ไกลปืนเที่ยง
9.0
12)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เช้าวันจันทร์อันสดใสที่สถานีตำรวจโคกอีแร้ง ตำรวจทั้ง 5 นายต่างขมักเขม้นทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง มีคดีหลายคดีที่ร้อยตำรวจเอกธนู สั่งให้จ่าวุฒินำขึ้นมาสืบสวนสอบสวนใหม่ หลายคดีเป็นคดีที่เกี่ยวพันหรือมีเค้าโครงว่าจะพัวพันถึงคนมีอิทธิพลอย่างกำนันเล้งและผู้ใหญ่ทรง บางคดีสำนวนสรุปถูกตั้งประเด็นอย่างส่งเดช และสรุปสำนวนแบบขาดปัจจัยหลายอย่างเช่น พยานหลักฐานบ้าง พยานแวดล้อมบ้าง หรือบางครั้งผู้ต้องหาให้การวกไปวนมา และมีอีกหลายจุดที่กระบวนการสืบสวนยังมีช่องโหว่ และขาดความต่อเนื่องของการสืบสวนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีที่นายตำรวจทั้ง 4 ที่เคยประจำโรงพักแห่งนี้ถูกยิงเสียชีวิตในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ในรายงานเขียนว่าผู้ต้องสงสัยถูกสันนิษฐานว่าเป็นมือปืนต่างถิ่นที่มีความโกรธแค้นกับนายตำรวจทั้ง 4 ในเรื่องส่วนตัว
"กาแฟไหมครับผู้กอง?" หมู่ชัยเดินถือกาแฟ 2 แก้ว อีกแก้วหนึ่งยื่นให้ผู้กองธนู
"ขอบคุณครับหมู่ชัย" ธนูรับแก้วกาแฟมาพลางส่งยิ้มให้แล้วกล่าวขอบคุณ
"เอ่อ ..... หมู่คิดว่าคดีนี้เป็นไง" ธนูส่งแฟ้มคดีการฆ่านายตำรวจทั้ง 4 ยื่นให้หมู่ชัยดู เมื่อเห็นหัวข้อของคดีหมู่ชัยถึงกับกัดกรามแน่นมือสั่นเทาแต่ก็พยายามสะกดอารมณ์โกรธเอาไว้ แต่ก็ไม่อาจหลบสายตาอันคมกริบที่อ่านกริยาท่าทางของเขาไว้ได้จากอีกฝ่ายหนึ่ง
"ก็ .... ธรรมดานี่ครับ สำนวนคดีก็สรุปไปแล้ว ผมกับจ่าวุฒิเป็นผู้ปิดคดีนี้เอง" หมู่ชัยพยายามสะกดกลั้นน้ำเสียงให้เป็นปกติ
"หมู่คิดในแบบที่หมู่เขียนลงไปแน่หรือ? " ธนูยื่นหน้าเข้ามาเพื่อจ้องมองลึกลงไปในสายตาของลูกน้องใต้บังคับบัญชาของเขาเหมือนอยากจะค้นความรู้สึกภายในใจของหมู่ชัยออกมา
"เอ่อ .... ครับ ทั้งพยานแวดล้อม และผู้ให้การ รวมถึงหลักฐานต่างๆชี้บ่งไปทางมือปืนต่างถิ่นครับ แต่ตอนนี้กำลังเจ้าหน้าที่ของเราไม่พอก็เลยต้องปิดคดีนี้ไปก่อน ยังมีอีกหลายคดีที่ต้องทำ" หมู่ชัยกล่าวจบก็เม้มปากสนิท ไม่กล้าสบสายตาของธนูที่จ้องมองมาทางเขา ธนูเห็นท่าทางดังนั้นจึงเลิกเค้นความจริงต่อ พลางยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม เพื่อไม่ให้บรรยากาศเคร่งเครียดเกินไป
"กาแฟอร่อยดีนะหมู่ .... ซื้อจากไหนนะ" ธนูเปลี่ยนจากสีหน้าเคร่งขรึมหันมายิ้มแบบเด็กไร้เดียงสากับลูกน้อง
"จากร้านลุงเส็งครับ เมื่อเช้าก่อนมาโรงพักผมแวะทานโอเลี้ยงที่ร้านแกเลยซื้อมาฝากผู้กอง ..... นี่ไงครับซื้อมาตั้งกระติกนึง เลยเทใส่แก้วให้ผู้กองชิมดู" หมู่ชัยกล้าสบสายตาผู้กองหนุ่มขึ้นบ้างต่างจากสถานการณ์เมื่อครู่ที่ดูกดดันจนหายใจแทบไม่ออกจากสายตาอันเฉียบคม
"ขออีกแก้วนะหมู่" ธนูยิ้มพลางยกแก้วเปล่าส่งให้หมู่ชัยรินให้ใหม่ ระหว่างนั้นก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น พลตำรวจสุครีพเข้ามารายงาน
"กำนันเล้งกับผู้ใหญ่ทรงต้องการพบผู้กองครับ"
"อนุญาติ"
"ครับ" หลังจากพลตำรวจสุครีพออกจากห้องไปแล้ว สองผู้ยิ่งใหญ่แห่งโคกอีแร้งก็ก้าวเข้ามาภายในห้อง ร่างอ้วนพุงพะโล้ของกำนันยกมือไหว้ผู้กองหนุ่มอย่างไม่เต็มใจ ต่างกับท่าทีของผู้ใหญ่ที่ดูนอบน้อมและสุภาพ ผู้กองหนุ่มรับไหว้และเชิญทั้งสองนั่งลง แล้วบอกให้หมู่ชัยไปรอด้านนอก บรรยากาศภายในห้องเคร่งขรึม ประมาณกว่าครึ่งนาทีที่ไม่มีใครพูดอะไรกัน ในที่สุดผู้ใหญ่ทรงก็เริ่มเปิดฉากก่อน
"ขอต้อนรับผู้กองคนใหม่ที่อุตส่าห์เสียสละตัวเองมาทำงานในถิ่นทุรกันดานแบบนี้"
"ขอบคุณครับที่เห็นใจ"
"หากผู้กองขาดเหลืออะไร ... ก็บอกผมกับพี่เล้งได้ เพราะเราทั้งสองคนเป็นผู้กว้างขวางของที่นี่"
"ครับ .... กิตติศัพท์ของท่านทั้งสองผมก็ทราบจากชาวบ้านละแวกนี้แล้ว ว่าท่านทั้งสองน่ะกว้างขวางจริงๆ" ธนูย้ำเสียงดังคำว่ากว้างขวาง เพื่อให้ทั้งสองได้ยินพลางเปิดแฟ้มคดีการตายของนายตำรวจทั้งสี่เล่นพลิกไปมาหวังเป็นเชิงข่มขวัญดูปฏิกริยาของคนทั้งสอง กำนันเล้งเหงื่อกาฬไหลสายตาชำเลืองแล้วชำเลืองอีกมาที่แฟ้มอย่างตื่นๆ ผิดกับผู้ใหญ่ทรงที่ชำเลืองเพียงครั้งเดียวแต่แล้วก็ตีสีหน้าเรียบเฉย
"กิตติศัพท์ของผู้กองก็ใช่ย่อยนะครับ ข่าวว่ามาวันแรกก็ทำเอานักเลงแถวนี้ฟันหักไปคนแล้วร้ายจริงๆ แต่ระวังนะครับแถวนี้นักเลงมันดุ ผมเองก็เอาไม่ค่อยอยู่เหมือนกันถ้าหากมันคิดจะเล่นงานผู้กอง" ผู้ใหญ่ทรงถอดแว่นดำพลางส่งสายตาข่มขวัญแต่ก็แสยะยิ้มภายใต้หนวดเหนือริมฝีปาก
"นักเลงกระจอกแถวนี้ผมไม่กลัวหรอกครับ ..... แต่กลัวจะเป็นคนของผู้ใหญ่ทรงเข้า บอกตามตรงผมเองไม่อยากหักหน้าใครแล้วก็ไม่ไว้หน้าใครด้วย ผมทำงานตรงไปตรงมาตลอด" ธนูส่งสายตาดุดันกลับไปทางผู้ใหญ่ทรงเช่นกัน
"อั๊วะว่าอย่าอ้อมไปอ้อมมาเลยน่า อาทรง ลื๊อบอกมันตรงๆเลยดีกว่าอั๊วะชักรำคาญที่นี่มันร้อนอบอ้าว อั๊วะไม่อยากอยู่นาน" กำนันเล้งชักรำคาญ ดึงผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋าเสื้อซับเหงื่อเม็ดโตที่ศรีษะล้าน
ผู้ใหญ่ทรงดึงซองสีขาวออกจากกระเป๋ากางเกงยื่นให้ผู้กองหนุ่มพลางบอก
"นี่เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆจากเรา หวังว่าผู้กองคงไม่ปฏิเสธ และผมว่าผู้กองควรที่จะรับมันไว้ถ้าไม่อยากมีปัญหา เรามันคนบ้านเดียวกันต้องพึ่งพากันอีกหลายเรื่อง หวังว่าผู้กองคงเข้าใจพวกผมนะ" ธนูรับซองสีขาวเปิดออกดูข้างใน ปรากฎว่าเป็นธนบัตรใบสีเทานับแล้วประมาณ 20 ใบ ธนูทำตาโตเมื่อเห็นของที่บรรจุภายในซองสีขาวนั้น พลางเปลี่ยนสีหน้าจากเคร่งขรึมเป็นส่งยิ้มให้ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองอย่างไร้เดียงสา
"แหมผู้ใหญ่ทรง .... แล้วไม่ทำแบบนี้ตั้งแต่ทีแรก อย่างนี้ค่อยคุยกันง่ายหน่อย" ผู้ใหญ่ทรงเห็นทีท่าของผู้กองหนุ่มเปลี่ยนไปอย่างไม่คาดคิดก็หันมายิ้มกับกำนันเล้ง พลางกระซิบ
"ปัดโธ่ ..... นึกว่าแน่ที่แท้ก็บูชาเงินกับเขาด้วย" กำนันเล้งได้ยินก็ยิ้มแบบหยิ่งยโสพลางส่ายหน้าแล้วมองผู้กองหนุ่มด้วยความสมเพท
"หวังว่าเราทั้งสองฝ่ายคงเข้าใจกันแล้ว ...... หวังว่าทางผู้กองยินดีจะร่วมมือกับทางผมด้วยดีนะครับ" ผู้ใหญ่ทรงยื่นมือเพื่อที่จะเชคแฮนด์กับผู้กองหนุ่ม แต่ปรากฎว่าธนูกลับเอาซองขาวบรรจุธนบัตรที่ได้รับมาเมื่อครู่ยัดใส่มือของผู้ใหญ่ทรงแทน จากนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าจากรอยยิ้มไร้เดียงสาเมื่อครู่เป็นเคร่งขรึมตาวาวราวกับเสือที่จะขย้ำเหยื่อ
"ผมไม่ใช่คนที่จะถูกใครซื้อได้ด้วยเงิน ..... ขอให้ผู้ใหญ่จำไว้ด้วย คราวนี้ผมให้อภัย ผมจะไม่ยัดข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่กับผู้ใหญ่ในครั้งนี้ หากมีครั้งต่อไปผมจะไม่เกรงใจผู้ใหญ่ล่ะนะ แล้วขอให้ผู้ใหญ่จำเอาไว้อย่างหนึ่งว่า " ผู้กองหนุ่มพูดพลางโยนแฟ้มคดีฆ่าตำรวจทั้งสี่นายไว้ตรงหน้าผู้ใหญ่ทรง
"ผมขอสัญญาด้วยเกียรติของตำรวจ ..... เจ้าหน้าที่เหล่านี้จะไม่ตายอย่างไร้ค่าแน่นอน"
"กาแฟไหมครับผู้กอง?" หมู่ชัยเดินถือกาแฟ 2 แก้ว อีกแก้วหนึ่งยื่นให้ผู้กองธนู
"ขอบคุณครับหมู่ชัย" ธนูรับแก้วกาแฟมาพลางส่งยิ้มให้แล้วกล่าวขอบคุณ
"เอ่อ ..... หมู่คิดว่าคดีนี้เป็นไง" ธนูส่งแฟ้มคดีการฆ่านายตำรวจทั้ง 4 ยื่นให้หมู่ชัยดู เมื่อเห็นหัวข้อของคดีหมู่ชัยถึงกับกัดกรามแน่นมือสั่นเทาแต่ก็พยายามสะกดอารมณ์โกรธเอาไว้ แต่ก็ไม่อาจหลบสายตาอันคมกริบที่อ่านกริยาท่าทางของเขาไว้ได้จากอีกฝ่ายหนึ่ง
"ก็ .... ธรรมดานี่ครับ สำนวนคดีก็สรุปไปแล้ว ผมกับจ่าวุฒิเป็นผู้ปิดคดีนี้เอง" หมู่ชัยพยายามสะกดกลั้นน้ำเสียงให้เป็นปกติ
"หมู่คิดในแบบที่หมู่เขียนลงไปแน่หรือ? " ธนูยื่นหน้าเข้ามาเพื่อจ้องมองลึกลงไปในสายตาของลูกน้องใต้บังคับบัญชาของเขาเหมือนอยากจะค้นความรู้สึกภายในใจของหมู่ชัยออกมา
"เอ่อ .... ครับ ทั้งพยานแวดล้อม และผู้ให้การ รวมถึงหลักฐานต่างๆชี้บ่งไปทางมือปืนต่างถิ่นครับ แต่ตอนนี้กำลังเจ้าหน้าที่ของเราไม่พอก็เลยต้องปิดคดีนี้ไปก่อน ยังมีอีกหลายคดีที่ต้องทำ" หมู่ชัยกล่าวจบก็เม้มปากสนิท ไม่กล้าสบสายตาของธนูที่จ้องมองมาทางเขา ธนูเห็นท่าทางดังนั้นจึงเลิกเค้นความจริงต่อ พลางยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม เพื่อไม่ให้บรรยากาศเคร่งเครียดเกินไป
"กาแฟอร่อยดีนะหมู่ .... ซื้อจากไหนนะ" ธนูเปลี่ยนจากสีหน้าเคร่งขรึมหันมายิ้มแบบเด็กไร้เดียงสากับลูกน้อง
"จากร้านลุงเส็งครับ เมื่อเช้าก่อนมาโรงพักผมแวะทานโอเลี้ยงที่ร้านแกเลยซื้อมาฝากผู้กอง ..... นี่ไงครับซื้อมาตั้งกระติกนึง เลยเทใส่แก้วให้ผู้กองชิมดู" หมู่ชัยกล้าสบสายตาผู้กองหนุ่มขึ้นบ้างต่างจากสถานการณ์เมื่อครู่ที่ดูกดดันจนหายใจแทบไม่ออกจากสายตาอันเฉียบคม
"ขออีกแก้วนะหมู่" ธนูยิ้มพลางยกแก้วเปล่าส่งให้หมู่ชัยรินให้ใหม่ ระหว่างนั้นก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น พลตำรวจสุครีพเข้ามารายงาน
"กำนันเล้งกับผู้ใหญ่ทรงต้องการพบผู้กองครับ"
"อนุญาติ"
"ครับ" หลังจากพลตำรวจสุครีพออกจากห้องไปแล้ว สองผู้ยิ่งใหญ่แห่งโคกอีแร้งก็ก้าวเข้ามาภายในห้อง ร่างอ้วนพุงพะโล้ของกำนันยกมือไหว้ผู้กองหนุ่มอย่างไม่เต็มใจ ต่างกับท่าทีของผู้ใหญ่ที่ดูนอบน้อมและสุภาพ ผู้กองหนุ่มรับไหว้และเชิญทั้งสองนั่งลง แล้วบอกให้หมู่ชัยไปรอด้านนอก บรรยากาศภายในห้องเคร่งขรึม ประมาณกว่าครึ่งนาทีที่ไม่มีใครพูดอะไรกัน ในที่สุดผู้ใหญ่ทรงก็เริ่มเปิดฉากก่อน
"ขอต้อนรับผู้กองคนใหม่ที่อุตส่าห์เสียสละตัวเองมาทำงานในถิ่นทุรกันดานแบบนี้"
"ขอบคุณครับที่เห็นใจ"
"หากผู้กองขาดเหลืออะไร ... ก็บอกผมกับพี่เล้งได้ เพราะเราทั้งสองคนเป็นผู้กว้างขวางของที่นี่"
"ครับ .... กิตติศัพท์ของท่านทั้งสองผมก็ทราบจากชาวบ้านละแวกนี้แล้ว ว่าท่านทั้งสองน่ะกว้างขวางจริงๆ" ธนูย้ำเสียงดังคำว่ากว้างขวาง เพื่อให้ทั้งสองได้ยินพลางเปิดแฟ้มคดีการตายของนายตำรวจทั้งสี่เล่นพลิกไปมาหวังเป็นเชิงข่มขวัญดูปฏิกริยาของคนทั้งสอง กำนันเล้งเหงื่อกาฬไหลสายตาชำเลืองแล้วชำเลืองอีกมาที่แฟ้มอย่างตื่นๆ ผิดกับผู้ใหญ่ทรงที่ชำเลืองเพียงครั้งเดียวแต่แล้วก็ตีสีหน้าเรียบเฉย
"กิตติศัพท์ของผู้กองก็ใช่ย่อยนะครับ ข่าวว่ามาวันแรกก็ทำเอานักเลงแถวนี้ฟันหักไปคนแล้วร้ายจริงๆ แต่ระวังนะครับแถวนี้นักเลงมันดุ ผมเองก็เอาไม่ค่อยอยู่เหมือนกันถ้าหากมันคิดจะเล่นงานผู้กอง" ผู้ใหญ่ทรงถอดแว่นดำพลางส่งสายตาข่มขวัญแต่ก็แสยะยิ้มภายใต้หนวดเหนือริมฝีปาก
"นักเลงกระจอกแถวนี้ผมไม่กลัวหรอกครับ ..... แต่กลัวจะเป็นคนของผู้ใหญ่ทรงเข้า บอกตามตรงผมเองไม่อยากหักหน้าใครแล้วก็ไม่ไว้หน้าใครด้วย ผมทำงานตรงไปตรงมาตลอด" ธนูส่งสายตาดุดันกลับไปทางผู้ใหญ่ทรงเช่นกัน
"อั๊วะว่าอย่าอ้อมไปอ้อมมาเลยน่า อาทรง ลื๊อบอกมันตรงๆเลยดีกว่าอั๊วะชักรำคาญที่นี่มันร้อนอบอ้าว อั๊วะไม่อยากอยู่นาน" กำนันเล้งชักรำคาญ ดึงผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋าเสื้อซับเหงื่อเม็ดโตที่ศรีษะล้าน
ผู้ใหญ่ทรงดึงซองสีขาวออกจากกระเป๋ากางเกงยื่นให้ผู้กองหนุ่มพลางบอก
"นี่เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆจากเรา หวังว่าผู้กองคงไม่ปฏิเสธ และผมว่าผู้กองควรที่จะรับมันไว้ถ้าไม่อยากมีปัญหา เรามันคนบ้านเดียวกันต้องพึ่งพากันอีกหลายเรื่อง หวังว่าผู้กองคงเข้าใจพวกผมนะ" ธนูรับซองสีขาวเปิดออกดูข้างใน ปรากฎว่าเป็นธนบัตรใบสีเทานับแล้วประมาณ 20 ใบ ธนูทำตาโตเมื่อเห็นของที่บรรจุภายในซองสีขาวนั้น พลางเปลี่ยนสีหน้าจากเคร่งขรึมเป็นส่งยิ้มให้ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองอย่างไร้เดียงสา
"แหมผู้ใหญ่ทรง .... แล้วไม่ทำแบบนี้ตั้งแต่ทีแรก อย่างนี้ค่อยคุยกันง่ายหน่อย" ผู้ใหญ่ทรงเห็นทีท่าของผู้กองหนุ่มเปลี่ยนไปอย่างไม่คาดคิดก็หันมายิ้มกับกำนันเล้ง พลางกระซิบ
"ปัดโธ่ ..... นึกว่าแน่ที่แท้ก็บูชาเงินกับเขาด้วย" กำนันเล้งได้ยินก็ยิ้มแบบหยิ่งยโสพลางส่ายหน้าแล้วมองผู้กองหนุ่มด้วยความสมเพท
"หวังว่าเราทั้งสองฝ่ายคงเข้าใจกันแล้ว ...... หวังว่าทางผู้กองยินดีจะร่วมมือกับทางผมด้วยดีนะครับ" ผู้ใหญ่ทรงยื่นมือเพื่อที่จะเชคแฮนด์กับผู้กองหนุ่ม แต่ปรากฎว่าธนูกลับเอาซองขาวบรรจุธนบัตรที่ได้รับมาเมื่อครู่ยัดใส่มือของผู้ใหญ่ทรงแทน จากนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าจากรอยยิ้มไร้เดียงสาเมื่อครู่เป็นเคร่งขรึมตาวาวราวกับเสือที่จะขย้ำเหยื่อ
"ผมไม่ใช่คนที่จะถูกใครซื้อได้ด้วยเงิน ..... ขอให้ผู้ใหญ่จำไว้ด้วย คราวนี้ผมให้อภัย ผมจะไม่ยัดข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่กับผู้ใหญ่ในครั้งนี้ หากมีครั้งต่อไปผมจะไม่เกรงใจผู้ใหญ่ล่ะนะ แล้วขอให้ผู้ใหญ่จำเอาไว้อย่างหนึ่งว่า " ผู้กองหนุ่มพูดพลางโยนแฟ้มคดีฆ่าตำรวจทั้งสี่นายไว้ตรงหน้าผู้ใหญ่ทรง
"ผมขอสัญญาด้วยเกียรติของตำรวจ ..... เจ้าหน้าที่เหล่านี้จะไม่ตายอย่างไร้ค่าแน่นอน"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ