สองคน ใจ ดวงเดียว
9.6
1) หนึ่ง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหนึ่ง
แสงสปอร์ตไลท์
สีขาวนวลสว่างตา ฉายเป็นวงกลมจับการเคลื่อนไหวของหญิงสาวบนหน้าเวที
เธออยู่ในชุดราตรีสีดำนุ่มพริ้ว เปิดช่วงไหล่ขาวนวล ตัดกับสร้อยทองคำขาวห้อยจี้เพชร
เม็ดเล็กเหนือเนินอก
เธอเดินพริ้วไปกลางเวทีเพื่อรับรางวัล
หลังจากดารารับเชิญประกาศผล
ด้วยรองเท้าส้นสูงสีดำเข้ากับชุด รองรับร่างสูงโปร่ง สมส่วนของวัยสาว
วงหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโต ปากเล็กได้รูปยิ้มน้อยๆ
จมูกโด่ง หน้าผากตึง รวบผมยาวไว้ที่ต้นคอ
เธอคือผู้ชนะรางวัลเพลงประกอบภาพยนต์ยอดเยี่ยมปีนี้...
โดยเธอประพันธ์และขับร้องเอง...
และเป็นภาพยนต์ที่ได้รับการคาดหมาย จะได้รางวัลภาพยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี...
เรื่องที่พ่อเธอเป็นผู้อำนวยการสร้างและกำกับการแสดง...
อานนท์
ได้รับบัตรเชิญจากอำนวย เพื่อนนักข่าวบันเทิงประจำนิตยสารบันเทิงรายปักษ์ชื่อดัง
อำนวยมาทำงานในงานนี้
เขามองไม่เห็นเพื่อนอยู่ที่ไหน
ภายในศูนย์วัฒนธรรมมืด นอกจากบนเวที
เขานั่งอยู่แถวที่หกจากเวที
อานนท์จับตามองเธอบนเวที
เสียงเธอไม่ดีนัก อาศัยเป็นลูกสาวผู้อำนวยการสร้างร่วมมั้ง จึงมีโอกาสได้ร้อง
แต่นั่นแหละ เพลงที่เธอแต่งเพราะจริงๆ
เธอสูงเกือบร้อยเจ็ดสิบ หุ่นดีสมส่วน ตรงไหนควรมี ก็มีเยอะพอตัว
หน้าตาสวยพอกับพวกดาราสาวสวย...
สปอร์ตไลท์ฉายมายังที่นั่งแถวที่สามตรงกลาง
เขามองเห็นชายกลางคนรูปร่างท้วม หน้าตาใจดี ยิ้มตาหยี โบกมือไปมา
นั่น! ผู้อำนวยการสร้างและผู้กำกับรุ่นเก๋า พ่อของเธอ
ภาพท่านยิ้มโบกมือปรากฎบนจอทีวีขนาดใหญ่ข้างเวที
อายุคงห้าสิบเฉียดหกสิบ ผู้กำกับไพจิตร
สำหรับเธอ ชื่ออะไรนะ?
นึกไม่ออก...
ก่อนหน้านี้ไม่ได้ตั้งใจฟัง...
ดาราเดี๋ยวนี้เยอะมาก จำไม่หวาดไม่ไหว
อ๋อ...พิมพ์มายา...
อานนท์คิดเรื่อยเปื่อยฆ่าเวลา แก้เซ็ง!
งานนี้เขากะจะไม่มา ขี้เกียจแต่งตัวด้วยชุดหล่อเป็นงานเป็นการ จำต้องมา
ด้วยกางเกงยีนส์เก่าสีซีด เสื้อยืดขาวเดาะสูทลำลองสีน้ำเงินเข้ม...
ที่ยืมมาจากเจ้าอำนวย
มันใช้ได้...คงหล่อแบบแมวมองเมิน!
อานนท์ยิ้มคนเดียว...
เธอกล่าวขอบคุณยาวพอสมควร
รับเสียงตบมือยาวนาน เดินกลับหลังเวที บนเวทีดำเนินรายการต่อไป...
ที่สุด ตามความคาดหมาย...
ภาพยนต์ยอดเยี่ยมและผู้กำกับการแสดงยอดเยี่ยมปีนี้ ตกเป็นของคุณพ่อเธอ
หนังที่ได้กล่อง แต่ไม่ทำเงิน เข้าฉายเพียงสองอาทิตย์ลาโรง
เจ๊งสนิท...
ไฟสว่างจ้า จับมากลางแถวที่สามอีกครั้ง!
คุณพ่อ คุณลูกพากันเดินออกจากแถว
พร้อมกับรับการแสดงความยินดีจากเพื่อนร่วมแถว
เพื่อขึ้นบนเวทีรับรางวัลเสร็จ ทั้งคู่ยิ้มรับเสียงตบมือของแขกทุกคน
คุณพ่อกล่าวคำขอบคุณจบ พาลูกสาวโค้งโชว์หน้าอกขาวผ่อง!
เสียงตบมืออันยาวนาน และแขกทุกคนพากันลุกขึ้นตบมือ
ถือเป็นการให้เกียรติเอาอย่างฝรั่ง นั่นเป็นรางวัลสุดท้ายสำหรับงานนี้...
"อานนท์!
นายออกไปคอยที่รถ เราขอเวลาอีกครึ่งชั่วโมงเก็บข่าวให้หมดก่อน"
อานนท์ตกใจนิดหน่อย จู่ๆ เพื่อนโผล่มากระซิบกรอกหูในแถวนั่ง
"เออ! เร็วหน่อย เราเบื่อรอ"
"เบื่ออะไร? สาวๆ ออกตรึม ดูเป็นอาหารตาไปเรื่อยๆ นานๆได้ออกมา
นายเปิดตาเปิดหูให้กว้างๆ หน่อยหึื หึ"
หัวเราะจบ อำนวยเดินหายออกไป...
เพื่อนอยู่ในสูทสากลเต็มยศสีขาวนวล เพียงแต่ไม่กลัดกระดุมเสื้อนอก
หน้าตาหล่อ ตาเล็กปากบางเฉียบแสดงว่าปากจัด!
ท่าทีของเพื่อนคล่องแคล่ว สมกับมืออาชีพ...
อานนท์นั่งรอให้แขกข้างเขาลุกเดิน เขาลุกจากเก้าอี้ เดินออกจากแถวตามไป
ออกจากอาคาร เดินไปลานจอดรถ
อากาศข้างนอกร้อนอบอ้าว ผิดกับข้างในที่เย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศ
เงยหน้ามองดูท้องฟ้ากรุงเทพ
มันไม่เคยมืดสนิทตลอดกาล ยากที่จะเห็นดวงดาว
ถอดเสื้อสูทออกอย่างรำคาญ เอาพาดบ่า...
มันเกินครึ่งชั่วโมง
ของเพื่อนไปนานแล้ว เอารองเท้าเตะทรายตรงพื้นเล่นแก้เซ็ง
แขกส่วนใหญ่กลับกันไปแทบหมด ลาดจอดรถเงียบ
มองไม่เห็นสาวๆ อย่างที่มันคุยไว้
พวกที่เหลือในงาน ส่วนใหญ่คงเป็นพวกที่ได้รับรางวัลต้องอยู่เต๊ะท่าถ่ายรูป
ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว
เขาถอนใจ...
อานนท์หนุ่มโสด
สามสิบสาม สูงโปร่ง ผิวคล้ำ หน้าตาพอดูได้เรียกว่าระดับปานกลาง
อาชีพมือรับจ้างทำบัญชี และเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีให้กับบริษัทธุรกิจหลายแห่ง
พอมีเงินผ่อนซื้อคอนโดอยู่เป็นบ้าน และที่ทำงานพร้อม
ยังไม่เบื่อชีวิตโสด...
ในสังคมเมืองหลวงถือว่ายังหนุ่มแน่น
ผู้หญิงที่เมืองกรุงเป็นโสดกันก็อายุประมาณนี้เยอะ
ใช้ชีวิตใกล้เคียงกับฝรั่ง ควงคนโน้นคบคนนี้แล้วเลิกเป็นรายๆ ไป
พวกร้านเหล้าเปิดเพลงให้ฟัง มีดนตรีสดบ้าง เปิดกันจนถึงสว่างก็เยอะ
เพราะพวกยับปี้เหล่านี้เป็นลูกค้า เพื่อสบตาหาคู่ควงแก้เหงาจนกว่าจะเบื่อ
ค่อยมองหาคู่ เอาไว้คอยดูแลกันตอนแก่
อานนท์คิดไปเรื่อยเปื่อย...
อีกครึ่งชั่วโมงผ่านไป
กลุ่มแขกทยอยกันออกมาอีกรอบกลุ่มใหญ่
อือ...สาวสวยเยอะไปหมดอย่างที่มันคุย!
แยกย้ายแตกกลุ่มกันมาที่ลานจอดรถ การจราจรเริ่มสับสนวุ่นวาย
เพราะไม่มีเด็กรับรถ ต่างคนต่างอยากกลับบ้านหรือไปไหนต่อไม่รู้ ทว่าดูวุ่นวาย
อานนท์จับตามองสาวๆ หน้าอาคาร แสงแฟล็ซวูบวาบถี่
ไฟเสริมสว่างจากชุดถ่ายทอดทีวีหลายสถานี
ต้องเป็นดาวเด่น หรือไม่ก็เจาะพวกรับรางวัลสำคัญในงาน
อาจมีพวกแกล้งทำนมหกบ้างมั้ง!
อานนท์คิดขำในใจ
"นี่คุณ! ช่วยขยับรถออกไปหน่อย ฉันจะรีบไป"
เล่นเอาอานนท์สะดุ้ง!
หมุนตัวไปตามที่มาของเสียง
โธ่! นึกว่าใคร เขาจำได้คุณลูกสาวผู้กำกับใหญ่
เขาฉีกยิ้มซื่อๆ
"รถคุณคันไหนครับ?"
"หน้ารถคุณ สีขาว เห็นมั้ย? ฉันเอารถออกไม่ได้"
มือหนึ่งถือกระเป๋าหนังสีดำ อีกมือยกชี้ให้เขามอง...
แต่อานนท์มองที่รักแร้เนียนขาว ไม่มีจุดด่างดำของเธอ
"อืมม...ขาวเนียนจริงๆ" เขาพึมพำ
เธอดูเหมือนจะรู้ตัว ตาวาว ปราดเข้ามาประชิด เงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา
จีบปากสวยส่งเสียง
"ทะลึ้ง! ขยับรถเดี๋ยวนี้!"
อานนท์ได้กลิ่นน้ำหอมชาแนลพุ่งปะทะจมูก ขมวดคิ้วตอบ
"ทำไม่ได้!"
ท่าทางเธอคงโมโหน่าดู ริมฝีปากบนได้รูปเม้ม ริมฝีปากล่างยื่นออกมา
นั่น คงเป็นอาการที่เธอทำจนเคยตัวเวลาโมโหมั้ง?
เธอตวัดเสียงสูงขึ้นอีกคีย์
"คุณแค่ถอยรถออกมาเท่านั้น ฉันก็ไปได้แล้ว ทำไมทำไม่ได้?"
เธอชี้นิ้ววุ่นวาย เขายิ้มหน้าซื่อ มองเธอด้วยความเอ็นดูปนหมั่นไส้
"ความจริงรถคุณจอดเกะกะขวางทางคนอื่น อีกอย่างผมไม่ใช่เจ้าของรถคันนี้"
"อ้าว! ทำไมไม่บอกแต่แรก"
เธอทิ้งมือ มองไปรอบๆ หัวเสียหงุดหงิด เลิกสนใจเขาบ่นพึมพำคนเดียว
"บ้าเอ้ย! เสียเวลากับคนบ้าแท้ๆ"
อานนท์ได้ยินเต็มสองหู เดินเข้าไปสะกิดบ่าเธอ
"ผมคนสติดี แต่คุณนั่นแหละ ไม่ปกติ"
เธอหันกลับ พร้อมกับแขวนกระเป๋าถือที่ไหล่ทันที
"อย่ามาถูกตัวฉัน! ไม่งั้นมีเรื่องแน่"
อานนท์แบมือสองข้างตรงหน้าอกเขา แสดงความยอมจำนน
"โฮ! เก่งจัง กลัวจะแย่! ผมโดนหาเรื่องแต่แรก ถึงตอนนี้คุณจะเอาเรื่องกับผมอีก
คุณปกติดีหรือเปล่า?"
เธอจ้องหน้าทำท่าจะดูดเลือดเขา จากนั้นส่ายหัวจะหันตัวกลับ
"ผมอยากช่วย ถ้าคุณพูดดีๆ กับผมหน่อย"
เธอสะบัดหน้า ผมที่รัดไว้หลุด ผมยาวสยาย
คงโกรธสะบัดแรงไปหน่อยที่รัดผมขาด เธอไม่สนใจเรื่องผมของเธอ
"ช่วย...ช่วยยังไง?"
เธอเอียงคอถาม สีหน้าดูถูกปนระอาใจ
"ก็! ช่วยกันเข็นรถเพื่อนผมถอยหลัง คุณก็มีที่ให้ขับรถคุณออกไปได้ หรือจะไม่เอา!
ผมจะได้สบายไม่เหนื่อย มือก็ไม่เปื้อน"
เธอเปลี่ยนท่าทีขึ้นมานิดหนึ่ง มองหน้าเขาจริงจังเป็นครั้งแรก
"ก็ได้! คุณเข็น ฉันเตรียมขับรถออก" พูดเสร็จหันกลับเดินไปที่รถของเธอ
"อ้าว! ไปไหนครับ?" เขาตะโกนตามหลัง
"ไปติดเครื่องรอขับออกไปให้พ้นรถเพื่อนคุณ"
ทำท่ายิ้มสะใจ กดรีโหมดเสียงดังปี๊บๆ เตรียมเปิดประตูรถ
"เสียใจ ผมเข็นคนเดียวไม่ได้ พื้นเป็นทรายนะคุณ"
อานนท์ยิ้มสะใจบ้าง เธอมองที่เขา มองรถเจ้าอำนวยแล้วส่ายหน้า
"ผู้ชายอะไร! รถแค่นี้เข็นไม่ไหว"
เธอเดินมาที่กระโปรงหน้ารถเจ้าปัญหา
"ผมผู้ชายธรรมดา ไม่ได้ขายแรงงาน จะได้มีแรงเหลือเฟือ"
เขาเดินไปหน้ารถบ้าง มองหน้ากันอย่างไม่สบอารมณ์
เขานึกในใจ
ไม่รู้เจ้าอำนวยมันเข้าเกียร์ หรือเบรคมือไว้หรือเปล่า เดาไปงั้นแหละว่าเข็นได้
หากมันทำ ก็ช่วยไม่ได้งานนี้ฮ่า ฮ่า ฮ่า...หันมองหน้าเธอ
"นับถึงสาม ออกแรงพร้อมกันครับ"
เธอละจากหน้าเขา มองที่รองเท้าส้นสูงของตัวเอง ทำท่าอึดอัด
เขามองตามกำลังจะบอกให้เธอหยุด เขาเข็นเอง
ยิ่งเห็นปลายกระโปรงชุดราตรีเปื้อน เขาเริ่มเห็นใจเธอ...
"อ๋า! โอ้ย! อะไรกันวะ?"
อานนท์ถูกผู้ชายร่างใหญ่ล็อคแขน กดหัวลงแนบกระโปรงหน้ารถ
"ไอ้บ้า! ปล่อยฉันนะ!"
ผู้ชายอีกสองคนจับแขนพิมพ์มายาคนละข้าง
เธอโวยวายดิ้นสะบัดหลุดจากอีกคน ยกเท้าติดส้นสูงถีบท้องผู้ชายคนนั้น
มันถอยออกนิดหนึ่งไม่รู้สึกรู้สา ส่วนกระโปรงของเธอ ขาดถึงโคนขา
มันยิ้มเหี้ยม ย่างเท้าเข้าหาเธอ หน้าอานนท์แนบกับเหล็กเย็นหันไปทางเธอพอดี
หมดปัญญาดิ้น ตะโกนบอกเธอ
"คุณ อย่าต่อสู้ขัดขืน เจ็บตัวเปล่าๆ ยอมพวกมันก่อนเถอะคุณ คุยกันก่อน..."
สิ้นเสียงตะโกน อานนท์หมดสติเพราะโดนยาสลบโปะจมูก
พวกมันจัดการเหยื่อทั้งคู่ที่หมดสติ นั่งกลางรถมอเตอร์ไซด์คนละคัน
คนนั่งหลังประกบแน่น พากันขี่ออกจากศูนย์วัฒนธรรมเข้าถนนรัชดา
จอดตรงข้ามห้างดัง จับทั้งคู่เข้ารถตู้ปิดประตู รถตู้ออกตัว
พวกมันสี่คนกลับมาขี่มอเตอร์ไซด์ขับตาม
หายไปในความมืดปนสว่างของเมืองหลวง...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ