รักหมดใจยัย(วิญญาณ)จอมเปิ่น
5.8
6) จิตที่เชื่อมโยง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดมิลรู้สึกสงสารรุ่นน้องคนนี้จับใจเพราะเขาเองก็เจอเหตุการณ์ลักษณะนี้มาเหมือนกันแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร เสียงกริ่งบ้านก็ดังขึ้น เหล่าเพื่อนบ้านต่างมายืนออที่หน้าบ้านของเขาเหมือนรอดูอะไรสักอย่าง เมื่อมิลเปิดประตูออกไปทุกคนต่างถามเป็นเสียงเดียวกัน
"มิลเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า พวกน้าได้ยินเสียงร้องดังสนั่นเลย"
มิลรีบทำหน้าฝืนยิ้มแหยๆ แล้วตอบกลับไปแบบอายๆ
"ไม่มีอะไรหรอกครับน้า ผมนั่งดูหนังอยู่ สงสัยผมเปิดเสียงดังไป ขอโทษจริงๆนะครับ"
เมื่อพูดจบทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันไปบ้างก็ส่งสายตาเชิงตำหนิ มิลรีบหันหลังกลับด้วยความเขินอาย ระหว่างที่กำลังเดินกลับห้องมิลกลับได้ยินเสียงของมิ้นดังก้องในโสตประสาทเหมือนเธอกำลังพูดอยู่ข้างๆเขา แต่เมื่อเขากลับไปถึงห้อง มิ้นกลับนิ่งเฉยอยู่บนเก้าอี้ไม้ใกล้ๆกับโต๊ะคอมพิวเตอร์และปากของเธอก็ไม่ได้ขยับเลยแม้แต่น้อย มิลยืนมองดูภาพเบื้องหน้าอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่เสียงภาวนาอย่าให้เขาผลักไสเธอไปก็ยังก้องในหัวเขาไม่เลิก
"นี่มันอะไรกันวะเนี่ย ทำไมเสียงยัยนั่นมาวนอยู่ในหัวเราได้" มิลคิดขึ้นในใจด้วยความสับสนวุ่นวาย ทันใดนั้นก็เงยหน้ามาถามอย่างตกใจ
"พี่ได้ยินที่หนูคิดเหรอ" มิลแทบสะดุ้งกับสิ่งที่มิ้นถาม
"มิ้นเธอรู้เหรอฉันคิดอะไร"
"ก็เสียงของพี่มันดังขึ้นในหัวหนูนี่นา"
เมื่อทุกอย่างเริ่มสับสนมิลตัดสินพูดออกมาให้ได้ยินทั้งสองฝ่าย
"มิ้นบอกที ตอนนี้พี่พูดอะไรอยู่ในใจ"
ทุกคำพูดที่เขาและเธอคิดทั้งสองสามารถตอบกลับได้อย่างถูกต้องทุกประการ ไม่ว่าจะพูดอะไรในใจอีกฝ่ายรับรู้ได้ทั้งหมด ตอนนั้นแม้จะสงสารมากแค่ไหนมิลยังอดรู้สึกอึดอัดไม่ได้ เพราะเขารู้ทันทีว่าจากนี้ๆความเป็นส่วนตัวจะไม่เหลืออีกแล้ว ทั้งยังมีวิญญาณของใครอีกคนมาอาศัยอยู่ด้วย
ด้วยใจที่กำลังว้าวุ่นทำให้ตลอดคืนนั้นมิลไม่สามารถข่มตาหลับได้ แม้ตัวจะนอนนิ่งบนเตียงแต่ดวงตาทั้งสองข้างกลับจ้องอยู่ที่มิ้นที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมไม่ขยับไปไหน ใบหน้าอันแสนเศร้าของเธอชวนให้เขารู้สึกหดหู่ใจไม่น้อย
เช้าวันต่อมามิลรีบลุกขึ้นมาจัดการธุระส่วนตัวแล้วออกจากบ้านไปขึ้นรถเพื่อเดินทางไปมหาวิทยาลัย ระหว่างทางนั้นเองจู่ๆก็มีใครคนหนึ่งมานั่งบนที่นั่งข้างๆเขา ทั้งที่รถยังมีที่ว่างอีกมากมาย เมื่อเขากันไปก็ได้พบกับหญิงวัยกลางคนผู้นั้นที่เคยทักเขาเมื่อครั้งก่อน
มิลจึงหันหน้าหนีแล้วทำเป็นไม่สนใจ แต่เมื่อเธอพูดออกก็ทำให้เขาถึงกับหยุดชะงัก
"ได้เจอเขาแล้วสิ เจ้าของตัวจริงน่ะ สงสัยมั้ยล่ะทำไมเธอทั้งสองถึงสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องพูดออกมา" มิลถึงกับชะงักเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาค่อยๆหันกลับไปมองช้าๆและหญิงคนนั้นก็พูดต่อ
"เจ้าหนุ่ม เธอไปพูดทำนองเชิญเขามาแล้วใช่มั้ย ไม่ต้องสงสัยหรอกตอนนี้จิตของเธอทั้งสองจะสื่อกันติดแล้ว ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรในใจ อีกฝ่ายจะรับรู้ได้ทั้งหมด ตราบเท่าที่เธอยังมีมือถือนั้นติดตัว ส่วนสาวน้อยคนนั้นเธอยังไม่ตาย แต่เธอจะกลับเข้าร่างไม่ได้ จนกว่าสามารถหาสิ่งที่เป็นเหตุให้เธอก่ออกุศลกรรมนี้ได้"
ตอนนั้นมิลรีบหันหน้ากลับไปแล้วถามกลับ
"อะไรที่ทำให้เธอหลุดพ้นได้ แล้วผมจะทำอะไรได้"
"กรรมใครก็กรรมมัน เธอทำได้ก็แค่ทำบุญให้เขา อย่างที่ป้าเคยบอกไป เขาจะติดกับมือถือเครื่องนั้นไปทุกที่ หนุ่มน้อยตราบที่เธอยังมีมือถือนี้ติดตัว ตราบนั้นเขาจะตามและรู้ทุกอย่างที่เธอกำลังคิดในใจ แม้จะไม่ได้พูดออกมาก ส่วนจะทำยังไงต่อนั้นป้าคงบอกไม่ได้"
เธอพูดจบแล้วก็ลุกจากไป ปล่อยให้มันนั่งคบคิดต่อไปเพียงลำพัง โดยมีวิญญาณของมิ้นยืนพังอยู่ใกล้ๆ
"มิลเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า พวกน้าได้ยินเสียงร้องดังสนั่นเลย"
มิลรีบทำหน้าฝืนยิ้มแหยๆ แล้วตอบกลับไปแบบอายๆ
"ไม่มีอะไรหรอกครับน้า ผมนั่งดูหนังอยู่ สงสัยผมเปิดเสียงดังไป ขอโทษจริงๆนะครับ"
เมื่อพูดจบทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันไปบ้างก็ส่งสายตาเชิงตำหนิ มิลรีบหันหลังกลับด้วยความเขินอาย ระหว่างที่กำลังเดินกลับห้องมิลกลับได้ยินเสียงของมิ้นดังก้องในโสตประสาทเหมือนเธอกำลังพูดอยู่ข้างๆเขา แต่เมื่อเขากลับไปถึงห้อง มิ้นกลับนิ่งเฉยอยู่บนเก้าอี้ไม้ใกล้ๆกับโต๊ะคอมพิวเตอร์และปากของเธอก็ไม่ได้ขยับเลยแม้แต่น้อย มิลยืนมองดูภาพเบื้องหน้าอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่เสียงภาวนาอย่าให้เขาผลักไสเธอไปก็ยังก้องในหัวเขาไม่เลิก
"นี่มันอะไรกันวะเนี่ย ทำไมเสียงยัยนั่นมาวนอยู่ในหัวเราได้" มิลคิดขึ้นในใจด้วยความสับสนวุ่นวาย ทันใดนั้นก็เงยหน้ามาถามอย่างตกใจ
"พี่ได้ยินที่หนูคิดเหรอ" มิลแทบสะดุ้งกับสิ่งที่มิ้นถาม
"มิ้นเธอรู้เหรอฉันคิดอะไร"
"ก็เสียงของพี่มันดังขึ้นในหัวหนูนี่นา"
เมื่อทุกอย่างเริ่มสับสนมิลตัดสินพูดออกมาให้ได้ยินทั้งสองฝ่าย
"มิ้นบอกที ตอนนี้พี่พูดอะไรอยู่ในใจ"
ทุกคำพูดที่เขาและเธอคิดทั้งสองสามารถตอบกลับได้อย่างถูกต้องทุกประการ ไม่ว่าจะพูดอะไรในใจอีกฝ่ายรับรู้ได้ทั้งหมด ตอนนั้นแม้จะสงสารมากแค่ไหนมิลยังอดรู้สึกอึดอัดไม่ได้ เพราะเขารู้ทันทีว่าจากนี้ๆความเป็นส่วนตัวจะไม่เหลืออีกแล้ว ทั้งยังมีวิญญาณของใครอีกคนมาอาศัยอยู่ด้วย
ด้วยใจที่กำลังว้าวุ่นทำให้ตลอดคืนนั้นมิลไม่สามารถข่มตาหลับได้ แม้ตัวจะนอนนิ่งบนเตียงแต่ดวงตาทั้งสองข้างกลับจ้องอยู่ที่มิ้นที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมไม่ขยับไปไหน ใบหน้าอันแสนเศร้าของเธอชวนให้เขารู้สึกหดหู่ใจไม่น้อย
เช้าวันต่อมามิลรีบลุกขึ้นมาจัดการธุระส่วนตัวแล้วออกจากบ้านไปขึ้นรถเพื่อเดินทางไปมหาวิทยาลัย ระหว่างทางนั้นเองจู่ๆก็มีใครคนหนึ่งมานั่งบนที่นั่งข้างๆเขา ทั้งที่รถยังมีที่ว่างอีกมากมาย เมื่อเขากันไปก็ได้พบกับหญิงวัยกลางคนผู้นั้นที่เคยทักเขาเมื่อครั้งก่อน
มิลจึงหันหน้าหนีแล้วทำเป็นไม่สนใจ แต่เมื่อเธอพูดออกก็ทำให้เขาถึงกับหยุดชะงัก
"ได้เจอเขาแล้วสิ เจ้าของตัวจริงน่ะ สงสัยมั้ยล่ะทำไมเธอทั้งสองถึงสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องพูดออกมา" มิลถึงกับชะงักเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาค่อยๆหันกลับไปมองช้าๆและหญิงคนนั้นก็พูดต่อ
"เจ้าหนุ่ม เธอไปพูดทำนองเชิญเขามาแล้วใช่มั้ย ไม่ต้องสงสัยหรอกตอนนี้จิตของเธอทั้งสองจะสื่อกันติดแล้ว ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรในใจ อีกฝ่ายจะรับรู้ได้ทั้งหมด ตราบเท่าที่เธอยังมีมือถือนั้นติดตัว ส่วนสาวน้อยคนนั้นเธอยังไม่ตาย แต่เธอจะกลับเข้าร่างไม่ได้ จนกว่าสามารถหาสิ่งที่เป็นเหตุให้เธอก่ออกุศลกรรมนี้ได้"
ตอนนั้นมิลรีบหันหน้ากลับไปแล้วถามกลับ
"อะไรที่ทำให้เธอหลุดพ้นได้ แล้วผมจะทำอะไรได้"
"กรรมใครก็กรรมมัน เธอทำได้ก็แค่ทำบุญให้เขา อย่างที่ป้าเคยบอกไป เขาจะติดกับมือถือเครื่องนั้นไปทุกที่ หนุ่มน้อยตราบที่เธอยังมีมือถือนี้ติดตัว ตราบนั้นเขาจะตามและรู้ทุกอย่างที่เธอกำลังคิดในใจ แม้จะไม่ได้พูดออกมาก ส่วนจะทำยังไงต่อนั้นป้าคงบอกไม่ได้"
เธอพูดจบแล้วก็ลุกจากไป ปล่อยให้มันนั่งคบคิดต่อไปเพียงลำพัง โดยมีวิญญาณของมิ้นยืนพังอยู่ใกล้ๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
2.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ