นที เมฆา วายุ อัสนี

-

เขียนโดย ผู้อ่อนหัด

วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554 เวลา 07.29 น.

  6 ตอน ตำราไสยเวทย์
  2 วิจารณ์
  12.83K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) บทที่5 ป่าช้าหลังโรงเรียน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
                                                   บทที่5 ป่าช้าหลังโรงเรียน
                 เช้าวันใหม่อันสดใส่ที่มีแดดส่องไม่แรงนักชวนให้บรรยากาศของความอบอุ่นพร้อมๆกับเสียงนกร้องกระสานเสียงอยู่บนต้นไม้ อัฉริยาตื่นนอนขึ้นพร้อมกับดูเวลาจึงกล่าว”6โมงเช้าแล้วตื่นเถอะ”เมฆากับนทียังคงตื่นมาสะรึมสะรือด้วยที่เมื่อคืนนี้ต้องเข้าเวรดึกจึงผักผ่อนไม่เพียงพอเท่าที่ควรกระนั้นเมื่อรู้สึกตัวจึงรีบกระโจนออกจากที่นอนแล้วอาบน้ำทำจิกวัตรประจำวันเช่นตามปกติเมื่อสามคนทำธุระของคนเสร็จจึงรีบออกจากหอแล้วเดินตรงไปยังคฤหาสน์ทั้งสามเดินอย่างหมดอาลัยตายอยากเพราะยังตื่นนอนไม่เต็มตา ทันใดนั้นก็มีเสียงเด็กชายอีกคนเรียก”เป็นยังไงมั้งว่ะเมื่อคืนอะ”นทีกล่าวตอบ”หน้ากลัวอย่าบอกใครเชียวเลยละวายุ(ยุ)”พูดจบทั้งสี่คนก็รีบเดินเข้าชั้นเรียนเมื่อก้าวเข้าสู่คฤหาสน์ก็เจอชายผู้หนึ่งอายุราวๆ34ยืนขวางทางอยู่ เด็กทั้งสี่คนจึงกล่าว”สวัสดีครับอาจารย์ยงยุทธ”อาจารย์ยงยุทธไม่ได้กล่าวอะไรเพียงพูดขึ้นว่า”งานของฉันละฉันนัดส่งเมื่อวานเย็น”เมฆาตอบด้วยเสียงสั่นๆว่า”คือ.....ผะ..ผมทำไม่เสร็จคะ..ครับ”เมื่อพูดจบ อาจารย์ยงยุทธก็ไม่พูดอะไรเพียงกวาดสายตาไปที่นที นทีจึงตอบ”ผมกะ..ก็ยังไม่เสร็จคะ..ครับ”พูดจบ อาจารย์ยงยุธก็กล่าวด้วยเสียงอันเยือกเย็นไร้อารมณ์ว่า”หักแกสองคน30คะแนนพร้อมสั่งกักบริเวณเป็นเวลา1อาทิตย์”พูดจบก็เดินหันหลังขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว กระนั้นทั้งสองคนก็รู้สึกแย่แต่อัฉริยากับวายุก็ปลอบใจว่า”ช่างเถอะเพื่อนอย่าเครียตเลยพวกเราไปเรียนกันเถอะ”พูดจบทั้งสี่คนก็เดินขึ้นบันไดทางที่3แต่พอกำลังจะขึ้นก็มีเสียงคนนึงเรียก”นทีมาหาฉันทีสิ”เสียงนั้นเป็นเสียงของผอ.เดชา เมื่อนทีได้ยินกระนั้นจึงบอกเพื่อนให้ไปกันก่อนส่วนตนจะเดินไปหาผอ.เดชา พอเดินไปถึงผอ.จึงกล่าว”เป็นยังไงมั้งละดูเหมือนจะง่วงอยู่เหอะๆอ่าเอานี่ไป”เขาส่งผลไม้ที่มีผลสีขาวจำนวน3ลูกให้นที นทีก็กล่าวขอคุณแล้วรับเอาไว้ผลไม้นี้ส่งกลิ่นที่ชอบหวนมากเหลือเกินนทีกล่าวว่า”ผอ.ครับมันเป็นผลไม้อะไร”ผอ.ตอบ”กินเอาเองก็จะรู้เออนี่กินแค่ผลเดียวก็พอนะอีกสองผลเอาให้คุณอัฉริยากับคุณเมฆา”พูดจบก็ตบไหลนทีเบาๆแล้วเดินจากไปจากนั้นนทีก็รองกินผลไม้นั้นทันทีเมื่อกลืนลงท้องไป เท่านั้นเองเขารู้สึกว่าร่างกายสดชื่นและไม่ง่วงอีกต่อไปจากนั้นจึงเดินเข้าชั้นเรียนพอเข้าไปก็เห็นเพื่อนๆ กำลังนั่งอยู่โต๊ะละสองคนบนโต๊ะจะเท่าที่เห็นจะมีลูกแก้วกลมๆใหญ่เท่าหัวคนวางอยู่พร้อมกับหนังสือของวิชานี้วางอยู่บนโต๊ะด้วยพอนทีเข้ามา อาจารย์จินตนา ก้มหน้ามองลูกแก้วที่โต๊ะตนแล้วกล่าว”ไม่ต้องพูดอะไรแล้วละนะคุณอดุลย์ฉันว่าคุณต้องมีเหตุที่มาสายเอาหละไปหาที่นั่งสะเร็วพวกเราจะได้เรียนกันต่อนะ”พูดอย่างยินดี จากนั้นนทีก็ไปนั่งโต๊ะเดียวกับเมฆาเมื่อนั่งโต๊ะเรียบร้อยแล้วอาจารย์จินตนาก็เริ่มสอน อาจารย์จินตนาเป็นผู้หญิงวัย78กว่าปีเสดเธอเข้ามาสอนที่โรงเรียนนี้ตอนอายุ30เสดเธอสอนวิชาโหราศาสตร์ได้เก่งที่สุดในบรรดาอาจารย์ทั้งหมดของโรงเรียนนี้  ในขณะที่กำลังสอนเธอบอกกับนักเรียนในห้องว่า”นักเรียนการที่เราจะทำการดูลูกแก้วหรือดูรายมือใครนั้นจะต้องทำการสวดมนต์คาถาไหว้ครูหมอดูก่อนนะเอาหละจดคาถาไหว้ครูดูดวงกันก่อนตามกระดานเลยจะ”บอกกับนักเรียนเสร็จทุกคนก็ทำการจดบทคาถาไหว้ครูหมอดู ความยาวของคาถานี้ประมาณ5บรรทัดเมื่อทุกคนจดเสร็จอาจารย์จินตนาจึงกล่าว”คาถาที่จดไปนั้นไม่ใช่สักแต่ว่าท่องอย่างเดียวจะต้องท่องด้วยใจที่รักจริงเข้าใจไหมเอาหละทุกคนไปพักทานอาหารกันก่อนเถอะ”            
 ตกเย็นเมื่อทุกคนกำลังจะกลับเข้าหออัฉริยากับเมฆาและนทีก็มาคุยกันเรื่องของสมบัติที่ผีสาวบอกให้ไปเอา นทีกับเมฆากล่าวกับอัฉริยาว่า”ฉันสองคนไปไม่ได้หรอกว่ะถูกอาจารย์ยงยุทธสั่งกักบริเวณ1อาทิตย์”พูดจบ อัฉริยาก็กล่าวตอบ”ก็แอบไปสิ อาจารย์ยงยุทธคงไม่ค่อยมาตามแอบดูพวกเธอสองคนหรอกสรุปตอน2ทุ่มมาพบกันที่ทางเข้าป่าช้าละกัน”พูดจบทั้งสามคนก็ตรงลงกันตามนี้แล้วแยกย้ายกลับเข้าหอกันก่อน ตกกลางคืนเวลา2ทุ่มเสดคฤหาสน์ดับไฟในตะเกียงหมดทำให้มืดทั้งโรงเรียน ลุงอินก็ออกตรวจตราตามอาคารเรียนเช่นเดิม ทั้งสามมาพบกันที่ทางเข้าป่าช้าในเวลาสองทุ่มกว่าๆทั้งสามเดินมาพร้อมกับถือตะเกียงและจอบคนละอันมา อัฉริยา กล่าว”เอาหละพวกเราไปกันเถอะ”บรรยากาศในป่าช้าดูเงียบสงบส่งกลิ่นอายของความเป็นป่าช้าอีกด้วยตามพื้นจะมีควันหมอกอยู่ตามทาง ทำให้มองทางไม่ค่อยเห็นอัฉริยากล่าว”ผีสาวนั้นชื่อว่าอะไรนะ”เมฆาตอบ”นางสาวมะลิ บานชื่น”พูดจบทุกคนก็ทำการส่องตะเกียงไปที่ป้ายหลุมศพทีละหลุมในใจของเด็กอายุ15ปีรู้สึกเกร็งๆกลัวๆอยู่ แต่ด้วยความที่อยากรู้ว่าสมบัติที่ผีสาวให้คืออะไรจึงต้องมาขุดกัน หากันได้สักพักเมฆาก็เจอป้ายหลุ่มศพของผีสาวนั้นจึงกล่าว”เจอแล้วมาทางนี้สิ”เมื่อพูดจบอัฉริยากับนทีจึงวิ่งเข้าดูแล้วก็ช่วยกันขุดขึ้นมาขุดไปก็พบซากโครงกระดูกของหญิงสาวร่างใหญ่กับห่อถุงผ้าสีแดง จากนั้นก็หยิบขึ้นมา อัฉริยากล่าวขึ้น”รีบกลบหลุมนี้เร็วเข้าแล้วค่อยไปเปิดถุงผ้าดูที่หอ”พูดจบทั้งสามก็รีบกลบหลุมทันทีจากนั้นก็ค่อยๆเดินออกจากป่าช้าในขณะที่กำลังเดินอัฉริยารู้สึกเซียวหลังวู้บๆจึงกลัวร้องตะโกนขึ้นแล้ววิ่งอย่างรวดเร็วขาของเขาเผลอไปเตะป้ายหลุมฝักศพอยู่หลุมนึงที่มีการพันด้วยสายสิน จากนั้นเมื่อเมย์รู้ว่าเตะโดนป้ายหลุมศพจึงได้สติแล้วกลับมาเก็บให้ เมฆากับนทีจึงกล่าว”จะกลัวอะไรนักหนาวิ่งตะโกนร้องสะดัง”อัฉริยาไม่พูดอะไรเพียงรีบเก็บป้ายคืนที่เดิมจากนั้นทั้งสามก็รีบเดินกลับทันใดนั้นเมื่อหันหลังกลับก็ได้ยินสุ่มเสียงหนึ่งเป็นเสียงผู้ชาย”พวกมึงมาปลดปล่อยกู กูมีของจะตอบแทน”ทั้งสามหันหลังกลับไปก็พบกับเงาชายร่างใหญ่ยืนอยู่หน้าป้ายหลุมศพทำเอาทั้งสามกลัวจึงกล่าว”ท่านเป็นใครแล้วจะตอบแทนอะไร”พูดจบ ชายผู้นั้นก็ตอบว่า”กูจะตอบแทนให้สาสมเลยละให้พวกมึงมาเป็นผีลูกน้องกู!!!”พูดจบเงาดำนั้นก็พุ่งไปยังสามคน ทันใดนั้นได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งรายอาคมออกมาว่า”นะโมตัสสะ.....(งึมงำ)”จู่ๆก็เกิดแสงสีขาวสว่างเล็กๆพุ่งไปชนเงาดำทันที ทั้งสามหันไปก็รู้สึกยินดีที่เพื่อนมาช่วย อัฉริยาจึงกล่าว”หทัยชนก(ทิพ) วายุ อัสนีมาได้เวลาพอดี”จากนั้นหทัยชนกจึงกล่าว”อย่ามั่วดีใจไปอัฉริยามันมาแล้ว”พูดจบเงาดำร่างใหญ่ก็พุ่งเข้ามาอีกครา พรางปรากฏแสงสีม่วงประหลาดออกมาจากนิ้วของเงาดำนั้นพุ่งตรงมาทางพวกเราทั้งหกคน หทัยชนกจึงกล่าว”อุททังอัดโธ นะโมพุทธ ธายะ”เกิด อนิสงค์ขึ้นทันใดนั้นเมื่อหทัยชนกร่ายคาถาจบเกิดกำแพงมนต์ขนาดเล็กป้องกันไว้เมื่อพลังเวทย์ของเงาดำพุ่งมาชนกับกำแพงมนต์ขนาดเล็กของหทัยชนก ก็เกิดเสียงดัง ตึกตัง สนั่นไปทั่วป่าช้า จนลุงอินได้ยิน ทางด้านลุงอินเมื่อได้ยินเสียงดังมาทางป่าช้าด้านหลังก็รู้ทันทีว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นพรางหยิบทรายที่พื้นขึ้นมาแล้วกล่าว”นะ มัส พุทธ ธา ยะ มะ อะ อุ สาธุ นัง ตัง มะ รัง”กล่าวจบก็ปาทรายที่กำอยู่ไปด้านหน้าทันที ทันใดนั้นทรายที่ลุงอินเสกแล้วปาไปกับเกิดรวมตัวเป็นหอกทรายแล้วพุ่งตรงไปในป่าช้าอย่างรวดเร็ว ทางด้านพวกเด็กก็กำลังตกอยู่ในภัยคับขัน เมื่อเงาดำร้องสนั่นดังกึกก้องพวกของมันก็ค่อยๆออกมาจากพื้นดิน วายุกล่าว”นี่พวกแกใส่พระกันมั้งหรือป่าวเนี้ย”
ทุกคนตอบ”ใส่ดิ”วายุตอบ”เออดีแล้วจริงๆอยากจะใช้ค่ายกลคาถาอยู่หรอกแต่ช่วงแบบนี้คงจะยาก”พูดจบ เงาดำหัวโจกจึงกล่าว”เด็กอย่างพวกมึงถึงจะใส่พระก็ตามคิดรึว่าจะช่วยพวกมึงได้”พูดยังไม่ทันจบ จู่ๆหอกทรายเสกที่พุ่งมาจากหน้าประตูโรงเรียนที่ลุงอินเสกแล้วปามา ระยะห่างกัน1กิโลเมตรพุ่งปักเข้าที่กลางใจของเงาดำหัวโจกในบัดดล ร่างของเงาดำเริ่มร้องด้วยความเจ็บปวด จากนั้นจึงกล่าวเสียงดังระยะทาง1กิโลเมตรโต้ตอบลุงอินว่า”ไอ้อินมึงบังอาจมาก”เงาดำร่างใหญ่ส่งเสียงดังสนั่นไปถึงลุงอินทันที ลุงอินจึงใช้คาถาขยายเสียง1กิโลเมตรเพื่อตอบเจ้าเงาดำ ว่า”มึงก่อกวนคนดีมามากแล้ว กูอุส่าขังมึงไว้มึงยังอุส่าออกมาได้อีกนะ หรือมีใครปล่อยมึง”ลุงอินพูดจบ เงาดำก็พูดต่อทันที”ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ โอ๊ยเจ็บ มีคนมาปล่อยกูนั้นก็คือนักเรียนที่โรงเรียนของมึงนั้นแหละ”พูดจบ ลุงอินก็พูดตอบ”ไอ้หนูมึงเป็นใครกัน ทำไมเข้าไปในป่าช้าหนะรออยู่ที่นั้นนะกูจะจับไอ้นักเรียนชั่วช้าอย่างมึงไปส่งให้ผอ.จับมึงออก!!!”พูดจบลุงอินก็รีบเดินจากหน้าประตูโรงเรียนไปยังป่าช้าทันที ทางด้านพวกเด็กๆเมื่อรู้ว่าลุงอินกำลังมาจึงรีบหนีเข้าไปในป่าช้าอีก ทำให้เข้าไปลึกกว่าเดิมส่วนพวกเงาดำไม่ได้ไล่ตามพวกเขาเพราะหัวโจกยังไม่ได้ออกคำสั่งเนื่องจากบาดเจ็บจากหอกทรายเสกยังปักอยู่ เงาดำหัวโจกเพียงร้องสั่งว่า”ร่ายอาคมป้องกันกูอย่าให้ไอ้อินเข้าป่าช้ามาได้!!!”สั่งจบเหล่าสาวกเงาดำจึงร่ายอาคมดำป้องกันไม่ให้ลุงอินเดินเข้าป่าช้าหลังโรงเรียนได้.........

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา