Whirligig : #1 อาถรรพ์ผีคุณไสย(The sorcery)
-
6) ห้องพยาบาล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความห้องพยาบาล
มัน....เป็นห้องที่มีความลับซุกซ่อนอยู่
มัน....เป็นห้องที่เก็บความลับไว้ทุกอย่าง
มัน....เป็นห้องที่มีกลิ่นไอของความเร้นลับ
มัน....เป็นห้องที่มีโศกนาฏกรรม
ห้องนี้มีแต่......คนตาย !!?
“พี่พร้อมที่จะฟังเรื่องของผมแล้วใช่มั้ยครับ” โจเดินไฟปิดไฟเพื่อให้บรรยากาศในห้องดูสลัวน่ากลัว
“อืม” เพทายพยักหน้าเล็กน้อย เขากอดเข่าพร้อมที่จะฟังเรื่องของโจอย่างตั้งใจ
“เรื่องแรก.....”
20 ปีก่อน
“ตั้งแต่เมื่อไร” การะเกดนั่งจ้องวิสุทธิ์อย่างไม่วางตา
“ประมาณ 1 ปีก่อน” วิสุทธิ์ตอบคนตรงหน้าอย่างเอือมระอา
“ฮึ!!? 1 ปี นี่ฉันโง่ให้คุณสวมเขาตั้ง1 ปี เลยเรอะ” แววตาของการะเกดลุกวาวด้วยความโกรธ
“ก็คุณมันไม่ได้เรื่องนี่ ทั้งเรื่องงานบ้าน แล้วก็เรื่อง....บนเตียง” วิสุทธิ์พูดเย้ยหยันและแผ่วเบาโดยเฉพาะประโยคสุดท้าย
ปึ้ง!!?
เธอเขวี่ยงนิตยสารใส่หน้าเขาอย่างไม่ไยดี ดวงตาของเธอลุกโชนเป็นสีแดง น้ำตาที่บ่งบอกถึงความทุกข์ที่อัดอั้นไว้เริ่มหลั่งออกมา
“ออกไปให้พ้น” มือของเธอเริ่มกำแน่นจนเล็บเริ่มจิกเข้าไปในเนื้อ
“แล้วเรื่องของเร...”
เพี้ย!?
ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดจบ การะเกดก็ลุกขึ้นตบหน้าเขาด้วยความคั่งแค้น
“ฉันจะหย่า คุณอยากอยู่กับมันก็อยู่ไป” เธอบอกความต้องการของตนเอง
“ก็ดี อะไรๆจะได้ลงตัว” เขาพูดอย่างไม่รู้สึกรู้สา
ซ่า!!? โอ้ย!!! เพล้ง!?
“คุณทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย” เสียงของวิสุทธิ์โอดครวญ เพราะถูกการะเกดเอาน้ำในแก้วสาดหน้า ต่อจากนั้นเธอก็บำบัดความโกรธด้วยการเขวี่ยงแก้วใส่หน้าวิสุทธิ์ ด้วยความที่เขาคิดว่าเธอไม่น่าจะกล้าทำอะไรถึงขนาดนี้เขาจึงจึงไม่ทันได้หลบ ทำให้หน้าผากของเขาโดนแก้วน้ำที่เขวี้ยงมาอย่างจัง
“เพราะคุณเป็นแบบนี้ไง ถึงไม่มีใครทนอยู่กับคุณได้” วิสุทธิ์เอามือปิดแผลที่หน้าผาก เขามองมือของตนเองที่มีแต่เลือดอย่างสะอิดสะเอียน
“ออกไปซะ ก่อนที่ฉันจะฆ่าคุณตายในห้องพยาบาลโรงเรียน” เธอพูดเสียงต่ำมองหน้าเขาอย่างเฉยชา
ไวเท่าคำพูด วิสุทธิ์รีบลุกออกจากห้องนั้นไปทันที การะเกดมองวิสุทธิ์ที่กระวนกระวายออกจากห้อง เมื่อประตูปิดลงหล่อนนั่งร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง หลังจากร้องไห้จนแทบไม่เหลือน้ำตา เธอก็เอาแต่นั่งเงียบเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง แล้วก็เดินออกจากห้อง ไม่นานนักเธอก็เดินกลับเข้ามาในห้อง พร้อมกับของบางอย่าง มันคือ
เชือกไนลอน!?
ดวงตาของหล่อนยังคงแดงก่ำและอิดโรยเนื่องจากผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก แฝงเข้าไปในแววตานั้นดูว่างเปล่าแทบไม่เหลือเค้าโครงของการชีวิต ถ้าไม่ได้ยินเสียงลมหายใจของเธอที่หอบจากการเดิน
เธอลากเก้าอี้แล้วยื่นบนนั้น เอาเชือกไปผูกกับขื่อพัดลม ตรงปลายเชือกมัดเป็นบ่วงเพื่อห้อยของบางอย่าง หล่อนจับเชือกแล้วก้มมุดหัวตัวเองเข้าไปในห่วงเชือกไนลอน จากนั้นก็.....
ตุ๊บ!!??
ความทรมานทั้งหมดที่มีมาทั้งหมดจะจบลงในวันนี้หล่อนคิดเช่นนั้น แต่ความจริงหาได้เป็นอย่างที่เธอคิด เมื่อเทียบกับสิ่งที่หล่อนทำในตอนนี้ หล่อนหายใจไม่ออกกับสิ่งที่ผูกรัดคออยู่ มือของเธอพยายามจะแกะสิ่งนั้นออกไป ดวงตาที่เบิกโพลงบ่งบอกว่าอยากมีชีวิต ปากที่ซีดเขียวเริ่มอ้ากว้างขึ้น นิ้วเท้าเกร็งจนหงิกงอ
การะเกดเริ่มมีอาการชัก ร่างของเธอดิ้นพราดดวงตาของหล่อนเบิกกว้างจนแทบถลน
ช่วย...ฉันด้วย ฉัน...ไม่อยาก...ตาย
เฮือก!?
เป็นคำพูดที่ไม่อาจมีใครได้ยิน ซึ่งจากไปพร้อมกับลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเธอ
“โคตรน่ากลัวอ่ะ ฆ่าตัวตายแต่ไม่อยากตายกลางคันซะงั้น แต่สุดท้ายก็ตายอยู่ดี” เพทายนั่งกอดเข่ามองดูรอบข้างอย่างหวาดระแวง
“แล้วพี่รู้รึป่าวต่อจากนั้น เกิดอะไรขึ้น” โจไม่ตอบคำถามของเพทายแต่เขากลับบอกปริศนาของเรื่องนี้แทน
เพทายส่ายหน้าแทนคำตอบ
“วันที่อาจารย์การะเกดผูกคอตายในห้องพยาบาลนี้เป็นวันแรกของการปิดเทอมภาคฤดูร้อน เพราะฉะนั้นศพของอาจารย์เลยแขวนอยู่ในห้องนี้ 3 เดือนเต็ม ยิ่งกว่านั้นใ........” โจเว้นคำพูดไว้ระยะหนึ่ง
“ยิ่งกว่านั้น?” เพทายขมวดคิ้วอย่างงงงวย
“ตอนพวกอาจารย์กับภารโรงพบร่างอาจารย์การะเกดที่แขวนคอบนขื่อในห้องพยาบาล สภาพศพคือ ส่วนหัวกับคอผูกกับเชือกไนลอน มีแมลงวันตอมเป็นฝูง หนอนไชยั้วเยี้ยออกมาจากตาแล้วก็ปาก ร่างที่ขาดแยกส่วนตั้งแต่ส่วนไหปลาร้ากองอยู่กับพื้นซึ่งเต็มไปสิ่งปฏิกูลสีเหลือง ที่ออกมาช่องคอของไหปลาร้าที่เปิดกว้างอยู่ คราบเลือดที่ไหลอยู่เต็มพื้นห้อง ส่วนกลิ่นไม่ต้องพูดถึงเลยพี่”
“อืมเนอะ ปิดเทอมนน้าร้อนด้วยศพคงจะเน่าเร็ว” หน้าของเพทายเหยเก เขาเอามือลูบคอตัวเองอย่างหวาดๆ
“ส่วนวิสุทธิ์กับหญิงชู้รักของเขา เป็นอย่างยังไงพี่รู้มั้ย” โจน้อมตัวเข้าใกล้เพทาย
เพทายยังคงส่ายหน้าแทนคำตอบเหมือนเดิม
“ฝ่ายหญิงเข้าโรงพยาบาลบ้า ปากพร่ำเพ้อพูดแต่คำว่า ฉันไม่ได้แย่งผัวแก ส่วนฝ่ายชายก็เป็นบ้าเหมือนกัน แต่เขาตายในห้องผู้ป่วย สภาพศพปกติไม่มีร่องรอยการถูกทำร้าย เพียงแต่หน้าของศพนั้นบ่งบอกถึงการกลัวสุดชีวิตก่อนจะสิ้นใจ ตาที่เหลือกเบิกกว้างมากกว่าปกติ มือที่หงิกงอจากการหวาดกลัวจนเกร็ง ด้วยความที่ศพนั้นอ้าปากกว้าง เจ้าหน้าที่ชันสูตรจึงพบของสิ่งหนึ่งอยู่ในปากของวิสุทธิ์” โจยิ้มเย็นจ้องหน้าเพทาย
“มันคืออะไรอ่ะ” เพทายจ้องโจกลับด้วยสีหน้าเริ่มซีด
“เชือกไนลอน”
“เชือกไนลอน!? เขาต้องการแก้แค้นเหรอ”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ เจ้าหน้าที่ชันสูตรก็เลยลองดึงเชือกออกปากของศพ ปรากฏว่าพอสาวออกมาเรื่อยๆก็ไม่มีท่าทีว่าจะพบปลายสุดของเชือกไนลอนเส้นนี้ เมื่อผ่าศพออกมาก็พบเชือกไนลอนขดอยู่ในกระเพาะอีกหลายเมตร”
“เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงเหรอ”
“ครับ มันเป็นเรื่องจริงของห้องพยาบาลโรงเรียนอรุณปัญญา” โจพูดเสียงเย็น
“ต่อมาเรื่องที่ 2 นะครับ”
13 ปีก่อน
ฉันแอบหลงรักรุ่นพี่คนหนึ่ง เขาอยู่ชมรมบาสมีผู้หญิงมาติดพันตัวเขามากมาย แต่ฉันก็ยังหวังลึกๆ ว่ารุ่นพี่จะชอบฉันขึ้นมาบ้าง ในวันวาเลนไทน์ ฉันก็เลยทำช็อกโกเลตให้รุ่นพี่คนนั้น
“พี่เต้ยค่ะ แนนแอบชอบพี่ค่ะ เป็นแฟนกับแนนได้มั้ยค่ะ” ฉันยื่นกล่องช็อกโกเลตไปให้เขา เขาหยิบกล่องช็อกโกเลตไปจากมือ ฉันดีใจมากจนขาสั่นแทบยืนไม่อยู่ แต่แล้ว.....
ผัวะ!!?
เขาปากล่องใส่หน้าฉันแล้วพูดว่า “น้ำหน้าอย่างเธอเรอะ จะเป็นแฟนฉัน เก็บตังค์ไปทำศัลยกรรมก่อนเถอะ รึไม่ก็ไปตายแล้วเกิดใหม่ซะ”
ทันทีที่เขาเดินจากไป ฉันร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด มันเป็นความทรมานที่จะทน ฉันพร่ำคิดอยู่ในหัวว่าทั้งๆที่ฉันปลื้มเขามาตลอด ทั้งๆที่ฉันรักเขาเสมอ แล้วนี่เหรอ คือสิ่งที่เขาทำกับฉัน มันคือสิ่งที่ฉันควรจะได้รับจริงๆเหรอ
“นี่เป็นข้อความในไดอารี่ จากเด็กสาวที่ชื่อว่า แนน ครับ” โจยื่นสมุดไดอารี่เก่าๆสีแดง ให้เพทายดู
“นายไปเอามันจากไหนอ่ะ” เพทายขมวดคิ้วดูไดอารี่สีแดงราวกับเลือดที่อยู่ในมือโจ
“แล้วพี่รู้มั้ยครับ เรื่องต่อจากนี้เป็นยังไง” โจไม่ตอบคำถามเพทาย แต่กลับตั้งคำถามให้เพทายคิด
“เด็กสาวคนนั้นจึงได้นัดรุ่นพี่ที่ชอบแอบมาอีกครั้ง” โจยังเล่าเรื่องต่อไป
“นัดมาเพื่อตื้อ ขอความรักเหรอ” ความสงสัยของเพทายเริ่มเพิ่มมากขึ้น
“ก็ไม่เชิงนะครับ” โจพูดอย่างมีเลศนัย
“พี่ค่ะ ทำไมพี่ถึงไม่รับรักหนู” เด็กสาวพูดทั้งน้ำตาอาบแก้ม
“ก็ฉันไม่ชอบเธออ่ะ แล้วนัดมาที่ห้องพยาบาลเนี่ยเนี่ยกะจะให้ท่าฉันเหรอไง” เด็กหนุ่มพูดประชดอย่างรำคาญ
“แล้วจะมีวันไหนที่หนูได้หัวใจของพี่ค่ะ” เด็กสาวถาม
“คงจะไม่มีวันนั้นหรอก” เด็กหนุ่มยิ้มเยาะ มองเด็กสาวตรงหน้าอย่างไร้เยื่อใย
“งั้นวันนี้หนูจะเอาหัวใจของพี่ไปให้ได้” พอพูดจบเด็กสาวก็เอามีดคัตเตอร์ที่อยู่บนโต๊ะปักอกเด็กหนุ่ม
ฉึก!?
อ๊ากกกกก!!!!!!!!!!!!!
เด็กหนุ่มร้องด้วยความเจ็บปวด เขากลั้นใจดึงมีดคัตเตอร์ออกจากอก แล้วพยายามคลานหนีออกมาห้องพยาบาล แต่ห้องพยาบาลถูกล็อค ดูจากสภาพเด็กหนุ่มแล้วคงยืนเพื่อปลดล็อคไม่ไหว
“ช่วย…ด้วย ใคร….ก็...ได้...ช่วย...ฉันด้วย” เขาหันมองเด็กสาวที่เก็บมีดคัตเตอร์ที่เขาปาออกไป
“เธอจะทำอะไรฉัน” เด็กหนุ่มถาม
“ก็จะเอาหัวใจของพี่มาเป็นของหนูไงค่ะ” เด็กสาวเอียงคอยิ้มให้เขา
เด็กหนุ่มเข้าใจความหมายนั้นทันทีโดยไม่ต้องมีใครบอก
“โรคจิตชัดๆ เธอมันบ้า อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ” เด็กหนุ่มพูดพลางขยับตัวหนีห่างจากเด็กสาว “ก็มันเพราะใครล่ะ ที่หนูทำไปทั้งหมดเพราะหนูรักพี่คนเดียวเท่านั้น....เท่านั้น...จนไม่อยากให้ใครได้ตัวพี่ไปไงล่ะ” เด็กสาวพูดเสียงทั้งน้ำตา แล้วเธอก็..............
อ๊ากกก!?
“เป็นไรครับ พี่เพทายร้องซะลั่นเลย” โจมองเพทายอย่างเหวอๆ
“ไม่ฟังแล้ว ทำไมเรื่อง 2 น่ากลัวกว่าเรื่องแรก แม่งยังมาตกรโรคจิต” เพทายคลุมโปง กอดเข่า และเอานิ้วอุดหู
“อ้าว มันก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปสิครับ เพิ่มความน่ากลัวไปเรื่อยๆ” โจกล่าว
“มันเป็นเรื่องของห้องพยาบาลนี้จริงๆเหรอ” เพทายมองรอบข้างอย่างระแวง
แม่ง!! ห้องนี้มีแต่คนตายไงว่ะ
แต่ละเรื่องที่ไอ้เด็กนี่ โคตรสยองอ่ะ
“ทำไมฉันไม่เคยได้ข่าวเรื่องพวกนี้เลยล่ะ” เขาถาม
“ก็เรื่องแบบนี้ จำเป็นต้องปิดไว้นี่ครับ ขืนคนอื่นรู้เขา จะพาลูกเขามาเรียนที่นี่เหรอคับ?” โจมองหน้าอย่างใสซื่อ
อ้าว! เหมือนว่าพ่อแม่เราโง่เลย ที่ส่งเรามาเรียนที่นี่
“พี่ไม่รู้อะไร คนที่ตายในโรงเรียนนี้นะมีเยอะกว่าที่พี่คิดอีกนะครับ” เสียงของโจเริ่มต่ำอีกครั้งเพื่อสร้างบรรยากาศ
“อืม ก็โรงเรียนตั้งมา 50 ปี แล้วนิ ไม่มีคนตายก็แปลกอยู่” เพทายยังคงกอดเข่าตัวเองอยู่
“งั้นผมเล่าเรื่อง 2 ต่อจากเมื่อกี้เลยนะครับ” โจหรี่ตามองเพทายอย่างขอความเห็น
“ไม่อยากฟังแล้วอ่ะ กลั๊วววววววววววว” เพทายส่ายหน้า
เขาอยากจะวิ่งหนีออกจากห้องพยาบาลหลอนนี้ ให้รู้แล้วรู้รอด แต่ขามันไม่ยอมขยับนะสิ โจก็ยังคงเล่าเรื่องของพยาบาลต่อไปโดยไม่ฟังคำคัดค้านของเพทายเลยสักนิดเดียว
แล้วเธอก็ง้างมีดคัตเตอร์เข้าหาเด็กหนุ่ม หมายจะเอาชีวิตเขา
“อย่าๆ ฆ่าฉันเลยนะ..นะ ฉันๆ จะ..เป็นแฟนกับเธอ..นะ อย่าฆ่าฉัน ที่ผ่านมา....ฉันขอโทษ” เด็กหนุ่มพูดทั้งน้ำตาด้วยความเจ็บปวดจากแผลที่อกเพื่อร้องขอชีวิต เลือดจากแผลที่หน้าอกของเขาไหลออกมาไม่หยุด มันไหลเหมือนกับว่าจะท่วมพื้นห้องพยาบาลทั้งหมด สติของเขาเริ่มเลือนราง เขาชันตัวขึ้นมองหน้าเด็กสาวที่กำลังเดินมาหาตนเอง
“มันสายไปแล้วค่ะ” มันทำให้ความหวังในใจของเขาดับวูบ
ม่ายยยยยยยยยยยย!!!!!!
ฉึก?!
อ๊ากกกกกก!
“ในที่สุด หนูก็ได้หัวใจของพี่แล้ว” เด็กสาวใช้มือควักหัวใจออกมาจากอกที่เหวอะหวะของร่างเด็กหนุ่มที่ไร้วิญญาณ เธอก็เอาหัวใจดวงนั้นเข้าปาก แล้วค่อยๆเคี้ยว....ค่อยๆเคี้ยว แล้วเธอก็กลืนลงไป
“กินหัวใจสดๆ เนี่ยนะ เพื่ออะไร” เพทายรู้สึกอยากอ้วกเสียเต็มประดาเมื่อนึกภาพตาม
“เพื่อจะได้เป็นเจ้าของ หัวใจของคนที่ตนเองรักตลอดไปมั้งครับ” โจกล่าวเหมือนไม่รู้สึกรู้สากับความน่ากลัวของเรื่องที่ตนเองเล่า
พอเธอกลืนหัวใจชายที่ตนเองรักลงไปแล้ว เด็กสาวก็เดินไปที่ตู้ยา ซึ่งในตอนนี้ทั่วพื้นห้องพยาบาลมีแต่เลือดของเด็กหนุ่มที่เธอเคยรัก
เธอหยิบยาแก้แพ้ออกมาและรินน้ำจากเหยือกพลาสติกที่อยู่บนโต๊ะ
เด็กสาวนั้งบนเก้าอี้ เธอค่อยๆหยิบยากิน ทีละเม็ด....ทีละเม็ด.....ทีละเม็ด
และเธอก็ตายลงในที่สุด
จากการสันนิษฐานของแพทย์ เธอกินยาแก้แพ้ไม่ต่ำกว่า 50 เม็ด
“แล้วก็เรื่องที่ 3 มันเป็นเรื่อง เมื่อ 6 ปีก่อนครับ” โจพูด
“ไม่ค่อยนานนะ คราวนี้ใครตายล่ะ” เพทายตั้งใจฟังโจเล่า ถึงแม้ว่าจะมีความกลัวอยู่เต็มจิตใจ
“เด็กในชมรมฟุตบอลครับ” เสียงของโจเริ่มเย็นสะท้าน
ช่วงนั้นเป็นการซ้อมแข่งบอล เพื่อไปแข่งระดับภาคครับ จึงมีแข่งซ้อมบอลตอนเย็นทุกวัน ตอนนั้นเองมีเด็กม.1 ที่มีฝีเท้าดีมากจนเป็นศูนย์หน้า เขาเป็นอัจฉริยะทางด้านฟุตบอลเลยกว่าได้
ในระหว่างการซ้อมอยู่นั้น ตอนที่เขาแย่งบอลเพื่อจะพยายามจะยิงประตู แต่เขาถูกเพื่อนผลัก หัวฟาดเสาโก สลบคาที่
สลบคาที่...งั้นเหรอ เรียกว่า ตายคาที่ ดีกว่ามั้ง
เพราะไม่มีใครรู้ว่า เด็กคนนั้นเลือดคั่งในสมองตาย ตอนที่หัวฟาดเสาโก
พวกเพื่อนๆและอาจารย์ คิดว่าเขาแค่สลบธรรมดา จึงไปห้องพยาบาล แต่พออาจารย์ห้องพยาบาลลองจับชีพจร ก็รู้เลยว่า เด็กคนนั้นได้เสียชีวิตแล้ว
“จบแค่นี้เองเหรอ”เพทายมองหน้าโจอย่างงงๆ
“ครับ แค่นี้เอง” โจยิ้มให้เพทาย
“งั้นพี่ไปก่อนนะ ขาก็หายเจ็บแล้ว ป่านนี้เพื่อนกลับบ้านกันหมดแล้วมั้ง” เพทายพูดพร้อมลงมาจากเตียงและกำลังเดินออกจากห้องพยาบาล
“ขอโทษนะครับ ที่เรื่องของผมมันสั้นไปหน่อย” โจพูดด้วยเสียงที่เย็นวาบไปถึงสันหลัง
“หืม อะไรนะ” เพทายหันหลังกลับมา
จู่ๆ ลูกบอลที่อยู่ข้างๆ โจ ก็กลิ้งมาหาเพทาย ลูกบอลนั้น ค่อย..ค่อย กลิ้งมา......กลิ้งมาแล้วลูกบอลนั้น มันก็กลาย เป็น ศีรษะ!? ของผู้หญิง
เพทายตกใจมากจนไปกองอยู่กับพื้น เขากลัวจนไม่มีเสียงออกมาปาก
มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย
แล้วหัวนั้นก็หันหน้ามาทางเพทาย ทำให้เขาเห็นใบหน้าของศีรษะนั้นเต็มๆ
อุ๊บ!!! เพทายรู้สึกขยะแขยงจนแทบเอามืออุดไม่ทัน ใบหน้าของหัวผู้หญิงมีแต่ความเหวอะหวะเน่าเละแถมยังมีหนอนชอนไช อยู่เต็มใบหน้า
“ผมคิดว่า คงได้เวลาเอาชีวิตของพี่แล้วครับ” โจกอดอกฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์
“จงตายอย่างหวาดกลัวซะเถอะ” ถ้าสังเกตดูให้ดีจะเห็นเลือดไหลออกมาจากหูทั้งสองข้างของโจ มันยังคงไหลเรื่อยๆจนเลอะเสื้อกีฬาเป็นทาง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาคือ เด็กในเรื่องที่ 3 นั่นเอง
“ ฉันกลัวแล้ว อย่ามาหลอกมาหลอนเลยนะ เดี๋ยวทำบุญไปให้” เพทายนั่งอึ้งกับสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความกลัว
“ขอโทษนะครับ พอดีเจ้านายผมอยากให้คุณตาย แล้วผมก็ขัดคำสั่งไม่ได้ซะด้วยสิครับ” พอโจพูดจบ ทั่วพื้นห้องพยาบาลก็เต็มไปด้วยเลือด
เพทายกลัวจนแทบสติแตก ฉับพลันเขาเห็นผู้หญิงที่คลานออกมาจากเตียงราวกับจูออนก็ไม่ปาน แล้วยังมีน้ำลายที่ฟูมปากอีก
ว๊ากกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!
มัน....เป็นห้องที่มีความลับซุกซ่อนอยู่
มัน....เป็นห้องที่เก็บความลับไว้ทุกอย่าง
มัน....เป็นห้องที่มีกลิ่นไอของความเร้นลับ
มัน....เป็นห้องที่มีโศกนาฏกรรม
ห้องนี้มีแต่......คนตาย !!?
“พี่พร้อมที่จะฟังเรื่องของผมแล้วใช่มั้ยครับ” โจเดินไฟปิดไฟเพื่อให้บรรยากาศในห้องดูสลัวน่ากลัว
“อืม” เพทายพยักหน้าเล็กน้อย เขากอดเข่าพร้อมที่จะฟังเรื่องของโจอย่างตั้งใจ
“เรื่องแรก.....”
20 ปีก่อน
“ตั้งแต่เมื่อไร” การะเกดนั่งจ้องวิสุทธิ์อย่างไม่วางตา
“ประมาณ 1 ปีก่อน” วิสุทธิ์ตอบคนตรงหน้าอย่างเอือมระอา
“ฮึ!!? 1 ปี นี่ฉันโง่ให้คุณสวมเขาตั้ง1 ปี เลยเรอะ” แววตาของการะเกดลุกวาวด้วยความโกรธ
“ก็คุณมันไม่ได้เรื่องนี่ ทั้งเรื่องงานบ้าน แล้วก็เรื่อง....บนเตียง” วิสุทธิ์พูดเย้ยหยันและแผ่วเบาโดยเฉพาะประโยคสุดท้าย
ปึ้ง!!?
เธอเขวี่ยงนิตยสารใส่หน้าเขาอย่างไม่ไยดี ดวงตาของเธอลุกโชนเป็นสีแดง น้ำตาที่บ่งบอกถึงความทุกข์ที่อัดอั้นไว้เริ่มหลั่งออกมา
“ออกไปให้พ้น” มือของเธอเริ่มกำแน่นจนเล็บเริ่มจิกเข้าไปในเนื้อ
“แล้วเรื่องของเร...”
เพี้ย!?
ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดจบ การะเกดก็ลุกขึ้นตบหน้าเขาด้วยความคั่งแค้น
“ฉันจะหย่า คุณอยากอยู่กับมันก็อยู่ไป” เธอบอกความต้องการของตนเอง
“ก็ดี อะไรๆจะได้ลงตัว” เขาพูดอย่างไม่รู้สึกรู้สา
ซ่า!!? โอ้ย!!! เพล้ง!?
“คุณทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย” เสียงของวิสุทธิ์โอดครวญ เพราะถูกการะเกดเอาน้ำในแก้วสาดหน้า ต่อจากนั้นเธอก็บำบัดความโกรธด้วยการเขวี่ยงแก้วใส่หน้าวิสุทธิ์ ด้วยความที่เขาคิดว่าเธอไม่น่าจะกล้าทำอะไรถึงขนาดนี้เขาจึงจึงไม่ทันได้หลบ ทำให้หน้าผากของเขาโดนแก้วน้ำที่เขวี้ยงมาอย่างจัง
“เพราะคุณเป็นแบบนี้ไง ถึงไม่มีใครทนอยู่กับคุณได้” วิสุทธิ์เอามือปิดแผลที่หน้าผาก เขามองมือของตนเองที่มีแต่เลือดอย่างสะอิดสะเอียน
“ออกไปซะ ก่อนที่ฉันจะฆ่าคุณตายในห้องพยาบาลโรงเรียน” เธอพูดเสียงต่ำมองหน้าเขาอย่างเฉยชา
ไวเท่าคำพูด วิสุทธิ์รีบลุกออกจากห้องนั้นไปทันที การะเกดมองวิสุทธิ์ที่กระวนกระวายออกจากห้อง เมื่อประตูปิดลงหล่อนนั่งร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง หลังจากร้องไห้จนแทบไม่เหลือน้ำตา เธอก็เอาแต่นั่งเงียบเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง แล้วก็เดินออกจากห้อง ไม่นานนักเธอก็เดินกลับเข้ามาในห้อง พร้อมกับของบางอย่าง มันคือ
เชือกไนลอน!?
ดวงตาของหล่อนยังคงแดงก่ำและอิดโรยเนื่องจากผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก แฝงเข้าไปในแววตานั้นดูว่างเปล่าแทบไม่เหลือเค้าโครงของการชีวิต ถ้าไม่ได้ยินเสียงลมหายใจของเธอที่หอบจากการเดิน
เธอลากเก้าอี้แล้วยื่นบนนั้น เอาเชือกไปผูกกับขื่อพัดลม ตรงปลายเชือกมัดเป็นบ่วงเพื่อห้อยของบางอย่าง หล่อนจับเชือกแล้วก้มมุดหัวตัวเองเข้าไปในห่วงเชือกไนลอน จากนั้นก็.....
ตุ๊บ!!??
ความทรมานทั้งหมดที่มีมาทั้งหมดจะจบลงในวันนี้หล่อนคิดเช่นนั้น แต่ความจริงหาได้เป็นอย่างที่เธอคิด เมื่อเทียบกับสิ่งที่หล่อนทำในตอนนี้ หล่อนหายใจไม่ออกกับสิ่งที่ผูกรัดคออยู่ มือของเธอพยายามจะแกะสิ่งนั้นออกไป ดวงตาที่เบิกโพลงบ่งบอกว่าอยากมีชีวิต ปากที่ซีดเขียวเริ่มอ้ากว้างขึ้น นิ้วเท้าเกร็งจนหงิกงอ
การะเกดเริ่มมีอาการชัก ร่างของเธอดิ้นพราดดวงตาของหล่อนเบิกกว้างจนแทบถลน
ช่วย...ฉันด้วย ฉัน...ไม่อยาก...ตาย
เฮือก!?
เป็นคำพูดที่ไม่อาจมีใครได้ยิน ซึ่งจากไปพร้อมกับลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเธอ
“โคตรน่ากลัวอ่ะ ฆ่าตัวตายแต่ไม่อยากตายกลางคันซะงั้น แต่สุดท้ายก็ตายอยู่ดี” เพทายนั่งกอดเข่ามองดูรอบข้างอย่างหวาดระแวง
“แล้วพี่รู้รึป่าวต่อจากนั้น เกิดอะไรขึ้น” โจไม่ตอบคำถามของเพทายแต่เขากลับบอกปริศนาของเรื่องนี้แทน
เพทายส่ายหน้าแทนคำตอบ
“วันที่อาจารย์การะเกดผูกคอตายในห้องพยาบาลนี้เป็นวันแรกของการปิดเทอมภาคฤดูร้อน เพราะฉะนั้นศพของอาจารย์เลยแขวนอยู่ในห้องนี้ 3 เดือนเต็ม ยิ่งกว่านั้นใ........” โจเว้นคำพูดไว้ระยะหนึ่ง
“ยิ่งกว่านั้น?” เพทายขมวดคิ้วอย่างงงงวย
“ตอนพวกอาจารย์กับภารโรงพบร่างอาจารย์การะเกดที่แขวนคอบนขื่อในห้องพยาบาล สภาพศพคือ ส่วนหัวกับคอผูกกับเชือกไนลอน มีแมลงวันตอมเป็นฝูง หนอนไชยั้วเยี้ยออกมาจากตาแล้วก็ปาก ร่างที่ขาดแยกส่วนตั้งแต่ส่วนไหปลาร้ากองอยู่กับพื้นซึ่งเต็มไปสิ่งปฏิกูลสีเหลือง ที่ออกมาช่องคอของไหปลาร้าที่เปิดกว้างอยู่ คราบเลือดที่ไหลอยู่เต็มพื้นห้อง ส่วนกลิ่นไม่ต้องพูดถึงเลยพี่”
“อืมเนอะ ปิดเทอมนน้าร้อนด้วยศพคงจะเน่าเร็ว” หน้าของเพทายเหยเก เขาเอามือลูบคอตัวเองอย่างหวาดๆ
“ส่วนวิสุทธิ์กับหญิงชู้รักของเขา เป็นอย่างยังไงพี่รู้มั้ย” โจน้อมตัวเข้าใกล้เพทาย
เพทายยังคงส่ายหน้าแทนคำตอบเหมือนเดิม
“ฝ่ายหญิงเข้าโรงพยาบาลบ้า ปากพร่ำเพ้อพูดแต่คำว่า ฉันไม่ได้แย่งผัวแก ส่วนฝ่ายชายก็เป็นบ้าเหมือนกัน แต่เขาตายในห้องผู้ป่วย สภาพศพปกติไม่มีร่องรอยการถูกทำร้าย เพียงแต่หน้าของศพนั้นบ่งบอกถึงการกลัวสุดชีวิตก่อนจะสิ้นใจ ตาที่เหลือกเบิกกว้างมากกว่าปกติ มือที่หงิกงอจากการหวาดกลัวจนเกร็ง ด้วยความที่ศพนั้นอ้าปากกว้าง เจ้าหน้าที่ชันสูตรจึงพบของสิ่งหนึ่งอยู่ในปากของวิสุทธิ์” โจยิ้มเย็นจ้องหน้าเพทาย
“มันคืออะไรอ่ะ” เพทายจ้องโจกลับด้วยสีหน้าเริ่มซีด
“เชือกไนลอน”
“เชือกไนลอน!? เขาต้องการแก้แค้นเหรอ”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ เจ้าหน้าที่ชันสูตรก็เลยลองดึงเชือกออกปากของศพ ปรากฏว่าพอสาวออกมาเรื่อยๆก็ไม่มีท่าทีว่าจะพบปลายสุดของเชือกไนลอนเส้นนี้ เมื่อผ่าศพออกมาก็พบเชือกไนลอนขดอยู่ในกระเพาะอีกหลายเมตร”
“เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงเหรอ”
“ครับ มันเป็นเรื่องจริงของห้องพยาบาลโรงเรียนอรุณปัญญา” โจพูดเสียงเย็น
“ต่อมาเรื่องที่ 2 นะครับ”
13 ปีก่อน
ฉันแอบหลงรักรุ่นพี่คนหนึ่ง เขาอยู่ชมรมบาสมีผู้หญิงมาติดพันตัวเขามากมาย แต่ฉันก็ยังหวังลึกๆ ว่ารุ่นพี่จะชอบฉันขึ้นมาบ้าง ในวันวาเลนไทน์ ฉันก็เลยทำช็อกโกเลตให้รุ่นพี่คนนั้น
“พี่เต้ยค่ะ แนนแอบชอบพี่ค่ะ เป็นแฟนกับแนนได้มั้ยค่ะ” ฉันยื่นกล่องช็อกโกเลตไปให้เขา เขาหยิบกล่องช็อกโกเลตไปจากมือ ฉันดีใจมากจนขาสั่นแทบยืนไม่อยู่ แต่แล้ว.....
ผัวะ!!?
เขาปากล่องใส่หน้าฉันแล้วพูดว่า “น้ำหน้าอย่างเธอเรอะ จะเป็นแฟนฉัน เก็บตังค์ไปทำศัลยกรรมก่อนเถอะ รึไม่ก็ไปตายแล้วเกิดใหม่ซะ”
ทันทีที่เขาเดินจากไป ฉันร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด มันเป็นความทรมานที่จะทน ฉันพร่ำคิดอยู่ในหัวว่าทั้งๆที่ฉันปลื้มเขามาตลอด ทั้งๆที่ฉันรักเขาเสมอ แล้วนี่เหรอ คือสิ่งที่เขาทำกับฉัน มันคือสิ่งที่ฉันควรจะได้รับจริงๆเหรอ
“นี่เป็นข้อความในไดอารี่ จากเด็กสาวที่ชื่อว่า แนน ครับ” โจยื่นสมุดไดอารี่เก่าๆสีแดง ให้เพทายดู
“นายไปเอามันจากไหนอ่ะ” เพทายขมวดคิ้วดูไดอารี่สีแดงราวกับเลือดที่อยู่ในมือโจ
“แล้วพี่รู้มั้ยครับ เรื่องต่อจากนี้เป็นยังไง” โจไม่ตอบคำถามเพทาย แต่กลับตั้งคำถามให้เพทายคิด
“เด็กสาวคนนั้นจึงได้นัดรุ่นพี่ที่ชอบแอบมาอีกครั้ง” โจยังเล่าเรื่องต่อไป
“นัดมาเพื่อตื้อ ขอความรักเหรอ” ความสงสัยของเพทายเริ่มเพิ่มมากขึ้น
“ก็ไม่เชิงนะครับ” โจพูดอย่างมีเลศนัย
“พี่ค่ะ ทำไมพี่ถึงไม่รับรักหนู” เด็กสาวพูดทั้งน้ำตาอาบแก้ม
“ก็ฉันไม่ชอบเธออ่ะ แล้วนัดมาที่ห้องพยาบาลเนี่ยเนี่ยกะจะให้ท่าฉันเหรอไง” เด็กหนุ่มพูดประชดอย่างรำคาญ
“แล้วจะมีวันไหนที่หนูได้หัวใจของพี่ค่ะ” เด็กสาวถาม
“คงจะไม่มีวันนั้นหรอก” เด็กหนุ่มยิ้มเยาะ มองเด็กสาวตรงหน้าอย่างไร้เยื่อใย
“งั้นวันนี้หนูจะเอาหัวใจของพี่ไปให้ได้” พอพูดจบเด็กสาวก็เอามีดคัตเตอร์ที่อยู่บนโต๊ะปักอกเด็กหนุ่ม
ฉึก!?
อ๊ากกกกก!!!!!!!!!!!!!
เด็กหนุ่มร้องด้วยความเจ็บปวด เขากลั้นใจดึงมีดคัตเตอร์ออกจากอก แล้วพยายามคลานหนีออกมาห้องพยาบาล แต่ห้องพยาบาลถูกล็อค ดูจากสภาพเด็กหนุ่มแล้วคงยืนเพื่อปลดล็อคไม่ไหว
“ช่วย…ด้วย ใคร….ก็...ได้...ช่วย...ฉันด้วย” เขาหันมองเด็กสาวที่เก็บมีดคัตเตอร์ที่เขาปาออกไป
“เธอจะทำอะไรฉัน” เด็กหนุ่มถาม
“ก็จะเอาหัวใจของพี่มาเป็นของหนูไงค่ะ” เด็กสาวเอียงคอยิ้มให้เขา
เด็กหนุ่มเข้าใจความหมายนั้นทันทีโดยไม่ต้องมีใครบอก
“โรคจิตชัดๆ เธอมันบ้า อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ” เด็กหนุ่มพูดพลางขยับตัวหนีห่างจากเด็กสาว “ก็มันเพราะใครล่ะ ที่หนูทำไปทั้งหมดเพราะหนูรักพี่คนเดียวเท่านั้น....เท่านั้น...จนไม่อยากให้ใครได้ตัวพี่ไปไงล่ะ” เด็กสาวพูดเสียงทั้งน้ำตา แล้วเธอก็..............
อ๊ากกก!?
“เป็นไรครับ พี่เพทายร้องซะลั่นเลย” โจมองเพทายอย่างเหวอๆ
“ไม่ฟังแล้ว ทำไมเรื่อง 2 น่ากลัวกว่าเรื่องแรก แม่งยังมาตกรโรคจิต” เพทายคลุมโปง กอดเข่า และเอานิ้วอุดหู
“อ้าว มันก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปสิครับ เพิ่มความน่ากลัวไปเรื่อยๆ” โจกล่าว
“มันเป็นเรื่องของห้องพยาบาลนี้จริงๆเหรอ” เพทายมองรอบข้างอย่างระแวง
แม่ง!! ห้องนี้มีแต่คนตายไงว่ะ
แต่ละเรื่องที่ไอ้เด็กนี่ โคตรสยองอ่ะ
“ทำไมฉันไม่เคยได้ข่าวเรื่องพวกนี้เลยล่ะ” เขาถาม
“ก็เรื่องแบบนี้ จำเป็นต้องปิดไว้นี่ครับ ขืนคนอื่นรู้เขา จะพาลูกเขามาเรียนที่นี่เหรอคับ?” โจมองหน้าอย่างใสซื่อ
อ้าว! เหมือนว่าพ่อแม่เราโง่เลย ที่ส่งเรามาเรียนที่นี่
“พี่ไม่รู้อะไร คนที่ตายในโรงเรียนนี้นะมีเยอะกว่าที่พี่คิดอีกนะครับ” เสียงของโจเริ่มต่ำอีกครั้งเพื่อสร้างบรรยากาศ
“อืม ก็โรงเรียนตั้งมา 50 ปี แล้วนิ ไม่มีคนตายก็แปลกอยู่” เพทายยังคงกอดเข่าตัวเองอยู่
“งั้นผมเล่าเรื่อง 2 ต่อจากเมื่อกี้เลยนะครับ” โจหรี่ตามองเพทายอย่างขอความเห็น
“ไม่อยากฟังแล้วอ่ะ กลั๊วววววววววววว” เพทายส่ายหน้า
เขาอยากจะวิ่งหนีออกจากห้องพยาบาลหลอนนี้ ให้รู้แล้วรู้รอด แต่ขามันไม่ยอมขยับนะสิ โจก็ยังคงเล่าเรื่องของพยาบาลต่อไปโดยไม่ฟังคำคัดค้านของเพทายเลยสักนิดเดียว
แล้วเธอก็ง้างมีดคัตเตอร์เข้าหาเด็กหนุ่ม หมายจะเอาชีวิตเขา
“อย่าๆ ฆ่าฉันเลยนะ..นะ ฉันๆ จะ..เป็นแฟนกับเธอ..นะ อย่าฆ่าฉัน ที่ผ่านมา....ฉันขอโทษ” เด็กหนุ่มพูดทั้งน้ำตาด้วยความเจ็บปวดจากแผลที่อกเพื่อร้องขอชีวิต เลือดจากแผลที่หน้าอกของเขาไหลออกมาไม่หยุด มันไหลเหมือนกับว่าจะท่วมพื้นห้องพยาบาลทั้งหมด สติของเขาเริ่มเลือนราง เขาชันตัวขึ้นมองหน้าเด็กสาวที่กำลังเดินมาหาตนเอง
“มันสายไปแล้วค่ะ” มันทำให้ความหวังในใจของเขาดับวูบ
ม่ายยยยยยยยยยยย!!!!!!
ฉึก?!
อ๊ากกกกกก!
“ในที่สุด หนูก็ได้หัวใจของพี่แล้ว” เด็กสาวใช้มือควักหัวใจออกมาจากอกที่เหวอะหวะของร่างเด็กหนุ่มที่ไร้วิญญาณ เธอก็เอาหัวใจดวงนั้นเข้าปาก แล้วค่อยๆเคี้ยว....ค่อยๆเคี้ยว แล้วเธอก็กลืนลงไป
“กินหัวใจสดๆ เนี่ยนะ เพื่ออะไร” เพทายรู้สึกอยากอ้วกเสียเต็มประดาเมื่อนึกภาพตาม
“เพื่อจะได้เป็นเจ้าของ หัวใจของคนที่ตนเองรักตลอดไปมั้งครับ” โจกล่าวเหมือนไม่รู้สึกรู้สากับความน่ากลัวของเรื่องที่ตนเองเล่า
พอเธอกลืนหัวใจชายที่ตนเองรักลงไปแล้ว เด็กสาวก็เดินไปที่ตู้ยา ซึ่งในตอนนี้ทั่วพื้นห้องพยาบาลมีแต่เลือดของเด็กหนุ่มที่เธอเคยรัก
เธอหยิบยาแก้แพ้ออกมาและรินน้ำจากเหยือกพลาสติกที่อยู่บนโต๊ะ
เด็กสาวนั้งบนเก้าอี้ เธอค่อยๆหยิบยากิน ทีละเม็ด....ทีละเม็ด.....ทีละเม็ด
และเธอก็ตายลงในที่สุด
จากการสันนิษฐานของแพทย์ เธอกินยาแก้แพ้ไม่ต่ำกว่า 50 เม็ด
“แล้วก็เรื่องที่ 3 มันเป็นเรื่อง เมื่อ 6 ปีก่อนครับ” โจพูด
“ไม่ค่อยนานนะ คราวนี้ใครตายล่ะ” เพทายตั้งใจฟังโจเล่า ถึงแม้ว่าจะมีความกลัวอยู่เต็มจิตใจ
“เด็กในชมรมฟุตบอลครับ” เสียงของโจเริ่มเย็นสะท้าน
ช่วงนั้นเป็นการซ้อมแข่งบอล เพื่อไปแข่งระดับภาคครับ จึงมีแข่งซ้อมบอลตอนเย็นทุกวัน ตอนนั้นเองมีเด็กม.1 ที่มีฝีเท้าดีมากจนเป็นศูนย์หน้า เขาเป็นอัจฉริยะทางด้านฟุตบอลเลยกว่าได้
ในระหว่างการซ้อมอยู่นั้น ตอนที่เขาแย่งบอลเพื่อจะพยายามจะยิงประตู แต่เขาถูกเพื่อนผลัก หัวฟาดเสาโก สลบคาที่
สลบคาที่...งั้นเหรอ เรียกว่า ตายคาที่ ดีกว่ามั้ง
เพราะไม่มีใครรู้ว่า เด็กคนนั้นเลือดคั่งในสมองตาย ตอนที่หัวฟาดเสาโก
พวกเพื่อนๆและอาจารย์ คิดว่าเขาแค่สลบธรรมดา จึงไปห้องพยาบาล แต่พออาจารย์ห้องพยาบาลลองจับชีพจร ก็รู้เลยว่า เด็กคนนั้นได้เสียชีวิตแล้ว
“จบแค่นี้เองเหรอ”เพทายมองหน้าโจอย่างงงๆ
“ครับ แค่นี้เอง” โจยิ้มให้เพทาย
“งั้นพี่ไปก่อนนะ ขาก็หายเจ็บแล้ว ป่านนี้เพื่อนกลับบ้านกันหมดแล้วมั้ง” เพทายพูดพร้อมลงมาจากเตียงและกำลังเดินออกจากห้องพยาบาล
“ขอโทษนะครับ ที่เรื่องของผมมันสั้นไปหน่อย” โจพูดด้วยเสียงที่เย็นวาบไปถึงสันหลัง
“หืม อะไรนะ” เพทายหันหลังกลับมา
จู่ๆ ลูกบอลที่อยู่ข้างๆ โจ ก็กลิ้งมาหาเพทาย ลูกบอลนั้น ค่อย..ค่อย กลิ้งมา......กลิ้งมาแล้วลูกบอลนั้น มันก็กลาย เป็น ศีรษะ!? ของผู้หญิง
เพทายตกใจมากจนไปกองอยู่กับพื้น เขากลัวจนไม่มีเสียงออกมาปาก
มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย
แล้วหัวนั้นก็หันหน้ามาทางเพทาย ทำให้เขาเห็นใบหน้าของศีรษะนั้นเต็มๆ
อุ๊บ!!! เพทายรู้สึกขยะแขยงจนแทบเอามืออุดไม่ทัน ใบหน้าของหัวผู้หญิงมีแต่ความเหวอะหวะเน่าเละแถมยังมีหนอนชอนไช อยู่เต็มใบหน้า
“ผมคิดว่า คงได้เวลาเอาชีวิตของพี่แล้วครับ” โจกอดอกฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์
“จงตายอย่างหวาดกลัวซะเถอะ” ถ้าสังเกตดูให้ดีจะเห็นเลือดไหลออกมาจากหูทั้งสองข้างของโจ มันยังคงไหลเรื่อยๆจนเลอะเสื้อกีฬาเป็นทาง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาคือ เด็กในเรื่องที่ 3 นั่นเอง
“ ฉันกลัวแล้ว อย่ามาหลอกมาหลอนเลยนะ เดี๋ยวทำบุญไปให้” เพทายนั่งอึ้งกับสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความกลัว
“ขอโทษนะครับ พอดีเจ้านายผมอยากให้คุณตาย แล้วผมก็ขัดคำสั่งไม่ได้ซะด้วยสิครับ” พอโจพูดจบ ทั่วพื้นห้องพยาบาลก็เต็มไปด้วยเลือด
เพทายกลัวจนแทบสติแตก ฉับพลันเขาเห็นผู้หญิงที่คลานออกมาจากเตียงราวกับจูออนก็ไม่ปาน แล้วยังมีน้ำลายที่ฟูมปากอีก
ว๊ากกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ