ไกลปืนเที่ยง
13)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเพล้ง !!!!! เสียงแก้วไวน์ชั้นดีกระทบลงพื้นด้วยแรงจากมืออันอ้วนป้อมและสั้นของกำนันเล้ง
"มันมีดีอะไรนักหนาวะไอ้ผู้กองนั่น ถึงไม่ยอมรับส่วยจากอั๊วะ" กำนันพูดพลางหยิบแก้วใบใหม่ขึ้นมารินไวน์แดงขวดละแสน แล้วส่งเข้าปากเพียงอึกเดียวหมดด้วยความไม่สบอารมณ์ หลังจากกลับมาจากสถานีตำรวจโคกอีแร้งเมื่อเช้านี้ ผู้ใหญ่ทรงซึ่งนั่งอยู่เก้าอี้ตรงข้ามนั่งนิ่งไม่พูดอะไรพลางลูบหนวดเหนือริมฝีปากอย่างใช้ความคิด
"ในเมื่อใช้ไม้อ่อนไม่ได้ก็ต้องใช้ไม้แข็ง" ผู้ใหญ่ทรงพูดขึ้นในที่สุด
กำนันเล้งเหลือบมองผู้ใหญ่ทรงด้วยหางตาอย่างรู้ใจว่า ที่ผู้ใหญ่ทรงพูดนั้นหมายถึงอะไร
"เอาแน่รึนายทรง อย่าให้หนักนักนะงานนี้อั๊วะรับผิดชอบไม่ไหว"
"ไม่ถึงตายหรอกน่าพี่กำนัน ...... ก็แค่ข่มขู่นิดหน่อย ผมอยากจะรู้ว่ามันจะปากดีได้อยู่เหมือนวันนี้หรือเปล่า"
"จะเอาไอ้เคราดำอีกรึงานนี้น่ะ" กำนันเล้งถามเพื่อความแน่ใจ
"ไม่ต้องถึงมือไอ้เคราดำหรอกพี่กำนัน งานเด็กแบบนี้เอาเด็กวัยรุ่นติดยาแถวนี้ก็พอ เอาสัก 5 - 6 คนเล่นงานตอนมันอยู่คนเดียว"
" อืมมม ..... แล้วนายทรงจะลงมือเมื่อไหร่ล่ะ บอกฉันไว้ล่วงหน้าด้วยละกัน เรื่องค่าตอบแทนเด็กอั๊วะจ่ายเอง"
"ประมาณ 2 - 3 วันนั่นแหละพี่กำนัน เดี๋ยวให้ไอ้เคราดำมันจัดการให้ ตอนนี้ผมให้มันทำธุระส่วนตัวก่อน มันขอผมไว้นานแล้ว"
"ธุระอะไรวะ?" กำนันทำหน้าสงสัย
"เรื่องนังมะปรางไงพี่กำนัน" ผู้ใหญ่ทรงกระซิบข้างหู เมื่อกำนันได้ยินก็หัวเราะลั่นบ้านด้วยความครึ้มใจ
เสียงลมพัดหวีดหวิวในยามค่ำคืนสอดประสานด้วยเสียงเพลงไพเราะเบาๆจากกีต้าร์ตัวโปรด ตามด้วยเสียงเพลงเพราะๆที่ออกจากปากของคนที่หนวดเคราครึ้มซึ่งเป็นเจ้าของกีต้าร์ที่เขาเล่นอยู่นั่นเอง ยามค่ำคืนที่ลมหนาวโชยพัดมาเช่นนี้ระคนกับเสียงดนตรีที่ฟังแล้วสบายหู ช่างเป็นบรรยากาศอันน่าชวนอภิรมย์จนทำให้หัวใจของผู้หญิงบางคนสั่นไหวในท่วงทำนองเสียงเพลงที่มาตามสายลมนั้น หนักเข้าเมื่อทนไม่ไหวจึงต้องออกมาตามหาต้นตอของเสียงด้วยตัวเอง หล่อนเปิดบานหน้าต่างชั้นสองของตัวบ้านชะโงกหน้าออกมาทักเจ้าของเสียง
"นี่เบาๆหน่อยสินายตุลย์!!!! เสียงอย่างกับควายออกลูก เล่นกีต้าร์อยู่ได้ไม่หลับไม่นอนรึ"
"อ้าว!!! คุณมะปราง ยังไม่นอนอีกเหรอครับ ก็ที่เห็นนี่ล่ะครับผมยังไม่ง่วง เสียงของผมรบกวนคุณเหรอครับ งั้นก็ขอโทษด้วยผมจะเก็บกีต้าร์เดี๋ยวนี้แล้ว"
"เปล่าๆ ..... ฉันก็ทักเล่นไปอย่างนั้นแหละ น้อยใจจริงนะพูดเล่นนิดเดียว เพลงเพราะนะขอชม" หญิงสาวยิ้มแป้นให้
"เพลงเพราะหรือคนร้องเพราะกันแน่ครับ" ชายหนุ่มยิ้มยียวน
"เพลงย่ะเพลง .... แหมมมจำเขามาร้องจนชำนาญนะยะ ร้องกี่เที่ยวล่ะถึงได้เพราะขนาดนี้"
"ปกติร้องคนเดียวก็หลายเที่ยวอยู่ เผอิญวันนี้มีคนมาแอบฟังก็เลยต้องร้องดีๆหน่อย"
"บ้า!!!! ใครแอบฟังยะ ดนตรีนายมาเข้าหูฉันเองต่างหาก" ทั้งคู่เงียบไปครู่หนึ่งมีแต่สายตาที่ส่งทอดกันไปมา ตากลมโตแวววาวที่สะท้อนกับแสงจันทร์ในยามค่ำช่างเหมือนดาวดวงน้อย 2 ดวงที่ส่องสว่างเคียงคู่กันท่ามกลางความมืดมิด จากใบหน้าที่นวลเนียนยามต้องแสงจันทร์ให้บังเอิญลมพัดเอากลิ่นความหอมจากเรือนร่างแลเรือนผมของหญิงสาวเข้าสู่จมูกชายหนุ่ม มันเป็นความรู้สึกที่หอมเย็นๆเย้ายวนใจอย่างไรก็บอกไม่ถูก เขานิ่งดั่งต้องมนต์สะกดของเสน่ห์สตรีเพศที่อยู่เบื้องหน้า แต่แล้วก็รู้สึกตัวเมื่อเสียงกังวาลใสเจื้อยแจ้วมาจากด้านบน
"ยืนเหม่ออะไรน่ะนาย ..... โดนผีอำรึ? รีบๆเข้านอนได้แล้วนะพรุ่งนี้ต้องไปช่วยฉันจัดของแต่เช้า อย่าลืมล่ะ"
"ครับคุณมะปราง .... ว่าแต่คุณมะปรางชอบฟังเพลงอะไรเดี๋ยวผมเล่นให้ฟังก่อนนอน" นายตุลย์ถามพลางยิ้มฟันขาว
"อืมมม .... เอาเพลงอะไรก็ได้ที่ฟังแล้วมันไม่เครียดๆน่ะ"
"งั้นผมจะเล่นแล้วนะ คุณมะปรางไปนอนเถอะครับ ฟังไปนอนไปจะได้หลับฝันดี"
"เจ้าค่า ..... แหม อิอิอิอิอิ" พูดจบมะปรางก็ปิดหน้าต่างห้องของเธอ สักพักก็มีเสียงเพลงแว่วผ่านเล็ดลอดเข้ามา เธอล้มตัวลงบนเตียงฟังเพลงที่ชายหนุ่มดีดกีต้าร์ร้องเบาๆอยู่ด้านล่างไม่นานก็ม่อยหลับไปด้วยความเพลีย
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่เมื่อเธอลืมตาตื่นตกใจด้วยเสียงประหลาดๆจากด้านล่าง มันฟังเหมือนเสียงใครบางคนกำลังทำอะไรบางอย่างที่ประตูบ้าน เธอหยิบนาฬิกาขึ้นมาดู มันเป็นเวลาตี 2 กว่าๆ นี่เธอเผลอหลับไปนานขนาดนั้นเลยหรือนี่ เธอจำได้ว่าครั้งสุดท้ายก็คือนั่งฟังเพลงจากนายตุลย์เมื่อตอน 4 ทุ่มครึ่งจนเข้านอน ตอนแรกเธอคิดว่าเธอหูฝาด จึงล้มตัวลงนอนต่อ แต่สักพักเสียงนั้นก็ดังขึ้นมาอีก
"หนูล่ะมั้ง" เธอคิดในใจ สักพักเมื่อมีเสียงดัง "แอ๊ดดดด" เหมือนใครเปิดประตูบ้านชั้นล่าง เธอก็สะดุ้งโหยงรีบคว้าไฟฉาย มันคงไม่ใช่หนูอีกต่อไปแล้ว ตอนแรกก็กะจะไปเปิดสวิทซ์ไฟ แต่ก็ชั่งใจแข็งใจเดินฝ่าความมืดลงข้างล่างด้วยฝีเท้าอันเบากริบ เธอไม่อยากให้ลุงเส็งตกใจตื่น และอยากดูด้วยว่าผู้บุกรุกจะทำอะไรต่อไป และมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ในการเข้ามา เมื่อเธอลงมาถึงบันไดชั้นล่างสุดก็มีเงาดำมาคว้าตัวเธอไว้พลางเอามืออุดปากเธอไม่ให้ส่งเสียงร้อง มะปรางดิ้นเร่าๆด้วยความตกใจออกแรงดิ้นรนเต็มที่ ในที่สุดเธอก็หยุดดิ้นเมื่อมีเสียงจากเงาดำนั้นกระซิบเข้าหู
"คุณมะปรางนี่ผมเองครับตุลย์ กรุณาอย่าส่งเสียงครับ"
"นายเองรึ ... แล้วนายคิดจะทำอะไรเนี่ย" เธอกระซิบตอบ นายตุลย์ไม่บอกอะไรแต่รีบพาเธอเข้าไปซ่อนใต้บันไดบ้าน
"ลุงเส็งอยู่ไหนครับ?" ตุลย์กระซิบถามเธอ
"นอนอยู่ชั้นบนอีกห้องหนึ่ง ทำไม?" เธอกระซิบถามด้วยความร้อนรน
"ผมเกรงว่าจะมีคนบุกบ้านเรา คุณมะปรางไปพาลุงเส็งลงมาให้เงียบที่สุดอย่าเปิดไฟเป็นอันขาด มาเจอกันที่ใต้บันไดนี่นะครับ"
มะปรางรู้สึกตกใจมากแต่ก็ทำตามที่ชายหนุ่มบอกโดยดี ไม่เกิน 5 นาทีลุงเส็งลูกสาวและชายหนุ่มก็พร้อมกันที่ใต้บันไดบ้าน สักครู่ทั้งสามก็เห็นดวงไฟจากไฟฉายวอมแวมรอบๆตัวบ้าน พลางมีเสียงกระซิบกระซาบคุยกันเบาๆ มะปรางเริ่มหวาดกลัวเหงื่อกาฬไหลท่วม ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ตัวสั่นน้อยๆด้วยอาการตื่นเต้นจับแขนผู้เป็นบิดาไว้แน่น
"เอาไงต่อดีล่ะนายตุลย์" เธอถามเสียงสั่น
"ผมขอให้คุณมะปรางอยู่ที่นี่ก่อน โทรศัพท์แจ้งตำรวจแล้วพาลุงเส็งไปแอบในห้องน้ำ ผมจะออกไปดูลาดเลาว่าพวกมันมีกี่คนแล้วต้องการอะไรกันแน่"
"นายไม่มาแอบด้วยกันเหรอ มันเสี่ยงนะ"
"เอางี้ก็แล้วกันถ้าเห็นท่าไม่ดีผมจะรีบกลับมา เคาะประตูห้องน้ำ 4 ครั้งก็คือผมขอให้คุณมะปรางช่วยเปิดรับผมด้วยละกัน"
มะปรางพยักหน้าหงึกๆ ใจหนึ่งก็ไม่ค่อยไว้ใจนายตุลย์สักเท่าไหร่เพราะอาจเป็นพวกเดียวกับคนร้ายแล้วยกพวกกันมาขโมยของบ้านเธอ โดยหลอกเธอและพ่อให้อยู่แต่ในห้องน้ำก็ได้ แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ต้องโทรศัพท์หาตำรวจก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ