ภารกิจรักพักหัวใจยัยนักสืบ
-
4) สืบลับ 1.5
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ4.
วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันที่สามของโรงเรียนอาชิตะ =_=^
ฉันหย่อนก้นตัวเองลงนั่งเก้าอี้ข้างๆ นายคินนะจิช้าๆ เบาๆ
วันนี้ฉันมาโรงเรียนตอนตีสี่ครึ่งก็จริง แต่ฉันใช้เวลาไปหมกตัวอยู่ที่สนามเด็กเล่นมากกว่า ฉันต้องการจะดูดกลืนความสดใส สบายใจของประเทศเกาหลีนี้ให้มากที่สุด.. เวลาเช้าๆ ย่อมเป็นเวลาแห่งความสดชื่นมากที่สุดค่ะ เพราะนอกจากจะปราศจากซึ่งควันพิษแล้ว ยังถูกทาบทามด้วยพลังอุ่นๆ จากแสงแดดอีกด้วย
“สวัสดี ยัยนกหวีด” เสียงผู้ชายดังขึ้นมาจากข้างๆ ฉัน ไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าใคร
“สวัสดีค่ะ คุณอันธพาล”
“มานั่งข้างกันแบบนี้ ใจคอเธอจะไม่คุยไม่พูดอะไรกับฉันเลยใช่ไหม”
“คงงั้น =_=^”
“เธอกลัวฉันหรือไง”
“ป้านายสิ คนอย่างเรนนี่ไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว... โดยเฉพาะพวกผู้ชายปากไม่ค่อยดีอย่างนาย!” ฉันกัดฟันแยกเขี้ยวขู่
“บ้าจริง กัดฟันแบบนี้คิดว่าตัวเองน่ารักนักหรือไง”
“ว้าย! ฉันอยากจะตัดลิ้นของนายทิ้งจัง”
“ตัดสิ” เขาแลบลิ้นออกมาทำท่าล้อเลียนฉัน ทำให้ฉันอดนึกถึงสมัยเด็กๆ ที่จะแลบลิ้นปลิ้นตาเล่นกันไม่ได้...แต่ไม่ใช่ ตอนนี้เขาโตแล้ว หล่อด้วย จะมาเล่นแบบนี้ได้ยังไงกัน
“ไร้สาระ!” ฉันขมวดคิ้วอารมณ์เสีย ก่อนจะหยิบหนังสือเรียนในกระเป๋าขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ (ทำท่าเหมือนเด็กเรียน)
“นี่ยัยเรนนี่”
“มีไร -_-?”
“ฉันขอถามไรเธอหน่อยดิ”
“ถามมาดิ”
“เธอเป็นตำรวจปลอมตัวมาใช่ไหม”
ฉันสะดุ้งกึก หันไปมองสบตากับเขา “นายรู้...?”
“ใช่หรือเปล่าล่ะ ตอบมาก่อนสิ” เขาถามย้ำ แววตาเคร่งเครียด
“ไม่ใช่สักหน่อย ถ้าฉันเป็นตำรวจปลอมตัวมา ป่านนี้นายก็คงเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศเกาหลีแล้วล่ะ =_=;;;” ฉันแถไปเรื่อยหน้าตาเฉย ก่อนจะเบี่ยงเบนเรื่องราว “วันนี้เรียนวิชาอะไรเป็นวิชาแรกน้า”
“อย่าเปลี่ยนเรื่อง! ฉันจะบอกอะไรให้นะ... ตำรวจทุกคนที่แอบเข้ามาเป็นสายสืบในโรงเรียนแห่งนี้ รับรอง...เสร็จทุกราย!”
“เสร็จทุกราย…?”
ฉันหน้าแดงเปล่งออกมา นี่เขาหมายถึง...หมายถึง...! ลามกที่สุดเลย เขาจะรู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา >O<
“...เอ่อ...ฉันหมายถึงตายทุกคนน่ะ”
“อะไรนะ!!! ตาย?... ถึงตายเลยงั้นเหรอ” ฉันทวนคำพูดของเขาเล็กน้อย หน้าที่แดงเปล่งกลับกลายเป็นซีดเผือดด้วยความตกใจ เหงื่อเริ่มไหลย้อยออกมาจากศีรษะด้วยความเครียด สองคิ้วขมวดเข้าหากันผูกเป็นปม ฉันก้มหน้าลงครุ่นคิด…คิดอะไรไม่ออก “ม่ะ.. ไม่จริงม้าง เด็กนักเรียนโรงเรียนอาชิตะแห่งนี้น่ารักกันออกจะตายไป v_v”
“ถ้าน่ารัก ป่านนี้คงไม่ขึ้นชื่อในเรื่องการก่ออาชญากรรมหรอก... โรงเรียนนี้มีแต่อาชญากรข้ามชาติเข้ามาอยู่กันทั้งนั้น... ฉันเตือนเธอ เพราะเห็นว่าเธอเป็นเด็กใหม่นะ ควรจะระมัดระวังตัวเอาไว้ให้ดี เพราะโรงเรียนนี้ไม่ธรรมดาแน่ๆ ...อีกอย่าง การรับน้องใหม่ของโรงเรียนนี้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ฉันไม่สามารถบอกเธอได้ ว่าเธอจะเจออะไรบ้างในงานนี้!”
ขนลุกซู่ เสียวสันหลังวาบ
“นี่นาย...มาบอกฉันทำไมเนี่ย”
“เผื่อว่าเธอเป็นตำรวจไง”
“จะให้บอกอีกกี่ครั้งว่าฉันไม่ใช่ตำรวจ”
แค่เป็นนักสืบเท่านั้นเอง Y_Y
“ก็แล้วไปสิ” เขาตีหน้านิ่ง ก่อนจะใช้มือขวามาจับไหล่ของฉันเอาไว้แน่น... ฉันสะดุ้งโหยง พยายามแกะมือของเขาออกจากไหล่ตัวเอง “ไม่ใช่ตำรวจแล้วทำไมต้องหน้าซีดเป็นกบต้มแบบนี้ด้วย”
“เปล่านะ”
“หรือเธอเขินฉัน?”
“กล้าพูดนะยะ คิดว่าตัวเองเป็นนักร้องวงบอยแบนด์เกาหลีหรือไง... หล่อตายล่ะ หน้าตายังกะกิ้งกือทอดแถวตลาด”
“เธออยากลองจูบกับฉันสักครั้งไหม”
“ว้าย!”
“แค่ครั้งเดียวเอง คนอื่นเขาไม่ว่าอะไรหรอกน่า...นะๆ”
ฉันหันซ้ายหันขวา พบว่าคนในห้องต่างก็มองเราเป็นสายตาเดียวกันหมดแล้ว –O- สองมือของเขาที่กุมไหล่ของเริ่มแน่นขึ้นเรื่อยๆ เขาค่อยๆ โน้มหน้าลงมาใกล้ๆ กับฉัน... หาเรื่องให้ฉันหวั่นไหวได้ทุกวันจริงๆ ไอ้ผู้ชายคนนี้
แม้ว่าประเทศเกาหลีเขาไม่ถือ แต่คนไทยเขาถือย่ะ! ฉันผงะตัวเองออก ใช้สองเท้ายันเก้าอี้ของเขาไปจนสุดขา
เพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียว ผู้ชายตรงหน้าของฉันก็ถลาไปข้างหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว
โครม!!!
รู้จักเรนนี่น้อยเกินไปซะแล้วย่ะ! รอยจูบของฉันไม่เคยมอบให้ใครฟรีๆ แน่นอน
“ยัยนกหวีด!!” เสียงตวาดลั่นดังมาจากข้างล่างพื้นห้องด้วยความแค้น ฉันแอบแสยะยิ้มเล็กน้อยเพื่อความสวยงาม พลางสะบัดหน้าม้าเชิดแล้วหันไปยิ้มให้เพื่อนๆ ทุกคนในห้องอย่างเป็นมิตร... ถ้าเป็นประเทศไทย ทุกคนในห้องคงจะปรบมือชื่นชมในความกล้าหาญของฉัน ...แต่ตอนนี้ฉันอยู่ประเทศเกาหลี เพื่อนๆ ทุกคนกลับมองหน้าฉันด้วยสายตาผิดหวัง -_- และส่ายหัวออกมาแรงๆ
คนข้างกายค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นจากพื้น พลางใช้น้ำเสียงดุดันเงียบงันใส่ฉันเบาๆ ว่า “อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลยน่า สวยๆ แบบนี้...อยู่โรงเรียนอาชิตะได้ไม่นานหรอก ยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงแล้ว ถ้าไม่มีใครมาปกป้อง...ตายสถานเดียว!”
ตายไม่กลัว กลัวไม่ตายมากกว่า!
ฉันอดทนเรียนไม่รู้เรื่องจนกระทั่งหมดเวลาเลิกเรียนไปอีกวัน -_- ฉันเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าตัวเองไม่มีเพื่อนในห้องเลย... จะมีก็แต่คนเดียวคือ นายคินนะจิ คนนี้นี่แหละ (เพื่อนที่ไม่ค่อยจะเต็มใจให้เป็นสักเท่าไหร่ -_-)
ถึงยังไงก็ตาม ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาเพื่อนประเทศเกาหลี...แต่ฉันมาเพื่อสืบคดีลับของโรงเรียนอาชิตะต่างหาก (พยายามท่อง)
คดีลับที่มากด้วยความอันตราย... คิดถึงเรื่องนี้แล้วสยองตัวเองซะไม่มี! บางทีฉันอาจจะกลับกลายเป็นศพก่อนกลับประเทศไทยก็ได้ TOT ฉันไม่น่าตบปากรับคำเรื่องการทำคดีนี้คนเดียวเลย
ฉันใช้สองเท้าเดินเตาะแตะไปตามริมฟุตบาทข้างถนนอย่างคุ้นเคย เวลาสามวันที่ผ่านมาฉันเริ่มเคยชินกับอะไรบางอย่างในโรงเรียนนี้แล้ว... เคยชินกับสถานที่ เคยชินกับความอันธพาลของคนในโรงเรียน...เคยชินกับการเรียนการสอนที่แสนจะไม่รู้เรื่อง! และตอนนี้ฉันก็เคยชินกับการเดินไปร้านส้มตำทุกครั้งหลังเลิกเรียน -.,- ป้าภาคงจะกำลังเปิดร้านรอรับฉันอยู่สินะ ฮู้ววว แค่คิดน้ำลายก็จะไหลแล้ว...ป้าแกตำได้แซบมาก สมแล้วที่มีเจ้าเดียวในประเทศเกาหลี!
เมื่อฉันเดินก้าวออกจากประตูโรงเรียนได้เพียงก้าวเดียว ทันใดนั้นก็พบผู้หญิงสามคนยืนเกาะกลุ่มคุยกันอยู่อย่างสนุกสนาน
สามคนนี้เรียนอยู่ห้องเดียวกับฉัน...ถ้าฉันจำไม่ผิดน่าจะชื่อ ซัลซิล แฟซ่า และก็แพนทีน ผู้หญิงสามคนนี้เป็นคนที่สวยมาก มีผมยาวเรียวเรียบดำเงางามตั้งแต่โคนจรดปลาย ทำให้ฉันอดนึกถึงพรีเซนเตอร์โฆษณาแชมพูไม่ได้
ฉันไม่สนใจ พยายามแอบๆ ชิดขอบกำแพงเดินผ่านไปที่ร้านส้มตำ... แต่ก็มีเสียงเรียกรั้งจากข้างหลังเอาไว้ “จะรีบไปไหนล่ะจ๊ะ เรนนี่!”
ฉันตกใจเล็กน้อย ก่อนจะหันขวับไปขานรับ “คะ?... มีอะไรกับฉันหรือเปล่า?”
หญิงสาวผมสวยทั้งสามคนมองฉันด้วยสายตาคมกริบ สายลมแห่งความหายนะพัดมากระทบที่ใบหน้าของฉันเบาๆ ทำให้ฉันรับรู้ถึงความอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น... ฉันรู้สึกใจสั่น ตื่นเต้น วูบวาบไปหมดทั้งตัว เป็นสัญญาณถึงสิ่งบางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
มือขวาค่อยๆ เลื่อนมาสัมผัสที่กลางหน้าอกตัวเอง (อย่าลามกได้ไหม T^T) กุมนกหวีดเอาไว้แน่น... ถ้าหากเกิดเหตุด่วนเหตุร้ายอะไรขึ้นมา ฉันจะได้เป่ามันทัน =_=
สามสาวเดินเข้ามาหาฉันด้วยท่าทีเฉิดฉายคล้ายนางแบบ ก่อนที่ซัลซิลจะถาม “ได้ข่าวว่าเป็นเด็กใหม่ใช่มั้ยจ๊ะ รู้มั้ยว่าโรงเรียนนี้เขามีอะไรเป็นเอกลักษณ์?”
“รู้ค่ะ –O-“
“กลัวมั้ยจ๊ะ”
ฉันจะตอบว่ายังไงดี...
ถ้าบอก ‘ไม่กลัว’ ยัยผมสวยทั้งสามคนนี้ก็จะหาว่าฉันเบ่งน่ะสิ แล้วถ้าบอก ‘กลัว’ ล่ะ...ฉันก็จะต้องถูกมองว่าป๊อดแน่ๆ
เป็นเรื่องใหญ่นะยะ คนอย่างเรนนี่ไม่เคยยอมให้ใครมาดูถูกง่ายๆ!
“...ไม่บอกค่ะ =_=;”
ไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี ตอบอย่างงี้ไปก่อนละกัน v.v
ยัยผมสวยทั้งสามทำหน้าแอ๊บแบ๊วตกใจเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะก๊ากออกมาพร้อมกัน “ไม่บอก?...ไม่บอก?... ฮ่าๆๆ”
ฉันอยากจะกระโดดเตะก้านคอยัยทั้งสามคนนี้ให้ผมเสียทรงไปเลยจริงๆ =_= ฉันพูดแค่นี้ทำไมต้องหัวเราะเวอร์ขนาดนี้ด้วย เดี๋ยวแม่ก็เตะให้มันฟันหักไปสักสามสี่ซี่หรอก!
ไม่ทันที่ฉันจะทันทำอะไร มือฉาดใหญ่ก็ฟาดมากระทบที่ใบหน้าฉันอย่างแรง ใบหน้าของฉันบิดไปทางซ้ายตามแรงกระทบ
เพี๊ยะ!
“โอ้ย!”
“ฮ่าๆๆ ทีนี้รู้หรือยัง?... จะบอกว่าไม่รู้อยู่มั้ยจ๊ะ เรนนี่จ๋า” น้ำเสียงหวานแจ๋วกล่าวกระทบกระแทกฉันด้วยความสะใจ
เดือด...!
ถือดีอย่างไรมาตบเรนนี่หน้าตาเฉยแบบนี้ คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหนกันยัยผมดกทั้งสาม... ตัวเองเป็นเด็กนักเรียนเก่าแล้วจะมาทำร้ายเด็กใหม่อย่างฉันได้ง่ายๆ เหรอ...ไม่มีวันซะหรอก
รู้จักเรนนี่น้อยเกินไปซะแล้ว!!
ฉันบิดตัวเองกลับไปทางเดิม ก่อนจะยกขาขวาขึ้นฟาดเข้าไปที่ใบหน้าของยัยแฟซ่าทันที... ตบทีหลังดังกว่า! ยัยนั่นกำลังอ้าปากหัวเราะฉันอยู่พอดี ได้สัมผัสถึงรสชาติฝ่าเท้าของฉันแล้วเป็นไงบ้าง...หอมกรุ่นเลยสิท่า ล้มลงไปกองกับพื้นแบบนั้น
ฉันสะบัดหน้าม้าเป็นเชิงล้อเลียน ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองเพื่อนผมสวยของมันอีกสองคนที่เหลือ “เข้ามาสิยะ ยัยผมดกทั้งหลาย! วันนี้แม่จะทำให้ผมพวกแกแห้งเหี่ยวเป็นกระเทียมเจียวหน้าประตูเลย!”
ซัลซิลกับแพนทีนทำสีหน้าผวาใส่ฉัน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความเข้มแข็ง... เหลือเชื่อจริงๆ เปลี่ยนไปได้เร็วยิ่งกว่าตุ๊กแกเปลี่ยนสีซะอีก... นั่นสินะ ไม่ควรแสดงความอ่อนแอให้ศัตรูเห็นบนสังเวียน!
เหงื่อฉันเริ่มไหลออกมาอีกระลอก (วันนี้เหงื่อไหลบ่อยมาก) สองมือของฉันตั้งกาดพร้อมต่อสู้อย่างเต็มภาคภูมิ...
ยัยแฟซ่าค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นจากการโดนฉันเตะ พบว่ามีเลือดซึมออกมาที่มุมปากเล็กน้อย แสดงว่าลูกเตะของฉันต้องแรงมากพอสมควรแน่ๆ ถึงสามารถทำให้เลือดคนออกได้ด้วย... แต่ก็สะใจไม่เบาแฮะ
แค่ลูกตบ...มันเบาไป...
ลูกเตะสิ...ใช่เลย!
“ย่ะ..ยัยเรนนี่...!?” ยัยแฟซ่าชี้หน้าฉันอย่างอาฆาตแค้น ก่อนจะค่อยๆ ขยับเท้าเข้าไปรวมกลุ่มกับพวกผมดก
ยัยซัลซิล แฟซ่า แพนทีน รวมตัวกันเป็นกระจุกเดียวบริเวณหน้าโรงเรียน ส่งสายตาอัมหิตมาที่ฉันด้วยความโกรธเคืองอย่างเป็นที่สุด
ยัยซัลซิลกับแพนทีนนั่งลงคลุกเข่ากับพื้น พร้อมกำหมัดโชว์...เหลือเพียงยัยแฟซ่าที่ยืนอ้าขาเก๊กท่าเหมือนว่าตัวเองเป็นนักสู้พิทักษ์โลก ขณะนั้นมีลมพัดโชยมาพอดี โบกสะบัดให้ปลายผมของทั้งสามคนปลิวไหวไปตามกระแส
ผมดกทั้งสามเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับกำหมัดแน่นอยู่ที่หน้าอก ก่อนจะพูด “พวกเราสามสาวนางฟ้ามาลี ..ฮึ!”
ฉันยักคิ้วเล็กน้อย
ปัญญาอ่อน =_=^ พวกเขาคิดอะไรของเขากันนะถึงมาตั้งแก๊งค์เป็น ‘สามสาวนางฟ้ามาลี’ ปัญญาอ่อนชะมัด... คิดว่าตัวเองเก่งกาจพอจะไปพิทักษ์โลกได้หรือยังไง
ต้องดูอย่างฉันนี่ ‘กลุ่มต่อต้านอาชญากรรมระหว่างประเทศ’ หรูกว่าเยอะเลยค่ะ!
ฉันค่อยๆ เลื่อนมือขวาไปกุมหน้าอก หยิบนกหวีดออกมาเป่าทันที
ปิ๊ดดด!!
“ฉันจะกลับบ้านล่ะ มีเรื่องจะคุยแค่นี้ใช่ไหมยัยดกทั้งหลาย! (เรียกสั้นลงเรื่อยๆ)” ว่าแล้วฉันจึงกลับหลังหันเดินทางไปที่ร้านส้มตำต่ออย่างไม่แคร์สื่อใดๆ
“ยัยบ้า คิดจะไปก็ไปอย่างนี้เลยเหรอยะ” เสียงด่าไล่ตามหลังมา
ฉันพยายามปัดเสียงนี้ทิ้งไป
ไม่สนใจ...สนแต่ร้านส้มตำตรงหน้า!
เสียงด่าไล่หลังค่อยๆ เบาลง...ฉันเชื่อว่ายัยบ้าสามคนนั่นคงไม่กล้าเดินตามหลังฉันมาอีกแน่นอน เจอลูกถีบร้ายแรงของฉันไปแล้วขนาดนั้น คงจะเข็ดไปอีกนาน
เหมือนว่าฉันจะรู้สึกสะใจนะ..แต่มันกลับรู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่...เหมือนว่าฉันกำลังจะประกาศศึกเพิ่มศัตรูให้กับตัวเองอย่างไงอย่างงั้น ให้ตายสิ! เปิดเรียนมาสามวันฉันก็มีศัตรูเป็นตัวเป็นตนแล้วหรือเนี่ย ยัยเรนนี่เอ๋ย...
“ป้าภาขา ขอส้มตำปูปลาร้าเหมือนเดิมค่ะ”
ตอนนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลย เหมือนว่าตัวเองกำลังถูกจ้องมองมาด้วยสายตาของใครบางคนอยู่ แต่แค่เพียงฉันหันหลังกลับไป ก็พบเจอแต่ความว่างเปล่า...มีรถราวิ่งสวนทางกันไปมาบนถนน จะมีเหลืออยู่ก็แค่บางคนที่มองฉันเพราะตกใจเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เท่านั้น
แต่ไม่ใช่หรอก...ที่ฉันรู้สึกตอนนี้ มันไม่ใช่สายตาของคนที่มองฉันเพราะความตกใจ
ฉันรู้สึกเหมือนว่ามีคนกำลังมองฉันด้วยสายตาจับผิดมากกว่า! แล้วใครล่ะ... ใครกันที่กำลังมองฉันอยู่!?
วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันที่สามของโรงเรียนอาชิตะ =_=^
ฉันหย่อนก้นตัวเองลงนั่งเก้าอี้ข้างๆ นายคินนะจิช้าๆ เบาๆ
วันนี้ฉันมาโรงเรียนตอนตีสี่ครึ่งก็จริง แต่ฉันใช้เวลาไปหมกตัวอยู่ที่สนามเด็กเล่นมากกว่า ฉันต้องการจะดูดกลืนความสดใส สบายใจของประเทศเกาหลีนี้ให้มากที่สุด.. เวลาเช้าๆ ย่อมเป็นเวลาแห่งความสดชื่นมากที่สุดค่ะ เพราะนอกจากจะปราศจากซึ่งควันพิษแล้ว ยังถูกทาบทามด้วยพลังอุ่นๆ จากแสงแดดอีกด้วย
“สวัสดี ยัยนกหวีด” เสียงผู้ชายดังขึ้นมาจากข้างๆ ฉัน ไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าใคร
“สวัสดีค่ะ คุณอันธพาล”
“มานั่งข้างกันแบบนี้ ใจคอเธอจะไม่คุยไม่พูดอะไรกับฉันเลยใช่ไหม”
“คงงั้น =_=^”
“เธอกลัวฉันหรือไง”
“ป้านายสิ คนอย่างเรนนี่ไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว... โดยเฉพาะพวกผู้ชายปากไม่ค่อยดีอย่างนาย!” ฉันกัดฟันแยกเขี้ยวขู่
“บ้าจริง กัดฟันแบบนี้คิดว่าตัวเองน่ารักนักหรือไง”
“ว้าย! ฉันอยากจะตัดลิ้นของนายทิ้งจัง”
“ตัดสิ” เขาแลบลิ้นออกมาทำท่าล้อเลียนฉัน ทำให้ฉันอดนึกถึงสมัยเด็กๆ ที่จะแลบลิ้นปลิ้นตาเล่นกันไม่ได้...แต่ไม่ใช่ ตอนนี้เขาโตแล้ว หล่อด้วย จะมาเล่นแบบนี้ได้ยังไงกัน
“ไร้สาระ!” ฉันขมวดคิ้วอารมณ์เสีย ก่อนจะหยิบหนังสือเรียนในกระเป๋าขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ (ทำท่าเหมือนเด็กเรียน)
“นี่ยัยเรนนี่”
“มีไร -_-?”
“ฉันขอถามไรเธอหน่อยดิ”
“ถามมาดิ”
“เธอเป็นตำรวจปลอมตัวมาใช่ไหม”
ฉันสะดุ้งกึก หันไปมองสบตากับเขา “นายรู้...?”
“ใช่หรือเปล่าล่ะ ตอบมาก่อนสิ” เขาถามย้ำ แววตาเคร่งเครียด
“ไม่ใช่สักหน่อย ถ้าฉันเป็นตำรวจปลอมตัวมา ป่านนี้นายก็คงเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศเกาหลีแล้วล่ะ =_=;;;” ฉันแถไปเรื่อยหน้าตาเฉย ก่อนจะเบี่ยงเบนเรื่องราว “วันนี้เรียนวิชาอะไรเป็นวิชาแรกน้า”
“อย่าเปลี่ยนเรื่อง! ฉันจะบอกอะไรให้นะ... ตำรวจทุกคนที่แอบเข้ามาเป็นสายสืบในโรงเรียนแห่งนี้ รับรอง...เสร็จทุกราย!”
“เสร็จทุกราย…?”
ฉันหน้าแดงเปล่งออกมา นี่เขาหมายถึง...หมายถึง...! ลามกที่สุดเลย เขาจะรู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา >O<
“...เอ่อ...ฉันหมายถึงตายทุกคนน่ะ”
“อะไรนะ!!! ตาย?... ถึงตายเลยงั้นเหรอ” ฉันทวนคำพูดของเขาเล็กน้อย หน้าที่แดงเปล่งกลับกลายเป็นซีดเผือดด้วยความตกใจ เหงื่อเริ่มไหลย้อยออกมาจากศีรษะด้วยความเครียด สองคิ้วขมวดเข้าหากันผูกเป็นปม ฉันก้มหน้าลงครุ่นคิด…คิดอะไรไม่ออก “ม่ะ.. ไม่จริงม้าง เด็กนักเรียนโรงเรียนอาชิตะแห่งนี้น่ารักกันออกจะตายไป v_v”
“ถ้าน่ารัก ป่านนี้คงไม่ขึ้นชื่อในเรื่องการก่ออาชญากรรมหรอก... โรงเรียนนี้มีแต่อาชญากรข้ามชาติเข้ามาอยู่กันทั้งนั้น... ฉันเตือนเธอ เพราะเห็นว่าเธอเป็นเด็กใหม่นะ ควรจะระมัดระวังตัวเอาไว้ให้ดี เพราะโรงเรียนนี้ไม่ธรรมดาแน่ๆ ...อีกอย่าง การรับน้องใหม่ของโรงเรียนนี้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ฉันไม่สามารถบอกเธอได้ ว่าเธอจะเจออะไรบ้างในงานนี้!”
ขนลุกซู่ เสียวสันหลังวาบ
“นี่นาย...มาบอกฉันทำไมเนี่ย”
“เผื่อว่าเธอเป็นตำรวจไง”
“จะให้บอกอีกกี่ครั้งว่าฉันไม่ใช่ตำรวจ”
แค่เป็นนักสืบเท่านั้นเอง Y_Y
“ก็แล้วไปสิ” เขาตีหน้านิ่ง ก่อนจะใช้มือขวามาจับไหล่ของฉันเอาไว้แน่น... ฉันสะดุ้งโหยง พยายามแกะมือของเขาออกจากไหล่ตัวเอง “ไม่ใช่ตำรวจแล้วทำไมต้องหน้าซีดเป็นกบต้มแบบนี้ด้วย”
“เปล่านะ”
“หรือเธอเขินฉัน?”
“กล้าพูดนะยะ คิดว่าตัวเองเป็นนักร้องวงบอยแบนด์เกาหลีหรือไง... หล่อตายล่ะ หน้าตายังกะกิ้งกือทอดแถวตลาด”
“เธออยากลองจูบกับฉันสักครั้งไหม”
“ว้าย!”
“แค่ครั้งเดียวเอง คนอื่นเขาไม่ว่าอะไรหรอกน่า...นะๆ”
ฉันหันซ้ายหันขวา พบว่าคนในห้องต่างก็มองเราเป็นสายตาเดียวกันหมดแล้ว –O- สองมือของเขาที่กุมไหล่ของเริ่มแน่นขึ้นเรื่อยๆ เขาค่อยๆ โน้มหน้าลงมาใกล้ๆ กับฉัน... หาเรื่องให้ฉันหวั่นไหวได้ทุกวันจริงๆ ไอ้ผู้ชายคนนี้
แม้ว่าประเทศเกาหลีเขาไม่ถือ แต่คนไทยเขาถือย่ะ! ฉันผงะตัวเองออก ใช้สองเท้ายันเก้าอี้ของเขาไปจนสุดขา
เพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียว ผู้ชายตรงหน้าของฉันก็ถลาไปข้างหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว
โครม!!!
รู้จักเรนนี่น้อยเกินไปซะแล้วย่ะ! รอยจูบของฉันไม่เคยมอบให้ใครฟรีๆ แน่นอน
“ยัยนกหวีด!!” เสียงตวาดลั่นดังมาจากข้างล่างพื้นห้องด้วยความแค้น ฉันแอบแสยะยิ้มเล็กน้อยเพื่อความสวยงาม พลางสะบัดหน้าม้าเชิดแล้วหันไปยิ้มให้เพื่อนๆ ทุกคนในห้องอย่างเป็นมิตร... ถ้าเป็นประเทศไทย ทุกคนในห้องคงจะปรบมือชื่นชมในความกล้าหาญของฉัน ...แต่ตอนนี้ฉันอยู่ประเทศเกาหลี เพื่อนๆ ทุกคนกลับมองหน้าฉันด้วยสายตาผิดหวัง -_- และส่ายหัวออกมาแรงๆ
คนข้างกายค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นจากพื้น พลางใช้น้ำเสียงดุดันเงียบงันใส่ฉันเบาๆ ว่า “อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลยน่า สวยๆ แบบนี้...อยู่โรงเรียนอาชิตะได้ไม่นานหรอก ยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงแล้ว ถ้าไม่มีใครมาปกป้อง...ตายสถานเดียว!”
ตายไม่กลัว กลัวไม่ตายมากกว่า!
ฉันอดทนเรียนไม่รู้เรื่องจนกระทั่งหมดเวลาเลิกเรียนไปอีกวัน -_- ฉันเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าตัวเองไม่มีเพื่อนในห้องเลย... จะมีก็แต่คนเดียวคือ นายคินนะจิ คนนี้นี่แหละ (เพื่อนที่ไม่ค่อยจะเต็มใจให้เป็นสักเท่าไหร่ -_-)
ถึงยังไงก็ตาม ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาเพื่อนประเทศเกาหลี...แต่ฉันมาเพื่อสืบคดีลับของโรงเรียนอาชิตะต่างหาก (พยายามท่อง)
คดีลับที่มากด้วยความอันตราย... คิดถึงเรื่องนี้แล้วสยองตัวเองซะไม่มี! บางทีฉันอาจจะกลับกลายเป็นศพก่อนกลับประเทศไทยก็ได้ TOT ฉันไม่น่าตบปากรับคำเรื่องการทำคดีนี้คนเดียวเลย
ฉันใช้สองเท้าเดินเตาะแตะไปตามริมฟุตบาทข้างถนนอย่างคุ้นเคย เวลาสามวันที่ผ่านมาฉันเริ่มเคยชินกับอะไรบางอย่างในโรงเรียนนี้แล้ว... เคยชินกับสถานที่ เคยชินกับความอันธพาลของคนในโรงเรียน...เคยชินกับการเรียนการสอนที่แสนจะไม่รู้เรื่อง! และตอนนี้ฉันก็เคยชินกับการเดินไปร้านส้มตำทุกครั้งหลังเลิกเรียน -.,- ป้าภาคงจะกำลังเปิดร้านรอรับฉันอยู่สินะ ฮู้ววว แค่คิดน้ำลายก็จะไหลแล้ว...ป้าแกตำได้แซบมาก สมแล้วที่มีเจ้าเดียวในประเทศเกาหลี!
เมื่อฉันเดินก้าวออกจากประตูโรงเรียนได้เพียงก้าวเดียว ทันใดนั้นก็พบผู้หญิงสามคนยืนเกาะกลุ่มคุยกันอยู่อย่างสนุกสนาน
สามคนนี้เรียนอยู่ห้องเดียวกับฉัน...ถ้าฉันจำไม่ผิดน่าจะชื่อ ซัลซิล แฟซ่า และก็แพนทีน ผู้หญิงสามคนนี้เป็นคนที่สวยมาก มีผมยาวเรียวเรียบดำเงางามตั้งแต่โคนจรดปลาย ทำให้ฉันอดนึกถึงพรีเซนเตอร์โฆษณาแชมพูไม่ได้
ฉันไม่สนใจ พยายามแอบๆ ชิดขอบกำแพงเดินผ่านไปที่ร้านส้มตำ... แต่ก็มีเสียงเรียกรั้งจากข้างหลังเอาไว้ “จะรีบไปไหนล่ะจ๊ะ เรนนี่!”
ฉันตกใจเล็กน้อย ก่อนจะหันขวับไปขานรับ “คะ?... มีอะไรกับฉันหรือเปล่า?”
หญิงสาวผมสวยทั้งสามคนมองฉันด้วยสายตาคมกริบ สายลมแห่งความหายนะพัดมากระทบที่ใบหน้าของฉันเบาๆ ทำให้ฉันรับรู้ถึงความอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น... ฉันรู้สึกใจสั่น ตื่นเต้น วูบวาบไปหมดทั้งตัว เป็นสัญญาณถึงสิ่งบางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
มือขวาค่อยๆ เลื่อนมาสัมผัสที่กลางหน้าอกตัวเอง (อย่าลามกได้ไหม T^T) กุมนกหวีดเอาไว้แน่น... ถ้าหากเกิดเหตุด่วนเหตุร้ายอะไรขึ้นมา ฉันจะได้เป่ามันทัน =_=
สามสาวเดินเข้ามาหาฉันด้วยท่าทีเฉิดฉายคล้ายนางแบบ ก่อนที่ซัลซิลจะถาม “ได้ข่าวว่าเป็นเด็กใหม่ใช่มั้ยจ๊ะ รู้มั้ยว่าโรงเรียนนี้เขามีอะไรเป็นเอกลักษณ์?”
“รู้ค่ะ –O-“
“กลัวมั้ยจ๊ะ”
ฉันจะตอบว่ายังไงดี...
ถ้าบอก ‘ไม่กลัว’ ยัยผมสวยทั้งสามคนนี้ก็จะหาว่าฉันเบ่งน่ะสิ แล้วถ้าบอก ‘กลัว’ ล่ะ...ฉันก็จะต้องถูกมองว่าป๊อดแน่ๆ
เป็นเรื่องใหญ่นะยะ คนอย่างเรนนี่ไม่เคยยอมให้ใครมาดูถูกง่ายๆ!
“...ไม่บอกค่ะ =_=;”
ไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี ตอบอย่างงี้ไปก่อนละกัน v.v
ยัยผมสวยทั้งสามทำหน้าแอ๊บแบ๊วตกใจเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะก๊ากออกมาพร้อมกัน “ไม่บอก?...ไม่บอก?... ฮ่าๆๆ”
ฉันอยากจะกระโดดเตะก้านคอยัยทั้งสามคนนี้ให้ผมเสียทรงไปเลยจริงๆ =_= ฉันพูดแค่นี้ทำไมต้องหัวเราะเวอร์ขนาดนี้ด้วย เดี๋ยวแม่ก็เตะให้มันฟันหักไปสักสามสี่ซี่หรอก!
ไม่ทันที่ฉันจะทันทำอะไร มือฉาดใหญ่ก็ฟาดมากระทบที่ใบหน้าฉันอย่างแรง ใบหน้าของฉันบิดไปทางซ้ายตามแรงกระทบ
เพี๊ยะ!
“โอ้ย!”
“ฮ่าๆๆ ทีนี้รู้หรือยัง?... จะบอกว่าไม่รู้อยู่มั้ยจ๊ะ เรนนี่จ๋า” น้ำเสียงหวานแจ๋วกล่าวกระทบกระแทกฉันด้วยความสะใจ
เดือด...!
ถือดีอย่างไรมาตบเรนนี่หน้าตาเฉยแบบนี้ คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหนกันยัยผมดกทั้งสาม... ตัวเองเป็นเด็กนักเรียนเก่าแล้วจะมาทำร้ายเด็กใหม่อย่างฉันได้ง่ายๆ เหรอ...ไม่มีวันซะหรอก
รู้จักเรนนี่น้อยเกินไปซะแล้ว!!
ฉันบิดตัวเองกลับไปทางเดิม ก่อนจะยกขาขวาขึ้นฟาดเข้าไปที่ใบหน้าของยัยแฟซ่าทันที... ตบทีหลังดังกว่า! ยัยนั่นกำลังอ้าปากหัวเราะฉันอยู่พอดี ได้สัมผัสถึงรสชาติฝ่าเท้าของฉันแล้วเป็นไงบ้าง...หอมกรุ่นเลยสิท่า ล้มลงไปกองกับพื้นแบบนั้น
ฉันสะบัดหน้าม้าเป็นเชิงล้อเลียน ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองเพื่อนผมสวยของมันอีกสองคนที่เหลือ “เข้ามาสิยะ ยัยผมดกทั้งหลาย! วันนี้แม่จะทำให้ผมพวกแกแห้งเหี่ยวเป็นกระเทียมเจียวหน้าประตูเลย!”
ซัลซิลกับแพนทีนทำสีหน้าผวาใส่ฉัน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความเข้มแข็ง... เหลือเชื่อจริงๆ เปลี่ยนไปได้เร็วยิ่งกว่าตุ๊กแกเปลี่ยนสีซะอีก... นั่นสินะ ไม่ควรแสดงความอ่อนแอให้ศัตรูเห็นบนสังเวียน!
เหงื่อฉันเริ่มไหลออกมาอีกระลอก (วันนี้เหงื่อไหลบ่อยมาก) สองมือของฉันตั้งกาดพร้อมต่อสู้อย่างเต็มภาคภูมิ...
ยัยแฟซ่าค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นจากการโดนฉันเตะ พบว่ามีเลือดซึมออกมาที่มุมปากเล็กน้อย แสดงว่าลูกเตะของฉันต้องแรงมากพอสมควรแน่ๆ ถึงสามารถทำให้เลือดคนออกได้ด้วย... แต่ก็สะใจไม่เบาแฮะ
แค่ลูกตบ...มันเบาไป...
ลูกเตะสิ...ใช่เลย!
“ย่ะ..ยัยเรนนี่...!?” ยัยแฟซ่าชี้หน้าฉันอย่างอาฆาตแค้น ก่อนจะค่อยๆ ขยับเท้าเข้าไปรวมกลุ่มกับพวกผมดก
ยัยซัลซิล แฟซ่า แพนทีน รวมตัวกันเป็นกระจุกเดียวบริเวณหน้าโรงเรียน ส่งสายตาอัมหิตมาที่ฉันด้วยความโกรธเคืองอย่างเป็นที่สุด
ยัยซัลซิลกับแพนทีนนั่งลงคลุกเข่ากับพื้น พร้อมกำหมัดโชว์...เหลือเพียงยัยแฟซ่าที่ยืนอ้าขาเก๊กท่าเหมือนว่าตัวเองเป็นนักสู้พิทักษ์โลก ขณะนั้นมีลมพัดโชยมาพอดี โบกสะบัดให้ปลายผมของทั้งสามคนปลิวไหวไปตามกระแส
ผมดกทั้งสามเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับกำหมัดแน่นอยู่ที่หน้าอก ก่อนจะพูด “พวกเราสามสาวนางฟ้ามาลี ..ฮึ!”
ฉันยักคิ้วเล็กน้อย
ปัญญาอ่อน =_=^ พวกเขาคิดอะไรของเขากันนะถึงมาตั้งแก๊งค์เป็น ‘สามสาวนางฟ้ามาลี’ ปัญญาอ่อนชะมัด... คิดว่าตัวเองเก่งกาจพอจะไปพิทักษ์โลกได้หรือยังไง
ต้องดูอย่างฉันนี่ ‘กลุ่มต่อต้านอาชญากรรมระหว่างประเทศ’ หรูกว่าเยอะเลยค่ะ!
ฉันค่อยๆ เลื่อนมือขวาไปกุมหน้าอก หยิบนกหวีดออกมาเป่าทันที
ปิ๊ดดด!!
“ฉันจะกลับบ้านล่ะ มีเรื่องจะคุยแค่นี้ใช่ไหมยัยดกทั้งหลาย! (เรียกสั้นลงเรื่อยๆ)” ว่าแล้วฉันจึงกลับหลังหันเดินทางไปที่ร้านส้มตำต่ออย่างไม่แคร์สื่อใดๆ
“ยัยบ้า คิดจะไปก็ไปอย่างนี้เลยเหรอยะ” เสียงด่าไล่ตามหลังมา
ฉันพยายามปัดเสียงนี้ทิ้งไป
ไม่สนใจ...สนแต่ร้านส้มตำตรงหน้า!
เสียงด่าไล่หลังค่อยๆ เบาลง...ฉันเชื่อว่ายัยบ้าสามคนนั่นคงไม่กล้าเดินตามหลังฉันมาอีกแน่นอน เจอลูกถีบร้ายแรงของฉันไปแล้วขนาดนั้น คงจะเข็ดไปอีกนาน
เหมือนว่าฉันจะรู้สึกสะใจนะ..แต่มันกลับรู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่...เหมือนว่าฉันกำลังจะประกาศศึกเพิ่มศัตรูให้กับตัวเองอย่างไงอย่างงั้น ให้ตายสิ! เปิดเรียนมาสามวันฉันก็มีศัตรูเป็นตัวเป็นตนแล้วหรือเนี่ย ยัยเรนนี่เอ๋ย...
“ป้าภาขา ขอส้มตำปูปลาร้าเหมือนเดิมค่ะ”
ตอนนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลย เหมือนว่าตัวเองกำลังถูกจ้องมองมาด้วยสายตาของใครบางคนอยู่ แต่แค่เพียงฉันหันหลังกลับไป ก็พบเจอแต่ความว่างเปล่า...มีรถราวิ่งสวนทางกันไปมาบนถนน จะมีเหลืออยู่ก็แค่บางคนที่มองฉันเพราะตกใจเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เท่านั้น
แต่ไม่ใช่หรอก...ที่ฉันรู้สึกตอนนี้ มันไม่ใช่สายตาของคนที่มองฉันเพราะความตกใจ
ฉันรู้สึกเหมือนว่ามีคนกำลังมองฉันด้วยสายตาจับผิดมากกว่า! แล้วใครล่ะ... ใครกันที่กำลังมองฉันอยู่!?
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ