เพลิงสวาท... รุ้งมารายา

9.2

เขียนโดย Jeremiiz

วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 19.58 น.

  7 ตอน
  3 วิจารณ์
  25.14K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) โทสะบันดาล (NC 18+)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
บทที่ ๕
 
ตอนนี้ถือได้ว่าหล่อนเป็นเมียเขาแล้ว ชายผู้ซึ่งไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่อะไรกับเรื่องนี้เลย เขาคือน้องชายของศัตรู นั่นคือความโชคร้ายที่ไม่มีสิทธิ์เลือกของเขา ราวกับเส้นชะตาถูกขีดมาแล้วให้เป็นแบบนั้น ให้เขาตกหลุมรักหล่อนทันทีในครั้งแรกที่ได้พบ หากแต่ผู้ที่ขีดร่างวาดไว้ไม่ใช่พระเจ้า จรรย์อมร... หล่อนเป็นผู้รังสรรค์ให้มันเกิดขึ้นตามอย่างที่ต้องการ บันดาลให้เป็นไปดั่งใจ   
 พี่สาวของหล่อนคงเจ็บปวดทรมานในหัวใจมาก ถึงได้ตัดสินใจปลิดชีพตัวเองอย่างน่าเวทนาอย่างนั้น หล่อนไม่รู้หรอกว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไร แต่เพราะพี่สาวหล่อนท้อง คงจะเป็นสาเหตุนี้แน่ เขาต้องเขี่ยเธอทิ้งหลังจากตำหนิของเธอกำเนิดขึ้นมาวงเบ้อเริ่ม ซึ่งจรรย์อมรคาดเดาไม่ผิดเพี้ยนเลยแม้แต่สักนิดเดียว
ถึงอย่างไรจรรย์อมลก็รักเขามาก ทุกครั้งที่ได้ติดต่อกัน เป็นได้ต้องฟังเรื่องราวของเขา บอกว่าอยากให้หล่อนได้รู้จักว่าที่พี่เขยคนนี้เสียให้ได้ เขาเป็นคนหล่อและรวยมาก แต่เป็นคนดีด้วยรึเปล่านั้น ไม่แน่ใจว่าได้ฟังติดหูมาด้วยรึเปล่า
ทำไมเขาถึงทำได้ลงคอ...
หากนับระยะเวลาดูแล้วก็สองปีกว่าเห็นจะได้ ที่ชื่อ ‘กฤตพจน์’ ถูกกรอกใส่หูเข้าไปในโสตประสาทตลอดมา จนมันชัดเจนจำติดใจ มากเข้าก็อยากจะรู้จักให้ได้เหมือนกัน อยากจะรู้ว่าสมราคาคุยจริงรึเปล่า พี่สาวของหล่อนร่ายสรรพคุณเอาไว้มากมายเสียจนรับรู้ได้ว่าเธอคงทุ่มเททั้งชีวิตให้กับผู้ชายคนนี้ไปหมดแล้ว
สงสารก็แต่ลูกน้อยในท้อง ไม่มีโอกาสแม้จะได้ออกมาลืมตาดูโลก เกิดมาเป็นตัวปัญหาแท้ๆ แทนที่จะได้รับความรักจากพ่อแม่เหมือนครอบครัวอบอุ่นบ้านอื่น แต่เพราะท่ามกลางระยะเวลาความรักที่เริ่มจืดจาง หนูน้อยมาจุติไม่ถูกช่วงเวลานัก จากเพราะความไม่พร้อม สู่ความหมางเมิน และจบลงตรงเรื่องเลวร้ายอย่างไม่คาดฝัน
อย่างไรเสียจรรย์อมลก็จากไปแล้ว ไม่สนหรอกว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร สุดท้ายก็เพราะผู้ชายคนนั้นคือต้นเหตุ
เพราะฉะนั้น... สิ่งที่เขาควรจะได้รับเป็นการตอบแทน คือความเจ็บปวดอันเกิดจากคนที่เขารักและห่วงใยที่สุดเช่นกัน
...จะเป็นอย่างไรถ้าสองพี่น้องจะต้องบาดหมางกัน...
การทรยศหักหลังระหว่างสายเลือด...
...จะเป็นอย่างไรถ้าคนใดคนหนึ่งคิดสั้นจนต้องจากไป...
ความเศร้าโศกเสียใจคงจะบังเกิดขึ้นกับอีกฝ่ายที่ยังเหลืออยู่เป็นแน่แท้ ก็เหมือนกับที่หล่อนได้รับมันมา
อย่างใดอย่างหนึ่ง...
หรือเป็นไปได้ทั้งหมด...
สรุปลงที่พวกเขา ต่างก็ต้องได้รับความเจ็บปวดอยู่ดี
จรรย์อมรมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก หล่อนอยู่ในชุดกระโปรงเกาะอกรัดรูปสีแดงเพลิง แต่งเติมใบหน้าด้วยสีสันจัดจ้าน
...หมดเวลาไว้ทุกข์แล้ว ต่อไปคือการเฉลิมฉลอง...
 
ผู้คนมากมายรวมตัวกันอยู่ที่บริเวณสวนหย่อมหน้าคฤหาสน์ตระกูลโชติอนันต์ ล้วนเป็นเพื่อนๆ คนวัยเดียวกันทั้งนั้น หญิงบ้าง ชายบ้าง เพศที่สามเพศที่สี่ คละเคล้ากันไป ต่างแต่งตัวดูดีมีสไตล์และรสนิยมเลิศทุกคน
ตรงนั้นตกแต่งไฟสีให้กับเหล่าบรรดาต้นไม้สูงใหญ่แลดูมีมิติ สวยสดงดงาม ราวกับงานเลี้ยงฉลองระดับประเทศ มีโต๊ะเก้าอี้รับรอง อาหารคาวหวาน เครื่องดื่มหลากหลายรสชาติมากมายสีสันก็เตรียมพร้อมต้อนรับเลี้ยงกันไม่อั้นกันแบบบุฟเฟ่ต์ ที่ขาดไม่ได้ก็คงจะเป็นแผนกดนตรี บรรเลงขับกล่อมให้เกิดบรรยากาศคึกครื้นในงาน บางคนก็อาสาขึ้นแสดงพลังเสียงที่สู้อุตส่าห์ไปร่ำเรียนไกลถึงเมืองนอกเมืองนาให้เหล่าเพื่อนฝูงได้อึ้งตะลึงงันกันไป
เป็นปีที่ยี่สิบแปดแล้วสำหรับกฤตพจน์ วันเกิดของเขาถูกจัดต่อเนื่องกันมาทุกปี โดยเป็นอันรู้ในหมู่เพื่อนฝูงนักสังสรรค์ว่า ทุกวันนี้ของเดือน เป็นต้องได้ลาภปากจนจุกท้องและสนุกสุดเหวี่ยงกันอย่างเต็มที่
รถปอร์เช่รุ่นล่าสุดราคาแสนแพง หักเลี้ยวเข้ามาจอดอย่างสงบท่ามกลางสายตาของผู้คนนับร้อยที่กำลังจับจ้อง
กฤตกรเปิดประตูออกมาทางฝั่งคนขับ มีเสียงเกรียวกราวของทั้งสาวแท้และสาวเทียมดังตามมา ก่อนเขาจะเดินอ้อมไปทางตรงข้ามเพื่อเปิดประตูให้อีกคนที่รออยู่
และเมื่อหล่อนก้าวขาเรียวงามในส้นสูงปรี๊ดสีแดงสดจรดลงบนพื้น พร้อมแตะฝ่ามือที่ยื่นไปรับของชายหนุ่ม ก็เรียกเสียงฮือฮาจากผู้คนที่เฝ้ามองอยู่ได้ทันที
หญิงสาวหน้ามนคนอื่นๆ ที่คิดว่าตัวเองสวยเลิศที่สุดแล้วในค่ำคืนนี้ ต่างก็ต้องพากันหม่นหมองเพราะการปรากฏตัวของจรรย์อมร หล่อนยิ้มหวานทักทายคนเหล่านั้นอย่างเป็นมิตร โดยที่บางนางก็เบ้ปากไม่พอใจใส่หล่อน
“คนเยอะจังเลยนะคะ” จรรย์อมรหันไปแสดงความเห็นกับกฤตกรที่ยืนอยู่ข้างๆ
“อย่างนี้ล่ะครับ เรื่องธรรมดา พี่พจน์เป็นคนเพื่อนแยะ”
หญิงสาวพยักหน้า พร้อมยิ้มตอบบางๆ
หลายคนในงานเริ่มจำหล่อนได้ ถ้าพูดให้ถูกคือพวกเขาเหล่านั้นจำจรรย์อมลได้ ผู้หญิงที่เคยคบหากับกฤตพจน์มาก่อน เธอเป็นคนที่น่าอิจฉามากในตอนนั้น หากแต่ตอนนี้ความน่าอิจฉาของเธอต้องเพิ่มขึ้นสูงเป็นทวีคูณเข้าไปอีก เพราะนอกจากเธอจะได้ควงคู่กับพี่ชายแล้ว ก็ยังได้น้องชายไปอีก
นี่มันหมายความว่ายังไง?
ข้อสงสัยถูกตั้งขึ้นในหลายๆ คน และเสียงกระซิบกระซาบก็เกิดขึ้นเกรียวกราว หากแต่เจ้าตัวไม่ได้สนใจหรือยี่หระกับอะไรใดๆ เลย หล่อนยังคงยิงยิ้มอย่างเป็นมิตร ราวกับมาในนามของนางสาวไทย สายตาของจรรย์อมรถักทอเสน่ห์เชื่อมโยงหัวใจของชายหนุ่มไปทั่ว หากแต่ก็ไม่ได้คิดจริงจังแต่ประการใด
ไม่มีใครกล้า ‘เม้าธ์’ เธอดังนัก เพราะสีหน้าของจรรย์อมลในวันนี้ท่าทางเอาเรื่องไม่ยอมคน ดูน่าขนลุกขนพองในอำนาจบนมาดนางพญาเสียจริง
กฤตกรไม่ได้ยินหรือก็ไม่ได้ใส่ใจแขกเหรื่อของพี่ชายสักเท่าไรนัก เขาพาว่าที่คนแทรกตรงกลางทางเดินเข้าไปในบ้านเพื่อพบพี่ชายที่กำลังรออยู่ สำหรับเขาแล้ว กฤตพจน์เป็นพี่ชายที่เขาไว้ใจมากที่สุด เป็นคนในครอบครัวที่เขารักและสนิทสนมด้วยมากที่สุด เพราะตั้งแต่จำความได้ เขาก็โตมาในการดูแลของพี่ชายคนนี้ตลอด พ่อกับแม่มักจะยุ่งอยู่กับการบริหารธุรกิจในยุคตกทอด ดังนั้นคนเดียวที่จะคอยถามสารทุกข์สุขดิบทุกความต้องการของเขาก็คือพี่ชาย... แม้วัยจะห่างไล่เลี่ยกันเพียงไม่กี่ปี แต่เขาก็ยังให้ความเคารพ เพราะถือเป็นผู้บังเกิดเกล้าคนหนึ่ง
ข้างในบ้าน กฤตพจน์กำลังนั่งอยู่ท่ามกลางการแวดล้อมของสาวๆ ชุดเก้าอี้บุนวมหมู่ แต่กลับกระจุกกันแน่นอยู่ที่ตัวเดียวกัน เขาไม่ได้เป็นคนเรียก แต่พวกหล่อนเข้ามาเอง และมักจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งเมื่อเขาไปปรากฏตัวที่ไหนก็ตาม
“พี่พจน์ ผมพาเธอมาแล้วครับ” กฤตกรร้องบอกพี่ชายด้วยน้ำเสียงและใบหน้าอันพร้อมนำเสนอ
และทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้นมาพบกับหล่อน... แฟนสาวคนสวยของน้องชาย กฤตพจน์ก็ต้องนิ่งงันอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“มล!” ชื่อของเธอหลุดออกมาจากปาก ซึ่งไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของจิตใจ
...ผู้หญิงสวยเด็ดแสนถูกใจคนที่น้องชายพร่ำบอกคือเธองั้นเหรอ?...
ถ้างั้นที่เธอไม่แยแสเขาเมื่อวันนั้นก็เพราะน้องชายของเขาเอง มันเป็นอย่างนี้... กฤตพจน์กระอักเงียบอยู่ในใจ
กฤตกรไม่ทันสังเกตอาการของพี่ชาย หันไปประคองหล่อนให้ยืนแนบชิดติดกันเพื่อแสดงความรักและความสนิทสนมเพื่อให้อีกฝ่ายได้มองเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น “เธอชื่อจรรย์อมลครับ”
เมื่อถูกแนะนำ จรรย์อมลยิ้มบางๆ เป็นการทักทาย แสร้งตีสีหน้าสีตาว่าไม่รู้จักผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้ามาก่อน “สวัสดีค่ะ” หล่อนกล่าวทักทายน้ำเสียงนุ่มนวล
คราวนี้กฤตพจน์จ้องหน้าหล่อนเขม็ง จรรย์อมรรู้ดีว่าสายตานั้นสื่อสารอะไร หล่อนต้องการให้มันเป็นอย่างนี้นี่ล่ะ ลอบจ้องตากลับไปอย่างท้าทาย โดยรู้กันเพียงสองคนเท่านั้น ดวงตาคมของเขา ราวกับต้องการจะฉีกหล่อนออกเป็นชิ้นๆ แล้วสับให้ละเอียดจนเละอีกที
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” หล่อนบอก ใบหน้าแสนเย้ายวน แต่สำหรับคนฟังมันช่างยียวนเหลือเกิน
เขาไล่ผู้หญิงที่รายล้อมออกข้างกายไปจนหมด ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินตรงมายังคนทั้งคู่ กฤตพจน์ส่งมือไปตรงหน้าหล่อน “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”
หญิงสาวยกมือจับตอบกลับไป แต่ทว่าเมื่อได้สัมผัสรับกับฝ่ามือหนาและหยาบกร้านก็ได้รับแรงกระทำจนหล่อนต้องขบฟันข่มความรู้สึกเอาไว้ เขาบีบมือหล่อน บีบแรงๆ ระบายอารมณ์เจ็บแค้นมาตรงส่วนนี้
“คุณสวยมากอย่างที่เจ้ากรมันว่าจริงๆ”
“พวกคุณพูดถึงฉันกันด้วยหรือคะ? รู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ”
ดวงตาคมจ้องเขม็งไปบนใบหน้าเสแสร้ง เขาปล่อยมือออกจากหล่อน รอยแดงที่ปรากฏขึ้นเป็นหลักฐานชั้นดี
“พูดบ่อย พูดเยอะ จนผมอยากพบคุณด้วยตาตัวเอง”
“แล้วเป็นยังไงคะ ฉันดูแย่กว่าที่เขาบอกกับคุณรึเปล่า?”
ชายหนุ่มส่ายหน้า “ดีกว่าที่คิดไว้มาก...” พร้อมกับกลืนก้อนน้ำลายลงคอ “เพราะคุณสวยมากอย่างนี้นี่เอง เจ้าน้องชายขอผมถึงได้หลงนักหลงหนา”
“พี่พจน์” กฤตกรเอ็ดพี่ชายเสียงต่ำ ใบหน้าของเขาประกายสีชมพูระเรื่อ
“ฉันพูดความจริง”
จรรย์อมรหันมองชายข้างตัวที่ออกอาการเขินแล้วยิ้มขัน “จริงหรือคะที่รัก?” แล้วหล่อนก็โน้มลงไปเล็กน้อยเพื่อหอมแก้มเขา
ไม่เพียงแต่เจ้าตัว แม้แต่กฤตพจน์ก็ยังตกตะลึง ขณะที่หล่อนแสร้งยิ้มเขินๆ เพื่อสร้างความน่าเอ็นดูให้เพิ่มขึ้นเท่านั้น ท่ามกลางความว้าวุ่นในใจของพี่ชาย กฤตกรกลับชุ่มฉ่ำในหัวใจอย่างน่าประหลาด หล่อนทำให้เขายิ้มร่าออกมา โลกทั้งใบกำลังสดใส
กฤตพจน์แสยะยิ้มให้หล่อนอย่างสมเพช ไม่คิดว่าอดีตคนรักจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ “ดูเหมือนความสัมพันธ์ของคุณกับน้องชายผมจะดีมาก ยังไงซะก็ขอให้คุณช่วยดูแลเจ้ากรแทนผมไปนานๆ นะครับ”
“แน่นอนค่ะ” หล่อนตอบทันควัน “ฉันจะทำให้เขาได้รู้ว่าการที่มีฉันอยู่ข้างกายนั้นเป็นเรื่องวิเศษขนาดไหน”
ใบหน้าท้าทายเร้าให้เขาต้องข่มอารมณ์เอาไว้อย่างมากที่สุด ขบกรามแน่นจนเห็นชัดเป็นสัน ก่อนจะสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อเป็นการผ่อนคลาย “ถ้างั้น ก็เชิญคุณตามสบายเถอะครับ ขอให้มีสนุกกับปาร์ตี้”
“ขอบคุณค่ะ ฉันคงต้องเอ่ยคำว่า สุขสันต์วันเกิดด้วยสินะคะ”
ชายหนุ่มพยักหน้าส่งๆ แล้วหมุนตัวกลับขึ้นชั้นบนไปอย่างฉุนเฉียว เสียงลงเท้าหนักๆ กระทบพื้นทำให้กฤตกรแปลกใจ
“พี่พจน์เป็นอะไรไปนะ”
“เขาอาจจะไม่ชอบฉัน...” จรรย์อมรตีหน้าเศร้า
ชายหนุ่มหันมายกมือขึ้นแตะข้างแก้มหล่อนอย่างนุ่มนวล “ไม่หรอก มีเหตุผลอะไรที่พี่พจน์จะไม่ชอบคุณ”
“แล้วเหตุผลอะไรล่ะคะที่เขาจะต้องชอบฉัน”
“มากมายจนพูดไม่หมด”
หญิงสาวอมยิ้มน้อยๆ “คุณชักจะปากหวานมากขึ้นทุกวัน”
“คุณเองก็ทำให้ผมหลงได้ทุกนาทีเช่นเดียวกัน”  
“ขนาดนั้นเลยหรือคะ?”
“มากกว่าที่คุณคิดซะอีก”
หล่อนเผยอยิ้มเกือบจะหัวเราะ ก่อนจะยื่นหน้าเขาประทับริมฝีปากกับเขา “รางวัลพิเศษค่ะ”
ไม่ปล่อยให้ขาดตอนกฤตกรสานต่อกลับไปอย่างรวดเร็ว “หายกันแล้วนะครับ”
ตามมาด้วยเสียงหัวเราะคิกคัก
...ดูเหมือนจะไปกันได้ดี...
ท่ามกลางการแสดงความรักของทั้งสอง ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีสายตาแสนกระด้างคู่หนึ่งกำลังจับจ้องอยู่ เขามองภาพนั้นอย่างเจ็บปวด หากแต่ไม่สามารถแสดงอาการใดๆ ออกมาได้เลย เพราะคนหนึ่งคือน้องชาย และอีกคนคือคนรักเก่า... คนทั้งสองที่เขาต่างก็รักมากทั้งคู่
 
          ข้างกายของหล่อนคือกฤตกร เขานอนหลับสนิทไปแล้ว หล่อนนอนอยู่บนเตียงนุ่มๆ ในห้องนอนของเขา ที่บ้านของเขา ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเชื้อเชิญเพราะดูเหมือนว่าจะดึกและอันตรายเกินไปหากต้องขับรถกลับไปตอนที่สมองยังเบลอด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ แน่นอน หล่อนไม่คิดปฏิเสธ
          ตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะรู้สึกคอแห้ง จรรย์อมรย่องลงจากเตียงอย่างนุ่มนวลเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนอีกฝ่าย หล่อนดำเนินทุกอย่างเงียบๆ จนลงมาถึงโถงชั้นล่าง มีแสงไฟสลัวๆ พอให้มองเห็นบริเวณโดยรอบได้
            ป่านนี้ทุกคนคงหลับกันไปหมดแล้ว บ้านหลังใหญ่โตเวลาที่ไม่มีคนอยู่ก็อ้างว้างวังเวงเหมือนกัน ดูเงียบเหงาและหดหู่เหลือเกิน ไม่รู้ว่าพวกคนร่ำคนรวยอยู่ไปได้ยังไง
            ก่อนจะได้ไปถึงห้องครัว หล่อนหยุดยืนมองไปรอบๆ บ้านอย่างสำรวจ ไม่ได้มองหาของมีค่า หากแต่กำลังพินิจร่องรอยของพี่สาวในคฤหาสน์หลังนี้ต่างหาก
            ...เธอใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้อย่างไรนะจรรย์อมล เธอมีความสุขกับเขาที่นี่งั้นเหรอ มันจะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไงนะ ในเมื่อที่นี่แม้จะกว้างใหญ่หรูหราก็จริง แต่กลับไม่น่าอภิรมย์เลยสักนิด...
            หญิงสาวผ่อนลมหายใจออกมาแผ่วๆ ก่อนจะสลัดความคิดต่างๆ นานาแล้วหมุนตัวไปทางห้องครัว แต่ทว่าก็ต้องสะดุดกึกหยุดอยู่กับที่เมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้นตรงโซฟาบุนวมสำหรับนั่งเล่นแบบส่วนตัวซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
            “มายืนรำลึกความหลังครั้งยังหวานชื่นสมัยเป็นเมียฉันอยู่รึไง” เป็นเสียงของกฤตพจน์ ฟังดูงัวเงียยานคาง แต่ก็ไม่ผิดปกติไปมากนัก
            จรรย์อมรชักเท้าพร้อมหมุนตัวกลับมา
            ...ใช่เขาจริงๆ...
            กฤตพจน์กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ตรงนั้นในชุดคลุมอาบน้ำ ท่ามกลางแสงสีส้มสลัวของโคมไฟดวงเล็กๆ สลักลวดลายสลับซับซ้อนบนข้างฝา ในมือของเขามีแก้วเครื่องดื่มเว้าสูงแกว่งไกวไปมา เขาไม่ได้มองหน้าหล่อน แต่หล่อนกำลังจ้องมองเขา
            “รู้ได้ไงคะ ว่าตอนนั้นฉันหวานชื่นและมีความสุข” จรรย์อมรตอบกลับไป
            ชายหนุ่มเหยียดยิ้มที่มุมปาก “ก็มันเป็นอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ เธอเองย่อมรู้ดีนี่” ดวงตาคมเลื่อนมาสบตากับหล่อน มันหยาดเยิ้มชวนหลงใหลอย่างที่จรรย์อมรไม่เคยพบ
            “ไม่ค่ะ ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนั้น”
            “โกหก! เธอโกหก”
            “มันเป็นความจริง” แววตาของหล่อนท้าทาย
            “ความจริงก็คือเธอหลงฉันมากต่างหาก หลงจนหัวปักหัวปำ”
            “คุณเองต่างหากที่กำลังโกหก”
            ชายหนุ่มส่ายหน้าช้าๆ “นี่ล่ะ คือเรื่องจริงที่สุด” แล้วยกแก้วขึ้นจิบ
            “แล้วเหตุผลอะไรกันคะ ที่ฉันจะต้องเป็นไปอย่างนั้น”
            “ลีลารัก...” คำตอบไวเท่าความคิด “หรือว่าไม่ใช่...”
หญิงสาวนิ่งงันไป
“มันเป็นอย่างนั้นไม่ใช่เหรอจรรย์อมล เธอไปจากฉันไม่ได้ก็เพราะเรื่องนี้”
“หุบปากนะ”
“เกิดรับตัวเองขึ้นมาไม่ได้แล้วรึไง” ชายหนุ่มวางแก้วลงบนโต๊ะข้างกาย ก่อนจะลุกขึ้นมายืนประจันหน้ากับคู่สนทนาให้เท่าเทียม “ทำดัดจริตรับเรื่องอย่างว่าไม่ได้ ฉันล่ะอยากจะรู้นักว่าเจ้ากรมันจะทำให้เธอเผ็ดร้อนถึงใจได้ขนาดไหน”
“เขามีดีก็แล้วกัน”
“ยังไง?”
“เรื่องแบบนี้ต้องรู้กันแค่สองคนค่ะ”
กฤตพจน์กระตุกหัวเราะ “งั้นเหรอ? มันทำให้เธอลืมรสชาติของฉันไปหมดเลยรึไง”
“แน่นอน”
คำตอบของหล่อนทำให้ดวงตาของเขากระด้างขึ้นมาทันที ฉายแววโรจน์ของความโกรธ อารมณ์แปรปรวนซึ่งก็ทำให้จรรย์อมรรู้สึกหวาดหวั่นไม่น้อยอย่างที่ต้องจำใจยอมรับ
“เธอมันก็แค่หญิงชั่ว ทำตัวต่ำเหมือนกับสัตว์เดรัจฉาน สมสู่ได้หมดไม่เว้นหน้า”
“คุณกฤตพจน์!”
“ทำไม? แทงใจดำรึไง เธอรู้สึกกับถ้อยคำนั้นด้วยเหรอ? ที่จริงแล้ว คนอย่างเธอน่ะ มันเป็นได้มากกว่านั้นซะอีก ใช่มั้ยล่ะ?”
เพี๊ยะ!
หันไปตามแรง... ใบหน้าคมสันต์ของเขาสะบัดเอียงไปเล็กน้อยจากแรงกระหวัดหวดที่ฝ่ามือของจรรย์อมร หล่อนกำลังฉุนเฉียวกับคำดูถูกอันแสนร้ายกาจของเขา
“คิดว่ามันต่างกันงั้นเหรอคะ ระหว่างฉันกับคุณ”
กฤตพจน์หันหน้ากลับมา เผยให้เห็นรอยนิ้วมือทั้งห้าจากไฟสลัว เขาจ้องหน้าหล่อนราวกับพร้อมจะกลืนกินลงไปทั้งตัว “ไม่หรอก เพราะเราทั้งคู่ ต่างก็เหมือนกัน ถึงได้เคยลึกซึ้งกันมาก่อน แบบนี้ไงล่ะ” ไม่พูดเปล่า แต่แสดงท่าทางประกอบให้ดูด้วย
เขากระชากหล่อนมาแนบกายแล้วโน้มใบหน้าลงซุกไซ้จูบไล่ตามซอกคอของหล่อนอย่างดุเดือด ท่ามกลางการปัดป้องของอีกฝ่ายอย่างทะนงตัว
ความรุนแรงที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้หล่อนประหม่าและเจ็บปวดจากหนามคมที่ใต้คางของเขา จรรย์อมรบิดตัวดีดดิ้นเพื่อให้หลุดออกจากพันธนาการ แต่ทว่าเรี่ยวแรงที่กระทำกับหล่อนนั้นมหาศาลเหลือเกินมิอาจหนีรอดไปได้
มือหนายกขึ้นมาบังคับใบหน้าของหล่อนให้อยู่กับที่กระชับมั่น แล้วจึงเลื่อนริมฝีปากของตัวมาประทับกับอีกฝ่ายอย่างรีบเร่งต่อเนื่อง วินาทีแรกจรรย์อมรขัดขืน กลิ่นเหล้าคละคลุ้งตลบอบอวนไปทั่วจนเวียนหัว แต่เมื่อลิ้นหยาบสอดแทรกเข้ามา หล่อนก็ต้องจำใจต้อนรับมันอย่างเลี่ยงไม่ได้
ไม่ได้เป็นไปอย่างบรรจงตั้งใจ หากแต่มันเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด คงจะเรียกว่าการขืนใจ ถ้าหากหล่อนไม่ยินดีรับมัน
จรรย์อมรยอมแพ้... หล่อนยอม... ยอมให้เขาเป็นฝ่ายมอบมันให้กับตัวเอง อีกใจหนึ่งก็อยากลองดี อยากดูว่ามันจะสมกับที่เขาโอ้อวดตัวเองไว้รึเปล่า ไม่ใช่การขืนใจแล้ว ตอนนี้หล่อนสมยอม
ความร้อนแรงภายในถูกปลุกกระตุ้นขึ้น การจูบปากแลกลิ้นเป็นไปอย่างต่อเนื่องและยาวนาน คงจังหวะดุดันได้ไม่ขาดช่วง
“เริ่มรับรู้มันบ้างรึยังล่ะ?” เสียงแหบพร่าเอ่ยถาม
“ยังไม่มาก ถ้าคิดว่าแน่จริงก็อย่ารอช้าสิคะ” น้ำเสียงกระเส่าท้าทาย
ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม ดวงตาคมจ้องมองใบหน้านั้นนิ่งราวห้าวินาที ก่อนจะเริ่มจู่โจมต่ออย่างรุนแรง เขาฉีกชุดนอนบางเบาของหล่อนออก แค่ชั้นเดียว... ก็เผยให้เห็นเรือนร่างภายในที่ถูกแอบซ่อนไว้ มันปรากฏอยู่ในแสงสีส้ม ผิวเนียนอวบอิ่มรับแสงสะท้อนเป็นสีทองอร่าม
กฤตพจน์กลืนก้อนน้ำลายลงคอเมื่อได้ประจักษ์แก่สายตา เขาเริ่มต่อที่ซอกคอหล่อน ซุกไซ้เสียดสีจนเกิดเสียงครางค่อยๆ ตามมา
เขาเลื่อนลงมาอย่างช้าๆ แต่คงไว้ซึ่งความหนักหน่วง ลงมาถึงกลางอก และหยุดบดขยี้ที่ทรวงอกใหญ่โตนั่น ถึงจุดนี้ก็ตระหนักอะไรได้บางอย่าง แม้จะเป็นจรรย์อมลคนเดิม แต่สัมผัสช่างแตกต่างเหลือเกิน แค่เนินอกอวบอิ่มก็ไม่ใช่ของเดิมที่คุ้นเคย หากแต่มันรัญจวนสร้างความพึงพอใจให้เขาได้มากกว่าเดิม อย่างเต็มไม้เต็มมือ
เมื่อถึงจุดยอดถันที่กำลังถูกละเลงด้วยลิ้นสวาท จรรย์อมรก็บิดตัวเกลียว เนินอกอูมของหล่อนกำลังถูกจัดการอย่างเผ็ดร้อน ทั้งขยำด้วยมือขยี้ด้วยลิ้น ส่งให้เรียวปากต้องเผยอแล้วปล่อยเสียงระบายความเร่าร้อนออกมา
ทั้งสองข้าง... เขาดูดดื่มมันอย่างไม่มีที่ติ ทั้งขบทั้งเม้มเร้าหญิงสาวไม่ให้อยู่เฉย ร่างเปลือยเปล่าของหล่อนม้วนพับกันอย่างน่าขัน ทั้งเสียงประกอบความรู้สึกก็ดังไม่ขาดปาก ก็ยิ่งทำให้เขาหยุดมันไม่ได้
“ทำต่อไปนะคะ ได้โปรด...” เสียงของหล่อนปริ่มจะขาดใจ
“แน่นอน...”
จากภูเขาเนื้อหนัง ใบหน้าคมก็เลื่อนต่ำลงมาอีก ผ่านสะดือ ท้องน้อย จนถึงจุดนั้น... มันถูกบดบังจากหน้าขาเนียนที่ทับซ้อนกันอยู่ทั้งสองข้าง
“เปิดมันออกมาให้ฉันสิ” กึ่งคำสั่ง
จรรย์อมรค่อยๆ แยกขาออก ปรากฏกลีบกุหลาบสีชมพูระเรื่อบานแย้มให้เขาได้พินิจจับจ้อง
“นี่สิ วิเศษเหลือเกิน...”
ตรงส่วนภายนอกกำลังถูกโลมเลียด้วยสัมผัสหยาบกร้าน มันตอดรับทันทีที่เขาจุมพิตแทรกลิ้นลงไป เขาเล่นกับติ่งเมล็ดแตงโมนั้นอย่างชำนาญ เนิบๆ ช้าๆ ในช่วงแรง และเร่งจังหวะเมื่อเครื่องร้อน จนเจ้าของร่างทนไม่ไหวต้องล้มตัวลงไปบนเก้าอี้บุนวมด้านหลัง
มันเป็นท่วงท่าอันเหมาะสมที่เขาจะใช้นิ้วสอดเข้าไป สำรวจปริมาตรการรองรับจากภายใน เป็นจังหวะถี่ๆ เข้าและออกเร็วๆ ร่างบางอ่อนระทวยกระตุกตัวเองเป็นจังหวะในบางครั้ง สุดท้ายหล่อนก็ร้องครางพร้อมวาดฝ่ามือขวนขวายไปทั่วเพื่อเสาะหาที่ยึดเหนี่ยว ร่างระหงบิดเกร็งจนอีกฝ่ายรับรู้ได้
“เธอไปก่อนฉันซะอีกนะ” คิ้วเข้มยกสูงเมื่อมองไปยังร่างอ่อนระทวยเบื้องหน้า
ต่อจากนั้นร่างสูงก็ยืนขึ้น ถลกชุดคลุมอาบน้ำที่หลุดลุ่ยของตัวเองออก เผยให้เห็นแผงอกกำยำบนเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบอย่างที่ใครๆ ก็ต้องหลงใหล และที่สำคัญแก่นกลางกายชูชันของเขาก็อลังการอล่างฉ่างน่าลิ้มลองเหลือเกิน
จรรย์อมรจ้องมองสิ่งนั้นอย่างพิสมัย หล่อนแทบจะคลั่งอยู่แล้วกับความเป็นชายของเขา เริ่มตระหนักรู้อยู่ในใจน้อยๆ ว่าเหตุใดจรรย์อมลพี่สาวหล่อนถึงได้หัวปักหัวปำกับผู้ชายคนนี้ “อย่าให้ฉันต้องรออีกเลย ได้โปรดเถอะ...” หล่อนร้องบอกน้ำเสียงอ้อนวอน พร้อมเปิดอ้าเตรียมต้อนรับอย่างยินดี “ทำให้มันต่อเนื่องอีกครั้ง... ด้วยร่างกายของคุณ”
ชายหนุ่มหัวเราะลงคออย่างชอบใจ เมื่อสดับรับรู้ถึงความต้องการของหล่อน สาแก่ใจอยู่ลึกๆ เพราะอย่างไรก็มิอาจปฏิเสธได้ว่าเธอไม่สามารถหลงลืมลีลารักของเขาได้
ท่อนขาเรียวยาวข้างหนึ่งถูกยกขึ้น วางพาดไว้บนบ่าตัว ก่อนชายหนุ่มจะค่อยๆ แทรกสอดแก่นกายของตนเข้าไปเยือนกลีบกุหลาบชมพูระเรื่อที่กำลังบานแย้มรอการทะลุทะลวง จังหวะนี้เป็นไปอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายต้องเจ็บปวด เขาเพียงแค่ต้องการให้เธอได้ระลึกถึงความหลัง ไม่ใช่ปรารถนาการทำร้าย
...เธอย่อมรู้ดีแก่ใจจรรย์อมล เธอไม่ได้ความจำเสื่อมสักหน่อย...
เข้าไปจนสุด ลึกล้ำจนสามารถรับรู้ได้ ผ่านช่วงเวลาของความเจ็บปวดเพียงเสี้ยว ทั้งสองเชิดหน้าขึ้นแล้วครางเสียงร้องออกมาพร้อมกัน เป็นไปอย่างสุขสันต์เมื่อร่างทั้งสองถูกผนวกเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
จังหวะในการเคลื่อนไหวเริ่มขึ้นแล้ว จรรย์อมรจิกเล็บลงบนต้นแขนกำยำตอนที่เขาโน้มตัวลงมา ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้เพียงปลายจมูก เสียงลมหายใจผ่านการขยับบั้นท้ายของเขาแม้จะแผ่วเบาแต่หล่อนก็ได้ยินอย่างชัดเจน เสียงครางต่ำๆ ของชายหนุ่ม...
หล่อนเลื่อนมือขึ้นไปกดศีรษะเขาลงมาจนปลายจมูกชนกัน ก่อนจะต่อลมหายใจให้กันทางช่องปาก ลิ้นของทั้งสองตวัดรับตวัดสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทั้งบั้นท้ายแน่นตึงก็เร่งการเคลื่อนไหวให้ถี่ขึ้น ขยับการเข้าออกอย่างรุนแรงและหนักหน่วง ท่ามกลางเสียงอู้อี้ในช่องปากที่ประกบรับกันแน่น จรรย์อมรต้องผลักใบหน้าเขาออกเพื่อระบายความซาบซ่านออกมา
“ยอมรับมันแล้วใช่มั้ยล่ะ?”
“ไม่ค่ะ” หล่อนส่ายหน้า แม้จะอ่อนระทวยอยู่ใต้ร่างกายบึกบึนของเขา
“ยอมรับมาเถอะ จรรย์อมล”
“มันยังไม่มีตรงไหนที่แตกต่างจากคนอื่นนี่คะ”
ชายหนุ่มจ้องหน้าหล่อนด้วยแววตากระด้าง ฟันกรามขบเม้มกันจนเห็นเป็นสันนูน เร่งจังหวะการกระแทกขึ้นไปอีก จนร่างของหล่อนขยับไหวอย่างรุนแรง เนินอกสั่นเทิ้มเด้งไปมา เห็นดังนั้นแล้วกฤตพจน์จึงโน้มลงมาควบคุมมันไว้ด้วยริมฝีปากและลิ้นสวาท เขาดูดดื่มมันอีกครั้ง ขณะการเคลื่อนไหวของร่างกายก็ยังคงที่ในจุดสูงสุด
ฉับพลันเขาก็ถอนมันออกอย่างรวดเร็ว อารมณ์ของจรรย์อมรค้างเติ่งในวินาทีนั้น ราวกับถูกพรากของสำคัญออกไปจากร่างกาย มันรู้สึกโล่งและวังเวงพิกล ซึ่งทำให้หล่อนไขว่คว้าเขา ต้องการความอบอุ่นนั่นอีกครั้ง ต้องการให้มันเป็นต่อไป อย่าปล่อยให้หล่อนต้องอ้างว้างอยู่อย่างนี้
“ทีนี้จะยอมรับรึยัง?” ถามเสียงกระเซ้า
จรรย์อมรพยักหน้าแรงๆ บอกเจตจำนงอย่างไม่ปกปิด “อย่าทิ้งฉันไว้แบบนี้ ได้โปรด...”
คราวนี้ชายหนุ่มพอใจอย่างที่สุด หัวเราะร่วนเสียงดังอย่างไม่กลัวว่าใครจะมาได้ยิน ชั้นบนที่นอนหลับอยู่คือกฤตกร ชั้นล่างที่ไกลออกไปคือห้องของกระต่าย และบริเวณรอบนอกของตัวบ้านคือคนงานอื่นๆ ไม่ได้รู้สึกต้องระแวดระวังเลย นาทีนี้เขาไม่สนใจอีกแล้วว่าจะมีใครมาพบเห็นภาพเหล่านี้เข้า จะต้องแคร์อะไร ก็ในเมื่อเขากำลังร่วมรักอยู่กับคนรักของเขา กำลังทำให้ผู้หญิงคนนี้มีความสุขมิรู้ลืม
กฤตพจน์แยกขาทั้งสองข้างของหล่อนออกแล้วสอดใส่เข้าไปใหม่อีกครั้ง จรรย์อมรร้องออกมาด้วยความรู้สึกดี ความอบอุ่นผ่านเข้ามาอยู่ในตัวหล่อนอีกครั้งแล้ว ก่อนที่ร่างบางจะถูกสองมือหนาช้อนหลังขึ้นมา เขายกร่างของหล่อนลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ ล่องลอยจนต้องคล้องลำคอเขาเป็นที่ยึดเหนี่ยว
ร่างกำยำกำลังยืนแบกรับน้ำหนักของหญิงสาวเอาไว้ทั้งตัว แล้วบังคับให้หล่อนกระดกขึ้นลงรับแรงดันจากเบื้องล่าง บั้นท้ายของหล่อนถูกมือหนาบีบคลึงขยี้เค้น เขาก้าวเดินไปรอบบ้านอย่างท้าทายโดยมีหล่อนโอบค่อมแก่นกลางของเขาอยู่
“วิเศษไปเลยว่ามั้ย?”
จรรย์อมรพยักหน้ารับ หล่อนกำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งกลกาม
ระหว่างกฤตพจน์และจรรย์อมล ทั้งสองไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน แค่ที่ห้องนอนเท่านั้นเป็นการส่วนตัว แม้จะเป็นผู้ที่รักและชื่นชอบในเซ็กส์ แต่ทว่าก็ไม่เคยคิดร่วมรักกันนอกสถานที่มาก่อน คงเป็นเพราะอารมณ์และความรู้สึกอันหลากหลายที่ประทุขึ้นในใจ ร่วมทั้งฤทธิ์อันร้ายกาจของแอลกอฮอล์ ทำให้เขาไม่สามารถยับยั้งมันได้อีกต่อไป
แผ่นหลังของหล่อนถูกดันไปติดข้างฝาด้านหนึ่ง ขณะที่เขาก็แนบชิดติดตามมาอย่างต่อเนื่อง การเคลื่อนไหวอย่างไม่ขาดสาย ขาทั้งสองข้างของหล่อนยังคงลอยพื้น เขาใช้ตรงนี้เป็นที่ยึดหล่อนให้อยู่กับที่ เพื่อการเร่งเร้าจังหวะให้รุนแรงถี่ขึ้นไปอีก
ช่วงเวลาแห่งความสยิวใจ เสียงจุกจิกของทั้งสอง รบกวนให้แม่บ้านอย่างกระต่ายต้องออกมาสำรวจความเรียบร้อย เกรงว่าจะเป็นขโมย จะได้ยกหูโทรศัพท์แจ้งตำรวจโดยพลัน หากแต่ทว่า... หล่อนคงคาดการณ์ผิดไป เมื่อต้นกำเนิดเสียง ไม่ใช่การย่องเบาของขโมย แต่เป็นลีลารักของเจ้านาย ซึ่งกำลังดำเนินไปอย่างดุเด็ดเผ็ดมันส์ กว่าหล่อนจะหลบลี้หนีหายไป สายตาของทั้งคู่ก็จับจ้องมาที่หล่อนเป็นตาเดียวกันแล้ว  
“คะ คุณผู้ชาย... คุณมล...”
ดวงตาคมของกฤตพจน์แค่จ้องมองไปอย่างเรียบเฉยเท่านั้น ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับการพบเห็นของมือที่สามเลย เขายังคงทำหน้าที่ไปอย่างต่อเนื่อง
จรรย์อมรเองก็ไม่ได้ใส่ใจ เวลานี้ไม่มีใครสามารถหยุดความเร่าร้อนในร่างกายหล่อนซึ่งถูกจุดประกายโดยกฤตพจน์ไปได้แน่ๆ หล่อนจิกลงไปยังแผ่นหลังของเขาโดยไม่ได้ตระหนักรู้ประมาณแรง
มีเพียงกระต่ายเท่านั้นที่ยืนอ้าปากค้างกับภาพที่เห็นราวสิบวินาที ก่อนจะเป็นฝ่ายตีจากไปเองพร้อมจังหวะการเต้นของหัวใจอันผิดธรรมชาติ
ความตื่นเต้นที่กระต่ายมาพบเข้ายิ่งบีบรัดความรู้สึกภายในให้ว้าวุ่นขึ้นมาอย่างยิ่งยวด เขาอาจจะทนต่อไปไม่ได้ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า ภายในก็ยิ่งตอดรัดเขาอย่างจงใจ
บั้นเอวกำยำเริ่มขยับรัวถี่ๆ เสียงร้องครางของทั้งคู่ประสานกันดังขึ้นจนฟังชัดเจน ก่อนในที่สุดมันจะระเบิดออกมา ทะลักทะลวงอยู่ในกายของหญิงสาว กฤตพจน์เชิดหน้าขึ้น แอ่นแก่นกายจนสุดด้ามปืน แผ่ขยายความอิ่มเอมอันร้อนรุ่มไปทั่วร่าง แผงอกแน่นของเขากระตุกเล็กน้อย เสียงหอบอากาศตามมาดังรับกันหลังจากนั้น
นานนับนาทีที่ค้างอยู่อย่างนั้น ส่งต่อความรู้สึกภายในให้แก่กันและกัน หลอมรวมกันเป็นหนึ่งอย่างที่มิอาจขัดขืนได้  
จรรย์อมรรู้ซึ้งจากก้นบึ้งของหัวใจก็คราวนี้ เหตุใดผู้ชายที่ชื่อกฤตพจน์จึงสามารถคร่าชีวิตของพี่สาวหล่อนได้ หากแต่กระนั้นก็ไม่สามารถเปลี่ยนอคติในใจหล่อนลงได้เลย กลับกระหยิ่มยิ้มย่องในใจเมื่อสามารถมองเห็นภาพในอนาคตที่จะเกิดขึ้นหลังจากอารมณ์ชั่ววูบนี้จบลง
เพราะเขาแท้ๆ ที่ไม่ยอมห้ามใจตนเอง เขาเองนั่นล่ะ... ที่จะเป็นฝ่ายก่อเรื่องร้ายแรงด้วยน้ำมือของตัวเอง ความคุ้มคลั่งเดือดดาลในใจของเขา เป็นตัวต้นเหตุนำมาซึ่งหายนะแท้ๆ...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา