สองคน ใจ ดวงเดียว
7)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
บทที่ 7 จนตรอก
เธอสวมเสื้อยืดเสร็จ
สวมเสือเชิ้ตแขนยาวด้วยวิธีเดิมทับอีกที
ส่วนเขาคิด ไม่เปลี่ยนดีกว่า ช่างมันก็เขาผู้ชายใส่ติดกันสี่ห้าวัน ไม่มีปัญหา
“คุณไม่เปลี่ยนหรือค่ะ?” เขาส่ายหน้า
“อาทิตย์หนึ่งก็ได้ ไม่เป็นไร”
เธอทำจมูกสวยย่น ปากล่างยื่น น่าจูบ
“เหม็นตาย”
“เมื่อคืนยังดมได้ทั้งคืน”
“บ้า! คนบ้า!”
ทั้งคู่หัวเราะ สองคนช่วยกันล้างจาน
พากันนั่งชานบ้าน มองทุ่งนา คุยกันอย่างสนิทสนม...
“มันดูไม่มีอะไรตื่นเต้นแฮะ”
เสี่ยนั่งดูมอนิเตอร์เรียลลิตี้บ่น
“นี้ชักจะเป็นเรื่องรักหนุ่มสาวเข้าไปแล้ว”
บ่นอีกครั้งหันซ้ายขวา โทรศัพท์หารถตู้
“เฮ้ย! เริ่มแทรกแผนสำรองแผนที่หนึ่งตอนนี้แหละ กำลังเหมาะ ต่อด้วยแผนปกติ”
“ครับเสี่ย”
มานพวางมือถือกินอาหารเช้าต่อ ตาจ้องมอนิเตอร์ หัวเราะ
“นั่นแหละถึงจะมันส์หน่อย ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เขายกมือถือขึ้นมาใหม่กด
สองหนุ่มสาวคุยกันเพลิน
อานนท์ไหวตัวแว่วเสียงมอเตอร์ไซด์ดัง และใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
เขาหวั่นใจ ดึงมือพิมพ์มายาลุกขึ้น
“มีมอเตอร์ไซด์มาทางนี้ ท่าจะไม่ดีครับ” พากันเดินเข้าบ้าน
“หารองเท้าใส่เถอะคุณ” อานนท์มองหารองเท้าคู่ใหม่ให้พิมพ์มายาสวมแทนคู่เก่า
พักหนึ่งเจอมุมบ้าน รองเท้าผ้าใบสีเหลืองวัยรุ่น สงสัยเป็นของลูกสาวคุณลุง
“คุณใส่คู่นั้นเลย ผูกให้แน่นๆ”
“ค่ะ” เขารอจนเธอสวมเสร็จ
“หลวมหน่อยพอใช้ได้ค่ะ” เขาพยักหน้า พาเธอเดินลงบันได
เขานั่งลงสวมรองเท้าของเขา ตามองไปที่ถนนลูกรังไกลออกไป
เห็นมอไซด์สองคัน สองคนต่อคัน รูปร่างใหญ่ผ่านช่องต้นไม้แวบๆ
ไอ้พวกเดิมแน่เขาคิด มองซ้ายขวาหาทางหนีทีไล่
“เราวิ่งออกไปที่ป่าหญ้าทางซ้ายของถนนสวนพวกมันออกไปดีกว่า คุณว่าไง?”
“ตามใจคุณค่ะ”
อานนท์จับมือเธอวิ่งไปทางซ้าย ผ่าดงหญ้าห่างจากทางลูกรังเจ็ดแปดเมตร
ห่างจากท้องนาด้านซ้ายประมาณหกเมตร เอามือบังหน้าวิ่งฝ่าเข้าไปขนานกับทางลูกรัง
คะเนพวกมันใกล้เข้ามาไม่ถึงสิบเมตร
เขาหยุดพาเธอนั่งลง พวกมันไม่สังเกตขับรถผ่านไปทางบ้าน เขาพาเธอลุกขึ้นวิ่งต่อไปอีก
ไปไม่ถึงสามร้อยเมตร เสียงพวกมันกลับมา
“มันใกล้เข้ามาแล้วคุณ”
เธอพูดเสียงหอบ เขาเห็นเหงื่อเกาะปลายจมูกเธอ ซึ่งเริ่มออกชมพูรวมทั้งใบหน้าด้วย
เราเองก็แย่ มันใกล้มาอีก รู้สึกพวกมันออกจากลูกรัง ตามมาเส้นทางที่เขาวิ่งแหวกหญ้าด้วย
“หยุดก่อนครับ” เขาหยุดเธอหยุดตาม
อานนท์ยกมือที่ติดกุญแจขึ้นมา เอานิ้วชี้กับนิ้วกลางสอดห่วงที่ข้อมือเธอ
“คุณเอามืออีกข้างบีบมือนี้ให้เล็กที่สุด ช่วยกันขยับจนมือคุณหลุดจากกุญแจมือนะครับ”
เธอมองหน้าเขาไม่เข้าใจ แต่ทำตาม
“สอง สาม!” กุญแจมือหลุดออกจากข้อมือเธอห้อยอยู่ที่ข้อมือเขา
อานนท์จัดการเอาสวมเข้ากับข้อมือเขาคู่กันทันที
“คุณวิ่งหนีไปก่อน เร็ว!” เขาเสียงดังไล่เธอ เธอลังเลมองหน้าเขา
“คุณวิ่งไปก่อน ผมจะถ่วงพวกมันเอาไว้ ตรงไปเรื่อยๆ
จนถึงถนนใหญ่ โบกรถขอร้องให้เขาช่วย หรือไม่กล้าช่วยก็ให้พาไปหาตำรวจ”
เธอทำหน้าจะร้องไห้ เขาทำเสียงดุอีกครั้ง
“วิ่ง เร็วอย่าช้า คุณช้าผมยิ่งแย่” เธอพยักหน้าหันหลังวิ่งไปทันที
อานนท์มองที่พื้นซ้ายขวา เดินหาทั่วจน
เจอะก้อนหินขนาดพอเหมาะมือ เก็บมาถือไว้สองก้อน
เลือกก้อนใหญ่ที่สุดถือไว้ที่มือขวา วิ่งต่อไปมองพวกมันไปด้วย...
“เฮ้ย! มันอยู่ข้างหน้าโว้ย”
เสียงตะโกนและเสียงรถพวกมันใกล้เข้ามา เขามองเธอที่วิ่งอยู่ไกลออกไป
มอไซด์คันแรกใกล้มากแล้ว อานนท์หยุด
หันกลับขว้างก้อนหินในมือไปที่มัน แม่นอย่างนึกไม่ถึง เข้ากลางอกไอ้คนขับ
รถเป๋ ล้อหน้าหันซ้ายขวาไปมา ไถลล้มลง สองร่างยักษ์พุ่งล้มตามรถกลิ้งระนาว
โฮ! เรามันมืออาชีพนี่หว่า!
ขว้างอีกก้อนไปที่รถอีกคัน แต่พวกมันตามมารู้เอี้ยวตัวหลบ
ตาเขาเหลือก รีบมองหาอาวุธรอบตัว
โชคเข้าข้าง เจอท่อนไม้ไผ่ขนาดกำหลวมหน่อย ความยาวไม่ทันมอง
คว้าดึงออกมา และหมุนปลายเข้าหารถคันที่สอง
ฮ่า! มันยาวประมาณสามเมตรกว่า
แถมยังมีกิ่งเล็กกิ่งน้อยพร้อมใบ และมีหนามเป็นของแถมสำหรับพวกมัน
ไม้ไผ่ฟาดเข้าที่กลางอกไอ้คนขับอย่างจัง
เสียงดังเพี๊ยะ!
และเปรียะ!
ไม้ไผ่แตกหักไม่หมดพร้อมกับสบัดหลุดจากมือเขา
ตามด้วยเลือดที่มือของเขาสาดออกมา
ไอ้ตัวซ้อนกำลังเงื้อไม้ ไอ้คนขับกำลังแสยะยิ้ม
มันพยายามหลบลำไม้ไผ่แต่ไม่พ้นโดนเข้าเต็มอก และใบหน้าคนขับ ผลกระดอนจากรถทั้งคู่
แต่ไอ้คนซ้อนลุกก่อนหน้ามันมีเลือดไหล มือกำด้ามไม้
คงเป็นคมแฝก เดินกะเพลกเข้าหาอานนท์
เหวี่ยงไม้ไปมาหลอกล่อ
อานนท์รีบมองซ้ายขวาหาอาวุธอีก
มันสะอึกเข้าหาตีเสยหลอกทีหนึ่ง กลับตีลงอีกครั้ง
อานนท์หลบไม้แรกได้ ไม้ที่สองโดยเข้าสีข้างด้านซ้ายเต็มๆ
ผวาล้ม จุกเจ็บมาก แทบหมดแรงพลิกตัวเอามือที่เลือดไหลยันตัวขึ้น
รู้สึกโดนอีกสองบึกเข้ากลางหลัง หน้าอกและท้องกระแทกพื้นจุกซ้ำเข้าไปอีก
เขาพยายามพลิกตัวจะกลิ้งหนี โดนมันหวดเขาอีกสองสามไม้
อานนท์ไม่รู้สึกเจ็บ ชามากกว่า หน้ามืดหวิวๆ
“เฮ้ย! มึงสองคนไปตามผู้หญิง ไอ้นี้กูเอง” อานนท์ได้ยินเสียงไอ้คนตีแว่วๆ
“หยุดนะ! อย่าทำอะไรเขา จะจับตัวฉันก็เชิญ อย่าทำเขาอีกนะ”
อานนท์ได้ยินเสียงเธอใกล้เข้ามา
“วิ่ง! หนีไปคุณ!” อานนท์พยายามตะโกนจนปวดหน้าอก
พลิกนอนหงายจนได้ เห็นเธอถลาเข้ากอดทับตัวเขาไว้ ร้องไห้
“อย่าทำเขานะ ขอร้อง พอเถอะยอมแล้ว” เธอยังบังอยู่บนตัวอานนท์
“มึงเอานังนี่ออกไป กูจะกระทืบไอ้หนุ่มนี่” อานนท์เหลือบมองไอ้ยักษ์คนพูด
มันเป็นไอ้คนที่โดนไม้ไผ่ หน้ามันเลือดไหล คงโดนหนักถึงแค้น
“คุณหาทางหนีไป อย่าห่วงผม” อานนท์พูดเบา ไม่รู้เธอได้ยินหรือเปล่า จุกเจ็บหูอื้อหมด
“ไม่ ไม่ฉันไม่ทิ้งคุณ อย่าทำเขา”
เธอตะโกนเสียงดังประโยคหลัง ไม่สนอะไรแล้ว เธอเห็นเขาเลือดเต็มไปหมดไม่รู้แผลตรงไหน
ยังบอกให้เธอหนีอีก ไอ้ยักษ์ดึงต้นแขนเธอ แต่เธอดื้อกอดอานนท์แน่น
“ปล่อย ปล่อยนะ ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น”
มันดึงอีกจนเธอปวดแขนไปหมด แต่เธอคิดเจ็บยังไงก็ไม่ยอมไปจากเขา
น้ำตาไหลพราก...
“จะทำอะไรฉันก็ทำเลย ฉันไม่ไป” เธอร้องไปพูดไป
อานนท์ขยับจะลุกนั่ง แต่เธอกดเอาไว้
“ปล่อยผมคุณพิมพ์”
อานนท์อยากลุกขึ้นสู้กับพวกมันอีกเพื่อเปิดโอกาสให้พิมพ์หนีไป
เขาคิดได้แค่นั้น
“ปัง! ปัง! ปัง!”
“ทำอะไรวะ! พวกมึงตายแน่!”
“ปัง! ปัง!”
อานนท์หันไปมองเห็นลางๆ คุณลุงถือปืนยิงขู่ขึ้นฟ้า พร้อมกับวิ่งมา
ลูกชายที่ถือไม้ตามมาติดๆ เขายิ้มโล่งใจ
ส่วนพวกมันเคลื่อนไหวแทบมองไม่ทัน
พากันตั้งรถติดเครื่องควบหายไปอย่างกับนินจาเต่า พร้อมกับเสียง
“ไปโว้ย! เล่นปืนไม่ยุติธรรมนี่หว่า สู่ไม่ได้ไอ้เสือถอย...”
“คุณลุงทางนี้ค่ะ คุณเขาเลือดออกมากเลย”
เสียงเธอตะโกนพร้อมกับเสียงสะอื้น เอามือลูบแก้มเขาไปมา
“อย่าเป็นอะไรนะ ลืมตาซิคุณ” เธอลูบแก้มเขาหนักขึ้น
อานนท์รู้สึกหนาวนิดหน่อย
“ผมไม่เป็นไรมาก แค่จุกมากเท่านั้น ไม่ต้องตกใจ”
เขาพยายามเอามือตบหลังเธอเบาๆ
“ไม่เป็นไรมากใช่มั้ยคุณ?” เสียงคุณลุงพูดใกล้หู
“ครับ ขอบคุณมากครับ ทันเวลาพอดี ไม่งั้นคุณพิมพ์แย่แน่”
“ไม่เป็นอะไรแน่นะคุณ?”
เธอจูบแก้ม จูบอกเขา เป็นห่วงจับใจ อยากเจ็บแทนเขา
คุณลุงเอาผ้าขาวม้าพันมือซ้ายของเขาอย่างแน่น เธอไม่กล้ามอง
“แผลใหญ่เอาการ เอ็นนิ้วโป้งขาดหรือเปล่าก็ไม่รู้”
คุณลุงพูดพอได้ยิน
“ไอ้หนูกลับไปเอารถมารับคุณๆ เข้าบ้านทำแผลเร็ว”
“ครับพ่อ”
“ไปโรงพยาบาลดีกว่ามั้งค่ะ?”
“ทำแผลก่อนค่อยไปทีหลัง” คุณลุงพูดตัดบทตามลูกชายไป
เธอเอาหัวเขาหนุนตักเธอ ลูบผม ลูบหน้าตาเขาไปมาเบาๆ
“เจ็บมากมั้ยค่ะ?” อานนท์ยิ้มไม่พูด
ไม่เจ็บแต่ปวดอย่างเดียว ปวดทั้งตัวเลย เขาอยากบอก แต่ไม่บอกดีกว่า
“คนบ้า! อยากตายหรือไงฮึ?” เธอถามลูบแก้มเขาน้ำตายังเอ่อ
“คุณเป็นห่วงผมมากเหรอ?” เขาถามเสียงเบา
เธอนิ่งนึกเออ...เพราะอะไรต้องห่วง ร้องไห้ด้วย เธอไม่กล้าคิดต่อ
“ก็คุณช่วยฉันนี่ค่ะ” ตอบได้ค่อยโล่งอกหน่อย
“ทำไม่ต้องร้องไห้ด้วยครับ?” เขาไม่ยอมแพ้
“ผู้หญิงก็เป็นแบบนี้ทุกคนแหละ” เธอตอบข้างๆ คูๆ
“ทำไมคุณถึงช่วยฉันค่ะ?” เธอย้อนศรเอาบ้าง
“ผู้ชายก็เป็นแบบนี้ทุกคนแหละ” เขาตอบยิ้ม เธอหัวเราะทั้งน้ำตา
(อีกตอนครับ ชอบไม่ชอบ ให้กำลังใจด้วยครับ)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ