมอสลีเฟิร์ทเป็นลูกสาวของนายแพทย์โทมัส กับนางฟรันเซสก้า สลีเฟิร์ท มารดาของเธอเป็นลูกครึ่งไทย-ชิลี” ไซม่อนตอบคำถามของเจ้านายหนุ่มอย่างไม่มีติดขัด
ไม่น่าประหลาดใจเท่าไหร่ ‘ส่วนผสมที่ลงตัวที่สุด’ นิโคลัสคิดในใจ ว่าที่พี่สะใภ้ของเขามีเชื้อสายถึงสามเชื้อชาติ ยุโรป เอเชีย ละตินอเมริกา และดูเหมือนหญิงสาวจะดึงเอาแต่ยีนส์เด่นของแต่ละเผ่าพันธุ์มาซะด้วย ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตากับไซม่อน
“ขอคำจำกัดความของเธอแบบสั้น ๆ”
“สวย เก่ง ฉลาด อ่อนโยนและรักเด็กครับ” ไซม่อนตอบโดยไม่ต้องหยุดคิด
“สุดยอดของความสมบูรณ์แบบ จริงมั้ย...ฉันควรจะทำยังไง” นิโคลัสขอความเห็นจากไซม่อนผู้ซึ่งได้รับมอบหมายให้สืบเรื่องราวของหญิงสาวอย่างละเอียด
“ก่อนอื่นเจ้านายคงต้องเริ่มจากการหัดรักเด็กให้ได้ก่อนครับ”
ทั้งไซม่อนและแบรนดอนต่างต้องหันไปยิ้มกับกำแพงห้องเมื่อเห็นสีหน้าของเจ้านาย ทั้งคู่รู้ดีว่านิโคลัสเข้ากับเด็ก ๆ ไม่ค่อยได้ เจ้านายของพวกเขาจะพยายามหลีกเลี่ยงให้ห่างไกลจากพวกเด็กตัวเล็ก ๆ อยู่เสมอ และตอนนี้ชายหนุ่มก็ทำหน้าเหมือนกับกำลังถูกบังคับให้กินยาขม
“เพราะคุณนิคคงต้องไปที่ศูนย์คุ้มครองเด็กบ่อย ๆ” ไซม่อนเอ่ยต่อเมื่อกลั้นหัวเราะได้สำเร็จ
หลังจากผู้ติดตามทั้งสองออกไปจากห้อง นิโคลัสก็หยิบแฟ้มประวัติของหญิงสาวขึ้นมาเปิดดูอีกครั้ง รอยยิ้มเย็นผุดขึ้นที่ริมฝีปากได้รูป
...ทูตสวรรค์เกเบรียล เธองดงามดั่งทูตสวรรค์สมชื่อ ช่วยไม่ได้จริง ๆ ที่เธอดันเป็นคู่หมั้นของแอนดรูว์ และเกเบรียลลากำลังจะต้องเผชิญหน้ากับเขา...นิโคลัส อีกนามหนึ่งของจอมมารลูซิเฟอร์...
......................................................................
แอนดรูว์กำลังลูบแผงคอลูกม้าตัวใหม่ที่เพิ่งได้รับเป็นของขวัญจากบิดาด้วยความรักใคร่ เด็กชายรักการขี่ม้าเป็นชีวิตจิตใจ เขาเงยหน้าขึ้นเมื่อแว่วเสียงเรียกมาแต่ไกล
“คุณหนูครับ คุณหนู”
เจนนิ่งส์วิ่งกระหืดกระหอบมาจากทางคฤหาสน์หลังงาม แอนดรูว์ยืนมองคนรับใช้ประจำตัวบิดาหยุดยืนหายใจหอบด้วยความขบขัน ตอนนี้เจนนิ่งส์หายใจแรงยิ่งกว่าม้าเสียอีก หลายวินาทีกว่าที่คนรับใช้หนุ่มจะควบคุมลมหายใจแล้วเปิดปากพูดขึ้นมาได้
“เร็วเถอะครับคุณแอนดรูว์ คุณนิคน้อยกำลังจะไปแล้ว”
“ไปไหนเจนนิ่งส์ นิคกี้จะไปไหน” รอยยิ้มขบขันเมื่อสักครู่จางหายไปอย่างรวดเร็ว แอนดรูว์กระตุกแขนเจนนิ่งส์เพื่อเร่งเร้าคำตอบ หากดูเหมือนคนรับใช้หนุ่มจะไม่สนใจตอบคำถามของเจ้านายน้อย เขาคว้าแขนแอนดรูว์พาวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
แอนดรูว์วิ่งด้วยความเร็วที่แทบจะทำลายสถิติของเด็กวัยสิบขวบทุกคน เมื่อไปถึงเขาเห็นนิโคลัสกำลังถูกผู้ชายตัวโตคนหนึ่งอุ้มขึ้นรถยนต์คันหรูพอดี น้องชายของเขาส่งเสียงร้องดังลั่นพร้อมทั้งเตะขาไปมา กำปั้นน้อย ๆ เหวี่ยงเปะปะไปโดนชายผู้นั้นหลายที แต่ดูเหมือนฤทธิ์กำปั้นของนิคน้อยจะไม่มีผลอะไร สุดท้ายนิโคลัสจึงก้มลงกัดแขนคนอุ้มเต็มแรง หากผู้ชายคนนั้นเพียงแค่ร้องออกมาเบา ๆ แล้วจับตัวเด็กชายยัดเข้าไปในรถได้เป็นผลสำเร็จ
ประตูรถปิดอย่างแรงก่อนที่แอนดรูว์จะถลาไปถึง เขาหันไปมองบิดา นายเอ็ดเวิร์ดเพียงยืนมองด้วยแววตาเฉยชา ในขณะที่ผู้เป็นแม่กำลังร้องไห้ฟูมฟายอยู่บนพื้นหินอ่อนด้านหน้าคฤหาสน์ ใบหน้างดงามนั้นเงยขึ้นมองบิดาของเขาอย่างตัดพ้อ เสียงคร่ำครวญดังไม่ขาดจากริมฝีปากบางได้รูป “คุณผิดสัญญา...คุณไม่รักษาสัญญา”
หากแอนดรูว์ไม่สนใจกับเสียงครวญคร่ำของมารดา เด็กชายตัดสินใจวิ่งตามรถยนต์ออกไป
“นิคกี้!” เขาวิ่งไปพร้อมกับตะโกนเรียกน้องชาย
ทั้งที่ไม่คิดว่านิโคลัสจะได้ยิน แต่นิคกี้ของเขาก็โผล่ศีรษะเล็ก ๆ ขึ้นมามองผ่านทางกระจกด้านหลังของรถ ใบหน้าของเด็กชายตัวน้อยมอมแมมไปด้วยคราบน้ำตา เส้นผมสีดำสนิทนั้นดูยุ่งเหยิง มือเล็ก ๆ เอื้อมมาหาเขาที่เป็นพี่ชาย ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจัดมองตรงมาด้วยความหวังทำให้แอนดรูว์พยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น หากดูเหมือนยิ่งเร่ง ใบหน้าน้อย ๆ นั้นก็จะยิ่งห่างไกลออกไปทุกที ในที่สุดรถยนต์คันนั้นก็เหลือเพียงจุดเล็ก ๆ ก่อนจะลับหายไปจากสายตา
แอนดรูว์ก้มตัวลงใช้มือยันกับหัวเข่า ตอนนี้แม้แต่แรงจะยืนยังแทบจะไม่มี เด็กชายอ้าปากหอบฮัก ดวงตาสีเทาสวยจ้องมองไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้า หัวใจน้อย ๆ ของเด็กชายวัยสิบขวบรู้สึกราวกับถูกบีบอย่างแรงเมื่อคิดว่าจะไม่ได้เห็นแววตาซุกซนของน้องชายอีกต่อไปแล้ว
“กลับเถอะครับคุณหนู”
คนรับใช้หนุ่มวิ่งตามเด็กชายออกมา แม้แอนดรูว์จะโตจนแขนขาเริ่มยาวเก้งก้าง แต่เจนนิ่งส์ก็ก้มลงอุ้มเจ้านายน้อยขึ้นในอ้อมแขน แอนดรูว์ซบหน้าลงกับไหล่ของชายหนุ่ม เด็กชายไม่เคยโกรธบิดาเท่าวันนี้มาก่อน เขารู้ว่าผู้เป็นพ่อไม่ค่อยรักนิโคลัสนัก แต่ในฐานะพ่อ นายเอ็ดเวิร์ดก็ควรจะปกป้องลูกชายของตัวเองมากกว่านี้
เจนนิ่งส์วางตัวแอนดรูว์ลงที่หน้าคฤหาสน์ เด็กชายวิ่งเข้าไปด้านในทันที เขาวิ่งเข้าห้องโน้นออกห้องนี้ก่อนจะพบบิดาและมารดาที่ห้องทำงานของผู้นำตระกูลเคลย์ตัน นายเอ็ดเวิร์ดกำลังยืนพิงโต๊ะทำงาน ในขณะที่ผู้เป็นแม่นั่งซับน้ำตาอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง แอนดรูว์ไม่สนใจสีหน้าเคร่งเครียดของคนทั้งคู่ เขาตรงรี่เข้าไปต่อว่าบิดา
“พ่อครับ! ทำไมพ่อปล่อยให้เขาเอาตัวนิคกี้ไป”
นายเอ็ดเวิร์ดเบือนหน้าหนี หากเด็กชายยังคงเดินอ้อมไปหยุดอยู่หน้าผู้เป็นพ่อ เขาจ้องหน้านายเอ็ดเวิร์ดอย่างโกรธเคือง
“น้องเป็นลูกของพ่อนะ” แอนดรูว์ตะเบ็งเสียงใส่บิดา
“ไม่ใช่! มันไม่ใช่ลูกฉัน...มันเป็นลูกชู้” ผู้เป็นพ่อหมดความอดทน เขาตวาดกลับมาอย่างเดือดดาล ดวงตาสีเทาเหมือนกับของบุตรชายเต็มไปด้วยแววเคียดแค้น น้ำเสียงยามเมื่อเอ่ยคำสุดท้ายเจือไปด้วยความเจ็บช้ำ
แอนดรูว์ตะลึงงันด้วยความตกใจ เขาโตพอจะเข้าใจถึงความหมายของคำว่า ‘ลูกชู้’ หูของเด็กชายแว่วเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดแสนสาหัสของมารดา พลันเขาก็รู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนที่ต้นแขน พร้อมกับเสียงเรียกชื่อ เสียงนั้นนุ่มนวลและแผ่วเบา ก่อนที่จะค่อย ๆ ดังขึ้น...ดังขึ้น
“แอนดี้คะ...แอนดี้”
แอนดรูว์ลืมตาขึ้นอย่างงุนงง ใครคนหนึ่งกำลังเขย่าต้นแขนเขาเบา ๆ ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งพร้อมกับยกมือขึ้นลูบใบหน้าชื้นเหงื่อของตัวเอง รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นดวงหน้าคมหวานอันคุ้นตา
“แก๊บบี้”
“ฝันเหมือนเดิมอีกแล้วเหรอคะ” เกเบรียลลาถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง หญิงสาวเข้ามาทันได้เห็นคู่หมั้นหนุ่มนอนกระสับกระส่ายราวกับกำลังฝันร้าย
แอนดรูว์พยักหน้ารับ เกเบรียลลาเคยเป็นจิตแพทย์ประจำตัวของเขามาก่อนที่ทั้งคู่จะหมั้นกัน หญิงสาวรู้เรื่องความฝันของเขาเป็นอย่างดี เขามีปัญหาเกี่ยวกับฝันร้ายมาตั้งแต่เด็ก รุนแรงมากขึ้นจนแทบไม่อยากหลับ ฝันร้ายเริ่มขึ้นหลังการจากไปของมารดาไม่นานนัก
เมื่อลูกชายคนเล็กถูกพรากไปจากอก นาตาเลียก็เอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญ มารดาของแอนดรูว์จะกรีดร้องราวกับคนเสียสติทุกครั้งที่ผู้เป็นสามีเข้าใกล้ ผ่านไปไม่นานหญิงสาวก็เสียชีวิตลง เด็กชายแอนดรูว์เป็นคนแรกที่เข้าไปพบ ใบหน้าที่เคยงดงามของผู้เป็นแม่บิดเบ้จากความทรมาน ดวงตาทั้งสองข้างเหลือกลาน ฟองสีขาวไหลเป็นทางจากมุมปาก เขารีบวิ่งไปหานายเอ็ดเวิร์ด แอนดรูว์จำได้ราง ๆ ถึงความอลหม่านวุ่นวายในวันนั้น ในเวลาต่อมาเขาก็รับรู้จากเสียงซุบซิบของคนรับใช้ว่าแม่ฆ่าตัวตายด้วยการกินยาแก้ปวดเกินขนาด
แล้วเขาก็เริ่มฝัน ทุกครั้งความฝันจะเริ่มต้นที่การจากไปของน้องชายและจบลงที่สภาพเลวร้ายของมารดาเสมอ ครั้งนี้ก็คงจะเหมือนเดิมอีก ถ้าเกเบรียลลาไม่เข้ามาปลุกเขาเสียก่อน
“คุณเลิกฝันไปนานแล้วนี่ ทำไมถึงกลับมาฝันอีกล่ะคะ” คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความสงสัย หรือเธอจะบำบัดอาการของแอนดรูว์ไม่สำเร็จอย่างที่เคยเข้าใจ
“สงสัยเพราะคุณพ่อเพิ่งจะจากไป ผมก็เลยกลับมาฝันอีก ไม่มีอะไรน่าวิตกหรอก” เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของจิตแพทย์สาวผู้เป็นคู่หมั้น แอนดรูว์จึงส่งยิ้มร่าเริงพร้อมกับบีบมือเรียวบางนั้นเบา ๆ อย่างปลอบใจ
“ว่าแต่วันนี้ทำไมคุณหมอสลีเฟิร์ทถึงมาปลุกผมถึงห้องนอนเลยฮึ” แอนดรูว์ลุกขึ้นยืน เขาเอื้อมมือไปบีบปลายจมูกหญิงสาวเบา ๆ พร้อมกับแกล้งทำสีหน้ากรุ้มกริ่ม เกเบรียลลารีบเบนศีรษะหลบเมื่อแอนดรูว์ปล่อยนิ้วออกจากปลายจมูกโด่งงามของเธอ หญิงสาวถลึงตาใส่ชายหนุ่มเพื่อกำราบความซุกซนของเขา หากคู่หมั้นหนุ่มกลับปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างขบขัน
“เจนนิ่งส์โทรไปบอกว่าคุณไม่ค่อยสบาย”
“ผมสบายดี…โอเค ใช่ ก็แค่มีไข้นิดหน่อย ตอนนี้หายแล้ว” แอนดรูว์รีบพูดต่อเมื่อเห็นสีหน้าไม่เชื่อของหญิงสาว
“ดีนะ เป็นเองแล้วก็หายเองได้ อย่างนี้หมอตกงานกันหมด” เกเบรียลลาหันไปหยิบปรอทจากชุดปฐมพยาบาลที่เจนนิ่งส์เตรียมไว้ให้ขึ้นมาสะบัดสองสามครั้งก่อนจะส่งเข้าปากคู่หมั้นหนุ่มที่รีบอ้าปากรับแต่โดยดี
“เจ้าหนูเจมี่เป็นยังไงบ้าง” แอนดรูว์นึกขึ้นได้ถึงเจ้าตัวแพร่เชื้อไข้หวัด คนไข้ตัวโตหยิบปรอทออกจากปากแล้วก็ต้องรีบยัดเข้าไปใหม่เมื่อคุณหมอสาวหันกลับมาหลังจากได้ยินคำถาม เกเบรียลลานิ่วหน้าอย่างรู้ทัน เธอก้มลงดูนาฬิกาชั่วครู่ก่อนจะดึงปรอทออกจากปากของชายหนุ่ม
“ไข้ไม่สูง เดี๋ยวทานยาสักหน่อยแล้วกันนะคะ”
“เป็นจิตแพทย์น่ะ รักษาโรคได้ด้วยเหรอ” ชายหนุ่มแกล้งถามทั้งที่รู้ดีว่าอาการไข้เล็กน้อยของเขา หมอไหนก็รักษาได้ทั้งนั้น
“ไม่แน่ใจค่ะ เพราะเพิ่งรักษาเป็นครั้งแรกเหมือนกัน แต่รับรองว่ารักษาโรคชอบก่อกวนได้แน่นอน” เกเบรียลลาหยิบไม้โปโลที่วางอยู่ข้างเตียงขึ้นมาหวดไปมาพร้อมกับส่งยิ้มหวานจ๋อยให้ชายหนุ่ม ยิ้มกว้างของแอนดรูว์กลายเป็นรอยยิ้มแหยทันควัน เขาพยายามทำสีหน้าให้ดูเรียบร้อยเสียจนหญิงสาวอดขำไม่ได้
“ว่าไงล่ะ” ชายหนุ่มยังไม่ลืมทวงคำตอบ
“อะไรคะ”
“ก็เจมี่ไง แกเป็นยังไงบ้าง” น้ำเสียงชักเริ่มร้อนรนด้วยความเป็นห่วงจริง ๆ
“อ๋อ! ดีขึ้นแล้วค่ะ นี่ก็งอแงร้องหาเพื่อนเล่นคนโปรดทุกวัน”
เจ้าหนูเจมี่เป็นเด็กที่อยู่ในศูนย์คุ้มครองซึ่งเกเบรียลลาทำงานเป็นจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยาเด็ก หลังจากเรียบจบหญิงสาวก็มาเป็นจิตแพทย์ประจำตัวแอนดรูว์ เธอค่อนข้างแปลกใจที่เขายอมรับให้เธอทำงานนี้ ทั้งที่เธอเคยได้ยินมาว่าเขาไม่ยอมคุยกับจิตแพทย์ที่นายเอ็ดเวิร์ดพยายามหามาบำบัดอาการฝันร้ายของลูกชายเลยสักคน เกเบรียลลาเพิ่งมารู้สาเหตุจากเจ้าตัวหลังจากทั้งสองกลายมาเป็นคู่หมั้นกันว่า “เห็นจบมาใหม่ ๆ สงสาร” มันน่าโมโหไหมล่ะ ที่รู้ว่าได้งานเพราะความสงสารของคนไข้
หากความสงสารของแอนดรูว์กลับทำให้เธอได้รับการยอมรับในฐานะจิตแพทย์สาวผู้มีความสามารถ หลังจากบำบัดอาการฝันร้ายของชายหนุ่มสำเร็จเธอจึงได้เข้าไปทำงานที่ศูนย์คุ้มครองเด็ก เกเบรียลลาเองเพิ่งรู้ว่าคู่หมั้นของตัวเองเป็นคนรักเด็กเอามาก ๆ เมื่อเขาแวะไปหาเธอที่ทำงาน
ชายหนุ่มกลายเป็นเพื่อนเล่นตัวโข่งของบรรดาคนไข้ตัวน้อยของเธอ โดยเฉพาะเจ้าหนูเจมี่ที่กลายเป็นคนโปรดของแอนดรูว์ตั้งแต่วันแรก มิใยที่เธอจะแกล้งว่าเขาลำเอียง แต่ชายหนุ่มกลับยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบาน “ฮื่อ...ก็เจ้าหนูนี่อยากเหมือนนิคกี้ทำไมล่ะ”
เกเบรียลลารู้จักน้องชายของคู่หมั้นแค่เพียงจากภาพถ่ายและคำบอกเล่าของแอนดรูว์ นิคกี้น้อยวัยหกขวบในภาพถ่ายนั้นมีเส้นผมสีดำสนิทเหมือนกับหนูน้อยเจมี่ ดวงตาของทั้งคู่เป็นสีน้ำเงินเหมือนกัน แต่สีตาของนิโคลัสนั้นเข้มกว่ามาก หญิงสาวยังไม่เคยเห็นใครที่มีดวงตาสีน้ำเงินเข้มจัดเท่านี้มาก่อนเลย
แอนดรูว์ยิ้มกว้างกับคำตอบของหญิงสาว ถ้าเขาหายไข้ดีแล้วคงต้องรีบไปรายงานตัวกับเจ้าตัวแสบซะหน่อย
“วันนี้คุณจะออกไปไหนรึเปล่าคะ ถ้าไม่มีอะไรสำคัญ ฉันว่าอยู่บ้านพักผ่อนดีกว่า” เกเบรียลลาหันไปทำความสะอาดปรอทแล้วเก็บลงกล่อง ก่อนจะคว้าชุดปฐมพยาบาลขึ้นมาถือ
“ผมหายแล้วล่ะ กะว่าจะเข้าบริษัทแล้วก็แวะไปสนามซ้อมสักหน่อย ถ้าขืนมัวแต่นอน ปีนี้ชวดแชมป์โปโลแหง ๆ” แอนดรูว์ฉวยผ้าขนหนูขึ้นมาพาดไหล่เตรียมอาบน้ำ นอกจากการดูแลธุรกิจของบิดาแล้ว ชายหนุ่มยังมีงานอดิเรกเป็นนักกีฬาโปโลอีกด้วย ทีมของเขาเป็นแชมป์โปโลการกุศลมาเจ็ดสมัยแล้ว
“แต่ถ้าขืนคุณไปตากแดดซ้อมโปโลล่ะก็ คุณคงได้ดูเพื่อน ๆ ฉลองแชมป์อยู่ข้างสนามแทนแน่ ๆ”
“ผมแค่ไปดูเพื่อนซ้อมเฉย ๆ” แอนดรูว์เอ่ยไม่ค่อยเต็มเสียง เมื่อในใจนั้นคิดจะลงสนามซ้อมอย่างแน่นอน หากผู้เป็นคู่หมั้นดูเหมือนจะรู้นิสัยกันดี มีหรือที่คนอย่างแอนดรูว์จะยอมนั่งดูเพื่อนอยู่เฉย ๆ
“พนันกันมั้ยล่ะ”
“แก๊บบี้ คุณชอบเล่นพนันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” แอนดรูว์เอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะอย่างล้อเลียน
“ก็น่าลองไม่ใช่เหรอคะ ถ้ารู้ว่าชนะแน่” เกเบรียลลาย่นจมูกใส่ชายหนุ่ม ก่อนจะออกจากห้องเธอหันมาพูดกับเขาอีกครั้ง
“ฉันไปทำงานแล้วนะคะ ถ้าวันนี้มีใครเห็นคุณควบม้าอยู่กลางสนามโปโลล่ะก็ คุณต้องไปร้องเพลงให้เด็ก ๆ ฟัง”
ก่อนที่ร่างบางจะผลุบหายออกไป แอนดรูว์ยังอุตส่าห์เห็นรอยยิ้มอย่างผู้ชนะระบายอยู่บนดวงหน้างดงามของคู่หมั้นสาว เขาโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ ครั้งนี้คงต้องยอมงดลงสนามซ้อมจริง ๆ ไม่อย่างนั้นเด็ก ๆ ที่ศูนย์คุ้มครองเป็นต้องฝันร้ายกันหมดแน่ ก็ขนาดเจ้าม้าคู่ใจของเขายังทนฟังเสียงเพลงของเจ้าของไม่ค่อยจะได้เลย
...............................................................
เสียงหัวเราะคิกคักของผู้หญิงทำให้คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน นิโคลัสมองออกไปทางประตูห้องทำงานที่เปิดอ้าเอาไว้ซึ่งเป็นที่มาของเสียงรบกวน เขาเห็นชาร์ลีกำลังเดินโอบไหล่หญิงสาวรูปร่างอวบอัดผู้เป็นเจ้าของเสียงหัวเราะแหลมสูงนั้นเดินผ่านไป แบรนดอนเองก็หันไปมองภาพอันคุ้นตานั้นเช่นกัน ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ชาร์ลีมักจะพาผู้หญิงมามั่วที่คฤหาสน์นี้เสมอ หากชายหนุ่มผู้เป็นพี่ชายบุญธรรมของนิโคลัสคนนี้ก็ฉลาดพอที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้บิดารู้
ชาร์ลีจูบแก้มคู่ขาฟอดใหญ่แล้วเปิดกระเป๋าสตางค์ควักธนบัตรส่งให้เจ้าหล่อนสองสามใบ หญิงสาวเจ้าของสะโพกทอร์นาโดรับเงินแล้วรีบจากไปอย่างรู้หน้าที่ จากนั้นชายหนุ่มจึงเดินกลับเข้าไปหานิโคลัสในห้องทำงาน
หากไม่ได้ยืนเทียบกับนิโคลัสแล้ว ชาร์ลีก็จัดว่าเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีคนหนึ่ง เขามีเส้นผมสีทองและดวงตาสีฟ้าสวย ชาร์ลีนั้นมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเสมอราวกับทั้งโลกนี้มีแต่เรื่องสนุก แม้แต่ในตอนนี้ที่ต้องเผชิญหน้ากับดวงตาคมที่เต็มไปด้วยเพลิงโทสะ ชายหนุ่มก็ยังคงยิ้มรับ
“เฮ้! นิค เห็นคนของนายไปบอกว่านายอยากพบฉัน” ชาร์ลีทักทายนิโคลัสด้วยน้ำเสียงร่าเริงจนเกินเหตุ
นิโคลัสไม่ได้ทักทายตอบ เขาโยนแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะโครมใหญ่ รอยยิ้มร่าเริงของชาร์ลีเจื่อนลงเล็กน้อยเมื่อเห็นตัวหนังสือที่ติดอยู่บนแฟ้ม ก่อนที่จะปรับสีหน้าได้อย่างรวดเร็ว
“นี่มันเรื่องอะไรกัน” ชายหนุ่มยังคงยิ้ม เขาทำท่าไม่รู้เรื่องได้แนบเนียนที่สุด ชาร์ลีตีบทแตกเสียจนนิโคลัสยังอดแค่นยิ้มออกมาไม่ได้
“ทำไมมันถึงขาดทุนย่อยยับขนาดนี้” นิโคลัสถามเสียงเย็นเสียจนชาร์ลีเสียวสันหลังวูบ ไม่ต้องเปิดดูก็รู้ว่าเป็นงบกำไรขาดทุนของบริษัทลูกที่เขาดูแลอยู่ แต่ทำไมนิโคลัสถึงได้รู้เรื่องเร็วขนาดนี้ เมื่อยังคิดคำแก้ตัวไม่ออก ชาร์ลีจึงใช้วิธียิ้มประจบเอาไว้ก่อนเหมือนเช่นเคย
“ไม่เอาน่ะน้องชาย เรามีตั้งหลายบริษัท ขาดทุนไปบ้างสักสองสามบริษัทก็ไม่เสียหายหรอกน่า” ชาร์ลีพูดด้วยน้ำเสียงรอมชอมพร้อมกับตบไหล่นิโคลัสอย่างสนิทสนม
“เอามือโสโครกของนายออกไปชาร์ลี เด็กข้างถนนที่พ่อเก็บมาเลี้ยงอย่างนาย อย่าได้เผยอตัวมาเป็นพี่ชายฉัน” นิโคลัสเอ่ยเสียงเข้ม น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยแววเหยียดหยามจนโทสะของชาร์ลีเดือดพล่าน ชายหนุ่มหันมองไปทางผู้รับใช้ของน้องชายบุญธรรม แม้แต่แบรนดอนยังกล้ายิ้มเยาะเขา ชาร์ลีกำหมัดแน่นอยู่ข้างลำตัว
“นายมีเวลาอีกสามเดือน ทำให้มันดีขึ้น” นิโคลัสหยิบแฟ้มบนโต๊ะโยนให้ชาร์ลีที่รีบรับก่อนที่มันจะลอยมากระแทกหน้าของเขา
“ออกไป!” นิโคลัสเอ่ยไล่โดยที่ชาร์ลียังไม่ทันได้มีโอกาสอ้าปากพูด
“แต่นิค..” ชายหนุ่มพยายามจะต่อรอง
“ออกไป!” เสียงตบโต๊ะดังสนั่น ชาร์ลีรีบลนลานออกไปจากห้องแทบไม่ทัน สวนกับไซม่อนหนึ่งในผู้ติดตามของนิโคลัสที่หน้าประตู
ไซม่อนเลิกคิ้วกับอาการกลั้นหัวเราะของแบรนดอนที่สุดท้ายก็หลุดเสียงหัวเราะออกมาจนได้
“นี่ผมพลาดเรื่องสนุกอะไรไปรึเปล่า” เขามองหน้าเจ้านายหนุ่ม นิโคลัสจึงหันไปนิ่วหน้าใส่แบรนดอน
“เลิกขำได้แล้วแบรนด์”
ราวกับประกาศิต แบรนดอนหยุดหัวเราะทันที เขาพยายามปั้นหน้าเคร่งขรึมเป็นงานเป็นการทั้งที่แววตายังพราวระยับ ไซม่อนมองเพื่อนด้วยความขบขันก่อนจะยื่นแฟ้มให้เจ้านาย
นิโคลัสรับไปเปิดดู ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้ลมหายใจของเขาแทบสะดุด หญิงสาวในภาพถ่ายช่างงดงามราวกับนางฟ้า เส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่ล้อมใบหน้ารูปไข่นั้นยาวสลวยเคลียบ่าบอบบาง คิ้วเรียวโก่งหนาพอดิบพอดี ดวงตาสีเดียวกับเส้นผมนั้นคมหวานดุจมีธารน้ำผึ้งหล่อเลี้ยงอยู่ภายใน จมูกโด่งงามรับกับริมฝีปากอิ่มสวย ชายหนุ่มเหมือนตกอยู่ใต้มนต์สะกดของสาวงามตรงหน้า กระทั่งเสียงกระแอมของไซม่อนดังขึ้นเรียกสติของเขากลับคืนมา
“ว่าไงไซม่อน” ดูเหมือนนิโคลัสจะเพิ่งหาเสียงของตัวเองพบ
ไซม่อนก้มหน้าลงซ่อนยิ้ม นี่แค่รูปถ่ายยังอาการหนักขนาดนี้ ถ้าเจ้านายได้เจอตัวจริงจะเป็นถึงขั้นไหนกัน
“คู่หมั้นของแอนดรูว์ เคลย์ตัน เธอชื่อเกเบรียลลา อลิซาเบธ สลีเฟิร์ท อายุยี่สิบห้าปี ปัจจุบันทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็กอยู่ที่ศูนย์คุ้มครองเด็กมาสเดน เคยเป็นจิตแพทย์ประจำตัวนายแอนดรูว์มาก่อน”
นิโคลัสนิ่วหน้าเล็กน้อย ทำไมแอนดรูว์ถึงต้องการจิตแพทย์ ชายหนุ่มรีบสะบัดศีรษะเพื่อปัดความคิดเหลวไหลออกไป แอนดรูว์จะเป็นยังไงก็ช่าง ยิ่งถ้าหมอนั่นไม่มีความสุขถึงขั้นต้องพึ่งจิตแพทย์ เขาก็ควรจะดีใจ นิโคลัสก้มลงพิจารณาภาพถ่ายอีกครั้ง
“ไม่ใช่ยูเรเชี่ยนแท้?” เขาถามโดยยังไม่ละสายตาจากรูปภาพ ดวงหน้าที่เห็นนั้นคมหวานกว่าชาวยุโรปทั่วไป
“ครับ คุณหมอสลีเฟิร์ทเป็นลูกสาวของนายแพทย์โทมัส กับนางฟรันเซสก้า สลีเฟิร์ท มารดาของเธอเป็นลูกครึ่งไทย-ชิลี” ไซม่อนตอบคำถามของเจ้านายหนุ่มอย่างไม่มีติดขัด
ไม่น่าประหลาดใจเท่าไหร่ ‘ส่วนผสมที่ลงตัวที่สุด’ นิโคลัสคิดในใจ ว่าที่พี่สะใภ้ของเขามีเชื้อสายถึงสามเชื้อชาติ ยุโรป เอเชีย ละตินอเมริกา และดูเหมือนหญิงสาวจะดึงเอาแต่ยีนส์เด่นของแต่ละเผ่าพันธุ์มาซะด้วย ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตากับไซม่อน
“ขอคำจำกัดความของเธอแบบสั้น ๆ”
“สวย เก่ง ฉลาด อ่อนโยนและรักเด็กครับ” ไซม่อนตอบโดยไม่ต้องหยุดคิด
“สุดยอดของความสมบูรณ์แบบ จริงมั้ย...ฉันควรจะทำยังไง” นิโคลัสขอความเห็นจากไซม่อนผู้ซึ่งได้รับมอบหมายให้สืบเรื่องราวของหญิงสาวอย่างละเอียด
“ก่อนอื่นเจ้านายคงต้องเริ่มจากการหัดรักเด็กให้ได้ก่อนครับ”
ทั้งไซม่อนและแบรนดอนต่างต้องหันไปยิ้มกับกำแพงห้องเมื่อเห็นสีหน้าของเจ้านาย ทั้งคู่รู้ดีว่านิโคลัสเข้ากับเด็ก ๆ ไม่ค่อยได้ เจ้านายของพวกเขาจะพยายามหลีกเลี่ยงให้ห่างไกลจากพวกเด็กตัวเล็ก ๆ อยู่เสมอ และตอนนี้ชายหนุ่มก็ทำหน้าเหมือนกับกำลังถูกบังคับให้กินยาขม
“เพราะคุณนิคคงต้องไปที่ศูนย์คุ้มครองเด็กบ่อย ๆ” ไซม่อนเอ่ยต่อเมื่อกลั้นหัวเราะได้สำเร็จ
หลังจากผู้ติดตามทั้งสองออกไปจากห้อง นิโคลัสก็หยิบแฟ้มประวัติของหญิงสาวขึ้นมาเปิดดูอีกครั้ง รอยยิ้มเย็นผุดขึ้นที่ริมฝีปากได้รูป
...ทูตสวรรค์เกเบรียล เธองดงามดั่งทูตสวรรค์สมชื่อ ช่วยไม่ได้จริง ๆ ที่เธอดันเป็นคู่หมั้นของแอนดรูว์ และเกเบรียลลากำลังจะต้องเผชิญหน้ากับเขา...นิโคลัส อีกนามหนึ่งของจอมมารลูซิเฟอร์...
......................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ