สัญญามันใจ..ยายตัวแสบ

6.2

เขียนโดย แสงจันทรา

วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 เวลา 13.50 น.

  24 ตอน
  1 วิจารณ์
  35.99K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

2)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
มีนานั่งหน้างิ้ว คิ้วขมวดหน้าตาเคร่งเครียดทำปากขมุบขมิบมือทั้งสองข้างกำหมัดไว้จนแน่น อยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นไม้เมื่อสายธารและมินทร์ตา เดินออกมาเห็น ทั้งสองถึงกับจ้องหน้ากันด้วยความสงสัย
     “เป็นอะไรมีนา ทำไมไม่เข้าเรียนหละ”สายธารถามขึ้น
     “วันนี้มันวันซวยของฉันจริงๆ มาถึงก็ถูกรถไอ้บ้าชน แถมยังเอาเงินฟากหัวฉันแค่ 3000 บาท โอ้ย เจ็บใจนัก” มีนาพูดด้วยความโมโห แต่เพื่อนสาวพากันตกใจ
     “จริงเหรอ เธอเป็นไงบ้าง ต้องไปโรงพยายบาลไหม ทำไม่เธอไม่โทรบอกพวกเรา” สายธารตกใจดูมองดูรอบๆ ตัวของมีนา ด้วยความกังวล
     “ไม่เหรอฉันไม่เป็นอะไร รถฉันต่างหากที่เป็น”มีนาตอบ น้ำเสียงดูจะทั้งโกรธ ทั้งแค้น
     “งั้นเหรอ แย่จังวันนี้ฉันกะ ว่าจะชวนเธอไปเที่ยวที่บ้านไร่ สักหน่อย”สารธารดูจะผิดหวังไม่น้อย
     “ไปได้สิ ไปนะ” มีนาเปลี่ยนท่าทีของเธอรวดเร็ว ด้วยความดีใจ มันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้วเธอเบื่อห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ มองไปมุมไหนก็มีแต่ฝาผนักจะแย่
                ธนาเดินเข้ามาในโรงพยาบาล มองดูรอบๆ แล้วอดเศร้าใจไม่ได้ ที่นี่มีแต่ความทุกข์ ความเศร้าหลายร้อยรูปแบบ ไร้ซึ่งใบหน้าอันสดใส แต่มันก็ไม่แปลกหรอกคนดีๆ ไหนจะมาอยู่ที่นี่กันเล่า
     ก๊อกๆ เสียงประตูที่ถูกเคาะหน้าห้องคุณหมอสุธี ด้านในมีชายที่ใส่ชุดกาวกำลังวุ่นอยู่กับงาน
     “สวัสดีครับ เชิญด้านใน ไม่ทราบว่าวันนี้เป็นอะไรมาหรือครับ”ชายหนุ่มท่าทางสุขุมพูด โดยที่ไม่ได้มองอีกฝ่าย ที่เดินจนมานั่งอยู่ตรงหน้า และไม่มีแม้เสียงตอบรับใดๆ คุณหมอหนุ่มมองอย่างแปลกใจ
     “อ้าว..! ธนา เป็นไงมาไง ถึงได้มาถึงที่นี่ได้ นายกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” ชายหนุ่มมาดสุขุมโผเข้ากอดเพื่อนรักด้วยความดีใจ
     “นายนี่งานยุ่งประจำเลยนะ”ธนาพูด ด้วยใบหน้าที่ยังมีล่องลอยของความยินดี
     “ใช่สิ ใครชอบเรียนๆ อย่างนาย แล้วนี่นายเอาปริญญาอะไรมาฝากคุณอาทั้งสองหละ” สุธีพูด
     “ฮื้อ..แล้วเย็นนี้คุณหมอพอจะมีเวลาว่างไหมครับ ให้เกียรติไปดื่มกับผมสักหน่อยได้ไหม” ธนาพูดอย่างเป็นทางการ สุธีนึกขัน
“คุณพ่อค่ะแม่ค่ะ น้องกลับมาแล้วค่ะ ดูสิว่ามีใครมากับน้องเอ่ย” สายธารเดินนำมีนามายัง ห้องนั่งเล่น
     “บ้านไม้...น่าอยู่ดีนะ”มีนาชื่นชมบ้านของเพื่อนสาว มองออกไปนอกระเบียงด้านหลังเป็นภูเขาไร่ส้ม ทอดแนวทอดยาวจนสุดลูกหูลูกตา บรรยกาศเย็นสบายเลยทีเดียว
     “มีนา มานี่สิ พ่อกับแม่ฉันรออยู่” เสียงของสายธารดังอยู่ในอีกห้อง มีนาเดินเข้าไปพบว่าสายธารนั่งยิ้มให้กับผู้ใหญ่ท่าทางใจดีอีกสองท่าน มีนายกมือขึ้นไหว้ และท่านทั้งสองรับไหว้ก่อนจะเชิญให้นั่งตามสบาย
     “ตามสบายเลยนะจ๊ะหนู คิดซะเป็นบ้านของหนูเองแล้วกันนะ”ผู้เป็นแม่ใบหน้ายิ้มแย้มพูดด้วยความยินดี
    “ขอบคุณค่ะคุณลุง คุณป้า ที่นีน่าอยู่ มิน่ายายน้องถึงได้เป็นคนอ่อนโยนแบบนี้”มีนาชม ทำให้ทั้งสามถึงกับหัวเราะ
     “หนูคงมองผิดไปแล้วหละ ลุงว่าแก่นทะโมนซะมากกว่า”พ่ออาทร หัวเราะเพราะสายธารทำหน้าบึ้งค้อนใส่
     “คุณพ่อก็ ไม่เอาหละหนูว่าเปลี่ยนเรื่องคุณกันเถอะค่ะ” สายธารอ้อนวอนให้เปลี่ยนเรื่องพูด ทำให้การสนทนาดูจะสนุกสนาม   มีนา เข้ากันได้ดีกับครอบครัวของสายธาร และท่านทั้งสองดูจะชอบและเอ็นดูมีนามากเป็นพิเศษ เธอเป็นคนน่ารักพูดสนุกและร่าเริงสดใส จนเวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมง
     “ตาหละ นี่จะค่ำแล้วหนูคงต้องกลับแล้วหละค่ะ”มีนาดูจะตกไม่น้อยเมื่อเหลือบไปเห็นนาฬิกา
     “อื่อนั้นสิ หนูคุยสนุกมากเลยนะ วันหน้าก็มาที่นี่บ่อยๆ สิ” ผู้เป็นพ่อพูดขึ้น และทุกคนดูจะเห็นด้วย
     “ดูสิ พ่อกับแม่ฉันชอบเธอแล้วหละมีนา” สายธารแกล้งทำเป็นน้อยใจ ทำให้ทุกคนหัวเราะ
      “เธอก็พูดเกินไป ฉันต้องอิจฉาเธอถึงจะถูก อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา แต่ฉันสิต้องพลัดพรากอยู่ตามลำพัง” มีนาดูจะมีน้ำเสียงเศร้าจริงๆ ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองรู้สึกแปลกใจ
     “อ้าว แล้วหนูอยู่ที่นี่คนเดียวหรือจ๊ะ”แม่ดาวเรืองถามขึ้น มีนายิ้มก่อนที่จะเล่าความเป็นมาให้ท่านทั้งสองฟัง
     “งั้นเหรอคงลำบากแย่ ทำไมน้องไม่ชวนหนูมีนามาอยู่ด้วยกันซะที่นี่หละลูก”พ่ออาทรพูด
     “อุ้ย ไม่เป็นไรค่ะหนูสบายมากหนูอยู่ได้ค่ะ เกรงใจคุณลุง คุณป้าเปล่าๆ…” มีนา มีท่าทีเกรงใจจนหน้าตาตื่น
     “จริงหรือค่ะ น้องให้มีนามาอยู่ที่นีได้จริงหรือค่ะ” สายธาร โผเข้ากอดพ่อกับแม่
     “ไม่ต้องเกรงใจหรอกหนู บ้านเรามีห้องว่างตั้งเยอะเราอยู่กันแค่ 4 คนเอง” ผู้เป็นพ่อพูด
     “หนูแน่ใจหรือจ๊ะว่าจะไม่ทานข้าวก่อน” แม่ของสายธารถามขึ้นเมื่อเห็นมีนากำลังจะกลับ
     “ขอบคุณค่ะคุณป้า เกรงว่ามันจะค่ำมืดซะก่อน มีนายังไม่คุ้นทางที่นี่ คงจะลากลับแล้วหละค่ะ ดูแลสุขภาพด้วยนะค่ะคุณลุง คุณป้า” มีนายกมือไหว้ก่อนจะเดินกลับโดยมีสายธารไปส่งที่รถ คนงานหอบตะกร้าผลไม้มาให้ตามคำสั่ง มีนารับไว้ก่อนจะขับรถออกไปจากไร่ภูอาทร
     ตลอดทางในแนวยาวเป็นไร่สม ไร่ผลไม้ซะส่วนใหญ่มีนามองชื่นชมดูรอบๆ ได้ระยะหนึ่งก็รู้สึกว่ารถจะกระตุกและส่ายไปมา เธอหลบลงข้างทางก่อนจะจอดและลงไปดู
     “เอ๋..! รถเป็นอะไรเนี่ย” เธอเดินดูรอบๆ รถ จึงได้รู้ว่ายางรถด้านหลังแตก เธอถึงกับถอดใจใหญ่
     “ทำอย่างไงเนี่ย แถวนี้ก็ไม่มีใครด้วย” มีนานั่งมองดูมันอยู่พักใหญ่บริเวณนั้นไม่มีใครเดินผ่าน เอาไงดี เธอไม่มียางสำรอง เวลาก็เริ่มมืดจนแทบจะมองไม่เห็นทาง เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วมีนายังไม่รู้จะทำอย่างไง แต่แล้วทางด้านหน้าก็มีเสียงรถ และแสงไฟของรถสาดมาที่เธอ มีนาดีใจในนาทีแรก แต่อีกใจก็ฉุดคิด
     “เอ๋ จะโบดีไหมนะ ถ้าเป็นผู้ไม่หวังดี หละไม่เสี่ยงดีกว่าค่อยโทรบอกยายน้องแล้วกัน”เธอตัดสินใจได้ก็รีบขึ้นรถและหาอุปกรณ์ ที่พอจะเป็นอาวุธป้องกันตัวได้
     “นั้นรถคันนั้นจอดทำไมนะ” สุธีถามขึ้น ทำให้ธนาสนใจหันไปมอง
     “คงจอดชมวิวมั่ง นายจะไปชมเป็นเพื่อนเขาไหมหละฉันจะจอดให้” ธนายิ้ม แต่สุธียังคงสนใจที่รถคันนั้น
     “ผู้หญิงคนเดียวนี่นะ ฉันว่าเขาน่าจะเจอปัญหามากกว่า นายจอดถามก่อนเถอะ” สุธีพูด บอกให้ธนาจอดรถ
     “นายก็ถามแล้วกันนะ ชุดกาวของนาย คงจะพอทำให้คนแปลกหน้า อย่างนายน่าไว้ใจได้บ้าง”ธนาพูดขึ้น สุธีลงจากรถและตรงไปยังรถของหญิงสาวที่ยังคงนั่งระวังตัวเองอยู่ในรถ สุธีก้มมองก่อนจะเคาะกระจกรถ
     “สวัสดีครับ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”สุธีถามขึ้นทันที มีนาหันไปมองและสำรวจท่าทางอันสุขุม และสุภาพ
     “ว่าไงครับ…” สุธีถึงกับอึ้งไปขณะหนึ่ง เมื่อสบตาเข้ากับสาวหน้าตาสะสวยในรถ ในชุดนักศึกษา
     “คงเป็นหมอหละมั้งชุดแบบนี้..คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”มีนาสำรวจจนแน่ใจก่อนจะยิ้มให้เขาและเปิดประตูรถ
     “ค่ะ..คือว่ารถฉันยางแตกนะค่ะ ฉันไม่มียางสำรอง” มีนาพูด และยืนอยู่ตรงหน้าของเขา สุธียังคงจ้องมองเธอ
     “เอ่อ..คุณค่ะ มีอะไรหรือเปล่าค่ะ” มีนาปลุกสุธีให้ตื่นจากภวงค์ ในความสวยงามของเธอ
     “เอ๋อๆ... คือเปล่าครับ รถเป็อะไรนะครับ”สุธีถามเหมือนไม่ได้ฟังที่เธอพูดเมื่อสักครู่ มีนามองอย่างแปลกใจ
     “เอ่อ..คือผมก็รักษาคนเป็นอย่างเดียว รถคงไม่ค่อยสามารถ อื่อ..เอางี้ดีกว่า ตอนนี้มันก็มืดมากแล้ว ให้เราไปส่งดีกว่านะครับ ส่วนรถคุณพรุ่งนี้จะให้คนเอาไปส่งให้อีกที” สุธีอาสาทำให้มีนาขุ่นคิด และมองฝ่ายชายอย่างพินิจพิจารณา สุธีดูจะร้อนตัวกลัวถูกมองว่าเป็นคนไม่ดี
     “คุณอย่างกังวลเลยครับ ผมให้ยึดบัตรทำงานไว้เป็นตัวประกันแล้วกันนะครับ” สุธีพูดขึ้นทำให้มีนาถึงกับหัวเราะออกมา ท่าทางของเขาตลกจนน่าขัน
     “ค่ะฉันเชื่อคุณ ต้องขอบคุณมากเลยนะค่ะ”มีนายิ้มก่อนจะเดินตามสุธี ที่เปิดประตูรถให้เธอเข้าไปนั่ง ธนาหันไปมองแววหนึ่งเท่านั้น เขาถึงกับควานหาแวนตาดำมาใส่จนเป็นที่แปลกใจของเพื่อนเมื่อขึ้นรถและหันมอง
     “เอ้ย นายเป็นบ้าอะไรใส่แวนตาดำเวลานี้” สุธีดูจะแปลกใจเอามาก ทำให้มีนามองตาม ธนารีบหลบหน้า
     “อ้อ.. ดูเหมือนว่าฉันจะเจ็บตา เหมือนจะเป็นตาแดงมั่ง” ธนาตอบแบบตะกุกตะกัก
     “มันเป็นไปได้หรือ ก่อนหน้านายยังดีๆ อยู่เลย เอาเถอะมาเดี๋ยวฉันขับแทน” สุธีเปลี่ยนที่นั่งกับธนา ที่คว้าเอาหมวกมาสวมอีกชั้น มีนายิ้มเมื่อเห็นท่าทางของสองหนุ่ม
     “อ้อ ตกลงผมต้องไปส่งที่ไหนครับ” สุธีมองกระจกหลังเพื่อถามหญิงสาวแสนสวย แต่ความจริงแล้วเขาแอบมองกระจกหลังตลอดระยะทางที่ขับมา มีนายิ้มตอบ ถึงธนาจะนั่งเงียบ แต่ก็ยังแอบมองเช่นกัน
     “ในตัวเมืองค่ะ พอดีฉันมาหาเพื่อนที่นี่” ธนาแอบฟังทั้งสองสนทนากันตลอดทาง
รถของพวกเขามาจอดยังหน้าคอนโดฯหรูแห่หนึ่ง ในตัวเมืองเชียงใหม่
     “จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ ต้องขอบคุณมากนะค่ะ” มีนาเก็บของก่อนจะลงรถ สุธีรีบมาเปิดประตูรถให้ เธอยิ้มรับ
     “เอ่อ..คุณครับผมยังไม่รู้จักชื่อของคุณเลย” สุธีถามขึ้นทำให้มีนาหันกลับมา เธอนึกได้ว่ายังไม่ได้แนะนำตัว
     “มีนาค่ะ..ฉันชื่อมีนา ขอบคุณอีกครั้งฝากขอบคุณเพื่อนของคุณด้วยนะค่ะ”มีนายิ้มให้อีกครั้งก่อนจะเดินไป
     “มีนาเหรอ ชื่อเพราะดีนะ เอ๋..คุณครับ คุณ..ว้ายังไม่ได้บอกเลยว่าผมชื่อสุธี” สุธีบ่นอยู่คนเดียวก่อนจะเดินขึ้นรถ ทำให้อีกคนที่นั่งดูเหตุการณ์ทั้งหมดหัวเราะอย่างสนุกสนาน
      “หัวเราะอะไรของนาย อ้าวแล้วนี่ไม่เป็นตาแดงแล้วหรือไง” สุธีถามเมื่อเห็นธนาที่เอาแต่หัวเราะ
     “นายคุยกันอย่างไงถึงได้ถามชื่อเอาตอนลา แถมเจ้ากรรมยังไม่สามารถแนะนำตัวให้เธอรู้ น่าสงสารจริง”ธนายิ่งพูดยิ่งหัวเราะเพื่อนรัก ที่ยังคงทำหน้าผิดหวังก่อนจะออกรถไป
     “นายไม่เห็นเธอหรือไง ผู้หญิงอะไรน่ารักชะมัด”สุธียังคงฝันหวานจนธนารู้สึกหมั่นไส้
     “ดูเขาจะไม่ค่อยเปิดโอกาสให้นายเลยนะ คิดดูสิขนาดชื่อนายเขายังไม่อยากรู้”ธนายังคงตกย้ำเพื่อนรัก
     “ถ้านายไม่พูด ฉันคงไม่รู้สึกแย่ขนาดนี้หรอก แล้วนายเห็นเธอไหม แต่ใส่แวนดำขนาดนั้นคงไม่เห็นหละสิ อ้อพรุ่งนี้แวะไปที่โรงพยาบาลด้วยนะแล้วฉันจะตรวจดูตาของนายให้” สุธีพูด แต่ธนากับยิ้ม
     “ใครว่าหละ ฉันเจอเธอด้วยความอังเอิญนี่เป็นครั้งที่ 3 แล้ว แถมแต่ละครั้งยังไม่เคยมีภาพประทับใจสักที ดูท่าทางถ้าเจอกันอีกหนมีหวังฉันคงกลายเป็นศพแน่” ธนานึกขำขึ้นเมื่อคิดแบบนั้น
     “ฉันว่าไม่เจออีกเป็นดีกว่า” ธนาพูด ทำให้สุธีดูจะแปลกใจไม่น้อย
     “นายไม่ชอบเธอเเหรอ ฉันว่านายอคติไปหรือเปล่า เธอดูจะน่ารัก อ่อนหวาน พูดเพราะ”สุธีชื่นชมหญิงสาวจนออกนอกหน้า แต่ธนากลับคิดเห็นภาพในด้านตรงกันข้ามกับสุธีทุกประการ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา
     “นายเตรียมใจบ้างก็ดีนะ เผื่อเธออาจตรงกันข้ามกับทุกอย่างที่นายพูด ฉันขี้เกลียดทำแผลให้นาย”ธนาพูดและยิ้ม
                สายธารและมินทร์ตา ยืนชะเง้อมองหามีนา อยู่พักใหญ่ และแล้วมีนาก็วิ่งมาถึงพอดี
     “ทำไมมาสายได้หละ” สายธารถามเมื่ออีกคนยืนหอบหายใจแทบไม่ทัน
     “รถเสีย ตอนมาจากบ้านเธอ ก็เลยกับดึกไปหน่อย ไปกันเถอะสายแล้ว”มีนารีบนำหน้าเพื่อนไปก่อน พวกเธอเข้าไปทัน อาจารย์จะเช็คชื่อเข้าเรียนพอดี ทั้งสามดูจะโล่งอกไม่น้อย แต่ดูเหมือนกับว่า กลุ่มของเจนจิตรมองด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรนัก ซุบซิบกันและหันมองมาทางกลุ่มของมีนา
     “มานี ฉันว่าพวกนั้นเขากำลังคิดจะทำอะไรบางอย่างนะ” มินทร์ตามองไปเจอพอดี
     “อย่าสนใจเลยนะ เราสนใจเรียนก็พอ”สายธารพูด ขณะที่มีนากำลังหันไปมองสบตาเข้ากับเจนจิตรทั้งสองสายตาประชันกัน แต่มีนากับยิ้มเยาะ ยัวอารมณ์โมโหให้กับเจนจิตรกับเพื่อน ๆ
     “หมั่นไส้มันนัก เจน เธอต้องสั่งสอนมันหน่อยนะ”ดาวล้อมออกความเห็น สีหน้าและท่าทางแสดงออกชัดเจน
    “แน่นอน ฉันต้องสั่งสอนมันแน่”เจนจิตรมองมีนาด้วยความคาดแค้น

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
4.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา