Love Plus [ The Predestination Love ]
3.8
9) ละครหุ่น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความลำนำแห่งฤดูใบไม้ร่วง ตอนที่ 9 ละครหุ่น
เสียงปรบมือที่ดังอยู่เมื่อครู่พลันหายไป เมื่อดวงตาของหญิงสาวที่ยืนอยู่บนเวทีเบิกกว้างขึ้นมา รอยยิ้มสดใสของหญิงสาวค่อยๆเผยออกมาบนใบหน้าอวบอิ่ม พร้อมๆกับร่างอันบอบบางที่โค้งลงให้กับผู้ชม ในลักษณะก้าวเท้าซ้ายออกมาข้างหน้า แล้วใช้มือขวาแนบอกของตนเอาไว้
" เอ๋ ! นั่นมัน !? " เรนะอุทานขึ้นมาเบาๆ เพราะเธอจำหญิงสาวคนนี้ได้ เธอเคยเจอหญิงสาวคนนี้มาแล้วเมื่อวานนี้ตอนออกไปเลือกซื้อเครื่องดนตรีกับทานข้าวเย็น
เมื่อทำความเคารพผู้ชมอันเป็นประเพณีศักดิ์สิทธิ์ก่อนการแสดงแล้ว หญิงสาวก็ดึงร่างของตนเองกลับมายืนตรงอีกครั้ง เรือนผมสีดำที่ถูกมัดไว้อย่างดีในทรงหางม้าพริ้วลู่ไปด้านหลัง ดวงตาสีนิลจับจ้องไปทางผู้ชมที่นั่งรอชมการแสดงอยู่โดยไม่แบ่งแยกว่าจะเป็น ชาย หญิง เด็กหรือผู้ใหญ่ พร้อมๆกับมือทั้งสองข้างที่กางเหยียดไปจนสุดมือ
หญิงสาวหลับตาพรึมและสงบนิ่ง ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากหญิงสาวหรือเหล่าผู้รับชม จะมีก็แค่เพียงเสียงของสายลมอันแผ่วเบาพัดผ่านเท่านั้น หญิงสาวยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นกระทั่งเวลาล่วงเลยไปครู่ใหญ่ และแล้ว ดวงตาของหญิงสาวกลับเบิกกว้างขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงดนตรีที่ดังก้องขึ้นมาในจังหวะเดียวกัน แล้วกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าตรงหน้าหญิงสาวก็เปิดออก เผยให้เห็นตุ๊กตาตัวหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านใน
" สวัสดีทุกท่าน !! " ตุ๊กตาตัวดังกล่าวทักทายผู้ชมรอบๆเวที
" นามของข้าคือนักเดินทางพเนจร มาเรค นัวร์ เลฟิว แต่ข้าว่ามันยาวไปหน่อย ขอให้พวกเจ้าเรียกข้าว่านัวร์ก็แล้วกัน วันนี้ข้าจะมาเล่นนิทานให้พวกเจ้าฟัง ข้าคิดว่าหลายๆคนน่าจะชอบนิทานที่ข้ากำลังจะเล่า "
ตุ๊กตาที่ใช้ชื่อว่า " นัวร์ " แนะนำตัวเองให้ผู้ชมได้รู้จักท่ามกลางเสียงปรบมือของคนดูหลายๆคนที่กำลังรับชม รูปร่างของนัวร์นั้นมีลักษณะเป็นตุ๊กตาผ้าธรรมดาๆ สูงพอๆกับเด็กมัธยมต้น ใช้รูปร่างเด็กผู้ชายเป็นพื้นฐาน ทั้งร่างสวมชุดคลุมคล้ายๆที่พวกนักดนตรีพเนจรของเม็กซิโกใส่กัน สวมหมวกปีกกว้างแบบเม็กซิโกสีน้ำตาลอ่อน แล้วมีผ้าปิดปากสีแดงเข้มปิดปากเอาไว้อีกที จึงไม่สามารถรู้ได้ว่า ตุ๊กตาตัวนี้ขยับปากพูดได้จริงๆรึปล่าว
" อย่างที่บอกไว้แล้ว ข้าเป็นนักพเนจร ข้ามีนิทานมากมายเท่าภูเขาเลากาที่จะเล่าให้พวกเจ้าฟัง แต่ก็นั่นแหละนะ เพราะมันเยอะเกินไปข้าคงจะเล่าให้หมดในครั้งเดียวไม่ได้แน่ แล้วข้าก็ไม่สามารถที่จะเดินไปไหนมาไหนได้… ฉะนั้น !! ข้าจะขอเชิญหนึ่งในผู้ชมมาเป็นผู้ช่วยสักหน่อยก็แล้วกัน "
เมื่อนัวร์พูดจบ ใบหน้าของนัวร์ก็ขยับไปซ้ายทีขวาทีเพื่อเฟ้นหาผู้โชคดีจากผู้ชมมากมายที่ยกมือขึ้นมาเสนอตัวเป็นผู้ช่วยของนัวร์ ไม่เพียงแค่นัวร์เท่านั้น หญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังก็สอดส่ายสายตาไปรอบๆเวทีเช่นกัน จนกระทั่ง สายตาของเธอสบตาเข้ากับเด็กสาวอีกคนเข้าอย่างจัง หญิงสาวยิ้มให้กับเด็กสาว แต่เด็กสาวกลับรู้สึกเหมือนกับความซวยกำลังจะมาเยือนเธอในวินาทีถัดไป ซึ่งมันไม่ได้ผิดจากที่เธอคิดเอาไว้เลย
เจ้า !!
" ข้าอยากให้เจ้ามาเป็นผู้ช่วยของข้า " นัวร์ชี้นิ้วไปหาเด็กสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนดู มันทำให้สายตาของเหล่าผู้คนหันมองหญิงสาวเป็นตาเดียว
" ชะ.. ชั้นเหรอ? " เด็กสาวพูดตะกุกตะกัก พลางชี้นิ้วใส่ตัวเอง
" แม่น !! เจ้านั่นแหละสึคิยามะ เรนะ ข้าขอเชิญเจ้ามาเป็นผู้ช่วยของข้า เจ้ามีสิทธิ์ตอบได้สองคำคือ " ตกลง " กับ " ได้เลย " เท่านั้น นอกเหนือจากสองคำนี้ ข้าไม่รับฟัง "
เรนะอึ้งไปชั่วขณะ นี่เธอกำลังถูกตุ๊กตาบังคับขู่เข็นรึนี่ ครั้นเรนะจะปฏิเสธก็กระไรอยู่ เพราะสายตาผู้ชมทั้งเวทีจับจ้องมาที่เธอเพียงแค่คนเดียวราวกับต้องการจะฟังคำตอบจากปากของเรนะเพียงผู้เดียวเท่านั้น
" โชคดีจังเลย เรนะจัง " ยูกิยิ้มให้พลางใช้มือของตนดันหลังเรนะให้ขึ้นไปบนเวที
" ดะ – เดี๋ยวสิยูกิ ใจคอเธอจะไม่สงสารคนที่เพิ่งย้ายมาอยู่โรงเรียนนี้แบบชั้นมั่งเหรอ ? "
" แหมๆ ไม่เห็นเป็นไรเลยเรนะจัง "
" ใช่ ! ไม่เป็นไรหรอกผมรับรองได้ อีกอย่าง ไม่บ่อยหรอกนะที่เธอคนนั้นจะขอผู้ช่วย นี่แสดงว่ามายุคงจะถูกใจเรนะมากถึงได้ขอให้เธอขึ้นไปช่วยเธอ " ฮิโยช่วยพูดเสริม แต่คำพูดของเขาไม่ได้ช่วยให้เรนะมีความกล้ามากขึ้นเลยสักนิด
ท้ายที่สุด เรนะก็ต้องจำใจขึ้นไปบนเวทีจนได้ สายตาของผู้ชมรอบๆเลื่อนไล่ตามร่างของเรนะตั้งแต่เธอเริ่มลุกขึ้นยืน จนเดินไปถึงบนเวทีกันเลยทีเดียว เรนะแทบไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองตาผู้ชมด้วยซ้ำเพราะว่ากันตามตรง เธอไม่เคยตกเป็นเป้าสายตาคนเยอะๆแบบนี้มาก่อน โดยเฉพาะบนเวทีแบบนี้
" สะ.. สวัสดีค่ะ เรนะค่ะ "
เสียงปรบมือดังขึ้นประปรายทันทีที่เรนะแนะนำตัวเสร็จ มันคงดีกว่านี้ถ้าเธอจะเงยหน้าขึ้นมามองผู้ชมด้านหน้า
" แนะนำตัวกันเสร็จก็ถึงคิวของข้าแล้วสิ เอาล่ะแม่หนู ช่วยอุ้มข้าเอาไว้ที "
" หือ? แล้วทำไมชั้นต้องอุ้มนายเอาไว้ด้วยล่ะ " เรนะถามนัวร์ด้วยความสงสัย
" เอ๋า ที่ข้าเรียกเจ้าออกมาก็เพื่อช่วยงาน แล้วข้าก็บอกเจ้าไปตั้งแต่แรกแล้วว่าข้าเดินไม่ได้ เจ้าคิดว่าข้าเรียกเจ้ามายืนบนเวทีเพื่ออวดเรือนร่างของเจ้ารึไงล่ะ อีกอย่าง เรือนร่างของเจ้าก็ไม่ได้มีอะไรน่าอวดขนาดนั้นด้วย จริงไหมสาวน้อย? "
เรนะหน้าแดงเป็นลูกตำลึงเมื่อถูกนัวร์พูดกระทบจิตใจอย่างแรง จริงอยู่ที่รูปร่างของเรนะไม่ได้ดีเลิศอย่างที่นัวร์ว่า แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องจะเอามาพูดต่อหน้าประชาชนซะหน่อย เรนะรีบเอื้อมมือคว้าร่างของนัวร์มาอุ้มไว้ในท่ากอดตุ๊กตาโดยใช้มือทั้งสองโอบนัวร์ไว้หน้าอกในทันที แล้วพยายามทำใจให้สงบเรียกสติสตังกลับมา
" เอ่อ.. ข้าก็ดีใจนะที่เจ้ากอดข้าซะแนบแน่นแบบนี้ แต่ถ้าจะให้ดี ขอให้อุ้มอีกแบบเถอะ หน้าอกเจ้ามันชนหลังข้ารู้ไหม? "
เรนะอ้าปากค้างกับคำพูดของนัวร์ หน้าเรนะแดงเรืองๆขึ้นอีกครั้ง มันไม่บ่อยนักที่จะมีคนทำให้หน้าเธอแดงขึ้นทีสองทีหรือทำให้เธออาย แต่นี่มันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอรู้สึกเหมือนตุ๊กตากลั่นแกล้งเอาด้วยซ้ำ แถมเธอไม่เคยเล่นตุ๊กตาเลยตั้งแต่เกิดมา แล้วเธอจะไปรู้จักวิธีอุ้มแบบที่ว่าได้ยังไง
" เอาแขนซ้ายรองเอาไว้ แล้วให้นัวร์นั่งตรงแขนจ้า "
มีเสียงกระซิบของหญิงสาวคนหนึ่งดังแว่วมาจากด้านหลัง เรนะรีบหันกลับไปมองด้วยความสงสัยก็พบเข้ากับรอยยิ้มของหญิงสาวผู้มีชื่อว่ามายุที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอไปอีกจนเกือบสุดเวที ซึ่งเรนะก็ยอมทำตามคำแนะนำของเธอแต่โดยดี
" ฮ่า ใช่ๆ แบบนี้แหละๆ แขนใหญ่ๆของเจ้านี่นั่งสบายจัง "
ท่าทางนัวร์จะพออกพอใจมากเมื่อดูจากท่าทางและคำพูด สำหรับเรนะถือเป็นเรื่องดีขึ้นมาสักหน่อย เผื่อจะลดความปากเสียไร้มารยาทของเจ้าหุ่นตัวนี้ที่มีต่อเธอได้บ้าง แล้วเมื่อนัวร์ได้ที่นั่งที่พอใจเรียบร้อยแล้ว เขาก็ใช้เรนะไปหยิบเอาหนังสือเล่มหนึ่งมาให้กับเขา
" หนังสือเล่มนี้เป็นบันทึกของข้า ข้าใช้มันบันทึกสิ่งต่างๆที่เคยประสบพบเจอเอาไว้ สำหรับพวกเจ้าทั้งหลายคงจะเรียกมันว่าไดอารี่ล่ะมั้ง "
" แล้ววันนี้ ข้าจะใช้หนังสือเล่มนี้ล่ะ เล่าเรื่องราวให้พวกเจ้าฟัง ผ่านปากของผู้ช่วยของข้า "
นัวร์กระแอมออกมาเบาๆหนึ่งครั้งเป็นสัญญาณ ก่อนที่เสียงดนตรีบรรเลงจะดังขึ้นเพื่อเปิดม่านการแสดงที่แท้จริง เรนะเดินถอยร่นออกไปด้านข้างเพื่อไม่ให้ตัวเองกีดขวางทางเดิน หนังสือในหน้าแรกเปิดออกตามคำสั่งของนัวร์ แล้วเธอก็เริ่มเล่าเรื่องราวที่ถูกเขียนอยู่ในสมุดบันทึกเล่มนั้นช้าๆ
" กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อครั้งเหล่าทวยเทพยังคงคงอาศัยอยู่ในโลกหล้านั้น ยังคงมีดินแดนแห่งหนึ่งที่เหล่าทวยเทพเอื้อมมือไปไม่ถึง "
ฉากหลังที่ถูกวาดลวกๆบนแผ่นไม้กระดานหลายชิ้น ค่อยๆเลื่อนลงมาจากด้านบนซึ่งมีม่านบนเวทีช่วยบดบังสายตาผู้ชมเอาไว้อีกที มันเป็นฉากของวังเล็กๆ และที่ฉากอันนั้นเรนะสังเกตเห็นตุ๊กตาอีกตัวหนึ่งที่มีขนาดเล็กกว่านัวร์โข ความสูงราวๆหนึ่งฟุตนอนหงายอยู่ข้างบน แต่ผู้ชมคงไม่เห็นมันหรอกเพราะมีฉากอันอื่นๆบังเอาไว้อยู่
" ที่ซึ่งกษัตริย์เปี่ยมไปด้วยทศพิศราชธรรม กษัตริย์ผู้ปกครองเหล่าผู้คนใต้อาณัติอย่างเป็นธรรม "
เมื่อเล่าถึงตรงนี้ ตุ๊กตาตัวนั้นที่นอนอยู่ในตอนแรกกลับลุกขึ้นยืนแล้วโบกมือให้กับผู้ชมที่อยู่บนเวที สร้างความตกใจให้กับเรนะเป็นอันมาก เท่าที่เธอเห็น เธอรับรองว่าไม่มีใครกำลังขยับตุ๊กตาหรือใช้ไม้เชิดเอาไว้แน่ๆ แต่ในขณะที่เธอกำลังตกใจ นัวร์ก็สะกิดเรนะให้หายแตกตื่น เรนะจึงเริ่มเล่าเรื่องต่อไปทั้งๆที่ความสงสัยยังคงค้างอยู่ในใจ
" ประชาชนทั่วทั้งอาณาจักรต่างศรัทธาและสรรเสริญกษัตริย์ของพวกเขาราวกับเป็นเทพเจ้ากลับชาติมาเกิด เหล่าเทพทั้งหลายต่างไม่พอใจในคำสรรเสริญนั้น พวกเขาจึงช่วยกันวางแผนโค่นล้มกษัตริย์องค์นั้น ด้วยการส่งมังกรตัวใหญ่ถึงสามตัวเข้ามาก่อกวนอาณาจักร "
ตุ๊กตามังกรสีแดง ดำ เขียว บินว่อนลงมาจากอีกด้านของฉากอย่างช้าๆ มันบินลงมาถึงพื้นด้านล่างแล้วทำท่าขยับไปมาเหมือนกำลังก่อกวนบ้านเมืองอยู่จริงๆ ตุ๊กตาตัวอื่นๆที่เหมือนจะได้รับบทให้เป็นประชาชนต่างก็หนีบ้างสู้บ้างราวกับมีชีวิต
เหมือนกับว่า… มันเคลื่อนไหวด้วยความต้องการของตัวมันเอง !!
เรื่องเล่าของนัวร์ยังคงดำเนินต่อเนื่องไปเรื่อยๆผ่านปากของเรนะ แต่ทุกครั้งที่เรนะเล่าแล้วมองภาพตรงหน้า เธอต้องรู้สึกทึ่งในสิ่งที่เกิดขึ้นไปตลอดเรื่อง แม้จะมีการสอดแทรกสิ่งที่ทำให้ผู้ชมได้หัวเราะบ้างจากคำพูดของนัวร์ แต่เนื้อแท้ของละครบทนี้มันคือการแสดงของหุ่นไร้ชีวิตที่อยู่ตรงหน้าของเธอ ที่สามารถเคลื่อนไหวราวกับกำลังอยู่ในเรื่องราวนั้นจริงๆ
ไม่เพียงแค่เรนะเท่านั้นที่รู้สึกทึ่งกับการแสดงตรงหน้า ผู้ชมทั่วไปต่างก็ชอบใจและรู้สึกเหมือนกับเธอ การแสดงของเหล่านักแสดงตัวน้อยยังคงดำเนินไปเรื่อยๆจนกระทั่งสิ้นสุดการแสดง เหล่าผู้ชมทั้งเวทีต่างปรบมือให้กับพวกเขาไม่ขาดสาย เช่นเดียวกับเหล่าตุ๊กตาที่น้อมรับเสียงปรบมือและคำชมด้วยการยืนเรียงแถวหน้ากระดานแล้วโค้งรับ
หึ! หึ! หึ !
" เป็นยังไงบ้าง เรื่องเล่าของข้า พวกเจ้าชอบกันบ้างรึปล่าว " นัวร์ร้องถามผู้ชม ซึ่งเสียงตอบรับนั้นดีมาก
" งั้นไว้คราวหน้า ข้าจะมาเล่าเรื่องราวที่ข้าได้ประสบพบเจอมาให้พวกเจ้าได้ฟังอีกครั้ง สำหรับครั้งนี้ ข้ากับหนูน้อยคนนี้คงต้องขอตัวลาเพียงเท่านี้ "
ในที่สุด การแสดงอันน่ามหัศจรรย์ก็ปิดม่านลง พร้อมๆกับเหล่าตุ๊กตาทั้งหลายที่พากันเดินเรียงแถวเป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนที่พวกมันจะลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่ในกล่องของตัวเองทีละตัวๆจนหมด รวมถึงนัวร์ที่กระโดดลงจากแขนของเรนะเพื่อกลับไปนอนในกล่องของตัวเองบ้าง
" เก่งมากจ้า ขอบคุณมาเลยนะจ้าเรนะจังที่ยอมมาช่วย " หญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังกล่าวคำชมเชยให้เรนะ ที่จริงถ้าเป็นไปได้เธอก็อยากจะปรบมือให้เป็นของแถมเหมือนกัน
" ไม่เห็นต้องชมเลยค่ะคุณมายุ ยังไงชั้นก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว นอกจากเล่านิทานที่เขียนไว้ในหนังสือ "
" แหมๆถ่อมตัวจังเลยนะจ้า "
แม้มายุจะบอกว่าเรนะถ่อมตัว แต่ตัวเรนะนั้นย่อมรู้ดีกว่าใครๆอยู่แล้ว ว่าที่เธอพูดมาไม่ใช่คำโกหก ความจริงละครครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องให้เธอขึ้นไปมายืนเล่าเรื่องบนเวทีก็ได้ ยังไงหุ่นทุกตัวก็ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวเป็นเรื่องราวที่เข้าใจง่ายอยู่แล้ว เพียงแต่ยังคงมีบางอย่างที่เรนะยังสงสัยอยู่ แล้วมันก็ค้างอยู่ในใจเธอมาตั้งแต่เริ่มแสดงด้วย
เมื่อตอนนี้เวทีปิดม่านไปแล้ว แล้วอีกอย่างตอนนี้เรนะก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากยืนเฉยๆ เธอจึงพยายามส่งสายตาเมียงมองดูเหล่าตุ๊กตาทั้งหลายที่นอนอยู่ในกล่อง เรนะพยายามเอื้อมมือไปหยิบตุ๊กตาตัวหนึ่งขึ้นมาดูให้แน่ใน แต่...
เดี๋ยว !!? อย่าจับมันนะ!!
เรนะสะดุ้งเพราะเสียงตะคอกของฮิโยที่เพิ่งเข้ามาหลังเวที เธอรีบชักมือกลับด้วยความตกใจพลางหันหน้ามองฮิโยอาจารย์ที่ปรึกษาด้วยความสงสัย
" ...ทำไม.. เหรอค่ะ? " เรนะถาม
" ออกมายืนตรงนี้ก่อน "
" !? "
แม้จะสงสัยในคำพูดของฮิโย แต่เรนะก็ยอมเดินออกมายืนห่างๆแต่โดยดี ยูกิกอดแขนเรนะเอาไว้แน่นพลางส่งยิ้มให้เรนะเหมือนปกติที่เคยเป็น
" ทำไมต้องออกมาตรงนี้ด้วยล่ะ ? " เรนะหันไปถามยูกิที่กอดแขนเธออยู่ เพราะดูท่าทางเธอคงไม่ได้คำตอบจากฮิโยเป็นแน่
" เพราะการแสดงยังไม่จบน่ะ เรนะจัง "
" ยังไม่จบ ? "
" เดี๋ยวเรนะจังก็เข้าใจเองล่ะ ตอนนี้เรนะจังดูคุณมายุเอาไว้อย่ากระพริบตานะ "
ยูกิบอกกับเรนะ ก่อนที่ภาพที่จะเกิดขึ้นตรงหน้าในนาทีถัดไปจะทำให้เรนะต้องตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
เสียงปรบมือที่ดังอยู่เมื่อครู่พลันหายไป เมื่อดวงตาของหญิงสาวที่ยืนอยู่บนเวทีเบิกกว้างขึ้นมา รอยยิ้มสดใสของหญิงสาวค่อยๆเผยออกมาบนใบหน้าอวบอิ่ม พร้อมๆกับร่างอันบอบบางที่โค้งลงให้กับผู้ชม ในลักษณะก้าวเท้าซ้ายออกมาข้างหน้า แล้วใช้มือขวาแนบอกของตนเอาไว้
" เอ๋ ! นั่นมัน !? " เรนะอุทานขึ้นมาเบาๆ เพราะเธอจำหญิงสาวคนนี้ได้ เธอเคยเจอหญิงสาวคนนี้มาแล้วเมื่อวานนี้ตอนออกไปเลือกซื้อเครื่องดนตรีกับทานข้าวเย็น
เมื่อทำความเคารพผู้ชมอันเป็นประเพณีศักดิ์สิทธิ์ก่อนการแสดงแล้ว หญิงสาวก็ดึงร่างของตนเองกลับมายืนตรงอีกครั้ง เรือนผมสีดำที่ถูกมัดไว้อย่างดีในทรงหางม้าพริ้วลู่ไปด้านหลัง ดวงตาสีนิลจับจ้องไปทางผู้ชมที่นั่งรอชมการแสดงอยู่โดยไม่แบ่งแยกว่าจะเป็น ชาย หญิง เด็กหรือผู้ใหญ่ พร้อมๆกับมือทั้งสองข้างที่กางเหยียดไปจนสุดมือ
หญิงสาวหลับตาพรึมและสงบนิ่ง ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากหญิงสาวหรือเหล่าผู้รับชม จะมีก็แค่เพียงเสียงของสายลมอันแผ่วเบาพัดผ่านเท่านั้น หญิงสาวยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นกระทั่งเวลาล่วงเลยไปครู่ใหญ่ และแล้ว ดวงตาของหญิงสาวกลับเบิกกว้างขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงดนตรีที่ดังก้องขึ้นมาในจังหวะเดียวกัน แล้วกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าตรงหน้าหญิงสาวก็เปิดออก เผยให้เห็นตุ๊กตาตัวหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านใน
" สวัสดีทุกท่าน !! " ตุ๊กตาตัวดังกล่าวทักทายผู้ชมรอบๆเวที
" นามของข้าคือนักเดินทางพเนจร มาเรค นัวร์ เลฟิว แต่ข้าว่ามันยาวไปหน่อย ขอให้พวกเจ้าเรียกข้าว่านัวร์ก็แล้วกัน วันนี้ข้าจะมาเล่นนิทานให้พวกเจ้าฟัง ข้าคิดว่าหลายๆคนน่าจะชอบนิทานที่ข้ากำลังจะเล่า "
ตุ๊กตาที่ใช้ชื่อว่า " นัวร์ " แนะนำตัวเองให้ผู้ชมได้รู้จักท่ามกลางเสียงปรบมือของคนดูหลายๆคนที่กำลังรับชม รูปร่างของนัวร์นั้นมีลักษณะเป็นตุ๊กตาผ้าธรรมดาๆ สูงพอๆกับเด็กมัธยมต้น ใช้รูปร่างเด็กผู้ชายเป็นพื้นฐาน ทั้งร่างสวมชุดคลุมคล้ายๆที่พวกนักดนตรีพเนจรของเม็กซิโกใส่กัน สวมหมวกปีกกว้างแบบเม็กซิโกสีน้ำตาลอ่อน แล้วมีผ้าปิดปากสีแดงเข้มปิดปากเอาไว้อีกที จึงไม่สามารถรู้ได้ว่า ตุ๊กตาตัวนี้ขยับปากพูดได้จริงๆรึปล่าว
" อย่างที่บอกไว้แล้ว ข้าเป็นนักพเนจร ข้ามีนิทานมากมายเท่าภูเขาเลากาที่จะเล่าให้พวกเจ้าฟัง แต่ก็นั่นแหละนะ เพราะมันเยอะเกินไปข้าคงจะเล่าให้หมดในครั้งเดียวไม่ได้แน่ แล้วข้าก็ไม่สามารถที่จะเดินไปไหนมาไหนได้… ฉะนั้น !! ข้าจะขอเชิญหนึ่งในผู้ชมมาเป็นผู้ช่วยสักหน่อยก็แล้วกัน "
เมื่อนัวร์พูดจบ ใบหน้าของนัวร์ก็ขยับไปซ้ายทีขวาทีเพื่อเฟ้นหาผู้โชคดีจากผู้ชมมากมายที่ยกมือขึ้นมาเสนอตัวเป็นผู้ช่วยของนัวร์ ไม่เพียงแค่นัวร์เท่านั้น หญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังก็สอดส่ายสายตาไปรอบๆเวทีเช่นกัน จนกระทั่ง สายตาของเธอสบตาเข้ากับเด็กสาวอีกคนเข้าอย่างจัง หญิงสาวยิ้มให้กับเด็กสาว แต่เด็กสาวกลับรู้สึกเหมือนกับความซวยกำลังจะมาเยือนเธอในวินาทีถัดไป ซึ่งมันไม่ได้ผิดจากที่เธอคิดเอาไว้เลย
เจ้า !!
" ข้าอยากให้เจ้ามาเป็นผู้ช่วยของข้า " นัวร์ชี้นิ้วไปหาเด็กสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนดู มันทำให้สายตาของเหล่าผู้คนหันมองหญิงสาวเป็นตาเดียว
" ชะ.. ชั้นเหรอ? " เด็กสาวพูดตะกุกตะกัก พลางชี้นิ้วใส่ตัวเอง
" แม่น !! เจ้านั่นแหละสึคิยามะ เรนะ ข้าขอเชิญเจ้ามาเป็นผู้ช่วยของข้า เจ้ามีสิทธิ์ตอบได้สองคำคือ " ตกลง " กับ " ได้เลย " เท่านั้น นอกเหนือจากสองคำนี้ ข้าไม่รับฟัง "
เรนะอึ้งไปชั่วขณะ นี่เธอกำลังถูกตุ๊กตาบังคับขู่เข็นรึนี่ ครั้นเรนะจะปฏิเสธก็กระไรอยู่ เพราะสายตาผู้ชมทั้งเวทีจับจ้องมาที่เธอเพียงแค่คนเดียวราวกับต้องการจะฟังคำตอบจากปากของเรนะเพียงผู้เดียวเท่านั้น
" โชคดีจังเลย เรนะจัง " ยูกิยิ้มให้พลางใช้มือของตนดันหลังเรนะให้ขึ้นไปบนเวที
" ดะ – เดี๋ยวสิยูกิ ใจคอเธอจะไม่สงสารคนที่เพิ่งย้ายมาอยู่โรงเรียนนี้แบบชั้นมั่งเหรอ ? "
" แหมๆ ไม่เห็นเป็นไรเลยเรนะจัง "
" ใช่ ! ไม่เป็นไรหรอกผมรับรองได้ อีกอย่าง ไม่บ่อยหรอกนะที่เธอคนนั้นจะขอผู้ช่วย นี่แสดงว่ามายุคงจะถูกใจเรนะมากถึงได้ขอให้เธอขึ้นไปช่วยเธอ " ฮิโยช่วยพูดเสริม แต่คำพูดของเขาไม่ได้ช่วยให้เรนะมีความกล้ามากขึ้นเลยสักนิด
ท้ายที่สุด เรนะก็ต้องจำใจขึ้นไปบนเวทีจนได้ สายตาของผู้ชมรอบๆเลื่อนไล่ตามร่างของเรนะตั้งแต่เธอเริ่มลุกขึ้นยืน จนเดินไปถึงบนเวทีกันเลยทีเดียว เรนะแทบไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองตาผู้ชมด้วยซ้ำเพราะว่ากันตามตรง เธอไม่เคยตกเป็นเป้าสายตาคนเยอะๆแบบนี้มาก่อน โดยเฉพาะบนเวทีแบบนี้
" สะ.. สวัสดีค่ะ เรนะค่ะ "
เสียงปรบมือดังขึ้นประปรายทันทีที่เรนะแนะนำตัวเสร็จ มันคงดีกว่านี้ถ้าเธอจะเงยหน้าขึ้นมามองผู้ชมด้านหน้า
" แนะนำตัวกันเสร็จก็ถึงคิวของข้าแล้วสิ เอาล่ะแม่หนู ช่วยอุ้มข้าเอาไว้ที "
" หือ? แล้วทำไมชั้นต้องอุ้มนายเอาไว้ด้วยล่ะ " เรนะถามนัวร์ด้วยความสงสัย
" เอ๋า ที่ข้าเรียกเจ้าออกมาก็เพื่อช่วยงาน แล้วข้าก็บอกเจ้าไปตั้งแต่แรกแล้วว่าข้าเดินไม่ได้ เจ้าคิดว่าข้าเรียกเจ้ามายืนบนเวทีเพื่ออวดเรือนร่างของเจ้ารึไงล่ะ อีกอย่าง เรือนร่างของเจ้าก็ไม่ได้มีอะไรน่าอวดขนาดนั้นด้วย จริงไหมสาวน้อย? "
เรนะหน้าแดงเป็นลูกตำลึงเมื่อถูกนัวร์พูดกระทบจิตใจอย่างแรง จริงอยู่ที่รูปร่างของเรนะไม่ได้ดีเลิศอย่างที่นัวร์ว่า แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องจะเอามาพูดต่อหน้าประชาชนซะหน่อย เรนะรีบเอื้อมมือคว้าร่างของนัวร์มาอุ้มไว้ในท่ากอดตุ๊กตาโดยใช้มือทั้งสองโอบนัวร์ไว้หน้าอกในทันที แล้วพยายามทำใจให้สงบเรียกสติสตังกลับมา
" เอ่อ.. ข้าก็ดีใจนะที่เจ้ากอดข้าซะแนบแน่นแบบนี้ แต่ถ้าจะให้ดี ขอให้อุ้มอีกแบบเถอะ หน้าอกเจ้ามันชนหลังข้ารู้ไหม? "
เรนะอ้าปากค้างกับคำพูดของนัวร์ หน้าเรนะแดงเรืองๆขึ้นอีกครั้ง มันไม่บ่อยนักที่จะมีคนทำให้หน้าเธอแดงขึ้นทีสองทีหรือทำให้เธออาย แต่นี่มันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอรู้สึกเหมือนตุ๊กตากลั่นแกล้งเอาด้วยซ้ำ แถมเธอไม่เคยเล่นตุ๊กตาเลยตั้งแต่เกิดมา แล้วเธอจะไปรู้จักวิธีอุ้มแบบที่ว่าได้ยังไง
" เอาแขนซ้ายรองเอาไว้ แล้วให้นัวร์นั่งตรงแขนจ้า "
มีเสียงกระซิบของหญิงสาวคนหนึ่งดังแว่วมาจากด้านหลัง เรนะรีบหันกลับไปมองด้วยความสงสัยก็พบเข้ากับรอยยิ้มของหญิงสาวผู้มีชื่อว่ามายุที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอไปอีกจนเกือบสุดเวที ซึ่งเรนะก็ยอมทำตามคำแนะนำของเธอแต่โดยดี
" ฮ่า ใช่ๆ แบบนี้แหละๆ แขนใหญ่ๆของเจ้านี่นั่งสบายจัง "
ท่าทางนัวร์จะพออกพอใจมากเมื่อดูจากท่าทางและคำพูด สำหรับเรนะถือเป็นเรื่องดีขึ้นมาสักหน่อย เผื่อจะลดความปากเสียไร้มารยาทของเจ้าหุ่นตัวนี้ที่มีต่อเธอได้บ้าง แล้วเมื่อนัวร์ได้ที่นั่งที่พอใจเรียบร้อยแล้ว เขาก็ใช้เรนะไปหยิบเอาหนังสือเล่มหนึ่งมาให้กับเขา
" หนังสือเล่มนี้เป็นบันทึกของข้า ข้าใช้มันบันทึกสิ่งต่างๆที่เคยประสบพบเจอเอาไว้ สำหรับพวกเจ้าทั้งหลายคงจะเรียกมันว่าไดอารี่ล่ะมั้ง "
" แล้ววันนี้ ข้าจะใช้หนังสือเล่มนี้ล่ะ เล่าเรื่องราวให้พวกเจ้าฟัง ผ่านปากของผู้ช่วยของข้า "
นัวร์กระแอมออกมาเบาๆหนึ่งครั้งเป็นสัญญาณ ก่อนที่เสียงดนตรีบรรเลงจะดังขึ้นเพื่อเปิดม่านการแสดงที่แท้จริง เรนะเดินถอยร่นออกไปด้านข้างเพื่อไม่ให้ตัวเองกีดขวางทางเดิน หนังสือในหน้าแรกเปิดออกตามคำสั่งของนัวร์ แล้วเธอก็เริ่มเล่าเรื่องราวที่ถูกเขียนอยู่ในสมุดบันทึกเล่มนั้นช้าๆ
" กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อครั้งเหล่าทวยเทพยังคงคงอาศัยอยู่ในโลกหล้านั้น ยังคงมีดินแดนแห่งหนึ่งที่เหล่าทวยเทพเอื้อมมือไปไม่ถึง "
ฉากหลังที่ถูกวาดลวกๆบนแผ่นไม้กระดานหลายชิ้น ค่อยๆเลื่อนลงมาจากด้านบนซึ่งมีม่านบนเวทีช่วยบดบังสายตาผู้ชมเอาไว้อีกที มันเป็นฉากของวังเล็กๆ และที่ฉากอันนั้นเรนะสังเกตเห็นตุ๊กตาอีกตัวหนึ่งที่มีขนาดเล็กกว่านัวร์โข ความสูงราวๆหนึ่งฟุตนอนหงายอยู่ข้างบน แต่ผู้ชมคงไม่เห็นมันหรอกเพราะมีฉากอันอื่นๆบังเอาไว้อยู่
" ที่ซึ่งกษัตริย์เปี่ยมไปด้วยทศพิศราชธรรม กษัตริย์ผู้ปกครองเหล่าผู้คนใต้อาณัติอย่างเป็นธรรม "
เมื่อเล่าถึงตรงนี้ ตุ๊กตาตัวนั้นที่นอนอยู่ในตอนแรกกลับลุกขึ้นยืนแล้วโบกมือให้กับผู้ชมที่อยู่บนเวที สร้างความตกใจให้กับเรนะเป็นอันมาก เท่าที่เธอเห็น เธอรับรองว่าไม่มีใครกำลังขยับตุ๊กตาหรือใช้ไม้เชิดเอาไว้แน่ๆ แต่ในขณะที่เธอกำลังตกใจ นัวร์ก็สะกิดเรนะให้หายแตกตื่น เรนะจึงเริ่มเล่าเรื่องต่อไปทั้งๆที่ความสงสัยยังคงค้างอยู่ในใจ
" ประชาชนทั่วทั้งอาณาจักรต่างศรัทธาและสรรเสริญกษัตริย์ของพวกเขาราวกับเป็นเทพเจ้ากลับชาติมาเกิด เหล่าเทพทั้งหลายต่างไม่พอใจในคำสรรเสริญนั้น พวกเขาจึงช่วยกันวางแผนโค่นล้มกษัตริย์องค์นั้น ด้วยการส่งมังกรตัวใหญ่ถึงสามตัวเข้ามาก่อกวนอาณาจักร "
ตุ๊กตามังกรสีแดง ดำ เขียว บินว่อนลงมาจากอีกด้านของฉากอย่างช้าๆ มันบินลงมาถึงพื้นด้านล่างแล้วทำท่าขยับไปมาเหมือนกำลังก่อกวนบ้านเมืองอยู่จริงๆ ตุ๊กตาตัวอื่นๆที่เหมือนจะได้รับบทให้เป็นประชาชนต่างก็หนีบ้างสู้บ้างราวกับมีชีวิต
เหมือนกับว่า… มันเคลื่อนไหวด้วยความต้องการของตัวมันเอง !!
เรื่องเล่าของนัวร์ยังคงดำเนินต่อเนื่องไปเรื่อยๆผ่านปากของเรนะ แต่ทุกครั้งที่เรนะเล่าแล้วมองภาพตรงหน้า เธอต้องรู้สึกทึ่งในสิ่งที่เกิดขึ้นไปตลอดเรื่อง แม้จะมีการสอดแทรกสิ่งที่ทำให้ผู้ชมได้หัวเราะบ้างจากคำพูดของนัวร์ แต่เนื้อแท้ของละครบทนี้มันคือการแสดงของหุ่นไร้ชีวิตที่อยู่ตรงหน้าของเธอ ที่สามารถเคลื่อนไหวราวกับกำลังอยู่ในเรื่องราวนั้นจริงๆ
ไม่เพียงแค่เรนะเท่านั้นที่รู้สึกทึ่งกับการแสดงตรงหน้า ผู้ชมทั่วไปต่างก็ชอบใจและรู้สึกเหมือนกับเธอ การแสดงของเหล่านักแสดงตัวน้อยยังคงดำเนินไปเรื่อยๆจนกระทั่งสิ้นสุดการแสดง เหล่าผู้ชมทั้งเวทีต่างปรบมือให้กับพวกเขาไม่ขาดสาย เช่นเดียวกับเหล่าตุ๊กตาที่น้อมรับเสียงปรบมือและคำชมด้วยการยืนเรียงแถวหน้ากระดานแล้วโค้งรับ
หึ! หึ! หึ !
" เป็นยังไงบ้าง เรื่องเล่าของข้า พวกเจ้าชอบกันบ้างรึปล่าว " นัวร์ร้องถามผู้ชม ซึ่งเสียงตอบรับนั้นดีมาก
" งั้นไว้คราวหน้า ข้าจะมาเล่าเรื่องราวที่ข้าได้ประสบพบเจอมาให้พวกเจ้าได้ฟังอีกครั้ง สำหรับครั้งนี้ ข้ากับหนูน้อยคนนี้คงต้องขอตัวลาเพียงเท่านี้ "
ในที่สุด การแสดงอันน่ามหัศจรรย์ก็ปิดม่านลง พร้อมๆกับเหล่าตุ๊กตาทั้งหลายที่พากันเดินเรียงแถวเป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนที่พวกมันจะลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่ในกล่องของตัวเองทีละตัวๆจนหมด รวมถึงนัวร์ที่กระโดดลงจากแขนของเรนะเพื่อกลับไปนอนในกล่องของตัวเองบ้าง
" เก่งมากจ้า ขอบคุณมาเลยนะจ้าเรนะจังที่ยอมมาช่วย " หญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังกล่าวคำชมเชยให้เรนะ ที่จริงถ้าเป็นไปได้เธอก็อยากจะปรบมือให้เป็นของแถมเหมือนกัน
" ไม่เห็นต้องชมเลยค่ะคุณมายุ ยังไงชั้นก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว นอกจากเล่านิทานที่เขียนไว้ในหนังสือ "
" แหมๆถ่อมตัวจังเลยนะจ้า "
แม้มายุจะบอกว่าเรนะถ่อมตัว แต่ตัวเรนะนั้นย่อมรู้ดีกว่าใครๆอยู่แล้ว ว่าที่เธอพูดมาไม่ใช่คำโกหก ความจริงละครครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องให้เธอขึ้นไปมายืนเล่าเรื่องบนเวทีก็ได้ ยังไงหุ่นทุกตัวก็ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวเป็นเรื่องราวที่เข้าใจง่ายอยู่แล้ว เพียงแต่ยังคงมีบางอย่างที่เรนะยังสงสัยอยู่ แล้วมันก็ค้างอยู่ในใจเธอมาตั้งแต่เริ่มแสดงด้วย
เมื่อตอนนี้เวทีปิดม่านไปแล้ว แล้วอีกอย่างตอนนี้เรนะก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากยืนเฉยๆ เธอจึงพยายามส่งสายตาเมียงมองดูเหล่าตุ๊กตาทั้งหลายที่นอนอยู่ในกล่อง เรนะพยายามเอื้อมมือไปหยิบตุ๊กตาตัวหนึ่งขึ้นมาดูให้แน่ใน แต่...
เดี๋ยว !!? อย่าจับมันนะ!!
เรนะสะดุ้งเพราะเสียงตะคอกของฮิโยที่เพิ่งเข้ามาหลังเวที เธอรีบชักมือกลับด้วยความตกใจพลางหันหน้ามองฮิโยอาจารย์ที่ปรึกษาด้วยความสงสัย
" ...ทำไม.. เหรอค่ะ? " เรนะถาม
" ออกมายืนตรงนี้ก่อน "
" !? "
แม้จะสงสัยในคำพูดของฮิโย แต่เรนะก็ยอมเดินออกมายืนห่างๆแต่โดยดี ยูกิกอดแขนเรนะเอาไว้แน่นพลางส่งยิ้มให้เรนะเหมือนปกติที่เคยเป็น
" ทำไมต้องออกมาตรงนี้ด้วยล่ะ ? " เรนะหันไปถามยูกิที่กอดแขนเธออยู่ เพราะดูท่าทางเธอคงไม่ได้คำตอบจากฮิโยเป็นแน่
" เพราะการแสดงยังไม่จบน่ะ เรนะจัง "
" ยังไม่จบ ? "
" เดี๋ยวเรนะจังก็เข้าใจเองล่ะ ตอนนี้เรนะจังดูคุณมายุเอาไว้อย่ากระพริบตานะ "
ยูกิบอกกับเรนะ ก่อนที่ภาพที่จะเกิดขึ้นตรงหน้าในนาทีถัดไปจะทำให้เรนะต้องตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
3.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
3.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ