ไกลปืนเที่ยง
10)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความรถจี๊ปเปิดประทุนเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆตามถนนดินแดง ลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยที่ถนนนั้นพอจะนำพาไป บ้างก็หยุดแวะตามบ้านรายทางเพื่อคนในรถจะได้โอกาสแนะนำตัวกับชาวบ้าน และบุคคลสำคัญๆที่คอยดูแลให้หมู่บ้านโคกอีแร้งสงบเรียบร้อยได้รู้จัก
"เป็นไงครับผู้กองธนู ...... ชาวบ้านที่นี่" หมู่ศักดิ์ผู้ซึ่งนั่งอยู่ตอนท้ายของรถชะโงกหน้ามาถามเจ้าหน้าที่คนใหม่
"มีน้ำใจมากเลยครับ ...... ลุงแย้มที่อยู่ท้ายหมู่บ้านฝากกล้วยมาให้ด้วยตั้ง 2 เครือ ป้าหวีก็เอามะพร้าวน้ำหอมให้มาอีก 6 ลูก ทานด้วยกันครับหมู่" ผู้กองธนูชวนพลางยื่นให้หมู่ศักดิ์ หมู่ศักดิ์รับมะพร้าวมาดื่มน้ำข้างในอย่างชื่นใจ
"โปรแกรมต่อไปของเราที่ผมกำลังจะพาผู้กองไปชม ก็คือตลาดในโคกอีแร้งของเราครับ กลัวผู้กองจะเบื่อกับการนั่งรถจี๊ปลุยสวนไปตามบ้าน จะขอพาผู้กองเข้าเมืองบ้างถือโอกาสเลี้ยงข้าวเย็นผู้กองเลยก็แล้วกัน" จ่าวุฒิผู้ทำหน้าที่ขับรถหันมาพูดยิ้มๆ
"ครับผม" ผู้กองหนุ่มยิ้มตอบ แล้วจ่าวุฒิก็ขับพาทั้งสองไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวของ"โกตัน" ซึ่งเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยที่สุดในโคกอีแร้ง
"เส้นเล็กสองใหญ่หนึ่งนะโก" หมู่ศักดิ์ตะโกนสั่งชายชราหน้าจีนๆ อายุราวๆ 60 ปี พลางเดินไปเลือกโต๊ะที่นั่งเมื่อเข้าภายในตัวร้านแล้ว ภายในร้านก็ดูซอมซ่อๆ มีโต๊ะเก้าอี้อยู่ประมาณ 6 ชุด คราบดำของเขม่าควันเต็มร้าน บรรยากาศไม่ค่อยน่านั่งทานเท่าไหร่ โปสเตอร์ที่ประดับร้านก็เก่าๆขาดๆห้อยร่องแร่งเหมือนไม่ได้รับการดูแล ภายในร้านก็มีชาวบ้านนั่งทานก๋วยเตี๋ยวอยู่ประมาณ 3 โต๊ะอยู่ก่อนแล้ว ระหว่างที่ทั้ง 3 กำลังรอก๋วยเตี๋ยวอยู่ก็มีชายกลุ่มหนึ่งมีประมาณ 4 คนเข้ามาในตัวร้านท่าทางนักเลง
"โก .... บะหมี่แห้ง 2 น้ำ 2 ไม่งอก" คนสั่งคือไอ้เชิดลูกน้องของเคราดำนั่นเอง ส่วนเคราดำหันมายิ้มให้จ่าวุฒิและหมู่ศักดิ์อย่างแสยะยิ้มคล้ายๆยียวนกวนโทโส แล้วก็ย่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อหันมาเจอผู้กองธนู
"จ่าวุฒิ ..... ดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้งนะครับ แล้วคนที่นั่งข้างจ่านี่ใคร ผมไม่เคยเห็นหน้า" เคราดำเปิดฉากทักทาย
"อ่อ .... นี่คือเจ้าหน้าที่คนใหม่ ร้อยตำรวจเอกธนู พิทักษ์ประชา จะมาเริ่มช่วยราชการที่นี่พรุ่งนี้" จ่าวุฒิแข็งใจแนะนำทั้งๆที่ไม่อยากจะสนทนาพาทีกับพวกนี้สักเท่าไหร่
"ผมเคราดำ ...... ยินดีที่ได้รู้จักนะผู้กองธนู" เคราดำแนะนำตัวด้วยคำพูดสุภาพแต่น้ำเสียงและท่าทางหยิ่งผยอง คล้ายคนอยากลองดี
"ผมก็เช่นกันครับ ..... นายเคราดำ" ผู้กองธนูพยักหน้ารับเป็นเชิงทักทาย แต่สายตาคมกริบยังจ้องที่เคราดำเหมือนไม่เป็นมิตร ด้วยสัญชาตญาณตำรวจในกายบ่งบอกออกมาว่าชายที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาแน่นอน เคราดำพยักหน้ารับพลางยิ้มแสยะแล้วพาพวกกลับไปที่นั่งโต๊ะ
"ดีใจว่ะพวกเราได้เจ้าหน้าที่คนใหม่มา ..... ชาวประชาบ้านโคกอีแร้งคงอบอุ่นขึ้นเป็นกอง" เคราดำทำคุยกับลูกน้องเสียงดังหวังให้โต๊ะผู้กองธนูได้ยิน
"ฉันกลัวว่าจะมาตายเปล่าเหมือนเจ้าหน้าที่คนก่อนน่ะซี่.....พี่เคราดำ" ไอ้เชิดตะเบ็งเสียงบ้าง
"เออว่ะไอ้เชิด ..... ถูกยิงซะพรุนเลย ตายเหมือนอะไรว้านึกไม่ออก"
"เหมือนหมาข้างถนนไงพี่ ฮ่าๆๆๆๆ" ไอ้เชิดพร้อมลูกน้องพากันหัวเราะเสียงดัง คล้ายจะเย้ยและข่มขวัญเจ้าหน้าที่คนใหม่
หมู่ศักดิ์ทนแทบไม่ได้กำหมัดจะลุกขึ้นยืน แต่จ่าวุฒิกดหัวไหล่ให้นั่งลงไว้ พลางหันมาดูท่าทีทางผู้กองธนู กลัวว่าจะทำอะไรรุนแรง แต่ก็เห็นผู้กองยังคงนั่งนิ่งจิบน้ำชาเย็นที่โกตันเอามาเสริฟอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่สายตาคมกริบของผู้กองจ้องไปทางที่โต๊ะเคราดำอย่างไม่วางตา คล้ายกับมันเป็นสายตาของนกเหยี่ยวเวลาที่จะตะปบเหยื่อ
"เออพี่ ..... ว่าแต่เรื่องของอีมะปรางล่ะจะเอาไง" ไอ้เชิดเริ่มหรี่เสียงลงเมื่อคุยถึงเรื่องความลับ เคราดำนิ่งคิดอยู่อย่างไม่สบายใจจึงหันไปสั่งเบียร์จากโกตันมา 3 ขวด กินไปพลางคิดไปพลาง
"ฉันว่าฉุดเลยเหอะ รอนังนั่นมันมีใจให้ฉันว่าไม่สำเร็จหรอก" ไอ้เชิดออกความเห็นอีกเมื่อเห็นเคราดำนิ่งเฉย
"กูรักกูชอบมันจริงๆ .... ไม่อยากรุนแรงกับมันเลยบอกตามตรง" เคราดำจิบเบียร์พลางรินให้ลูกน้องทั้ง 3
"แหมพี่ .... ผู้หญิงก็แบบนี้แหละแรกๆก็ดื้อด้าน พอได้แล้วโดนแล้วสิ ขี้คร้านจะทุ่มให้พี่ทั้งกายและใจ" ไอ้เชิดพูดพลางกระดกเบียร์เข้าปาก เคราดำครุ่นคิดพลางเอามือลูบศรีษะที่โดนขวดน้ำเป๊บซี่เมื่อวันก่อน
"มันจะดีเหรอวะไอ้เชิด ทำแบบนี้แล้วมะปรางมันจะรักข้าลงเหรอวะ" เคราดำยังคงย้ำเพื่อความแน่ใจ
"โห .... ดีสิพี่ พี่คิดดูนะขนาดในหนังทีวีอ่ะ พระเอกข่มขืนนางเอกทำรุ่มร่ามทำหยาบๆกับนางเอก นางเอกยังรักลงเลยขอให้พระเอกรวยมีเงินมีอำนาจก็พอ แม้จะชั่วจะเลวกับนางเอกขนาดไหนก็ต้องลงรักปักใจกับพระเอกอยู่ดีแหละ"
"อืมมมม .... ละครทีวีเดี๋ยวนี้มันก็มีแต่เรื่องแบบนี้ ตบจูบๆแทบทุกเรื่อง จริงของเอ็งว่ะไอ้เชิด คนที่ดีมีมรรยาทเรียบร้อยกลายเป็นพระรองกินน้ำใต้ศอกซะหมด บ๊ะ .... เข้าท่าโว้ยตกลงตามนี้"
"เขาว่าละครสะท้อนสังคม สังคมเรามันอำนาจเงินเป็นใหญ่ ใครมีเงินคนนั้นได้เป็นพระเอกอย่างพี่เนี่ยพระเอกแบบเถื่อนๆไง"
"สำบัดสำนวนจริงโว้ยไอ้นี่ ..... ถูกใจกูซะจริง มา... กูรินให้อีกแก้ว" เคราดำหัวเราะชอบใจรินเบียร์ให้ไอ้เชิดใหญ่
"พี่อย่าหัวเราะเสียงดังไป"
"ทำไมวะไอ้เชิด"
"เกรงใจพระรองสีกากีโต๊ะโน้นบ้าง ..... ดูสิมองมาทางเราตาเขียวปั๊ดเลย"ไอ้เชิดพูดจบก็หัวเราะครืนๆกันทั้งโต๊ะดังสนั่นร้านอย่างไม่เกรงใจใคร เมื่อเมากันได้ที่ไอ้เชิดก็คิดจะลองดีกับโต๊ะของผู้กองธนู
"พี่เคราดำ ..... ฉันขออนุญาติพี่เชือดไก่ให้ลิงดูสักหน่อยนะพี่ เป็นการข่มขวัญผู้กองหน้าใหม่ของเรา"
"เอาสิวะ ... อย่ารุนแรงนักล่ะ" เคราดำพูดจบไอ้เชิดก็สั่งโอเลี้ยงมาแก้วหนึ่งกำลังร้อนๆเดินถือมาที่โต๊ะของผู้กองธนู
"ผู้กองครับ ...... พี่เคราดำเลี้ยงโอเลี้ยงผู้กองแก้วนึง"
ไอ้เชิดพูดพลางส่งแก้วโอเลี้ยงให้แล้วมันทำแกล้งสะดุดขาตัวเองทำโอเลี้ยงหกใส่เสื้อผู้กอง น้ำโอเลี้ยงร้อนๆราดบนตัวผู้กองธนูทำเอาทั้งโต๊ะแตกตื่น
"เฮ้ย .... ทำไรวะ" หมู่ศักดิ์ลุกขึ้นยืนจะเอาเรื่อง โต๊ะของเคราดำกับลูกน้องก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกันทั้งโต๊ะเหมือนเตรียมจะมีเรื่องกันเต็มที่ ผู้กองธนูยุดไหล่หมู่ศักดิ์เอาไว้ให้ใจเย็นๆ
"ใจเย็นน่าหมู่ ..... เขาไม่ได้ตั้งใจ ก็อย่าไปว่าเขาเลย อีกอย่างโดนผมไม่ได้โดนหมู่เสียหน่อย ไม่เป็นไรหรอกครับ" ผู้กองธนูหันมาพูดยิ้มๆกับหมู่ศักดิ์ แต่ส่งสายตาเชิงปราม หมู่ศักดิ์จึงนั่งลงแต่โดยดี
"ขอโทษนะครับผู้กอง" ไอ้เชิดพูดขอโทษ แต่แววตาหาได้สำนึกผิดแม้แต่น้อย แถมยังยิ้มยียวน
"นายกลับไปที่โต๊ะเถอะ .... นายไม่ได้เจตนาฉันไม่เอาเรื่องหรอก คนเราไม่ได้เจตนาก็หมายความว่าไม่มีความตั้งใจที่จะแกล้งกัน" พูดจบผู้กองหนุ่มก็ดึงเก้าอี้นั่งลงอย่างเรียบร้อย ส่วนไอ้เชิดก็ยิ้มยียวนเหมือนเคยแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ
"มึงนี่แน่จริงๆว่ะไอ้เชิด .... ขนาดแกล้งแบบนั้นแล้วไอ้ผู้กองนั่นยังทำเฉยได้อีก" เคราดำชมสมุนมือขวา
"ผมอ่านคนออกพี่ .... ถึงขั้นนั้นยังไม่ตอบโต้แสดงว่าเป็นขนมจีนไม่มีน้ำยาแล้วล่ะ แค่ทำท่ากร่างๆก๋าๆอวดชาวบ้านไปงั้นเอง"
"มึงนี่มันแน่จริงๆ!!! เห็นทีเรื่องนังมะปรางกูต้องเชื่อมึงละ .... มาเว้ยกูขอรินให้ในความใจกล้าของมึงอีกแก้วก่อนกลับ" เคราดำรินเบียร์ขวดสุดท้ายให้สมุนมือขวา ก่อนที่จะลุกพากันกลับ มิวายหยุดแวะทักทายโต๊ะของผู้กองธนูเป็นการสั่งลาแบบเย้ยหยัน
"ผมไปล่ะครับจ่า ....หมู่ ..... และผู้กอง" เคราดำพูดจบมันก็เดินนำหน้าลูกน้องไป โดยมีไอ้เชิดเดินรั้งท้ายสุดแถมยักคิ้วหลิ่วตาให้ผู้กองธนูเป็นการเย้ย โดยไม่ทันสังเกตช่วงล่างที่ผู้กองธนูให้สามคนแรกผ่านไป พอถึงตามันจะผ่านผู้กองรูปหล่อก็ยืดขาขัดมันจนล้มหน้าจูบพื้นปูนอย่างแรงจนฟันหน้ามันหักเลือดกลบปาก
"ห่าเอ้ย!!!!....." ไอ้เชิดลุกขึ้นได้ง้างจะสวนหมัด แต่ผู้กองไวกว่าลุกขึ้นจับข้อมือมันไว้ได้พลางบีบแรงๆพร้อมพูดด้วยแววตาที่แข็งกร้าวแต่เรียบเฉย
"หวังว่านายเชิดคงไม่ถือสาผมหรอกนะ ..... เพราะผมไม่ได้เจตนา เผอิญมันเมื่อยขาเส้นมันยึดเลยยืดออกไป นึกว่านายเชิดพ้นไปแล้วเสียอีกผมเองก็ต้องขอโทษเช่นกัน" แรกๆไอ้เชิดคิดจะสวนมืออีกข้างตามไปแต่พอมาสดุดกับสายตาที่กร้าวแกร่งกับแรงบีบข้อมือที่แน่นเหนียวทำให้มันใจฝ่อลงเยอะทีเดียว จึงได้แต่นิ่งเฉยเอามือลง เคราดำเห็นท่าไม่ดีและฝ่ายตรงข้ามจะเอาจริงจึงตัดบท
"พวกเราไม่ถือสาผู้กองหรอก ถือซะว่าเป็นการเจ๊ากันกับโอเลี้ยงเมื่อครู่ก็แล้วกันแล้วเด็กผมมันเดินไม่ระวังเองจะโทษใครได้ลาล่ะครับผู้กอง หวังว่าคราวหน้าคงจะได้เจอกันอีก" เคราดำพูดพลางจ้องตาผู้กองหนุ่มเขม็งเหมือนฝากแววอาฆาตไว้พลางขับรถจี๊ปพาลูกน้องออกไป ในใจและสัญชาตญาณในการเป็นนักเลงของมันเตือนให้รู้ว่า ผู้กองคนนี้คงไม่ธรรมดาอย่างที่มันคิดเสียแล้ว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ