Whirligig : #1 อาถรรพ์ผีคุณไสย(The sorcery)
5) อาถรรพ์ได้เริ่มขึ้นแล้ว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
อาถรรพ์ได้เริ่มขึ้นแล้ว
ณ มุมมืดแห่งหนึ่ง
“ด้วยอำนาจแห่งความมืด จงสลายพันธนาการนี้ให้สูญสิ้น”
บุรุษนิรนามกำลังท่องคาถาเพื่อปลดปล่อยอะไรบางอย่าง จู่ๆก็มีลมพัดกระหน่ำเข้ามาเหมือนกับเป็นสัญญาณว่าเภทภัยกำลังมาเยือน
“ขอจงปลดปล่อยผู้ครอบครองรัตติกาลที่หลับไหล”
สิ้นคำพูดนี้ ก็บังเกิดแสงสีดำมืดที่รู้สึกถึงความชั่วร้ายต่อหน้าบุรุษนิรนาม เขารู้สึกกดดันกับสิ่งที่ได้เห็น เนื่องจากที่ๆเขามันเป็นที่มืดสนิทมีแค่แสงจันทร์เต็มดวงที่ส่องผ่านเข้ามา
แต่แสงสีดำมืดที่เขาเห็นตรงนั้น มันเป็นความมืดมนที่มีความรู้สึกด้านลบของมนุษย์อยู่ด้วย ทั้งเกลียดชัง สิ้นหวัง ความกลัว ซึ่งมันเป็นความมืดที่หาที่เปรียบไม่ได้เลย และสิ่งเขาปลดปล่อยมันกำลังออกมา
นั่นคือ เด็กหนุ่ม!?
เขามีใบหน้าที่ซีดเผือก ผมดำสนิทยาวปิดเป็นรากไทร อายุราว 14-15 ปี ตอนนี้เขามองบุรุษนิรนามและยิ้มอย่างเย้ยหยัน
“คุณมีความปรารถนาใดรึ ถึงปล่อยผมออกจากผนึก” เด็กหนุ่มถามอย่างยิ้มแย้ม
“ความปรารถนาเดียวที่ข้าต้องการคือ....” บุรุษนิรนามตอบ
“ได้สิ แต่ผมมีข้อแลกเปลี่ยนกับความปรารถนาของคุณ”เด็กหนุ่มพูด
เพทายลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย เมื่อครู่เขาหลับฝันไปพอตื่นมาความทรงจำในฝันก็เลือนลางหายไปหมด
“ปวดหัวจัง” ฝ่ามือของเขากุมที่ขมับทำให้เขารู้สึกถึงผ้าก็อซที่พันรอบศีรษะ
“อ่ะ ยาแก้ปวด” เสียงของหญิงสาวปริศนาดังขึ้น เธอยื่นยาให้เพทาย
“ขมมั้ยอ่ะ อาจารย์ศิริวรรณ” เพทายหยิบยาอย่างหน้าเบ้
“ก็ดื่มน้ำตามไปสิย่ะ โชคดีนะแค่หัวถลอกไม่ต้องเย็บแผลที่โรงพยาบาล” อาจารย์ห้องพยาบาลพูดพลางยื่นแก้วน้ำให้
เพทายเอามือจับผ้าพันผ้าที่หัวเบาๆ แล้วเอาแก้วน้ำส่งคืนอาจารย์ศิริวรรณ
“เออนี่ นายเพทายเดี๋ยวครูจะออกสัมมนาข้างนอก ยังไงก็นอนเล่นในห้องพยาบาลไปก่อนล่ะกันนะ ประมาณบ่ายสามโมงครึ่งครูจะกลับมา” ศิริวรรณเดินออกจากห้องพยาบาลอย่างเร่งด่วน
เพทายทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างอ่อนแรง มองเพดานอย่างเหม่อลอยแล้วหลับตาลงสู้ห้วงนิทรา
แปลกจัง ตอนพารันเดินลงบันไดรู้สึกเหมือน......
มีคนจับขาเราไว้ หรือว่ารู้สึกไปเองว่ะ
“หวัดดีคับ” เพทายตกใจตื่นเพราะเสียงปริศนาที่ดังขึ้น เมื่อเขาหันไปมองเจ้าของเสียง ก็เห็นเด็กม.ต้น เขาใส่ชุดกีฬายืนถือฟุตบอลอยู่ริมหน้าต่าง ยิ้มให้เขา
“ครับ มีอะไรรึป่าวครับน้อง” เพทายถามอย่างสงสัย
“ผมชื่อโจครับ อยู่ชมรมฟุตบอลกำลังจะกลับบ้าน เห็นพี่นอนอยู่ในห้องพยาบาลก็เลยสงสัยนะครับ” โจแนะนำตัวเองพร้อมบอกข้อสงสัยของตน
“อ่อ ว่าแต่ตอนนี้กี่โมงแล้วเนี่ย”
“อีก 10 นาที จะ4โมงครับ”
“แล้วอาจารย์ศิริวรรณกลับมารึยังล่ะ”
“ยังเลยครับ ตั้งแต่ผมยืนมองพี่ยังไม่มีใครเข้าห้องพยาบาลมาเลย”
“มองพี่? มองทำไมอ่ะ”
“ก็พี่หล่อนี่ครับ”
“เป็นเกย์เหรอเราอ่ะ โทษทีแต่พี่ชอบผู้หญิงว่ะ”
“โหย พูดเล่นไปงั้นเอง จริงจังไปได้”
“แต่เรื่องหล่อเนี่ย พูดจริงใช่ป่ะ”
“ครับๆ” ^^
“เออพี่ ผมมีเรื่องในห้องพยาบาลจะเล่าให้ฟัง”โจพูดพร้อมกระโดดเข้าห้องพยาบาลทางหน้าต่าง เพทายชะงักเอียงคออย่างสงสัย
“เรื่องอะไรครับน้อง” เขาถามในที่สุด
“เรื่องผีครับ ผมรับรองว่าพี่ต้องชอบครับ” โจยิ้มอย่างมีเลศนัย
ธันวาวิ่งอย่างกระหืดกระหอบมาที่โกดังเก็บของเก่าของโรงเรียน เขามองโกดังเก่าที่สร้างมาไม่ต่ำกว่า 50 ปีของโรงเรียน เขารู้สึกว่ามือของตัวเองเริ่มเย็น ไม่สิทั้งขาและแขนเริ่มเย็นแต่กลับรู้สึกร้อนที่หน้า เขาใช้กุญแจที่ขอมาจากลุงศร ไขแม่กุญแจที่ล็อคโกดังไว้
กึก!!!
เมื่อประตูเปิดออกเพทายพยายามมองหาของเขาต้องการ ซึ่งภายในมีฝุ่น หยากไย่ และของอื่นๆที่ใช้การไม่ได้แล้วอีกมากมาย เขาเดินเข้าในส่วนที่ลึกที่สุดของโกดัง
“ในที่สุดก็เจอจนได้” เขาพูดพลางมองโต๊ะไม้ที่อยู่ตรงหน้า มันเป็นโต๊ะเรียนอยู่ในสภาพค่อนข้างดี ถึงจะมีฝุ่นเกาะเต็มไปหมดก็เถอะ
ธันวาใช้มือปัดฝุ่นโต๊ะตัวนั้นอย่างแผ่วเบา แต่แล้วจู่ๆก็มีเลือดไหลออกมาจากพื้นโต๊ะมันมีจำนวนมากจนไหลลงมาที่พื้นปูนข้างล่าง ธันวาสะบัดมือออกจากโต๊ะตัวนั้นด้วยความตกใจ
“อะไรกัน คุณยังไม่ชินกับเรื่องแบบนี้อีกเหรอ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนที่มีสัมผัสที่หก” เจ้าเสียงนี้เป็นเด็กผู้ชายอายุประมาณ14-15 เขามีผิวขาวซีดราวกับซากศพตัดสีผมที่ดำมืดสนิทราวกับรัตติกาลในคืนเดือนมืด
ธันวาตกตะลึงเมื่อได้เห็นบุคคลที่อยู่ตรงหน้าเขารู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัวราวกับถูกแช่แข็ง
“ ก..แก ออกมาได้ยังไง” เขาพูดอย่างตะกุกตะกัก
เด็กคนนั้นยิ้มอย่างเย้ยหยันก่อนพูดว่า
“ คุณคิดว่าผมจะยอมอยู่ในผนึกบ้าๆนั่นตลอดไปเรอะ ฝันไปเถอะ”
พอพูดจบเด็กคนนั้นก็หายไปต่อหน้าต่อตาธันวา ทุกอย่างกลับสู่สภาพเหมือนเดิมไม่มีรอยเลือดทั้งพื้นโต๊ะหรือพื้นปูน
ธันวากำหมัดด้วยโกรธเกรี้ยว ในตอนนี้เขาได้แต่ภาวนาขออย่าให้มีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นในโรงเรียนเป็นครั้งที่ 2!!!!!!!!!!!!!!!
“ ว่าไงครับพี่ ผมเล่าไม่นานหรอก สนใจมั้ยครับ” โจพูดอย่างชั่งใจ
“เรื่องผีเหรอครับ” เพทายพูดอย่างครุ่นคิด
“ถูกต้องครับ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นไปกว่าการเล่าเรื่องผีอีกแล้วครับ” เขายิ้มจนตาหยี
“นี่พี่คิดว่าเป็นเรื่องลามกแบบว่ามีใครมาทำอะไรกันในห้องพยาบาลเหรอครับ” โจพูด
“เปล่าซะหน่อย น้องโจคิดเองเออเองน่ะสิ” เพทายพูดแบบขำๆ
“งั้นลองเล่าให้พี่ฟังหน่อยสิ เดี๋ยวเผื่อเย็นพี่จะเล่าพวกเพื่อนๆพี่ฟังบ้าง” เขาพูดโดยหารู้ไม่ว่าตัวเขาอาจไม่มีโอกาสเล่าเรื่องให้ใครฟังอีกก็ได้
“ได้สิครับพี่” โจพูดพลางวางบอลไว้กับพื้นแล้วหยิบเก้าอี้มานั่งข้างเตียงเพทาย
“งั้นเริ่มเรื่องแรกเลยนะครับ”
“ไอ้เพทายจะเป็นอะไรมากรึป่าวว่ะ” อมรเวทหันมองหน้าเจียระไน
“นั่นสิ ยืนรอตั้งนานไม่เห็นมันจะออกมาซะที” เจียระไนชะเง้อมองในโรงเรียน
“แล้วไอ้ที่ให้เรามายืนรออยู่หน้าโรงเรียนเนี่ย ไม่คิดว่านายเพทายจะกลับบ้านไปก่อนแล้วเหรอ” นันทภาหน้ามุ่ยมองนาฬิกาข้อมือ
“นี่!!? ไอ้นาฬิกาบนหอนาฬิกาเก่า มันยังใช้ได้อยู่รึป่าว” รุ่งอรุณมองไปที่หอนาฬิกาเก่า เขาเห็นเข็มยาวของนาฬิกาเคลื่อนมาที่เลขหนึ่งแล้วมันก็หยุดไป
แค่เข็มนาฬิกาเคลื่อน ทำไมรู้สึกแปลกๆว่ะ
หอนาฬิกาที่แค่มอง ยังรู้สึกขยะแขยง
เหมือนเห็นของสกปรก..........
“อ๋อ นาฬิกาบนหอคอย มันเสียมาหลายปี ยังไม่มีใครขึ้นไปซ่อม คงใช้ไม่ได้แล้วล่ะ” กรเลิศพูดพลางมองที่หอนาฬิกา
“แต่ก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับหอคอยนั่นนะ ที่ว่า.......”นาฎจันทร์พูดยังไม่ทันจบ ก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้น
“เมื่อใดก็ตามที่เข็มยาวของนาฬิกาบนนั้นเคลื่อน จะหมายถึงการสังเวยชีวิตของบุคคลในโรงเรียน เลขละหนึ่งคน สรุปง่ายๆก็คือ จะต้องมีบุคคลในโรงเรียนอรุณปัญญาตายไป 12 คน และเมื่อเข็มยาวนั้นเคลื่อนมาที่เลขหนึ่ง มันจะไม่หยุดเคลื่อนจนกว่าจะถึงเลขสิบสองอีกครั้ง” เสียงของเพียงฤทัยทุ้มต่ำเหมือนไม่ใช่เสียงของเธอเอง
“เหรอ แต่ฉันเห็นเข็มยาวของนาฬิกาเคลื่อนมาที่เลขหนึ่งแล้วนะ” รุ่งอรุณแสยะยิ้มที่มุมปาก
ทุกคนตกใจต่างมองไปที่หอนาฬิกาเก่าที่อยู่ใจกลางพื้นที่ของโรงเรียน เข็มยาวของนาฬิกาได้หยุดทับบนเลขหนึ่งแล้วจริงๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ