Whirligig : #1 อาถรรพ์ผีคุณไสย(The sorcery)

-

เขียนโดย พหุกันต์

วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 13.18 น.

  11 ตอน
  3 วิจารณ์
  19.75K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) โรงเรียนใหม่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

โรงเรียนใหม่

                

                 โลกใบนี้เป็นโลกที่แสนจะน่าเบื่อ  มนุษย์ทุกคนมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างแรงกล้า  พวกเขาตั้งชื่อและแยกประเภทให้กับสิ่งที่เห็นอย่างเหน็ดเนื่อย  แต่ถ้าเมื่อเจอกับสิ่งที่ไม่เข้าใจและไม่สามารถอธิบายได้...พวกเขาจะพร้อมใจกันเรียกมันว่า...ผี

                         

                           ช่วย...ฉัน ด้วย  ใคร...ก็ได้ ช่วย....ด้ว...

                

                 รุ่งอรุณลืมตาตื่นขึ้นจากฝัน เขาเอามือเกยหน้าผากตัวเองอย่างเหนื่อยล้า หลายวันมานี้เด็กหนุ่มสะดุ้งขึ้นกลางดึกทุกคืนเพราะความฝันที่ตามหลอกหลอนเขาในยามข่มตาหลับ  ในฝันนั้นเขาได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือจากใครบางคน เป็นเสียงที่ขาดห้วง พอพยายามหาตั้งตอของเสียง เขากลับรู้สึกขยะแขยงแล้วก็ตกใจตื่นซะงั้น ที่จริงแล้วมันก็ไม่ใช่ฝันร้ายอะไรหรอก แค่ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ

                 “รัน ตื่นรึยัง” รุ่งอรุณหรือรัน สะบัดหัวไปมาเพื่อไล่ความง่วง เขามีผมสีเหลืองซึ่งผ่านการย้อมมาเมื่อไม่นานนี้เอง ตาที่กลมโตคล้ายกระต่าย จมูกที่แลโดดเด่น ริมฝีปากบางเรียวบวกกับผิวที่ขาว  บอกตรงๆเลยว่าเเป็นเด็กหนุ่มที่จัดว่าหล่อมาก

                 “ตื่นแล้วครับหลวงตา” เขาเปิดประตูออก  พบพระรูปหนึ่งนั่นคือคุณตาแท้ๆของเขาเอง     พ่อแม่ของรันเสียชีวิตตอนที่รันอายุได้ 5 ขวบ คุณตาก็เลยรับเลี้ยงเขาในฐานะเด็กวัดโดยปริยาย

                 “วันนี้วันพระไม่ต้องตามหลวงตาไปบิณฑบาตนะ รีบแต่งตัวไปเรียนเถอะ” ท่านมองเด็กหนุ่มผมทองด้วยความเอ็นดู

               “ครับ” รันพยักหน้า เขาออกจากห้องไปกินข้าวที่โรงครัว แล้วก็รีบเข้าห้องไปแต่งตัว ส่วนการอาบน้ำแน่นอนว่าในห้องเขามีห้องน้ำในตัว 

               “สวัสดีครับหลวงตาผมไปโรงเรียนก่อนนะครับ”  เด็กหนุ่มวิ่งออกจากวัดพร้อมไหว้หลวงตา
                “อืม รีบไปเถอะ เดี๋ยวจะสายนะ”  หลวงตามองรุ่งอรณวิ่งไปจนลับตาแล้วพูดว่า “เด็กคนนั้นชักเหมือนโยมเข้าไปทุกทีแล้วน่ะ  โยมอาทิตย์” พอหลวงตาพูดจบก็มีชายอายุ30กว่าๆปรากฎตัวขึ้นมาแล้วก็ยิ้มอย่างขำๆ  จากนั้นเขาก็ไหว้หลวงตาแล้วก็หายไป   
                  รุ่งอรุณวิ่งสุดชีวิตมาถึงป้ายรถเมล์ แล้วก็รีบขึ้นรถเมล์ทันที “โอ้ย นึกว่ามาไม่ทันแล้วเรา” เขาพูดปนหอบกับตัวเอง แล้วเขาก็เห็นอะไรบางอย่างบนรถเมล์  เป็นเด็กวัยรุ่นอาชีวะคนหนึ่งที่ชุ่มไปด้วยเลือดขณะที่คนอื่นบนรถเมล์เหมือนจะมองไม่เห็นอย่างที่เขาเห็น

                  “สงสัยรถคันนี้มีประวัติแฮะ” รุ่งอรุณพึมพำพร้อมมองไปนอกหน้าต่าง  และคิดว่าทำไมเขาต้องมีสัมผัสที่ 6 ด้วยนะ ทำไมเขาต้องมองเห็นผี  ตัวเขาเองก็สูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่ 5 ขวบ  แล้วอยู่กับคุณตาที่เป็นเจ้าอาวาสในวัด แต่เขาก็ไม่เคยเห็นพ่อแม่สักครั้งจะเห็นก็แต่คนอื่น 

                 เมื่อรถเมล์มาถึงหน้าโรงเรียนใหม่ของเขา รุ่งอรุณตื่นจากภวังค์เมื่อได้เห็นโรงเรียนใหม่ของตน  บรรยากาศภายในโรงเรียนถมึงทึงด้วยความมืด หอนาฬิกาที่เด่นตระหง่านแต่ดูอึมครึมแฝงไปด้วยปริศนาที่คลุมเครือกับความจริง

                 เขามองกำแพงของโรงเรียน มันแลดูสูงใหญ่คล้ายว่าด้านหลังกำแพงนั้นมีความลับบางอย่างซุกซ่อนอยู่  แม้ว่าจะเห็นยอดต้นไทรที่สูงจนพ้นขอบกำแพง ก็ไม่ได้ทำให้ความเร้นลับนั้นจางหายไป

                            โรงเรียนอรุณปัญญา

                 รันมองป้ายชื่อโรงเรียนแวบหนึ่งแล้วยิ้มที่มุมปากเดินเข้าไปข้างใน  ลมที่พัดกิ่งไทรปลิวไสวทำให้อาณาบริเวณนั้นดูเศร้าหมองไปถนัดตา แม้ว่าจะเป็นช่วงเช้าของวันก็ตาม

                 “ลุงครับ ให้ผมช่วยมั้ย” รันเห็นลุงคนหนึ่งท่าทางจะเป็นภารโรงถือกระบุงใส่ใบไม้อย่างทุลักทุเล

                 “อืม ขอบใจนะพ่อหนุ่ม” ศรชัยมองเด็กหนุ่มที่มาช่วยอย่างงงๆ แล้วก็กระบุงให้รัน

                 “ลุงครับ ห้อง4/4 อยู่อาคารไหนเหรอครับ”  รันถาม หลังจากเอาใบไม้ในกระบุงทิ้งถังขยะ

                  “อ๋อ เพิ่งเข้ามาใหม่เรอะ  ห้อง4/4 อยู่อาคารสี่ อาคารเดียวกับหอนาฬิกาที่ติดกับสนามบอลน่ะ” ศรชัยชี้ไปที่หอนาฬิกา

                   “ขอบคุณครับ” รันเดินผละจากศรชัยไปที่หอนาฬิกา

                   “ระวังตัวด้วยนะ อาถรรพ์ของโรงเรียนนี้ ไม่ค่อยชอบคนแปลกหน้า” ศรชัยพูดเบาๆด้วยเสียงที่เย็นยะเยือกแล้วกวาดใบไม้ที่เหลือใส่กระบุง โดยไม่รู้เลยว่ารันได้ยินเสียงที่เขาพูด

                 อาถรรพ์งั้นเหรอ  ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ แต่......

                ทำไม ผมต้องกลัวของสนุกๆแบบนั้นด้วยล่ะครับ

 

          

                 รันกำลังเดินไล่ห้องเพื่อหาห้องเรียน เนื่องจากตึกอาคารสี่ค่อนข้างใหญ่บวกกับเขาเป็นนักเรียนที่เพิ่งย้ายมายังไม่คุ้นกับที่ทางของโรงเรียนนี้  จึงสรุปได้ว่าตอนนี้เขากำลัง ‘หลงทาง’อยู่

           โครม!?!?

                 เพราะมัวแต่มองห้องไม่ได้มองทาง  รันจึงได้ชนใครบางคนแต่ฝ่ายที่ล้มคว่ำกลับเป็นเขาซะเอง

                 “เธอเป็นอะไรรึป่าว” ธันวายื่นมือจับรันที่กองอยู่กับพื้นให้ลุกขึ้น

                 “ไม่เป็นไรครับ  ขอโทษที่ชนนะครับ พอดีผมมัวแต่มองป้ายห้อง” รันจับมือที่ยื่นมา เขาสังเกตุว่าคนตรงหน้าคงเป็นอาจารย์ ถ้าดูจากการแต่งตัว

                 “เพิ่งย้ายมาใหม่เหรอ อยู่ห้องไหนล่ะ” ธันวาคลี่ยิ้มอย่างเป็นมิตร แต่ภายในดวงตาสีน้ำตาลเข้มกลับอ้างว้างโดดเดี่ยวเหมือนว่าเจ้าของตาคู่นั้นซ่อนเร้บความลับที่สำคัญไว้

                 “ห้อง4/4ครับ” รันยิ้มรับ

                 “อ้าว  ครูเป็นที่ปรึกษาห้องนั้นพอดี เอาไงดีล่ะจะเข้าแถวเคารพธงชาติแล้วด้วย” ธันวายกแขนดูนาฬิกาข้อมือ แล้วก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่ง

                 “อมรเวท!! พอดีเลย หลังเลิกช่วยพา เอ่อ....” ธันวาเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่รู้จักชื่อคนตรงหน้า

                 “รุ่งอรุณครับ” รันพูดแทรกขึ้น

                  “เธอพารุ่งอรุณเข้าห้องเรียนหน่อยสิ เขาอยูห้องเดียวกับเธอน่ะ” ธันวาผายมือไปทางอมรเวท

                  “ครับ อาจารย์” อมรเวทยิ้มละเมียดให้รัน ใบหน้าของเขาดูเป็นมิตรที่ไม่ได้เกิดจากการเสแสร้ง

           กริ๊งงงงงงง!?!?

 

                 “ออดเข้าแถวแล้ว พวกเธอรีบไปเถอะ” ธันวาเดินผละจากรุ่งอรุณและอมรเวทเพื่อไปที่สนาม

                  “ฉันชื่อน้ำ นายชื่ออะไรอ่ะ” อมรเวทพูดทำลายความเงียบระหว่างที่เดินลงอาคารไปที่สนามบอลเพื่อเข้าแถวหน้าเสาธง

                  “ฉันชื่อรัน นายเป็นเด็กเก่าเหรอ” รุ่งอรุณหันหน้าถามคนที่เดินข้างๆ

                  “อืม ฉันเรียนที่นี่มาตั้งแต่ม.1” อมรเวทยังคงเดินไปเรื่อยจนถึงสนามบอล

        

                 หลังจากเข้าแถวเคารพเสร็จอมรเวทพารุ่งอรุณมาห้อง4/4 ซึ่งเป็นห้องเรียนประจำของพวกเขา  ทันทีที่รุ่งอรุณเข้ามาในห้อง4/4 ทุกสายตาต่างมองมาด้วยเขาเนื่องด้วยสีผมที่สะดุดตาตัดกับใบหน้าที่ขาวนวลอันหล่อเหลาของเขาจนอาจทำให้นักเรียนหญิงที่อยู่ในห้องทุกคนหัวใจเต้นผิดจังหวะได้

                 “นายนั่งเก้าอี้ข้างๆฉันก็ได้นะ ยังว่างอยู่” อมรเวทว่างกระเป๋าไว้บนโต๊ะของตน ในขณะที่รุ่งอรุณเดินตามหลังเขามาติดๆ

                  “อืม ทำไมคนในห้องมองฉันแปลกๆจัง” รุ่งอรุณว่างกระเป๋าบนโต๊ะข้างๆอมรเวท

                 “ก็ผมนายเหลืองซะขนาดนั้น แถมหน้าตาหล่อยังกับนักร้องเกาหลี ไม่สะดุดตาก็แปลกเต็มทีแล้ว” อมรเวทนึกขันรุ่งอรุณ ในโรงเรียนของเขาไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์เรื่องทรงผมมากนั้น ใครจะทำผมทรงอะไร หรือสีผมอะไรก็ได้  แต่อมรเวทเลือกที่จะซอยผมธรรมดา ผมของเขามีสีดำซึ่งเข้าหน้าตาของเขา  อมรเวทเองก็มีหน้าตาที่หล่อไม่น้อยกว่ารุ่งอรุณ เขามีรูปร่างที่สูงโปร่งทำให้แลดูภูมิฐานต่างจากรุ่งอรุณที่ดูหล่อแบบน่ารัก

                 “น้ำ!!!!  พาใครมาด้วยเนี่ย หน้ายังกับพระเอกหนังเกาหลีแน่ะ” เสียงปริศนาที่ดังขึ้นทำให้สองหนุ่มหันไปตามเสียง

                “ เขาชื่อรุ่งอรุณน่ะ เป็นเด็กใหม่เพิ่งย้ายเข้ามา” อมรเวทหันไปคุยกับเด็กสาวที่เป็นเจ้าของเสียง

                

                

                 “นั่น แฟนนายเหรอ?” รุ่งอรุณขมวดคิ้ว

                 “ไม่ใช่ คนข้างหลังต่างหากล่ะ” อมรเวทส่ายหน้า

                 รุ่งอรุณหันมอง เขาเห็นเด็กสาวสองคนยืนอยู่  คนที่ยืนข้างหน้าและเป็นเจ้าของเสียง เธอมีหน้าตาที่สะสวยส่อแววลูกคุณหนู  ผิวขาวละมุนตัดกับผมสีน้ำตาลอ่อน  ส่วนคนที่อยู่ข้างหลังมีหน้าตาที่ค่อนข้างน่ารัก ดวงตาที่คมกลมโตทำให้เธอสวยแบบคมขำน่ารัก

                 “สวัสดี ฉันชื่อนัน นายชื่อเล่นอะไรล่ะ” นันทภาเอียงคออย่างน่ารัก

                 “รัน” รุ่งอรุณมองเด็กสาวที่บอกว่าเขาเหมือนพระเอกหนังเกาหลีอ  แล้วหันมองเด็กสาวอีกคนที่อยู่ข้างหลังนันทภา

                 “สวัสดี ฉันชื่อนาฏจันทร์ เรียกจันทร์เฉยๆก็ได้” รุ่งอรุณพยักหน้าเล็กน้อย

                 “ไง เพื่อนใหม่” รุ่งอรุณมองเจ้าของเสียงนั้น เห็นเด็กหนุ่มที่ยิ้มจนตาหยีมาให้เขามีผมดำสนิทตัดกับผิวที่ขาว ภายในดวงตามีแต่ความทะเล้นปนซุกซน มันทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากเวลาที่จ้องมอง

                 “ฉันชื่อเพทาย” รุ่งอรุณพยักให้เขาเล็กน้อย แล้วหันไปมองเด็กหนุ่มสองที่พูดถึงเรื่องการบ้านฟิสิกส์ เพราะพวกเขาพูดกันเสียงค่อยข้างดัง

                 “ไอ้กร  ฉันไม่เข้าใจการบ้านฟิสิกส์ข้อยี่สิบว่ะ”

                 “เหรอ  ข้อสุดท้ายแล้วนี่  มันคงดีมากถ้านายไม่ไล่ถามฉันตั้งแต่ข้อหนึ่งนะไอ้เจีย”

                 “ก็...ก็มันไม่เข้าใจเลยซักข้ออ่ะ”

                 “หืม” รุ่งอรุณนึกขันกับคำพูดของเด็กหนุ่มทั้งสอง

                 “สองคนนั้นน่ะ เป็นเพื่อนในกลุ่มฉันเอง  คนที่ตาตี่ๆ ชื่อ กร ส่วนคนตัวใหญ่ชื่อ เจีย” อมรเวทชี้ไปทางที่นั้งของสองคนนั้น ดูเหมือนเด็กหนุ่มทั้งสองจะรูว่ามีคนกำลังกล่าวถึงพวกเขาอยู่

                 “หวัดดี นายเป็นเด็กใหม่ใช่มั้ย ฉันชื่อกร” กรเลิศเดินเข้ามาในกลุ่มเพื่อหนีเจียระไน

                 “ฉันชื่อเจียนะ ไอ้กรนายยังไม่ได้อธิบายข้อยี่สิบให้ฉันฟังเลยนะ” เจียระไนแนะนำตัวให้รุ่งอรุณพร้อมกับตามตื้อกรเลิศ

                 “ให้ฉันช่วยอธิบายให้มั้ย” เสียงเด็กสาวปริศนาดังขึ้น  รุ่งอรุณหันมองด้วยความอยากรู้ว่าผู้เป็นเจ้าของเสียงนั้นคือใคร  เธอเป็นเด็กสาวที่หน้าตาน่ารัก ดวงตากลมโตที่ดูใสซื่อ ใบหน้าที่เรียวได้รูป เวลาเธอยิ้มให้เจียระไนเหมือนกับว่าตาเธอยิ้มตามไปด้วย

                 “จริงเหรอ เพียง” เจียระไนถามเพียงฤทัยอย่างดีใจ

                 “อืม” เพียงฤทัยพยักหน้าเล็กน้อย

                 “เธอคนนั้นน่ะ ชื่อเพียง  แอบชอบล่ะซิ จ้องใหญ่เลย” เพทายกอดคอรุ่งอรุณอย่างสนิทสนม

                 “ก็แค่คิดว่าตอนยิ้มเขาก็น่ารักดี ” ตั้งแต่เข้าห้องมาตอนแรกรุ่งอรุณได้สังเกตุเพียงฤทัย เธอเป็นอะไรที่สะดุดตามาก เพราะหญิงสาวเอาแต่นั้งอ่านหนังสือเหมือนกับว่ามีโลกส่วนตัวที่ไม่ให้คนอื่นย่ำกรายผ่านไปได้  แววตาเธอในครั้งแรกมีแต่เความเศร้าสร้อย บรรยากศรอบตัวมีแต่ความเย็นยะเยือกจนน่าขุนลุกคล้ายแฝงความนัยน์บางอย่าง ตอนนี้รุ่งอรุณได้พอใจความอยากที่จะหยั่งถึงความในใจของหญิงสาว

                 ไม่นานนักเพียงฤทัยก็อธิบายการบ้านให้เจียระไนเสร็จ  เธอเงยหน้าขึ้นพอดีกับรุ่งอรุณมองเธอ สายตาทุกคู่สบกันพอดี

                     ช่วย...ฉัน ด้วย  ใคร...ก็ได้ ช่วย....ด้ว...

                     ได้...โปรด ฉัน...ทร..มาน เหลือ...เกิน

                 จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นในโสตประสาทของรุ่งอรุณ  มันเป็นเสียงที่เขาได้ยินในฝันซึ่งเป็นสาเหตุทำให้หลับไม่เต็มตื่นเมื่อคืนนี้และก่อนหน้านี้อีกหลายสัปดาห์ด้วย  เสียงนั้นเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆจนรุ่งอรุณเริ่มปวดหัว

                 “นายเป็นอะไรอ่ะรุ่งอรุณ  หน้าซีดเชียว” อมรเวทเดินเข้ามาใกล้ๆรุ่งอรุณ

                 “เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับนะก็เลยปวดหัว” รุ่งอรุณก้มหน้ากุมขยับนั่งลงบนเก้าอี้  โชคดีที่เสียงนั่นเงียบไปแล้ว ไม่งั้นเขาต้องสติแตกแน่ๆ

                 “ไปห้องพยาบาลมั้ย” นาฏจันทร์ถาม

                 “ไม่ล่ะ ตอนนี้ค่อยยังชั่วแล้ว” รุ่งอรุณเงยหน้าตอบ

                  “แต่หน้านายยังซีดอยู่เลย ฉันว่าไปห้องพยาบาลดีกว่านะ” นันทภาไม่พูดป่าว เธอดึงแขนรุ่งอรุณลุกขึ้นจากโต๊ะพาเดินออกจากห้องไป

                  “นี่เธอ เบาๆ สิ เดี๋ยวรุ่งอรุณก็ล้มหรอก” เพทายเข้ามาประคองรุ่งอรุณไว้ รุ่งอรุณเกิดอาการหน้ามืดจากการเปลี่ยนอิริยาบถอย่างกระหันทัน 

                 “ฉันหน้ามืดอ่ะ ค่อยๆเดินได้มั้ย” รุ่งอรุณโดนลากทึ้งลงบันไดโดยเพื่อนทั้งสอง นันทภา....เจ้าแม่เสียงสิบแปดหลอด  เพทาย....เด็กหนุ่มจอมทะเล้น ทั้งสองพารุ่งอรุณกึ่งวิ่งกึ่งเดินโดยไม่รู้เลยว่าการเดินลงบันไดโดยไม่เห็นทางนั้น สร้างความหวาดเสียวให้กับรุ่งอรุณมากเพียงใด

                 “เกิดอะไรขึ้น!”  เมื่อเสียงของชายหนุ่มปริศนาดังขึ้น     รุ่งอรุณจำได้แม่นว่า...เป็นเสียงของธันวา

                 “อยู่ๆรุ่งอรุณหน้ามืดน่ะค่ะ ก็เลยจะพาเขาไปห้องพยาบาล” สีหน้านันทภาบอกถึงความกังวล

                               ก็เธอเล่นลากฉันมา  แบบไม่ให้ตั้งตัว

                              ฉันถึงได้หน้ามืดยังงี้ไงล่ะ

                 “’งั้นรีบพาเขาไปห้องพยาบาลเลยดีกว่า” ธันวาเดินนำลงบันได เพราะห้องพยาบาลอยู่ชั้นล่าง

                 “ครับ” เพทายกำลังประคองรุ่งอรุณลงบันไดโดยมีนันทภาช่วย แต่แล้วเขาสะดุดอะไรบางอย่างจนเสียหลัก  ทำให้รุ่งอรุณและนันทภาเซตามเพทายไปด้วย  รุ่งอรุณรับรู้ว่าตัวเองกำลังเสียการทรงตัวเขาจึงคว้าจับราวบันไดแน่นโดยสัญชาติญาณ นันทภาถูกอาจารย์ธันวารั้งตัวไว้ทันก่อนจะตกบันได  เมื่อรุ่งอรุณที่เกาะราวบันไดอยู่เริ่มทรงตัวได้อีกครั้ง เขารู้สึกถึงการหายไปของใครบางคน

                 รุ่งอรุณพยายามปรับสายตาลงไปที่ปลายบันไดข้างล่าง เขาเห็นใครบางคนนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น ภาพที่เลือนลางเริ่มชัดขึ้น  รุ่งอรุณรู้แล้วว่า ใครบางคนที่หายไปเมื่อได้เห็นเพทายนอนนิ่งราวกับศพอยู่ที่ปลายบันได  

                          กรี้ดดดดด!!!!!!!

                 เมื่อกรีดร้องของนันทภาดังขึ้น  สติสัมปชัญญะของรุ่งอรุณเกิดเป็นอัมพาตชั่วคราว ความหนาวเย็นก็เริ่มไต่ขึ้นจากปลายไล่ขึ้นถึงศีรษะ ในขณะที่เขาสับสนอยู่นั้น..............

                 “รีบพาเพทายไปห้องพยาบาลเถอะ” จู่ๆเพียงฤทัยก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ เธอพูดด้วยเสียงที่เย็นเฉียบจนน่าขนลุก

                         นี่นะเหรอ อาถรรพ์ของโรงเรียนนี้

                        คงไม่ใช่แล้วล่ะมั้ง  นี่มันโรงเรียนต้องสาปชัดๆ!!!!!!!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา