สองคน ใจ ดวงเดียว
6) บทที่ 6 อีกนิด...
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
บทที่ 6 อีกนิด...
“เรียบร้อยครับเสี่ย” เสียงรถตู้รายงาน
“โอเค. ตามติดไปเรื่อยๆ”
“ครับ”
มานพกดสายเลิกติดต่อ หนุ่มหน้าตี๋สวมแว่นหนา
นั่งพิงพนักเก้าอี้ภายในรถตู้ รอบล้อมด้วยอุปกรณ์อีเล็กโทรนิคนานาชนิด
ล้วงเบียร์กระป๋องจากกระติ๊กน้ำแข็งเปิดฝา ยกขึ้นดื่มสองอึกยิ้มสบายใจคิด...
ไอ้หนุ่มนี่มาจากไหนวะ?
ไม่เลวท่าทางดี ฉลาด เยี่ยม! ยังงี้น่าสนุกจริงๆ
เสียงโทรศัพท์ดัง เขากดรับ
“หวัดดีครับ”
“หวัดดี หึ หึ ตามแผน ดีมาก อั๊วคิดว่าดีกว่าที่จัดเตรียมไว้
ไอ้หนุ่มคนนี้ใช้ได้ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน อั๊วชอบไอ้หนุ่มนี่หึ หึ”
“ครับ ผมเห็นด้วย”
“อืมม..แล้วจะติดต่อมา เลิกกัน”
เสี่ยนั่งขำชอบใจ จิบวิสกี้น้ำแข็ง มองดูจอมอนิเตอร์ที่ถ่ายทอดผ่านดาวเทียมมาที่บ้าน
ทั้งหมดหกจอเหมือนในรถตู้ เรียกได้ว่าเรียลทีวีโชว์ยี่สิบสี่ชั่วโมง ยังได้...
“คุณลุงมีโทรศัพท์มือถือ หรือเปล่าครับ?”
แกเหลือบมองยิ้ม
“ไม่มี ไม่เคยใช้ เออ! จะไปไหนกัน?”
“จะเข้าตัวเมืองครับ”
“วันนี้คงเข้าไม่ได้ พักบ้านลุงก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยไป”
สองหนุ่มสาวสบตากัน เธอพยักหน้า
“ได้ครับ ต้องรบกวนคุณลุงมากครับ แค่รับขึ้นรถก็เป็นพระคุณอย่างสูง ขอบคุณครับคุณลุง”
อานนท์ยกมือไหว้
เงียบกันไปนานเกือบครึ่งชั่วโมง
พิมพ์มายาง่วงนอนมาก คงเหนื่อยจากการออกกำลังที่ไม่ตั้งใจ
พิงไหล่เขาหลับสนิท อานนท์ก้มหอมผมเธอ มีความสุขลึกๆ
รถเลี้ยวขวาเข้าถนนลูกรังแคบ สองข้างเป็นต้นสนปลูกเป็นแนวตลอด
ถัดออกไปเป็นป่าละเมาะ หญ้าขึ้นสูงสลับกับท้องนาว่างเปล่า
โยกเยกเข้าไปอีกสามสี่กิโลมั้ง ถึงบ้านหลังใหญ่ชั้นเดียวยกพื้นสูง ปิดไฟเงียบ
“เมียกับลูกสาวผมไม่อยู่บ้าน หนีไปเที่ยวชายทะเลกัน
ผมกับลูกชายไปดูสวนมา บ้านไม่มีใครอยู่”
แกอธิบาย ขณะลูกชายนำรถเข้าจอดใต้ถุนบ้าน
ตลอดทางอานนท์เหลือบดูกระจกหลังบ่อย ไม่พบว่ามีใครตาม
แสงรถตามพอมีแล้วก็แซงไป ที่สวนมาก็มี นานๆ คัน ถือว่าปกติ
“คุณพิมพ์ ตื่นครับถึงบ้านคุณลุงแล้ว”
เธองัวเงียมองเขาอย่างงงๆ กระพริบสองสามครั้ง ลืมตาเต็มที่ยิ้มให้
เขาเอื้อมไปเปิดประตูรถ
คุณลูกชายเดินออกจากรถไปก่อน ขึ้นบ้านจัดการเปิดไฟสว่างไปทั่ว
คุณลุงลงรถทางด้านคนขับ สองหนุ่มสาวลงตามประตูรถด้านซ้าย
“มาขึ้นบ้านก่อน ระวังบันไดมันเล็กชัน”
“ครับ”
อานนท์ตอบพร้อมกับจับมือพิมพ์มายา ประคองเธอขึ้นบันได
คุณลุงเดินนำไปห้องท้ายบ้าน ขวามือเปิดประตู เปิดไฟ
ในนั้นมีเตียง หมอนสองใบพร้อม
“คุณนอนกันในห้องนี้ เป็นห้องรับแขกรับญาติ
อ้า! ติดกุญแจมือกันมาด้วย มันเรื่องอะไรกัน?” คุณลุงคงพึ่งเห็น
ท่าทางแปลกใจ มองทั้งคู่ด้วยสายตาไม่ค่อยเป็นมิตร อานนท์รีบอธิบาย
“พวกเราถูกคนร้ายจับมา พวกมันใส่กุญแจมือ กันพวกผมหนี
แต่พวกผมหลบออกมาจนได้ กะจะเข้าเมืองแจ้งความกับตำรวจครับ”
“เชื่อเถอะค่ะ เราถูกวางยาสลบจับมาจริงๆ หนูขอบพระคุณที่หยุดช่วยหนูค่ะ”
เธอยกมือไหว้ อานนท์ยกมือช่วยอำนวยความสะดวกให้
“ก็ได้! พรุ่งนี้ไปโรงพักด้วยกัน งั้นพากันไปอาบน้ำอาบท่ากันก่อน ค่อยนอนพัก
ห้องน้ำอยู่ด้านหลังห้อง นี่ก็ดึกมากผมจะพักผ่อนเหมือนกัน
มีอะไรเรียกหาได้ ผมนอนห้องตรงข้ามนี่”
แกผละไปเปิดประตู เปิดไฟเข้าห้องปิดประตูตามหลัง
อานนท์จับมือเธอ เดินเข้าห้องพาไปนั่งที่เตียง เขาทรุดนั่งข้างเธอ
“ง่วงไหมครับ?”
“ค่ะ”
“จะอาบน้ำหรือเปล่า?” เธอมองหน้าเขา มองที่กุญแจมือ
“ไม่ดีกว่าค่ะ”
อานนท์ยิ้มตาเจ้าชู้ ดึงแขนเธอลุกขึ้น เดินไปด้วยกันที่ตู้เสื้อผ้า
เขาเปิดมองครู่หนึ่ง ดึงผ้าขนหนูผืนเล็กออกมาสองผืน ยื่นให้เธอหนึ่ง
อีกผืนจัดการผูกตา รัดหัวจนแน่น ยิ้ม
“เช็ดตัวก็ได้ ผมมองไม่เห็นแล้ว” พิมพ์มายาหัวเราะเสียงใส
พาเขาเดินไปห้องน้ำ ทั้งคู่ผลัดกันเช็ดตัวผูกตา
ค่อนข้างลำบาก ใช้เวลานานเพราะติดกุญแจมือ สรุปไม่ค่อยทั่วแต่ก็ยังดี...
“คุณจะฉี่หรือเปล่า? ทำได้นะผมไม่รังเกียจ ผมก็เอาด้วย คุณก่อน”
“ค่ะ”
เธอตอบเสียงเบา เขายิ้ม
หลังจากหนีกันมา นี่ก็นานมากเธอคงปวดแน่ๆ
ทั้งคู่ผลัดกันยืนข้างๆ กัน ตอนทำธุระส่วนตัวจนเสร็จ พากันมาที่เตียง
ล้มนอนข้างกัน มองสบตากัน
เขามองหน้าใสของเธอ ไม่มีเครื่องสำอางค์ เนียน เกลี้ยงเกลาดูน่ารักกว่าเดิม
กลิ่นกายแท้ล้วนๆ หอมเย็นสดชื่น...
เธอมองเขาแล้วนึกในใจ...
ผู้ชายหน้าตาธรรมดา โดยรวมแล้วเป็นมิตร
ยิ้มง่าย อารมณ์ดี ฉลาด อบอุ่นรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้
“คุณสวยมากเวลาไม่แต่งหน้า ผมโชคดีปนใชคร้ายได้พบกับคนดัง
ได้อยู่ใกล้ชิดขนาดนี้ ผมคงตายตาหลับแน่” เธอหลบตา
“ปากไม่เป็นมงคล พูดเรื่องตายอยู่ได้” เธอหลับตา
ไม่กล้าสบตาเขา ใจเริ่มสั่นไม่เข้าใจตัวเอง!
“ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะครับ” เสียงของเขาเบา เธอลืมตามอง
“ฝันดีค่ะ” ทั้งคู่พลิดตัวนอนหงาย ไม่นานก็หลับผลอยทั้งคู่...
“เรียบร้อยครับเสี่ย” คุณลุงติดต่อสื่อสารในห้องนอน
“อืมม...อั๊วดูอยู่ ลื้อเตรียมชุดให้ทั้งคู่หรือยัง?”
“ครับ ไม่มีปัญหา”
“ดีมาก ดูไปพวกมันน่ารักดีไม่เบาหึ หึ หึ เลิกกันพรุ่งนี้ติดต่อใหม่”
“ครับ”
อานนท์ตื่นก่อน
แต่ไม่กล้าขยับตัว เพราะเธอกอด และเอาขาพาดตัวเขา
คงนึกว่าเราเป็นหมอนข้าง เลยต้องทำใจกับหน้าที่ซุกตรงซอกคอเขา
ลมหายใจอุ่นๆ กระทบคอ เขาขนลุก อารมณ์หวั่นไหวระทึก
หลับตาดีกว่า ไม่กล้ากระดุกกระดิกอย่างนี้ก็ดีแล้ว ชื่นใจเป็นบ้า...
พิมพ์มายาตื่นเหมือนกัน แต่รู้สึกเขินในใจ
เรากอดเขาทั้งมือทั้งเท้า ไม่รู้จะเอาหน้าไว้ที่ไหน
เขาตื่นหรือยังนะ?
เอาออกตอนนี้ ดีหรือเปล่า?
ไม่ดีแน่ กอดไว้อย่างนี้อุ่นกว่าหมอนข้างอีก หน้าก็ซุกคอเขาอีก
กลิ่นกายผู้ชายคนนี้เล่นเอาระทึกใจ
เฮ้อ! ลำบากใจจริงๆ...
อานนท์รู้ว่าเธอตื่น ลมหายใจที่คอเขาผิดปกติ
เขาพลิกตัวกอดเธอไว้ เธอเฉย ส่วนลมหายใจถี่ขึ้น
“คุณกอดผมไว้นานแล้ว ผมขอกอดมั่ง” เขาพูดเบา เธอทุบอกเขาเบาๆ
“ถือโอกาสเอาเปรียบ” เธอพูดตรงซอกคอ
“เอาเปรียบตรงไหน ผมขาดทุนเห็นๆ คุณกอดผมทั้งมือทั้งเท้า ผมแค่มือหึ หึ หึ”
“บ้า!” เธออู้อี้ที่ซอกคอ ไม่ยอมขยับตรึงกันอยู่ตรงนั้นอีกพัก
อานนท์จูบผมเธอ สูดกลิ่นหอมอ่อนๆ
“ลุกเถอะ ล้างหน้าล้างตา เสร็จแล้วผมจะทำอาหารเช้าให้คุณกิน
ไปดูที่ครัวกันว่ามีอะไรพอทำได้หรือเปล่า”
ทั้งคู่จัดการทำธุระส่วนตัว ล้างหน้า เช็ดตัวกันอย่างทุลักทุเล เดินออกมาจากห้อง
เห็นบนโต๊ะอาหาร มุมหน้าต่างลานบ้าน มีกาแฟ ไข่ดาว ขนมปังสองชุด
และเสื้อผ้าอีกสองชุด ของชายหญิง วางทิ้งไว้ และกระดาษหนึ่งแผ่นเขียนบอกว่า
“วันนี้ผมต้องเข้าไร่สวนแต่เช้า อยู่กันตามสบาย พรุ่งนี้ค่อยคุยกันและไปหาตำรวจ
วันนี้ดูบ้านให้ผมก่อน จากลุงแถม ตีห้ากว่า”
“เอาไงดีคุณ?” อานนท์ถามเธอ
“คุณคิดว่าไง? คงต้องอยู่มั้ง ทางบ้านฉันคงเป็นห่วงกันมาก โดยเฉพาะคุณแม่
ป่านนี้คงเป็นลมไปหลายตลบ” เธอพูดหน้าเศร้า
“เอาน่า! กินก่อนแล้วคิดทีหลัง” เธอพยักหน้านั่ง เขานั่ง
“คุณกินมือขวาไม่ถนัดมั้ง?” เธอพยักหน้าอีก ใช้มือซ้ายพยายามตักกินแต่ไม่ไหว
“ผมป้อนให้นะ” เธอมองหน้าเขาหน้าแดง เขายิ้ม
“ล้อเล่นหนะ คุณกินก่อนผมขยับมือตาม ผมจะกินไปด้วย”
“ค่ะ”
เธอกินไข่ได้ฟองหนึ่ง ขนมปังแผ่นหนึ่ง จากนั้นหยิบถ้วยกาแฟ
“อะไร! กินนิดเดียว งั้นผมเหมาหมด เสียดายของหึ หึ”
เธอยิ้มมองดูเขากิน พร้อมกับจิบกาแฟไปด้วย
“คุณหิวมากเหรอ?”
“กินไปก่อน อาจต้องใช้แรงงานเยอะก็ได้ วันนี้ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นอีก”
หมดทุกอย่างเรียบ เขายกกาแฟขึ้นดื่ม
“ดีของคุณมีเสื้อยืด และกางเกงใส่เลยดีกว่าจะได้เคลื่อนไหวสะดวก
ชุดเก่าของคุณ ทำให้ผมคอยมองอยู่เรื่อย ไม่ค่อยมีสมาธิ”
เธอทุบเขาที่ต้นแขนหน้าแดง
อานนท์หัวเราะชอบใจ
ผู้ชายคนนี้ เวลาหัวเราะหน้าตาดีกว่าหน้าตายเยอะ เธอนึก
เธอจัดการลุกขึ้น สวมกางเกงทับชุดเก่า ดึงชุดราตรีออกทางหัว โดยยืนหันหลังให้เขา
เหลือแต่ยกทรงไร้สายสีดำ
เขามองแผ่นหลังเนียนขาว แล้วกลืนน้ำลายเบาๆ นึก
ไร้ตำหนิจริงๆ
เธอหันมา เขายิ่งตะลึงกับหน้าอกของเธอ ยกทรงช่างดันทรวงจริงๆ
กลืนน้ำลายอีกเอื้อกใหญ่!
เธอไม่สบตาเขา เอาชุดยัดห่วงกุญแจมือดึงออกอีกด้าน
จากนั้นหยิบเสื้อยืด สวมแขนข้างหนึ่งเข้าที่มือขวา
ยัดเสื้อเข้าห่วงกุญแจมือ ดึงลอดขึ้นมาสวมหัว
อานนท์ดูเธอทำ เหมือนง่ายมากๆ
นี่แหละพวกดาราดัง มักมีวิธีสวมเสื้อผ้ากันกลางกองถ่ายเป็นประจำ เป็นเรื่องง่าย น่าทึ่ง!
(ติดตาม วิจารณ์เยอะๆ นะครับ)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ