เพลิงสวาท... รุ้งมารายา
9.2
6) มิอาจสู้หน้า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ ๖
เปลือกตาของชายหนุ่มเปิดขึ้นช้าๆ เมื่อได้รับการปลุกเร้าโดยแสงแดดอ่อนๆ ในยามเช้า สิ่งแรกที่เขาต้องการพบเพื่อต้อนรับอรุณใหม่คือใบหน้าของเธอ กฤตกรขยับกายพลิกตัวไปด้านข้างพร้อมสองมือที่เอื้อมไปลูบคลำ ทว่ากลับไม่พบสัมผัสอันคุ้นเคย
“จรรย์อมล...” น้ำเสียงประหลาดใจ
ชายหนุ่มลุกลงจากเตียง เดินสำรวจไปรอบๆ ห้อง รวมถึงในห้องน้ำ แต่ก็ไม่พบร่างระหงของคนรักเลย “ไปไหนนะ?” บ่นพึมพำ
กฤตกรสวมชุดคลุมผ้าแพรสีทองแล้วเปิดประตูออกจากห้อง โดยไม่คาดคิดก็พบกับพี่ชายซึ่งเดินผ่านมาพอดี กฤตพจน์สะดุ้งตกใจหน้าซีดลงเล็กน้อยเร้าให้น้องชายต้องกระตุกยิ้มขัน
“ผมไม่ใช่ผีนะพี่”
คนถูกแซวแสยะยิ้มเจื่อน “อรุณสวัสดิ์” พร้อมทักทายเสียงแปร่งปร่า
เขาอยู่ในชุดลำลองแบบเรียบง่าย แต่ก็เป็นแบรนด์เนมราคาแสนแพง เสื้อโปโลสีครีมคอปกกับกางเกงขาสั้นสามส่วนสีขาว
“กู๊ดมอร์นิ่งครับ”
คนเป็นพี่พยักหน้า แล้วแอบชำเลืองมองเข้าไปยังห้องของน้องชายที่กำลังจะปิดประตูลงพอดี
“ว่าแต่มีอะไรรึเปล่าครับ เหมือนกับพี่กำลังจะมาที่ห้องผมเลย”
กฤตพจน์ยกไหล่ ก่อนจะสายหน้าเร็วๆ “เปล่า” ตอบสั้นๆ
“จริงสิ ว่าแต่พี่เห็นมลรึเปล่าครับ?”
“มล!” คนถูกถามเผลอทวนคำเสียงดัง
“เห็นหรือครับ เธออยู่ไหน?” กฤตกรถามต่อ ท่าทางใคร่รู้
“ไม่ พี่ไม่รู้ เธอไม่ได้อยู่ในห้องหรอกเหรอ?” แสร้งตีหน้าซื่อ
อันที่จริงเป็นเพราะสันหลังหวะ เรื่องเมื่อคืนกลายเป็นชนักติดหลังเขาไว้อย่างแน่นหนา พอสร่างเมาก็รับรู้ได้ว่าความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ตัวเองทำลงไปคืออะไร มันไม่ใช่ความต้องการของเขา ที่จริงอาจจะใช่ แต่ก็ไม่ได้เกิดในช่วงที่เขาพร้อมจะยับยั้งชั่งใจ มันออกมาจากจิตใต้สำนึก จิตใจที่มีความปรารถนาแรงกล้า และหล่อนเป็นผู้ท้าทายเขา...
และเมื่อตระหนักรู้ถึงความเหมาะสมก็เกิดเข้าหน้ากับน้องชายไม่ติดเสียแล้ว ถึงอย่างไรตอนนี้จรรย์อมลก็คือคนรักของน้องชาย แม้อดีตจะไม่ใช่ก็เถอะ ดูปราดเดียวก็รู้ว่าเจ้าน้องชายตัวดีไม่ยอมโงหัวจากผู้หญิงคนนี้ นั่นเพราะรักมาก หรือไม่ก็หลงมาก ถ้าหากรู้ว่าผู้หญิงในหัวใจของตัวเองเคยตก... หรือตกเป็นของพี่ชายแล้วจะรู้สึกอย่างไร
เขารู้จักน้องชายดี กฤตกรต้องไม่ยอมแน่ๆ รวมทั้งจรรย์อมลเองด้วย เขากับเธอคงต้องกลายเป็นคนชั่วร้ายไปในทันทีหากน้องชายรู้ความจริง
อีกคนคือพี่ชายบังเกิดเกล้า ส่วนอีกคนคือแม่ยอดทูนหัว...
ช่างเป็นเรื่องน่าขันจริงๆ เมื่อรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจเหลือเกิน เขาเดาแผนการของเธอออกแล้ว ก็เพื่อเป็นการล้างแค้นที่เขาสลัดเธอทิ้งอย่างไม่เหลื่อเยื่อใย แต่ทว่า... ก็ต้องก้มหน้ารับมันไป ในเมื่อเธอทำสำเร็จแล้ว เขาตกหลุมพรางเธอแล้ว สุดท้าย... เขากับน้องชายก็จะต้องเป็นศัตรูกัน และนั่นจะเป็นสิ่งที่เขาเจ็บปวด ซึ่งมันคือความจริง...
...เธอฉลาดเหลือเกิน จรรย์อมล...
เมื่อคืนนั้นจบลง ทั้งคู่ก็แยกย้ายก่อนฟ้าจะสาง เขาเองก็ไม่รู้ว่าหล่อนกลับมาที่ห้องรึเปล่า และถ้าเข้าไปแล้ว จะอธิบายกับกฤตกรอย่างไร เขาระแวงเหลือเกิน... ยอมรับความจริงในใจ
“หายไปไหนแต่เช้านะ” กฤตกรบ่นพึมพำแล้วเดินลงบันไดไป
อีกฝ่ายหันไปชะเง้อมองหาอีกครั้งก่อนจะเดินตามลงไป หยุดค้างที่ด้านหลังของน้องชายเมื่อเห็นกระต่ายวิ่งแจ้นเข้ามา
หล่อนมองนายน้อยทั้งสองสลับไปมา แต่สายตาแปลกๆ กับหยุดอยู่ที่กฤตพจน์ เจ้าตัวก็เพิ่งนึกขึ้นได้ แต่ด้วยต้องรักษามาด จึงต้องแกล้งเบือนหน้าหนี ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“มีอะไรก็ว่ามาสิกระต่าย” กฤตกรเอ่ยถาม เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่พูดอะไรสักที
หล่อนกระตุกตัวเองคล้ายอาการตกใจ ก่อนจะละล่ำละลักแจ้งบอกความออกไป “คุณมลค่ะ”
“มล? ทำไม มลเป็นอะไร?” นายน้อยถามเสียงตื่น ทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ เขาก็เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยทันที
“คือว่า...”
“รีบบอกมาสิกระต่าย” กฤตพจน์เองก็ร้อนใจเช่นกัน แต่ยังคงต้องรักษาอาการไว้
“ทำไมพวกคุณๆ ต้องทำหน้าตื่น เหมือนกลัวอะไรด้วยล่ะคะ?”
“ยังจะมาถามอีก ก็ฉันร้อนใจน่ะสิ ตกลงว่ายังไง เกิดอะไรขึ้นกับมลรึเปล่า?” กฤตกรขมวดคิ้วยุ่ง ไม่สบอารมณ์กับคำถามของสาวรับใช้
“เปล่าหรอกค่ะ กระต่ายยังพูดอะไรไม่จบ พวกคุณก็ตื่นตูมกันไปก่อน” หล่อนเบ้ปาก “ ที่วิ่งมาจะบอกว่าคุณมลอยู่ในครัวน่ะค่ะ แล้วให้กระต่ายมาปลุกคุณไปทานข้าว ดีแล้วล่ะค่ะที่ตื่นกันแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียเวลายืนเรียกให้กับข้าวมันเย็นจนชืดไปเสียก่อน” ว่าด้วยอาการปากยื่นปากยาว
“เดี๋ยวนี้ชักพูดมากใหญ่แล้วนะ รู้มั้ยว่าพวกชอบพูดเพ้อเจ้อน่ะ ตายไปจะไปเกิดเป็นผีปากยาว ยาวเหมือน...”
“เหมือนอะไรคะ?”
“เหมือนจมูกของพิน็อคคิโอ้ไงล่ะ รู้จักมั้ย?”
“คุณกร!”
“ฉันดีใจที่เธอรู้จักนะ” ตอบกลับหน้าทะเล้นแล้ว ชายหนุ่มก็พาตัวเองเดินไปที่ห้องครัวอย่างสบายอารมณ์
แต่กระต่ายก็ต้องสงบเสงี่ยมลงทันควันเมื่ออยู่กับกฤตพจน์สองต่อสอง เขามองหน้าหล่อนด้วยแววตาเรียบเฉย ไม่สามารถคาดเดาความคิดในใจได้เลยแม้แต่น้อย หล่อนจึงได้แต่ก้มหน้างุด หลบสายตาพัลวัน ยิ่งนึกถึงภาพเมื่อคืนแล้วก็ยิ่งให้หวั่นไหว ร่างกำยำอันเปลือยเปล่า... ใจของหล่อนเต็มโครมครามผิดจังหวะอีกครั้งอย่างไม่ตั้งใจ
“เงยหน้าขึ้นซิ”
“คะ?” หล่อนกระตุกหน้าขึ้นอัตโนมัติ
“เรื่องเมื่อคืน...”
“คุณพจน์...”
“เธอเห็น... ใช่มั้ย?”
กระต่ายกลืนน้ำลายลงคอ แล้วพยักหน้ายอมรับช้าๆ “ค่ะ...” ตอบรับเสียงแผ่ว
“เธอเห็น?”
“ค่ะ” พยักหน้าอีกครั้งพร้อมแววตาสงสัย
“ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้าย เธอเห็นมั้ย?” แววตาวาวโรจน์ของเขาส่งประกายบางอย่างให้หล่อน
ความสับสนแปรเปลี่ยนเป็นความเข้าใจ สาวรับใช้พยักหน้าแล้วรับเปลี่ยนเป็นส่ายหน้าในวินาทีถัดมา “ไม่ค่ะ กระต่ายไม่เห็น เมื่อคืนนี้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี”
คำตอบของหล่อน ทำให้เขาพอใจ เผลอยิ้มบางๆ ออกมาให้อีกฝ่ายใจชื้น
“ถ้างั้นกระต่ายขอตัวก่อนนะคะ” ว่าพร้อมกับหมุนตัวจะเดินจากไป แต่ก็ถูกฉุดรั้งไว้ด้วยเสียงเรียกอีกครั้ง
“เดี๋ยว”
หมุนตัวกลับมาโดยพลัน “คะ?”
“มีอีกเรื่องที่ต้องบอกให้เธอรู้” ชายหนุ่มก้าวลงบันไดจากขั้นสุดท้าย หยุดยืนอยู่กับที่พร้อมสองมือล้วงกระเป๋า “เรื่องคุณมล...”
“กระต่ายต้องทำอย่างไรคะ?”
“เธอคิดว่าเธอควรจะรู้จักเขารึเปล่า”
“แต่คุณมลเคยเป็น... เอ่อ เธอเคยคบหากับคุณมาก่อนนี่คะ?”
“นั่นมันเป็นอดีตแล้ว ตอนนี้มลคือคนรักของกรน้องชายฉัน เขายังไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ความจริง เพราะฉะนั้นเธอควรต้องทำอย่างไร ฉันคงไม่ต้องอธิบายหรอกนะ”
หญิงสาวนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะผงกศีรษะสองสามทีอย่างเข้าใจ
“เธอฉลาดดี” ยิ้มบางๆ อีกครั้งแล้วจึงเดินกลับไป ทิ้งความสับสนให้ประทุขึ้นอย่างรุนแรงในใจของคนที่เหลือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเจ้านายทั้งสามคน
จรรย์อมรกำลังง่วนจัดอะไรบางอย่างบนโต๊ะอาหารในห้องครัว กฤตกรเดินอ้อมไปด้านหลังแล้วคล้องมือทั้งสองข้างไปที่ช่วงเอวกิ่วคอดของหล่อน พร้อมกับลอบจุมพิตที่ด้านข้างอย่างถือวิสาสะ
“คุณนี่ล่ะก็...”
“เป็นการทำโทษ”
“เรื่องอะไรคะ?” หล่อนแสร้งถาม ขณะสองมือยังคงจัดวาง
“ก็เรื่องที่จู่ๆ คุณก็หายไป รู้มั้ยว่าผมเป็นห่วง”
จรรย์อมรหมุนตัวกลับมาประจันหน้ากับคนรัก ลำตัวของทั้งคู่แนบชิดอิงแอบกัน หล่อนเบ้ปากให้เขาพร้อมยื่นปลายจมูกไปชนกัน “ฉันล่ะอยากจะเห็นสีหน้าของคุณตอนนั้นจริงๆ”
“ผมไม่ชอบเลยนะมล”
“แต่ฉันจะแกล้งคุณอีก อยากจะรู้ว่าถ้าฉันหายไป คุณจะตระหนกขนาดไหน ถ้าไม่มีฉัน สีหน้าของคุณจะเป็นอย่างไร” หล่อนเย้าสีหน้าระรื่นชอบใจ
“อย่านะจรรย์อมล คุณอย่าทำแบบนั้น แม้จะเป็นแค่เรื่องล้อเล่นก็อย่าทำ” ดวงตาคมดูเศร้าสร้อย “ผมรักคุณเข้าแล้ว” กระซิบบอกแต่ฟังชัดเจน “รักมากอย่างที่ไม่เคยมอบให้ผู้หญิงคนไหนมาก่อน เพราะฉะนั้น ผมไม่ยอมเสียคุณไป ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม คุณจะต้องอยู่ข้างกายผมคนเดียวเท่านั้น”
ประกายตาของเขาจริงจังเสียจนจรรย์อมรไหวหวั่น น้ำเสียงที่ไม่ได้สะท้อนว่าเป็นเรื่องล้อเล่น...
“บอกผมมาสิมล ว่าคุณก็คิดเช่นนั้น ตอนนี้คุณรักผม และก็อยากจะอยู่กับผมตลอดไป...”
ตรงกันข้ามเพราะดวงตาของหล่อนสั่นระริก คำร้องขอของเขาทำให้ราวกับอุณหภูมิให้หัวใจลดลงจนติดลบ มันเย็นยะเยือก...
...น่ากลัวเหลือเกิน...
“คุณต้องสัญญากับผมนะ ว่าจะไม่ทิ้งผมไป จะไม่ทำร้ายผม ไม่ว่าทางใดก็ตาม เพราะมันคง...”
“ทำไมคะ?” ถามออกไปไวเท่าความคิด อันเกิดจากความหวาดหวั่น
“อยู่ไม่ได้น่ะสิ...” ชายหนุ่มตอบพร้อมรอยยิ้มบางๆ ดูอบอุ่นเหมือนแสงอาทิตย์ยามเช้า หากแต่ทว่ามันไม่ได้ช่วยทำให้ข้างในของหล่อนระรุมขึ้นมาเลย
เขาคือผู้ชายที่เทิดทูนความรัก มีหัวใจอันแน่วแน่และเด็ดเดี่ยวกับมัน คงจะเหมือนพี่สาวของหล่อน ไม่ต่างกันเลย เขาอาจจะยอมตายถ้าความรักสร้างความเจ็บปวดทรมานให้กับเขา ยอมจากไป... ดีกว่าอยู่อย่างไร้ความหมาย...
“แน่นอนค่ะ ฉันรักคุณ และจะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป...”
มันคือคำมั่นสัญญาของคนโกหก ไม่ได้ออกมาจากใจ หล่อนตอบออกไปอย่างนั้นด้วยหัวใจของผู้ชนะ ไม่ใช่ความรักอันน่าขยะแขยงอย่างที่เขาต้องการ หากแต่เป็นอย่างที่เขาพูด ย่อมหมายถึงการล้างแค้นที่สำเร็จลุล่วงตามเป้าประสงค์ สุดท้ายมันจะจบอย่างไรนั้น หล่อนเองก็อยากรู้ใจจะขาดแล้วเหมือนกัน
ท่ามกลางความรักที่แสดงออกกันอย่างเปิดเผย ความหวานกลิ่นหอมรสละมุนละไมในยามเช้ายังมีดวงตาคมคู่หนึ่งซึ่งกำลังจับจ้องอยู่ แอบมองภาพนั้นอย่างขมขื่น เป็นไปอย่างทรมาน ความจริงที่อัดแน่นอยู่เต็มอก กำลังย้อนกลับมาเล่นงานเขาอย่างร้ายกาจ
น้องชายของตนกำลังกอดรัดดูดดื่มกับอดีตคนรัก ช่างน่าขันเสียจริง แต่นั่นไม่ใช่เพราะโลกกลม กลับเป็นความตั้งใจของใครบางคน ความต้องการทำลาย เพราะเหตุจากความแค้น...
จรรย์อมลเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน ไม่คิดฝันว่าเธอจะเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้ เปลี่ยนทั้งกาย เปลี่ยนทั้งใจ...
เธอเคยเป็นผู้หญิงในอุดมคติคนหนึ่ง มีจริตจกร้านน้อยนิด เสน่ห์ของเธอคือความห้าวหาญไม่ยอมคน ด้วยความแตกต่างนี้ จึงสามารถกุมหัวใจของเขาไว้ได้ รสชาติแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยได้พบเห็นที่ไหนมาก่อนในบัญชีรายชื่อผู้หญิงของเขาเอง
หากแต่ว่าวันนี้ เธอกลับเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ตรงข้ามจากเดิมทั้งหมด เหมือนไม่ใช่... ทั้งการแสดงออกอย่างเปิดเผย คำพูดคำจา ยังความคิดอันร้ายกาจนั่นอีก รวมทั้งเรื่องบนเตียงก็ด้วย แม้คืนนั้นจะเมา แต่ก็รู้ว่าเธอสู้ตายเหมือนกัน
สลัดความคิดฟุ้งซ่านแล้วจึงเดินอาดๆ เข้าไปเลื่อนเก้าอี้ลงนั่งโดยไม่สนใจว่าใครจะยืนทำอะไรอยู่ก่อนนั้น
เมื่อมีบุคคลที่สามเข้ามาโดยยังไม่ได้รับเชิญ ทั้งสองจึงผละออกจากกัน กฤตกรเลื่อนเก้าอี้ลงนั่งตามบ้างขณะที่จรรย์อมรก็ตระเตรียมอย่างอื่นต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พี่คงไม่ได้มาทำลายช่วงเวลาอันแสนสุขของนายหรอกนะ?” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยแซว พร้อมกับคว้าหนังสือพิมพ์ฉบับล่าสุดบนโต๊ะขึ้นมากางอ่าน
กฤตกรกระแอมเบาๆ ขณะเดียวกันกับที่จรรย์อมรก็เลื่อนเก้าอี้ลงนั่งข้างๆ “ไม่หรอกครับ แต่คิดว่าพี่อาจจะต้องทำความคุ้นเคยกับภาพนี้ให้มากขึ้น”
กฤตพจน์แอบชำเลืองน้องชาย
“กระต่ายจ๊ะ” เสียงร้องเรียกของจรรย์อมรดังแทรกขึ้น
“คะ คุณมล?” สาวใช้ปรี่ตัวเองมาอย่างเร็วรี่
“ช่วยยกจานแซนวิชแฮมไก่มาให้คุณพจน์ที เผอิญว่าฉันลืม”
ดวงตาคมเลื่อนจากน้องชายไปที่หญิงสาวแสนสวยแทน หล่อนหันสบตากับเขาพร้อมยิ้มทักทายน้อยๆ ราวกับว่าเมื่อคืนนี้ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลย
“มื้อเช้านี้เป็นแซนวิชไก่ทั้งหมดเหรอกระต่าย?”
“ค่ะ คุณพจน์...” กระต่ายตอบ ขณะวางจานอาหารลงตรงหน้า “คุณมลเธอเป็นคนเข้าครัวเองเลยค่ะ” หล่อนขยายความ
“แล้วอย่างนี้นายจะกินได้เหรอกร”
“ทำไมครับพี่พจน์ ทำไมผมต้องกินไม่ได้ด้วย?”
ชายหนุ่มเบือนสายตากลับไปที่หน้าหนังสือพิมพ์อีกครั้ง “ก็เมื่อวันก่อน นายยังบ่นกับกระต่ายว่าเบื่อเบรคฟัสต์แบบฝรั่งอยู่เลย เห็นว่าเอียนเต็มทน แล้วนี่นายจะกินลงเร๊อะ”
จรรย์อมรเชิดหน้า รับรู้การเหน็บแนมอยู่ในที
“ไม่มีปัญหา ต่อให้เบื่อจนจะอ้วกขนาดไหน ถ้าเป็นฝีมือมลล่ะก็ ผมยอมกินเกลี้ยงจานเลยเชียว” ว่าพร้อมกับหันไปยิ้มร่าเริงให้กับคนรัก “ป้อนผมหน่อยสิครับ”
“บ้าหรือคะ พี่ชายคุณนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคน”
“ไม่เห็นจะต้องใส่ใจเลย พี่ชายผมเขาไม่ถือหรอก เพราะแต่ก่อนเขาดูจะทำยิ่งกว่านี้ซะอีก”
หล่อนแสร้งหัวเราะขบขัน “ยังไงคะ?”
“สาวๆ ไม่เว้นหน้า มาทีต้องไม่น้อยกว่าสองคน แถมยังนัวเนียกันกลางบ้านนั่นแหละ”
กฤตพจน์พับหนังสือพิมพ์แล้ววางกระแทกลงบนโต๊ะ “นายชักจะพูดมากไปแล้วนะไอ้น้องชาย”
“ผมพูดเรื่องจริง” ชายหนุ่มหน้าทะเล้น
“ตอนนี้นายมีคนของนายแล้ว” ว่าพลางชำเลืองมองอีกคน “เอาเป็นว่าเราสองพี่น้องจะอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะเฮ้าส์เมทเท่านั้นละกัน ถ้าทำเป็นเหมือนว่าไม่รู้จักกันก็ยิ่งดี ต่างคนต่างอยู่ ส่วนตอนนี้ฉันจะกินข้าว ขอให้คุณสองคนมีความสุขกับมื้อนี้นะครับ อ้อ ขอบคุณสำหรับส่วนของผมด้วย” พูดจบแล้วก็ก้มหน้าก้มตาจัดการกับของอร่อยตรงหน้าต่อไป
กฤตกรหันมองหน้ากับจรรย์อมรแล้วหลุดขำ ดูเหมือนพี่ชายเขาจะขี้เล่นมากกว่าที่คิดเสียอีก
นั่งเงียบกันไปได้สักครู่ กฤตกรก็นึกเรื่องที่อยากจะประกาศบอกทุกคนขึ้นมาได้ เขากระแอมเบาๆ ก่อนจะเริ่มพูด “ทุกคนครับ...”
ทั้งจรรย์อมรและกฤตพจน์เงยหน้าขึ้นมองไปทางต้นเสียง ก็ได้แต่ปั้นแต่งสีหน้าฉงนออกมาพร้อมกัน
“ผมอยากจะบอกว่า ผมอยากให้จรรย์อมลมาอยู่ที่นี่น่ะครับ”
เจ้าตัวจ้องเขม็ง “หมายความว่าไงคะคุณกร?”
คนเป็นพี่ชายก็สนใจอยากรู้เหมือนกัน
“ผมอยากให้คุณมาอยู่ทีนี่กับผมน่ะ คุณอยู่คอนโดคนเดียวผมเป็นห่วง” บอกพร้อมประกายตากังวล “มาอยู่ซะด้วยกันที่นี่ นอกจากหมดห่วงแล้ว ผมยังไม่ต้องทนทรมานคิดถึงคุณด้วย” สีหน้าจริงจัง
“คุณกรคะ...”
“ผมคิดมาตลอดทั้งคืนแล้ว”
จรรย์อมรแสร้งขมวดคิ้วครุ่นคิด หากแต่ในใจของหล่อนนั้นยินดีเหลือเกิน ยินดีกับการเชิญชวนของเขา แทบจะกรีดร้องออกมาอยู่แล้ว
...ช่างไม่รู้อะไรเสียเลยกฤตกร คุณกำลังทำให้แผนการที่ฉันวางไว้ง่ายขึ้นไปอีก ง่ายมากๆ แม้คุณจะไม่ร้องขอฉัน ฉันก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้อยู่ดี...
ลอบกระหยิ่มยิ้มย่อง
“นะครับมล...” กฤตกรดึงมือของหล่อนมากุมไว้
“คือว่าฉัน...” หล่อนแกล้งเบือนสายตาไปยังอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย
เขาแค่นหัวเราะหนึ่งทีแล้วเสหน้าไปทางอื่น พลางคิดว่ามารยาของเธอช่างเยอะจริงๆ
“พี่พจน์มีความเห็นว่ายังไงบ้างครับ?”
หันกลับมามองน้องชายด้วยใบหน้าไม่แสดงอาการ “นายต้องการให้พี่คิดยังไงล่ะ ถ้าพี่ปฏิเสธ... นายจะยอมมั้ย?” คิ้วข้างหนึ่งถูกยกขึ้นพร้อมมุมปาก
จรรย์อมรจ้องใบหน้ายียวนนั้นเขม็ง เขาก็สบตาหล่อนอย่างสะใจ
“ถ้างั้นผมไม่ถามพี่ดีกว่า เพราะยังไงผมก็จะให้มลอยู่ที่นี่”
คำตอบของคนข้างกายทำให้หล่อนยิ้มได้ และยิ้มอย่างเย้ยหยันให้อีกฝ่ายที่กำลังก่อสงครามกันอย่างเงียบๆ อีกด้วย
“เพราะอย่างไรผมก็เป็นเฮ้าส์เมทของพี่ มีสิทธิครึ่งหนึ่ง อีกอย่างเราไม่ได้ตั้งกฎข้อห้ามในส่วนนี้เอาไว้ เพราะฉะนั้นเป็นอันว่าเคลียร์”
บทสรุปจบของน้องชายทำให้กฤตพจน์ออกอาการเซ็งอย่างไม่ปกปิด “ก็แล้วแต่ ฉันคงทำอะไรไม่ได้ อยากทำอะไรก็ทำเถอะ” บอกน้ำเสียงปลงๆ แล้วก็ก้มหน้าก้มตาจัดการแซนวิชส่วนที่เหลือต่อไป
ตอนนี้จรรย์อมรรู้สึกสมเพชเขาเหลือเกิน แค่นี่ก็ทำท่าจะแพ้ ย่อยยับไม่เหลือกซากเสียแล้ว ส่วนเรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้น หล่อนรู้ดีแก่ใจ จำได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่พวกปลาทองความจำสั้นเสียหน่อย ยิ่งมันควรค่าแก่การฝังจำด้วยแล้ว หล่อนย่อมไม่มีวันลืมแน่
หากแต่จะไม่ยอมให้มันจบเพียงครั้งเดียว ไม่ใช่เหตุผลหลักเพียงแค่ติดใจ หล่อนจะต้องทำให้เขาสับสนว้าวุ่นในใจอย่างถึงที่สุด ทำให้มันระเบิดออกมาตูมเดียวแล้วตายกันหมด ใช่ เขาจะเป็นคนทำร้ายน้องชายสุดที่รักของตัวเอง
อย่างไรเสีย ตอนนี้หล่อนก็ได้เข้ามาเป็นสมาชิกอีกหนึ่งคนในบ้านหลังนี้แล้ว คงจะจัดการอะไรๆ ได้ง่ายดายยิ่งขึ้น
จรรย์อมรเหลือบตาขึ้นมองกระต่าย สาวใช้ที่ดูจะเป็นประโยชน์กับหล่อนนัก ยายคนนี้ล่ะ ที่จะถูกใช้เป็นเครื่องมืออีกคน
กระต่ายหลบสายตาจากเจ้านายสาวแสนสวย หล่อนก็เป็นอีกคนที่รับรู้ถึงสิ่งผิดปกติในตัวของคุณจรรย์อมล กลับมาคราวนี้เธอดูเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวและน่าเกรงขามไปในเวลาเดียวกัน ทั้งท่าทาง กิริยา จังหวะการพูดการจาก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป ที่สำคัญนัยน์ตาคู่สวยนั่นก็ช่างมีอำนาจเหลือเกิน หากแต่หล่อนไม่รู้สึกคุ้นเคยกับมันแม้แต่น้อย ยิ่งดูก็เหมือนกับเป็นคนอื่น ยิ่งจ้องก็ยิ่งไม่ใช่คุณจรรย์อมล แต่จะเป็นไปได้หรือ ที่จะมีคนหน้าตาเหมือนกันขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่ฝาแฝด...
...หรือว่าจะเป็นฝาแฝด...
หล่อนลอบคิด แต่แล้วก็ต้องสลัดมันออกโดยพลัน
เหตุผลเพราะเดาว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ คุณจรรย์อมลไม่เคยพูดถึงเรื่องพี่น้องให้ฟัง เล่าก็แต่พ่อกับแม่ที่อยู่บ้านต่างจังหวัด ทำราวกับเป็นลูกคนเดียวเสียด้วยซ้ำ สองปีที่ได้รู้จักมักจี่รับใช้กันมา ไม่เคยแม้แต่จะหลุดเล่าเรื่องราวของพี่น้องฝาแฝดเลยแถมยังไม่เห็นเคยมาเยี่ยมเยียนไปมาหาสู่ คิดถึงตัวเองถ้ามีพี่น้องฝาแฝดบ้างคงจะป่าวประกาศให้เขารู้ไปทั่วราชอาณาจักร
แต่เรื่องเมื่อคืนนี้ก็รบกวนจิตใจของหล่อนเหลือเกิน...
เรื่องที่คุณกฤตพจน์กับคุณจรรย์อมลมีอะไรกัน... ภาพนั้นยังจำติดตา สายตาของทั้งคู่มองมาที่หล่อนอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร จนต้องเป็นฝ่ายเขินอาย ระเห็จออกไปเอง
มันไม่ผิดหรอก ในเมื่อที่นี่คือบ้านของเขา และไม่ผิดด้วยที่ทั้งคู่เป็นคนรักกัน ดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนใช้แสนโง่เง่าอย่างหล่อนเองต่างหากดันซุ่มซ่ามไม่ดูตาม้าตาเรือ แต่อย่างไรเสียมันก็มีส่วนผิดที่นอกจากตัวหล่อนเองแล้ว
ผิดที่เจ้านายทั้งสองคน...
ถึงจะเป็นคนรักกัน แต่นั่นมันก็เป็นอดีตไปแล้ว หล่อนยังจำได้ตอนที่เห็นทั้งคู่ทะเลาะกันเมื่อเดือนก่อนโน้น คุณจรรย์อมลร้องไห้น้ำตาเป็นสายฝน หวาดกลัวเหลือเกินว่ามันจะออกมาเป็นสายเลือด หนำซ้ำคุณกฤตพจน์ยังออกปากไล่อย่างไม่เหลื่อเยื่อใย ช่างเป็นคนใจยักษ์ใจหินอะไรปานนั้น ทั้งที่ออกจะรักกันขนาดนั้น ยังแอบลุ้นแอบเชียร์ให้ทั้งคู่ได้ตกล่องปล่องชิ้นเดินเข้าประตูวิวาห์กันไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด
คุณจรรย์อมลในความทรงจำของกระต่ายคือผู้หญิงที่ดีที่สุด ไม่ถือตัว ไม่เรื่องมาก แถมยังเข้าถึงง่าย ไม่เหมือนพวกชะนีหาบเร่นางก่อนๆ ที่คอยแต่จะจิกหัว ทำอย่างกับว่าเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้เข้าไปแล้วอย่างนั้นแหละ
แต่หลังจากคุณจรรย์อมลจากไป ก็ดูเหมือนว่าคุณกฤตพจน์จะซึมเศร้าอยู่เหมือนกัน เธอคงรักของเธอมาก แต่เหตุผลอะไรที่ทำออกไปอย่างร้ายกาจนัก หล่อนเองก็ไม่รู้ เพราะเป็นเรื่องของเจ้านาย อยู่เงียบๆ จะเป็นชัยแก่ตัวมากกว่า
จนถึงเดี๋ยวนี้ อาการของเจ้านายคนโตก็ไม่ได้ดีขึ้น ไม่สดใสร่าเริงอย่างแต่ก่อน เคยพาผู้หญิงเข้าบ้านพักนี้ก็ไม่ ไปเที่ยวกลางคืนบ่อยๆ ก็ไม่มีแล้ว จนเมื่อคุณจรรย์อมลกลับมา จึงได้สังเกตปฏิกิริยานั้นอย่างชัดเจน เหมือนคุณกฤตพจน์จะแอบดีใจอยู่ลึกๆ แต่ก็ต้องเสียใจหนักกว่าเมื่อคุณเธอกลับมาในนามคนรักของน้องชาย
คุณกฤตกรคงยังไม่ทราบอดีตของคุณจรรย์อมล เพราะช่วงที่ทั้งสองคบหากัน เจ้าตัวก็อยู่ไกลถึงเมืองนอกเมืองนา ถึงได้พาเข้าบ้านมาเย้ยพี่ชายอย่างไม่ตั้งใจ เวรกรรมแท้ๆ
ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าแล้วคุณจรรย์อมลเองล่ะ เธอจะไม่รู้เลยหรือ... รูปถ่ายก็ติดไว้รอบบ้านว่าเป็นพี่เป็นน้องคลานตามกันมาจากตระกูลเดียวกัน นามสกุลก็ไม่ได้สะกดกันผิด คาดเคลื่อนแม้เพียงเล็กน้อยเสียที่ไหน หรืออาจจะเป็นเพราะเธอตั้งใจ...
...ตั้งใจคบกับน้องชายเพื่อให้พี่ชายหึงหวง...
แต่สุดแท้อย่างไรก็แล้วแต่ คุณจรรย์อมลก็ได้กลายเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวไปแล้ว สงสารก็แต่คุณกฤตพจน์ คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่ารักเธอเข้าไปแล้วเช่นกัน ต้องการจะได้เธอกลับคืนมา จนกระทั่งหักห้ามใจตัวเองไว้ไม่อยู่
หล่อนควรจะทำอย่างไรดี ทนดูเหตุการณ์อึมครึมอย่างนี้ไปตลอดฤดูงั้นเหรอ หนำซ้ำยังไม่รู้ว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุด ไม่รู้ว่าคุณจรรย์อมลต้องการอะไรกันแน่ถึงได้ทำแบบนี้
ท่ามกลางการรู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด หล่อนควรจะทำอย่างไรดี ปล่อยให้เหตุการณ์มันดำเนินไปอย่างที่ใครสักคนต้องการ หรือหล่อนจะใช้ความสนิทสนมคุ้นเคยบอกเล่าความจริงไปอย่างห่วงใย
จริงอยู่ว่าไม่ใช่เรื่องของคนใช้ อีกทั้งยังถูกสั่งห้ามไม่ให้พูดอีกด้วย แต่หล่อนก็เป็นเหมือนคนในครอบครัวนี้ไปเสียแล้ว จะให้ทนนิ่งนอนใจได้อย่างไร
บอกความจริงให้รู้เสียตอนนี้ ยังดีกว่าถลำลึกจนเกินแก้ไข ถ้าพูดไป คุณกฤตกรอาจเห็นแก่พี่ชายแล้วยอมถอยห่างออกมา เรื่องก็คงจะจบอย่างสวยงาม...
...มันจะต้องเป็นไปอย่างที่หล่อนคิด และคาดการณ์ไว้...
กระต่ายตั้งมั่นอย่างแน่วแน่ นำพาความเด็ดเดี่ยวของหัวใจดวงน้อยเดินอาดๆ ไปหาเจ้านายคนเล็กที่กำลังนั่งพักผ่อนอยู่ตามลำพังที่ส่วนหย่อมหน้าบ้าน...
**********
เปลือกตาของชายหนุ่มเปิดขึ้นช้าๆ เมื่อได้รับการปลุกเร้าโดยแสงแดดอ่อนๆ ในยามเช้า สิ่งแรกที่เขาต้องการพบเพื่อต้อนรับอรุณใหม่คือใบหน้าของเธอ กฤตกรขยับกายพลิกตัวไปด้านข้างพร้อมสองมือที่เอื้อมไปลูบคลำ ทว่ากลับไม่พบสัมผัสอันคุ้นเคย
“จรรย์อมล...” น้ำเสียงประหลาดใจ
ชายหนุ่มลุกลงจากเตียง เดินสำรวจไปรอบๆ ห้อง รวมถึงในห้องน้ำ แต่ก็ไม่พบร่างระหงของคนรักเลย “ไปไหนนะ?” บ่นพึมพำ
กฤตกรสวมชุดคลุมผ้าแพรสีทองแล้วเปิดประตูออกจากห้อง โดยไม่คาดคิดก็พบกับพี่ชายซึ่งเดินผ่านมาพอดี กฤตพจน์สะดุ้งตกใจหน้าซีดลงเล็กน้อยเร้าให้น้องชายต้องกระตุกยิ้มขัน
“ผมไม่ใช่ผีนะพี่”
คนถูกแซวแสยะยิ้มเจื่อน “อรุณสวัสดิ์” พร้อมทักทายเสียงแปร่งปร่า
เขาอยู่ในชุดลำลองแบบเรียบง่าย แต่ก็เป็นแบรนด์เนมราคาแสนแพง เสื้อโปโลสีครีมคอปกกับกางเกงขาสั้นสามส่วนสีขาว
“กู๊ดมอร์นิ่งครับ”
คนเป็นพี่พยักหน้า แล้วแอบชำเลืองมองเข้าไปยังห้องของน้องชายที่กำลังจะปิดประตูลงพอดี
“ว่าแต่มีอะไรรึเปล่าครับ เหมือนกับพี่กำลังจะมาที่ห้องผมเลย”
กฤตพจน์ยกไหล่ ก่อนจะสายหน้าเร็วๆ “เปล่า” ตอบสั้นๆ
“จริงสิ ว่าแต่พี่เห็นมลรึเปล่าครับ?”
“มล!” คนถูกถามเผลอทวนคำเสียงดัง
“เห็นหรือครับ เธออยู่ไหน?” กฤตกรถามต่อ ท่าทางใคร่รู้
“ไม่ พี่ไม่รู้ เธอไม่ได้อยู่ในห้องหรอกเหรอ?” แสร้งตีหน้าซื่อ
อันที่จริงเป็นเพราะสันหลังหวะ เรื่องเมื่อคืนกลายเป็นชนักติดหลังเขาไว้อย่างแน่นหนา พอสร่างเมาก็รับรู้ได้ว่าความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ตัวเองทำลงไปคืออะไร มันไม่ใช่ความต้องการของเขา ที่จริงอาจจะใช่ แต่ก็ไม่ได้เกิดในช่วงที่เขาพร้อมจะยับยั้งชั่งใจ มันออกมาจากจิตใต้สำนึก จิตใจที่มีความปรารถนาแรงกล้า และหล่อนเป็นผู้ท้าทายเขา...
และเมื่อตระหนักรู้ถึงความเหมาะสมก็เกิดเข้าหน้ากับน้องชายไม่ติดเสียแล้ว ถึงอย่างไรตอนนี้จรรย์อมลก็คือคนรักของน้องชาย แม้อดีตจะไม่ใช่ก็เถอะ ดูปราดเดียวก็รู้ว่าเจ้าน้องชายตัวดีไม่ยอมโงหัวจากผู้หญิงคนนี้ นั่นเพราะรักมาก หรือไม่ก็หลงมาก ถ้าหากรู้ว่าผู้หญิงในหัวใจของตัวเองเคยตก... หรือตกเป็นของพี่ชายแล้วจะรู้สึกอย่างไร
เขารู้จักน้องชายดี กฤตกรต้องไม่ยอมแน่ๆ รวมทั้งจรรย์อมลเองด้วย เขากับเธอคงต้องกลายเป็นคนชั่วร้ายไปในทันทีหากน้องชายรู้ความจริง
อีกคนคือพี่ชายบังเกิดเกล้า ส่วนอีกคนคือแม่ยอดทูนหัว...
ช่างเป็นเรื่องน่าขันจริงๆ เมื่อรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจเหลือเกิน เขาเดาแผนการของเธอออกแล้ว ก็เพื่อเป็นการล้างแค้นที่เขาสลัดเธอทิ้งอย่างไม่เหลื่อเยื่อใย แต่ทว่า... ก็ต้องก้มหน้ารับมันไป ในเมื่อเธอทำสำเร็จแล้ว เขาตกหลุมพรางเธอแล้ว สุดท้าย... เขากับน้องชายก็จะต้องเป็นศัตรูกัน และนั่นจะเป็นสิ่งที่เขาเจ็บปวด ซึ่งมันคือความจริง...
...เธอฉลาดเหลือเกิน จรรย์อมล...
เมื่อคืนนั้นจบลง ทั้งคู่ก็แยกย้ายก่อนฟ้าจะสาง เขาเองก็ไม่รู้ว่าหล่อนกลับมาที่ห้องรึเปล่า และถ้าเข้าไปแล้ว จะอธิบายกับกฤตกรอย่างไร เขาระแวงเหลือเกิน... ยอมรับความจริงในใจ
“หายไปไหนแต่เช้านะ” กฤตกรบ่นพึมพำแล้วเดินลงบันไดไป
อีกฝ่ายหันไปชะเง้อมองหาอีกครั้งก่อนจะเดินตามลงไป หยุดค้างที่ด้านหลังของน้องชายเมื่อเห็นกระต่ายวิ่งแจ้นเข้ามา
หล่อนมองนายน้อยทั้งสองสลับไปมา แต่สายตาแปลกๆ กับหยุดอยู่ที่กฤตพจน์ เจ้าตัวก็เพิ่งนึกขึ้นได้ แต่ด้วยต้องรักษามาด จึงต้องแกล้งเบือนหน้าหนี ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“มีอะไรก็ว่ามาสิกระต่าย” กฤตกรเอ่ยถาม เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่พูดอะไรสักที
หล่อนกระตุกตัวเองคล้ายอาการตกใจ ก่อนจะละล่ำละลักแจ้งบอกความออกไป “คุณมลค่ะ”
“มล? ทำไม มลเป็นอะไร?” นายน้อยถามเสียงตื่น ทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ เขาก็เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยทันที
“คือว่า...”
“รีบบอกมาสิกระต่าย” กฤตพจน์เองก็ร้อนใจเช่นกัน แต่ยังคงต้องรักษาอาการไว้
“ทำไมพวกคุณๆ ต้องทำหน้าตื่น เหมือนกลัวอะไรด้วยล่ะคะ?”
“ยังจะมาถามอีก ก็ฉันร้อนใจน่ะสิ ตกลงว่ายังไง เกิดอะไรขึ้นกับมลรึเปล่า?” กฤตกรขมวดคิ้วยุ่ง ไม่สบอารมณ์กับคำถามของสาวรับใช้
“เปล่าหรอกค่ะ กระต่ายยังพูดอะไรไม่จบ พวกคุณก็ตื่นตูมกันไปก่อน” หล่อนเบ้ปาก “ ที่วิ่งมาจะบอกว่าคุณมลอยู่ในครัวน่ะค่ะ แล้วให้กระต่ายมาปลุกคุณไปทานข้าว ดีแล้วล่ะค่ะที่ตื่นกันแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียเวลายืนเรียกให้กับข้าวมันเย็นจนชืดไปเสียก่อน” ว่าด้วยอาการปากยื่นปากยาว
“เดี๋ยวนี้ชักพูดมากใหญ่แล้วนะ รู้มั้ยว่าพวกชอบพูดเพ้อเจ้อน่ะ ตายไปจะไปเกิดเป็นผีปากยาว ยาวเหมือน...”
“เหมือนอะไรคะ?”
“เหมือนจมูกของพิน็อคคิโอ้ไงล่ะ รู้จักมั้ย?”
“คุณกร!”
“ฉันดีใจที่เธอรู้จักนะ” ตอบกลับหน้าทะเล้นแล้ว ชายหนุ่มก็พาตัวเองเดินไปที่ห้องครัวอย่างสบายอารมณ์
แต่กระต่ายก็ต้องสงบเสงี่ยมลงทันควันเมื่ออยู่กับกฤตพจน์สองต่อสอง เขามองหน้าหล่อนด้วยแววตาเรียบเฉย ไม่สามารถคาดเดาความคิดในใจได้เลยแม้แต่น้อย หล่อนจึงได้แต่ก้มหน้างุด หลบสายตาพัลวัน ยิ่งนึกถึงภาพเมื่อคืนแล้วก็ยิ่งให้หวั่นไหว ร่างกำยำอันเปลือยเปล่า... ใจของหล่อนเต็มโครมครามผิดจังหวะอีกครั้งอย่างไม่ตั้งใจ
“เงยหน้าขึ้นซิ”
“คะ?” หล่อนกระตุกหน้าขึ้นอัตโนมัติ
“เรื่องเมื่อคืน...”
“คุณพจน์...”
“เธอเห็น... ใช่มั้ย?”
กระต่ายกลืนน้ำลายลงคอ แล้วพยักหน้ายอมรับช้าๆ “ค่ะ...” ตอบรับเสียงแผ่ว
“เธอเห็น?”
“ค่ะ” พยักหน้าอีกครั้งพร้อมแววตาสงสัย
“ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้าย เธอเห็นมั้ย?” แววตาวาวโรจน์ของเขาส่งประกายบางอย่างให้หล่อน
ความสับสนแปรเปลี่ยนเป็นความเข้าใจ สาวรับใช้พยักหน้าแล้วรับเปลี่ยนเป็นส่ายหน้าในวินาทีถัดมา “ไม่ค่ะ กระต่ายไม่เห็น เมื่อคืนนี้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี”
คำตอบของหล่อน ทำให้เขาพอใจ เผลอยิ้มบางๆ ออกมาให้อีกฝ่ายใจชื้น
“ถ้างั้นกระต่ายขอตัวก่อนนะคะ” ว่าพร้อมกับหมุนตัวจะเดินจากไป แต่ก็ถูกฉุดรั้งไว้ด้วยเสียงเรียกอีกครั้ง
“เดี๋ยว”
หมุนตัวกลับมาโดยพลัน “คะ?”
“มีอีกเรื่องที่ต้องบอกให้เธอรู้” ชายหนุ่มก้าวลงบันไดจากขั้นสุดท้าย หยุดยืนอยู่กับที่พร้อมสองมือล้วงกระเป๋า “เรื่องคุณมล...”
“กระต่ายต้องทำอย่างไรคะ?”
“เธอคิดว่าเธอควรจะรู้จักเขารึเปล่า”
“แต่คุณมลเคยเป็น... เอ่อ เธอเคยคบหากับคุณมาก่อนนี่คะ?”
“นั่นมันเป็นอดีตแล้ว ตอนนี้มลคือคนรักของกรน้องชายฉัน เขายังไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ความจริง เพราะฉะนั้นเธอควรต้องทำอย่างไร ฉันคงไม่ต้องอธิบายหรอกนะ”
หญิงสาวนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะผงกศีรษะสองสามทีอย่างเข้าใจ
“เธอฉลาดดี” ยิ้มบางๆ อีกครั้งแล้วจึงเดินกลับไป ทิ้งความสับสนให้ประทุขึ้นอย่างรุนแรงในใจของคนที่เหลือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเจ้านายทั้งสามคน
จรรย์อมรกำลังง่วนจัดอะไรบางอย่างบนโต๊ะอาหารในห้องครัว กฤตกรเดินอ้อมไปด้านหลังแล้วคล้องมือทั้งสองข้างไปที่ช่วงเอวกิ่วคอดของหล่อน พร้อมกับลอบจุมพิตที่ด้านข้างอย่างถือวิสาสะ
“คุณนี่ล่ะก็...”
“เป็นการทำโทษ”
“เรื่องอะไรคะ?” หล่อนแสร้งถาม ขณะสองมือยังคงจัดวาง
“ก็เรื่องที่จู่ๆ คุณก็หายไป รู้มั้ยว่าผมเป็นห่วง”
จรรย์อมรหมุนตัวกลับมาประจันหน้ากับคนรัก ลำตัวของทั้งคู่แนบชิดอิงแอบกัน หล่อนเบ้ปากให้เขาพร้อมยื่นปลายจมูกไปชนกัน “ฉันล่ะอยากจะเห็นสีหน้าของคุณตอนนั้นจริงๆ”
“ผมไม่ชอบเลยนะมล”
“แต่ฉันจะแกล้งคุณอีก อยากจะรู้ว่าถ้าฉันหายไป คุณจะตระหนกขนาดไหน ถ้าไม่มีฉัน สีหน้าของคุณจะเป็นอย่างไร” หล่อนเย้าสีหน้าระรื่นชอบใจ
“อย่านะจรรย์อมล คุณอย่าทำแบบนั้น แม้จะเป็นแค่เรื่องล้อเล่นก็อย่าทำ” ดวงตาคมดูเศร้าสร้อย “ผมรักคุณเข้าแล้ว” กระซิบบอกแต่ฟังชัดเจน “รักมากอย่างที่ไม่เคยมอบให้ผู้หญิงคนไหนมาก่อน เพราะฉะนั้น ผมไม่ยอมเสียคุณไป ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม คุณจะต้องอยู่ข้างกายผมคนเดียวเท่านั้น”
ประกายตาของเขาจริงจังเสียจนจรรย์อมรไหวหวั่น น้ำเสียงที่ไม่ได้สะท้อนว่าเป็นเรื่องล้อเล่น...
“บอกผมมาสิมล ว่าคุณก็คิดเช่นนั้น ตอนนี้คุณรักผม และก็อยากจะอยู่กับผมตลอดไป...”
ตรงกันข้ามเพราะดวงตาของหล่อนสั่นระริก คำร้องขอของเขาทำให้ราวกับอุณหภูมิให้หัวใจลดลงจนติดลบ มันเย็นยะเยือก...
...น่ากลัวเหลือเกิน...
“คุณต้องสัญญากับผมนะ ว่าจะไม่ทิ้งผมไป จะไม่ทำร้ายผม ไม่ว่าทางใดก็ตาม เพราะมันคง...”
“ทำไมคะ?” ถามออกไปไวเท่าความคิด อันเกิดจากความหวาดหวั่น
“อยู่ไม่ได้น่ะสิ...” ชายหนุ่มตอบพร้อมรอยยิ้มบางๆ ดูอบอุ่นเหมือนแสงอาทิตย์ยามเช้า หากแต่ทว่ามันไม่ได้ช่วยทำให้ข้างในของหล่อนระรุมขึ้นมาเลย
เขาคือผู้ชายที่เทิดทูนความรัก มีหัวใจอันแน่วแน่และเด็ดเดี่ยวกับมัน คงจะเหมือนพี่สาวของหล่อน ไม่ต่างกันเลย เขาอาจจะยอมตายถ้าความรักสร้างความเจ็บปวดทรมานให้กับเขา ยอมจากไป... ดีกว่าอยู่อย่างไร้ความหมาย...
“แน่นอนค่ะ ฉันรักคุณ และจะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป...”
มันคือคำมั่นสัญญาของคนโกหก ไม่ได้ออกมาจากใจ หล่อนตอบออกไปอย่างนั้นด้วยหัวใจของผู้ชนะ ไม่ใช่ความรักอันน่าขยะแขยงอย่างที่เขาต้องการ หากแต่เป็นอย่างที่เขาพูด ย่อมหมายถึงการล้างแค้นที่สำเร็จลุล่วงตามเป้าประสงค์ สุดท้ายมันจะจบอย่างไรนั้น หล่อนเองก็อยากรู้ใจจะขาดแล้วเหมือนกัน
ท่ามกลางความรักที่แสดงออกกันอย่างเปิดเผย ความหวานกลิ่นหอมรสละมุนละไมในยามเช้ายังมีดวงตาคมคู่หนึ่งซึ่งกำลังจับจ้องอยู่ แอบมองภาพนั้นอย่างขมขื่น เป็นไปอย่างทรมาน ความจริงที่อัดแน่นอยู่เต็มอก กำลังย้อนกลับมาเล่นงานเขาอย่างร้ายกาจ
น้องชายของตนกำลังกอดรัดดูดดื่มกับอดีตคนรัก ช่างน่าขันเสียจริง แต่นั่นไม่ใช่เพราะโลกกลม กลับเป็นความตั้งใจของใครบางคน ความต้องการทำลาย เพราะเหตุจากความแค้น...
จรรย์อมลเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน ไม่คิดฝันว่าเธอจะเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้ เปลี่ยนทั้งกาย เปลี่ยนทั้งใจ...
เธอเคยเป็นผู้หญิงในอุดมคติคนหนึ่ง มีจริตจกร้านน้อยนิด เสน่ห์ของเธอคือความห้าวหาญไม่ยอมคน ด้วยความแตกต่างนี้ จึงสามารถกุมหัวใจของเขาไว้ได้ รสชาติแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยได้พบเห็นที่ไหนมาก่อนในบัญชีรายชื่อผู้หญิงของเขาเอง
หากแต่ว่าวันนี้ เธอกลับเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ตรงข้ามจากเดิมทั้งหมด เหมือนไม่ใช่... ทั้งการแสดงออกอย่างเปิดเผย คำพูดคำจา ยังความคิดอันร้ายกาจนั่นอีก รวมทั้งเรื่องบนเตียงก็ด้วย แม้คืนนั้นจะเมา แต่ก็รู้ว่าเธอสู้ตายเหมือนกัน
สลัดความคิดฟุ้งซ่านแล้วจึงเดินอาดๆ เข้าไปเลื่อนเก้าอี้ลงนั่งโดยไม่สนใจว่าใครจะยืนทำอะไรอยู่ก่อนนั้น
เมื่อมีบุคคลที่สามเข้ามาโดยยังไม่ได้รับเชิญ ทั้งสองจึงผละออกจากกัน กฤตกรเลื่อนเก้าอี้ลงนั่งตามบ้างขณะที่จรรย์อมรก็ตระเตรียมอย่างอื่นต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พี่คงไม่ได้มาทำลายช่วงเวลาอันแสนสุขของนายหรอกนะ?” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยแซว พร้อมกับคว้าหนังสือพิมพ์ฉบับล่าสุดบนโต๊ะขึ้นมากางอ่าน
กฤตกรกระแอมเบาๆ ขณะเดียวกันกับที่จรรย์อมรก็เลื่อนเก้าอี้ลงนั่งข้างๆ “ไม่หรอกครับ แต่คิดว่าพี่อาจจะต้องทำความคุ้นเคยกับภาพนี้ให้มากขึ้น”
กฤตพจน์แอบชำเลืองน้องชาย
“กระต่ายจ๊ะ” เสียงร้องเรียกของจรรย์อมรดังแทรกขึ้น
“คะ คุณมล?” สาวใช้ปรี่ตัวเองมาอย่างเร็วรี่
“ช่วยยกจานแซนวิชแฮมไก่มาให้คุณพจน์ที เผอิญว่าฉันลืม”
ดวงตาคมเลื่อนจากน้องชายไปที่หญิงสาวแสนสวยแทน หล่อนหันสบตากับเขาพร้อมยิ้มทักทายน้อยๆ ราวกับว่าเมื่อคืนนี้ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลย
“มื้อเช้านี้เป็นแซนวิชไก่ทั้งหมดเหรอกระต่าย?”
“ค่ะ คุณพจน์...” กระต่ายตอบ ขณะวางจานอาหารลงตรงหน้า “คุณมลเธอเป็นคนเข้าครัวเองเลยค่ะ” หล่อนขยายความ
“แล้วอย่างนี้นายจะกินได้เหรอกร”
“ทำไมครับพี่พจน์ ทำไมผมต้องกินไม่ได้ด้วย?”
ชายหนุ่มเบือนสายตากลับไปที่หน้าหนังสือพิมพ์อีกครั้ง “ก็เมื่อวันก่อน นายยังบ่นกับกระต่ายว่าเบื่อเบรคฟัสต์แบบฝรั่งอยู่เลย เห็นว่าเอียนเต็มทน แล้วนี่นายจะกินลงเร๊อะ”
จรรย์อมรเชิดหน้า รับรู้การเหน็บแนมอยู่ในที
“ไม่มีปัญหา ต่อให้เบื่อจนจะอ้วกขนาดไหน ถ้าเป็นฝีมือมลล่ะก็ ผมยอมกินเกลี้ยงจานเลยเชียว” ว่าพร้อมกับหันไปยิ้มร่าเริงให้กับคนรัก “ป้อนผมหน่อยสิครับ”
“บ้าหรือคะ พี่ชายคุณนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคน”
“ไม่เห็นจะต้องใส่ใจเลย พี่ชายผมเขาไม่ถือหรอก เพราะแต่ก่อนเขาดูจะทำยิ่งกว่านี้ซะอีก”
หล่อนแสร้งหัวเราะขบขัน “ยังไงคะ?”
“สาวๆ ไม่เว้นหน้า มาทีต้องไม่น้อยกว่าสองคน แถมยังนัวเนียกันกลางบ้านนั่นแหละ”
กฤตพจน์พับหนังสือพิมพ์แล้ววางกระแทกลงบนโต๊ะ “นายชักจะพูดมากไปแล้วนะไอ้น้องชาย”
“ผมพูดเรื่องจริง” ชายหนุ่มหน้าทะเล้น
“ตอนนี้นายมีคนของนายแล้ว” ว่าพลางชำเลืองมองอีกคน “เอาเป็นว่าเราสองพี่น้องจะอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะเฮ้าส์เมทเท่านั้นละกัน ถ้าทำเป็นเหมือนว่าไม่รู้จักกันก็ยิ่งดี ต่างคนต่างอยู่ ส่วนตอนนี้ฉันจะกินข้าว ขอให้คุณสองคนมีความสุขกับมื้อนี้นะครับ อ้อ ขอบคุณสำหรับส่วนของผมด้วย” พูดจบแล้วก็ก้มหน้าก้มตาจัดการกับของอร่อยตรงหน้าต่อไป
กฤตกรหันมองหน้ากับจรรย์อมรแล้วหลุดขำ ดูเหมือนพี่ชายเขาจะขี้เล่นมากกว่าที่คิดเสียอีก
นั่งเงียบกันไปได้สักครู่ กฤตกรก็นึกเรื่องที่อยากจะประกาศบอกทุกคนขึ้นมาได้ เขากระแอมเบาๆ ก่อนจะเริ่มพูด “ทุกคนครับ...”
ทั้งจรรย์อมรและกฤตพจน์เงยหน้าขึ้นมองไปทางต้นเสียง ก็ได้แต่ปั้นแต่งสีหน้าฉงนออกมาพร้อมกัน
“ผมอยากจะบอกว่า ผมอยากให้จรรย์อมลมาอยู่ที่นี่น่ะครับ”
เจ้าตัวจ้องเขม็ง “หมายความว่าไงคะคุณกร?”
คนเป็นพี่ชายก็สนใจอยากรู้เหมือนกัน
“ผมอยากให้คุณมาอยู่ทีนี่กับผมน่ะ คุณอยู่คอนโดคนเดียวผมเป็นห่วง” บอกพร้อมประกายตากังวล “มาอยู่ซะด้วยกันที่นี่ นอกจากหมดห่วงแล้ว ผมยังไม่ต้องทนทรมานคิดถึงคุณด้วย” สีหน้าจริงจัง
“คุณกรคะ...”
“ผมคิดมาตลอดทั้งคืนแล้ว”
จรรย์อมรแสร้งขมวดคิ้วครุ่นคิด หากแต่ในใจของหล่อนนั้นยินดีเหลือเกิน ยินดีกับการเชิญชวนของเขา แทบจะกรีดร้องออกมาอยู่แล้ว
...ช่างไม่รู้อะไรเสียเลยกฤตกร คุณกำลังทำให้แผนการที่ฉันวางไว้ง่ายขึ้นไปอีก ง่ายมากๆ แม้คุณจะไม่ร้องขอฉัน ฉันก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้อยู่ดี...
ลอบกระหยิ่มยิ้มย่อง
“นะครับมล...” กฤตกรดึงมือของหล่อนมากุมไว้
“คือว่าฉัน...” หล่อนแกล้งเบือนสายตาไปยังอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย
เขาแค่นหัวเราะหนึ่งทีแล้วเสหน้าไปทางอื่น พลางคิดว่ามารยาของเธอช่างเยอะจริงๆ
“พี่พจน์มีความเห็นว่ายังไงบ้างครับ?”
หันกลับมามองน้องชายด้วยใบหน้าไม่แสดงอาการ “นายต้องการให้พี่คิดยังไงล่ะ ถ้าพี่ปฏิเสธ... นายจะยอมมั้ย?” คิ้วข้างหนึ่งถูกยกขึ้นพร้อมมุมปาก
จรรย์อมรจ้องใบหน้ายียวนนั้นเขม็ง เขาก็สบตาหล่อนอย่างสะใจ
“ถ้างั้นผมไม่ถามพี่ดีกว่า เพราะยังไงผมก็จะให้มลอยู่ที่นี่”
คำตอบของคนข้างกายทำให้หล่อนยิ้มได้ และยิ้มอย่างเย้ยหยันให้อีกฝ่ายที่กำลังก่อสงครามกันอย่างเงียบๆ อีกด้วย
“เพราะอย่างไรผมก็เป็นเฮ้าส์เมทของพี่ มีสิทธิครึ่งหนึ่ง อีกอย่างเราไม่ได้ตั้งกฎข้อห้ามในส่วนนี้เอาไว้ เพราะฉะนั้นเป็นอันว่าเคลียร์”
บทสรุปจบของน้องชายทำให้กฤตพจน์ออกอาการเซ็งอย่างไม่ปกปิด “ก็แล้วแต่ ฉันคงทำอะไรไม่ได้ อยากทำอะไรก็ทำเถอะ” บอกน้ำเสียงปลงๆ แล้วก็ก้มหน้าก้มตาจัดการแซนวิชส่วนที่เหลือต่อไป
ตอนนี้จรรย์อมรรู้สึกสมเพชเขาเหลือเกิน แค่นี่ก็ทำท่าจะแพ้ ย่อยยับไม่เหลือกซากเสียแล้ว ส่วนเรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้น หล่อนรู้ดีแก่ใจ จำได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่พวกปลาทองความจำสั้นเสียหน่อย ยิ่งมันควรค่าแก่การฝังจำด้วยแล้ว หล่อนย่อมไม่มีวันลืมแน่
หากแต่จะไม่ยอมให้มันจบเพียงครั้งเดียว ไม่ใช่เหตุผลหลักเพียงแค่ติดใจ หล่อนจะต้องทำให้เขาสับสนว้าวุ่นในใจอย่างถึงที่สุด ทำให้มันระเบิดออกมาตูมเดียวแล้วตายกันหมด ใช่ เขาจะเป็นคนทำร้ายน้องชายสุดที่รักของตัวเอง
อย่างไรเสีย ตอนนี้หล่อนก็ได้เข้ามาเป็นสมาชิกอีกหนึ่งคนในบ้านหลังนี้แล้ว คงจะจัดการอะไรๆ ได้ง่ายดายยิ่งขึ้น
จรรย์อมรเหลือบตาขึ้นมองกระต่าย สาวใช้ที่ดูจะเป็นประโยชน์กับหล่อนนัก ยายคนนี้ล่ะ ที่จะถูกใช้เป็นเครื่องมืออีกคน
กระต่ายหลบสายตาจากเจ้านายสาวแสนสวย หล่อนก็เป็นอีกคนที่รับรู้ถึงสิ่งผิดปกติในตัวของคุณจรรย์อมล กลับมาคราวนี้เธอดูเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวและน่าเกรงขามไปในเวลาเดียวกัน ทั้งท่าทาง กิริยา จังหวะการพูดการจาก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป ที่สำคัญนัยน์ตาคู่สวยนั่นก็ช่างมีอำนาจเหลือเกิน หากแต่หล่อนไม่รู้สึกคุ้นเคยกับมันแม้แต่น้อย ยิ่งดูก็เหมือนกับเป็นคนอื่น ยิ่งจ้องก็ยิ่งไม่ใช่คุณจรรย์อมล แต่จะเป็นไปได้หรือ ที่จะมีคนหน้าตาเหมือนกันขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่ฝาแฝด...
...หรือว่าจะเป็นฝาแฝด...
หล่อนลอบคิด แต่แล้วก็ต้องสลัดมันออกโดยพลัน
เหตุผลเพราะเดาว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ คุณจรรย์อมลไม่เคยพูดถึงเรื่องพี่น้องให้ฟัง เล่าก็แต่พ่อกับแม่ที่อยู่บ้านต่างจังหวัด ทำราวกับเป็นลูกคนเดียวเสียด้วยซ้ำ สองปีที่ได้รู้จักมักจี่รับใช้กันมา ไม่เคยแม้แต่จะหลุดเล่าเรื่องราวของพี่น้องฝาแฝดเลยแถมยังไม่เห็นเคยมาเยี่ยมเยียนไปมาหาสู่ คิดถึงตัวเองถ้ามีพี่น้องฝาแฝดบ้างคงจะป่าวประกาศให้เขารู้ไปทั่วราชอาณาจักร
แต่เรื่องเมื่อคืนนี้ก็รบกวนจิตใจของหล่อนเหลือเกิน...
เรื่องที่คุณกฤตพจน์กับคุณจรรย์อมลมีอะไรกัน... ภาพนั้นยังจำติดตา สายตาของทั้งคู่มองมาที่หล่อนอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร จนต้องเป็นฝ่ายเขินอาย ระเห็จออกไปเอง
มันไม่ผิดหรอก ในเมื่อที่นี่คือบ้านของเขา และไม่ผิดด้วยที่ทั้งคู่เป็นคนรักกัน ดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนใช้แสนโง่เง่าอย่างหล่อนเองต่างหากดันซุ่มซ่ามไม่ดูตาม้าตาเรือ แต่อย่างไรเสียมันก็มีส่วนผิดที่นอกจากตัวหล่อนเองแล้ว
ผิดที่เจ้านายทั้งสองคน...
ถึงจะเป็นคนรักกัน แต่นั่นมันก็เป็นอดีตไปแล้ว หล่อนยังจำได้ตอนที่เห็นทั้งคู่ทะเลาะกันเมื่อเดือนก่อนโน้น คุณจรรย์อมลร้องไห้น้ำตาเป็นสายฝน หวาดกลัวเหลือเกินว่ามันจะออกมาเป็นสายเลือด หนำซ้ำคุณกฤตพจน์ยังออกปากไล่อย่างไม่เหลื่อเยื่อใย ช่างเป็นคนใจยักษ์ใจหินอะไรปานนั้น ทั้งที่ออกจะรักกันขนาดนั้น ยังแอบลุ้นแอบเชียร์ให้ทั้งคู่ได้ตกล่องปล่องชิ้นเดินเข้าประตูวิวาห์กันไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด
คุณจรรย์อมลในความทรงจำของกระต่ายคือผู้หญิงที่ดีที่สุด ไม่ถือตัว ไม่เรื่องมาก แถมยังเข้าถึงง่าย ไม่เหมือนพวกชะนีหาบเร่นางก่อนๆ ที่คอยแต่จะจิกหัว ทำอย่างกับว่าเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้เข้าไปแล้วอย่างนั้นแหละ
แต่หลังจากคุณจรรย์อมลจากไป ก็ดูเหมือนว่าคุณกฤตพจน์จะซึมเศร้าอยู่เหมือนกัน เธอคงรักของเธอมาก แต่เหตุผลอะไรที่ทำออกไปอย่างร้ายกาจนัก หล่อนเองก็ไม่รู้ เพราะเป็นเรื่องของเจ้านาย อยู่เงียบๆ จะเป็นชัยแก่ตัวมากกว่า
จนถึงเดี๋ยวนี้ อาการของเจ้านายคนโตก็ไม่ได้ดีขึ้น ไม่สดใสร่าเริงอย่างแต่ก่อน เคยพาผู้หญิงเข้าบ้านพักนี้ก็ไม่ ไปเที่ยวกลางคืนบ่อยๆ ก็ไม่มีแล้ว จนเมื่อคุณจรรย์อมลกลับมา จึงได้สังเกตปฏิกิริยานั้นอย่างชัดเจน เหมือนคุณกฤตพจน์จะแอบดีใจอยู่ลึกๆ แต่ก็ต้องเสียใจหนักกว่าเมื่อคุณเธอกลับมาในนามคนรักของน้องชาย
คุณกฤตกรคงยังไม่ทราบอดีตของคุณจรรย์อมล เพราะช่วงที่ทั้งสองคบหากัน เจ้าตัวก็อยู่ไกลถึงเมืองนอกเมืองนา ถึงได้พาเข้าบ้านมาเย้ยพี่ชายอย่างไม่ตั้งใจ เวรกรรมแท้ๆ
ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าแล้วคุณจรรย์อมลเองล่ะ เธอจะไม่รู้เลยหรือ... รูปถ่ายก็ติดไว้รอบบ้านว่าเป็นพี่เป็นน้องคลานตามกันมาจากตระกูลเดียวกัน นามสกุลก็ไม่ได้สะกดกันผิด คาดเคลื่อนแม้เพียงเล็กน้อยเสียที่ไหน หรืออาจจะเป็นเพราะเธอตั้งใจ...
...ตั้งใจคบกับน้องชายเพื่อให้พี่ชายหึงหวง...
แต่สุดแท้อย่างไรก็แล้วแต่ คุณจรรย์อมลก็ได้กลายเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวไปแล้ว สงสารก็แต่คุณกฤตพจน์ คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่ารักเธอเข้าไปแล้วเช่นกัน ต้องการจะได้เธอกลับคืนมา จนกระทั่งหักห้ามใจตัวเองไว้ไม่อยู่
หล่อนควรจะทำอย่างไรดี ทนดูเหตุการณ์อึมครึมอย่างนี้ไปตลอดฤดูงั้นเหรอ หนำซ้ำยังไม่รู้ว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุด ไม่รู้ว่าคุณจรรย์อมลต้องการอะไรกันแน่ถึงได้ทำแบบนี้
ท่ามกลางการรู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด หล่อนควรจะทำอย่างไรดี ปล่อยให้เหตุการณ์มันดำเนินไปอย่างที่ใครสักคนต้องการ หรือหล่อนจะใช้ความสนิทสนมคุ้นเคยบอกเล่าความจริงไปอย่างห่วงใย
จริงอยู่ว่าไม่ใช่เรื่องของคนใช้ อีกทั้งยังถูกสั่งห้ามไม่ให้พูดอีกด้วย แต่หล่อนก็เป็นเหมือนคนในครอบครัวนี้ไปเสียแล้ว จะให้ทนนิ่งนอนใจได้อย่างไร
บอกความจริงให้รู้เสียตอนนี้ ยังดีกว่าถลำลึกจนเกินแก้ไข ถ้าพูดไป คุณกฤตกรอาจเห็นแก่พี่ชายแล้วยอมถอยห่างออกมา เรื่องก็คงจะจบอย่างสวยงาม...
...มันจะต้องเป็นไปอย่างที่หล่อนคิด และคาดการณ์ไว้...
กระต่ายตั้งมั่นอย่างแน่วแน่ นำพาความเด็ดเดี่ยวของหัวใจดวงน้อยเดินอาดๆ ไปหาเจ้านายคนเล็กที่กำลังนั่งพักผ่อนอยู่ตามลำพังที่ส่วนหย่อมหน้าบ้าน...
**********
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ