ไกลปืนเที่ยง
9.0
9)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ตะวันคล้อยบ่าย ... ตำรวจทั้ง 4 นายเฝ้ามองการมาของตำรวจใหม่อย่างแข็งขัน ทั้ง 3 นายเข้าแถวเรียงหน้ากระดานโดยมีจ่าวุฒิ ผู้ที่ยศสูงกว่าเพื่อนยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าแถว ทั้งหมดยืนตรงหน้าเสาธงชาติ ซึ่งอยู่หน้าสถานีตำรวจ ธงชาติไทยผืนใหม่เอี่ยมอ่องโบกสะบัดพลิ้วไหวตามสายลมยามบ่ายเป็นพื้นหลังให้ตำรวจที่จัดแถวอย่างระเบียบเรียบร้อยทั้ง 4 นาย ทำให้ดูน่าเกรงขามยิ่งนัก ชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาต่างหยุดยืนดูด้วยความสนใจ เพราะนานๆครั้งจะเห็นตำรวจของโรงพักโคกอีแร้งออกมาทำพิธีการเป็นระเบียบเรียบร้อยเช่นนี้
บ่ายโมงตรงท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ของชาวบ้านที่ยืนวิพากย์วิจารณ์อยู่รอบนอกของโรงพัก เสียงรถจี๊ปคันหนึ่งก็วิ่งมาแล้วเลี้ยวหันหน้าเข้าหาโรงพัก ชาวบ้านต่างหลีกทางให้รวมถึงมะปรางเจ้าจุกเจ้าแกละและลุงเส็งที่บังเอิญขี่ซาเล้งผ่านมาเพื่ออยากหยุดยืนดูหน้าของเจ้าหน้าที่คนใหม่ด้วย รถจี๊ปเปิดประทุนคันนั้นจอดนิ่งเมื่อเข้าใกล้แถวของตำรวจทั้ง 4 นาย คนขับรถสวมเสื้อสีกากีชุดตำรวจเต็มยศรองเท้าคัทชูเป็นเงามันปลาบก้าวลงจากรถจี๊ปอย่างสง่าผ่าเผยพลางถอดแว่นกันแดดสีดำออก เผยให้เห็นใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาแต่เกลี้ยงเกลา สายตาคมดุจพญาเหยี่ยวจ้องเขม็งมาที่จ่าวุฒิพลางสาวเท้าก้าวเข้าหาแล้วหยุดยืนตรงเท้าชิดพลางตะเบ๊ะให้ จ่าวุฒิตะเบ๊ะรับ
"ผม ..... พลตำรวจเอกธนู พิทักษ์ประชา ได้รับคำสั่งจากท่านอธิบดีกรมตำรวจให้มาช่วยราชการที่สถานีตำรวจโคกอีแร้งแห่งนี้ ครับผม"
"ผม .... จ่าสิบตำรวจชัยวุฒิ จันทร์หอม ผู้ดูแลสถานีตำรวจโคกอีแร้งเป็นการชั่วคราวยินดีต้อนรับครับผม" เมื่อกล่าวจบจ่าวุฒิก็แนะนำสมาชิกตำรวจแห่งโรงพักโคกอีแร้งอีก 3 นายให้ตำรวจหนุ่มหน้าใหม่ได้ทราบ หลังจากนั้นตำรวจใหม่ได้กล่าวพูดคุยกับชาวบ้านที่พากันมามุงดูสักครู่หนึ่งจึงแยกย้ายกันกลับไป เมื่อชาวบ้านเริ่มทยอยแยกย้ายกันกลับ ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งก็ก้าวขาลงจากรถจี๊ปด้วยท่าทางตื่นๆอายๆ มะปรางเหลือบไปเห็นพอดีถึงกับอ้าปากค้างเพราะชายที่ลงมาทีหลังนี้เธอรู้จักดี
''ทางเรายินดีมากเลยครับที่ได้ผู้กองธนูมาช่วยราชการทางนี้อีกแรงหนึ่ง'' หมู่ศักดิ์กล่าวขึ้นหลังจากชาวบ้านแยกย้ายกันกลับไปหมดแล้ว
"ครับผมก็ยินดีมากที่ได้มาช่วยราชการทางนี้" ผู้กองหนุ่มกล่าวอย่างสุภาพ
"ผู้กองถูกสั่งย้ายมานี่คงต้องลำบากมากแต่ไม่เป็นไรครับ เราทั้ง 4 จะช่วยให้ผู้กองเคยชินกับที่นี่" จ่าวุฒิกล่าวอย่างมีน้ำใจ
"ขอบคุณมากครับจ่า และทุกคนด้วยนะ"
"เอ่อ .... ผู้กองเดินทางมาท่าจะเหนื่อย ผมให้พลตำรวจสมานกับพลตำรวจสุครีพ จัดบ้านพักให้ผู้กองแล้วครับ บ้านอาจจะเล็กคับแคบสักหน่อยแต่ก็พออยู่ได้ มีห้องน้ำในตัว วันนี้ผู้กองพักผ่อนก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวเย็นๆผมกับหมู่ศักดิ์จะพาผู้กองขับรถชมรอบๆหมู่บ้านโคกอีแร้งเอง จะได้ถือโอกาสแนะนำผู้กองให้ชาวบ้านรู้จักด้วยเลย"
"ครับผม"
"ไหนลองอธิบายมาซิ ........ ฉันจำได้ว่าเมื่อตอนเช้าอุตส่าห์ไปส่งนายถึงท่ารถแล้ว ทำไมยังกลับมาอีก แถมนั่งรถผู้กองคนใหม่มาด้วย" มะปรางจ้องเขม็งมาที่นักดนตรีหนุ่มพเนจร หลังจากที่เธอจูงมือลากหนุ่มนักดนตรีจากรถจี๊ปเพื่อมาคุยเป็นการหลบสายตาผู้คนแต่ก็มีเจ้าแกละเจ้าจุกและลุงเส็งร่วมฟังอยู่ด้วย
"คือ .... เอ่อ .... หลังจากที่คุณมะปรางไปส่งผมแล้วผมก็นั่งรอรถจนม่อยหลับน่ะครับ ตื่นมาอีกทีรถประจำทางที่จองไว้ก็ไปเสียแล้ว ก็เลยนั่งแกร่วอยู่ที่ขนส่งตังค์ก็ไม่มีสักบาทเพราะเอาไปจ่ายค่าตั๋วจนหมด บังเอิญตอนเที่ยงผู้กองเขาเห็นผมนั่งหิวข้าวอยู่ที่ขนส่งแกก็เลยมาคุยด้วยแล้วก็เลี้ยงข้าวผมมื้อนึงแล้วผมก็เลยขอติดรถแกมาลงที่โคกอีแร้งหวังมาขอความช่วยเหลือจากคุณมะปรางนี่แหละครับ บังเอิญเจอคุณมะปรางเสียก่อนโชคดีของผมซะจริง"
"ตาบ้าเอ้ยยย ... ไม่มีตังค์ก็ไม่บอกแต่แรก แล้วคนบ้าอะไรพกตังค์มาแค่ค่ารถเที่ยวเดียวไม่เผื่อเหลือเผื่อขาดบ้าง สมแล้วล่ะหิวตายเป็นผีเฝ้าสถานีขนส่งไปซะก็ดี"
"อ้าว ... แช่งกันซะอย่างนั้น .... ถ้าผมเป็นผี ผมก็จะมาหักคอคุณมะปรางจริงๆด้วย โทษฐานมาแช่งกัน"
"น้านนน ... จะมายืมตังค์เค้ายังจะมาทำร้ายเค้าอีก อย่างนี้จะไปไหนก็ไปป่ะไม่ช่วยละ"
"โธ่ ..... พูดเล่นน่ะครับ"
"แล้วนี่จะเอาเท่าไหร่ล่ะฉันมีแค่ 300 พอไหม?"
"ยังขาดอีกร้อยกว่าบาทครับ"
" แล้วจะทำไงดีล่ะฉันมีแค่นี้เอง ไปยืมผู้กองนายสิ"
"ไม่หรอกครับ .... ผมไม่ยืมตังค์ใครทั้งนั้น ทั้งของคุณมะปรางและของใครๆ"
"อ้าว .... แล้วนายจะเอาไง?"
"คือ ....ถ้าคุณมะปรางไม่ว่าอะไร ผมขออาศัยห้องเก็บของบ้านคุณมะปรางเป็นที่ซุกหัวนอนสักระยะ เพื่อจะทำงานหาเงินกลับบ้าน"
"ห้องเก็บของบ้านฉันเนี่ยนะ ..... รกอย่างกับรังหนูจะอยู่ได้รึ?"
"เก็บกวาดเสียหน่อยคงพออยู่ได้ .... ระหว่างนี้ผมจะเล่นดนตรีเปิดหมวกหาเงินค่ารถกลับบ้าน ขออาศัยร้านคุณมะปรางเป็นทำเลหาเงินแล้วผมก็จะช่วยเป็นลูกมือเด็กในร้าน ล้างแก้ว ล้างจาน เช็ดโต๊ะเสริฟกาแฟ"
"ฉันไม่มีเงินจ้างนายหรอกนะ"
"แค่ข้าว 3 มื้อกับตู้เก็บของด้านหลังบ้านเท่านั้นครับ"
มะปรางมองหน้าผู้เป็นบิดาคล้ายๆจะหารือด้วย สองพ่อลูกซุบซิบๆกันสองคน เจ้าแกละเข้าไปเงี่ยหูฟังด้วยผลก็คือโดนเบิร์ดกะโหลกหนึ่งทีน้ำตาเล็ด สักครู่จึงได้ข้อสรุป
" ก็ได้ .... ฉันอนุญาติ แต่มีข้อแม้ว่า เมื่อนายรวบรวมเงินจนครบแล้วขอให้นายออกจากห้องเก็บของบ้านฉันแล้วกลับบ้านนายที่กรุงเทพทันที"
"รับทราบครับผม" ชายหนุ่มยืดตัวตรงเท้าชิดพลางตะเบ๊ะแบบทหาร
"อีกข้อหนึ่ง ... ถ้าฉันจับได้ว่านายคิดไม่ดีอะไรกับฉันและครอบครัวเมื่อไหร่ ฉันจะไล่นายออกจากบ้านทันทีตามนั้นนะ"
"โอเค .... ครับผม" ชายหนุ่มยิ้มแฉ่งพลางตะเบ๊ะตามเดิม มะปรางแอบขำในท่าทางล้อเลียนเหมือนคนในเครื่องแบบของชายหนุ่มไม่ได้ ทั้งๆที่อยู่หน้าโรงพักแท้ๆยังกล้าทำ เมื่อสนทนากันเรียบร้อยทั้งหมดจึงขึ้นซาเล้งของมะปรางเบียดกันปุเรงๆกลับบ้านกันอย่างทุลักทุเลเพราะสมาชิกบนรถมากขึ้นอีกหนึ่งคน ระหว่างทางเจ้าจุกดันตดบนรถทำให้เหม็นกันทั้งรถ ผลคือมันโดนตบกะโหลกน้ำตาเล็ดและต้องหยุดรถกลางทางเพื่อระบายกลิ่น จากนั้นจึงกลับบ้านกันด้วยความสวัสดิภาพ
บ่ายโมงตรงท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ของชาวบ้านที่ยืนวิพากย์วิจารณ์อยู่รอบนอกของโรงพัก เสียงรถจี๊ปคันหนึ่งก็วิ่งมาแล้วเลี้ยวหันหน้าเข้าหาโรงพัก ชาวบ้านต่างหลีกทางให้รวมถึงมะปรางเจ้าจุกเจ้าแกละและลุงเส็งที่บังเอิญขี่ซาเล้งผ่านมาเพื่ออยากหยุดยืนดูหน้าของเจ้าหน้าที่คนใหม่ด้วย รถจี๊ปเปิดประทุนคันนั้นจอดนิ่งเมื่อเข้าใกล้แถวของตำรวจทั้ง 4 นาย คนขับรถสวมเสื้อสีกากีชุดตำรวจเต็มยศรองเท้าคัทชูเป็นเงามันปลาบก้าวลงจากรถจี๊ปอย่างสง่าผ่าเผยพลางถอดแว่นกันแดดสีดำออก เผยให้เห็นใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาแต่เกลี้ยงเกลา สายตาคมดุจพญาเหยี่ยวจ้องเขม็งมาที่จ่าวุฒิพลางสาวเท้าก้าวเข้าหาแล้วหยุดยืนตรงเท้าชิดพลางตะเบ๊ะให้ จ่าวุฒิตะเบ๊ะรับ
"ผม ..... พลตำรวจเอกธนู พิทักษ์ประชา ได้รับคำสั่งจากท่านอธิบดีกรมตำรวจให้มาช่วยราชการที่สถานีตำรวจโคกอีแร้งแห่งนี้ ครับผม"
"ผม .... จ่าสิบตำรวจชัยวุฒิ จันทร์หอม ผู้ดูแลสถานีตำรวจโคกอีแร้งเป็นการชั่วคราวยินดีต้อนรับครับผม" เมื่อกล่าวจบจ่าวุฒิก็แนะนำสมาชิกตำรวจแห่งโรงพักโคกอีแร้งอีก 3 นายให้ตำรวจหนุ่มหน้าใหม่ได้ทราบ หลังจากนั้นตำรวจใหม่ได้กล่าวพูดคุยกับชาวบ้านที่พากันมามุงดูสักครู่หนึ่งจึงแยกย้ายกันกลับไป เมื่อชาวบ้านเริ่มทยอยแยกย้ายกันกลับ ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งก็ก้าวขาลงจากรถจี๊ปด้วยท่าทางตื่นๆอายๆ มะปรางเหลือบไปเห็นพอดีถึงกับอ้าปากค้างเพราะชายที่ลงมาทีหลังนี้เธอรู้จักดี
''ทางเรายินดีมากเลยครับที่ได้ผู้กองธนูมาช่วยราชการทางนี้อีกแรงหนึ่ง'' หมู่ศักดิ์กล่าวขึ้นหลังจากชาวบ้านแยกย้ายกันกลับไปหมดแล้ว
"ครับผมก็ยินดีมากที่ได้มาช่วยราชการทางนี้" ผู้กองหนุ่มกล่าวอย่างสุภาพ
"ผู้กองถูกสั่งย้ายมานี่คงต้องลำบากมากแต่ไม่เป็นไรครับ เราทั้ง 4 จะช่วยให้ผู้กองเคยชินกับที่นี่" จ่าวุฒิกล่าวอย่างมีน้ำใจ
"ขอบคุณมากครับจ่า และทุกคนด้วยนะ"
"เอ่อ .... ผู้กองเดินทางมาท่าจะเหนื่อย ผมให้พลตำรวจสมานกับพลตำรวจสุครีพ จัดบ้านพักให้ผู้กองแล้วครับ บ้านอาจจะเล็กคับแคบสักหน่อยแต่ก็พออยู่ได้ มีห้องน้ำในตัว วันนี้ผู้กองพักผ่อนก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวเย็นๆผมกับหมู่ศักดิ์จะพาผู้กองขับรถชมรอบๆหมู่บ้านโคกอีแร้งเอง จะได้ถือโอกาสแนะนำผู้กองให้ชาวบ้านรู้จักด้วยเลย"
"ครับผม"
"ไหนลองอธิบายมาซิ ........ ฉันจำได้ว่าเมื่อตอนเช้าอุตส่าห์ไปส่งนายถึงท่ารถแล้ว ทำไมยังกลับมาอีก แถมนั่งรถผู้กองคนใหม่มาด้วย" มะปรางจ้องเขม็งมาที่นักดนตรีหนุ่มพเนจร หลังจากที่เธอจูงมือลากหนุ่มนักดนตรีจากรถจี๊ปเพื่อมาคุยเป็นการหลบสายตาผู้คนแต่ก็มีเจ้าแกละเจ้าจุกและลุงเส็งร่วมฟังอยู่ด้วย
"คือ .... เอ่อ .... หลังจากที่คุณมะปรางไปส่งผมแล้วผมก็นั่งรอรถจนม่อยหลับน่ะครับ ตื่นมาอีกทีรถประจำทางที่จองไว้ก็ไปเสียแล้ว ก็เลยนั่งแกร่วอยู่ที่ขนส่งตังค์ก็ไม่มีสักบาทเพราะเอาไปจ่ายค่าตั๋วจนหมด บังเอิญตอนเที่ยงผู้กองเขาเห็นผมนั่งหิวข้าวอยู่ที่ขนส่งแกก็เลยมาคุยด้วยแล้วก็เลี้ยงข้าวผมมื้อนึงแล้วผมก็เลยขอติดรถแกมาลงที่โคกอีแร้งหวังมาขอความช่วยเหลือจากคุณมะปรางนี่แหละครับ บังเอิญเจอคุณมะปรางเสียก่อนโชคดีของผมซะจริง"
"ตาบ้าเอ้ยยย ... ไม่มีตังค์ก็ไม่บอกแต่แรก แล้วคนบ้าอะไรพกตังค์มาแค่ค่ารถเที่ยวเดียวไม่เผื่อเหลือเผื่อขาดบ้าง สมแล้วล่ะหิวตายเป็นผีเฝ้าสถานีขนส่งไปซะก็ดี"
"อ้าว ... แช่งกันซะอย่างนั้น .... ถ้าผมเป็นผี ผมก็จะมาหักคอคุณมะปรางจริงๆด้วย โทษฐานมาแช่งกัน"
"น้านนน ... จะมายืมตังค์เค้ายังจะมาทำร้ายเค้าอีก อย่างนี้จะไปไหนก็ไปป่ะไม่ช่วยละ"
"โธ่ ..... พูดเล่นน่ะครับ"
"แล้วนี่จะเอาเท่าไหร่ล่ะฉันมีแค่ 300 พอไหม?"
"ยังขาดอีกร้อยกว่าบาทครับ"
" แล้วจะทำไงดีล่ะฉันมีแค่นี้เอง ไปยืมผู้กองนายสิ"
"ไม่หรอกครับ .... ผมไม่ยืมตังค์ใครทั้งนั้น ทั้งของคุณมะปรางและของใครๆ"
"อ้าว .... แล้วนายจะเอาไง?"
"คือ ....ถ้าคุณมะปรางไม่ว่าอะไร ผมขออาศัยห้องเก็บของบ้านคุณมะปรางเป็นที่ซุกหัวนอนสักระยะ เพื่อจะทำงานหาเงินกลับบ้าน"
"ห้องเก็บของบ้านฉันเนี่ยนะ ..... รกอย่างกับรังหนูจะอยู่ได้รึ?"
"เก็บกวาดเสียหน่อยคงพออยู่ได้ .... ระหว่างนี้ผมจะเล่นดนตรีเปิดหมวกหาเงินค่ารถกลับบ้าน ขออาศัยร้านคุณมะปรางเป็นทำเลหาเงินแล้วผมก็จะช่วยเป็นลูกมือเด็กในร้าน ล้างแก้ว ล้างจาน เช็ดโต๊ะเสริฟกาแฟ"
"ฉันไม่มีเงินจ้างนายหรอกนะ"
"แค่ข้าว 3 มื้อกับตู้เก็บของด้านหลังบ้านเท่านั้นครับ"
มะปรางมองหน้าผู้เป็นบิดาคล้ายๆจะหารือด้วย สองพ่อลูกซุบซิบๆกันสองคน เจ้าแกละเข้าไปเงี่ยหูฟังด้วยผลก็คือโดนเบิร์ดกะโหลกหนึ่งทีน้ำตาเล็ด สักครู่จึงได้ข้อสรุป
" ก็ได้ .... ฉันอนุญาติ แต่มีข้อแม้ว่า เมื่อนายรวบรวมเงินจนครบแล้วขอให้นายออกจากห้องเก็บของบ้านฉันแล้วกลับบ้านนายที่กรุงเทพทันที"
"รับทราบครับผม" ชายหนุ่มยืดตัวตรงเท้าชิดพลางตะเบ๊ะแบบทหาร
"อีกข้อหนึ่ง ... ถ้าฉันจับได้ว่านายคิดไม่ดีอะไรกับฉันและครอบครัวเมื่อไหร่ ฉันจะไล่นายออกจากบ้านทันทีตามนั้นนะ"
"โอเค .... ครับผม" ชายหนุ่มยิ้มแฉ่งพลางตะเบ๊ะตามเดิม มะปรางแอบขำในท่าทางล้อเลียนเหมือนคนในเครื่องแบบของชายหนุ่มไม่ได้ ทั้งๆที่อยู่หน้าโรงพักแท้ๆยังกล้าทำ เมื่อสนทนากันเรียบร้อยทั้งหมดจึงขึ้นซาเล้งของมะปรางเบียดกันปุเรงๆกลับบ้านกันอย่างทุลักทุเลเพราะสมาชิกบนรถมากขึ้นอีกหนึ่งคน ระหว่างทางเจ้าจุกดันตดบนรถทำให้เหม็นกันทั้งรถ ผลคือมันโดนตบกะโหลกน้ำตาเล็ดและต้องหยุดรถกลางทางเพื่อระบายกลิ่น จากนั้นจึงกลับบ้านกันด้วยความสวัสดิภาพ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ