เพลิงสวาท... รุ้งมารายา

9.2

เขียนโดย Jeremiiz

วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 19.58 น.

  7 ตอน
  3 วิจารณ์
  25.00K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) ความสมหวังของจรรย์อมร

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ ๗

 

หล่อนออกไปช้อปปิ้ง หมายถึงจรรย์อมร หลังมื้อเช้าก็เห็นแต่งเนื้อแต่งตัวสวยหรูขับรถของกฤตกรออกจากบ้านไป ราวกับคู่ผัวตัวเมียที่แต่งงานกันแล้วอย่างไรอย่างนั้น สมัยนี้คงไม่ถือ ถ้าจะทำอะไรเกินเลยหรือแสดงออกมากเกินควร โดยเฉพาะคนหัวนอกอย่างครอบครัวนี้ 

ในมือของกระต่ายคือถาดชาญี่ปุ่น มีทั้งกาและถ้วยใบสวยลวดลายงดงามราคาแพงซึ่งได้มาจากต้นตำรับเมื่อเกือบสิบปีก่อน

ในมุมร่มรื่นของสวนหย่อมแบบส่วนตัว ตบแต่งพันธุ์ไม้นานาชนิดชวนผ่อนคลาย กฤตกรกำลังกึ่งนอนกึ่งนั่งอ่านหนังสืออย่างสบายใจบนเก้าอี้ไม้ขัดเงามันวาว ต่อเมื่อกระต่ายปรากฏตัวขึ้นเขาจึงชำเลืองมอง

“ของว่างค่ะคุณกร” หล่อนว่าพร้อมกับวางลงบนโต๊ะหินข้างๆ กายเจ้านาย

“อะไร?”

“ชาญี่ปุ่นแล้วก็ขนมโมจิค่ะ”

ชายหนุ่มเหลือบมองเล็กน้อยแล้วจึงยกหนังสือขึ้นมาอ่านต่ออย่างไม่ใส่ใจ แต่ทว่าผ่านไปหลายนาทีก็ยังไม่เห็นผู้มาใหม่จากไปเสียที “มีอะไรรึเปล่า?” หันไปถามหล่อน

“เอ่อ...” กระต่ายเม้มริมฝีปาก รู้สึกลำบากใจกับเรื่องที่จะพูด

“มีอะไรก็รีบๆ ว่ามา” เขาเริ่มจะไม่สบอารมณ์แล้ว

“คือ... คุณมลออกไปข้างนอกหรือคะ?” ถามตะกุกตะกัก

“ใช่” ตอบห้วนๆ

“แล้วจะกลับมากี่โมงคะ?”

กฤตกรปิดหนังสือเสียงดังพรึ่บ ทำเอากระต่ายตกใจ อีกทั้งสีหน้าของเขาก็ดูจะรำคาญเต็มทน “ตกลงเธอมีอะไรจะพูดกับฉันกันแน่” เขาลุกขึ้นนั่งแล้วจ้องหล่อนซึ่งก็นั่งหมอบราบอยู่บนพื้นหญ้าเขียวสดอย่างหวาดหวั่น “ถามถึงมลทำไม?”

“คือว่า...”

“ถ้ายังไม่รีบพูดมาอีก ฉันจะไล่ตะเพิดต่อออกจากบ้านไปเดี๋ยวนี้”

“ค่ะๆ” เนื้อตัวสั่นเทา “กระต่ายมีเรื่องอยากจะพูดกับคุณค่ะ เรื่องของคุณจรรย์อมล...” น้ำเสียงในตอนท้ายออกมาอย่างไม่เต็มปากนัก

“มล? มีเรื่องอะไร ทำไมต้องทำเป็นอ้ำๆ อึ้งๆ อย่างกับเป็นเรื่องคอขาดบาดตายอะไรขนาดนั้น”

“จะให้คอขาดมันก็คงขาดล่ะค่ะ”

“แล้วเมื่อไหร่ฉันจะรู้เรื่อง”

“กระต่ายแค่อยากให้คุณกรใจเย็นลงกว่านี้ตอนที่ฟัง แล้วก็โปรดรับรู้ด้วยว่ามันคือความหวังดีน่ะค่ะ ความหวังดีของกระต่ายเอง...”

กฤตกรนิ่ง ลุกขึ้นยืนแล้วก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย สีหน้าและคำพูดของสาวรับใช้ ส่งสัญญาณมาว่าจะต้องเป็นเรื่องไม่ดีอย่างแน่นอน

...เรื่องไม่ดีของจรรย์อมลงั้นเหรอ...

สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วผ่อนมันออกมาแรงๆ ครั้งหนึ่ง เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจที่จะรับฟัง “ว่ามาสิ”

หล่อนลุกขึ้นยืนบ้าง “เรื่องของคุณจรรย์อมล อดีตของเธอ...”

ชายหนุ่มหันหน้ามามองคนพูด “เธอรู้จักมลมาก่อนเหรอ?”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ”

“เมื่อไหร่?”

“ก็รู้จักกันเกือบสองปีแล้ว”

“พูดต่อซิ”

“คุณมลเธอเคยอยู่ที่นี่ค่ะ”

“หมายความว่ายังไง?” ใบหน้าของกฤตกรเต็มไปด้วยความสงสัย เขาร้อนรุ่มจนเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่

“ก็หมายความว่า... เมื่อก่อนนี้ เธอเคยเป็นคนรักของคุณพจน์ค่ะ” พูดออกมาอย่างยากลำบาก แต่สุดท้ายก็ได้บอกไปแล้ว

ชายหนุ่มนิ่งงันไปครู่หนึ่ง แค่ครู่เดียวเท่านั้น อย่างใช้ความคิด “เธอว่าไงนะ?”

“ที่กระต่ายจะบอกคุณ... คือเรื่องนี้ล่ะค่ะ ทั้งคุณพจน์และคุณมล ทั้งสองเคยรักกันมาก่อน และเมื่อคืนนี้... พวกเขา...”

“อะไร?”

“ที่ห้องโถงชั้นล่าง... พวกเขามีอะไรกันตรงนั้นค่ะ”

“เธอโกหก!” เสียงตวาดทำเอาคนได้ยินสะดุ้งตกใจ

“ไม่ค่ะ กระต่ายพูดความจริง กระต่ายเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ความจริงที่เกิดขึ้นตลอดสองปีเต็มตอนที่คุณยังอยู่ที่อังกฤษ คุณคงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนในบ้านบ้าง แน่นอน คุณย่อมไม่รู้เรื่องนี้” หล่อนยืนกราน

กฤตกรสูดหายใจเข้าเต็มปอด เขาไม่อยากจะโกรธไปมากกว่านี้ “กลับไปทำหน้าที่ของเธอซะ”

“คุณกรคะ... คุณต้องเชื่อกระต่ายนะคะ”

“กลับไป...”

“ตอนนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณ คุณไม่ผิดเพราะไม่รู้เรื่อง แต่กรุณาสงสารพี่ชายของคุณเถอะนะคะ คุณพจน์น่ะ ยังรักคุณมลมาก ทั้งสองมีอะไรที่ลึกซึ้งเกินกว่าจะเข้าใจ”

“หุบปาก!”

กระต่ายเม้มริมฝีปากแน่น

“หยุดเหลวไหลเพ้อเจ้อซักที เธอคงว่างมากหรือยังไง ถึงได้ปั้นเรื่องบ้าๆ นี่มาพูดกับฉัน คิดว่าฉันจะเชื่อเธอมั้ยล่ะ หา? เธอต้องการอะไรกันแน่ กระต่าย...”

“ไม่ค่ะ กระต่ายไม่ได้ต้องการอะไรเลย แค่ไม่ต้องการเห็นคุณสองคนพี่น้องต้องทะเลาะกันเท่านั้น”

“ไปซะ ก่อนที่ฉันจะเผลอทำร้ายร่างกายเธอ”

“คุณกร...”

“ไป!!!” ชายหนุ่มตวาดเสียงดังด้วยโกรธจัด โมหะเข้าบังตาจนมือไม้สั่น

ทนฟังจนจบ สุดท้ายก็เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ไร้สาระสิ้นดี ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง มีเหตุผลอะไรที่พวกเขาจะต้องปิดบัง มีความจำเป็นอะไรที่พวกเขาจะต้องทำอย่างนั้น คิดแล้วก็น่าขำ

“เสียงดังเอะอะอะไรกันคะกร?” จรรย์อมรกลับมาพอดี เดินมาเกือบจะพร้อมกันกฤตพจน์อย่างไม่ตั้งใจ เพราะเสียงเกรี้ยวกราดนั่นเป็นเหตุ

หล่อนมาโอบคล้องที่แขนของเขา มองเห็นกระต่ายยืนตัวสั่นงันงก ไม่ยอมก้าวขาไปไหนสักที “คุณดุกระต่ายหรือคะ?”

“ช่างมันเถอะ” บอกปัด แล้วสงบสติอารมณ์ ใช้เวลาเพียงเสี้ยวเท่านั้นหลังได้เจอหน้าคนรัก “คุณกลับมานานรึยัง?”

“เมื่อกี๊นี้เองค่ะ ฉันซื้อแว่นตากันแดดอย่างที่คุณอยากได้มาให้คุณด้วยนะคะ”

“โอ้ ดีจริงๆ ผมอยากเห็นมันเต็มทนแล้วล่ะ” ว่าพร้อมกับโอบไหล่คนรักเดินกลับเข้าไปในบ้านโดยไม่สนใจใครตรงนั้นอีกเลย

เหลือเพียงกระต่ายกับกฤตพจน์เท่านั้น...

“เจ้ากรไม่เคยโวยวายเสียงดังขนาดนี้...” เขาเปรยขึ้น “เธอคงทำเรื่องสุดประทับใจเข้าให้ใช่มั้ย?”

กระต่ายก้มหน้า

“เธอพูดอะไรล่ะ อะไรที่ทำให้น้องชายของฉันโกรธจัด” พร้อมๆ กับเดินเข้ามาประชิดตัว

สาวใช้สั่นหน้ารัว

“เธอพูด... กระต่าย ยอมรับความจริงมาเถอะ แล้วบอกฉันว่าพูดอะไร”

คนถูกถามเงยหน้าขึ้น พร้อมน้ำตาไหลอาบแก้ม “คุณพจน์คะ...”

“เร็วเข้า ช่วงนี้ความอดทนของฉันก็ต่ำเหมือนกัน”

“กระต่าย... บอกความจริงเรื่องคุณกับ... คุณจรรย์อมลค่ะ”

เพี๊ยะ!  

หล่อนหน้าหันอย่างไม่ทันตั้งตัว หันไปตามแรงเหวี่ยงที่ฝ่ามือของเขา

“เธอโง่รึไง ทำไมถึงได้พูดไม่รู้เรื่อง” เสียงกรอดรอดไรฟัน

น้ำตาของสาวใช้ยิ่งไหลอาบหนักขึ้นไปอีก “ขอโทษค่ะ กระต่ายขอโทษ”

“สายไปแล้วล่ะ”

“คุณพจน์...”

“ไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอจะอยู่ที่นี่อีกแล้ว”

“ผิดไปแล้วค่ะ กระต่ายรู้ตัวแล้ว ได้โปรดเถอะนะคะ” หล่อนร้องอ้อนวอนพร้อมลงไปนั่งกับพื้นกอดรัดต้นขาแน่นตึงของเขาไว้

กฤตพจน์หลับตานิ่งในภวังค์อยู่ครู่หนึ่ง “ภายในหนึ่งชั่วโมง เก็บข้าวของของเธอออกไปให้พ้นจากรั้วบ้านนี้ซะ” แล้วสะบัดขาตนเองออกจากพันธนาการอย่างไร้เยื่อใย

กระต่ายแทบจะเป็นลมล้มพับไปตรงนั้น ความห่วงใยของหล่อน กลับกลายเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ยากที่จะเรียกกลับคืน

...ไม่ยุติธรรม ไม่ยุติธรรมเลย...

 

ครั้นเมื่อได้ฟัง แม้จะตวาดตะคอกเหวี่ยงเสียงดังออกไปอย่างนั้น แต่ก็ยอมรับว่ามันรบกวนจิตใจของเขาเหลือเกิน คำพูดของหล่อนยังคงวนเวียนอยู่ในโสตประสารทของเขา ดังก้องกังวานไม่ขาดหายไป ดังอย่างชัดเจน...

...“กระต่ายพูดความจริง ความจริงที่เกิดขึ้นตลอดสองปีเต็มตอนที่คุณยังอยู่ที่อังกฤษ คุณคงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนในบ้านบ้าง แน่นอน คุณย่อมไม่รู้เรื่องนี้”...

ใช่... เขาไม่รู้เรื่องก่อนหน้านี้เลย ไม่รู้และไม่ได้สนใจว่าคนรักของพี่ชายจะเป็นใคร หนำซ้ำก็ไม่คิดว่ามันจะจุดไต้ตำตอได้ขนาดนี้ เป็นเรื่องไม่คาดฝัน ไม่อยากเชื่อ...

ต่อหน้าเขาทั้งคู่ทำราวกับไม่รู้จักกัน ทำราวกับเป็นคนแปลกหน้า แต่เพราะอะไร?

...“ทั้งคุณพจน์และคุณมล ทั้งสองเคยรักกันมาก่อน และเมื่อคืนนี้... พวกเขา... ที่ห้องโถงชั้นล่าง... พวกเขามีอะไรกันตรงนั้นค่ะ”...

ทั้งสองเคยคบกัน... พวกเขามีอะไรกัน...

...ลักลอบคบกัน?...

ทำไมจะต้องปิดบังด้วย ทำราวกับตัวเขาเป็นคนโง่ ไม่จริงหรอก พี่ชายสุดที่รักจะต้องไม่ทำอย่างนั้น จะต้องไม่หักหลังเขา ถ้ามันเป็นอดีต ก็ควรจบไป เขาพร้อมจะยอมรับเรื่องนี้ หากแต่ถ้ามันเป็นเมื่อคืนนี้จริงๆ...

กฤตกรปิดเปลือกตาลง ริมฝีปากหนาเม้มแน่น ไม่อยากคิดถึงภาพที่แล่นเข้ามา ภาพที่จะบั่นทอนจิตใจของเขาให้อ่อนแอลง

ทำใจรับไม่ได้หรอก... ผู้หญิงที่รักมากที่สุด กับพี่ชายสุดที่รัก คนที่เขารักทั้งคู่... คนรัก... กำลังหักหลังเขางั้นหรือ...

เอนกายพิงพนักเก้าอี้อย่างอ่อนใจ ภาวนาให้มันเป็นเรื่องไม่จริง เป็นเรื่องโกหกของสาวใช้ปากมากก็เท่านั้น หล่อนคงกินมาก ก็เลยฝันมากไป เก็บเอาเรื่องเพ้อเจ้อมาเล่าเป็นตุเป็นตะ ใช่... มันต้องเป็นอย่างนั้น... ไม่มีทางเกิดขึ้นจริง

“อยู่ที่นี่เอง...” เสียงของหล่อนดังขึ้น ปลุกชายหนุ่มให้ตื่นจากภวังค์ความคิด

“มล...” สีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก

“หาซะทั่วบ้าน ที่แท้ก็มาหลบมุมอยู่ในห้องหนังสือนี่เอง” ว่าพร้อมกับเดินเข้ามานั่งทับบนที่วางแขนข้างกายเขา

“ตามหาผม? มีธุระอะไรรึเปล่าครับ?”

“อยากเจอหน้า ต้องมีธุระด้วยหรือคะ? ก็แค่คิดถึง...”

ชายหนุ่มเหลือบตาขึ้นไปมองหล่อน จรรย์อมรส่งยิ้มหวานพิมพ์ใจดังเช่นเคย

“จริงหรือครับ ที่คุณคิดถึงผม?”

“แน่นอนสิคะ ทำไมคุณถามอย่างนั้นล่ะ”

“แค่คนเดียว?”

สายตาเย้ายวนของหญิงสาวแปรเปลี่ยนเป็นความสงสัยเข้ามาแทนที่ “หมายความว่ายังไงคะ?”

“ไม่ต้องถาม แค่บอกผม...”

หล่อนเงียบ สบแววตาเศร้าหมองนั้นอย่างไม่เข้าใจ

“บอกผมว่า... คุณคิดถึงผมแค่คนเดียว... มีผมแค่คนเดียว...เท่านั้น...” เอ่ยเสียงเนิบพร้อมดวงตาเลื่อนลอย

“คุณกรคะ...”

“บอกผมสิ จรรย์อมล”

“ค่ะ... ฉันมีแค่คุณคนเดียวเท่านั้น รักคุณคนเดียว ไว้ใจฉันนะคะ มอบทั้งใจให้ฉัน แล้วฉันจะเป็นผู้ดูแลมันเอง" เป็นคำสัญญาของหล่อน คือความตระหนักรู้แล้วว่าอาการของเขานั้นสื่ออะไรออกมา

...เขาคงจะระแคะระคายบ้างแล้ว...

คงเพราะสาวใช้กระต่าย เสียงเอ็ดตะโรโวยวายเมื่อตอนสายนั่นคงเป็นเพราะเรื่องนี้... ความจริงคงจะแผลงฤทธิ์แล้วสินะ

ฝ่ามือเรียวบางลูบไล้ไปทั่วใบหน้าของเขาเป็นการปลอบประโลม ปลอบอย่างเสแสร้ง ทำด้วยความสาแก่ใจ “คุณกับฉัน จะมีแค่กันและกันเท่านั้นค่ะ ฉันจะไม่มีวันทำร้ายคุณ”

ให้ความหวัง... กรอกใส่หูเข้าไป... แล้วสุดท้ายก็ทำลายมันเสีย นี่ล่ะ คือรสชาติของความเจ็บปวดอย่างทรมาน...  


          ก้าวย่างเร่งรีบของรองเท้าคัตชูส์หนังแท้เป็นจังหวะร้อนรนอย่างสม่ำเสมอ ใบหน้าของชายหนุ่มเคร่งเครียดจริงจัง แต่ดวงตากลับสั่นไหวอย่างวิตกกังวล สารที่ได้รับมาทำให้เขารู้สึกตระหนก ความจริงที่กำลังรอการท้าพิสูจน์อยู่เบื้องหน้านี้เอง...

         

///////////

 

          “กระต่ายไม่ได้เร้าหรือให้คุณเชื่อค่ะ... แต่ต้องการให้คุณพิสูจน์ให้เห็นกับตาตัวเอง”

            กฤตกรฟังปลายสายพูดอย่างสงบนิ่ง หล่อนออกจากบ้านนี้ไปได้หลายวันแล้ว จู่ๆ วันที่จรรย์อมรบอกว่าจะไปช้อปปิ้งอย่างเช่นเคยพร้อมกันกับที่กฤตพจน์ก็ออกไปทำธุระข้างนอก สาวใช้คนเคยสนิทก็ติดต่อกลับมาอีกครั้ง

            “เพราะเธอต้องการกลับมาที่นี่อีกครั้งรึไง”

            “ไม่ค่ะ ไม่มีประโยชน์อะไรที่กระต่ายจะต้องกลับไปที่นั่นอีก ถึงความจริงปรากฏแล้ว ก็ไม่ได้ช่วยทำให้กระต่ายกลายเป็นคนถูกต้องขึ้นมาได้หรอกค่ะ”

            “แล้วทำไมเธอยังไม่จบเรื่องนี้อีก”

            “จากเดิมที่บอกเพราะห่วงใยค่ะ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่... ที่ต้องโทรบอกคุณเพราะเป็นความต้องการของใครคนนึง เขาอยากให้คุณได้รู้ความจริง”

            “ใคร?”

            “บอกไม่ได้ค่ะ เอาเป็นว่าถ้าคุณต้องการพิสูจน์ ก็รีบออกจากบ้าน ไปตามเส้นทางและสถานที่ที่ฉันบอก คุณก็จะพบเองค่ะ”

            ชายหนุ่มชั่งใจ นิ่งงันไปราวสิบวินาที

            “มันก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองนะคะคุณกร ตอนนี้ก็หมดหน้าที่ของกระต่ายแล้ว เท่านี้ละกันนะคะ ขอให้คุณโชคดี”

            ปลายสายตัดบทจบไปแล้ว แต่กฤตกรยังค้างอยู่ท่านั้น ในสมองคิดตัดสินใจอย่างวุ่นวาย

            ...จรรย์อมลแค่ออกไปซื้อของกับเพื่อนเท่านั้น ส่วนพี่พจน์ก็ไปธุระเรื่องงาน ทั้งสองจะไปลอบเจอกันได้อย่างไร ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็นับว่าเป็นเรื่องเลวร้ายมาก...

            เพื่อให้คลายจากความอึดอัดทรมานนี้ เขาจึงตัดสินใจบึ่งรถออกจากบ้านทันที อย่างน้อยก็ไปให้เห็นกับตา ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง ทุกอย่างก็จะจบลงอย่างสบายใจ

            กฤตกรยืนอยู่ที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ตามที่ได้รับแจ้งมาจากกระต่าย หัวใจสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อคิดถึงภาพนั้น

            เดินตามหาห้องเป้าหมายที่ได้จดมา หยุดนิ่งทำใจเล็กน้อยเมื่อพบ ภาวนาขอให้คนที่อยู่ภายในห้องนั้นไม่ใช่พี่ชายและแฟนสาวของตัวเอง ก่อนจะยกมือสั่นเทาขึ้นเคาะกระทบอย่างหวาดหวั่น

            ผ่านไปราวหนึ่งนาทีกว่าที่จะลูกบิดประตูที่เฝ้ามองจะขยับ รอให้ประตูเปิดออกมาช้าๆ แล้วรีบค้อมตัวขอโทษขอโพยที่มารบกวนผิดห้องผิดเวลา

            แต่เปล่าเลย...

            คนที่เปิดประตูด้วยร่างท่อนบนอันเปลือยเปล่านั้นคือ...

            “พี่พจน์...” กฤตกรครางอย่างไม่เชื่อสายตา

            กฤตพจน์เองก็ดูเหมือนจะอึ้งไปเหมือนกัน “กร... นาย... เอ่อ นายมาทำอะไรที่นี่?”

            “ถ้าผมถามพี่กลับ... พี่จะตอบว่าอะไร?”

            “ฉัน... เอ่อ...”

            “บอกมาเถอะพี่ ไม่เห็นต้องอายเลย ทำไมต้องแกล้งบอกว่ามาทำธุระ สุดท้ายแล้วแอบมาขลุกอยู่กับสาวสวยที่นี่ด้วยล่ะ” กฤตกรแสร้งยิ้มขันเอ่ยแซว ทำเป็นมองโลกในด้านสวยงามเข้าสู้  

            กฤตพจน์เองก็ยิ้มแหยๆ หากแต่เรื่องมันคงจบถ้าเสียงของหล่อนไม่ดังขึ้น

            “ทำไมช้านักล่ะ อย่าให้ขาดตอนสิคะ” ร้องบอกเสียงดังพอให้คนนอกได้ยินแล้ว จรรย์อมรก็ยิ้มกริ่มอย่างมีความสุข

            ทั้งหมดนี่คือแผนของหล่อนเอง ตั้งแต่เกลี้ยกล่อมให้กฤตพจน์ยอมมาร่วมรักกับหล่อนที่นี่ แล้วใช้กระต่ายเป็นผู้สื่อข่าว แจ้งตำแหน่งให้กฤตกรได้รู้ ให้เขามาพบมันด้วยตัวเองในวันที่ความจริงจะต้องถูกเฉลยขึ้น

            หลังสิ้นสุดเสียงหวานเจื้อยแจ้ว สองหนุ่มก็ต้องถลึงตาโต สำหรับกฤตกรแล้ว เสียงนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาจำได้ดี เพราะถูกโลมเลียที่ข้างหูเขาทุกวันทุกคืน คือเสียงของจรรย์อมล คนรักของเขา...

            กฤตพจน์เองก็ตกใจ ในนาทีนี้เขายอมทุกอย่างแล้ว หล่อนใช้มารยาทำให้เขาตกหลุมพราง ยอมมาที่นี่กับหล่อนเพราะกิเลสกาม

            “มลใช่มั้ยครับ?” กฤตกรถามเสียงแปร่งปร่า “ข้างในนั้นคือมลใช่มั้ยครับ?”

            กฤตพจน์ปิดเปลือกตาลงข่มความรู้สึกในใจ ใช้ความเงียบแทนคำตอบ

            “ใช่มั้ยพี่พจน์ ตอบผมซักทีสิ ตอบผมว่ามันไม่ใช่มล!” ยากเกินกว่าจะควบคุมอารมณ์

            คนเป็นพี่เปิดประตูให้กว้างขึ้น แล้วเดินนำเข้าไปอย่างใจเย็น ให้เห็นกับตาดีกว่าใช้คำพูดโป้ปดเป็นไหนๆ

            กฤตกรเดินตามเข้าไปช้าๆ หัวใจถูกบีบเค้นอย่างรุนแรง ต่อเมื่อภาพตรงหน้ากับผู้หญิงที่นอนระทวยอยู่บนเตียงปรากฏ สติก็ขาดผึงในทันที “มล...”

            “คุณกร...” หล่อนแสร้งทำตระหนกตกใจ อาการกลมกลืนเหมือนกับทุกคน

            จรรย์อมรร่างกายเปลือยเปล่า อยู่ภายใต้ผ้าห่มสีขาวซึ่งพันธนาการห่อหุ้มอยู่ เพียงแค่นี้ก็ชัดเจนมากแล้ว...

            “ทำไมคุณทำแบบนี้ล่ะ?” ทำเสียงเรียบ แต่ก็แทบจะทรุดลงไปกองกับพื้นอยู่แล้ว “ทำไมคุณต้องทำร้ายผมอย่างนี้ด้วยจรรย์อมล...” หยดน้ำตาหลั่งรินออกมา ออกมาจากดวงตาคมที่กำลังเหม่อลอย “คุณให้สัญญากับผมแล้วว่าจะมีแค่ผมคนเดียว... จะรักผมคนเดียวเท่านั้น...”

            กฤตพจน์ยืนนิ่ง ความรู้สึกตลอดร่างกายด้านชา เมื่อเห็นความเจ็บปวดของน้องชาย เขาเองก็ทรมานเหลือเกิน

            “ทำไมล่ะพี่พจน์... ทำไมมันต้องเป็นเรื่องจริง... ทำไมพี่ไม่บอกผม ทำไมต้องทำให้มันดำเนินไปอย่างนี้ด้วย...” หันชำเลืองมองพี่ชายซึ่งยืนก้มหน้าอยู่ด้านข้าง “เฝ้าคิดตลอดว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องจริง เป็นแค่คำโกหกของกระต่ายเท่านั้น มันจะต้องไม่เกิดขึ้นหรอก เพราะอีกคนก็คือพี่ชายของผม... ส่วนอีกคนก็คือคนรัก... คนที่ผมพร้อมจะให้เธอเป็นแม่ของลูก... แค่คนเดียวเท่านั้น...”

            ทว่า... ความเจ็บปวดของกฤตกร ยังถ่ายทอดมาถึงหล่อน วิ่งเข้าสู่หัวใจหยาบกร้านของจรรย์อมรอย่างไม่ตั้งใจ ภาพที่เห็น... หยดน้ำตา... ความเสียใจท่วมท้นของเขา... หล่อนยอมรับว่ามันมีตัวตน เกิดขึ้นในใจของหล่อนเช่นกัน

            หญิงสาวมองเขาด้วยแววตาเรียบเฉยไร้หัวใจ หากแต่ข้างในก็รบเร้าให้หล่อนวิ่งเข้าไปหาและเฝ้าปลอบประโลมเขาให้หายจากความทรมาน ไม่เคยคิดว่าจะมีความรู้สึกอย่างนี้เกิดขึ้นเลย... ความรู้สึกที่มันดันเกิดมาคัดค้านขัดแย้งกันเอง หล่อนสับสนเหลือเกิน...  

            “ที่รักที่สองครับ...” เสียงสั่นเครือเปรยขึ้นต่อ “ผมถูกหักหลังแล้ว จากคนที่ผมรักมากที่สุดในชีวิต... ผมควรจะทำอย่างไรดีเพราะตอนนี้ผมเจ็บปวดเหลือเกิน... เจ็บจนทรมาน...”

            “หยุดเถอะกร...” กฤตพจน์ร้องห้ามทั้งน้ำตาเช่นกัน น้ำตาของลูกผู้ชายสองคนที่กำลังหลั่งเพราะผู้หญิงใจร้ายคนหนึ่ง

            “ผมหยุดมันไม่ได้ ผมทำไม่ได้...” กฤตกรส่ายหน้า “พี่พจน์ครับ...”

            คนถูกเรียกเงยหน้าสบสายตาเว้าวอนของน้องชาย

            “ถ้าไม่มีผม พี่คงกลับมารักกับมลได้อย่างเปิดเผยสินะ”

            “พูดอะไรของนายน่ะ”

            “ผมขอโทษกับความผิดที่ไม่ได้ตั้งใจนี้ด้วย” ปาดคาบน้ำตาที่กรังบนใบหน้า “ถ้าผมเป็นฝ่ายถอยออกมา สองคนจะได้ทำความเข้าใจและคืนดีกัน เรื่องจะต้องจบอย่างงดงามใช่มั้ยครับ”

            สิ่งนี้เหนือความคาดหมายของจรรย์อมร ไม่ได้ต้องการให้จบแบบนี้ ความเจ็บปวดของพวกเขายังไม่ได้ครึ่งหนึ่งที่หล่อนกับพี่สาวได้รับมาเลยด้วยซ้ำ หากแต่ทว่าสิ่งที่คัดค้านขึ้นมาคือความยินดี ถ้ามันจะไม่ได้จบอย่างที่หล่อนคาดคิด หล่อนก็พร้อมจะยอมรับ

            กฤตกรเดินเข้าไปสวมกอดพี่ชายโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะหมุนกลับมาลงนั่งบนเตียงข้างๆ หล่อนแล้วโน้มศีรษะไปจุมพิตแผ่วเบาที่หน้าผาก เขายิ้มจางๆ ให้หล่อนหนึ่งที

            “ขอให้พี่ทั้งสอง รักกันยืนยาวนะครับ”

            “กร... นายไม่โกรธพี่จริงๆ เหรอ?”

            คนถูกถามส่ายหน้า “ไม่มีใครทำใจรับกับสถานการณ์นี้ได้อย่างรวดเร็วหรอก เพราะมันเจ็บ เจ็บมาก เจ็บอย่างร้ายกาจ ชาตินี้จะทำใจต่อไปได้รึเปล่าก็ไม่รู้” ว่าพร้อมกับดึงปืนพกขนาดสั้นออกมาจากกระเป๋ากางเกง

            “กร! นายจะทำอะไรน่ะ? อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ”

            “คุณกร! หยุดเถอะนะคะ!”

            เสียงร้องห้ามดังระงม แต่โดยที่ยังไม่มีใครได้ขยับตัว...

            “ฝากดูแลมลแทนผมด้วยนะครับพี่..”

            ปัง!

กระสุนวิ่งผ่านขมับขวาทะลุออกทางซ้ายพร้อมเลือดกระเซ็นพุ่งออกมาตามแรงดัน

กฤตกรสิ้นลมในทันที ล้มกองกับพื้นท่ามกลางความไม่คาดฝันของผู้ที่เหลืออยู่ จรรย์อมรกับกฤตพจน์อ้าปากค้าง มองภาพนั้นนิ่งงันราวกับถูกแช่แข็ง ในหัวขาวโพลนราวกับหลุดเข้าไปในความฝัน... ฝันร้ายที่ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น

เมื่อได้สติ กฤตพจน์ก็ถลาเข้าไปพยุงร่างไร้วิญญาณน้องชาย พร้อมกับกรีดร้องเรียกชื่ออย่างโหยหวน ห่าน้ำตาพรั่งพรูออกมาอย่างไม่ปกปิด ไม่มีความอับอายใดๆ อีกแล้ว

แทนที่หล่อนจะยินดี ตรงกันข้าม นี่ไม่ใช่อาการของผู้ชนะเลย เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าขาดเขาไม่ได้เสียแล้ว ผู้ชายที่มอบความรักและเทิดทูนหล่อนเท่าชีวิตคือกฤตกรเท่านั้น เพิ่งระลึกได้ก็ตอนที่สูญเสียไปแล้วว่าได้ทำลายหัวใจของตัวเองไปแล้ว

...นี่คือสิ่งที่หล่อนต้องการไม่ใช่หรือ จรรย์อมร กับการต้องสูญเสียใครสักคนหล่อนถึงจะพอใจ ทำไมจึงไม่ลิงโลดล่ะ ยินดีปรีดาและชื่นชมกับความสำเร็จนี้สิ...

หยาดน้ำตาก็รินไหลออกมาไม่ขาดสายเช่นกัน ตอนนี้หล่อนไร้เรี่ยวแรงอย่างที่ไม่เคยจะเป็น หล่อนควรจะดีใจ สำนึกรู้ว่าได้ล้างแค้นให้พี่สาวสำเร็จแล้ว

...ควรจะดีใจสิ...

“สาแก่ใจเธอแล้วใช่มั้ย?” ชายหนุ่มละจากร่างของน้องชายมาฉุดกระชากหล่อนให้ลงจากเตียงในสภาพร่างเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ปกป้อง

จรรย์อมรหัวเราะลงคอ แต่มันก็ออกมาพร้อมกับสายธารน้ำตา แสร้งยินดีเพื่อเล่นกับความรู้สึกของเขา แต่ทว่าก็ไม่ได้ควบคุมจิตใจของตัวเองเลย

“เธอมันเลวระยำนักจรรย์อมล ทำไมเธอถึงได้ร้ายกาจเลือดเย็นได้ถึงเพียงนี้ เธอทำกับคนบริสุทธิ์ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวได้อย่างไร”

คราวนี้จรรย์อมรหัวเราะร่วนดังลั่นกว่าเดิม ราวกับคนเสียสติ หล่อนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้อีกแล้ว แรงที่ถูกกระทำก็ปล่อยให้เป็นไปอย่างนั้น ราวกับไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ

“เธอบ้าไปแล้วรึไงจรรย์อมล!”

หล่อนกระตุกขัน “ใครว่าฉันบ้ากันล่ะ หือ?”

ริมฝีปากคนฟังสั่นระริก

“คนที่บ้าน่ะ คือคุณต่างหาก เพราะถ้าสติดีคงจะแยกแยะได้ว่าฉันไม่ใช่จรรย์อมล”

“เธอว่าไงนะ?”

“ฉันเหมือนพี่สาวของฉันมากขนาดนี้เลยเหรอ?” สีหน้าท้าทาย

“เธอ...”

“สุดท้ายที่ต้องเฉลยจริงๆ คงเป็นเรื่องนี้” บอกพร้อมแค่นหัวเราะ “มลไม่เคยบอกคุณหรือว่ามีน้องชายฝาแฝดด้วยอีกหนึ่งคน”

กฤตพจน์นิ่งงัน ความรู้สึกต่อเนื่องจากการสูญเสียน้องชาย

“น้องชายฝาแฝดของมลที่ว่าก็คือฉันไงล่ะ”

ดวงตาคมเบิกกว้าง จ้องอีกฝ่ายอย่างโกรธแค้น

“มลน่ะ มันตายไปแล้ว ตายเพราะคุณนั่นแหละ”

คนฟังจุกแน่นจนพูดอะไรไม่ออก เรื่องไม่คาดฝันประเดประดังเข้ามาไม่หยุดหย่อน บริการถึงที่อย่างต่อเนื่อง

“ทีนี้ก็หายกัน เราสูญเสียพี่น้องไปเหมือนกัน รู้สึกยังไงบ้างล่ะ เจ็บๆ คันๆ ใช่มะ?”

“แก...”  

“อีกข้อที่ดูจะไม่ถามก็คงไม่ได้ รู้สึกยังไงบ้าง ที่ผ่านมาได้ร่วมรักกับผู้ชายด้วยกัน เด็ดกว่าชะนีร่านๆ เยอะเลยใช่มั้ย?” แล้วก็หัวเราะร่วนอีกครั้งอย่างเย้ยหยัน เป็นไปอย่างชอบใจ

“ย๊าก!!!”

ไม่ไหวแล้ว... ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว คำพูดท้าทายของหล่อนทำให้เขาคุ้มคลั่งจนระเบิดออกมาแล้ว ระเบิดเป็นเรี่ยวแรงมหาศาลถ่ายทอดสู่สองมือที่กำลังบีบรัดต้นคอขาวเนียนของหล่อนอย่างแนบแน่น

แรงกระทำเห็นชัดเจนจากรอยโปนปูดของเส้นเลือดบนแขน ขณะเดียวกันที่ปลายทาง ดวงตาของจรรย์อมรเบิกกว้างจนเกือบจะถลนออกมา ริมฝีปากเผยอเพื่อซึมซับอากาศ พร้อมกับเสียงอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์

กฤตพจน์กำลังหน้ามืด จิตใจของเขาไม่ได้อยู่ในจุดปกติที่จะควบคุมให้เป็นไปตามครรลองอันถูกต้องได้ เขาถูกยัดเยียดเรื่องเลวร้ายให้มากเกินกว่าความแข็งแรงของสุขภาพจิตจะรับได้

...มันมากเกินไป...

ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น จรรย์อมรก็แน่นิ่งไป ร่างไร้วิญญาณเปลือยเปล่าของหล่อนร่วงผ็อยไปกองเคียงข้างกับกฤตกร นอนอยู่คู่กัน ใกล้ๆ กัน...

ในห้วงสำนึกสุดท้าย นี่คงเป็นสิ่งที่หล่อนต้องการ ที่ได้สร้างมันขึ้นมาทั้งหมด... ได้แก้แค้นอย่างสาสมให้กับพี่สาวแล้ว ยังได้อยู่กับคนที่ตัวรักตลอดไป... ได้หวนไปพบเจอกับเขาอีกครั้ง แม้จะสายไปก็ตาม

นี่เอง... เป็นสิ่งที่จรรย์อมรยินดีหนักหนา

กฤตพจน์ต้องอยู่ต่อไปอย่างโดดเดี่ยวและทรมาน แบกรับความเจ็บปวดทุรนทุรายนี้ไว้... ตราบนานเท่านาน...

**********

อวสาน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา