แพรห่มไพร

2.0

เขียนโดย surid

วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554 เวลา 12.38 น.

  3 ตอน
  1 วิจารณ์
  7,909 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ตอนที่ ๓

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
                                                               ๒
                                                                                                                                                   
 
       โชคยังดีนะที่เธอมาที่หมู่บ้านนี้ก่อนกำหนด  จึงยังได้ต่อพักอีกสองวันก่อนที่โรงเรียนจะเปิด
ไม่อย่างนั้นแล้ว  แพรไหมคิดว่าคงต้องทำงานอย่างไม่สะดวกแน่ๆ   ข้อเท้าที่แพลงนี้  ก็เกือบๆจะหายแล้วแต่มันก็ยังเจ็บนิดๆ  เจ็บกายนะอยู่ได้  แต่เจ็บใจนี่สิ  หายยากจริงๆ  ให้ตายสิ แพรไหม
คิดแล้วมันน่าโมโหจริงๆ
พอได้พักผ่อนเต็มที่  กอร์ปกับเจ้าตัวยุ่งที่ชื่อว่า อ๊อด แวะเวียน  มาคุยบ่อยๆ หลังเลิกงาน  ทำให้เธอหายเหงาลงไปบ้าง  เมื่อต้องเจ็บอยู่ไปไหนไม่ได้  พอหายดีแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องทำงานที่รักเสียที
   “สวัสดีค่ะ นักเรียนที่รักทุกคน  ครูชื่อ  แพรไหม  เรียกครูแพรก็ได้นะคะ   ครูสอนวิชาภาษาไทย”
เสียงของครูแพรไหม  ครูคนใหม่ พูดแนะนำตัวที่หน้าเสาธง  กับเด็กนักเรียนทุกคน
โดยการนำของ ผอ.โรงเรียน
       โรงเรียนที่แพรไหมมาอยู่นี้   มีเด็กนักเรียนอยู่ประมาณ  สองร้อยกว่าคน เด็กส่วนใหญ่จะเป็นเด็กในหมู่บ้านนี้ซะมากกว่า  เด็กต่างหมู่บ้านก็มีบ้างปะปนกันไป    อาจเป็นเพราะระยะทางในการมาเรียนไม่สะดวก เท่าที่ควร  ผอ.บอกกับเธอว่า  เด็กที่นี่ค่อนข้างจะยากจน  ถึง  จนมากทีเดียว  บางคนที่พอมีฐานะหน่อย  พ่อแม่ก็ส่งให้ไปเรียนอยู่ในตัวเมืองซะเป็นส่วนใหญ่   น้อยคนนักที่จะให้เรียนในหมู่บ้าน   กลัวไม่เก๋  เท่  อวดใครๆได้  เขาว่าอย่างนั้น 
        แพรไหมเริ่มงานที่นี่มาได้ประมาณ 2  อาทิตย์ แล้ว   เหตุการณ์ต่างๆก็ดำเนินไปได้ตามปกติถ้าเผอิญ หญิงสาวไม่มองไปเห็นรถเจ้าปัญหาที่เธอจำได้ติดตาทีเดียว   ใช่  รถที่เกือบชนเธอวันนั้น
มันจอดนิ่งๆ อยู่โรงรถในบริเวณ โรงเรียนที่เธอสอนอยู่ 
        แพรไหมอยากจะเห็นหน้าเจ้าพ่อเลี้ยงใจคอโหดร้ายคนนั้นนัก  ถือว่าตัวเองรวย จะขับรถโฉบใครลงข้างทางก็ได้   หน้าตาก็คงจะดูไม่ได้เหมือนใจนั่นแหละ  หญิงสาวคิดพลางค่อยๆเดินไปที่รถ
        ชะโงกหน้าเข้าไปในรถก็ไม่เห็นใคร เอ!   สงสัยไม่อยู่ช่างเถอะคงจะไปคุยโม้อวดร่ำอวดรวยกับผอ.โรงเรียนซะหละมั้ง  คิดแล้วก็หมุนตัวกลับอย่างรวดเร็ว
       “  ว๊าย!”   แพรไหมร้องอย่างตกใจ  เมื่อใบหน้าของเธอไปปะทะกับอกยักษ์ใหญ่ จนเกือบจะล้มลง   มือเจ้ากรรมก็รีบคว้าหาสิ่งยึดเหนี่ยว
       “ แคว๊ก!   เสื้อสีฟ้าขาดเป็นทางยาวติดมือหญิงสาว   แพรไหม ยืนงงๆ  สักพักก่อนจะตั้งสติได้  เงยหน้ามองเจ้าของเสื้อสีฟ้าที่ติดมือเธอแถมตัวเธอเองยังเกาะแขนเขาชะแน่น    
                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                             
         ไพรวัลย์  พ่อเลี้ยงหนุ่ม ยืนมองหญิงสาวที่ก้มๆเงยๆอยู่ข้างรถของเขาอยู่นานแล้ว 
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว   เห็นเพียงด้านหลังเท่านั้น   เขาถึงกับคิดเพียงแว๊บหนึ่งว่า  ด้านหลังหุ่นเพรียวบางขนาดนี้    แล้วรูปหน้าคงจะสวยหวานไม่น้อย
        “ บ้า   น่า  นายไพร  คิดอกุศลนะแก”   พ่อเลี้ยงหนุ่มสะบัดหัวเบาๆ  พร้อมกับเดินตรงมายังที่  แพรไหมยืนหันหลังอยู่
        หญิงสาวหันหน้ามาพอดี ทำให้ใบหน้าของเธอปะทะกับอกของเขาตรงๆ
        “ ว๊าย.......”
        “แคว๊ก...”  แล้วเสื้อแขนยาวของเขาก็ขาดติดมือเธอไป  
ไพรวัลย์  ยืนตะลึง     งาม   เขาไม่เคยเห็นหญิงสาวคนไหนที่งามพิศ  ขนาดนี้มาก่อน  แต่เพียงแค่แว๊บเดียวเท่านั้นสายตานิลดำดุจพญาเหยี่ยวของเขา   ก็ปรับเปลี่ยนอยู่ในระดับปกติ
        “ ขอโทษค่ะ  คือดิฉันไม่ได้ตั้งใจ ที่จะทำ  เออ   .....  เสื้อ  ของคุณขาด ยังไงดิฉันจะรับใช้ให้ คุณคิดค่าเสียหายมาเลยค่ะ”    แพรไหมรีบพูด พร้อมกับรีบปล่อยมือ  ก้มหน้าหลบสายตาไม่ยอมเงยขึ้นมามองชายหนุ่มเลย  ทำไมนะเหรอ   ก็เธออายไงเล่า   ไม่น่าเลยยัยแพรไหม  ไม่น่ามาเฉิ่ม  ต่อหน้าใครก็ไม่รู้เล้ย...      คิดพลางโทษตัวเองพลาง  ไม่ทันได้ดูสีหน้าของชายที่อยู่ข้างๆ เธอ 
 รู้แต่เพียงว่าเขาตัวสูงมากเท่านั้น
     พ่อเลี้ยงหนุ่มยืนมองท่าทางละล้าละลังของหญิงสาว ยิ้มที่มุมปากนิดๆ  ลมพัดโชยกลิ่นกายหอมของหญิงสาวตรงหน้ามาปะทะกับจมูก  ทำให้ เขาเผลอสูดดมกลิ่นหอมนั้นเข้าเต็มปอด  แต่สีหน้าเขายังคงปกติพร้อมกับเอ่ยขึ้น
     “ ไม่เป็นไรครับ    สงสัยเจ้าเสื้อตัวนี้คงได้เวลา ไปทำหน้าที่เฝ้ายามตามท้องทุ่งนาแล้วหละ”
เขาพูดแล้วทำหน้ายิ้มๆ
     แพรไหม ค่อยๆ  เงยหน้าขึ้น   เผลอสำรวจชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า  รูปร่างของเขาสูงใหญ่ตามมาตรฐานชายไทย  ผิวเข้มนิดๆ  ผมหยักศก  จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากทีเดียว   ดวงตานิลดำคมเข้มแฝงด้วยพลังอำนาจ ที่สื่อออกมาได้จากดวงตาคู่นั้น  รวมลักษณะแล้ว จัดว่าเป็นชายหนุ่มที่น่าตาดีทีเดียว  บุคลิกของเขาดูจะไม่เหมือนกับชายหนุ่มในเมืองหลวงที่เธอเคยพบมา              อาการประหม่าเริ่มหายไป  เมื่อได้ยินเสียงค่อนข้างจะเป็นมิตรของเจ้าของเสื้อสีฟ้า     ที่ขาดติดอยู่   ที่มือของเธอ       แพรไหมมองเขาอย่าง  งงๆ ไม่เข้าใจคำที่เขาพูด
ดูเหมือนพ่อเลี้ยงหนุ่มจะเข้าใจในสีหน้าของแพรไหม รีบตอบไปว่า
    “ คือว่ามันคงได้เวลาไปทำเสื้อสำหรับหุ่นไล่กาของชาวนานะครับ  ไอ้ตัวนี้ผมก็ใส่มานานแล้ว  ไม่เป็นไรหรอก  เออ..คุณ”
      “ แพรไหมค่ะ  เป็นครูที่โรงเรียนนี้ค่ะ”   เธอตอบไปเมื่อคลายอาการประหม่าลงแล้ว
      “ ผม ไพรวัลย์   สิทธิดำรงค์ ครับ  เรียกผมว่าไพรก็ได้”
 
      ไพรวัลย์  แพรไหมคิด   ชื่อนี้ฟังดูคุ้นๆหูจัง  เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนน้า..  เอ  เคยได้ยินที่ไหน   แว๊บหนึ่งก็คิดออก   ใช่แล้ว  อีตาเจ้าของรถที่ทำให้เธอเกือบโดนชน  เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจ แกมยังไม่ดูดำดูดีเธออีก    นายพ่อเลี้ยงใจดำ!
                                                                                                                                                      
       ได้ความกระจ่างแล้ว  หญิงสาวก็เชิดคางขึ้น กิริยาที่ทำท่าหวาดๆ  เกรงๆ เมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้งนายนี่คือคนที่ชนเธอแล้วหนี  ไม่ใช่สิ  เกือบชนเธอ  อย่างนี้แล้วที่เสื้อเธอทำขาดนะมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ    เมื่อเทียบกับการที่ต้องทนเจ็บลุกเดินลำบากมาเป็นเวลาเกือบสองวันเต็มๆ  กว่าเท้าของเธอจะเริ่มหายดี   และอีกอย่างหนึ่ง  เธอไม่ได้ตั้งใจทำเสื้อของหมอนี่ขาด ชะหน่อย มันเป็นอุบัติเหตุ  ผิดกับอีตาพ่อเลี้ยงนิสัยไม่ดีนี่เสียอีก  ที่ตั้งใจขับรถเฉี่ยวคนทั้งคนแล้วไม่ใยดี  เชอะ  แพรไหมไม่มีวันเชื่อหรอก ถ้าอีตาพ่อเลี้ยงบอกไม่ได้ตั้งใจ นะ  ก็   โธ่ถัง !   ตัวเธอไม่ใช่มดตัวนิดเดียวนะ  ที่เขาจะมองไม่เห็นว่าได้เกือบขับรถชนคนทั้งคน
       “คุณคือเจ้าของรถยนต์คันนี้ใช่ไหมคะ”
       “  ครับ ยังไง” พ่อเลี้ยงหนุ่มตอบอย่าง  งง ๆ   เมื่อเริ่มเห็นท่าทางและแววตาที่ค่อยๆเปลี่ยนไป  มีหลายคนบอกว่าสายตาของคนเราสื่อความหมายได้หลายอย่าง เมื่อก่อนเขาอาจจะไม่ค่อยเชื่อ  แต่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขานี่เริ่มที่จะทำให้เขาเชื่อคำพูดของหลายคนที่บอกมา   จริงแฮะ
สายตาคนสามารถบอกความรู้สึกได้ และตอนนี้เขาเริ่มที่จะรู้สึก ถึงความไม่เป็นมิตรในสายตาของคนสวยตรงหน้าชะแล้ว
          “งั้น เรื่องเสื้อของคุณที่ฉันทำขาดนี่  ฉันก็จะไม่ขอโทษ เพราะคิดว่าตัวเองไม่ผิด  แล้วก็นี่เสื้อที่ขาดของคุณ”  แพรไหมพูดพลาง  โยนเสื้อชื้นเล็กๆ  ที่เธอทำขาดเมื่อครู่   ตกลงข้างตัวพ่อเลี้ยงหนุ่ม   เขามองท่าทางที่เปลี่ยนไปของหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
         “คุณคงแปลกใจว่าทำไม ฉันถึงพูดอย่างนี้  เพราะฉันคิดจะพูดดีกับคนที่ดีเท่านั้น แต่ สำหรับคนที่ขับรถไม่ระวังจนมองไม่เห็นคนที่เดินอยู่ข้างทางอย่างคุณแล้ว  ฉันคิดว่าไม่จำเป็น”
 แพรไหมพูดพลางหมุนตัวเดินออกบริเวณนั้นทันที
        “เดี๋ยวคุณ  คุณ.....” กว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มจะตั้งสติได้ คุณ ครูคนสวยก็เดินไปไกลแล้ว
ก็จะไม่ให้ งง ได้อย่างไรกันเล่า  อยู่ๆ เจ้าหล่อนก็เปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมืออย่างนี้  พูดกันอยู่ดีๆ 
ถามแค่เรื่องรถ  คำเดียว   เอ..... รถหรือ   งั้นวันนั้นที่เขารู้สึกเพียงแว๊บๆ  ว่าเหมือนจะเฉี่ยวชนอะไรสักอย่างหนึ่ง  .....หวังว่าคงจะไม่ใช่... ตายหละหว๋า
โธ่....ก็วันนั้นเขารีบนี่  ไอ้ครั้นจะอธิบายให้เธอคนนั้นเข้าใจ ก็เดินไปโน้นแล้ว...
   
 
 
 
  “ ตุ๊ดๆ... ตุ๊ดๆ...”   เสียงโทรศัพท์ดันดังขึ้น เวรจริงๆ  พ่อเลี้ยงหนุ่มสบถอย่างหัวเสีย พร้อมรับสาย
 “ พ่อเลี้ยงไพรวัลย์พูดครับ”
         “ ไง  ไอ้พ่อเลี้ยงเมืองเหนือ  งานยุ่งจนลืมเพื่อนฝูงไปเลยนะแก”
         “ ไอ้เสือ  ว่างนักหรือไงแก  คนยิ่งยุ่งๆอยู่นี่”
         “ ไปอารมณ์เสียมาจากไหนวะ   หรือว่าวันนี้อาหารประเภทเนื้อ นม  ไข่ ยังไม่ตกถึงท้องวะ”
         “ ไม่ต้องมาพูดเลย  ตกลงแกโทรมา หานี่แค่นี้ใช่มั้ย   ข้าจะได้วางสาย”
         “  อย่างเพิ่งสิวะ   แหม  ทำเป็นใช้อารมณ์ กับเพื่อนกับฝูง  เออ...เออ  เข้าเรื่องก็ได้  คือว่า
ช่วงนี้ที่บ้านแกยังว่างให้ข้าไปพักสักเดือนสองเดือนมั้ยวะ”
    “คราวนี้เรื่องอะไรอีกหละ  อย่าบอกนะว่าหลบทฤษฏี เรือล่มในหนองทองจะไปไหนของคุณหญิงแม่มาอีกแล้ว”
    “ เออวะ”  เสียงไอ้เสือเพื่อนสมัยเรียนของเขาตอบมาอย่างอ่อยๆ 
   “ แกก็ตอบรับไปสิ  ดีซะอีก ไม่ต้องหา ก็มีสาวๆสวยๆ  ใส่พานมาถวายถึงที่เลยไม่ดีหรือไงวะ
ยิ่งน้อง เชอรี่  น้องฟ้า    น้องอะไรอีกวะ   ฮ่า  ฮ่าๆ         แม่แกนี่สุดยอดเลยช่างขยันหาสะใภ้มาให้ชะจริงๆ”
    “ ดีกะผีอะไร ไม่ต้องมาทำเป็นพูดเลย  แกไม่เจอบ้างก็แล้วไป  ว่าไง”
    “ ไม่ว่าไงหรอก  จะมาก็มาได้เลย ทำเป็นมาถามนะแก  ยังกับไม่เคยมานอนบ้านข้า ไอ้เสือ   แล้วนี่จะมาเมื่อไหร่วะ  เออๆ    แล้วเจอกัน”
พ่อเลี้ยงหนุ่มยุติการสนทนากับเพื่อน พลางมองไปยังทางที่ครูสาวคนสวยเดินไป ครุ่นคิดในใจ
      รอก่อนคุณครูคนสวย เราคงต้องได้เจอกันแน่     
      พ่อเลี้ยงหนุ่ม ฮัมเพลงอย่างมีความสุข ก่อนเปิดประตูรถ ขึ้นแล้วขับออกจากบริเวณโรงเรียนไป   ลอบมองแขนเสื้อที่บัดนี้ไม่ปกติเหมือนก่อน  คิดแล้วก็ขำตัวเอง   อยู่มาจนอายุสามสิบกว่าๆแล้ว  รักษาแขนเสื้อตัวเองอย่างดีมาตลอด แต่แล้วจู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนสวยจากไหนไม่รู้ ใช่  สวยมากด้วย  มาทำแขนเสื้อของเขาขาด   ฮ่า   ฮ่า    สงสัยงานนี้  เขาคงจะเจอไม้งามที่โรงเรียนนี้ชะแล้ว
      เมื่อก่อนไม่ค่อยมีธุระที่จะมาโรงเรียนที่หมู่บ้านนี้สักเท่าไหร่  ได้แต่ขับรถผ่านๆ  บางทีถ้ามีธุระจริงๆ ก็มักจะให้เจ้ากล้า   ลูกน้องคนสนิทบวกผู้จัดการไร่มาทำหน้าที่แทน  อีกอย่างโรงเรียนนี้เขาก็บริจาคทุนการศึกษาและอุปกรณ์การเรียนมาตลอด  คงไม่พอชะแล้ว  สงสัยเขาคงต้องคิดใหม่
 ดูเหมือนเด็กๆที่โรงเรียนแห่งนี้ จะขาดวิตามินมาก เห็นผอมกระหล่องกระแหล่งกันเกือบหมด  รวมทั้ง คุณครูแพรไหมด้วย     ใช่   ครูแพรไหม     ชื่อเพราะซะด้วย  เขาคงจะให้วิตามินซีกับครูคนสวยให้มากกว่าเด็กๆ อีกสิบเท่า 
       วิตามินซีสดๆด้วย  ก็เขามันเจ้าของไร่ส้มนี่     จะให้อะไรใครได้  ถ้าไม่ใช่   ส้ม

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา