เธอ กับ เขา & รถเมล์
7.0
1) ตอน 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความอัครเดช รู้สึกปวดหัวตึบๆ
ความคิดสับสน! สมองเรียงลำดับไม่ถูก
ยังไง?
อะไร?
ทำไม!
ความรู้สึกที่หนังตา หนัก!
ค่อยๆ ยกเปลือกตาขึ้น...เจอะแสงจ้า!
หลับเปลือกตาลง...ลืมตาอีกครั้ง...
แปลกที่...เราอยู่ที่ไหน?
กวาดลูกตาไปรอบๆ รู้สึกคุ้นๆ...
ออ! แบบนี้เรียกว่า โรงพยาบาล
โห...เป็นอะไรบ้างหน่อเรา!
แรกสุด...ต้องสำรวจตัวเองก่อน...ลดสายตามองร่างกายตัวเอง
ว้าว! ชุดคนไข้ สีฟ้าอ่อน และยี่ห้อโรงพยาบาลพิมพ์ติดไปทั่ว...
อันดับสอง...หัวแม่เท้ายังอยู่ทั้งคู่ นิ่้วเท้าครบ
กระดิกได้!
ไม่มีเฝือกที่ขา...
ขยับขา...ใช่้ได้!
แขนขวา...ยกได้!
แต่ เออ...ปวดที่หัวไหล่ซ้าย และตรงหัวใกล้ท้ายทอย
อือ...หัวไหล่เป็นอะไร?
อัครเดช มองทางซ้ายกว้างไกลขึ้น
นั่น! ตาดำ ผมยาว จ๋องเขาเป๋ง!
ตาดุ หน้าตาซีดเซียว ปากซีดเม้มสนิท...
เธอ อยู่ในชุดสีชมพูอ่อน...ชุดคนไข้!
ผ้าห่มของโรงพยาบาลคลุมถึงแค่อกของเธอ และมีถุงน้ำเกลือห้อยเสาสแตนเลสแบบเรา...
ผิวเธอไม่ออกขาว มันดูซีด
ใคร? อัครเดชนึกไม่ออก
หน้าสวยเหมือนสาวญี่ปุ่น ปากนิดจมูกรั้นหน่อย ใบหน้ากลม คางแหลมสั้น
โดยรวมน่ารักดี...
"คุณชื่ออะไร?" เสียงดุของเธอถามมา
อัครเดชจ้องตอบ นึกในใจ...
ทำไมต้อง ดุ?
ทำไมต้องบอก?
อัครเดชทำเฉย...
"ฉันถามว่าคุณชื่ออะไร? คุณได้ยินมั้ย? เธอเสียงดังขึ้นอีกหน่อยและเน้นคำ
เขารู้สึกไม่พอใจ แต่พูดตอบเสียงแหบเบา
"ผมได้ยิน แต่ไม่บอก ทำไม?"
เขารู้สึกปวดหัวที่พูดเสียงดัง หลับตาไม่สนใจ คิดต่อไป...
เราเข้าโรงพยาบาล นี่น่าจะเป็นโรงพยาบาลเอกชน
ตายละหว่า...ไม่มีเงินเสียค่ารักษาแน่!
ทำไงดี...เขาลือกันว่าโหดสุดๆ...
เออ...นี่เรานอนกี่วันแล้ว?
แย่...โฮ! คงหลายหมื่น พันเดียวก็ไม่มี ถึงตายแน่เรา!
อัครเดชเริ่มกระสับกระส่าย หลับตาคิด...
มีทางเดียว ปลอดคนค่อยย่องออกไป เสี่ยงดีกว่า แต่...
มียายบ้าข้างๆ นี่ คงต้องรอให้หลับไปก่อน เออ...ชุดเก่าเราอยู่ไหน?
อัครเดชลืมตามองหาชุด เห็นตู้อยู่ข้างผนังห้อง
ต้องอยู่ในนั้นแน่!
หันคอมองซ้ายมือ เจอะตาดุอีกตามเคย...
"ฉันขอถามอีกครั้ง คุณชื่ออะไร? ทำงานอะไร?"
รู้สึกว่าคุณเธอจะระงับอารมณ์เต็มที่...
เออ...ยายนี่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แฮะ นึกแล้วก็น่าขำ แกล้งอีกหน่อยดีกว่า...
"ผมนึกชื่อผมยังไม่ออก ผมจะบอกคุณได้ไง โธ่..."
อัครเดชพูดพร้อมกับทำหน้าจริงจัง เธอเลิกคิ้วเข้มของเธอ
แปลก! ผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องการคิ้วเรียวเล็กนิดเดียวนี่...ยายนี่แปลกหญิง คิ้วธรรมชาติ...
อัครเดชนึกขำในใจ...
"คุณโกหก ฉันดูออก แกล้งฉันใช่มั้ย?" น้ำเสียงของเธอยังเข้ม ดุ
แนะ! รู้ดีอีก เก่งจริงแม่คุููณ! เขาคิดอย่างพูดอีกอย่าง
"อัครเดช และตกงาน พอใจมั้ย?" เขาบอก คุณเธอพยักหน้า พูดน้ำเสียงคุณครูู
"ค่อยรู้เรื่องหน่อย" อัครเดชงง!
ยายนี่จะมาไม้ไหน? รู้สึกคันหัวใจนิดๆ พูดขึ้น
"คุณถามชื่อผม ผมบอก คุณชื่ออะไร และทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?" เขาถามกลับบ้าง สองข้อ อยากรู้
"นิสา...ตกรถเมล์ขาหัก เพราะคุณ!" เธอตอบสีหน้าไม่พอใจ อัครเดชมองที่ขาเธอ ไม่เห็นเพราะมีผ้าห่มคลุม
อะไร? เพราะเรา? เขานึกงง!
"ผมทำอะไรให้คุณ? ออ...ผมนึกออกแล้ว! คุณนั่นแหละทำให้ผมมาอยู่ที่นี!"
อัครเดชขยัยตัว แต่ต้องนิ่วหน้า เจ็บที่หัวไหล แยกเขี้ยวหยุดนิ่ง นึกลำดับเหตุการณ์...
อัครเดชยืนรอรถเมล์
ท่ามกลางสายฝนกระหน่ำหนาเม็ด
เซ็งสุดๆ...ทำไมไม่ไปตกที่ภาคอีสาน หรือพื้นที่กันดานอื่นของประเทศ ตกได้ทุกวันทิ้งเปล่าที่กรุงเทพ!
เขานึกบ่นระหว่างรอรถเมล์ขาดช่วง โดยเฉพาะสายที่เขาต้องการ
ยืนรอหลบน้ำจากถนนที่กระเด็นโดนขากางเกง กับรองเท้าจนเบื่อ ปล่อยให้เปียกเลอะอย่างจำใจ
ยื่นนิ่งร่วมกับคนอื่นที่ป้ายหยุดรับส่งผู้ัโดยสาร
ใบหน้าทุกคนคงคล้ายๆ กัน คือเซ็ง! ก่อนเข้าทำงานเวลาเร่งด่วน...
อัครเดชยิ่งแย่กว่าทุกคนที่ร่วมชะตากรรมเช้านี้!
เขาต้องเข้าสัมภาษณ์ เพื่อรับการคัดเลือกเข้าทำงานในบริษัทที่เขาสมัครไว้อาทิตย์ก่อน
เวลานัดคือสามโมงเช้า...
มองดูหน้าปัดนาฬิกา มีไอน้ำทำให้มัวบังเข็ม มองเห็นไม่ชัด
อ่อ...สองโมงสิบห้านาที
อัครเดชขมวดคิ้ว น้ำฝนไหลลงเข้าตาทั้งสองข้างอีก หงุดหงิดยกมือปาด นึกบ่นในใจ
อีกสองวันหยุดเดินแน่ เจ้านาฬิการาคาถูกสนิมกินเครื่องนี้...
อัครเดชจบปริญญาตรีมาปีกว่า หางานทำตรงสาขาวิชา ทำเป็นอาชีพไม่ได้
นี่ต้องออกจากงานเก่า เขาทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร
รู้สึกอายพวกเด็กๆ ที่ทำงานด้วยกัน
เขาเป็นพนักงานเสิร์ฟที่อายุมากที่สุดในร้าน...
กระทั้งกัปตันยังอายุน้อยกว่าเขา...
รถเมล์สายของเขาวิ่งมาแล้ว
แต่ผู้โดยสารโหนบันไดมาเพียบ!
ยังงี้จะเบียดขึ้นได้หรือเปล่า?
ไม่มีคนลงอีกต่างหาก!
อัครเดชตัดสินใจวิ่งจับราวประตู แหย่ปลายเท้าเข้าเหยียบบันไดขั้นแรก ลื่น! ราวจับก็ลื่น!
พวกที่บันไดพากันมองหน้าเขาแบบเห็นใจ บ้างก็ส่ายหัว เขายอมแพ้ถอยกลับยืนรอต่อ...
"ปี๊ด...ไปเลยลูกพี่"
กระเป๋าเป่านกหวีดตะโกนตามเสียงดัง ไม่รู้อยู่ตรงส่วนไหนของรถเมล์
รถเมล์วิ่งออกจากป้ายไม่มีใครขึ้นได้ ไม่มีใครลง
ตอนนี้ไม่เฉพาะรองเท้ากับกางเกงที่เปียก มันเปียกไปทั้งตัว และที่สำคัญ...
ซองเอกสารสำคัญชุ่มน้ำ! เขาก้มมองอย่างท้อใจ...
"เฮ้ย! อึก!"
อัครเดชรู้สึกถูชนอย่างหนักเข้ากลางตัว เสียหลักลื่นเท้าลอยหลุดจากพื้น
มีของหนักกระแทกทับตัว หัวเขาน็อคพื้นดาวกระจายในม่านตา
นั่นเป็นความรู้สึกสุดท้ายก่อนดับวูบ!
"คุณนั่นแหละ ถ้าไม่เกะกะฉัน ขาฉันคงไม่หัก คุณต้องรับผิดชอบ?"
หาเรื่องนี่หน่า! เขาเถียงในใจ ความจำเริ่มเข้าที่ พูดโต้เธอ
"อ้าว...ผมอยู่ของผมดีๆ คุณร่วงมาทับผมเอง คุณต้องรับผิดชอบผมซิ"
อาฮะได้การ! ค่ารักษาให้ยายนี่รับผิดชอบฮ่า ฮ่า ฮ่า เขานึกหัวเราะในใจ
"คุณผิด ฉันไม่ผิด!" น้ำเสียงเธอจริงจังมาก เล่นเอาอัครเดชงง!
"ผมไม่เถียงกับคุณ สักพักตำรวจคงมาสอบถาม เฮอะๆ ผมจะเรียกค่ารักษา ค่าทำขวัญ
และอีกหลายอย่างเดี๋ยวรู้กัน"
อัครเดชทำหลับตา ไม่อยากคุย...
เสียงเคาะประตู และเปิดประตู เขาไม่มอง
"หวัดดีค่ะ แม่" เสียงคุณเธออ่อนหวาน!
"เป็นไง ปวดอยู่ไหมลูก?"
อัครเดชเหลือบมอง เห็นผู้หญิงกลางคน รูปร่างสมบูรณ์ผิวพรรณดีหน้าตาผ่องใส
เขาคิดว่าวัยสาวคงสวยเอาการ เธออยู่ในชุดทำงานเสื้อสูท กระโปรง เขาหลับตา
"ปวดค่ะ คุณหมอให้ยาแก้ปวดแล้วทางสายไอวี"
คนเป็นแม่เดินเข้าไปที่เตียงทรุดนั่งขอบเตียง เอามือลูบผมลูกสาวเบามือพูดน้ำเสียงไม่สบายใจเป็นกังวน
"คุณพ่อพาแม่ไปทำงานต่างประเทศอีกสามวัน จะทำไงนี่?" อัครเดชนิ่งฟัง
"หนูจะติดต่อเพื่อนๆ ให้ช่วยดูแลหนูก็ได้ ไม่ต้องห่วงค่ะ" คุณแม่ยังลูบหัวลูกสาวไม่หยุด
"ติดต่อเดี๋ยวนี้เลย หากพวกเขาติดงานจะได้เตรียมตัวลางาน หรือนัดผลัดเปลี่ยนกันมาได้ลูก"
เสียงกดโทรศัพท์ และเสียงคุยกับคนโน้นคนนี้
ดูท่าจะผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า อัครเดชแอบหัวเราะในใจ
โธ่เอ้ย...เพื่อนมีตั้งเยอะ พอเดือดร้อนไม่เห็นซักคน!
"ไม่มีใครว่างเลยค่ะแม่ ทำไงดี?"
เสียงเธออ่อนใจ วางมือถือทำหน้าเซ็ง
"แม่จะติดต่อพยาบาลพิเศษให้นะ"
"ค่ะ"
เสียงฝีเท้าคนเป็นแม่เดินออกห้องไป...
อัครเดชลืมตา เจอะตาดุของเธออีก เขาแอบยิ้ม
"ทำไม? ตลกนักหรือคุณ?" คุณเธอหาเรื่องอีก
"สำหรับผมมันน่าตลก เพื่อนตั้งมากมายพึ่งไม่ได้เลย" เขาทำหน้าแบบเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ
เธอทำท่าโมโห พูด
"ติดงานสำคัญกันทั้งนั้นนี่" นั่น! เถียงแทนเพื่อน เขามองยิ้มในหน้า
"งานอะไรสำคัญกว่าเพื่อน โธ่เอ้ย..." เธอราวีเขาต่อไม่ยอมแพ้
"คุณไม่ได้ทำงาน จะรู้ได้ไง?" อัครเดชจ้องเธอ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกโมโหบ้าง
"ผมจะได้งานอยู้แล้ว ผมรอรถเมล์ บริษัทนัดไปสัมภาษณ์เข้าทำงาน คุณนั่นแหละทำผมตกงาน"
เธอตอบสวนทันที
"อุบัติเหตุ! เข้าใจมั้ย คำนี้?" เขาตะลึงตอบโต้
"ผมไม่เข้าใจ ผมไม่มีงาน ไม่มีเงิน ผมเดือดร้อนเพราะอุบัติเหตุของคุณ"
อัครเดชโยนให้เธอรับคนเดียว ทั้งคู่จ้องหน้ากันอย่างมีอารมณ์
"เถียงอะไรกัน?" คุณแม่เดินเข้ามาในห้อง มองทั้งคู่ออกอาการงง!
"เสียงดังไปถึงนอกห้อง นี่โรงพยาบาลนะ" คุณแม่พูดเชิงตำหนิ อัครเดชเงียบ! แต่เธอไม่!
"คุณคนนี้ เขาหาว่าหนูทำเขาเจ็บ ตกงาน ผู้ชายอะไร ไม่เป็นสุภาพบุรุษ"
แน๊ะ! ฟ้องแม่ เราไปเกี่ยวอะไร ตรงไหนนะนี่? อัครเดชไม่เข้าใจ
"พูดถึงเรื่องนี้ ก็คงถูกของเขา หนูเป็นฝ่ายตกรถไปโดนเขาเจ็บนะลูก
อีกอย่างถ้าไม่ล้มทับคุณเขา หนูต้องเจ็บมากกว่านี้ อ่อ...ต้องขอบคุณมากค่ะ"
ถึงช่วงท้ายผู้เป็นแม่หันมากล่าวกับเขา
"ไม่เป็นไรครับ ติดตรงที่คุณเธอว่าผมเป็นฝ่ายผิดอยู่นี้ซิครับ"
เฮอะ! เขาฟ้องกลับเอาบ้าง สะใจจริงๆ ฮ่าๆ อัครเดชคิดขำ มองหน้าเธอ
คุณเธอทำตาดุ ดื้อ ไม่ยอมเม้มปากแน่น
"พยาบาลไม่ว่างสักคนในช่วงนี้ อาทิตย์หน้าถึงว่าง ต้องคิดหาทางกันอีกที"
สีหน้า แววตาดูคุณแม่เธอวิตกมาก...
เธอหันมาทางเขา แล้วพูดเสียงดัง
"งั้นคุณนั้นแหละ คุณต้องพยาบาลฉัน!"
เอ้า! พูดเอาแต่ได้นี่ อัครเดชบ่นในใจ พูดขึ้น
"อ้าว...คุณ! เรื่องอะไร ผมก็ป่วยนะ!"
นิสาเอียงหน้าทำตาดุ ดื้อ! ส่งเสียงดัง
"ไม่รู้! ค่ารักษาที่นี่ฉันออกให้ แต่คุณต้องทำงานชดใช้"
"ได้ไง? คุณผิด คุณต้องออกค่ารักษาให้ผมอยู่แล้ว เออ...คุณนี่ตลกจัง" เขาแสดงอาการเหลือเชื่อ
คนเป็นแม่มองทั้งคู่สลับกันไปมา ต้องเป็นฝ่ายพูดบ้าง
มันจะดีเหรอลูก ไม่เหมาะสมมั้ง?"
นิสาเธอไม่สนใจ ต่อเสียงแย้งของแม่ อยากเอาชนะผู้ชายคนนี้
หน้าตาท่าทางน่าหมั่นไส้!
"งั้นฉันจ้างคุณ อีกข้อคุณตกงาน คุณต้องดูแลฉันสองเดือนจนฉันเดินได้"
อัครเดชมองหน้าเธอ นึกขันยิ้ม
ยายคนนี้ประหลาด!
"ผมเอาตัวเองยังไม่รอด ผมไม่ใช่พยาบาล"
เขาพูดอารมณ์เย็น นิสามองเขา หันมองแม่ ขยับปากมองที่เขา
"ฉันถามคุณหมอแล้ว คุณแค่ไหลหลุด ไม่ถึงสามวันก็หาย คุณทำได้แน่!"
"โธ่คุณ...ผมกับคุณไม่เคยรู้จักกัน และผมเป็นผู้ชาย คุณเป็นผู้หญิง
หนุ่มสาวจะดูแลกันสองต่อสอง คุณคิดให้ดีก่อนพูดเพ้อเจ้อ"
อัครเดชพยายามยกเหตุผล คุณแม่เธอยังพยักหน้าตามเขา
"ถูกของคุณนะลูก ยังไงลูกก็เป็นผู้หญิง" คุณแม่พูดไปลูบแก้มลูกสาวไปด้วย
"หนูไม่กลัว หนูมีปืนขืนทำรุ่มร่ามยิงไส้แตกแน่!" เธอพูดทำตาดุ เก็กหน้าดุ
"โอ๊ะโอ๋...กลัวตายหละ...เฮอะ! ตกลงผมจะอยู่กับคุณ ดูซิถือปืนได้นานขนาดไหนฮะ ฮะ ฮ่า"
อัครเดชเยาะเย้ย นิสาโกรธหน้าแดง สบตาเขาไม่กระพริบ พูดเสียงเข้ม
"ได้! ฉันจะลองดู ขอให้แน่เถอะ!"
เกิดการท้าทายกันขึ้น คุณแม่มองทั้งคู่ อ่อนใจพูดขึ้น
"ค่อยๆ พูดกันก็ได้ อ่อ...จะดูแลกันใช่มั้ย?"
ทั้งคู่จ่้องตากันไม่เลิก ไม่ตอบ คุณแม่ถอนใจ
"เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยพูดเรื่องนี้อีกที วันนี้ยุติแค่นี้..."
คุณแม่สรุป เคลื่อนตัวบังสายตาอัครเดชคุยกับลูกสาวเรื่องอื่นเสียงเบา
อัครเดชขี่เกียจฟัง หลับตา และหลับไปจริงๆ...
ความคิดสับสน! สมองเรียงลำดับไม่ถูก
ยังไง?
อะไร?
ทำไม!
ความรู้สึกที่หนังตา หนัก!
ค่อยๆ ยกเปลือกตาขึ้น...เจอะแสงจ้า!
หลับเปลือกตาลง...ลืมตาอีกครั้ง...
แปลกที่...เราอยู่ที่ไหน?
กวาดลูกตาไปรอบๆ รู้สึกคุ้นๆ...
ออ! แบบนี้เรียกว่า โรงพยาบาล
โห...เป็นอะไรบ้างหน่อเรา!
แรกสุด...ต้องสำรวจตัวเองก่อน...ลดสายตามองร่างกายตัวเอง
ว้าว! ชุดคนไข้ สีฟ้าอ่อน และยี่ห้อโรงพยาบาลพิมพ์ติดไปทั่ว...
อันดับสอง...หัวแม่เท้ายังอยู่ทั้งคู่ นิ่้วเท้าครบ
กระดิกได้!
ไม่มีเฝือกที่ขา...
ขยับขา...ใช่้ได้!
แขนขวา...ยกได้!
แต่ เออ...ปวดที่หัวไหล่ซ้าย และตรงหัวใกล้ท้ายทอย
อือ...หัวไหล่เป็นอะไร?
อัครเดช มองทางซ้ายกว้างไกลขึ้น
นั่น! ตาดำ ผมยาว จ๋องเขาเป๋ง!
ตาดุ หน้าตาซีดเซียว ปากซีดเม้มสนิท...
เธอ อยู่ในชุดสีชมพูอ่อน...ชุดคนไข้!
ผ้าห่มของโรงพยาบาลคลุมถึงแค่อกของเธอ และมีถุงน้ำเกลือห้อยเสาสแตนเลสแบบเรา...
ผิวเธอไม่ออกขาว มันดูซีด
ใคร? อัครเดชนึกไม่ออก
หน้าสวยเหมือนสาวญี่ปุ่น ปากนิดจมูกรั้นหน่อย ใบหน้ากลม คางแหลมสั้น
โดยรวมน่ารักดี...
"คุณชื่ออะไร?" เสียงดุของเธอถามมา
อัครเดชจ้องตอบ นึกในใจ...
ทำไมต้อง ดุ?
ทำไมต้องบอก?
อัครเดชทำเฉย...
"ฉันถามว่าคุณชื่ออะไร? คุณได้ยินมั้ย? เธอเสียงดังขึ้นอีกหน่อยและเน้นคำ
เขารู้สึกไม่พอใจ แต่พูดตอบเสียงแหบเบา
"ผมได้ยิน แต่ไม่บอก ทำไม?"
เขารู้สึกปวดหัวที่พูดเสียงดัง หลับตาไม่สนใจ คิดต่อไป...
เราเข้าโรงพยาบาล นี่น่าจะเป็นโรงพยาบาลเอกชน
ตายละหว่า...ไม่มีเงินเสียค่ารักษาแน่!
ทำไงดี...เขาลือกันว่าโหดสุดๆ...
เออ...นี่เรานอนกี่วันแล้ว?
แย่...โฮ! คงหลายหมื่น พันเดียวก็ไม่มี ถึงตายแน่เรา!
อัครเดชเริ่มกระสับกระส่าย หลับตาคิด...
มีทางเดียว ปลอดคนค่อยย่องออกไป เสี่ยงดีกว่า แต่...
มียายบ้าข้างๆ นี่ คงต้องรอให้หลับไปก่อน เออ...ชุดเก่าเราอยู่ไหน?
อัครเดชลืมตามองหาชุด เห็นตู้อยู่ข้างผนังห้อง
ต้องอยู่ในนั้นแน่!
หันคอมองซ้ายมือ เจอะตาดุอีกตามเคย...
"ฉันขอถามอีกครั้ง คุณชื่ออะไร? ทำงานอะไร?"
รู้สึกว่าคุณเธอจะระงับอารมณ์เต็มที่...
เออ...ยายนี่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แฮะ นึกแล้วก็น่าขำ แกล้งอีกหน่อยดีกว่า...
"ผมนึกชื่อผมยังไม่ออก ผมจะบอกคุณได้ไง โธ่..."
อัครเดชพูดพร้อมกับทำหน้าจริงจัง เธอเลิกคิ้วเข้มของเธอ
แปลก! ผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องการคิ้วเรียวเล็กนิดเดียวนี่...ยายนี่แปลกหญิง คิ้วธรรมชาติ...
อัครเดชนึกขำในใจ...
"คุณโกหก ฉันดูออก แกล้งฉันใช่มั้ย?" น้ำเสียงของเธอยังเข้ม ดุ
แนะ! รู้ดีอีก เก่งจริงแม่คุููณ! เขาคิดอย่างพูดอีกอย่าง
"อัครเดช และตกงาน พอใจมั้ย?" เขาบอก คุณเธอพยักหน้า พูดน้ำเสียงคุณครูู
"ค่อยรู้เรื่องหน่อย" อัครเดชงง!
ยายนี่จะมาไม้ไหน? รู้สึกคันหัวใจนิดๆ พูดขึ้น
"คุณถามชื่อผม ผมบอก คุณชื่ออะไร และทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?" เขาถามกลับบ้าง สองข้อ อยากรู้
"นิสา...ตกรถเมล์ขาหัก เพราะคุณ!" เธอตอบสีหน้าไม่พอใจ อัครเดชมองที่ขาเธอ ไม่เห็นเพราะมีผ้าห่มคลุม
อะไร? เพราะเรา? เขานึกงง!
"ผมทำอะไรให้คุณ? ออ...ผมนึกออกแล้ว! คุณนั่นแหละทำให้ผมมาอยู่ที่นี!"
อัครเดชขยัยตัว แต่ต้องนิ่วหน้า เจ็บที่หัวไหล แยกเขี้ยวหยุดนิ่ง นึกลำดับเหตุการณ์...
อัครเดชยืนรอรถเมล์
ท่ามกลางสายฝนกระหน่ำหนาเม็ด
เซ็งสุดๆ...ทำไมไม่ไปตกที่ภาคอีสาน หรือพื้นที่กันดานอื่นของประเทศ ตกได้ทุกวันทิ้งเปล่าที่กรุงเทพ!
เขานึกบ่นระหว่างรอรถเมล์ขาดช่วง โดยเฉพาะสายที่เขาต้องการ
ยืนรอหลบน้ำจากถนนที่กระเด็นโดนขากางเกง กับรองเท้าจนเบื่อ ปล่อยให้เปียกเลอะอย่างจำใจ
ยื่นนิ่งร่วมกับคนอื่นที่ป้ายหยุดรับส่งผู้ัโดยสาร
ใบหน้าทุกคนคงคล้ายๆ กัน คือเซ็ง! ก่อนเข้าทำงานเวลาเร่งด่วน...
อัครเดชยิ่งแย่กว่าทุกคนที่ร่วมชะตากรรมเช้านี้!
เขาต้องเข้าสัมภาษณ์ เพื่อรับการคัดเลือกเข้าทำงานในบริษัทที่เขาสมัครไว้อาทิตย์ก่อน
เวลานัดคือสามโมงเช้า...
มองดูหน้าปัดนาฬิกา มีไอน้ำทำให้มัวบังเข็ม มองเห็นไม่ชัด
อ่อ...สองโมงสิบห้านาที
อัครเดชขมวดคิ้ว น้ำฝนไหลลงเข้าตาทั้งสองข้างอีก หงุดหงิดยกมือปาด นึกบ่นในใจ
อีกสองวันหยุดเดินแน่ เจ้านาฬิการาคาถูกสนิมกินเครื่องนี้...
อัครเดชจบปริญญาตรีมาปีกว่า หางานทำตรงสาขาวิชา ทำเป็นอาชีพไม่ได้
นี่ต้องออกจากงานเก่า เขาทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร
รู้สึกอายพวกเด็กๆ ที่ทำงานด้วยกัน
เขาเป็นพนักงานเสิร์ฟที่อายุมากที่สุดในร้าน...
กระทั้งกัปตันยังอายุน้อยกว่าเขา...
รถเมล์สายของเขาวิ่งมาแล้ว
แต่ผู้โดยสารโหนบันไดมาเพียบ!
ยังงี้จะเบียดขึ้นได้หรือเปล่า?
ไม่มีคนลงอีกต่างหาก!
อัครเดชตัดสินใจวิ่งจับราวประตู แหย่ปลายเท้าเข้าเหยียบบันไดขั้นแรก ลื่น! ราวจับก็ลื่น!
พวกที่บันไดพากันมองหน้าเขาแบบเห็นใจ บ้างก็ส่ายหัว เขายอมแพ้ถอยกลับยืนรอต่อ...
"ปี๊ด...ไปเลยลูกพี่"
กระเป๋าเป่านกหวีดตะโกนตามเสียงดัง ไม่รู้อยู่ตรงส่วนไหนของรถเมล์
รถเมล์วิ่งออกจากป้ายไม่มีใครขึ้นได้ ไม่มีใครลง
ตอนนี้ไม่เฉพาะรองเท้ากับกางเกงที่เปียก มันเปียกไปทั้งตัว และที่สำคัญ...
ซองเอกสารสำคัญชุ่มน้ำ! เขาก้มมองอย่างท้อใจ...
"เฮ้ย! อึก!"
อัครเดชรู้สึกถูชนอย่างหนักเข้ากลางตัว เสียหลักลื่นเท้าลอยหลุดจากพื้น
มีของหนักกระแทกทับตัว หัวเขาน็อคพื้นดาวกระจายในม่านตา
นั่นเป็นความรู้สึกสุดท้ายก่อนดับวูบ!
"คุณนั่นแหละ ถ้าไม่เกะกะฉัน ขาฉันคงไม่หัก คุณต้องรับผิดชอบ?"
หาเรื่องนี่หน่า! เขาเถียงในใจ ความจำเริ่มเข้าที่ พูดโต้เธอ
"อ้าว...ผมอยู่ของผมดีๆ คุณร่วงมาทับผมเอง คุณต้องรับผิดชอบผมซิ"
อาฮะได้การ! ค่ารักษาให้ยายนี่รับผิดชอบฮ่า ฮ่า ฮ่า เขานึกหัวเราะในใจ
"คุณผิด ฉันไม่ผิด!" น้ำเสียงเธอจริงจังมาก เล่นเอาอัครเดชงง!
"ผมไม่เถียงกับคุณ สักพักตำรวจคงมาสอบถาม เฮอะๆ ผมจะเรียกค่ารักษา ค่าทำขวัญ
และอีกหลายอย่างเดี๋ยวรู้กัน"
อัครเดชทำหลับตา ไม่อยากคุย...
เสียงเคาะประตู และเปิดประตู เขาไม่มอง
"หวัดดีค่ะ แม่" เสียงคุณเธออ่อนหวาน!
"เป็นไง ปวดอยู่ไหมลูก?"
อัครเดชเหลือบมอง เห็นผู้หญิงกลางคน รูปร่างสมบูรณ์ผิวพรรณดีหน้าตาผ่องใส
เขาคิดว่าวัยสาวคงสวยเอาการ เธออยู่ในชุดทำงานเสื้อสูท กระโปรง เขาหลับตา
"ปวดค่ะ คุณหมอให้ยาแก้ปวดแล้วทางสายไอวี"
คนเป็นแม่เดินเข้าไปที่เตียงทรุดนั่งขอบเตียง เอามือลูบผมลูกสาวเบามือพูดน้ำเสียงไม่สบายใจเป็นกังวน
"คุณพ่อพาแม่ไปทำงานต่างประเทศอีกสามวัน จะทำไงนี่?" อัครเดชนิ่งฟัง
"หนูจะติดต่อเพื่อนๆ ให้ช่วยดูแลหนูก็ได้ ไม่ต้องห่วงค่ะ" คุณแม่ยังลูบหัวลูกสาวไม่หยุด
"ติดต่อเดี๋ยวนี้เลย หากพวกเขาติดงานจะได้เตรียมตัวลางาน หรือนัดผลัดเปลี่ยนกันมาได้ลูก"
เสียงกดโทรศัพท์ และเสียงคุยกับคนโน้นคนนี้
ดูท่าจะผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า อัครเดชแอบหัวเราะในใจ
โธ่เอ้ย...เพื่อนมีตั้งเยอะ พอเดือดร้อนไม่เห็นซักคน!
"ไม่มีใครว่างเลยค่ะแม่ ทำไงดี?"
เสียงเธออ่อนใจ วางมือถือทำหน้าเซ็ง
"แม่จะติดต่อพยาบาลพิเศษให้นะ"
"ค่ะ"
เสียงฝีเท้าคนเป็นแม่เดินออกห้องไป...
อัครเดชลืมตา เจอะตาดุของเธออีก เขาแอบยิ้ม
"ทำไม? ตลกนักหรือคุณ?" คุณเธอหาเรื่องอีก
"สำหรับผมมันน่าตลก เพื่อนตั้งมากมายพึ่งไม่ได้เลย" เขาทำหน้าแบบเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ
เธอทำท่าโมโห พูด
"ติดงานสำคัญกันทั้งนั้นนี่" นั่น! เถียงแทนเพื่อน เขามองยิ้มในหน้า
"งานอะไรสำคัญกว่าเพื่อน โธ่เอ้ย..." เธอราวีเขาต่อไม่ยอมแพ้
"คุณไม่ได้ทำงาน จะรู้ได้ไง?" อัครเดชจ้องเธอ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกโมโหบ้าง
"ผมจะได้งานอยู้แล้ว ผมรอรถเมล์ บริษัทนัดไปสัมภาษณ์เข้าทำงาน คุณนั่นแหละทำผมตกงาน"
เธอตอบสวนทันที
"อุบัติเหตุ! เข้าใจมั้ย คำนี้?" เขาตะลึงตอบโต้
"ผมไม่เข้าใจ ผมไม่มีงาน ไม่มีเงิน ผมเดือดร้อนเพราะอุบัติเหตุของคุณ"
อัครเดชโยนให้เธอรับคนเดียว ทั้งคู่จ้องหน้ากันอย่างมีอารมณ์
"เถียงอะไรกัน?" คุณแม่เดินเข้ามาในห้อง มองทั้งคู่ออกอาการงง!
"เสียงดังไปถึงนอกห้อง นี่โรงพยาบาลนะ" คุณแม่พูดเชิงตำหนิ อัครเดชเงียบ! แต่เธอไม่!
"คุณคนนี้ เขาหาว่าหนูทำเขาเจ็บ ตกงาน ผู้ชายอะไร ไม่เป็นสุภาพบุรุษ"
แน๊ะ! ฟ้องแม่ เราไปเกี่ยวอะไร ตรงไหนนะนี่? อัครเดชไม่เข้าใจ
"พูดถึงเรื่องนี้ ก็คงถูกของเขา หนูเป็นฝ่ายตกรถไปโดนเขาเจ็บนะลูก
อีกอย่างถ้าไม่ล้มทับคุณเขา หนูต้องเจ็บมากกว่านี้ อ่อ...ต้องขอบคุณมากค่ะ"
ถึงช่วงท้ายผู้เป็นแม่หันมากล่าวกับเขา
"ไม่เป็นไรครับ ติดตรงที่คุณเธอว่าผมเป็นฝ่ายผิดอยู่นี้ซิครับ"
เฮอะ! เขาฟ้องกลับเอาบ้าง สะใจจริงๆ ฮ่าๆ อัครเดชคิดขำ มองหน้าเธอ
คุณเธอทำตาดุ ดื้อ ไม่ยอมเม้มปากแน่น
"พยาบาลไม่ว่างสักคนในช่วงนี้ อาทิตย์หน้าถึงว่าง ต้องคิดหาทางกันอีกที"
สีหน้า แววตาดูคุณแม่เธอวิตกมาก...
เธอหันมาทางเขา แล้วพูดเสียงดัง
"งั้นคุณนั้นแหละ คุณต้องพยาบาลฉัน!"
เอ้า! พูดเอาแต่ได้นี่ อัครเดชบ่นในใจ พูดขึ้น
"อ้าว...คุณ! เรื่องอะไร ผมก็ป่วยนะ!"
นิสาเอียงหน้าทำตาดุ ดื้อ! ส่งเสียงดัง
"ไม่รู้! ค่ารักษาที่นี่ฉันออกให้ แต่คุณต้องทำงานชดใช้"
"ได้ไง? คุณผิด คุณต้องออกค่ารักษาให้ผมอยู่แล้ว เออ...คุณนี่ตลกจัง" เขาแสดงอาการเหลือเชื่อ
คนเป็นแม่มองทั้งคู่สลับกันไปมา ต้องเป็นฝ่ายพูดบ้าง
มันจะดีเหรอลูก ไม่เหมาะสมมั้ง?"
นิสาเธอไม่สนใจ ต่อเสียงแย้งของแม่ อยากเอาชนะผู้ชายคนนี้
หน้าตาท่าทางน่าหมั่นไส้!
"งั้นฉันจ้างคุณ อีกข้อคุณตกงาน คุณต้องดูแลฉันสองเดือนจนฉันเดินได้"
อัครเดชมองหน้าเธอ นึกขันยิ้ม
ยายคนนี้ประหลาด!
"ผมเอาตัวเองยังไม่รอด ผมไม่ใช่พยาบาล"
เขาพูดอารมณ์เย็น นิสามองเขา หันมองแม่ ขยับปากมองที่เขา
"ฉันถามคุณหมอแล้ว คุณแค่ไหลหลุด ไม่ถึงสามวันก็หาย คุณทำได้แน่!"
"โธ่คุณ...ผมกับคุณไม่เคยรู้จักกัน และผมเป็นผู้ชาย คุณเป็นผู้หญิง
หนุ่มสาวจะดูแลกันสองต่อสอง คุณคิดให้ดีก่อนพูดเพ้อเจ้อ"
อัครเดชพยายามยกเหตุผล คุณแม่เธอยังพยักหน้าตามเขา
"ถูกของคุณนะลูก ยังไงลูกก็เป็นผู้หญิง" คุณแม่พูดไปลูบแก้มลูกสาวไปด้วย
"หนูไม่กลัว หนูมีปืนขืนทำรุ่มร่ามยิงไส้แตกแน่!" เธอพูดทำตาดุ เก็กหน้าดุ
"โอ๊ะโอ๋...กลัวตายหละ...เฮอะ! ตกลงผมจะอยู่กับคุณ ดูซิถือปืนได้นานขนาดไหนฮะ ฮะ ฮ่า"
อัครเดชเยาะเย้ย นิสาโกรธหน้าแดง สบตาเขาไม่กระพริบ พูดเสียงเข้ม
"ได้! ฉันจะลองดู ขอให้แน่เถอะ!"
เกิดการท้าทายกันขึ้น คุณแม่มองทั้งคู่ อ่อนใจพูดขึ้น
"ค่อยๆ พูดกันก็ได้ อ่อ...จะดูแลกันใช่มั้ย?"
ทั้งคู่จ่้องตากันไม่เลิก ไม่ตอบ คุณแม่ถอนใจ
"เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยพูดเรื่องนี้อีกที วันนี้ยุติแค่นี้..."
คุณแม่สรุป เคลื่อนตัวบังสายตาอัครเดชคุยกับลูกสาวเรื่องอื่นเสียงเบา
อัครเดชขี่เกียจฟัง หลับตา และหลับไปจริงๆ...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ