Whirligig : #1 อาถรรพ์ผีคุณไสย(The sorcery)
-
1) ปฐมบท
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความปฐมบท
อย่าลองสิ่งไม่รู้ อย่าลบหลู่สิ่งไม่เห็น
ร่างกายจะเย็นเฉียบ เปรียบได้กับคนตาย
แสงแดดยามสนธยาที่ทอแสงเข้ามาในตัวอาคารเรียน ทำให้เห็นแผ่นหลังของชายคนหนึ่ง เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เนคไทเป็นสีกรมท่าเช่นเดียวกับกางเกงขายาว รองเท้าหนังที่ถูกขัดเงาอย่างดีกระทบพื้นเป็นเสียงกังวาน ทุกครั้งที่เขาก้าวเดิน ชายหนุ่มใช้แม่กุญแจล็อคห้องเรียนทีละห้อง จนถึงชั้นสี่ซึ่งเป็นชั้นสุดท้ายของอาคาร
“ห้องสุดท้ายแล้วสินะ” เขากำลังดึงประตูปิดเพื่อที่จะล็อคห้อง แต่ก็ชะงักเมื่อเห็นเด็กนักเรียนคนหนึ่งอยู่ในห้องเรียน
“นี่เธอมัวทำอะไรอยู่ในห้อง ครูจะปิดห้องแล้วนะ” ผู้ถูกเรียกเงยหน้ามองตามเสียง ดูเหมือนว่าเขากำลังทำการบ้านอะไรสักอย่างอยู่ เห็นได้จากกองหนังสือที่บนโต๊ะของเขา
“ครับอาจารย์ธันวา” เด็กหนุ่มผู้ถูกเรียกลุกจากเก้าอี้และรีบเก็บของบนโต๊ะอย่างรีบร้อน
“อัสดง นี่เธอมัวอะไรอยู่เนี่ย 4 โมงแล้วน่ะ” ธันวาเดินเข้ามาในห้อง มองอัสดงที่เก็บของบนโต๊ะอย่างทุลักทุเล
“ทำการบ้านที่อาจารย์สั่งวันนี้ไงครับ ที่ให้ทำรายงานอะไรก็ได้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาน่ะครับ” อัสดงยิ้มให้ธันวาจนตาหยี
“เหรอ แล้วเธอทำหัวข้ออะไรล่ะ” ตอนนี้อัสดงหยุดเก็บของเนื่องจากเขากำลังเปิดหนังสือบางอย่างให้ธันวาดู
“คุณไสยครับ” อัสดงชี้หัวข้อในหนังสือที่ตนเปิดให้ธันวาดูอย่างตื่นเต้น “ทำไมถึงเลือกหัวข้อนี้ล่ะ ครูว่ามันไม่เห็นเกี่ยวกับพุทธศาสนาเลยสักนิด” ธันวารู้สึกงงๆกับอัสดง
อัสดง คนที่เคร่งพุทธศาสนาอย่างเธอจนเพื่อนเรียกว่ามหาเนี่ย
ทำไมถึงทำรายงานเรื่องคุณไสยล่ะ ครูล่ะแปลกใจจริงๆ
“ผมคิดว่ามันน่าจะเกี่ยวกับน่ะครับ ในหนังสือเล่มนี้เขียนไว้ว่าคุณไสยบางชนิดมีรากฐานมาจากความเชื่อ และทางพระพุทธศาสนาเองก็มีรากฐานมาจากความเชื่อเหมือนกัน คุณไสยเป็นความเชื่อที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ แต่พุทธศาสนาเป็นความเชื่อที่พิสูจน์ได้” ธันวาฟังอัสดงพูดอย่างสนใจ แต่ตอนนี้ในห้องเริ่มมืดลงอย่างผิดปกติ แสงแดดยามเย็นที่ส่องร่ำไรถูกเมฆดำบัดจนมืดมิด ต้นไทรข้างๆอาคารเรียนพลิ้วไหวตามแรงลมที่พัดผ่าน
“อืมๆ ครูว่าเธอรีบกลับบ้านเถอะ ฟ้าเริ่มมืดเหมือนฝนจะตกเลย” ธันวามองออกไปข้างนอกหน้าต่างกระจกเลื่อน เห็นฟ้าครึ้มไปด้วยเมฆดำราวกับพายุจะเข้า
“ครับ อาจารย์”
“อาจารย์ธันวาครับ!!!” มีเสียงปริศนาแทรกขึ้นมาทั้งเขาและอัสดงผวาจนใจอยู่ที่ตาตุ่ม ธันวาหันไปมองก็เห็นนักเรียนชาย2คน
“ตะโกนซะเสียงดังเชียวมีอะไรกัน”
เด็กคนหนึ่งจึงตอบไปว่า “ลุงศรให้มาเอากุญแจล็อคโรงยิมครับ” ที่กุญแจอยู่เขาไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะเขาเป็นอาจารย์เพิ่งเข้าบรรจุ ถือว่าเป็นน้องใหม่ในสายตาครูรุ่นเก่าโรงเรียนก็เลยต้องมาช่วยภารโรงปิดตอนเย็น
ธันวาเดินออกไปนอกห้องพลางหยิบกุญแจออกจากกระเป๋าเสื้อให้เด็ก2คน
จู่ๆกระดาษรายงานของอัสดงก็ปลิวตามแรงลมพัดมาทางหน้าต่าง เขาก้มเก็บกระดาษนั้น ทันที่สัมผัสกระดาษใบนั้นเขาก็สะบัดมืออย่างแรงด้วยความตกใจ
เมื่อกี้ เจ็บจัง ยังกับถูกไฟซ็อตแน่ะ ครืด!!~~ อัสดงหันไปมองต้นตอของเสียง มันทำให้เขาตกใจจนแทบช็อกเพราะหน้าต่างแต่ละบานในห้องเลื่อนปิดอย่างอัตโนมัติ พร้อมกับลมที่กรรโชกเข้าใส่อัสดงอย่างไม่ให้ตั้งตัว
มันเกิดอะไรขึ้น!?!?
“อาจารย์ธันวาครับ!!?” ธันวามองตามเสียง เขาเห็นอัสดงนั่งกองอยู่บนพื้นและหน้าต่างกระจกเลื่อนที่ปิดเองทีละบาน ลมที่พัดเข้ามาในห้องราวกับพายุทำให้สมุดหนังสือของอัสดงกระจัดกระจายทั่วห้อง ธันวากำลังวิ่งเข้าห้องไปในห้องเพื่อช่วยอัสดง แต่แล้วประตูห้องก็ปิดอย่างรวดเร็ว
เปิดไม่ออก!!? ประตูถูกล็อคจากด้านใน
ใครที่ล็อคล่ะ รึว่า....อัสดง
“อัสดงได้ยินมั้ย!!? เปิดประตูให้ครูหน่อย!?!?” ธันวาทุบประตูอย่างบ้าคลั่ง
ทางด้านอัสดงที่ยังนั่งกองอยู่ที่พื้น ลมในห้องเริ่มสงบเหลือแต่ความเงียบเข้ามาแทนที่ ความกลัวเริ่มแล่นเข้าในจิตใจของเด็กหนุ่ม
มีบางอย่างผิดปกติไป!?!
ความรู้สึกนี่มันอะไรอ่ะ น่าขยะแขยง!!!!
เขาเริ่มสวดมนต์ที่เป็นพระคาถาชินบัญชร ด้วยความเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะช่วยเขาได้แต่....
พลั่ก!?!?
อัสดงถูกเหวี่ยงด้วยแรงลึกลับจนตัวเขาลอยไปกระแทกผนังห้องแรง
เขาพยายามชันตัวขึ้นเกาะโต๊ะที่ใกล้ที่เพื่อเป็นหลักในการยืนและพูดอย่างอ่อนแรงว่า “ขอให้พระคาถาชินบัญชรช่วยคุ้มครองผมอย่าให้สิ่งชั่วร้ายครอบงำผมได้”
อ๊วกกกก!?!?
อัสดงกระอักเลือกออกมาที่โต๊ะ เลือดสดๆจำนวนมากท่วมพื้นโต๊ะจนไหลชะโลมขาโต๊ะ ซึ่งหารู้ไม่ว่าโต๊ะตัวนั้นเป็นโต๊ะที่เขานั่งเรียนเป็นประจำ!!??
เขาล้มลงนอนตะแคงกองกับพื้น เลือดที่ไหลออกทางปากยังคงไหลต่อไปจนลำตัวท่อนบนที่นอนตะแคงอยู่เปื้อนไปด้วยเลือดสดๆ กลิ่นคาวฟุ้งจากของเหลวนั้นทำให้อัสดงเริ่มหมดแรง ตอนนี้ภายในหัวของเขาหนักอึ้ง เริ่มชาตามมือเท้ารวมถึงใบหน้าเป็นผลจากการเสียเลือดอย่างเฉียบพลัน ตาที่พร่ามัวและเริ่มจะปิด แม้ในใจจะร้องเรียกว่าห้ามหลับก็ตามแต่ก็ไม่อาจฝืนได้เมื่อเปลวเทียนแห่งชีวิตของเขาได้ดับลง ภาพที่มองเห็นตรงหน้าก็ค่อยๆมืดลง....มืดลง
ทรมานเหลือเกิน ใครก็ได้..........
ช่วยฉันที ช่วยด้วย......................
ธันวาและนักเรียนทั้งสองพยายามพังเข้าเพื่อเข้าไปช่วยอัสดง แต่จู่ๆประตูก็เปิดเอง ธันวารีบวิ่งเข้าไปในห้องเรียนก็พบว่าห้องเรียนอยู่ในสภาพปกติคือ หน้าต่างเปิด มีแสงแดดของเวลา 17.00น. ทั้งที่เมื่อกี้มืดสนิทอย่างกับเที่ยงคืน แต่มีสิ่งที่ผิดปกติที่ทำให้ธันวาตกใจจนหน้าซีดคืออัสดงไม่อยู่ในห้องเรียนทั้งๆที่เมื่อกี้มันเป็นห้องปิดตายและพื้นโต๊ะของอัสดงกลับแดงฉานไปด้วยเลือด!!!!!!!!
อย่าลองสิ่งไม่รู้ อย่าลบหลู่สิ่งไม่เห็น
ร่างกายจะเย็นเฉียบ เปรียบได้กับคนตาย
แสงแดดยามสนธยาที่ทอแสงเข้ามาในตัวอาคารเรียน ทำให้เห็นแผ่นหลังของชายคนหนึ่ง เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เนคไทเป็นสีกรมท่าเช่นเดียวกับกางเกงขายาว รองเท้าหนังที่ถูกขัดเงาอย่างดีกระทบพื้นเป็นเสียงกังวาน ทุกครั้งที่เขาก้าวเดิน ชายหนุ่มใช้แม่กุญแจล็อคห้องเรียนทีละห้อง จนถึงชั้นสี่ซึ่งเป็นชั้นสุดท้ายของอาคาร
“ห้องสุดท้ายแล้วสินะ” เขากำลังดึงประตูปิดเพื่อที่จะล็อคห้อง แต่ก็ชะงักเมื่อเห็นเด็กนักเรียนคนหนึ่งอยู่ในห้องเรียน
“นี่เธอมัวทำอะไรอยู่ในห้อง ครูจะปิดห้องแล้วนะ” ผู้ถูกเรียกเงยหน้ามองตามเสียง ดูเหมือนว่าเขากำลังทำการบ้านอะไรสักอย่างอยู่ เห็นได้จากกองหนังสือที่บนโต๊ะของเขา
“ครับอาจารย์ธันวา” เด็กหนุ่มผู้ถูกเรียกลุกจากเก้าอี้และรีบเก็บของบนโต๊ะอย่างรีบร้อน
“อัสดง นี่เธอมัวอะไรอยู่เนี่ย 4 โมงแล้วน่ะ” ธันวาเดินเข้ามาในห้อง มองอัสดงที่เก็บของบนโต๊ะอย่างทุลักทุเล
“ทำการบ้านที่อาจารย์สั่งวันนี้ไงครับ ที่ให้ทำรายงานอะไรก็ได้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาน่ะครับ” อัสดงยิ้มให้ธันวาจนตาหยี
“เหรอ แล้วเธอทำหัวข้ออะไรล่ะ” ตอนนี้อัสดงหยุดเก็บของเนื่องจากเขากำลังเปิดหนังสือบางอย่างให้ธันวาดู
“คุณไสยครับ” อัสดงชี้หัวข้อในหนังสือที่ตนเปิดให้ธันวาดูอย่างตื่นเต้น “ทำไมถึงเลือกหัวข้อนี้ล่ะ ครูว่ามันไม่เห็นเกี่ยวกับพุทธศาสนาเลยสักนิด” ธันวารู้สึกงงๆกับอัสดง
อัสดง คนที่เคร่งพุทธศาสนาอย่างเธอจนเพื่อนเรียกว่ามหาเนี่ย
ทำไมถึงทำรายงานเรื่องคุณไสยล่ะ ครูล่ะแปลกใจจริงๆ
“ผมคิดว่ามันน่าจะเกี่ยวกับน่ะครับ ในหนังสือเล่มนี้เขียนไว้ว่าคุณไสยบางชนิดมีรากฐานมาจากความเชื่อ และทางพระพุทธศาสนาเองก็มีรากฐานมาจากความเชื่อเหมือนกัน คุณไสยเป็นความเชื่อที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ แต่พุทธศาสนาเป็นความเชื่อที่พิสูจน์ได้” ธันวาฟังอัสดงพูดอย่างสนใจ แต่ตอนนี้ในห้องเริ่มมืดลงอย่างผิดปกติ แสงแดดยามเย็นที่ส่องร่ำไรถูกเมฆดำบัดจนมืดมิด ต้นไทรข้างๆอาคารเรียนพลิ้วไหวตามแรงลมที่พัดผ่าน
“อืมๆ ครูว่าเธอรีบกลับบ้านเถอะ ฟ้าเริ่มมืดเหมือนฝนจะตกเลย” ธันวามองออกไปข้างนอกหน้าต่างกระจกเลื่อน เห็นฟ้าครึ้มไปด้วยเมฆดำราวกับพายุจะเข้า
“ครับ อาจารย์”
“อาจารย์ธันวาครับ!!!” มีเสียงปริศนาแทรกขึ้นมาทั้งเขาและอัสดงผวาจนใจอยู่ที่ตาตุ่ม ธันวาหันไปมองก็เห็นนักเรียนชาย2คน
“ตะโกนซะเสียงดังเชียวมีอะไรกัน”
เด็กคนหนึ่งจึงตอบไปว่า “ลุงศรให้มาเอากุญแจล็อคโรงยิมครับ” ที่กุญแจอยู่เขาไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะเขาเป็นอาจารย์เพิ่งเข้าบรรจุ ถือว่าเป็นน้องใหม่ในสายตาครูรุ่นเก่าโรงเรียนก็เลยต้องมาช่วยภารโรงปิดตอนเย็น
ธันวาเดินออกไปนอกห้องพลางหยิบกุญแจออกจากกระเป๋าเสื้อให้เด็ก2คน
จู่ๆกระดาษรายงานของอัสดงก็ปลิวตามแรงลมพัดมาทางหน้าต่าง เขาก้มเก็บกระดาษนั้น ทันที่สัมผัสกระดาษใบนั้นเขาก็สะบัดมืออย่างแรงด้วยความตกใจ
เมื่อกี้ เจ็บจัง ยังกับถูกไฟซ็อตแน่ะ ครืด!!~~ อัสดงหันไปมองต้นตอของเสียง มันทำให้เขาตกใจจนแทบช็อกเพราะหน้าต่างแต่ละบานในห้องเลื่อนปิดอย่างอัตโนมัติ พร้อมกับลมที่กรรโชกเข้าใส่อัสดงอย่างไม่ให้ตั้งตัว
มันเกิดอะไรขึ้น!?!?
“อาจารย์ธันวาครับ!!?” ธันวามองตามเสียง เขาเห็นอัสดงนั่งกองอยู่บนพื้นและหน้าต่างกระจกเลื่อนที่ปิดเองทีละบาน ลมที่พัดเข้ามาในห้องราวกับพายุทำให้สมุดหนังสือของอัสดงกระจัดกระจายทั่วห้อง ธันวากำลังวิ่งเข้าห้องไปในห้องเพื่อช่วยอัสดง แต่แล้วประตูห้องก็ปิดอย่างรวดเร็ว
เปิดไม่ออก!!? ประตูถูกล็อคจากด้านใน
ใครที่ล็อคล่ะ รึว่า....อัสดง
“อัสดงได้ยินมั้ย!!? เปิดประตูให้ครูหน่อย!?!?” ธันวาทุบประตูอย่างบ้าคลั่ง
ทางด้านอัสดงที่ยังนั่งกองอยู่ที่พื้น ลมในห้องเริ่มสงบเหลือแต่ความเงียบเข้ามาแทนที่ ความกลัวเริ่มแล่นเข้าในจิตใจของเด็กหนุ่ม
มีบางอย่างผิดปกติไป!?!
ความรู้สึกนี่มันอะไรอ่ะ น่าขยะแขยง!!!!
เขาเริ่มสวดมนต์ที่เป็นพระคาถาชินบัญชร ด้วยความเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะช่วยเขาได้แต่....
พลั่ก!?!?
อัสดงถูกเหวี่ยงด้วยแรงลึกลับจนตัวเขาลอยไปกระแทกผนังห้องแรง
เขาพยายามชันตัวขึ้นเกาะโต๊ะที่ใกล้ที่เพื่อเป็นหลักในการยืนและพูดอย่างอ่อนแรงว่า “ขอให้พระคาถาชินบัญชรช่วยคุ้มครองผมอย่าให้สิ่งชั่วร้ายครอบงำผมได้”
อ๊วกกกก!?!?
อัสดงกระอักเลือกออกมาที่โต๊ะ เลือดสดๆจำนวนมากท่วมพื้นโต๊ะจนไหลชะโลมขาโต๊ะ ซึ่งหารู้ไม่ว่าโต๊ะตัวนั้นเป็นโต๊ะที่เขานั่งเรียนเป็นประจำ!!??
เขาล้มลงนอนตะแคงกองกับพื้น เลือดที่ไหลออกทางปากยังคงไหลต่อไปจนลำตัวท่อนบนที่นอนตะแคงอยู่เปื้อนไปด้วยเลือดสดๆ กลิ่นคาวฟุ้งจากของเหลวนั้นทำให้อัสดงเริ่มหมดแรง ตอนนี้ภายในหัวของเขาหนักอึ้ง เริ่มชาตามมือเท้ารวมถึงใบหน้าเป็นผลจากการเสียเลือดอย่างเฉียบพลัน ตาที่พร่ามัวและเริ่มจะปิด แม้ในใจจะร้องเรียกว่าห้ามหลับก็ตามแต่ก็ไม่อาจฝืนได้เมื่อเปลวเทียนแห่งชีวิตของเขาได้ดับลง ภาพที่มองเห็นตรงหน้าก็ค่อยๆมืดลง....มืดลง
ทรมานเหลือเกิน ใครก็ได้..........
ช่วยฉันที ช่วยด้วย......................
ธันวาและนักเรียนทั้งสองพยายามพังเข้าเพื่อเข้าไปช่วยอัสดง แต่จู่ๆประตูก็เปิดเอง ธันวารีบวิ่งเข้าไปในห้องเรียนก็พบว่าห้องเรียนอยู่ในสภาพปกติคือ หน้าต่างเปิด มีแสงแดดของเวลา 17.00น. ทั้งที่เมื่อกี้มืดสนิทอย่างกับเที่ยงคืน แต่มีสิ่งที่ผิดปกติที่ทำให้ธันวาตกใจจนหน้าซีดคืออัสดงไม่อยู่ในห้องเรียนทั้งๆที่เมื่อกี้มันเป็นห้องปิดตายและพื้นโต๊ะของอัสดงกลับแดงฉานไปด้วยเลือด!!!!!!!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ