สัญญามันใจ..ยายตัวแสบ
6.2
8)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความมีนาเดินชื่นชมดอกไม้จนรอบๆ เรือน ด้วยความอิ่มเอิบใจโดยมีธนาเดินตามมาติดๆ และเมื่อมีนา หยุดเดินและหันมาอย่างกระทันหัน ทำให้ธนาไม่ทันตั้งได้ตัวเดินชนเธอเข้าเต็มแรง
“ว้าย..!”มีนาร้องขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อเธอกำลังจะล้ม แต่ธนาคว้าเธอเอาไว้ได้ทัน ทั้งสองสายตาประสานตากันอยู่เนินนาน...ธนารู้สึกหวั่นไหวกับดวงตาอันเป็นประกายดั่งมีมนต์สะกด จนหัวใจเต้นระรัว เช่นเดียวกัน มีนารู้สึกราวกับโลกมันหยุดหมุนไปชั่วขณะ เมื่อสบเข้ากับสายตาอันอ่อนโยนจนรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาจากอ้อมกอดของเขา มีนารู้สึกอีกครั้งเมื่อใบหน้าของธนากำลังเข้ามาจนใกล้เธอ...
“อ่อ..!!”มีนาขยับตัวออกจากอ้อมแขนของเขายิ้มเขินๆ ก่อนหลบหน้าธนาด้วยความเขินอายจนหน้าแดงกล่ำ
“เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่าครับ”ธนาถามเสียงนุ่มละมุนหูนัก เธอหันกลับมาก็พบว่าสายตาคู่นั้นยังคงจ้องเธออยู่
“ไม่..ไม่เป็นไรค่ะ”เสียงของเธอแผ่วเบา แต่ธนาก็ได้ยินและอมยิ้ม มีนามองด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นเขายิ้ม
“นายยิ้มอะไรของนาย มีอะไรนายขำนักเหรอ.. แล้วเมื่อกี้เดินอย่างไงไม่ดูคนบ้างเลย”เธอทำเอาบรรยากาศดีๆ หายไปหมด จนธนานึกขัน เขานึกว่าอะไรจะเริ่มดีขึ้นมาแล้วเชียว และแล้วเจ้าหล่อนก็กลับมาเป็นคนเดิม
“ผมแค่นึกดีใจที่ได้ยินคุณพูดมีหางเสียงกับผมสักที เมื่อกี้ยังดูน่ารักอยู่เลย”ธนาส่ายหน้าก่อนเดินนำไป
“อีตาบ้า..”มีนาบ่นกำหมัดทำหน้ายักษ์ใส่ธนา เขาพาเธอเดินไปเรื่อยๆ ไม่มีวี่แววว่าจะพูดอะไรขึ้นมาบ้าง
“นี่..ถามหน่อยสิ ที่นี่นายปลูกและดูแลเองเหรอ” มีนาเปลี่ยนเรื่องพูด ธนาหันกลับมามอง
“ผมสร้างมันและปลูกมันเอง แต่เรื่องดูแลต้องยกความดีให้นายปี่ลูกคนงานที่บ้านนะ”ธนาชี้แจงให้เธอฟัง
“งั้นเหรอ..สวยดีนะฉันชอบมากเลย วันหน้าขอมาที่นี่อีกได้ไหม”มีนาทำสุ้มเสียงอ่อนหวาน จนธนายิ้ม
“คุณนี่ เป็นอย่างนี้ทุกครั้งเลยหรือเปล่า เวลาจะขอร้องอะไรใครถึงพูดอ่อนพูดหวานเป็น” ธนาถาม ทำให้มีนา ทำตาโตกัดฟันอย่างหมั่นไส้ เมื่อลับหลังเขา เธอทำลิงหลอกเจ้าใส่ แต่พอธนาหันกับมาเธอกับยิ้มหวานจนดูอ่อนน้อม
“ได้สิ ที่นี่ไม่ค่อยมีใครมาเหรอนะ ถ้าคุณอยากจะมาก็ต้องบอกให้ผมรู้ด้วย” มีนาพยักหน้ารับทราบอย่างว่าง่าย ธนาพาเธอเข้าไปที่บ้านพักหลังเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆ เรือนดอกไม้ ดูน่าอยู่จนมีนาอดใจที่จะสำรวจดูรอบๆ ไม่ได้
“อื่อ...ผมว่าเรามาทำสัญญาสงบศึกกันที่นี่ตอนนี้ดีกว่าไหม ให้เรือนดอกไม้เป็นพยาน”ธนาออกความเห็น
“อื่อได้สิ..ที่นี่มีกระดาษกับปากกาหรือเปล่า” มีนาถาม ดูธนาจะฉงนใจไม่น้อย แต่เขาก็ไปหยิบมาให้เธอ
“อื่อ..นายก็เอาไปเขียนด้วยสิ” เขามองมันอย่างงง และเดินตามเธอไป มีนาหันกลับมามองธนาที่ทำหน้าฉงนใจ
“ก็สัญญาสงบศึกของเราไง”มีนาหันมาชี้แจงทำหน้าจริงจัง เพราะธนาคิดว่าสัญญาที่ตกลงนั้นเป็นแค่คำพูดเฉยๆ
“ต้องเขียนด้วยเหรอ นึกว่าจะตกลงกันด้วยวาจาเสียอีก แล้วจะต้องเขียนอะไรหละ”ธนาถาม แต่เธอหันกลับยิ้ม
“ต้องเขียนสิ เกิดวันไหนนายเบี้ยวขึ้นมาจะได้มีหลักฐาน”มีนาตอบ และยักคิ้วให้เขา เธอรีบเขียนอย่างไม่รอช้า
ทั้งคู่ใช้เวลาเขียนราว 20 นาที มีนากลับมานั่งที่โต๊ะตรงหน้าธนา ทั้งสองยื่นกระดาษให้อีกฝ่ายหนึ่งอ่าน
“โฮ่..ที่นายเขียนอะไรตั้งแยะตั้งแยะ ไหนเมื่อกี้ยังดูงงอยู่เลยนี่”มีนาตกใจเมื่อเห็นธนาเขียนเป็นสิบ ๆ ข้อ
“ดูของคุณก็ใช่ย่อยนะ อ่อ...ดูๆ ข้อที่5 ห้ามเรียกนามของผมว่านายดูด้วยอ่านออกไหมเนี่ย”ธนาพูด มีนารีบมองหา
“นี่..มันจะมากไปแล้วนะ ฉันขอยกเลิกสัญญาทั้งหมด”มีนายืนกระดาษคืนให้ธนา และดึงของเธอกลับ
“ผมพึ่งรู้นะเนี่ยว่าคุณเป็นคนไม่รักษาสัจจะ พูดแล้วคืนคำ”ธนายัวเธอ เขารู้วิธีจัดการกับยายตัวแสบนี้อย่างไง
“เอาเถอะน่า..ถ้าเราเป็นมิตรกัน คุณสามารถมาที่นี่ได้ 24 ชั่วโมงเลยนะ”ธนาลองใช้วิธีการต่อลอง มีนาดูสนใจ
“แล้ว..ในสัญญาของนาย ตัดออกสักสิบข้อได้ไหมหละ”มีนาพูดเสียงอ่อน ธนานึกขันขึ้นมาทันที
“เอาอย่างนี้แล้วกัน พบกันครึ่งทาง เรามากำหนดด้วยกันให้เห็นพร่องต้องกันมากที่สุด คุณว่าดีไหม”ธนาหยิบกระดาษมาอีกแผ่นและทั้งสองจึงร่วมกันตั้งข้อสัญญาขึ้นมาใหม่โดยกำหนดไว้ว่า
เราจะพูดจากันดีๆ ไม่หาเรื่องใครก่อน
เราจะไม่ถือสาเรื่องเก่า ต่างคนต่างอยู่ และยอมเป็นมิตรที่ดีของอีกฝ่าย
เราจะทำตามเมื่ออีกฝ่ายไม่ชอบหรือขอร้องให้เปลี่ยนแปลง
ถ้าใครทำผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใดก่อนสัญญาจะจบสิ้นผู้นั้นถือว่าทำความผิด ต้องได้รับโทษโดยแล้วแต่อีกฝ่ายเห็นจะเห็นสมควร
สัญญาสงบศึกนี้จะจบลงหรือเป็นโมฆะ เมื่อมีนา ย้ายออกจากไร่ภูอาทร
“นั้นก็แสดงว่าถ้าคุณไม่อยู่ที่นี่แล้ว เราก็จะเป็นศัตรูกันเหมือนเดิมสิ”ธนาถาม มีนายิ้มรับด้วยความภาคภูมิใจ
“คุณนี่มันเจ้าเล่ห์จังนะ”ธนาพูดด้วยความหมั่นไส้
“ข้อหนึ่งเราจะพูดจากันดีๆ และไม่หาเรื่องใครก่อน” มีนาย้ำ ธนายิ่งรู้สึกหมั่นไส้ในความเจ้าเล่ห์ของเธอนัก เมื่อตกลงทำสัญญาเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งสองจึงเก็บสัญญาฉบับนั้นโดยห่อผ้าขาวมัดไว้อย่างดี และฝังไว้ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าเรือนดอกไม้
“ทำไมต้องเก็บไว้แบบนี้ด้วยหละ”มีนาสงสัยหลังจากที่ธนาฝังมันเรียบร้อยแล้ว
“เอาเถอะน่า ต้นไม้ เรืองดอกไม้ และบ้านหลังนี้จะได้เป็นพยานไง”ธนาพูด มีนาคิดว่ามันไม่เห็นจะเกี่ยวและไม่เข้าท่าเลยสักนิด ธนายื่นมือไปตรงหน้าของมีนา เธอมองมันอย่างแปลกใจ
“เซ็นญญาก็ต้องจับมือกันเป็นธรรมเนียมสากลนะคุณ”มีนายื่นมือไป ธนาคว้ามือเธอจับเอาไว้และพูดขึ้นว่า
“นับตั้งแต่วันนี้ไป เราจะเป็นมิตรที่ดีต่อกัน...อ้าว!! พูดตามผมสิ”ธนาหันมาพูดกับมีนา เธอจำต้องพูดตามเขา ทั้งสองพูดพร้อมกันอยู่สามครั้ง มันช่างดูตลกดีจริงๆ ที่คู่อริจะกลายเป็นมิตรกันได้สักที ทั้งสองคิดและหัวเราะขึ้น
และความสนุกมันช่างผ่านไปเร็วนัก สำหรับความรู้สึกของเขาและเธอ แต่มันดูจะเนินนานสำหรับคนที่รอคอยเสมอ เมื่อทั้งสองเดินคุย และหัวเราะกันอย่างถูกคอ จนมาถึงที่บ้านและเดินผ่านห้องรับแขกที่มีนิษา และสายธารนั่งรออยู่นั้น มีนาและธนาเดินผ่านโดยไม่ทันมองดู นิษาหันไปเจอพอดี เจ้าหล่อนวิ่งออกมาโอบกอดและเรียกธนา
“ธนา..!” เสียงนั้นทำให้ทุกคนหยุดมองและตกตะลึงเมื่อเจ้าหล่อนโผเข้ากอด จนธนาตั้งหลักไม่ทัน
“เอ่อ..นิษาคุณมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่”ธนาถามและหันกลับไปมองมีนา ที่กำลังอึ้งอย่างอาการมึนงง เขาพยายามแกะมือนิษาออกจากตัว มีนาเดินขึ้นไปบนบ้านด้วยสีหน้านิ่งเฉยและสายธารก็วิ่งตามขึ้นไป
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครค่ะ ทำไมเขาถึงขึ้นไปบนบ้านคุณได้หละ”นิษาซักถามด้วยอาการที่ไม่พอใจนัก ธนาจึงอธิบายเรื่องทุกอย่างให้นิษาอยู่นานกว่าหล่อนจะยอมเข้าใจ และพาเจ้าหล่อนไปส่งที่บ้านในเวลา หกโมง
ที่โต๊ะอาหารค่ำ ทุกคนกำลังนั่งทานข้าวกันอย่างพร้อมหน้ายกเว้นแต่ธนาที่กำลังเดินมาถึงพอดี เขามานั่งตรงหน้าและมองมีนา และเธอกับมองผ่านและไม่สนใจ
“ได้ยินว่าแม่นิษาอะไรนั้นกลับมาแล้วหรือ”ผู้เป็นพ่อถามขึ้น ธนาหันกับไปมองและพยักหน้าตอบ
“นี่ยังคบกันอยู่อีกเหรอ แม่นึกว่าเลิกกันแล้วเสียอีก”แม่ดาวเรืองพูดเสริม สายธารมองดูหน้าพี่ชาย
“ครับ…”ธนาตอบ และมองดูมีนาที่กำลังแอมมองเขาด้วยห่างตา และแกล้งทำเฉยไม่สนใจเมื่อสบตาเขา
“เอาเถอะคุณ มันเป็นเรื่องของเด็ก ทานเข้ากันเถอะ เดี๋ยวหนูมีนาจะพลอยทานไม่ลงไปด้วย”พ่ออาทรพูด มีนาหันไปยิ้ม และทานข้าวต่อ เธอแอบมองธนาด้วยความผิดหวังลึก ๆ
ที่ชมรมยูโดในมหาวิทยาลัย สายธารและมินทร์ตากำลังมองดูรอบๆ และพบว่ามีนากำลังซ้อมอยู่ในกลุ่ม
“นั่นไงมีนา..”มินทร์ตาชี้ก่อนจะโบไม้โบมือให้มีนา เธอส่งสัญญาณว่าอีกครึ่งชัวโมง ทั้งสองจึงนั่งรอดู
“ฮื่อ..พักหลังๆ มานี่ดูมีนาไม่ค่อยสดใสเลย สงสัยเป็นเพราะพี่ชายฉันแน่ๆ”สายธารดูพฤติกรรมของเพื่อนสาว
“ฉันก็ว่ามีนาดูเคร่งครึมบอกไม่ถูก ขนาดพวกยายเจนยังไม่ค่อยจะมาหาเรื่องเลย”มินทร์ตาออกความเห็น
“แล้วทำไมเธอถึงคิดว่าเป็นเพราะพี่ชายของเธอหละน้อง”มินทร์ตาสงสัย สายธารมองดูมีนาและถอนหายใจ
“ก่อนที่พี่นิษาจะกลับมาสองคนนั้นดูจะไม่ลงลอยกันแต่มีนาก็ดูร่าเริงมีความสุข พี่ชายก็คอยแกล้งมีนา แต่พักหลังๆ มาที่ทั้งสองดูห่างเหิน ไม่แม้แต่คิดจะแกล้งอีกฝ่าย แถมทั้งคู่ดูจะไม่พูดคุยกันด้วยซ้ำ”สายธารอธิบาย
“เธอกำลังคิดว่าพี่ชายเธอกันมีนาเขา...”มินทร์ตาดูจะมีท่าทางตกใจในความคิดของตัวเองไม่น้อย
“ฉันจะไปรู้ได้อย่างไงเล่า เธออยากรู้ก็ถามมีนาเองแล้วกันโน้นเดินมาโน้นแล้ว”สายธารสะกิดให้ดูมีนา
“มีอะไรกันเหรอ นินทาฉันอยู่หละสิ”มีนามองดูท่าทางอันเป็นพิรุธของทั้งสอง แต่ทั้งคู่ส่ายหน้าพร้อมกัน
“งั้นรอเดี๋ยวนะฉันขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อน” มีนาถือกระเป๋าเดินหายไปในห้องน้ำครู่ใหญ่
เจนจิตรและเพื่อนกำลังนั่งอยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ บ้างก็แต่งหน้า บ้างก็โทรศัพท์ มีเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่กำลังก้มหน้าก้มตาเขียนรายงาน โดยมีดาวล้อมเป็นคนกำกับและข่มขู่
“นี่แอนนาเธอเขียนให้มันเร็วๆ หน่อยได้ไหม เดี๋ยวจะไม่ทันเข้าเรียนนะ”ดาวล้อมเร่งจนแอนนามือสั่น
“ถ้าเธออยากอยู่กลุ่มพวกฉัน เธอต้องหน้าที่นี้ให้ดีรู้ไหม”สร้อยทองพูด และหันไปสนใจแต่งหน้าแต่งตาต่อ
“จ๊ะๆ ฉันจะทำให้ดี อีกนิดเดียวเองนะ”แอนนาตอบเสียงสั่นและเร่งมือต่อเจนจิตรมองดูด้วยความสมเพส
หมดวิชาเรียนมีนาและเพื่อนเดินออกมาและพูดถึงเรื่องการสอบ สายธารดูจะสนใจกลุ่มเจนจิตร
“มีอะไรหรือน้องเธอถึงได้มองพวกยายเจนอย่างนั้น”มินทร์ตาถาม ทำให้มีนามองตามก็พบสาเหตุนั้น
“แอนนาไปคบกับพวกนั้นได้อย่างไงนะ”มีนาพูดขึ้น เมื่อเห็นท่าทางที่ดูเกรงกลัวของแอนนา ถือของเดินตามพวกของเจนจิตรอย่างว่าง่าย
“อื่อแอนนาเธอเป็นคนหัวอ่อนแต่เรียนดีมาก และฐานะทางบ้านก็ไม่ค่อยดีนัก แม่ของเธอเป็นกู้เงินจากทางบ้านเจนจิตรเพื่อส่งเธอเรียน ฉันคิดว่ายายเจนคงบังคับให้เธอทำงานให้มากกว่านะ”สายธารพูด
“นิสัยแย่ชะมัด ฉันว่าคนดีๆ อย่างแอนนาไม่น่าคบกับพวกนั้นเลยนะ”มีนาพูด ก่อนที่ทั้งสามเดินมายังที่จอดรถ
“สวัสดีครับสาวๆ หมดวิชาเรียบหรือยัง”เสียงชายหนุ่มที่ฟังดูคุ้นหูดังมาจากด้านหลัง
“พี่สุธี มาได้ไงค่ะ”สายธารดูจะดีใจเป็นพิเศษ ต่างจากมีนาที่ว่างท่าเฉยและส่งยิ้มให้เป็นมารยาท
“พอดีพี่ว่าจะแวะไปหาธนา ขอติดรถไปด้วยคนได้ไหมครับ”สุธีตอบ และหันไปมองมีนา
“แล้วแต่น้องเถอะ เราอย่างไงก็ได้”มีนาพูด
“ดีค่ะ งั้นวันนี้มินทร์ตาพวกเราไปติวหนังสือที่บ้านเรานะ ไปกันเถอะค่ะคุณหมอ”สายธารขึ้นรถไปโดยมีมีนาและมิทร์ตานั่งอยู่ด้านหน้า สายธารพูดกับสุธีจนถึงบ้านด้วยความสนิทสนมและเป็นกันเอง
ธนานั่งคุยอยู่ในสวนกับนิษาที่มาช่วยธนาทำวิทยานิพนธ์ตั้งแต่เช้า และเสียงรถมาจอดที่หน้าบ้าน ธนาดูจะมีท่าทางดีใจผิดปกติ จนนิษานึกสงสัย
“ยายน้อง..คงกลับมาแล้ว นิษาคุณจะทานน้ำส้มอีกไหม เดี๋ยวผมไปเอามาเติมให้”ธนาไม่รอฟังคำตอบเขาเดินออกไปทันทีที่พูดจบ นิษาได้แต่มองตามด้วยความหงุดหงิด
“ไง..ธนา สบายดีหรือเปล่าฉันแวะมาหา”เสียงของสุธีดังมาก่อนที่จะเห็นตัวเสียอีกทำให้ธนาตกใจ
“สุธี...นายมากับน้องสาวฉันได้อย่างไง”ธนาดูจะสงสัยมากกว่าจะดีใจที่ได้เห็นเพื่อนรัก ธนามองผ่านไปที่มีนา เธอกำลังเดินมากับสายธารและมินทร์ตา ทั้งคู่สบสายตากันเพียงแววเดียวเท่านั้น มีนาหลบหน้าธนาเดินขึ้นบ้านไป
“นี่นาย..ไม่ได้ดีใจที่ฉันมาหรอกหรือ”สุธีมีน้ำเสียงน้อยใจ ขณะที่ธนายกมือรับไหว้มินทร์ตา
“สวัสดีค่ะพี่ธนา”มินทร์ตาพูด
“ตามสบายนะ น้องดูแลเพื่อนดีๆ ด้วยหละ”ธนายิ้มรับ และหันไปสั่งผู้เป็นน้องสาว
“รู้แล้วน่า..เชิญพี่ไปดูแลแขกคนพิเศษของพี่เถอะ”สายธารตอบ และพาเพื่อนไปนั่งที่ห้องรับแขก ปล่อยให้สองหนุ่มคุยกันต่อ ขณะนั้นนิษาเห็นว่าธนาหายมานานแล้วเธอจึงเดินตามเข้ามา
“ธนาทำไมคุณถึงมานานนักหละค่ะ”นิษาบ่นมาแต่ไกล และต้องตกใจเมื่อมองเห็นเพื่อนเก่าอย่างสุธี
“นิษา..! คุณก็อยู่ที่นี่หรือ”สุธีถามด้วยความแปลกใจ และทำให้เขานึกถึงอดีตเมื่อครั้งหนึ่งนิษาเคยคิดจะนอกใจธนา เพื่อมาคบกับเขาแทน ตอนนั้นสุธีไม่ทราบมาก่อนว่าทั้งคู่คบกันอยู่ทำให้สุธีเกือบจะกลายเป็นคนทรยศเพื่อน กว่าเขาจะได้รู้ก็ตกหลุมรักเจ้าหล่อนเข้าแล้ว แต่สุดท้ายสุธีก็เลือกเพื่อนมากกว่าผู้หญิงหลายใจคนนี้
“สุธี..! สวัสดี สบายดีใช่ไหม”นิษาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแผ่วเบามองสุธีด้วยสายตาพิศวาส สายธารแอบมองก็รู้ทันทีว่าสองคนนี้มีท่าทางแปลกๆ ทั้งคู่
“น้อง เธอเห็นสายตาว่าที่พี่สะสะใภ้เธอไหม มองพี่หมอแปลกๆ นะ”มินทร์ตาไม่ได้คิด แต่เธอพูดออกมาเลย
“บ้านะ..ฉันไม่รับเขาเป็นพี่สะใภ้หรอก แล้วอีกอย่างเขาจะมองกันแบบไหนก็มาเห็นเกี่ยวอะไรกับฉัน”สายธารตอบ แต่สายตาและท่าทางของเธอไม่ได้ตรงกับคำพูดนัก สายธารขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยท่าทางหงุดหงิด
เมื่อทุกคนจึงต้องอยู่รวมกลุ่มกันที่สวนหลังบ้าน โดยธนา สุธี และนิษาช่วยกันทำวิทยานิพนธ์ และสามสาวช่วยกันติวหนังสือ ท่ามกลางการความตั้งใจของคนอื่นๆ มีนาและธนาต่างฝ่าย ต่างแอบมองดูกันและกันโดยอีกฝ่ายไม่รู้ตัว จนเวลาผ่านไปกว่าภพค่ำ ธนาเดินมาส่งนิษาขึ้นรถ โดยหล่อนอาสาไปสุธีที่บ้าน
“อื่อ..ธนาเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เดี๋ยวนิษาแวะไปส่งสุธีก็แล้วกันนะ ทางผ่านอยู่แล้วนี่”นิษาเสนอ ธนาดูจะเห็นด้วย แต่สุธีมีท่าทางจะปฏิเสธก็คงไม่ทันเสียแล้ว เพราะธนาลากตัวสุธีขึ้นรถของนิษา
“ขับรถดีๆ นะครับ”ธนาพูดจบ หล่อนก็ขับออกไป นิษาอมยิ้ม ขณะที่สุธีดูเกร็งจนรู้สึกอึดอัดไม่น้อย
“นี่คุณ กลัวฉันมากเหรอ”นิษาถามขึ้น สุธีหันไปมองใบหน้าอันเรียวโค้งขาวละมุนของเจ้าหล่อน เธอยังคงสวยไม่ต่างไปจาก 3 ปีก่อน
“มองหน้าฉันแล้วนึกเสียดายขึ้นมาหรือไง”นิษาพูด เมื่อรู้สึกว่าถูกมองอยู่นาน
“ไม่นี่...ผมไม่เคยนึกเสียดายเลย” สุธีตอบ นิษาหยุดรถอย่างแรง ทำให้หัวของสุธีกระแทกกับขอบรถ
“โอ้ย!.. คุณจะหยุดทำไมเล่า”สุธีโวยวายและลูบหน้าผากไปมาด้วยความเจ็บ นิษากัดฟันมองสุธีอย่างโมโห
“คุณนี่ ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด ฉันเคยหลงรักผู้ชายอย่างคุณได้อย่างไงกัน”นิษาพูดด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น
“พอเถอะ อย่างพูดเรื่องนี้อีก คุณจำไว้เลยว่า ธนาคือเพื่อนที่ผมรักมากที่สุด ผมไม่มีวันทรยศเพื่อน”สุธีพูดจน และลงจากรถไป ทำให้นิษามองดูด้วยความโกรธและแค้นจนอยากจะกรี๊ดซะให้ดัง ๆ
“ว้าย..!”มีนาร้องขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อเธอกำลังจะล้ม แต่ธนาคว้าเธอเอาไว้ได้ทัน ทั้งสองสายตาประสานตากันอยู่เนินนาน...ธนารู้สึกหวั่นไหวกับดวงตาอันเป็นประกายดั่งมีมนต์สะกด จนหัวใจเต้นระรัว เช่นเดียวกัน มีนารู้สึกราวกับโลกมันหยุดหมุนไปชั่วขณะ เมื่อสบเข้ากับสายตาอันอ่อนโยนจนรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาจากอ้อมกอดของเขา มีนารู้สึกอีกครั้งเมื่อใบหน้าของธนากำลังเข้ามาจนใกล้เธอ...
“อ่อ..!!”มีนาขยับตัวออกจากอ้อมแขนของเขายิ้มเขินๆ ก่อนหลบหน้าธนาด้วยความเขินอายจนหน้าแดงกล่ำ
“เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่าครับ”ธนาถามเสียงนุ่มละมุนหูนัก เธอหันกลับมาก็พบว่าสายตาคู่นั้นยังคงจ้องเธออยู่
“ไม่..ไม่เป็นไรค่ะ”เสียงของเธอแผ่วเบา แต่ธนาก็ได้ยินและอมยิ้ม มีนามองด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นเขายิ้ม
“นายยิ้มอะไรของนาย มีอะไรนายขำนักเหรอ.. แล้วเมื่อกี้เดินอย่างไงไม่ดูคนบ้างเลย”เธอทำเอาบรรยากาศดีๆ หายไปหมด จนธนานึกขัน เขานึกว่าอะไรจะเริ่มดีขึ้นมาแล้วเชียว และแล้วเจ้าหล่อนก็กลับมาเป็นคนเดิม
“ผมแค่นึกดีใจที่ได้ยินคุณพูดมีหางเสียงกับผมสักที เมื่อกี้ยังดูน่ารักอยู่เลย”ธนาส่ายหน้าก่อนเดินนำไป
“อีตาบ้า..”มีนาบ่นกำหมัดทำหน้ายักษ์ใส่ธนา เขาพาเธอเดินไปเรื่อยๆ ไม่มีวี่แววว่าจะพูดอะไรขึ้นมาบ้าง
“นี่..ถามหน่อยสิ ที่นี่นายปลูกและดูแลเองเหรอ” มีนาเปลี่ยนเรื่องพูด ธนาหันกลับมามอง
“ผมสร้างมันและปลูกมันเอง แต่เรื่องดูแลต้องยกความดีให้นายปี่ลูกคนงานที่บ้านนะ”ธนาชี้แจงให้เธอฟัง
“งั้นเหรอ..สวยดีนะฉันชอบมากเลย วันหน้าขอมาที่นี่อีกได้ไหม”มีนาทำสุ้มเสียงอ่อนหวาน จนธนายิ้ม
“คุณนี่ เป็นอย่างนี้ทุกครั้งเลยหรือเปล่า เวลาจะขอร้องอะไรใครถึงพูดอ่อนพูดหวานเป็น” ธนาถาม ทำให้มีนา ทำตาโตกัดฟันอย่างหมั่นไส้ เมื่อลับหลังเขา เธอทำลิงหลอกเจ้าใส่ แต่พอธนาหันกับมาเธอกับยิ้มหวานจนดูอ่อนน้อม
“ได้สิ ที่นี่ไม่ค่อยมีใครมาเหรอนะ ถ้าคุณอยากจะมาก็ต้องบอกให้ผมรู้ด้วย” มีนาพยักหน้ารับทราบอย่างว่าง่าย ธนาพาเธอเข้าไปที่บ้านพักหลังเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆ เรือนดอกไม้ ดูน่าอยู่จนมีนาอดใจที่จะสำรวจดูรอบๆ ไม่ได้
“อื่อ...ผมว่าเรามาทำสัญญาสงบศึกกันที่นี่ตอนนี้ดีกว่าไหม ให้เรือนดอกไม้เป็นพยาน”ธนาออกความเห็น
“อื่อได้สิ..ที่นี่มีกระดาษกับปากกาหรือเปล่า” มีนาถาม ดูธนาจะฉงนใจไม่น้อย แต่เขาก็ไปหยิบมาให้เธอ
“อื่อ..นายก็เอาไปเขียนด้วยสิ” เขามองมันอย่างงง และเดินตามเธอไป มีนาหันกลับมามองธนาที่ทำหน้าฉงนใจ
“ก็สัญญาสงบศึกของเราไง”มีนาหันมาชี้แจงทำหน้าจริงจัง เพราะธนาคิดว่าสัญญาที่ตกลงนั้นเป็นแค่คำพูดเฉยๆ
“ต้องเขียนด้วยเหรอ นึกว่าจะตกลงกันด้วยวาจาเสียอีก แล้วจะต้องเขียนอะไรหละ”ธนาถาม แต่เธอหันกลับยิ้ม
“ต้องเขียนสิ เกิดวันไหนนายเบี้ยวขึ้นมาจะได้มีหลักฐาน”มีนาตอบ และยักคิ้วให้เขา เธอรีบเขียนอย่างไม่รอช้า
ทั้งคู่ใช้เวลาเขียนราว 20 นาที มีนากลับมานั่งที่โต๊ะตรงหน้าธนา ทั้งสองยื่นกระดาษให้อีกฝ่ายหนึ่งอ่าน
“โฮ่..ที่นายเขียนอะไรตั้งแยะตั้งแยะ ไหนเมื่อกี้ยังดูงงอยู่เลยนี่”มีนาตกใจเมื่อเห็นธนาเขียนเป็นสิบ ๆ ข้อ
“ดูของคุณก็ใช่ย่อยนะ อ่อ...ดูๆ ข้อที่5 ห้ามเรียกนามของผมว่านายดูด้วยอ่านออกไหมเนี่ย”ธนาพูด มีนารีบมองหา
“นี่..มันจะมากไปแล้วนะ ฉันขอยกเลิกสัญญาทั้งหมด”มีนายืนกระดาษคืนให้ธนา และดึงของเธอกลับ
“ผมพึ่งรู้นะเนี่ยว่าคุณเป็นคนไม่รักษาสัจจะ พูดแล้วคืนคำ”ธนายัวเธอ เขารู้วิธีจัดการกับยายตัวแสบนี้อย่างไง
“เอาเถอะน่า..ถ้าเราเป็นมิตรกัน คุณสามารถมาที่นี่ได้ 24 ชั่วโมงเลยนะ”ธนาลองใช้วิธีการต่อลอง มีนาดูสนใจ
“แล้ว..ในสัญญาของนาย ตัดออกสักสิบข้อได้ไหมหละ”มีนาพูดเสียงอ่อน ธนานึกขันขึ้นมาทันที
“เอาอย่างนี้แล้วกัน พบกันครึ่งทาง เรามากำหนดด้วยกันให้เห็นพร่องต้องกันมากที่สุด คุณว่าดีไหม”ธนาหยิบกระดาษมาอีกแผ่นและทั้งสองจึงร่วมกันตั้งข้อสัญญาขึ้นมาใหม่โดยกำหนดไว้ว่า
เราจะพูดจากันดีๆ ไม่หาเรื่องใครก่อน
เราจะไม่ถือสาเรื่องเก่า ต่างคนต่างอยู่ และยอมเป็นมิตรที่ดีของอีกฝ่าย
เราจะทำตามเมื่ออีกฝ่ายไม่ชอบหรือขอร้องให้เปลี่ยนแปลง
ถ้าใครทำผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใดก่อนสัญญาจะจบสิ้นผู้นั้นถือว่าทำความผิด ต้องได้รับโทษโดยแล้วแต่อีกฝ่ายเห็นจะเห็นสมควร
สัญญาสงบศึกนี้จะจบลงหรือเป็นโมฆะ เมื่อมีนา ย้ายออกจากไร่ภูอาทร
“นั้นก็แสดงว่าถ้าคุณไม่อยู่ที่นี่แล้ว เราก็จะเป็นศัตรูกันเหมือนเดิมสิ”ธนาถาม มีนายิ้มรับด้วยความภาคภูมิใจ
“คุณนี่มันเจ้าเล่ห์จังนะ”ธนาพูดด้วยความหมั่นไส้
“ข้อหนึ่งเราจะพูดจากันดีๆ และไม่หาเรื่องใครก่อน” มีนาย้ำ ธนายิ่งรู้สึกหมั่นไส้ในความเจ้าเล่ห์ของเธอนัก เมื่อตกลงทำสัญญาเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งสองจึงเก็บสัญญาฉบับนั้นโดยห่อผ้าขาวมัดไว้อย่างดี และฝังไว้ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าเรือนดอกไม้
“ทำไมต้องเก็บไว้แบบนี้ด้วยหละ”มีนาสงสัยหลังจากที่ธนาฝังมันเรียบร้อยแล้ว
“เอาเถอะน่า ต้นไม้ เรืองดอกไม้ และบ้านหลังนี้จะได้เป็นพยานไง”ธนาพูด มีนาคิดว่ามันไม่เห็นจะเกี่ยวและไม่เข้าท่าเลยสักนิด ธนายื่นมือไปตรงหน้าของมีนา เธอมองมันอย่างแปลกใจ
“เซ็นญญาก็ต้องจับมือกันเป็นธรรมเนียมสากลนะคุณ”มีนายื่นมือไป ธนาคว้ามือเธอจับเอาไว้และพูดขึ้นว่า
“นับตั้งแต่วันนี้ไป เราจะเป็นมิตรที่ดีต่อกัน...อ้าว!! พูดตามผมสิ”ธนาหันมาพูดกับมีนา เธอจำต้องพูดตามเขา ทั้งสองพูดพร้อมกันอยู่สามครั้ง มันช่างดูตลกดีจริงๆ ที่คู่อริจะกลายเป็นมิตรกันได้สักที ทั้งสองคิดและหัวเราะขึ้น
และความสนุกมันช่างผ่านไปเร็วนัก สำหรับความรู้สึกของเขาและเธอ แต่มันดูจะเนินนานสำหรับคนที่รอคอยเสมอ เมื่อทั้งสองเดินคุย และหัวเราะกันอย่างถูกคอ จนมาถึงที่บ้านและเดินผ่านห้องรับแขกที่มีนิษา และสายธารนั่งรออยู่นั้น มีนาและธนาเดินผ่านโดยไม่ทันมองดู นิษาหันไปเจอพอดี เจ้าหล่อนวิ่งออกมาโอบกอดและเรียกธนา
“ธนา..!” เสียงนั้นทำให้ทุกคนหยุดมองและตกตะลึงเมื่อเจ้าหล่อนโผเข้ากอด จนธนาตั้งหลักไม่ทัน
“เอ่อ..นิษาคุณมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่”ธนาถามและหันกลับไปมองมีนา ที่กำลังอึ้งอย่างอาการมึนงง เขาพยายามแกะมือนิษาออกจากตัว มีนาเดินขึ้นไปบนบ้านด้วยสีหน้านิ่งเฉยและสายธารก็วิ่งตามขึ้นไป
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครค่ะ ทำไมเขาถึงขึ้นไปบนบ้านคุณได้หละ”นิษาซักถามด้วยอาการที่ไม่พอใจนัก ธนาจึงอธิบายเรื่องทุกอย่างให้นิษาอยู่นานกว่าหล่อนจะยอมเข้าใจ และพาเจ้าหล่อนไปส่งที่บ้านในเวลา หกโมง
ที่โต๊ะอาหารค่ำ ทุกคนกำลังนั่งทานข้าวกันอย่างพร้อมหน้ายกเว้นแต่ธนาที่กำลังเดินมาถึงพอดี เขามานั่งตรงหน้าและมองมีนา และเธอกับมองผ่านและไม่สนใจ
“ได้ยินว่าแม่นิษาอะไรนั้นกลับมาแล้วหรือ”ผู้เป็นพ่อถามขึ้น ธนาหันกับไปมองและพยักหน้าตอบ
“นี่ยังคบกันอยู่อีกเหรอ แม่นึกว่าเลิกกันแล้วเสียอีก”แม่ดาวเรืองพูดเสริม สายธารมองดูหน้าพี่ชาย
“ครับ…”ธนาตอบ และมองดูมีนาที่กำลังแอมมองเขาด้วยห่างตา และแกล้งทำเฉยไม่สนใจเมื่อสบตาเขา
“เอาเถอะคุณ มันเป็นเรื่องของเด็ก ทานเข้ากันเถอะ เดี๋ยวหนูมีนาจะพลอยทานไม่ลงไปด้วย”พ่ออาทรพูด มีนาหันไปยิ้ม และทานข้าวต่อ เธอแอบมองธนาด้วยความผิดหวังลึก ๆ
ที่ชมรมยูโดในมหาวิทยาลัย สายธารและมินทร์ตากำลังมองดูรอบๆ และพบว่ามีนากำลังซ้อมอยู่ในกลุ่ม
“นั่นไงมีนา..”มินทร์ตาชี้ก่อนจะโบไม้โบมือให้มีนา เธอส่งสัญญาณว่าอีกครึ่งชัวโมง ทั้งสองจึงนั่งรอดู
“ฮื่อ..พักหลังๆ มานี่ดูมีนาไม่ค่อยสดใสเลย สงสัยเป็นเพราะพี่ชายฉันแน่ๆ”สายธารดูพฤติกรรมของเพื่อนสาว
“ฉันก็ว่ามีนาดูเคร่งครึมบอกไม่ถูก ขนาดพวกยายเจนยังไม่ค่อยจะมาหาเรื่องเลย”มินทร์ตาออกความเห็น
“แล้วทำไมเธอถึงคิดว่าเป็นเพราะพี่ชายของเธอหละน้อง”มินทร์ตาสงสัย สายธารมองดูมีนาและถอนหายใจ
“ก่อนที่พี่นิษาจะกลับมาสองคนนั้นดูจะไม่ลงลอยกันแต่มีนาก็ดูร่าเริงมีความสุข พี่ชายก็คอยแกล้งมีนา แต่พักหลังๆ มาที่ทั้งสองดูห่างเหิน ไม่แม้แต่คิดจะแกล้งอีกฝ่าย แถมทั้งคู่ดูจะไม่พูดคุยกันด้วยซ้ำ”สายธารอธิบาย
“เธอกำลังคิดว่าพี่ชายเธอกันมีนาเขา...”มินทร์ตาดูจะมีท่าทางตกใจในความคิดของตัวเองไม่น้อย
“ฉันจะไปรู้ได้อย่างไงเล่า เธออยากรู้ก็ถามมีนาเองแล้วกันโน้นเดินมาโน้นแล้ว”สายธารสะกิดให้ดูมีนา
“มีอะไรกันเหรอ นินทาฉันอยู่หละสิ”มีนามองดูท่าทางอันเป็นพิรุธของทั้งสอง แต่ทั้งคู่ส่ายหน้าพร้อมกัน
“งั้นรอเดี๋ยวนะฉันขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อน” มีนาถือกระเป๋าเดินหายไปในห้องน้ำครู่ใหญ่
เจนจิตรและเพื่อนกำลังนั่งอยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ บ้างก็แต่งหน้า บ้างก็โทรศัพท์ มีเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่กำลังก้มหน้าก้มตาเขียนรายงาน โดยมีดาวล้อมเป็นคนกำกับและข่มขู่
“นี่แอนนาเธอเขียนให้มันเร็วๆ หน่อยได้ไหม เดี๋ยวจะไม่ทันเข้าเรียนนะ”ดาวล้อมเร่งจนแอนนามือสั่น
“ถ้าเธออยากอยู่กลุ่มพวกฉัน เธอต้องหน้าที่นี้ให้ดีรู้ไหม”สร้อยทองพูด และหันไปสนใจแต่งหน้าแต่งตาต่อ
“จ๊ะๆ ฉันจะทำให้ดี อีกนิดเดียวเองนะ”แอนนาตอบเสียงสั่นและเร่งมือต่อเจนจิตรมองดูด้วยความสมเพส
หมดวิชาเรียนมีนาและเพื่อนเดินออกมาและพูดถึงเรื่องการสอบ สายธารดูจะสนใจกลุ่มเจนจิตร
“มีอะไรหรือน้องเธอถึงได้มองพวกยายเจนอย่างนั้น”มินทร์ตาถาม ทำให้มีนามองตามก็พบสาเหตุนั้น
“แอนนาไปคบกับพวกนั้นได้อย่างไงนะ”มีนาพูดขึ้น เมื่อเห็นท่าทางที่ดูเกรงกลัวของแอนนา ถือของเดินตามพวกของเจนจิตรอย่างว่าง่าย
“อื่อแอนนาเธอเป็นคนหัวอ่อนแต่เรียนดีมาก และฐานะทางบ้านก็ไม่ค่อยดีนัก แม่ของเธอเป็นกู้เงินจากทางบ้านเจนจิตรเพื่อส่งเธอเรียน ฉันคิดว่ายายเจนคงบังคับให้เธอทำงานให้มากกว่านะ”สายธารพูด
“นิสัยแย่ชะมัด ฉันว่าคนดีๆ อย่างแอนนาไม่น่าคบกับพวกนั้นเลยนะ”มีนาพูด ก่อนที่ทั้งสามเดินมายังที่จอดรถ
“สวัสดีครับสาวๆ หมดวิชาเรียบหรือยัง”เสียงชายหนุ่มที่ฟังดูคุ้นหูดังมาจากด้านหลัง
“พี่สุธี มาได้ไงค่ะ”สายธารดูจะดีใจเป็นพิเศษ ต่างจากมีนาที่ว่างท่าเฉยและส่งยิ้มให้เป็นมารยาท
“พอดีพี่ว่าจะแวะไปหาธนา ขอติดรถไปด้วยคนได้ไหมครับ”สุธีตอบ และหันไปมองมีนา
“แล้วแต่น้องเถอะ เราอย่างไงก็ได้”มีนาพูด
“ดีค่ะ งั้นวันนี้มินทร์ตาพวกเราไปติวหนังสือที่บ้านเรานะ ไปกันเถอะค่ะคุณหมอ”สายธารขึ้นรถไปโดยมีมีนาและมิทร์ตานั่งอยู่ด้านหน้า สายธารพูดกับสุธีจนถึงบ้านด้วยความสนิทสนมและเป็นกันเอง
ธนานั่งคุยอยู่ในสวนกับนิษาที่มาช่วยธนาทำวิทยานิพนธ์ตั้งแต่เช้า และเสียงรถมาจอดที่หน้าบ้าน ธนาดูจะมีท่าทางดีใจผิดปกติ จนนิษานึกสงสัย
“ยายน้อง..คงกลับมาแล้ว นิษาคุณจะทานน้ำส้มอีกไหม เดี๋ยวผมไปเอามาเติมให้”ธนาไม่รอฟังคำตอบเขาเดินออกไปทันทีที่พูดจบ นิษาได้แต่มองตามด้วยความหงุดหงิด
“ไง..ธนา สบายดีหรือเปล่าฉันแวะมาหา”เสียงของสุธีดังมาก่อนที่จะเห็นตัวเสียอีกทำให้ธนาตกใจ
“สุธี...นายมากับน้องสาวฉันได้อย่างไง”ธนาดูจะสงสัยมากกว่าจะดีใจที่ได้เห็นเพื่อนรัก ธนามองผ่านไปที่มีนา เธอกำลังเดินมากับสายธารและมินทร์ตา ทั้งคู่สบสายตากันเพียงแววเดียวเท่านั้น มีนาหลบหน้าธนาเดินขึ้นบ้านไป
“นี่นาย..ไม่ได้ดีใจที่ฉันมาหรอกหรือ”สุธีมีน้ำเสียงน้อยใจ ขณะที่ธนายกมือรับไหว้มินทร์ตา
“สวัสดีค่ะพี่ธนา”มินทร์ตาพูด
“ตามสบายนะ น้องดูแลเพื่อนดีๆ ด้วยหละ”ธนายิ้มรับ และหันไปสั่งผู้เป็นน้องสาว
“รู้แล้วน่า..เชิญพี่ไปดูแลแขกคนพิเศษของพี่เถอะ”สายธารตอบ และพาเพื่อนไปนั่งที่ห้องรับแขก ปล่อยให้สองหนุ่มคุยกันต่อ ขณะนั้นนิษาเห็นว่าธนาหายมานานแล้วเธอจึงเดินตามเข้ามา
“ธนาทำไมคุณถึงมานานนักหละค่ะ”นิษาบ่นมาแต่ไกล และต้องตกใจเมื่อมองเห็นเพื่อนเก่าอย่างสุธี
“นิษา..! คุณก็อยู่ที่นี่หรือ”สุธีถามด้วยความแปลกใจ และทำให้เขานึกถึงอดีตเมื่อครั้งหนึ่งนิษาเคยคิดจะนอกใจธนา เพื่อมาคบกับเขาแทน ตอนนั้นสุธีไม่ทราบมาก่อนว่าทั้งคู่คบกันอยู่ทำให้สุธีเกือบจะกลายเป็นคนทรยศเพื่อน กว่าเขาจะได้รู้ก็ตกหลุมรักเจ้าหล่อนเข้าแล้ว แต่สุดท้ายสุธีก็เลือกเพื่อนมากกว่าผู้หญิงหลายใจคนนี้
“สุธี..! สวัสดี สบายดีใช่ไหม”นิษาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแผ่วเบามองสุธีด้วยสายตาพิศวาส สายธารแอบมองก็รู้ทันทีว่าสองคนนี้มีท่าทางแปลกๆ ทั้งคู่
“น้อง เธอเห็นสายตาว่าที่พี่สะสะใภ้เธอไหม มองพี่หมอแปลกๆ นะ”มินทร์ตาไม่ได้คิด แต่เธอพูดออกมาเลย
“บ้านะ..ฉันไม่รับเขาเป็นพี่สะใภ้หรอก แล้วอีกอย่างเขาจะมองกันแบบไหนก็มาเห็นเกี่ยวอะไรกับฉัน”สายธารตอบ แต่สายตาและท่าทางของเธอไม่ได้ตรงกับคำพูดนัก สายธารขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยท่าทางหงุดหงิด
เมื่อทุกคนจึงต้องอยู่รวมกลุ่มกันที่สวนหลังบ้าน โดยธนา สุธี และนิษาช่วยกันทำวิทยานิพนธ์ และสามสาวช่วยกันติวหนังสือ ท่ามกลางการความตั้งใจของคนอื่นๆ มีนาและธนาต่างฝ่าย ต่างแอบมองดูกันและกันโดยอีกฝ่ายไม่รู้ตัว จนเวลาผ่านไปกว่าภพค่ำ ธนาเดินมาส่งนิษาขึ้นรถ โดยหล่อนอาสาไปสุธีที่บ้าน
“อื่อ..ธนาเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เดี๋ยวนิษาแวะไปส่งสุธีก็แล้วกันนะ ทางผ่านอยู่แล้วนี่”นิษาเสนอ ธนาดูจะเห็นด้วย แต่สุธีมีท่าทางจะปฏิเสธก็คงไม่ทันเสียแล้ว เพราะธนาลากตัวสุธีขึ้นรถของนิษา
“ขับรถดีๆ นะครับ”ธนาพูดจบ หล่อนก็ขับออกไป นิษาอมยิ้ม ขณะที่สุธีดูเกร็งจนรู้สึกอึดอัดไม่น้อย
“นี่คุณ กลัวฉันมากเหรอ”นิษาถามขึ้น สุธีหันไปมองใบหน้าอันเรียวโค้งขาวละมุนของเจ้าหล่อน เธอยังคงสวยไม่ต่างไปจาก 3 ปีก่อน
“มองหน้าฉันแล้วนึกเสียดายขึ้นมาหรือไง”นิษาพูด เมื่อรู้สึกว่าถูกมองอยู่นาน
“ไม่นี่...ผมไม่เคยนึกเสียดายเลย” สุธีตอบ นิษาหยุดรถอย่างแรง ทำให้หัวของสุธีกระแทกกับขอบรถ
“โอ้ย!.. คุณจะหยุดทำไมเล่า”สุธีโวยวายและลูบหน้าผากไปมาด้วยความเจ็บ นิษากัดฟันมองสุธีอย่างโมโห
“คุณนี่ ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด ฉันเคยหลงรักผู้ชายอย่างคุณได้อย่างไงกัน”นิษาพูดด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น
“พอเถอะ อย่างพูดเรื่องนี้อีก คุณจำไว้เลยว่า ธนาคือเพื่อนที่ผมรักมากที่สุด ผมไม่มีวันทรยศเพื่อน”สุธีพูดจน และลงจากรถไป ทำให้นิษามองดูด้วยความโกรธและแค้นจนอยากจะกรี๊ดซะให้ดัง ๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
4.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ