สองคน ใจ ดวงเดียว

9.6

เขียนโดย SettUparaj

วันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 09.06 น.

  9 ตอน
  7 วิจารณ์
  14.50K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) บทที่ 5 สองเรา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

บทที่ 5 สองเรา

ทั้งคู่นั่งพิงกัน

ในท่านั้นนานพักใหญ่ โดยไม่รู้สึกตัว

อานนท์เจ็บไหล่ไม่หาย แต่อบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก

อยากอยู่อย่างนี้ตลอดไป เขาหลับตายิ้มน้อยๆ

 ใครจะคิดว่าเราได้แนบชิดกับคนดัง บอกใคร ใครเขาจะเชื่อ

ดูซิ! ได้ยินเสียงหัวใจเธอเต้น เนื้อตัวหอมกรุ่น ตัวเป็นๆ นะเนี่ย!

โอ้! พระเจ้าจอร์จ มันยอดมาก

 

พิมพ์มายาพิงอกเขาไม่อยากขยับตัว กลัวเขาเจ็บเพิ่ม

เริ่มรู้สึกอุ่นใจเมื่อมีชายคนนี้อยู่ใกล้ ความกลัวหดหายไปเกือบหมด

เธอไม่ได้เป็นผู้หญิงอ่อนแอ แต่ไม่ได้เข้มแข็งจนเกินหญิง

อยู่มาสามสิบปีเข้าไปแล้ว...

คบผู้ชาย คบๆ เลิกๆ ดูใจกันได้ไม่เท่าไหรก็สาวไส้กัน เลิกคบกันไป ชวนให้เบื่อ!

เลิกคิดถึงเรื่องนี้ดีกว่า ผู้ชายคนนี้ตัวอุ่นจัง

เขาชื่ออะไร ยังไม่รู้เลยเรา?

 

“คุณ! ผมค่อยยังชั่วแล้ว ลุกขึ้นเถอะ ค่อยๆ นะ” เขาพูด ขยับตัว

เธอเอาหัวออกจากอกเขา ลุกขึ้นยืนพร้อมกับเขา

มือยังกุมกันไว้ แขนอีกข้างของเขาจับที่ต้นแขนเธอ

เพื่อประคองให้เธอลุก และยืนอย่างมั่นคง

เขายิ้มให้กำลังใจเธอ พิมพ์มายายิ้มตอบ

 

“ผมจะลองอีกครั้งสองครั้ง เปลี่ยนไปใช้เท้าดีกว่า”

เขาพูดพร้อมกับยิ้มสวย ยืนกะระยะห่างพอถีบ

กะที่หมายข้างลูกบิด ยกเท้าถีบเต็มแรงหนึ่ง สอง สามครั้ง! ครั้งสุดท้ายสุดแรงเกิด

เจ้ากรรม! มันเปิดมากขึ้นอีกเซ็นต์เท่านั้น อานนท์ส่ายหัวเจ็บเท้า

“ขอพักก่อนครับ เกือบแล้ว อีกครั้งคงหลุด”

เธอยิ้มดีใจ บีบมือเขาแน่นพูด

“หาน้ำกินก่อนมั้ยค่ะ?” เธอเห็นเขาเหนื่อยอยากเอาใจบ้าง เขาสั่นหัว

“ไม่มีน้ำ ไม่มีตู้เย็นครับ”  เธอหน้าเสีย

เขาเอื้อมมือลูบแก้มเธอเบาๆ

“ไม่เป็นไร ผมไม่หิว มะ! เอาไหล่ชนอีกครั้งทำเหมือนเดิมนะครับ”

“ค่ะ”

 

ทั้งคู่ถอยพอได้ระยะ เขานับถึงสาม ชนโครมคราวนี้ได้ผล..

ประตูหลุดผลัวะ ทั้งคู่กลิ่งออกไปบนพื้นนอกห้อง

เขากอดตัวเธอไว้แน่นอย่างเร็วก่อนจะล้มลง มีผลให้เธอเจ็บน้อย

แต่อานนท์แขนถลอกหลายแห่ง พร้อมกับรอยช้ำอีกหลายแห่งแน่

มันทั้งแสบ ทั้งเจ็บ อานนท์แยกเขี้ยว

 

“โย่! สำเร็จค่ะ” เธอตะโกน เขารีบเอามือปิดปากเธอไว้

“อย่าเสียงดัง เดี๋ยวพวกมันได้ยิน คุณ!

ปากเขากระซิบข้างหูเธอริมฝีปากแตะหูไปมา พิมพ์มายาขนลุก หน้าแดงซ่าน

“ลุกกันเถอะเข้าห้องไปเอากระเป๋าคุณก่อน อย่าลืมเช็คร่างกายด้วยเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”

 

อานนท์มองรอบทิศ ข้างนอกเป็นที่จอดรถ ตอนนี้ว่างแต่ม่านถูกรูดปิด

แสงสว่างมาจากหลอดไฟที่จอดรถห้องข้าง

เขาเดินกลับเข้าห้องพร้อมกับเธอ เธอก้มหยิบกระเป๋าบนเตียง

อานนท์มองสำรวจรอบห้องอีกครู่ พากันเดินออกมา

เขานำหน้าหยุดที่ประตูห้อง มองออกไปก่อน

พิมพ์มายาสะพายกระเป๋า เดินตามหลังเห็นเสื้อยืดสีขาวเขาขาด

เลือดซึมตรงไหลขวา และเห็นวงเลือดที่แขนทั้งสองข้างของเขาอีก เป็นแผลถลอก

ใจหาย เขาคงเจ็บมากนะนี่ อยากจับดู อยากกอดปลอบ

โอ๋! คิดได้ไง? เราเป็นผู้หญิงนะ!

เธอแตะหลังเขา เมื่อเขาหยุดหันหน้ามา เธอมองหน้าเขา

“คุณมีแผลเลือดออก เจ็บมากมั้ยค่ะ?” อานนท์สั่นหัว

“ไม่เท่าไหร...ไปกันเถอะ” เธอแตะปากที่ต้นแขนเขาเบาๆ หน้าแดง

อานนท์ตะลึงบ้าง!

เธอน่ารักจริงๆ เขาคิด

อานนท์จับมือเธอเดินไปจนติดม่านรูด ลอดหัวออกไปดูซ้ายขวา เห็นปลอดคน

“ทำตามผม” เขาดึงมือเธอเบาๆ

“ค่ะ”

มีเสาไฟเป็นจุดๆ ไม่สว่างมาก

เหตุผล คงไม่ให้เห็นหน้าแขกเข้าใช้ห้องของโรงแรมม่านรูดทั้งหลาย

เขาพาเธอเดินชิดม่านผ่านห้องถัดไปเรื่อยๆ เกือบถึงประตูทางออก

ป้ายนีออนเล็กตัวหนังสือแดง “เข้า”

อานนท์มองรอบตัวอีกครั้ง

อีกนั้นแหละเด็กไม่ค่อยมี นอกจากห้องไหนต้องการเรียกใช้

คงสุมหัวกันอยู่ในออฟฟิต เจ้าของประหยัดเงินจ้างเด็กน้อยคน

ถนนนอกโรงแรมเป็นดินลูกรังแดง กว้างพอรถหลีกกันได้

ทางเข้าเมืองต้องอยู่ด้านขวา ส่วนใหญ่ทางเข้าต้องอยู่ก่อนทางออก

เหลียวมองในโรงแรมเห็นคนวูบวาบ เขารีบดึงมือเธอ

 

“วิ่ง! พวกมันคงใกล้รู้ตัวแล้ว”

อานนท์ลากเธอไปฝั่งตรงข้ามของโรงแรม 

วิ่งไปบนพงหญ้าข้างถนน เขามองไม่ค่อยเห็น เสาไฟฟ้าอีกต้นอยู่ห่างมาก

เสาต้นสุดท้ายอีกประมาณสองกิโลมั้ง! เขาหันมองเธอ

“เหนื่อยมั้ยครับ?”

พิมพ์มายาไม่ตอบ เขาหยุดเธอชนเขา ไม่แรง

อานนท์จับเธอนั่งบนส้นเท้า แบบเขาทำ มองไปทั่วอีกครั้งบอก

“พักสักครู่ก็ได้ ผมจะดูอะไรก่อน” เขามองที่รองเท้าของเธอ

“เจ็บเท้าหรือเปล่าครับ?”

“นิดหน่อยค่ะ พื้นมันบาง เวลาโดนหินก็เจ็บ” เธอพูดเบาปากเกือบชนกัน

“ทนเอาหน่อย คงไม่นานผมจะหาทางแก้ไข” เธอพยักหน้า

เขาเงียบตามองหูฟังเสียงต่างๆ เห็นสองหรือสามคนเคลื่อนไหวหน้าทางเข้าโรงแรม

พวกมันรู้แล้ว ความมืดเป็นประโยชน์กับเรา ถึงช่วงนี้ยังไม่มีรถอะไรผ่านมา เอาไงดี?

 

มองตัวโรงแรม เห็นป้ายใหญ่หันหน้าไปทางซ้าย

แสดงว่าถึงถนนใหญ่เข้าเมือง ต้องเลี้ยวซ้าย

ต้องใช่แน่ๆ ถึงถนนใหญ่ไปทางซ้ายเรื่อย เสี่ยงโบกรถเข้าเมืองเอา

หันไปเห็นเธอนั่งกับพื้นชันเข่า

กระโปร่งขาดร่นถึงโคนขาอ่อน ขาวนวลตัดกับกางเกงในสีดำ

เธอนั่งเต็มก้น แสดงว่าก้นไม่แหลม คงสวยกลมกลึงน่ารัก

เธอสบตาเขายิ้มนิดๆ เขาโล่งใจที่เธอไม่คิดลึก บอก

“ไปเถอะ พวกมันอยู่หน้าโรงแรมกำลังตามเรา”

เขาจับมือเธอเดินเร็ว เธอตามไม่นานเธอส่งเสียง

อุ้ย! และอุ้ย! อีก

ระยะไม่เกินหกเจ็ดก้าว อานนท์เข้าใจทันที เขาหยุด

“ขี่หลังผมดีกว่า” เขาจัดท่า นั่งลง

“อย่าดีกว่า ฉันเดินได้ค่ะ” เธอลังเล เขาเร่ง

“เราต้องรีบ เดี๋ยวพวกมันตามทัน”

เธอพยักหน้าขึ้นขี่หลัง ใช้มือขวาของเธอกับมือซ้ายของเขาที่ติดกุญแจอยู่ที่ไหลเขา

มือซ้ายของเธอ เกี่ยวคอเขารองเอาไว้ มือข้างขวาของเขาล็อคขาเธอที่หนีบเอวเขาไว้

อานนท์ลุกขึ้นเซนิดหน่อย

ออกเดินเร็วไปตามข้างทางลูกรัง พยายามให้ห่างทางมากที่สุดใกล้หญ้ารกสูงข้างทาง

อานนท์รู้สึกหน้าอก หน้าใจของเธอแนบหลัง หัวใจเธอเต็นตึกๆ เขาจับได้

เธอกระซับมือซ้าย กอดเขาแน่นกว่าเดิม

“สนุกมั้ยครับขี่ม้าส่งเมือง?” เขาชวนคุยแก้เหนื่อย เสียงสั่น

“สนุกค่ะ แต่คุณจะเหนื่อยมากนะคะ”

“หากโชคดีมีรถผ่านมา เราช่วยกันโบกเข้าเมือง

หากไม่ซวยจริงๆ คงไม่เป็นรถพวกมันหึ หึ หึ” พูดไปขำไป พิมพ์มายารู้สึกดีขึ้น

อานนท์หันมองไปทางโรงแรม ไม่เห็นอะไรเพราะมืดมาก

ใกล้ทางแยกถนนใหญ่ มีเสาไฟสว่าง

เขารีบบุกออกทางซ้าย เข้าไปในหญ้าสูง ตัดออกถนนใหญ่เลี่ยงแสงไฟ

โชคดีมันไม่รก ทึบเท่าไหร่

เขาเดินเรียบถนนใหญ่ตรงร่องน้ำข้างถนนไปเรื่อยๆ พร้อมกับลุ้นให้มีรถผ่านมา

 

แสงไฟรถมาแล้ว ดูจากไฟน่าจะเป็นรถเล็ก ไม่เก๋งก็ปิกอัฟ เขานั่งลง

“รถมาแล้ว เราช่วยกันโบก ซ่อนกุญแจมือไว้ด้วย”

“ค่ะ”

เธอลงจากหลังเขา ทั้งคู่ไต่ขึ้นจนถึงไหล่ทาง

อานนท์จัดให้เธออยู่หน้า ยังไงก็ให้ผู้หญิงโบกไว้ก่อนติดง่าย

นี่คงค่อนข้างดึกมาก หรือเกือบสว่างจะมีสักคันไหมที่กล้าหยุดรับ?

“เพี้ยง! ขอให้หยุดรับเถอะ”

เธอส่งเสียงเบาๆ เขาบีบมือเธอ ให้กำลังใจหน่อย

“ยิ้มหวานๆ ไว้ครับคุณหึ หึ หึ” เขาตอบพร้อมกับขำ เธอยิ้มพร้อมโบกมือ

รถปิกอัฟสีดำชะลอเธอดีใจ และเร่งเครื่องผ่านไปเธอยังโบกตามหลัง

“ไม่หยุดแน่” เธอครางเสียงเศร้า

“เขาไม่จอด แต่เราจอดแน่ๆ ต้องวิ่งกันหละทีนี้ พวกมันโผล่จากทางแยกแล้วคุณ”

เขาเตรียมฉุดเธอวิ่ง ได้ยินเสียงเร่งเครื่อง

อานนท์หันไปมอง รถปิกอัฟเจ้าเก่าถอยหลังเข้ามาหาทั้งคู่ เธอกระโดดดีใจ

“โย้!”  พร้อมกับจูบแก้มเขา

อานนท์รู้สึกโล่งใจ ไม่ต้องวิ่งอีกแล้วเรา

 

ชายกลางคน หรือเลยประมาณห้าสิบหัวล้าน หน้ากลม ใจดียิ้มโผล่หน้าออกจากหน้าต่างรถ

“ไปไหนกันคุณดึกๆ ดื่นๆ?” เสียงป่นหัวเราะ หน้าค่อนข้างแดงแสดงว่าดื่มมา

“ขอเข้าเมืองคุณลุง ช่วยหน่อยเถอะครับ”

“นะค่ะคุณลุง หนูไหว้หละ ขออาศัยไปนะค่ะ”

เธอจะยกมือไหว้ แต่อานนท์ดึงไว้ เธอได้แต่ไหว้ข้างเดียว

ผู้เฒ่าสังเกตุทั้งสองหัวจรดเท้า ใคร่ครวญ

“เอ้า!ขึ้นมา”

คุณลุงเปิดประตูรถ เธอดึงอานนท์เข้าหารถทันที

อานนท์รีบแซงหน้าเข้าไปนั่งก่อน เธอเบียดตามค่อนข้างแน่น

คนขับเป็นคนอายุน้อยกว่า ยังหนุ่มพึ่งยี่สิบกว่าได้หน้าตาดียิ้มให้ทั้งคู่

ประตูปิดได้ รถเร่งเครื่องออกวิ่ง

อานนท์มองหลังเห็นพวกมันสองคนห่างไปประมาณร้อยเมตร

มันเหวี่ยงไม้ขนาดพอเหมาะสีดำลงพื้นถนน ด้วยความโมโหที่ตามไม่ทัน

เขายิ้ม สะใจ...

                                       (ผ่านไปอีกตอน แสดงความเห็นนะครับ)

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา