พี่ชายจำเป็น!

7.7

เขียนโดย nonggifs

วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 23.50 น.

  6 บท
  57 วิจารณ์
  16.96K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

           “ชิดในหน่อยค่ะ ชิดในหน่อย!” เสียงตะโกนของกระเป๋ารถเมล์ลอยละล่องเข้ามากระทบโสตประสาทหู ฉันขยับตัวเล็กน้อยเมื่อคนที่ยืนอยู่ข้างกันเบียดเข้ามามากขึ้น สองมือกระชับกระเป๋าสะพายเอาไว้แน่น กลิ่นน้ำหอมของผู้คนมากมายที่ช่วยกันประโคมใส่ตัว ในยามเช้าทำให้ฉันรู้สึกวิงเวียน แล้วไหนจะยังการขับรถที่ปาดซ้ายปาดขวาโดยไม่สนผู้โดยสารนั่นอีก

 

           ฉันคิดผิดหรือเปล่าที่เลือกขึ้นรถเมล์ฟรี =_=

 

           ตื้ดดดดดดดดดดดดดดดด

 

           “เฮ้ย จอดสิวะ! ตาถั่วมองไม่เห็นป้ายหรือไง”

 

           เสียงเอ็ดตะโรโวยวายของผู้ชายคนหนึ่งที่หนีบแฟ้มเอกสารในมือพร้อมกับตัวรถที่โยกไปซ้ายขวาและเสียงก่นด่าของผู้คนมากมายยิ่งทำให้ฉันมึนหัวมากขึ้น สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจหยิบเอ็มพีสามขึ้นมาอุดหู หันหน้าออกไปทางหน้าต่างและหลับตาลง

 

           ไม่รู้ว่าฉันนั่งอยู่แบบนั้นนานเท่าไหร่ แต่ฉันก็ต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่ออะไรบางอย่างจิ้มจึ้กๆเข้าที่หัวไหล่ เมื่อฉันหันไป ดวงตาใสแป๋วของชายหนุ่มหน้าหวานก็จ้องสวนกลับมา

 

           “มีอะไร -_-”

 

           “น้าลายเธอไหลแล้ว”

 

ง่ะ O_O น้าลาย? ฉันแตะเบาๆ ที่มุมปากของตัวเอง แต่แล้วก็ไม่พบอะไร

 

          “ขอโทษนะคะ มันจะมีน้ำลายได้ยังไง ในเมื่อฉันไม่ได้หลับ”

 

          ฉันพยายามส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มคนนั้นอย่างไม่ถือสาทั้งที่จริงๆแล้วก็แอบหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย ดวงตาสีดำใสแจ๋วยังคงจ้องตรงมาทางฉัน เรือนผมสีดำปลิวไหวไปตามสายลมที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างที่อยู่ติดกับเขา

 

          “ถ้าเธอไม่ได้หลับก็แปลว่าเธอไม่ได้เรียนโรงเรียนนี้สินะ เอ...แต่ทำไมคนพวกนั้นใส่ชุดเหมือนเธอเลยล่ะ” เด็กหนุ่มคนนั้นเอียงคออย่างน่ารัก ริมฝีปากบางเม้มน้อยๆใบหน้าขาวใสเปล่งประกายราวกับมีออร่า

 

         ยิ่งจ้องยิ่งหล่อ หุหุ -,,- เอ...แต่เมื่อกี้เขาว่าอะไรนะ

 

         ฉันเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างและก็พบว่ารถเมล์คันนี้กำลังจอดอยู่ที่หน้าป้ายโรงเรียนของฉันพอดิบพอดี แล้วตอนนี้ประตูรถก็กำลังจะปิดลง... ฉันกระเด้งตัวออกจากที่นั่งโดยทันที

 

         “ขอโทษนะคะ! ขอทางหน่อยค่ะ! ขอทางหน่อย...ขอโทษค่ะ!” ฉันรีบแทรกตัวเข้าไปท่ามกลางผู้คนมากมายที่บดเบียดกันเสียยิ่งกว่าปลากระป๋องเพื่อที่จะลงจากรถ แต่ประตูก็ปิดสนิทลงอีกครั้งพร้อมกับรถเมล์ที่ค่อยๆเคลื่อนออกไป อ๊ากกกก ไม่นะ T^T

 

         เมื่อมาถึงหน้าประตูรถ ฉันก็กดออดรัวๆ เพื่อหวังให้คนขับรถเมตตาและจอดให้ฉันลง แต่ทว่าที่กลับมากลายเป็นเสียงก่นด่าและประโยคสั้นๆ แต่ทำร้ายหัวใจที่ว่า

 

         “ไปลงป้ายหน้าแล้วเดินเอาซะเถอะอีหนู”

 

         โฮกกกกกกกกก ป้ายหน้ามันข้ามไฟแดงไปเลยนะคะคุณลุง Y____Y

 

         “อ้าว สรุปว่าเธอต้องลงป้ายเมื่อกี้เหรอ ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าเธอหลับนะสิ! ทำไมเธอต้องโกหกฉันด้วย –O-!” ผู้ชายคนที่นั่งอยู่ข้างฉันเมื่อกี้ตะโกนลั่น และเสียงของเขาก็ดังไปทั่วรถเมล์ที่โย้ไปโย้มาอย่างรวดเร็ว ทุกสายตาจ้องตรงมาที่ฉันก่อนที่เสียงหัวเราะเบาๆ จะตามมาเป็นระลอก

 

         “ฉันเปล่าหลับซะหน่อย!” ใบหน้าของฉันร้อนผ่าว ฉันรีบแก้ต่างให้ตัวเองอย่างรวดเร็ว

 

         “เธอหลับ แถมยังนอนน้ำลายไหลด้วย!”

 

         “ฉะ...ฉันเปล่านะ TOT ทำไมนายต้องแกล้งฉันแบบนี้ด้วย เรารู้จักันมาก่อนหรือไง!”

 

         “เราไม่เคยรู้จักกัน เอ๊ะ ไม่สิ! ฉันอาจจะเคยรู้จักกับเธอเมื่อชาติก่อน ไม่รู้แหละแต่เมื่อกี้ฉันเห็นเธอนอนน้ำลายไหลนะ >O<!”

 

         ชายหนุ่มคนนั้นยังคงยืนยันอย่างหนักแน่น ส่วนฉันตอนนี้ไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดอยู่ที่รูไหนแล้ว ระหว่างที่เราสองคนยังคงโต้เถียงกันข้ามหัวผู้คนนับล้าน รถเมล์ก็จอดนิ่ง สนิทเพราะติดไฟแดง ฉันรีบหันกลับไปให้ความสนใจกับประตูรถอีกครั้ง

 

         “คุณลุงคะ ไฟแดงแล้ว ช่วยเปิดให้หนูลงหน่อยเถอะค่ะ!”

 

         “ไม่ได้หรอกอีหนู เดี๋ยวตำรวจจับ เห็นมั้ย มานู่นแล้วน่ะ!”

 

         ฉันพยายามมองหาตำรวจตามที่คุณลุงคนขับบอก แต่ด้วยผู้คนยุ่บยั่บทำให้ฉันมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหัวดำๆ ฉันจ้องมองประตูด้วยสายตาละห้อย

 

         “ผู้หญิงขี้โกหกแบบเธอสมควรโดนแบบนี้นแล้วล่ะ แบร่!” ผู้ชายคนนั้นยังไม่ยอมสงบศึกกับฉันง่ายๆ น้ำเสียงค่อนข้างทุ้มของเขาแทรกผ่านสายลมมาอีกครั้ง ฉันหันขวับไปทางเขา สองมือเท้าเอวโดยอัตโนมัติ

 

         “นายจะเอายังไงกับฉันกันแน่ ฉันก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้โกหก ฉันไม่ได้หลับ!”

 

         “เธอหลับ”

 

         “ฉันไม่ได้หลับ”

 

         “เธอนอนหลับ น้ำลายไหลด้วย –O-”

 

         “เอ๊ะ ก็บอกว่าเปล่าไง!” ฉันเริ่มมีน้ำโหกับหนุ่มคนนี้เพราะเขายังคงทำตัวดื้อดึงราวกับเด็กสามขวบ!

 

         “ยัยขี้โกหก”

 

         “เอ๊ะ ไอ้บ้านี่ ฉันบอกว่าเปล่าก็เปล่าสิวะ!”

 

         “ผู้หญิงอะไรพูดจาไม่เพราะเลย -_-' ”

 

         “นะ...นี่นายบังอาจด่าฉันเหรอ!” แขนขวาถูกยกขึ้นโดยอัตโนมัติ นิ้วเรียวชี้ตรงไปยังหน้าของเขาในทันที แต่ก่อนที่ฉันจะทันได้เอ่ยอะไรออกไป

 

         “เฮ้ย! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันสั่งให้แกหยุดยังไงเล่า ไอ้บ้าเอ๊ย วิ่งเร็บชิบ!”

 

         เสียงสบถด่าที่มาจากภายนอกรถหยุดการโต้เถียงของเราสองคนได้อย่างชะงักงันฉันก้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อที่จะส่องผ่านกระจกบริเวณประตู แล้วก็พบว่าร่างสูงโปร่งของชายคนหนึ่งกำลังวิ่งผ่านรถไปอย่างรวดเร็วโดยไม่คิดชีวิต แล้วมีชายอีกสองคนวิ่งตาม คนหนึ่งถือกระดาษที่ม้วนจนกลายเป็นแท่งแข็งๆ เอาไว้ในมือ

 

         “ไอ้เขื่อน!” เสียงตะโกนของคู่กรณีดังขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้ดูเหมือนประเด็นของเขาจะเปลี่ยนไป ดวงตาสีดำจ้องตรงไปยังร่างสามร่างที่วิ่งผ่านรถเมล์ฟรีคันนี้ไปราวกับสายลม ร่างสูงโปร่งผุดลุกขึ้นทันที

 

         “ลุงเปิดประตูรถเร็ว!”

 

         “ไอ้เด็กพวกนี้ ฉันบอกแล้วว่าไม่เปิดก็คือไม่เปิดสิวะ ชักคำราญ” เสียงสบถอุบทำให้ฉันรู้สึกผวาน้อยๆแต่ดูเหมือนหนุ่มน้อยคนนั้นจะไม่กลัว

 

         “แต่เพื่อนผมกำลังจะตายนะฮะ ผมต้องลงไปช่วย”

 

         “ก็แค่เด็กวัยรุ่นตีกันธรรมดา”

 

         “ลุงนี่ใจร้ายมาก จำไว้เลย ลุงจะไม่มีวันเห็นหน้าผมอีก ผมจะไม่ขึ้นรถเมล์คันนี้และจะสั่งห้ามเพื่อนๆ ขึ้นด้วย!”

 

         “ไอ้เด็กบ้านี่ชักจะวอนหาเรื่อง แกจะขึ้นหรือไม่ขึ้นก็เรื่องของแก ลงจากรถของฉันไปเลยไป!” คุณลุงคนตะโกนกลับมา ใบหน้าขาวใสของเด็กหนุ่มคนนั้นบึ้งตึงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะถลาเข้าไปที่หน้าต่างและเปิดหน้าต่างขึ้นจนสุด ก่อนจะถอยกลับมายืนห่างจากหน้าต่างบานนั้นอีกประมาณหนึ่งช่วงตัวของเขา

 

         นั่นเขาจะทำอะไรน่ะ O_O

 

         “นั่นแกจะทำอะไร” คุณลุงคนขับคิดแบบเดียวกับฉัน ริมฝีปากของเด็กหนุ่มเหยียดยิ้มบาง

 

         “ก็ลงจากรถไปอย่างที่ลุงบอกไงเล่า! ลาล่ะฮะ ^O^” ว่าแล้วผู้ชายคนนั้นก็พุ่งหลาวออกจากหน้าต่างรถ ด้วยความที่ตัวของเขาค่อนข้างโปร่งและบางทำให้สามารถลอดออกไปได้โดยไม่ติดขัด ฉันรีบถลาเข้าไปเกาะกระจกประตูเพื่อดูเขาทันที เด็กหนุ่มม้วนหน้ากลางอากาศหนึ่งตลบก่อนจะดิ่งลงสู่พื้นอย่างงดงาม

 

         เสียงฮือฮาดังขี้นพร้อมกันทั่วทั้งรถ ฉันจ้องมองไปยังร่างสูงสง่านั้นด้วยอาการอ้าปากค้าง เด็กหนุ่มโค้งตัวลงเล็กน้อยก่อนจะหันมาทางฉันและแย้มยิ้มสดใส

 

         “แล้วเจอกันใหม่นะ ยัยขี้โกหก” ไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเหลืองและเขียวตามลำดับก่อนที่รถเมล์นรกจะเริ่มเคลื่อนที่อีกครั้งพร้อมกับร่างของเด็กหนุ่มคนนั้นหายไป ใบหน้าหวานของเขายังคงติดตา และไหนจะเสียงนั่นอีก

 

         'ยัยขี้โกหก' ทำไมครั้งสุดท้ายที่เขาพูดคำนี้ ฉันถึงไม่รู้สึกว่ามันเป็นคำด่านะ?

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา