หัวใจใส่ถุง
6.2
เขียนโดย Mawmeaw
วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554 เวลา 18.12 น.
11 ตอน
9 วิจารณ์
20.48K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 เมษายน พ.ศ. 2562 10.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) เปิดตัวแบดบอย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ภายในบ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่าของตระกูลมหาเศรษฐีผู้มีอันจะกินหลังหนึ่งใจกลางกรุงเทพมหานคร แผ่นไม้เหนือประตูทางเข้าสลักด้วยตัวอักษรสีทองอันวิจิตรชัดเจน “บ้านเกียรติการุณย์”
รถสปอร์ตสีแดงคันหรูถูกขับเข้ามาจอดเทียบบริเวณหน้าตึกใหญ่อย่างรวดเร็วด้วยฝีมือการขับขี่อันเชี่ยวชาญของเจ้าของรถ
ประตูรถคันหรูถูกเปิดออกช้าๆพร้อมกับรองเท้าแบรนด์เนมชื่อดังคู่สวยก้าวลงมาสัมผัสกับพื้นเบื้องล่าง ชายหนุ่มผู้สวมแว่นตาสีดำพร้อมกับสวมเสื้อแจ๊กเก็ตสุดเท่ห์ปรากฏกายขึ้น
เขาไม่ลังเลใจที่จะก้าวเท้าเพื่อมุ่งหน้าไปตามทางเดินเข้าไปภายในตัวบ้านด้วยอาการไม่ใคร่จะเร่งรีบเท่าใดนัก
ชายหนุ่มผลักประตูเข้ามาภายในห้องห้องหนึ่งอย่างใจเย็น สามีภรรยาวัยกลางคนคู่หนึ่งนั่งรออยู่ที่โซฟาด้วยใบหน้าเคร่งขรึมอยู่ภายในห้องก่อนแล้ว
“ว่าไง เจ้าลูกชายตัวดี แกยังนิสัยเดิมไม่เคยเปลี่ยน เข้ามาหัดรู้จักเคาะประตูก่อนซะมั่งสิ แกควรจะเรียนรู้มารยาททางสังคมเอาไว้ซะบ้างนะเจ้าก้อง มันจะเป็นประโยชน์กับแกได้ในอนาคต”
“เอาน่าพ่อ คิดจะต้อนรับผมด้วยวิธีเทศนาผมแบบนี้อีกนานมั้ยครับ นี่ดีเท่าไหร่แล้วที่ผมยอมกลับมาตามที่พ่อกับแม่สั่งผม ทั้งๆที่ผมกำลังมีความสุขกับเพื่อนๆของผมอยู่แท้ๆเชียว”
หญิงวัยกลางคนหนึ่งเดียวในห้อง หลังจากเงียบอยู่นาน ปล่อยให้พ่อกับลูกชายปะทะคารมกันพอหอมปากหอมคออยู่พักหนึ่งจึงได้เอ่ยขึ้นมาบ้างว่า
“เอาน่าคุณ ลูกก้องกลับมาตามที่คุณต้องการแล้ว คุณก็ควรใจเย็นๆก่อน ค่อยๆพูดค่อยๆจากับลูกก็ได้ ก้องก็เหมือนกันทำไมไปต่อล้อต่อเถียงพ่อแบบนั้นล่ะมันไม่ดีเลยนะลูก คนเป็นลูกต้องรู้จักเคารพเชื่อฟังพ่อแม่สิ ชีวิตจะได้เจริญก้าวหน้านะลูก”
“อ้าวแม่ นึกว่าจะเข้าข้างผม สุดท้ายไหงกลับมาเทศน์ผมอีกคนไปได้ซะนี่…”
คุณเกียรติการุณย์ ผู้เป็นประมุขของบ้าน จึงตัดสินใจยุติการสนทนาที่ทำท่าจะยืดเยื้อไปอีกนาน เพื่อเข้าเรื่องที่เขาได้ให้คนโทรศัพท์ไปตามลูกชายตัวดีมาพบในวันนี้
“เอาล่ะๆ พอได้แล้วเจ้าก้อง ที่พ่อกับแม่ตามแกมาวันนี้ เพราะเราได้รับรู้ความประพฤติอันเสเพลของแก มันชักจะหนักข้อขึ้นทุกวัน ๆแล้วนะ ช่วงนี้ที่พ่อกับแม่ไปประชุมสัมมนาที่ต่างจังหวัดบ่อยๆ แกก็ไม่เคยอยู่ติดบ้านเลย วันๆก็ควงสาวๆไม่ซ้ำหน้าออกไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์ดึกๆดื่นๆ ไม่ยอมกลับบ้าน แถมยังไปนอนค้างที่อื่นหลายๆวัน แบบนี้ เงินในแบงค์แกก็ผลาญไปจนร่อยหรอแทบจะทุกแบงค์แล้ว ฉันอยากจะรู้นักว่าทุกอย่างที่ฉันพูดมามันเป็นความจริงมั้ยไอ้ก้องเกียรติ”
หลังจากร่ายยาวจนจบ ประมุขของบ้านก็หยุดพักหอบเหนื่อยและรอฟังคำตอบที่พอจะรู้มาก่อนล่วงหน้า ด้วยใบหน้าอันเคร่งขรึมบ่งบอกถึงความจริงจังในคำพูดที่เขาได้กล่าวมาทั้งหมด
ชายหนุ่มมองหน้าผู้เป็นพ่ออย่างไม่สะทกสะท้านใดๆ มีแววตัดพ้อน้อยใจผู้เป็นพ่อปรากฏขึ้นมาแวบหนึ่ง ก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะเอ่ยแบบทีเล่นทีจริง ไม่สนใจในกิริยาจริงจังของผู้เป็นพ่อเหมือนกับที่เขาเคยทำมาแล้วทุกๆครั้ง
“แล้วไอ้ใครล่ะครับที่มันหวังดีประสงค์ร้ายคาบข่าวไปบอกกับพ่อได้รวดเร็วทันใจขนาดนี้ แต่ผมว่า ผมคงต้องขอบคุณมันนะครับ ที่มันทำให้พ่อกับแม่ต้องรีบถ่อสังขารจากการเจรจาธุรกิจร้อยล้านพันล้านเพื่อที่จะมาพบหน้าไอ้ลูกชายเลวๆคนนี้ได้”
“ไอ้ก้อง! แก…”
เสียงผู้เป็นบิดาตะโกนขึ้นด้วยความโกรธจัด ที่ลูกชายเพียงคนเดียวพูดจายียวนกวนประสาทเขา ไม่เห็นหัวคนเป็นพ่ออย่างเขาเลยแม้แต่น้อย
คุณหญิงกัลยาณี ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากก้าวเข้ามาจับแขนเขาเอาไว้เป็นเชิงบอกให้เขาใจเย็นๆทุกครั้งที่เขามีเรื่องกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนนี้ ซึ่งมันก็มักจะได้ผลทุกครั้ง แต่ไม่ใช่กับครั้งนี้
“ไอ้ก้องเกียรติ ฉันชักจะสุดทนกับพฤติกรรมเสเพลเหลวไหลพวกนี้ของแกเต็มทนแล้วนะ ถ้าเขินแกยังทำตัวแบบนี้อีกล่ะก็ คราวนี้ฉันจะเอาจริง แกคอยดูก็แล้วกัน”
“เชิญครับพ่อ พ่อสามารถทำอะไรก็ได้เท่าที่พ่อต้องการ เอาเลยครับ พ่ออยากทำอะไรผมก็เอาเลย อยากจะฆ่าจะแกง หรือจะไล่ผมออกจากบ้าน จะตัดพ่อตัดลูกก็ตามใจพ่อเถอะ พ่อบงการชีวิตใครก็ได้ทั้งนั้น แต่ไม่ใช่ผม ผมมีชีวิตของผม ผมมีความสุขกับชีวิตของผมแบบนี้ พ่อก็มีความสุขกับธุรกิจร้อยล้านพันล้านของพ่อต่อไปก็แล้วกัน ไม่ต้องมาเสียเวลากับไอ้คนเลวๆอย่างผมให้มันเสียเวลา เสียชื่อเสียงของพ่อหรอกครับ”
พูดจบชายหนุ่มก็ผลุนผลันออกไปจากห้องทันทีโดยไม่สนใจเสียงเรียกของพ่อแม่ผู้ยืนมองอยู่เบื้องหลังด้วยดวงใจที่ปวดร้าว เขาขับรถคันโปรดพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็วราวกับพายุดุจอารมณ์โทสะที่กำลังครุกรุ่นอยู่ในห้วงเวลานี้
ภายในห้องทำงาน สองสามีภรรยาได้แต่นั่งทอดถอนใจ ปลุกปลอบใจกันและกันอยู่ภายใน ทั้งคู่ต้องยอมรับโดยปริยายว่าทุกๆครั้งที่พวกเขาพยายามจะเจรจากับลูกชายคนเดียว เพื่อให้เขากลับตัวกลับใจ หันกลับมาทำงานทำการ เพื่อเชิดหน้าชูตาให้วงศ์ตระกูล และมีอนาคตที่ดี มีหน้าที่การงานที่ดีเหมือนกับลูกของคนอื่นๆบ้าง
แต่ทุกครั้งผลการเจรจาก็ต้องลงเอยแบบนี้ แทนที่ทุกอย่างจะดีขึ้นแต่กลับจะเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ ก้องเกียรติกลับยิ่งดื่มหนัก เที่ยวหนัก ทำตัวไร้ค่าหนักขึ้นไปอีก โดยเฉพาะครั้งนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะแย่ลงกว่าทุกๆ ครั้งที่ผ่านมาเสียด้วยซ้ำไป
ในขณะที่คุณเกียรติการุณย์และคุณกัลยาณีกำลังจมจ่อมอยู่ในห้วงแห่งความมืดมนกับปัญหาหนักอกหนักใจอันใหญ่หลวงอยู่นั้น เด็กรับใช้ก็เข้ามารายงานว่า
“คุณท่านคะ คุณหญิงคะ มีแขกมาขอพบค่ะ เห็นเค้าบอกว่าให้มาเรียนท่านว่า สหายเก่าแวะมาเยี่ยมค่ะ”
สองสามีภรรยาหันมามองหน้ากันด้วยความฉงนใจ ก่อนที่ทั้งคู่จะประคองกันออกมายังห้องรับแขก ช่างเป็นสวรรค์ลิขิตแท้ๆ ที่คุณพิชัยซึ่งเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนของคุณเกียรติการุณย์และคุณพัชราซึ่งเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนของคุณหญิงกัลยาณีได้แวะมาหา
สองสามีภรรยามาได้จังหวะพอดี ทั้งคู่ต่างก็โผเข้ากอดเพื่อนสนิทของแต่ละคนอย่างยินดียิ่งนัก
หลังจากสงบสติอารมณ์และทักทายกันพอสมควรแล้ว สองสามีภรรยาแห่งบ้านเกียรติการุณย์ก็ได้เล่าเรื่องราวอันหนักอกหนักใจให้กับแขกผู้มาเยือนทั้งคู่ฟังจนหมดสิ้น
หลังจากได้ฟังเรื่องราวของครอบครัวเพื่อนรักของเขาและของภรรยาแล้ว คุณพิชัยก็เอ่ยขึ้นว่า
“จากกันไป 20 กว่าปี ไม่นึกว่าจะได้กลับมาพบกันอีกในครั้งนี้ สมัยเรียนเราเป็นเพื่อนรักกันมาก เดี๋ยวนี้เราก็ยังเป็นเพื่อนรักกันอยู่ ถึงแม้นายจะได้ดีมีเงินร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีในเมืองกรุง ส่วนเรากลับเป็นชาวสวนอยู่ที่ต่างจังหวัดก็เถอะนะ แต่ว่ามิตรภาพไม่เคยขาดหาย มีอะไรที่เราพอจะช่วยเหลือครอบครัวนายได้บ้างเราก็ยินดีจะช่วยนะ ตอนนี้ใจเย็นๆ สงบสติอารมณ์ก่อน ไว้ค่อยๆคิด ค่อยๆแก้ไขช่วยกันไปดีกว่านะเพื่อนยาก”
คุณพัชราหลังจากนิ่งฟังสามีพูดจนจบก็ได้เอ่ยขึ้นบ้างว่า
“ณี เธอเองก็เหมือนกันนะ ปัญหาทุกอย่างมันต้องมีทางออกสักทางสิ อย่างที่เธอเคยบอกฉันตอนเราเรียนอยู่ห้องเดียวกันไง ตอนนี้ฉันจะพยายามคิดหาทางแก้ไขปัญหาช่วยเธอ ฉันยังอยู่ข้างๆเธอและเป็นกำลังใจให้เสมอนะเพื่อนรัก”
“ขอบใจมากนะแพท เพื่อนรัก เธอช่างเหมือนนางฟ้ามาโปรดฉันจริงๆ ฉันรู้สึกดีขึ้นมากเลยล่ะที่เธอและสามีของเธอมาที่นี่ในเวลานี้ ขอบคุณสวรรค์ที่ส่งพวกเธอทั้งคู่มาที่นี่”
คุณหญิงกัลยาณีโผเข้ากอดพัชราเพื่อนรักด้วยความซาบซึ้งอีกครั้ง ขณะที่สามีภรรยาทั้งสองคู่กำลังปรับทุกข์กันอยู่นั้น เสียงใสๆก็ดังขึ้น
“ขอโทษนะคะนี่ใช่บ้านเกียรติการุณย์มั้ยคะ คือดิฉันมาหาคุณพิชัยกับคุณพัชราที่เป็นแขกของที่นี่น่ะค่ะ”
สิ้นเสียงใส ก็ปรากฏร่างของหญิงสาวหน้าตาสดใส วัยยี่สิบเศษๆ ผมยาวประบ่าคนหนึ่ง เธอเดินย่างกรายเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของเจ้าของบ้านและแขกผู้มาเยือนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว สองสามีภรรยาเจ้าของบ้านทำหน้าสงสัยก่อนจะถึงบางอ้อ เมื่อผู้มาใหม่พูดขึ้นว่า
“เอ่อ! สวัสดีค่ะ คุณท่านคุณหญิง ขอโทษนะคะที่ดิฉันเข้ามาที่นี่ก่อนจะได้รับอนุญาตจากท่านทั้งสอง ดิฉัน พัส พัสรียา ค่ะ เป็นลูกสาวของพ่อพิชัยกับแม่พัชราค่ะ”
หลังจากแนะนำตัวจบเธอก็พนมมือขึ้นไหว้ผู้เป็นเจ้าของบ้านด้วยความเคารพนอบน้อม หลังจากเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ประมุขของบ้านและคุณหญิงก็ต้อนรับขับสู้หญิงสาวเป็นอย่างดี ทั้งคู่ประสงค์จะให้เพื่อนรักทั้งสองและลูกสาวพักอยู่ที่นี่จนกว่าจะหาที่อยู่ในกรุงเทพฯได้
แต่มีเรื่องบางอย่างที่สองสามีภรรยาเจ้าของบ้านต้องการให้หญิงสาวช่วยเหลือ ซึ่งก็สร้างความลำบากใจให้หญิงสาวไม่น้อยเลยทีเดียว
“หนูพัสจ๊ะ ฉันขอร้องล่ะ ช่วยอะไรฉันกับคุณท่านด้วยนะ ได้โปรดเถอะช่วยพวกเราด้วย”
“แต่พัสว่า ไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอคะคุณหญิง พัสยินดีที่จะช่วยเหลือลูกชายของคุณหญิงกับคุณท่านนะคะ แต่ว่าวิธีนี้…พัสว่ามัน…เอ่อ…”
“โถ่! หนูพัส ได้โปรดเถอะถือว่าฉันขอร้องก็แล้วกันนะช่วยฉันสักครั้งเถอะ ช่วยฉุดลูกชายของฉันขึ้นมาจากหุบเหวนรกนั่นเสียทีเถอะนะ”
คุณเกียรติการุณย์ประมุขของบ้านเข้าใจความรู้สึกที่แสดงออกมาทางสีหน้าท่าทางอึดอัดใจของหญิงสาว เขาจึงตัดสินใจพูดขึ้นว่า
“เอาล่ะ คุณหญิง พอได้แล้วๆ เราควรจะให้เวลาหนูพัสเค้าหน่อยนะ หรือบางทีอาจจะมีวิธีอื่นที่จะดัดนิสัยเจ้าลูกชายจอมเกเรของเราได้นอกจากวิธีนี้ ผมว่าออกจะเป็นการเสียมารยาทไปหน่อยนะที่เราจะไม่ให้แขกพิเศษของบ้านเราไปพักผ่อนหลังจากเดินทางไกลมาจากต่างจังหวัดเหนื่อยๆ”
ขณะเดินตามหญิงรับใช้เข้าไปยังห้องพัก พัสรียาไม่มีอารมณ์ที่จะชื่นชมความงามของตัวบ้านและเครื่องเรือนอันหรูหราวิจิตรตระการตาใดๆภายในบ้านเอาเสียเลย เพราะตอนนี้คำพูดของคุณหญิงกัลยาณีที่ขอร้องเธอเมื่อครู่ยังคงดังก้องอยู่ในหูคล้ายกับว่าเสียงนั้นตามมาหลอกหลอนเธออยู่ทุกชั่วขณะจิต
“หนูพัส ฉันรู้ว่ามันอาจจะเป็นการรบกวนหนูมากเกินไป ถ้าฉันจะขอให้หนูแต่งงานกับเจ้าก้องเกียรติลูกชายของฉัน แต่มันอาจจะเป็นวิธีเดียวในตอนนี้ที่จะช่วยให้ลูกชายของฉันเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้บ้าง หนูพัสเป็นคนดี ฉันเชื่อว่าถ้าเจ้าก้องได้แต่งงานกับผู้หญิงดีดีอย่างหนู เจ้าก้องจะต้องกลับตัวกลับใจเป็นคนดีได้แน่ๆ เพราะฉะนั้นถือว่าฉันขอร้องล่ะ ได้โปรดช่วยลูกชายของฉันด้วยนะหนูพัส ช่วยลูกชายฉันด้วย”
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
รถสปอร์ตสีแดงคันหรูถูกขับเข้ามาจอดเทียบบริเวณหน้าตึกใหญ่อย่างรวดเร็วด้วยฝีมือการขับขี่อันเชี่ยวชาญของเจ้าของรถ
ประตูรถคันหรูถูกเปิดออกช้าๆพร้อมกับรองเท้าแบรนด์เนมชื่อดังคู่สวยก้าวลงมาสัมผัสกับพื้นเบื้องล่าง ชายหนุ่มผู้สวมแว่นตาสีดำพร้อมกับสวมเสื้อแจ๊กเก็ตสุดเท่ห์ปรากฏกายขึ้น
เขาไม่ลังเลใจที่จะก้าวเท้าเพื่อมุ่งหน้าไปตามทางเดินเข้าไปภายในตัวบ้านด้วยอาการไม่ใคร่จะเร่งรีบเท่าใดนัก
ชายหนุ่มผลักประตูเข้ามาภายในห้องห้องหนึ่งอย่างใจเย็น สามีภรรยาวัยกลางคนคู่หนึ่งนั่งรออยู่ที่โซฟาด้วยใบหน้าเคร่งขรึมอยู่ภายในห้องก่อนแล้ว
“ว่าไง เจ้าลูกชายตัวดี แกยังนิสัยเดิมไม่เคยเปลี่ยน เข้ามาหัดรู้จักเคาะประตูก่อนซะมั่งสิ แกควรจะเรียนรู้มารยาททางสังคมเอาไว้ซะบ้างนะเจ้าก้อง มันจะเป็นประโยชน์กับแกได้ในอนาคต”
“เอาน่าพ่อ คิดจะต้อนรับผมด้วยวิธีเทศนาผมแบบนี้อีกนานมั้ยครับ นี่ดีเท่าไหร่แล้วที่ผมยอมกลับมาตามที่พ่อกับแม่สั่งผม ทั้งๆที่ผมกำลังมีความสุขกับเพื่อนๆของผมอยู่แท้ๆเชียว”
หญิงวัยกลางคนหนึ่งเดียวในห้อง หลังจากเงียบอยู่นาน ปล่อยให้พ่อกับลูกชายปะทะคารมกันพอหอมปากหอมคออยู่พักหนึ่งจึงได้เอ่ยขึ้นมาบ้างว่า
“เอาน่าคุณ ลูกก้องกลับมาตามที่คุณต้องการแล้ว คุณก็ควรใจเย็นๆก่อน ค่อยๆพูดค่อยๆจากับลูกก็ได้ ก้องก็เหมือนกันทำไมไปต่อล้อต่อเถียงพ่อแบบนั้นล่ะมันไม่ดีเลยนะลูก คนเป็นลูกต้องรู้จักเคารพเชื่อฟังพ่อแม่สิ ชีวิตจะได้เจริญก้าวหน้านะลูก”
“อ้าวแม่ นึกว่าจะเข้าข้างผม สุดท้ายไหงกลับมาเทศน์ผมอีกคนไปได้ซะนี่…”
คุณเกียรติการุณย์ ผู้เป็นประมุขของบ้าน จึงตัดสินใจยุติการสนทนาที่ทำท่าจะยืดเยื้อไปอีกนาน เพื่อเข้าเรื่องที่เขาได้ให้คนโทรศัพท์ไปตามลูกชายตัวดีมาพบในวันนี้
“เอาล่ะๆ พอได้แล้วเจ้าก้อง ที่พ่อกับแม่ตามแกมาวันนี้ เพราะเราได้รับรู้ความประพฤติอันเสเพลของแก มันชักจะหนักข้อขึ้นทุกวัน ๆแล้วนะ ช่วงนี้ที่พ่อกับแม่ไปประชุมสัมมนาที่ต่างจังหวัดบ่อยๆ แกก็ไม่เคยอยู่ติดบ้านเลย วันๆก็ควงสาวๆไม่ซ้ำหน้าออกไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์ดึกๆดื่นๆ ไม่ยอมกลับบ้าน แถมยังไปนอนค้างที่อื่นหลายๆวัน แบบนี้ เงินในแบงค์แกก็ผลาญไปจนร่อยหรอแทบจะทุกแบงค์แล้ว ฉันอยากจะรู้นักว่าทุกอย่างที่ฉันพูดมามันเป็นความจริงมั้ยไอ้ก้องเกียรติ”
หลังจากร่ายยาวจนจบ ประมุขของบ้านก็หยุดพักหอบเหนื่อยและรอฟังคำตอบที่พอจะรู้มาก่อนล่วงหน้า ด้วยใบหน้าอันเคร่งขรึมบ่งบอกถึงความจริงจังในคำพูดที่เขาได้กล่าวมาทั้งหมด
ชายหนุ่มมองหน้าผู้เป็นพ่ออย่างไม่สะทกสะท้านใดๆ มีแววตัดพ้อน้อยใจผู้เป็นพ่อปรากฏขึ้นมาแวบหนึ่ง ก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะเอ่ยแบบทีเล่นทีจริง ไม่สนใจในกิริยาจริงจังของผู้เป็นพ่อเหมือนกับที่เขาเคยทำมาแล้วทุกๆครั้ง
“แล้วไอ้ใครล่ะครับที่มันหวังดีประสงค์ร้ายคาบข่าวไปบอกกับพ่อได้รวดเร็วทันใจขนาดนี้ แต่ผมว่า ผมคงต้องขอบคุณมันนะครับ ที่มันทำให้พ่อกับแม่ต้องรีบถ่อสังขารจากการเจรจาธุรกิจร้อยล้านพันล้านเพื่อที่จะมาพบหน้าไอ้ลูกชายเลวๆคนนี้ได้”
“ไอ้ก้อง! แก…”
เสียงผู้เป็นบิดาตะโกนขึ้นด้วยความโกรธจัด ที่ลูกชายเพียงคนเดียวพูดจายียวนกวนประสาทเขา ไม่เห็นหัวคนเป็นพ่ออย่างเขาเลยแม้แต่น้อย
คุณหญิงกัลยาณี ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากก้าวเข้ามาจับแขนเขาเอาไว้เป็นเชิงบอกให้เขาใจเย็นๆทุกครั้งที่เขามีเรื่องกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนนี้ ซึ่งมันก็มักจะได้ผลทุกครั้ง แต่ไม่ใช่กับครั้งนี้
“ไอ้ก้องเกียรติ ฉันชักจะสุดทนกับพฤติกรรมเสเพลเหลวไหลพวกนี้ของแกเต็มทนแล้วนะ ถ้าเขินแกยังทำตัวแบบนี้อีกล่ะก็ คราวนี้ฉันจะเอาจริง แกคอยดูก็แล้วกัน”
“เชิญครับพ่อ พ่อสามารถทำอะไรก็ได้เท่าที่พ่อต้องการ เอาเลยครับ พ่ออยากทำอะไรผมก็เอาเลย อยากจะฆ่าจะแกง หรือจะไล่ผมออกจากบ้าน จะตัดพ่อตัดลูกก็ตามใจพ่อเถอะ พ่อบงการชีวิตใครก็ได้ทั้งนั้น แต่ไม่ใช่ผม ผมมีชีวิตของผม ผมมีความสุขกับชีวิตของผมแบบนี้ พ่อก็มีความสุขกับธุรกิจร้อยล้านพันล้านของพ่อต่อไปก็แล้วกัน ไม่ต้องมาเสียเวลากับไอ้คนเลวๆอย่างผมให้มันเสียเวลา เสียชื่อเสียงของพ่อหรอกครับ”
พูดจบชายหนุ่มก็ผลุนผลันออกไปจากห้องทันทีโดยไม่สนใจเสียงเรียกของพ่อแม่ผู้ยืนมองอยู่เบื้องหลังด้วยดวงใจที่ปวดร้าว เขาขับรถคันโปรดพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็วราวกับพายุดุจอารมณ์โทสะที่กำลังครุกรุ่นอยู่ในห้วงเวลานี้
ภายในห้องทำงาน สองสามีภรรยาได้แต่นั่งทอดถอนใจ ปลุกปลอบใจกันและกันอยู่ภายใน ทั้งคู่ต้องยอมรับโดยปริยายว่าทุกๆครั้งที่พวกเขาพยายามจะเจรจากับลูกชายคนเดียว เพื่อให้เขากลับตัวกลับใจ หันกลับมาทำงานทำการ เพื่อเชิดหน้าชูตาให้วงศ์ตระกูล และมีอนาคตที่ดี มีหน้าที่การงานที่ดีเหมือนกับลูกของคนอื่นๆบ้าง
แต่ทุกครั้งผลการเจรจาก็ต้องลงเอยแบบนี้ แทนที่ทุกอย่างจะดีขึ้นแต่กลับจะเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ ก้องเกียรติกลับยิ่งดื่มหนัก เที่ยวหนัก ทำตัวไร้ค่าหนักขึ้นไปอีก โดยเฉพาะครั้งนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะแย่ลงกว่าทุกๆ ครั้งที่ผ่านมาเสียด้วยซ้ำไป
ในขณะที่คุณเกียรติการุณย์และคุณกัลยาณีกำลังจมจ่อมอยู่ในห้วงแห่งความมืดมนกับปัญหาหนักอกหนักใจอันใหญ่หลวงอยู่นั้น เด็กรับใช้ก็เข้ามารายงานว่า
“คุณท่านคะ คุณหญิงคะ มีแขกมาขอพบค่ะ เห็นเค้าบอกว่าให้มาเรียนท่านว่า สหายเก่าแวะมาเยี่ยมค่ะ”
สองสามีภรรยาหันมามองหน้ากันด้วยความฉงนใจ ก่อนที่ทั้งคู่จะประคองกันออกมายังห้องรับแขก ช่างเป็นสวรรค์ลิขิตแท้ๆ ที่คุณพิชัยซึ่งเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนของคุณเกียรติการุณย์และคุณพัชราซึ่งเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนของคุณหญิงกัลยาณีได้แวะมาหา
สองสามีภรรยามาได้จังหวะพอดี ทั้งคู่ต่างก็โผเข้ากอดเพื่อนสนิทของแต่ละคนอย่างยินดียิ่งนัก
หลังจากสงบสติอารมณ์และทักทายกันพอสมควรแล้ว สองสามีภรรยาแห่งบ้านเกียรติการุณย์ก็ได้เล่าเรื่องราวอันหนักอกหนักใจให้กับแขกผู้มาเยือนทั้งคู่ฟังจนหมดสิ้น
หลังจากได้ฟังเรื่องราวของครอบครัวเพื่อนรักของเขาและของภรรยาแล้ว คุณพิชัยก็เอ่ยขึ้นว่า
“จากกันไป 20 กว่าปี ไม่นึกว่าจะได้กลับมาพบกันอีกในครั้งนี้ สมัยเรียนเราเป็นเพื่อนรักกันมาก เดี๋ยวนี้เราก็ยังเป็นเพื่อนรักกันอยู่ ถึงแม้นายจะได้ดีมีเงินร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีในเมืองกรุง ส่วนเรากลับเป็นชาวสวนอยู่ที่ต่างจังหวัดก็เถอะนะ แต่ว่ามิตรภาพไม่เคยขาดหาย มีอะไรที่เราพอจะช่วยเหลือครอบครัวนายได้บ้างเราก็ยินดีจะช่วยนะ ตอนนี้ใจเย็นๆ สงบสติอารมณ์ก่อน ไว้ค่อยๆคิด ค่อยๆแก้ไขช่วยกันไปดีกว่านะเพื่อนยาก”
คุณพัชราหลังจากนิ่งฟังสามีพูดจนจบก็ได้เอ่ยขึ้นบ้างว่า
“ณี เธอเองก็เหมือนกันนะ ปัญหาทุกอย่างมันต้องมีทางออกสักทางสิ อย่างที่เธอเคยบอกฉันตอนเราเรียนอยู่ห้องเดียวกันไง ตอนนี้ฉันจะพยายามคิดหาทางแก้ไขปัญหาช่วยเธอ ฉันยังอยู่ข้างๆเธอและเป็นกำลังใจให้เสมอนะเพื่อนรัก”
“ขอบใจมากนะแพท เพื่อนรัก เธอช่างเหมือนนางฟ้ามาโปรดฉันจริงๆ ฉันรู้สึกดีขึ้นมากเลยล่ะที่เธอและสามีของเธอมาที่นี่ในเวลานี้ ขอบคุณสวรรค์ที่ส่งพวกเธอทั้งคู่มาที่นี่”
คุณหญิงกัลยาณีโผเข้ากอดพัชราเพื่อนรักด้วยความซาบซึ้งอีกครั้ง ขณะที่สามีภรรยาทั้งสองคู่กำลังปรับทุกข์กันอยู่นั้น เสียงใสๆก็ดังขึ้น
“ขอโทษนะคะนี่ใช่บ้านเกียรติการุณย์มั้ยคะ คือดิฉันมาหาคุณพิชัยกับคุณพัชราที่เป็นแขกของที่นี่น่ะค่ะ”
สิ้นเสียงใส ก็ปรากฏร่างของหญิงสาวหน้าตาสดใส วัยยี่สิบเศษๆ ผมยาวประบ่าคนหนึ่ง เธอเดินย่างกรายเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของเจ้าของบ้านและแขกผู้มาเยือนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว สองสามีภรรยาเจ้าของบ้านทำหน้าสงสัยก่อนจะถึงบางอ้อ เมื่อผู้มาใหม่พูดขึ้นว่า
“เอ่อ! สวัสดีค่ะ คุณท่านคุณหญิง ขอโทษนะคะที่ดิฉันเข้ามาที่นี่ก่อนจะได้รับอนุญาตจากท่านทั้งสอง ดิฉัน พัส พัสรียา ค่ะ เป็นลูกสาวของพ่อพิชัยกับแม่พัชราค่ะ”
หลังจากแนะนำตัวจบเธอก็พนมมือขึ้นไหว้ผู้เป็นเจ้าของบ้านด้วยความเคารพนอบน้อม หลังจากเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ประมุขของบ้านและคุณหญิงก็ต้อนรับขับสู้หญิงสาวเป็นอย่างดี ทั้งคู่ประสงค์จะให้เพื่อนรักทั้งสองและลูกสาวพักอยู่ที่นี่จนกว่าจะหาที่อยู่ในกรุงเทพฯได้
แต่มีเรื่องบางอย่างที่สองสามีภรรยาเจ้าของบ้านต้องการให้หญิงสาวช่วยเหลือ ซึ่งก็สร้างความลำบากใจให้หญิงสาวไม่น้อยเลยทีเดียว
“หนูพัสจ๊ะ ฉันขอร้องล่ะ ช่วยอะไรฉันกับคุณท่านด้วยนะ ได้โปรดเถอะช่วยพวกเราด้วย”
“แต่พัสว่า ไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอคะคุณหญิง พัสยินดีที่จะช่วยเหลือลูกชายของคุณหญิงกับคุณท่านนะคะ แต่ว่าวิธีนี้…พัสว่ามัน…เอ่อ…”
“โถ่! หนูพัส ได้โปรดเถอะถือว่าฉันขอร้องก็แล้วกันนะช่วยฉันสักครั้งเถอะ ช่วยฉุดลูกชายของฉันขึ้นมาจากหุบเหวนรกนั่นเสียทีเถอะนะ”
คุณเกียรติการุณย์ประมุขของบ้านเข้าใจความรู้สึกที่แสดงออกมาทางสีหน้าท่าทางอึดอัดใจของหญิงสาว เขาจึงตัดสินใจพูดขึ้นว่า
“เอาล่ะ คุณหญิง พอได้แล้วๆ เราควรจะให้เวลาหนูพัสเค้าหน่อยนะ หรือบางทีอาจจะมีวิธีอื่นที่จะดัดนิสัยเจ้าลูกชายจอมเกเรของเราได้นอกจากวิธีนี้ ผมว่าออกจะเป็นการเสียมารยาทไปหน่อยนะที่เราจะไม่ให้แขกพิเศษของบ้านเราไปพักผ่อนหลังจากเดินทางไกลมาจากต่างจังหวัดเหนื่อยๆ”
ขณะเดินตามหญิงรับใช้เข้าไปยังห้องพัก พัสรียาไม่มีอารมณ์ที่จะชื่นชมความงามของตัวบ้านและเครื่องเรือนอันหรูหราวิจิตรตระการตาใดๆภายในบ้านเอาเสียเลย เพราะตอนนี้คำพูดของคุณหญิงกัลยาณีที่ขอร้องเธอเมื่อครู่ยังคงดังก้องอยู่ในหูคล้ายกับว่าเสียงนั้นตามมาหลอกหลอนเธออยู่ทุกชั่วขณะจิต
“หนูพัส ฉันรู้ว่ามันอาจจะเป็นการรบกวนหนูมากเกินไป ถ้าฉันจะขอให้หนูแต่งงานกับเจ้าก้องเกียรติลูกชายของฉัน แต่มันอาจจะเป็นวิธีเดียวในตอนนี้ที่จะช่วยให้ลูกชายของฉันเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้บ้าง หนูพัสเป็นคนดี ฉันเชื่อว่าถ้าเจ้าก้องได้แต่งงานกับผู้หญิงดีดีอย่างหนู เจ้าก้องจะต้องกลับตัวกลับใจเป็นคนดีได้แน่ๆ เพราะฉะนั้นถือว่าฉันขอร้องล่ะ ได้โปรดช่วยลูกชายของฉันด้วยนะหนูพัส ช่วยลูกชายฉันด้วย”
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ