Love Plus [ The Predestination Love ]

3.8

เขียนโดย Ejichiki

วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 05.27 น.

  9 session
  3 วิจารณ์
  15.10K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) เทศกาลชมรม III

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ลำนำแห่งฤดูใบไม้ร่วง ตอนที่ 6 เทศกาลชมรม III


หลังจากที่เทศกาล ( หรือจะเรียกว่าสงครามก้ไม่ผิดนัก ) ระหว่างชมรมได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อเช้า บัดนี้ก็ได้ดำเนินมาจนถึงช่วงบ่ายเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ชมรมต่างๆกำลังป่าวประกาศ ยื้อแย่ง และแย่งชิงสมาชิกชมรมกันตัวเป็นเกลียวอยู่นั้น  กลับยังมีบางชมรมที่ดูเหมือนจะไม่สนใจกับเหตุการณ์บ้านเมืองเลยแม้แต่น้อย พวกเขายังคงเงียบสงบอยู่ภายในโรงเรียนฮาคุโอ และหนึ่งในชมรมที่ว่าก็คือชมรมเดินเล่นนั่นเอง

" นี่ พวกเราไม่ต้องไปหาสมาชิกชมรมเพิ่มเหมือนชมรมอื่นๆเหรอ " หญิงสาวเรือนผมสีชมพูยาว หรือก็คือชิกะ อิสเบลร่า ถามชายอีกคนที่กำลังเดินนำหน้าเธออยู่ ทำให้เขาต้องหยุดเดินและหันมามองเธอ

" หืม ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องหาเลยนี่ ชิกะ เธอก็อยู่ชมรมเดินเล่นมาตั้งแต่ เรียน ม.ต้นแล้วนี่ แถมเธอก็น่าจะรู้ว่าเหรัญญิกของประธานนักเรียนน่ะเป็นยังไง เพราะถึงไงเธอก็เป็นสมาชิกหลักคนนึงไม่ใช่เหรอ ? "

คำพูดของชายคนนี้ทำให้ชิกะต้องสะดุ้งในทันใดเมื่อได้ยินคำว่า เหรัญญิก จริงอยู่ว่าชิกะเป็น 1 ในสมาชิกหลักของโรงเรียนฮาคุโอ แต่เธอก็ไม่ค่อยเห็นสมาชิกหลักคนอื่นๆโผล่มาทำงานซักทีที่เธอเข้าไป จะเห็นก็แค่โอโมเอะที่เป็นประธานนักเรียนนั่งอ่านเอกสารอยู่บ่อยๆ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเธอก็เคยได้ยินเรื่องเล่าของพวกเขามากมายโดยเฉพาะตัวเหรัญญิก ที่สามารถยุบชมรมระดับกลางทิ้งได้หน้าตาเฉยหลังจากที่พวกเขาถูกตรวจสอบว่าใช้เงินอย่างไม่เป็นประโยชน์กับชมรมและไม่ยอมรายงานให้ทางสภานักเรียนทราบ

" ชมรมของเราน่ะคนเยอะอยู่แล้ว งบชมรมที่ได้มาก็ยังใช้ไม่หมดเลย แต่ว่าเรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ ตอนนี้ทำหน้าที่ก่อนดีกว่า " ชายคนนั้นบอก

ชิกะเองพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน  ถึงยังไงตอนนี้พวกเขาก็กำลังทำหน้าที่เป็นหน่วยกู้ภัยประจำเทศกาลอยู่ และมันก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ  เพราะส่วนใหญ่ในเทศกาลชมรมนั้น จะมีผู้สูญหายเป็นจำนวนมากเนื่องจากการแก่งแย่งตัวสมาชิกกัน ฉะนั้น ชมรมใหญ่ๆที่ไม่คิดจะหาสมาชิกเพิ่มอย่างชมรมเดินเล่น จึงต้องทำหน้าที่หนักกว่าเดิมเป็นเท่าตัว และในขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินตรวจตราอยู่นั่นเอง

" ฟิ้วววววว ฉึก ! "

เศษเส้นผมสีชมพู 2-3 เส้น ของชิกะร่วงปลิวไปตามลมอย่างที่เจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจให้เป็น ชิกะกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ก่อนที่ทั้งคู่จะหันกลับไปมองทางด้านหลัง ซึ่งมันก็ทำให้ทั้งคู่ต้องอ้าปากค้างไปในทันที เพราะต้นไม้ที่อยุ่ด้านหลังของพวกเขา มีชูริเคน 4 แฉก (ดาวกระจาย) ปักคาอยู่บนต้นไม้

" แย่แล้ว เอาแผนที่ออกมาดูเร็ว นาวะชิ " ชิกะบอกอย่างรีบร้อน

 

นาวะชิเองก็ดุเหมือนจะรู้ดี เขารีบหยิบม้วนกระดาษเล็กๆขึ้นมาดูอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้

" บ้าจัง คุยจนเพลิน เผลอจนได้ "

ชิกะกุมขมับมองดูแผนที่ๆนาวะชิเอาออกมา เมื่อไล่จากจุดที่พวกเขาอยุ่แล้ว ตรงนี้นับเป็นจุดอันตรายอีกจุดของโรงเรียนฮาคุโอ เพราะเป็นจุดกึ่งกลางของ 2 ชมรมนินจา อิกะ กับ โคงะ ซึ่งต้องการพื้นที่ๆพวกเขายืนอยู่เป็นที่ตั้งชมรม พวกเขาเคยเสนอกับประธานนักเรียนเพื่อขอพื้นที่ดังกล่าว แต่มันก็มีปัญหาที่ว่าชมรมทั้งสอง แม้จะเป็นชมรมนินจาเหมือนกัน แต่ก็ไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่ ประธานนักเรียนจึงตัดสินให้ทั้งสองชมรมทำสงครามกันเพื่อแย่งชิงพื้นที่นี้กันเอาเอง แต่ว่าจนบัดนี้ทั้งสองชมรมก็ยังไม่สามารถยึดพื้นที่ตรงนี้ได้ ทำให้มันกลายเป็นกึ่งกลางของสนามรบที่มีการเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาไปแล้ว

" เอาไงดีชิกะ สุ้ไหม ? " นาวะชิถามริกะ และตั้งท่าพร้อมสู้ แต่ชิกะก็หันหน้ากลับมามองนาวะชิ

" นายจะบ้าเหรอ นั่นมันชมรมนินจานะ ขนาดในทำเนียบจ้าวยุทธพวกนี้ยังอยุ่ในระดับต้นๆเลยนะ "

ซึ่งมันก็เป็นจริงอย่างที่ชิกะว่า อย่าว่าแต่จะสู้เลย แค่ดาวกระจายที่พุ่งเฉียดพวกเขาไปเมื่อครู่ พวกเขายังไม่รู้ตัวสักนิดจนกระทั่งมันไปปักเข้ากับต้นไม้นั่นแหละ และในอีกความหมายนั่นก็คือ พวกเขาตกอยุ่ในวงล้อมของการจู่โจมแล้วนั้นเอง และไม่ว่าจะเป็นวงล้อมของของนินจาสายไหน มันก็ไม่เป็นผลดีกับพวกเขาแน่นอน

" ชิกะ ระวัง " นาวะชิร้องลั่น เมื่อเขามองเห็นโลหะสีเงินที่สะท้อนกับแสงอาทิตย์ กำลังพุ่งตรงไปหาชิกะ

แต่มันก็ช้าไปเมื่อเพราะเมื่อริกะหันมาตามเสียงของนาวะชิ โลหะดังกล่าว ( ซึ่งมันก็คือชูริเคน 4 แฉก ) ก็พุ่งตรงมาจ่อหน้าของชิกะเรียบร้อยแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นไปอย่างรวดเร็วไม่มีโอกาสให้ตั้งตัวราวกับสายฟ้าแลบ ชิกะหลับตาปี๋ทันที่ที่เห็นชูริเคนบินมาไกล้จะถึงตัวเธอ มือทั้งสองข้างถูกยกขึ้นมาปิดหุของตัวเองเหมือนกับว่าไม่อยากรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไป หากแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะวาสนาหรือภูตผีปีศาจนำพา อยุ่ๆก็มีเงาดำกระโดดเข้ามาขวางทางระหว่างชิกะกับชูริเคนเอาไว้ แล้วเงาดำดังกล่าวก็พยายามคว้าชูริเคนอันนั้นเอาไว้

" เป็นอะไรมากไหม? ชิกะ " นาวะชิที่กระโดดเข้ามาขวางชุริเคนเอาไว้ถามริกะที่นั่งพับอยุ่กับพื้น

" นายช่วยชั้นไว้เหรอ " ชิกะถามกลับและมองดุชุริเคนที่ปักคาอยุ่ที่พื้น แต่นาวะชิกลับส่ายหน้า

" ปล่าว แต่… ชั้นคิดว่าพวกเราน่าจะปลอดภัยแล้วล่ะนะ คิดว่า "

นาวะชิบอก แถมไม่บอกเปล่า ยังรีบพยุงชิกะที่ยังนั่งพับอยู่บนพื้นขึ้นหลังโดยที่ไม่รอให้ถาม แล้ววิ่งออกไปจากพื้นที่ตรงนี้อย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ และนึกรู้สึกขอบคุณบุคคลลึกลับที่มาช่วยพวกเขาทั้งสองเอาไว้ได้ทันท่วงที แม้พอจะรู้แล้วก็เถอะ ว่าคนๆนั้นเป็นใคร

 

นาวะชินึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ที่เขากระโดดเอาตัวไปขวางทางชิกะเอาไว้แถมยังไม่รู้ว่าตัวเองนึกยังไงถึงได้เอามือไปคว้าชูริเคนทั้งๆที่รู้อยุ่แก่ใจว่ามันเป็นไปไม่ได้ ยังดีที่อยุ่ๆก็มีอะไรสักอย่างพุ่งเข้ามาจากอีกฟากของป่า มันกระแทกชูริเคนดังกล่าวให้ปักลงพื้นได้ทัน นาวะชิจึงรู้สึกของคุณเจ้าของอะไรบางอย่างนั่นตะหงิดๆขึ้นมาทีเดียวเชียว

" คราวหน้าท่าทางจะต้องเอาขนมปังเมล่อนไปขอบคุณที่ทะเลป่าแล้วมั้งเนี่ย " นาวะชิบ่นก่อนจะหอบชิกะวิ่งหายไปให้พ้นจากเขตสมรภูมิ

ส่วนอีกฟากของป่าหลังจากที่นาวะชิกับชิกะได้หายลับตาไปแล้ว หญิงสาวรูปร่างเล็กคนหนึ่งกำลังใช้มือขวาของเธอกำใบหน้าของชายที่ใส่ชุดนินจายกขึ้นจนสุดมือ ส่วนมือซ้ายของเธอนั้น กำลังเปิดสมุดบันทึกนักเรียนของนินจาคนดังกล่าวดูอย่างขมีขมัน ก่อนที่เธอจะพับสมุดพกของชายคนดังกล่าวแล้วยัดลงกระเป๋าเสื้อด้านในชุดของงนินจาคนนั้น

" อั้นเอือนแอ้วใอ้อ่าว อ่าอ่าอุ่งอะอนอื่นอ่ะ ( ชั้นเตือนแล้วใช่ปล่าว ว่าอย่ายุ่งกับคนอื่นน่ะ ) "

หญิงสาวบ่นไม่เป็นภาษา เนื่องจากขนมปังเมล่อนที่ยังค้างอยุ่ในปาก ด้วยรูปร่างเล็กที่มองเผินๆว่าเหมือนเด็กมัธยมต้น( อันที่จริงไม่ต้องมองเผินๆก็ได้เพราะเธอใส่ชุดมัธยมต้นอยู่น่ะนะ ) เรือนผมสีแดงเพลิงที่ยาวเกือบถึงพื้นอีกทั้งนัยตาน์สีเพลิงเป็นประกายเหมือนกำลังจับจ้องเหยื่อชิ้นใหญ่ตรงหน้า หากแต่เข็มกลัดสีดำที่ติดอยู่บนอกเสื้อนั้น กลับเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้อีกอย่างหนึ่ง ว่าเธอก็เป็นอีกคนที่อยู่ในชมรมลับที่ขึ้นตรงต่อประธานนักเรียน อีกทั้งแถบผ้าที่มัดอยุ่ปลายเสื้อของเธอซึ่งมันเขียนเอาไว้ว่าผู้จัดการความปลอดภัย และนั่นก็หมายความว่าเธอก็เป็นหนึ่งในสมาชิกหลักทั้ง 4 นั่นเอง

" ชั้นล่ะเบื่อกับพวกนายจริงๆ " หญิงสาวบ่นและเริ่มเลียปากของตนหลังจากขนมปังเมล่อนส่วนสุดท้ายที่คาอยู่ปากของเธอลงคอไป

" พวกนายก็เหมือนกัน ชมรมเดียวกันหัดห้ามกันหน่อยสิ เดี๋ยวเรื่องนี้รู้ถึงยัยนั่นเดี๋ยวก็โดนยุบชมรมหรอก "


หญิงสาวพูดขึ้นมาลอยๆ แต่อยู่ๆ ลมที่อยุ่รอบๆตัวเธอก็พัดแรงขึ้นๆ เกิดเป็นภายุหมุนขนาดเล็กหอบเอาใบไม้มากมายบดบังสายตาของหญิงสาว เมื่อลมพายุนั้นสงบลง ก็มีนินจาชุดดำนั่งคุกเข่าอยุ่ต่อหน้าเธอประมาณ 4-5 คน และมีนินจาคนหนึ่งซึ่งดุเหมือนจะเป็นหัวหน้าลุกขึ้นมาแล้วโค้งให้กับเธอ ราวกับเป็นการขอโทษ

" ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าอย่าให้เกิดขึ้นอีกก็แล้วกัน ไม่งั้นชั้นไม่รับรองนะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชมรมของพวกนาย "

" ชั้นน่ะ ชอบพวกชมรมต่อสุ้ทุกสายนะ แล้วชั้นก้ไม่อยากเห็นชมรมต่อสู้ต้องหายไปด้วย เพราะฉะนั้น อย่าให้มีอีกนะ "

หัวหน้านินจาพยักหน้ารับ จากนั้นหญิงสาวก็ปล่อยมือจากนินจาที่เธอกำใบหน้าเขาเอาไว้ตั้งแต่แรก ทั้งหมดคำนับหญิงสาวอีกครั้ง แล้วระเบิดควันลูกเล็กๆก็หล่นลงจากมือของหัวหน้าของพวกเขา และเมื่อควันที่คละคลุ้งของระเบิดควันหายไป พวกเขาอันตธานหายไปจนหมด แต่สำหรับหญิงสาว เธอกลับไม่แปลกใจมากนัก อาจเป็นเพราะความเคยชินในการต่อสุ้ก็เป็นได้ หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นเธอก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเป้ที่เธอสะพายมาตั้งแต่แรก แล้วหยิบขนมปังเมล่อนออกมา ก่อนจะคาบมันไว้ในปาก

" เฮ้อ อั้นอ่ะเอื่อเอสอานอิงอิง ( ชั้นล่ะเบื่อเทศกาลจริงๆ ) "

ฝ่ายนาวะชิที่กำลังอุ้มชิกะหนีจากเขตเฝ้าระวังนั้น ก็ออกวิ่งหน้าตั้งต่อไปเรื่อยๆ แม้ตัวเขาและชิกะจะคำนวนได้คร่าวๆว่าออกมานอกเขตระวังภัยแล้วแน่ๆ แต่เพื่อความปลอดภัยนาวะชิคิดว่าน่าจะออกมาอีกหน่อย แต่ฝ่ายชิกะนั้นกลับอยากให้นาวะชิหยุดวิ่งแล้วปล่อยเธอลงได้แล้ว

" นี่ พอได้แล้วมั้ง ปล่อยชั้นลงได้แล้ว " ชิกะบอก

" หืม เธอจะบ้าเหรอ จริงอยุ่มันอาจจะอยู่นอกเขตแล้ว แต่ว่ามันก็ไม่มีอะไรรับรองว่าเราจะยังปลอดภัยอยุ่ ชั้นว่าเราควรจะออกไปอีกหน่อยนะ เพื่อตัวเธอด้วย " นาวะชิบอกกับชิกะ ชิกะได้ฟังก็อึ้งไปนิดหน่อย หน้าของเธอแดงขึ้นที่ได้รุ้ว่านาวะชิเป็นห่วงเธอ แต่นาวะชิกลับไม่รู้ตัวเลยสักนิด  และคงไม่มีโอกาสได้รู้ 

" ว่าแต่ …ตัวหนักจังเลยนะเธอเนี่ย "

นาวะชิบ่นเบาๆ แต่มันก็เข้าหูของชิกะไปเต็มๆ ความรู้สึกดีๆที่ชิกะเคยมีเมื่อครู่ก็พลันหายไปจนหมด หน้าที่เคยแดงเรืองๆกลับแดงเข้มยิ่งขึ้น ร่างกายของเธอสั่นเทา ก่อนที่จะปลดปล่อยสวัดดิกะ แล้วจัดการส่งหมัดขวาเข้าที่ปลายคางของนาวะชิ และมันก็ได้ผลดีมากเพราะนาวะชิต้องตีลังกาลงไปนอนหน้าทิ่มพื้น  ทอดร่างกายของเขาให้ชิกะกระทืบเล่น มันคงจะดีไม่น้อยถ้าเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่เป็นเพียงแค่ความคิดของชิกะ

" นายเนี่ยน้า ไม่รู้จักความละเอียดอ่อนเอาซะเลยให้ตายสิ "

" หือ ก็มันเรื่องจริงไม่ใช่เหรอ "

นาวะชิก็ยังพูดจี้ใจดำของชิกะอยุ่ดี จนชิกะเริ่มจะควันออกหุและยกหมัดขึ้นกะจะต่อยเข้าที่ปลายคางของนาวะชิจริงๆ แต่ยังไม่ทันจะได้ทำ อยู่ๆ ร่างของนาวะชิก็เริ่มเสียหลัก ชิกะที่อยุ่ในอ้อมแขนของนาวะชิเองก็รู้สึกได้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อรู้ตัวอีกที นาวะชิก็ล้มหน้าทิ่มอยู่กับพื้น ส่วนชิกะก็หลุดจากแขนของนาวะชิ พุ่งเข้าไปหาต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างหน้า ( ซึ่งแน่นอนว่าหน้าทิ่มเข้ากับต้นไม้จังๆ ) แล้วนอนแผ่อยุ่ใต้ต้นไม้นั่นเอง

" นี่นายทำบ้าอะไรเนี่ย " ชิกะโวยวายใส่นาวะชิทั้งๆที่เลือดออกจมูก

" ขอโทษ ชิกะ แต่เมื่อกี้ชั้นรุ้สึกว่ามีอะไรซักอย่างจับขาไว้ ก็เลยล้มน่ะ "

สายลมเอื่อยๆพัดผ่าน และนำพาความเงียบสงัดมาบริเวณที่ชิกะกับนาวะชิยืนอยู่ บรรยากาศเย็นๆของตอนนี้ช่วยให้ทั้งคู่สงบสติอารมณ์ได้ดีเหลือเกิน เมื่อทั้งคู่รู้สึกอะไรบางอย่างที่อยู่ข้างหลัง ตรงที่นาวะชิบอกว่าโดนจับขาเอาไว้

" เธอได้ยินเหมือนชั้นไม๊? "

นาวะชิถามชิกะที่เกาะหลังเขาอยู่ และดุเหมือนเธอจะพยักหน้าซะด้วย แสดงว่าสิ่งที่นาวะชิได้ยินเมื่อครู่นี้ ไม่ใช่อาการหูฝาดแน่นอน ทั้งคู่เคลื่อนตัวอย่างช้าๆและเงียบเชียบ ก่อนที่จะชะเง้อหน้าไปมองหลังต้นไม้ แล้วทั้งคู่ก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเจอเข้ากับเด็กสาวผมสีน้ำตาลอ่อนที่ดูโทรมหน่อยๆ นอนสลบอยู่หลังต้นไม้ ทั้งคู่มองตากันปริบๆแล้วหัวเราะอย่างสุดกลั้น


ณ โบสถ์มาเรีย 18.30 น.

" หนูไปก่อนนะคะ หลวงพ่อ "

เรนะโค้งให้หลวงพ่อเซเรม แล้วเดินออกไปจากตัวโบสถ์อย่างช้าๆ อันที่จริงเธอออกจะตื่นเต้นนิดหน่อยที่ตอนเธอตื่นขึ้นมาบนเตียงของโบสถ์ที่เหมือนกำลังจะทำพิธีกรรมอะไรบางอย่างอยู่ แถมเมื่อเธอลุกขึ้นมายังเจอเข้ากับหลวงพ่อเซเรมที่กำลังนั่งขัดมีดอยู่บนโซฟาข้างๆ มันยิ่งทำให้เธอตกใจเข้าไปอีก ( ก็ลองตื่นขึ้นมาบนเตียงบูชายัญแล้วมีคนนั่งถือมีดอยุ่ไกล้ๆดูสิ ไม่กรีดก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว ) ดีที่เธอไม่โดนมัดอยุ่ด้วยไม่งั้นหลวงพ่อเซเรมอาจเจอปัญหาหนักกว่าที่คิดก็ได้ เมื่อสงบสติอารมณ์กันเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อจึงเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกันรุ่นพี่ที่นำตัวเธอมาส่ง ประกอบกับการเดินทางไปตึกห้องพยาบาลของส่วนมัธยมก็ไกลเกินไป พวกเขาจึงนำเรนะมาฝากไว้ให้เป็นภาระที่นี่ ซึ่งหลวงพ่อเซเรมเองก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธนักเรียนของตัวเองด้วย

" เฮ้อ หนักเลยน้าวันนี้ "

เรนะคิดในขณะที่เดินไปตามทางเดินในตัวโบสถ์ที่เป็นไม้และมีเก้าอี้ยาววางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบอยุ่สองข้างทาง แสงไฟสลัวๆจากเทียนไข และดนตรีคลาสสิคเอื่อยๆมันช่วยทำให้เธอรู้สึกสงบ วันนี้เธอได้ผ่านเรื่องราวต่างๆมามากมายเกินกว่าที่คาดคิด ทั้งการหนีจากชมรมวิจัยคอมพิวเตอร์ไอดอล ทั้งการที่เธอต้องวิ่งฝ่ากับระเบิดของชมรมวิจัยสงครามภาคพื้นดิน แถมยังต้องคอยหลบดาวกระจายของชมรมนินจาทั้งสองสาย แล้วยังมีเรื่องอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งมันทำให้เธอเหนื่อยล้ามากเหลือเกิน

" สุดท้ายก็ไปไม่ถึงชมรมดนตรีสิน่า "

เรนะคิด แล้วผลักประตูของโบสถ์ออก ทันใดนั้นรอยยิ้มของเรนะก็กลับมาที่ใบหน้าของเธออีกครั้งเมื่อมีรถม้าโดยสาร ( การเดินทางส่านใหญ่จะใช้รถรางก็จริงอยู่ แต่เวลาเดินทางตอนไกล้ค่ำ หรือตอนมืด จะมีบริการรถม้าให้ด้วย ซึ่งมันก้เป็นบริการดั้งเดิมของโรงเรียนฮาคุโออยุ่แล้ว ) จอดรอท่าเธออยุ่หน้าโบสถ์ หากแต่รอยยิ้มของเรนะกลับไม่ใช่เป็นเพราะรถม้าที่จอดรออยู่ แต่มันเป็นเพราะหญิงสาวอีกคนที่นั่งรอเธออยู่ในรถม้าต่างหาก

" กลับกันได้แล้วจ้า เรนะจัง " ยูกิเรียกเรนะขึ้นรถม้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนที่ทั้งสองจะเดินทางด้วยรถม้าไปจนถึงที่พักของตน

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
3.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
3.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา