แพรห่มไพร

2.0

เขียนโดย surid

วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554 เวลา 12.38 น.

  3 ตอน
  1 วิจารณ์
  7,965 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ตอนที่๑

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                                                                  ๑

      “ยัยแพร   ตกลงแกจะไปจริงๆเหรอนี่   ฉันไม่อยากให้แกไปเล้ย   น่า นะ.....   แก...   อย่าไปเลยเพื่อนร๊าก”    ฉัตรทิพย์  โวยวายขึ้น โดยไม่สนใจคนที่มาทานอาหาร โต๊ะข้างๆ ที่มองดูโต๊ะเธออยู่พร้อมกับทำหน้า งงๆ   

 “ความจริง  ไอ้งานที่กรุงเทพฯ  ก็มีตั้งเยอะแยะ  ถ้าแกอยากจะทำ  บริษัทของแกก็มี  หรืออยากจะมาทำบริษัทฉัน  ได้หมดเพื่อน  แพรไหม สุดสวยนะ ๆ.... อย่าไปเลยเพื่อน   ถ้าแกไปแล้วฉันจะอยู่ยังไง แกคิดดู้”

ฉัตรทิพย์ลากเสียงอ้อนอย่างไม่อยากให้เพื่อนไปสุดๆ 

        “พอ ๆ   เลย  แก  ไอ้ฉัตร ฉันอายเขา ดูสิ คนมองใหญ่แล้ว  และไม่ต้องมองหน้า ส่งสายตาละห้อยอย่างนั้น  ฉันไม่ได้ไปไหนไกลสักกะหน่อย   ก็แค่   เชียงราย  เอง”     แพรไหม  กล่าวกับเพื่อน  เธอรู้ดีว่าเพื่อนรักและหวังดี   ไม่อยากให้เธอทำงานลำบาก   แต่นี่เป็นงานที่เธอใฝ่ฝันอยากจะทำมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว  พอมีโอกาส ก็ไม่อยากให้พลาดหรือเสียโอกาสนี้ไป

“ แค่เชียงราย  แกก็พูดได้  กรุงเทพฯกับเชียงราย แกคิดดูนะ แพร  มันไกลกันตั้งหลายร้อยกิโลเมตร    เดินทางทางรถนะยังต้องใช้เวลาเป็นวันๆเลย  แล้วนี่แกยังไปทำงานคนเดียวอีก  จะไม่ให้ฉันห่วงแกแล้วจะให้ห่วงแมวที่ไหนหละ”  ฉัตรทิพย์พูดขึ้นพร้อมกับทำสีหน้า งอนๆ อย่างขัดใจ

     “ฉันก็แค่อยากทำตามความฝันของตัวเองก็เท่านั้นเอง”

     “กับการไปเป็นครูบ้านนอกเนี่ยนะ  แพรไหมเอ๋ย     สาวสวยผู้แสนดี   ร่ำเรียนวิชาจากมหาลัยชั้นนำ ของประเทศ  จบด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง    ฟู่ฟ่าด้วยหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่รายล้อม แต่ไม่เคยรับหนุ่มไหนเข้ามาในหัวใจสักกะที    ตอนนี้กำลังจะผันตัวเองไปทำงานรับใช้ ชาติบ้านเมืองด้วยการไปเป็นครู  ไม่ไกลเล้ย    แค่เชียงรายเอ้ง   ฉ้านนะอยากจะบ้าตาย  ไอ้แพรๆๆๆ”

      “ ฮ่า  ฮ่า   แกพูดก็เกินไป ฉัตร   เอาน่า   เพื่อน   ยังไงแล้ว ฉันก็จะกลับมาเยี่ยมแกบ่อยๆ     ถึงยังไงนี่ก็เป็นความใฝ่ฝันของเพื่อนรักแกเชียวนะ   อยากที่จะใช้วิชาที่เรียนมาทำประโยชน์ให้แก่เด็กๆที่ยากไร้ ตามชนบทบ้าง  แกคิดดู ที่นั้นมีครูแค่  คนสองคนแต่เด็กๆนะเกิดใหม่ในประเทศเราทุกวันๆ   วันละกี่คนแล้วถ้าเขาไม่ได้รับการศึกษาที่เพียงพอหละแก   คิดแล้วจะเป็นอย่างไร  เราก็จะมีประชากรที่ไม่มีความรู้  แล้วมันก็จะกลายเป็นปัญหาระดับประเทศเชียวนะ”

     “ พอ  พอ  สาธุ    แกไม่ต้องมาชักแม่น้ำทั้งห้ามาสาธยาย เลย    ยังไงๆแกก็ยังยืนยันว่าจะไปใช่มั้ย”

      แพรไหม  จ้องหน้าเพื่อนรักตาแป๋ว   พร้อมพยักหน้ารับ ถึงใบหน้าสวยนั้น จะยิ้มนิดๆ เพื่อเอาใจเพื่อน   แต่สายตาของเธอกับมีความมุ่งมั่น  ที่จะทำอย่างที่พูดให้ได้

                                                                                                                                                       ๑

                                          

   “  ให้ฉันไปส่งแกถึงเชียงรายเลยก็ได้นะ”   ฉัตรทิพย์พูดพร้อมกับช่วยยกกระเป๋าของเพื่อน    เพื่อเอาไปไว้ในช่องวางกระเป๋า ก่อนที่จะตามเพื่อนไปเช็คตารางบิน เที่ยวบินที่ไปจังหวัดเชียงราย

ซึ่งเพื่อนรักของเธอได้จองไว้ เวลา  07.30 น.  ไปถึงตัวเมืองเชียงรายก็น่าจะราวๆ  10 โมงเช้าประมาณนั้น   เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว แพรไหมก็เตรียมที่จะเดินทาง

      “ ไม่ต้องเลย ฉันไปคนเดียวได้ ส่วนแกนะ เพิ่งจะเข้าทำงานได้ไม่ถึงเดือน ลาไปส่งฉัน  เสียการเสียงานแย่  อะ  ๆๆ  ห้ามเถียง  ถึงแกจะบอกว่าเป็นบริษัท ในครอบครัว   แกก็ต้องทำงานให้ลูกน้องนับถือ จะทำเหลวเองไม่ได้เพื่อน”  

    “ เออ!   ยะ  แม่คนรู้ดี   แล้วนี่แกบอกแม่แกหรือยังว่าไปทำงานเป็นครู ที่เชียงรายนะ”

    “บอกแล้ว แม่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร   ให้ฉันตัดสินใจเอง   แม่คงรู้ว่าฉันรักและอยากทำอาชีพนี้มาก  อีกอย่าง  เจ้าเพชร  ไอ้น้องชายจอมแสบของฉัน ก็อยู่ดูแลแม่ได้  ไหนจะน้านุชอีก” 

 ความจริงแพรไหม เข้าใจในความเป็นห่วงของเพื่อนรักดี  เธอกับฉัตรทิพย์ รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนอนุบาลยันมหาวิทยาลัยถึงแม้ว่าไม่ได้เรียนคณะเดียวกันก็ตาม

      “ ดูแลรักษาตัวเองดีๆนะ  อย่าลืมโทรหาฉันด้วย”  สองสาวต่างร่ำรากันด้วยความอาลัย

        หากใครผ่านไปมาบริเวณนั้น  จะมองเห็นหญิงสาวรูปร่างสูงเพรียวสองคน กอดกันกลม

คนหนึ่งผมยาวดำสลวย กับอีกคนผมหยักศก ความสูงอยู่ในระดับไล่เลี่ยกัน แถมความสวยยังใกล้เคียงกันอีกต่างหาก

       “พอๆ  ยัยฉัตร  ฉันต้องขึ้นเครื่องแล้ว  ดูสิ  มีแต่คนมองเราใหญ่เลย เขาคงคิดว่าฉันกะแกเนี่ยเป็นคู่เลสเบี้ยนกันแน่  ไปก่อนนะเพื่อนแล้วจะโทรหา”

        “  เออ  บายเพื่อน  อย่าลืมนะไปถึงที่พักแล้วโทรมาหาเราด้วย”    ฉัตรทิพย์พูดพร้อมกับโปกมือตอบ ด้วยใบหน้าเศร้านิดๆ  ก็แต่ไหนแต่ไรมา ไม่มีแม้แต่ครั้งเดียวนี่ที่เพื่อนรักของเธอ จะไปไหนไกลหูไกลตาแบบนี้  คิดแล้วมันเศร้าแกมใจหายสุดๆ

       “  เพื่อนนะเพื่อน ไม่ฟังกันเล้ย  สาธุขอให้เจอหนุ่มๆติดใจจนคิดจะอยู่ที่นั่นถาวรเพี้ยง!  ดื้อดีนัก” ฉัตรทิพย์จ้องมองเพื่อนสาวที่นั่งอยู่บนรถโดยสาร  พร้อมกับบ่นเบาๆ  เธอไม่รู้เลยว่าคำพูดที่ประชดเพื่อนต่อไปมันจะกลายเป็นจริงไปได้  ถ้ารู้ เธอคงเอามือตีปากเพี้ยะๆ   ฐานพูดอะไรไม่รู้จักคิด  ...........

 

 

 

 

 

                                                                                                                                                   ๒

      ความจริงแล้วแพรไหมก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน  ที่ต้องจากบ้านมาทำงานที่ไกลๆ  จากความสะดวกสบายทั้งปวงมาทำงานต่างถิ่น  แต่จะทำยังไงได้  ก็นี่คือความฝันอันสูงสุดของเธอไม่ใช่หรือ

ด้วยผลการสอบที่ติดอันดับต้นๆ  และสามารถเลือกที่ลงสอนใกล้บ้านได้ไม่ยาก  แต่เธอกลับตัดสินใจเลือกลงสอนยังต่างจังหวัดแทน จริงอยู่แพรไหมอาจจะไม่ใช่ครูที่เก่งที่สุด แต่ความรู้ความสามารถของเธอที่ได้ร่ำเรียนมา  ก็คงที่จะพอช่วยให้เด็กๆ ที่ด้อยโอกาสหลายๆคน ได้พออ่านออกเขียนได้บ้าง เท่านั้นก็สร้างความภาคภูมิใจได้แล้ว  คิดแล้วพลางยิ้มให้กับตัวเอง แพรไหม  สู้ๆ

      แพรไหมได้ที่นั่งติดกับหน้าต่าง เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เครื่องบินก็ทะยานขึ้นบนฟ้า ต่อไปนี้ก็รอเวลาที่เครื่องจะลงจอดอย่างเดียว  ซึ่งจุดหมายปลายทางก็คือ      เชียงราย 

             “  เอ้อ!   ถึง ชะที  เมื่อยไปทั้งเนื้อทั้งตัวแล้ว” ว่าพลางบิดขี้เกียจ คลายเมื่อย   สายตาก็สอดส่องมองหารถที่จะเข้าไปยังอำเภอที่เธอต้องเข้าไปสอนหนังสือ   ไม่รู้จะยังมีรถเข้าไปหรือเปล่า   มองดูนาฬิกาก็เกือบๆ  โมง   คิดไปก็ใจหายกลัวว่าจะต้องค้างคืนที่ในตัวเมืองเป็นแน่เรา

             “ ลุงคะ  ลุง  รถที่จะเข้าไปอำเภอเชียงของ ยังมีอยู่หรือเปล่าคะ ลุง”   แพรไหม ถามชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ตรงบริเวณนั้น

             “ รู้สึกว่ายังไม่หมดนะ หนู  รถสองแถวที่จะไปอำเภอเชียงของนะ มีวันละสองเที่ยว       แล้วนี่ก็ 10 โมงกว่าๆอยู่เลย    หนูเห็นรถสองแถวสีเหลืองจอดอยู่ทางด้ายซ้ายนั่นมั้ย  ตรงนั้นแหละหนูลองเข้าไปถามดู”

             “ขอบคุณค่ะ”  แพรไหมกล่าว  พร้อมกับเดินไปยังที่ที่คุณลุงคนนั้นบอก  นับว่าเป็นโชคของแพรไหมมากเลย   เมื่อลงจากเครื่องปุ๊บ  ก็ถามคนที่อยู่แถวนี้คนแรก  แล้วได้เรื่องเลย

              “ น้องจ๊ะ  รถที่จะเข้าไปยังอำเภอ เชียงของ หมดหรือยังจ๊ะ”  

              “ยังไม่หมดหรอกพี่  ยังอีกตั้งสองเที่ยวแนะ   ถ้าพี่จะไปก็ขึ้นรถได้เลย  อีก ประมาณ  5 นาทีรถก็จะออกแล้ว”  เด็กรถอายุน่าจะประมาณ16-17  ปีตอบพลางมองหญิงสาวตรงหน้าตาค้าง   จะไม่ให้ตาค้างได้ไง   ก็แพรไหมจัดได้ว่าเป็นหญิงสาวที่สวยมากคนหนึ่ง ผมยาวสลวยเหยียดตรง  นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มคมประดุจตาทรายยามต้องแสงอาทิตย์ แพรตายาวงอน  จมูกรั้นนิดๆ อย่างคนถือดี   รับกับใบหน้ารูปไข่   ริมฝีปากเรียวอมชมพู  สวยเป็นบ้า เลย  เด็กรถคิด

              “  ไอ้อ๊อด   ทำงานๆ  อู้นะมึง  เห็นผู้หญิงสวยเป็นไม่ได้เชียว  ไป ๆ   ไปยกกระเป๋าลูกค้าขึ้นรถสิวะ  ไอ้นี่เดี๋ยว  พ่อก็เขกกะบาลเอ็งซะหรอก”

               “  คร้าบ  !     พี่อุ๋ย”   ไอ้คนชื่ออ๊อด หันหน้ากลับมายิ้ม แหย๋ๆ  แล้วก็วิ่ง ปลู๊ดไปทำหน้าที่ตามที่ลูกพี่สั่ง  แต่ปากยังไม่วายตอบกลับมาว่า  “ พี่คนสวยมีธุระอะไร ผมนายอ๊อดเจ้าถิ่นยินดีรับใช้ บริการเต็มที่คร้าบ แล้วเจอกันพี่”   แพรไหมยิ้ม  ค่อยคลายความกังวลลงไปบ้าง   เมื่อเห็นคนที่นี่

มีท่าทางที่เป็นมิตรกับเธอดี    เอาหละ แพรไหมจ๋า ใกล้ถึงที่ทำงานเต็มทีแล้ว  สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เรียกความมั่นใจให้กับตัวเองพร้อมที่จะ  ลุย!    

                                                                                                                                                     ๓     

    หญิงสาวขึ้นไปนั่งในรถเรียบร้อย  สักพักเมื่อคนขึ้นมานั่งเต็มจำนวนเบาะ  ก็ถึงเวลาที่รถจะออกแล้ว      “ชิดในหน่อยเพ่    ชิดในหน่อย”  เสียงเจ้าเด็กรถที่ชื่อ อ๊อดยังคงทำหน้าที่ตนเองอย่างขยัน

รถสองแถวคันสีเหลือง กลางเก่า กลางใหม่ ก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากสนามบินจังหวัด  มุ่งไปยังขนส่งจังหวัด      ก่อนที่จะมุ่งตรงไปยังอำเภอเชียงของ    ปลายทางสุดท้าย

    สองข้างทางเต็มไปด้วยป่าเขา  อากาศเริ่มเย็นลงจนหญิงสาวต้องห่อตัวเพื่อคลายความหนาว

จริงสิ  พอต้นไม้เยอะ อากาศก็เย็น ไม่รู้ว่าเราเอาเสื้อกันหนาวมากี่ตัวบ้างนี่ สงสัยคงต้องออกมาในตัวเมืองอีกครั้งเพื่อซื้อตุนไว้สักหลายๆ ตัวเป็นแน่  ลืมไปเลยอำเภอเชียงของที่เธอจะไปอยู่นั้น เต็มไปด้วยป่าเขา  ความชุ่มชื้นของผื่นป่าทำให้อากาศเย็นสบาย จนถึงขั้นหนาวเลยทีเดียว  คิดแล้วก็  เริ่มเซ็งกับความสะเพร่าของตัวเอง

     เวลาผ่านไป ประมาณ  2 ชั่วโมงกว่าๆ  รถก็เคลื่อนมาจอดขนส่งอำเภอเชียงของ หญิงสาวลงจากรถมายืนอยู่ข้างๆ  บิดขี้เกียจแก้เมื่อยพร้อมกับมองนาฬิกาที่ข้อมือเพื่อดูเวลา

     “ ถึงซะทีเรา   เอ้อ!  เมื่อยไปหมดเลย  ยัยแพรไหม   บ่ายสองพอดี    เอ!   แถวนี้จะมีรถเข้าไปในหมู่บ้านมั้ยนี่”  แพรไหม ชะเง้อมองหา  รถสักคันหนึ่งที่จะเข้าไปในหมู่บ้านที่เธอต้องไปสอนหนังสือ

         “   พี่ ๆ   ” 

แพรไหมสะดุ้ง  เมื่อมีมือหนึ่งมาสะกิดข้างๆ   หันขวับไปด้วยความตกใจ  พลางถอนหายใจอย่าง

โล่งอก  เมื่อเห็นว่าเป็นเด็กรถที่ชื่อ อ๊อด นั่นเอง

     “ มีอะไรเหรอน้อง  ตกใจหมดเลย”      แพรไหมถาม 

     “  แฮ่ๆ  โทษทีคร้าบ   พี่คงไม่ใช่คนแถวนี่หละสิ   แล้วพี่มาทำอะไรที่นี่หละ ครับ   มาทำงาน  มาเยี่ยมเพื่อน  มาเที่ยว.......”   

      “  โห   ถามซะยาวเลย  แล้วจะตอบคำถามไหนก่อนหละนี่    เอาเป็นว่า  พี่มาทำงาน  เป็นครูสอนที่โรงเรียนพิทยา   เห็นว่าอยู่หมู่บ้าน  ทับด่าน อะไรนี่แหละ”

      “ อ๋อ   พี่คงจะเป็นคุณครูคนใหม่นั่นเอง   พี่โชคดีมากรู้มั้ยที่   เจอไอ้อ๊อดผู้กว้างขวางคนนี้    หมู่บ้านทับด่านนะ เป็นหมู่บ้านอ๊อดเอง  พี่อุ๋ย  เจ้าของรถก็ใช่     ชะตาเราต้องกัน  ฮ่าๆ   อยู่นี่ก่อนนะพี่ เดี๋ยวอ๊อดไปบอกลูกพี่ก่อน  แป๊บๆ” 

      “ ลูกพี่ อุ๋ย คร้าบ   คุณคนสวย เป็นคุณครูคนใหม่ ของหมู่บ้านเราคร้าบ ลูกพี่” 

แพรไหมเห็น เด็กรถชื่ออ๊อด เข้าไปคุยกับคนขับรถที่เป็นลูกพี่  สักพักมันก็เดินนำลูกพี่  เพื่อมาหาหญิงสาว

    “ คุณเป็นคุณครูคนใหม่ที่จะเข้ามาสอนหนังสือที่โรงเรียนเราเหรอครับ”

    “ ค่ะ  แต่ว่า ดิฉันไม่รู้ว่าจะเข้าไปในหมู่บ้านยังไง  นี่ก็มืดแล้วด้วย  คิดว่าจะหาที่พักแถวๆนี้พักก่อน   พรุ่งนี้เช้าค่อยเข้าไปในหมู่บ้านค่ะ”   แพรไหมตอบ

                                                                                                                                                        ๔

  

      “ ไปกับรถผมก็ได้ครับคุณครู     ผมก็จะเข้าหมู่บ้านพอดี เลย” 

      “ นั่นสิครู  ไปกับพวกผมรับรองปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์”   เด็กอ๊อดพูดเสริม  คำของลูกพี่

      “อีกอย่างหนึ่ง  ที่พักแถวนี้ก็ไม่มีครับ   บ้านเรานะมันกันดารครู  จะหาที่พักก็คงต้องไปในเมือง  หรือไม่ก็โฮมสเตร์ ที่พวกฝรั่งชอบมาเที่ยวนะแหละครับ”   นายอุ๋ย ลูกพี่พูดเสริมขึ้นอีกครั้ง

แพรไหม ชั่งน้ำหนักดูความน่าเชื่อถือของสองคนนี้  ท่าทางน่าจะไม่มีพิษมีภัย   อีกอย่างหนึ่งขืนอยู่ที่นี่ก็ไม่มีที่พัก   เอาวะ  เป็นไงเป็นกัน   ถ้าเกิดพวกนี้เป็นคนร้าย  เราก็ยังมีเจ้าเครื่องซ๊อต ที่อยู่ในกระเป๋า   คงจะพอช่วยอะไรได้บ้างแหละ  เธอคิด พร้อมกับตัดสินใจ

           “ งั้นก็ได้ค่ะ”

เด็กชื่อ อ๊อดรีบกุลีกุจอ  ยกกระเป๋าของแพรไหม ขึ้นไว้ในรถ

          “  เชิญ คร๊าบ คุณครู”

แพรไหมยิ้ม  กับท่าทางของ อ๊อด  ดูๆไปแล้ว  ท่าทางซื่อๆ ของคนทั้งคู่ก็ไม่น่าจะมีพิษมีภัยอะไร  ค่อยทำให้หญิงสาวคลายความกังวลใจลงไปบ้าง

        “ คุณครูจะเข้าไปที่บ้านพักครูเลยหรือเปล่าครับ”   คนขับรถ ถาม

        “ คะ”   แพรไหมถามอย่าง  งงๆ   เพราะเธอกำลังมองทิวทัศน์ ข้างทางที่มีแต่ต้นไม้เต็มไปหมดด้วยความเพลินจนลืมฟังคำถามของคนขับรถ

        “ คือ  ผมถามครูว่า ครูจะเข้าไปบ้านพัก เลย   หรือว่าจะแวะที่ไหนต่อครับ”  คนขับยืนยันคำถามอีกครั้ง  เมื่อเห็นว่าไกล้ถึงที่หมายแล้ว

        “  อ๋อ  ค่ะ  ไปที่บ้านพักครูเลยค่ะ”  

สักพักรถก็เคลื่อนมาจอดบริเวณบ้านพักราชการ    ซึ่งอยู่ไกล้ๆกับโรงเรียนที่เธอสอน

        “ถึงแล้วคร้าบ    บริการถึงที่หมาย ปลอดภัยหายห่วงคร้าบ”   เจ้าเด็ก อ๊อดยังคงความทะเล้นอย่างคงเส้นคงวา  

        “ ขอบคุณพี่อุ๋ยมากค่ะ  ที่มาส่ง” แพรไหมขอบคุณคนขับรถอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านพักครู

         “  เดี๋ยวครับ คุณครู.......เอ่อ”  

         “  แพรไหมค่ะ   เรียกว่าแพรก็ได้”     หญิงสาวตอบเมื่อเห็นว่า คนทั้งสองมีความเป็นมิตรที่ดี

ส่งเธอถึงที่หมายโดยไม่เป็นอันตรายใดๆ

         “ ครับครูแพร  ถ้ามีธุระจะเข้าไปในตัวเมือง  หรือในอำเภอก็ฝากเจ้าอ๊อดนี่มาบอกผมก็ได้ครับ

บ้านมันอยู่หลังถัดไปนี่เองครับ”

แพรไหมมองตาม ที่พี่อุ๋ย คนขับรถชี้  พร้อมพยักหน้า

          “ ค่ะ  ต้องขอบคุณพี่อุ๋ยกับน้องอ๊อดอีกครั้งค่ะ”

  “เข้าบ้านพักเถอะครับ นี้ก็สามทุ่มกว่าแล้ว   เอ  แล้วคุณครูมีกุญแจแล้วหรือยังครับ”                                                                                                                                                     

            “  อ๋อ  ก่อนมานี่  แพรโทรถาม ผอ.โรงเรียนแล้วค่ะ ท่านบอกว่าฝากไว้ที่ครูแวว  แต่แพรไม่รู้ว่าอยู่หลังไหน”                                                                                                                                                                                                                                                                                                          

           “ ครูแววนั่นเอง    มาครับ พวกผมจะพาไป  แกพักอยู่หลังถัดไปนี่เอง”   พี่อุ๋ยตอบ พลางเดินนำหน้าครูสาวไป

            “ครูแววครับครู  อยู่หรือเปล่าครับ”   พี่อุ๋ยเคาะประตูห้องพักพร้อมกับตะโกนถาม

            “ อยู่ค่ะ....   ใครคะ”  เสียงใสของหญิงที่อยู่ในห้องตะโกนตอบมา

สักพักหนึ่งประตูห้องพักก็เปิดออก  พร้อมกับใบหน้ากลมๆป้อมๆ ผิวค่อนข้างขาว ตามแบบฉบับคนเหนือ

            “ คุณอุ๋ยนะเอง  มีอะไรคะ”    พูดพลางตามองไปรอบๆ ก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่มีเจ้า อ๊อด ขาทะเล้นประจำหมู่บ้านยืนถือกระเป๋าอยู่ข้างๆ

            “ ครับครู  พอดีครูแพรไหม เป็นครูที่พึ่งย้ายมาใหม่ครับ  เห็นบอกว่า ผอ.  ฝากกุญแจห้องไว้กับครูแววนะครับ  ผมเลยพาครูแพรไหมมาเอากุญแจ”  พี่อุ๋ยคนขับรถรีบอธิบาย

            “ อ๋อ ค่ะ อยู่ที่แววเองค่ะ   เดี๋ยวจะไปเอามาให้  เชิญเข้ามาข้างในก่อนค่ะครู  พี่อุ๋ยด้วยค่ะ  เชิญๆ”  ครูแววกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มๆ

            “ไม่เป็นไรค่ะครูแวว  แพรรออยู่ตรงนี้ก็ได้ค่ะ”  แพรไหมตอบอย่างเกรงใจ

ไม่ถึงนาที ครูแววก็กลับมาพร้อมกับกุญแจห้องพักของแพรไหม

             “ นี่ค่ะ กุญแจ   ห้องค่อนข้างรกไปหน่อยนะคะ  ยังไม่ได้ให้ภารโรงเข้ามาทำความสะอาดให้เลย   เห็น ผอ. บอกว่าครู จะเข้ามาอีกสองสามวันนี่ค่ะ”

             “ ไม่เป็นไรค่ะครูแวว   คือตอนแรกก็คิดว่าอย่างนั้นแหละค่ะ  แต่พอคิดๆไป  มาก่อนดีกว่าเผื่อต้องเตรียมการสอนอีก”  หญิงสาวตอบพร้อมกับใบหน้าระบายยิ้มออกมาอย่างผูกมิตร

              “ ยังไงต้องขอตัวก่อนนะคะครูแวว”

              “  ค่ะ  ”

     เมื่อเดินมาถึงห้องพักครูแล้ว พี่อุ๋ยกับ  เจ้าอ๊อดลูกน้องก็ขอตัวกลับบ้าน แพรไหมขอบคุณในความมีน้ำใจของคนทั้งคู่

     เอ้อ!   ถึงสักที  ฝุ่นเยอะเหมือนกัน  แต่ไม่เป็นไร เรานะลุยได้อยู่แล้ว  แพรไหมคิด  พลางเก็บกระเป๋าเดินทางให้เข้าที่เข้าทาง  กวาดตามองหาไม้กวาดกับผ้าขี้ริ้วมาทำความสะอาดบ้าน

กว่าเธอจะทำความสะอาดห้องพักเสร็จเรียบร้อย  เวลาก็ผ่านไปห้าโมงกว่าๆแล้ว   นี่ถ้าเพื่อนรัก  ฉัตรทิพย์มาเห็นสภาพห้องพักพร้อมหมู่บ้านที่เธอมาทำงานนี่  ไม่รู้ว่าจะทำหน้าอย่างไร

    คิดแล้วแพรไหมก็หัวเราะ รีบไปอาบน้ำ  แล้วมาทานข้าวดีกว่า ตั้งแต่เช้าแล้วอาหารยังไม่ตกถึงท้องเลย  ทานจุบจิบบ้างตอนรอรถเท่านั้น  อีกหน่อยถ้าเพื่อนรักของเธอ  มาเห็นว่าเธอผอมลงอีกมันจะได้โวยยิ่งกว่าเก่า นี่ยังดีนะที่ห้องพักครูแห่งนี้ มีห้องน้ำในตัว ไม่งั้นเธอไม่รู้ว่าจะอาบน้ำอย่างไร

                                                                                                                                                         ๖

           เช้านี้แพรไหมตื่นนอนตั้งแต่ตีห้า   ความจริงไม่ได้นอนเลยจะดีกว่า   คงเป็นเพราะต่างถิ่นต่างที่นอนด้วย  หญิงสาวคิด  พลางสำรวจบริเวณในบ้าน พร้อมกับจัดที่จัดทางข้าวของเครื่องใช้ของเธอให้เข้าที่เข้าทางมากกว่านี้  กว่าจะเสร็จก็เกือบๆสองโมงเช้า  ท้องเจ้ากรรมก็ส่งสัญญาณSOS

ขอความช่วยเหลือ  ใช่  เธอหิวแล้ว  มองไปในครัวก็ยังไม่เรียบร้อย   ขนมที่พกกระเป๋ามาก็เกลี้ยงตั้งแต่เมื่อคืน   ลองเดินออกไปข้างนอกดีกว่า เผื่อมีร้านค้าขายของชำที่ไหนสักแห่งในหมู่บ้านนี้

มันต้องมีสิน่า  คิดแล้ว  แพรไหมก็เข้าไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย เลือกใส่เสื้อยืดสีขาวแขนสั้น กับกางเกงยีนขายาว  หมุนตัวหน้ากระจกที่ติดอยู่ที่ตู้ผ้า  นี่ก็ถือว่าดีอีกอย่างหนึ่ง รองมาจากห้องน้ำในตัวบ้าน

          เดินไปได้สักพักหนึ่ง  ก็เจอร้านขายของชำซึ่งอยู่ไม่ห่างจากโรงเรียนมากนัก

เจ้าของร้านทักทายหญิงสาว พร้อมกับถามขึ้นอย่างสงสัยว่าเธอมาทำอะไรในหมู่บ้านนี้   พอได้คำตอบว่าแพรไหมมาทำหน้าที่เป็นครูสอนหนังสือในหมู่บ้านก็ยินดี  แถมยังพูดฝากฝังลูกชายตัวเองที่ยังเรียนอยู่กับครูคนใหม่ชะเลย 

          เมื่อได้ของที่ต้องการพร้อมจ่ายเงินเสร็จสรรพ  แพรไหมก็เดินออกมาจากร้าน ตรงไปยังถนนใหญ่ที่อยู่ติดกับร้านค้า  เพื่อไปยังที่พักของเธอ ข้าวของเครื่องใช้ก็พร้อมแล้ว  อาหารบางอย่างช่วงนี้คงต้องพึ่งอาหารกระป๋องไปก่อน  เข้าไปในเมืองอีกครั้งค่อยหาของกินมาตุนไว้แล้วกัน  

                                   บริ๊นๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เสียงแตรรถบีบดัง ตียาวมาแต่ไกล  ส่งผลให้แพรไหม  ที่เดินอยู่ข้างทางกำลังสำรวจข้าวของที่ซื้อมาสดๆร้อนๆอยู่   จึงไม่ทันได้ระวังอันตรายใดๆ 

           “ว๊าย!”   แพรไหมร้องอย่างตกใจ พร้อมกับล้มลงข้างทาง   โชคยังดีที่รถเจ้ากรรมนั่นยังไม่ทันได้ชนเธอ   ใช่  แพรไหมหลบทัน  แต่โชคก็ไม่ดีไปเสียหมด  แพรไหมรู้สึกเจ็บที่ข้อเท้าตัวเอง   ก้มลงสำรวจดูก็พบว่าเป็นรอยแดงแล้วบวมนิดๆ   ก่อนหันไปทำหน้า งง  ๆ   กับรถเจ้ากรรมที่ทำให้เธอต้องมานั่งเจ็บข้อเท้าอยู่ริมทาง     ซึ่งคนขับยังคงขับรถ ต่อไป  ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

              อะไรกันนี่    เธอนั่งหัวโด่เจ็บอยู่ตรงนี้  ส่วนรถที่เกือบชนเธอ  ขับหนีไปโน่นแล้ว  ไม่มีทีท่าว่าจะจอดรถลงรับผิดชอบใดๆ   วันนี้อุตส่าห์คิดว่าเป็นวันดี   สำหรับการเริ่มต้นมาทำงานที่ต่างจังหวัดเป็นวันแรกแล้วเชียว   ไม่คิดว่าจะซวยมานั่งเจ็บเท้าอยู่อย่างนี้

             “คุณครู เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”   เด็กอ๊อดเจ้าเดิมเมื่อคืนนี้   รีบวิ่งมาหาคุณครูคนสวย ของเขา  ตีขลุมชะเลย  มันคิด

             “ เอ๊ะ  นั่นรถพ่อเลี้ยงไพรวัลย์นี่   จะรีบไปไหนกันวะ”

      “อ๊อดรู้จัก ด้วยเหรอ  เจ้าของรถคันนั้นนะ”  แพรไหมข่มความปวดของข้อเท้าแล้วถามออกไป

 

                                                                                                                                                        ๗

 

  

   “ทำไมจะไม่รู้จักหละครับครูแพร   นั่นนะรถพ่อเลี้ยงไพรวัลย์  เจ้าของไร่ส้มเกือบทั้งหมดในจังหวัดนี้เลยครับ   เจ้าของรีสอร์ทอีกหลายแห่ง  พูดง่ายๆว่า   รวยโครตๆครับพี่   แต่เอ  !ทำไมแกชนพี่แล้วหนี   อ๊อดหละไม่เข้าใจจริงๆ”

       “ ไม่ทันได้ชน  แค่เกือบๆแหละ  อ๊อด    อุ๊ย!    เจ็บจังเลย”  

       “สงสัยข้อเท้า ครูจะแพลงนะ มา  ผมช่วย”  อ๊อดกุลีกุจอ ช่วยพยุงครูแพรคนสวยของมันไปที่บ้านพักที่อยู่ไม่ไกล จากที่เกิดเหตุสักเท่าไหร่   

        “จริงๆ นะ ครูแพร  ปกติพ่อเลี้ยงเป็นคนดีมากเลยนะครับ ไม่เคยเห็นแกทำให้ใครเขาเดือดร้อน ชาวบ้านที่นี่ต่างก็นับถือน้ำใจแกกันทั้งนั้น แต่เอ! วันนี้ทำไมแก ทำเหมือนรีบๆจัง อ๊อดว่า  คงจะมีเหตุอะไรหรือเปล่า”  อ๊อด  แสดงความคิดเห็น

       สร้างภาพนะสิ  คงจะรีบไปตายหละไม่ว่า  เกลียดนักเชียวคนแบบนี้   แพรไหมคิด  แต่ปากกลับพูดออกไปว่า “ไม่เป็นไรหรอก เขาไม่ลงมาดูก็ช่างเขา  ยังไง ครูก็ไม่ได้เจ็บมากมายอะไร  ทายาสักพักก็คงจะหายแล้วหละ  อ๊อดไม่ต้องเป็นห่วงหรอก  แล้วนี่ไม่ไปทำงานเหรอวันนี้”  พูดพลางถามต่อ      “ วันนี้หยุดครับครู    เดี๋ยวอ๊อดจะอยู่แถวๆนี้  ถ้าครูมีอะไรก็ตะโกนเรียกก็ได้นะครับ”

        “ จ้า   ครูไม่เป็นไรหรอก  อ๊อด ก็ไปทำธุระต่างๆ ของอ๊อดเถอะ  ครูอยู่ได้”

       “อย่าลืมนะครู   ผมจะอยู่แถวๆนี้  มีอะไรตะโกนเรียกได้  ผมไปหละคร้าบ”   ไม่วายหันมากำชับกับครูคนสวยของเขาอีก

        ทั้งเจ็บทั้งขำ ในท่าทีของ เจ้าเด็กอ๊อด  ที่ทำตัวสนิทสนมกับเธอราวกับรู้จักกันมานาน ทั้งที่เพิ่งเจอกันเมื่อวานนี้เอง    ดูๆแล้วอายุก็น่าจะพอๆ กับเจ้าเพชรน้องชาย  วัยกำลังซนได้ที่เชียว

แพรไหมนับถือในน้ำใจของมัน ที่ยังอุตส่าห์มีมาให้กับคนต่างถิ่นเช่นเธอ  เจ้าของร้านค้าที่เธอเพิ่งไปซื้อของเมื่อสักครู่นี้บอกว่า  เด็กอ๊อดกำพร้าแม่  มีแต่พ่อ  ที่วันๆก็กินแต่เหล้าไม่ทำงานทำการอะไร ก็ได้เจ้าอ๊อดนี่แหละที่คอยดูแล  ค่าใช้จ่ายทั้งหมด มันหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงทั้งสิ้น  แพรไหมรู้สึกรักและเมตตากับเด็กอ๊อดเป็นพิเศษ  นี่ถ้ามันอยากจะมาเป็นน้องชายของเธอยังได้เลย    คิดแล้วก็ขำเจ้าของร้านค้าอยู่เหมือนกัน  ถามแพรไหมว่าเธอมาที่หมู่บ้านนี้อย่างไร  พอได้คำตอบว่ามากับคนขับรถสองแถวที่บ้านชื่ออุ๋ย  และ  ก็เด็กรถซื่อ อ๊อด  เท่านั้นแหละ  ก็ได้ข้อมูลของคนทั้งสองเลย

เธอเชื่อแล้วว่า  คนในหมู่บ้านนี้รู้จักกันหมด  ไม่เหมือนสังคมในเมืองหลวงที่เธอจากมา

      แต่ที่แน่ๆ  ตอนนี้   แพรไหมรู้สึกเกลียด คนที่ชื่อไพรวัลย์  เข้ากระดูกซะแล้ว  คนอะไร ใจดำเป็นบ้า    เกือบชนเธอแล้วยังไม่จอดรถลงมาขอโทษซักคำ    ถนนก็แคบ  ยังขับรถเร็วอีกต่างหาก ไม่รู้ว่าขับไล่ควายหรือยังไง  อย่าได้เจอเชียว     ชิ! นายพ่อเลี้ยง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา