คุณหมอหัวใจแหวว

7.6

เขียนโดย sivach_13

วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554 เวลา 18.10 น.

  18 ตอน
  20 วิจารณ์
  35.81K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) ผู้หญิงคนแรก 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
หลังจากที่ตกลงใจแน่นอนแล้วว่าคนที่จะเป็นเจ้าบ่าวตัวจริงคือพี่เป้
ทิพย์ธิดาก็ทิ้งช่วงการติดต่อกับหมอตรัยไป
เมื่อชายหนุ่มโทรศัพท์มาหาคำตอบที่อยู่ปลายสายเกือบทุกครั้งคือ
"ไม่ว่าง" หรือ "ไม่มีเวลา" กับน้ำเสียงที่เรียบเฉยเย็นชาจนบาดใจ
 
เป็นธรรมดาของคนคุ้นเคยที่อยู่ด้วยกันมานาน
หมอตรัยเองก็รู้สึกได้ถึง"บางอย่าง"ในน้ำเสียงของแฟนสาว
 ทำเอาชายหนุ่มใจหาย ถึงจะพูดว่ารักได้ไม่เต็มปาก
แต่หมอกวางก็เป็นเพียงหญิงเดียวที่ชายหนุ่มผูกพันด้วย
มาตลอดสองปีเต็ม ทั้งเจ้าหล่อนยังเป็นผู้หญิงคนแรก
ในชีวิตหนุ่มของหมอตรัยอีกด้วย
 
ความรู้สึกนี้ยิ่งทวีคูณเมื่อโทรศัพท์ไร้การติดต่อเกือบครึ่งเดือน
เมื่อโทร.ไปก็ไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆราวกับโทรศัพท์ถูกปิดเครื่อง
หมอตรัยแน่ใจว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรให้อีกฝ่ายขุ่นข้องหมองใจ
จนถึงกับปิดเครื่องหนี และเมื่อโทร.ไปสอบถามกับโรงพยาบาลค่าย
ก็ปรากฏว่าทิพย์ธิดายังมาทำงานตามปกติ

จนชายหนุ่มอดรนทนไม่ไหว...
โทรศัพท์ไปสอบถามเอากับเพื่อนสาวในกลุ่มของหมอกวาง
ที่ไปฝึกงานด้วยกัน อีกฝ่ายไม่ยอม"คาย"อะไรออกมา
ได้แต่อ้อมแอ้มตอบว่าไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรทั้งนั้น
...แต่ก็ยังส่อพิรุธให้เห็น หมอตรัยจึงได้แต่บ่นให้คนใกล้ตัวฟัง
ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นระหว่างเขาและทิพย์ธิดา
 
หมอเบียร์นั่งฟังเพื่อนบ่นเรื่องแฟนด้วยท่าทีไม่สบายใจมาสักครู่ใหญ่
ชายหนุ่มอดชื่นชมเพื่อนรักอยู่ในใจไม่ได้...
แม้จะแสดงทีท่าหงุดหงิดยามเล่าเรื่อง
หมอตรัยก็ซื่อตรงต่อทั้งตัวเขาเองและคู่กรณีพอสมควร
ไม่มีการเติมไข่ใส่สีให้อีกฝ่ายดูเป็นผู้ร้ายจนเกินจริง
 
อันที่จริงเมื่อก่อนที่เพื่อนๆในแก๊งค์พากันแอนตี้ทิพย์ธิดา
ชายหนุ่มก็พยายามเคลียร์กับทั้งสองฝ่ายอยู่หลายหน
จนเขายังแซวว่า
"หมอตรัยน่าจะทำงานประนีประนอมคู่กรณีแทนการเป็นแพทย์"
เพราะเคลียร์เก่งเหลือเกิน
 
นอกจากนี้แม้จะมีเรื่องไม่สบายใจขนาดไหน
หมอตรัยก็คงเป็นคุณหมอตรัยคนเดิมที่สุภาพ อ่อนโยน และใจดี
กับทุกคน ถ้าเป็นเขา...เขาคงบุกไปถามความจริงกับเพื่อนๆของ
ทิพย์ธิดาถึงโรงพยาบาลค่ายไปนานแล้ว และคงหงุดหงิด
จนไม่มีอารมณ์ที่จะมารักษาผู้ป่วยเป็นแน่ ไม่มาใจเย็นแบบนี้หรอก
หมอเบียร์คิดก่อนจะส่งต่อเรื่องราวไปยังบรรดาเพื่อนใจสาว
 
"กรูเอง โรงพยาบาลค่ายฯอยู่ถิ่นกรู เดี๋ยวให้คุณป๋าสืบให้
แป๊บเดียวรู้เรื่อง"
หมอแอ๊ดอาสา อันที่จริงบ้านหมอแอ๊ดนั้นอยู่นครปฐมนั่นแหละ
ส่วนโรงพยาบาลค่ายฯนั้นอยู่กาญจนบุรี
 แต่กระนั้นถ้าคุณหมอแอ๊ดอยากรู้ซะอย่าง คุณป๋า หรือนายอำพล
บิดาของหมอแอ๊ดที่เป็นผู้มีอิทธิพลกว้างขวางตั้งแต่นครปฐม
จรดเพชรบุรีก็ยินดีจะช่วยเสมอ
 
"คุณป๋าคะ ยุ่งอยู่หรือเปล่า ลูกมีเรื่องอยากรบกวนคุณป๋าค่ะ"
หมอแอ๊ดที่ตอนนี้เป็นหญิงไปแล้วครึ่งตัวเคาะประตู
ห้องทำงานนายอำพลผู้เป็นบิดา
 
"อาแอ๊ดเหรอ เข้ามาก่อนสิ"
อีกฝ่ายตอบไม่เงยหน้าจากแฟ้มเอกสารกองโต
 
หมอแอ๊ดเปิดประตูห้องทำงานบิดาพร้อมหูฉลามตุ๋น
ส่งกลิ่นหอมฟุ้งสาวครึ่งตัววางโถหูฉลามลงบนโต๊ะทำงาน
ท่าทางเรียบร้อยไม่ดัดจริตกรีดกรายเกินหญิง
และช่างเอาอกเอาใจทำให้หมอแอ๊ดเป็น"ลูกสาวคนโปรด"
ของนายอำพล ก็บ้านนี้มีแต่ลูกชายตั้งห้าคนนี่นา
 
แม้นายอำพลจะเป็นผู้มีอิทธิพลแต่ก็รักลูกมาก
เขาไม่เคยกล่าวโทษซ้ำเติมหรือพูดให้ลูกชายใจสาว
เสียใจเรื่องนี้เลย ถ้าจะดุด่าก็ด้วยเรื่องอื่นเท่านั้น
 
"แค่นี้มังก็มีกรรมพอแล้ว เลาเป็งพ่อแม่ ไม่ควรซ้ำเติมลูก
อีเป็งกาเทยก็ช่าง ไม่ติดเหล้าติดยา อั๊วะก็พอใจแล้ว
แถมอียังเลียงเก่งได้เกียรตินิยม เลาน่าจะชมอีให้มากๆ
อีจะได้มีกำลังใจว่าพ่อแม่ไม่ได้ทอดทิ้ง
มีลูกชายตั้งเยอะแยะ มีลูกกาเทยซักคนก็ไม่เห็งเป็งไร"
นายอำพลบอกภริยาและญาติๆเช่นนี้เสมอ
 
"คุณป๋า จะบ่ายสองแล้วทำไมยังไม่กินข้าวอีก"
"ลูกทำหูฉลามไว้ ของคุณแม่กับเฮียๆลูกแบ่งไว้แล้ว
คุณป๋ามากินก่อนนะคะ"
หมอแอ๊ดเอาใจใส่บิดาเสมอ เนื่องจากนายอำพลมักทำงานเพลิน
ลืมรับประทานอาหารจนเป็นโรคกระเพาะไปแล้วถึงสองครั้ง
 
"ป๋าจะดูบัญชีก่อง แถวๆราชบุรีเคยมีขาประจำส่งของให้โรงงาน
เราเยอะอยู่ แต่ตอนนี้จำนวนมันลดลงมาก อากำชัยอี
กำลังตรวจสอบอยู่แต่ป๋าก็อยากจะดูข้อมูลบางอย่างเอง"
นายอำพลพูดถึงลูกคนรอง
 
"แต่คุณป๋าต้องกินอะไรก่อน ถ้าเป็นโรคกระเพาะไปจะแย่นะคะ
คราวก่อนไม่เข็ดรึไง"
หมอแอ๊ดขู่ นายอำพลต้องวางปากกาจนได้ ชายวัยกลางคน
ผลักกองเอกสารกองโตให้พ้นจากตัว และเริ่มตักหูฉลามเข้าปาก
 
"ดีค่ะ"
ลูกชายใจสาวชมเหมือนชมเด็กเล็กๆ
 
"แล้วอาแอ๊ดมีธุระอะไรกับป๋า"
นายอำพลเอ่ยถาม
 
คุณป๋าคะ ลูกมีเรื่องอยากให้คุณป๋าช่วยหน่อยน่ะค่ะ
คือว่าเพื่อนของลูก...."
แล้วหมอแอ๊ดก็บรรยายเรื่องราวทั้งหลายให้บิดาฟัง
 
"อาแอ๊ด ยุ่งเรื่องของเพื่อนมากไปหรือเปล่า
เพื่อนลื้ออีอาจจะไม่พอใจได้นะถ้าลื้อไปยุ่งกับอีมากๆ
มันเป็นเรื่องของคนสองคนนะอาแอ๊ดนา" นายอำพลเตือน
 
"คุณป๋าขา ลูกไม่อยากให้เพื่อนลูกโดนหลอก
หรือต้องมาเสียใจทีหลัง อีกอย่างลูกเชื่อว่าเรื่องเท่านี้
ตรัยไม่มีทางโกรธลูกหรอก"
หมอแอ๊ดยืนกรานพร้อมทั้งใส่ลูกอ้อนลูกยออีกชุดใหญ่
เท่านี้นายอำพลก็ยิ้มแก้มปริ โทรศัพท์สั่งลูกน้องให้สืบเรื่องราว
แฟนของเพื่อนลูกเป็นการด่วน
 
สองสามวันต่อมา ข่าวกรองละเอียดยิบถึงขนาดระบุช่วงเวลา
พร้อมสถานที่ที่ทิพย์ธิดาและนายทหารหนุ่มเตรียมตัว
ที่จะจัดพิธีวิวาห์ก็มาอยู่ในมือนายอำพล ก่อนจะส่งต่อให้ลูกชายใจสาว
 
"น่าเห็นใจเพื่อนลื้อจริงๆ"
"แต่นี่ก็เป็นโอกาสดีแล้ว ที่อีจะได้เลิกกับผู้หญิงโลเลแบบนี้"

"ค่ะ คุณป๋า ลูกก็ว่าอย่างงั้นเหมือนกัน ตอนสองคนนี้คบกัน
ก็ไม่มีใครเห็นด้วย ขนาดที่บ้านไอ่ตรัยยังไม่ปลื้มว่าที่สะใภ้
คนนี้เลยค่ะ แต่เพื่อนลูกสิ ยืนยันว่าจะรับผิดชอบ เรื่องมันเลย
ยาวมาจนป่านนี้" หมอแอ๊ดชี้แจง
 
"อุ๊ย!! เดี๋ยวลูกต้องขอตัวก่อนนะคะ วันนี้ลูกเข้าเวรช่วงกลางคืน
ต้องรีบกลับก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ลูกจะรีบกลับมาช่วยคุณแม่ทำมื้อ
เที่ยงให้คุณป๋านะคะ ขอบคุณคุณป๋ามากที่ให้คนสืบเรื่องนี้ให้ลูก"
 
หมอแอ๊ดกล่าวขอบคุณและร่ำลาบิดาเพื่อไปเข้าเวรต่อ
ในช่วงกลางคืนที่โรงพยาบาลค่ายของจังหวัดนครปฐม
 
ทันทีที่ออกจากบ้านเรียบร้อย สาวครึ่งตัวก็รีบโทร.รายงาน
เพื่อนๆทันที หมอเบียร์เป็นคนแรกที่หมอแอ๊ดโทร.หา
ค่าที่อยู่ใกล้หมอตรัยที่สุด จากนั้นหมอแอ๊ดก็โทร.หาเพื่อนๆ
ชายแท้และชายใจหญิงคนอื่นๆในกลุ่ม
 
"แล้วแอ๊ดจะให้ใครเป็นคนบอกตรัยเรื่องนี้วะ"
หมอเบียร์ถามหลังฟังเรื่องทุกอย่างจนจบ พลางถอนหายใจออก
อาการเหนื่อยแทน
 
"นั่นสิ แอ๊ดก็กลุ้มอยู่เนี่ย เบียร์จะเป็นคนบอกตรัยเองเลยมั้ย"
หมอแอ๊ดไม่ใจแข็งพอจะบอกข่าวร้ายให้เพื่อนตรัยฟัง
ถึงแม้นี่จะเป็นข่าวดีสำหรับเพื่อนๆคนอื่นก็เถอะ
 
"งั้น...วันนี้เราจะคุยกับตรัยเรื่องยัยกวางนะ"
หมอแอ๊ดเสียเวลาคิดไม่ถึงสามนาที
 
"อืม เบียร์...เราฝากดูไอ่ตรัยมันด้วยนะ"
 
"ไม่ต้องห่วงน่า"
หมอเบียร์รับปากด้วยน้ำเสียงแข็งขันหนักแน่น
 
ที่ตึกพักของโรงพยาบาลศรีอุดร เวลาประมาณสามทุ่มเศษๆ
อยู่ๆหมอเบียร์ที่ปกติไม่เคยชวนใครออกไปดื่มเลย ก็เอ่ยปาก
ชวนหมอตรัยออกข้างนอก
 
"ตรัย วันนี้ไปกินอะไรเย็นๆเป็นเพื่อนหน่อยดิ"
หมอเบียร์ชวน
 
"เอา ไปก็ไป...แต่เราไม่กินด้วยนะ"
ถึงจะแปลกใจที่หมอเบียร์ชวน แต่ชายหนุ่มก็ก้าวเท้าตามเพื่อน
ขึ้นรถอย่างว่าง่าย
 
ระหว่างทางหมอเบียร์เงียบจนผิดปรกติ ถึงชายหนุ่มจะเป็นคน
ไม่ช่างพูดช่างคุยนัก แต่สำหรับในวันนี้หมอเบียร์ดูจะเงียบเกินไป
และมีท่าทางลำบากใจยามที่มองมายังเพื่อนรัก
 
"เบียร์มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า เล่าให้เราฟังได้นะ"
หมอตรัยเห็นท่าทางแปลกๆของเพื่อนก็อดที่จะถาม
ด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
 
"มี มากด้วย แต่ถ้าเราเล่า ตรัยน่ะแหละจะไม่สบายใจซะเอง"
หมอเบียร์ตอบ สองมือที่กำพวงมาลัยรถเกร็งขึ้นเล็กน้อย
 
เขาเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา อ้อมค้อมไม่เป็นอยู่แล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นหมอเบียร์ก็อยากหาคำพูดที่คิดว่าซอฟท์ที่สุด
ที่จะสื่อไปยังคนที่นั่งไม่รู้เรื่องอยู่ข้างๆนี่ ดังนั้นชายหนุ่มจึง
ไม่หลุดปากอะไรออกมาอีกจนถึงร้านอาหารที่หมายตาไว้
 
หมอเบียร์พาเพื่อนเข้าร้านอาหารกึ่งคาราโอเกะ
ที่มีห้องหับเป็นสัดส่วน แล้วลงมือสั่งเบียร์เย็นๆให้ตัวเอง
และน้ำอัดลมให้เพื่อน ตามด้วยกับแกล้มอีกสองสามอย่าง
 
"อ้ะ พูดมาซะที ไหน...มีเรื่องอะไรที่จะทำให้เราลำบากใจ ฮะ"
หมอตรัยถามพลางจิบน้ำอัดลมเย็นชื่นใจด้วยท่าทาง
ไม่ทุกข์ไม่ร้อนจนหมอเบียร์แทบไม่อยากขยับปาก
 
"เอ่อ...คือ..."
 
"ไรของแกวะเบียร์ ... ว่ามาให้ว่องอำอึ้งอยู่ได้
เสียเวลาร้องเกะนะเนี่ย"
หมอตรัยเร่งยิก ช่างไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองเล้ย
 
หมอเบียร์เองก็นั่งบิดหัวสมองวิ่งพล่านสรรหาคำพูด
ที่จะไม่ระทบกระเทือนจิตใจเพื่อน เรื่องอื่นเขาอาจจะคิดได้ไว
แต่เรื่องที่จะมานั่งประดิษฐ์ประดอยคำพูดนี่มัน...
  
"เร็วเด้.."
อีกฝ่ายเร่ง และหมอเบียร์ก็....
 
"อะ เออๆ ...อีกวางน่ะ มันมีผัวใหม่ไปแล้ว
เป็นนายร้อยที่ค่ายสุรสีห์น่ะแหละ พอฝึกงานเสร็จอีกสามเดือน
มันก็จะแต่งกับเค้า ที่มันไม่คุยกับเมิงก็เพราะเงี้ยแหละ"
 
ช่างเป็นคำตอบสั้นๆที่รวบรัด กระชับ และได้ใจความครบถ้วนที่สุด
กลั่นกรองมาแล้วอย่างที่สุดเท่าที่หมอเบียร์จะคิดได้ ฮ่วย!!
เล่นเอาคนฟังตะลึงอึ้งกิมกี่ หมอตรัยรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหูอื้อ
 
"เมื่อกี้ เบียร์ว่าอะไรนะ เราฟังไม่ทัน"
ชายหนุ่มหันไปถามเพื่อนอย่างเบลอๆลอยๆ
 
"อย่าให้กรูพูดซ้ำได้มะ"
หมอเบียร์นิ่วหน้า แล้วหันมากระดกน้ำสีอำพันลงคออึกใหญ่
 
เรื่องราวในคืนนั้นจบลงที่หมอตรัยของเราต้องประคองปีก
หมอเบียร์คนส่งสารกลับที่พัก พร้อมเช็ดอ้วกคนเมาเป็นการ
ปลอบขวัญตัวเอง
 
"กรูเอ๊ย อกหักทั้งที่แทนที่จะได้เมา ต้องมานั่งเช็ดอ้วกไอ่เบียร์"
 
ชายหนุ่มส่ายหน้าด้วยอาการเซ็งจัด ก่อนจะก้มเก็บเสื้อเปื้อนอ้วก
ที่หมอเบียร์ถอดทิ้งไว้ที่พื้นห้อง ส่วนคนเมาเดินโซเซเข้าห้องน้ำไป
 
"อ้วกกกกก แอวะ"
 
หลังจากนั้นหมอตรัยก็ซึมๆไปสักพัก ไม่กี่วันชายหนุ่มก็กลับคืน
สู่สภาพปกติ ไม่ได้อาการหนักอย่างที่ผองเพื่อนพากันเป็นห่วง
สุดท้ายชายหนุ่มก็โทร.ไปเคลียร์กับทิพย์ธิดา ซึ่งอีกฝ่ายที่แม้จะ
แปลกใจบ้างที่หมอตรัยรู้เรื่องแต่ก็เต็มใจตกลงเปลี่ยนสถานภาพ
และยกเลิกคำสัญญาที่มีต่อกัน
 
หลายเดือนต่อมาการฝึกงานก็จบลง บรรดาหมออินเทิร์นทั้งหลาย
ต่างก็วุ่นวายกับการเตรียมตัวไปประจำตามโรงพยาบาลเพื่อชดใช้
ทุนและการรับพระราชทานใบปริญญาบัตร
 
วันซ้อมรับปริญญาวันสุดท้าย คุณหมอน้องกวางก็จัดแจงแจก
การ์ดแต่งงานที่จะมีขึ้นในไม่กี่เดือนข้างหน้าด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข
ท่าทางเห่อ"แฟนใหม่"จนปิดไม่มิด เจ้าหล่อนพร่ำอวดอ้าง
สรรพคุณว่าที่เจ้าบ่าวให้บรรดาเพื่อนทั้งสนิทและไม่สนิทฟัง
อย่างไม่ขาดปาก
 
หมอตรัยได้แต่ยิ้มอ่อนๆให้ทิพย์ธิดา ขณะที่รับซองสีชมพูจากมือ
หญิงสาว ซึ่งตีหน้าเศร้าในดวงตามีน้ำตาคลอ
 
"ตรัยไม่โกรธกวางนะคะ เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ย"
หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเสียงออดอ้อนเหมือนตอน
เมื่อครั้งยังเป็นแฟนกัน
 
"ไม่โกรธครับ ตรัยยังเป็นเพื่อนกวางเสมอ อย่าคิดมากเลย
ดีแล้วล่ะที่กวางเจอคนที่รักกวางและเอาใจใส่กวางได้มากกว่าตรัย
กวางจะได้มีความสุขกับครอบครัวอย่างที่ฝันไว้ไงครับ"
 
หมอตรับแอบกัด ขณะที่อีกฝ่ายยังคงเป็นน้ำหูน้ำตา ออกอาการ
สำนึกผิด..ก็จะทิ้งเค้าน่ะนะแต่ก็ยังอดหยอดทิ้งท้ายไม่ได้
 
"กวางเป็นห่วงตรัยนะคะ ยังไงกวางก็ยังมีความรู้สึกดีๆ
ให้ตรัยเสมอนะ" ทิพย์ธิดาสวมบทนางเอ๊กนางเอก
 
"อย่าห่วงเลยครับ ตรัยไม่ได้เสียใจมากขนาดนั้นสักหน่อย
ไม่งั้นคงไม่ปล่อยให้กวางแต่งงานง่ายๆหรอกน่า"
ชายหนุ่มประชดแบบหยิกแกมหยอกหน้าตาย
แต่คงจะแรงพอสมควรสาวกวางเลยสะบัดหน้าพรืดเดินจากไป
ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนในแก๊งหมอตรัย
 
หมอตรัยนั้นวางเฉยเกินคาดผิดกับหมอแอ๊ดที่อาฆาตมาดร้ายขนาด
จะไปดักตบคุณหมอน้องกวาง โดยมีหมอก๊อต หมอปิง และหมอเจ
ขาลุย อาสาเป็นผู้ร่วมขบวน
 
"กรูว่าอย่าเลย ขนาดไอ่ตรัยมันยังเฉยๆไม่เห็นจะสนใจอะไรเลย
พวกเมิงอย่าเว่อร์อิแอ๊ด เดี๋ยวเรื่องก็ไม่จบง่ายหรอก
มันเลิกกันนี่ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ รึพวกเมิงอยากให้ยัยกวางมันกลับ
มาเกาะไอ่ตรัยเหมือนเดิม ฮื้ออ"
เป็นหมอเบียร์ที่ห้ามไว้
 
"ฮึ้ยยย ขัดใจอ้ะ ดูท่าทางระริกระรี้ตอนมาแจกการ์ดนี่
กรูละอยากตบให้คว่ำ สตรอฯนัก อินี่"
เจ๊ใหญ่ออกอาการฮึดฮัดจนหมอเบียร์ต้องเกลี้ยกล่อมปนขู่อยู่นาน
 
"อ่ะ เกิดพวกเมิงไปโวยแล้วม่างสำนึกผิดขึ้นมา กลับมาหาไอ่ตรัย
เมิงจะว่าไง ไอ่ตรัยต้องแต่งกับมันแทนไอ่นายร้อยนั่นเลยนะมึ๊งง
ทีนี้ใครจะรับผิดชอบ"
 
หมอเบียร์งัดไม้ตายมาขู่ ทำเอาพวกบ้าพลังทั้งสี่จ๋อยสนิท
ได้แต่นั่งมองหน้ากันไปมาที่อยากแก้แค้นให้เพื่อน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
 
"แอร๊ยยย ขัดใจง่ะ ถ้าไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง อย่ามาเรียกกรู
เจ้าแม่เชียว"หมอแอ๊ดกรี๊ด
 
"ใจเย็นอิแอ๊ด เรื่องแบบนี้ไม่พึ่งเจ๊ จะพึ่งใคร"
หมอก๊อตแตะแขนปลอบเบาๆแต่ดวงตาเป็นประกายวิบวับ
 
"เด๋วเจ๊จัดให้ วันแต่งไปเรย"
 
งานเลี้ยงแต่งงานของคุณหมอน้องกวางและพี่เป้นายร้อยหนุ่ม
อนาคตไกลถูกจัดขึ้นอย่างหรูหราที่โรงแรมดังแถบดอนเมือง
ใกล้บ้านเจ้าสาว ภายในโรงแรมแขกเหรื่อทยอยกันมาคับคั่ง
 
ไหนจะนายทหารที่อยู่สังกัดเดียวกับพี่เป้และเพื่อนๆของบิดาเจ้าบ่าว
ที่ก็เป็นทหารเช่นเดียวกัน ไหนจะเพื่อนทางธุรกิจของบิดาเจ้าสาว
และเพื่อนๆที่เรียนแพทย์ด้วยกันมาของเจ้าสาว รวมถึงบรรดานักข่าว
 ที่รู้จักกันเป็นการส่วนตัวกับพี่เป้
 
 ทำเอาเจ้าสาวคนสวยยืดแบบสุดๆด้วยความภาคภูมิใจ
ที่วันนี้เป็นดาวดวงเด่นของงานท่ามกลางเสียงจากช่างภาพ
ทั้งที่จ้างมาและนักข่าวที่รู้จักพี่เป้
 
"เจ้าสาวยิ้มหน่อยค่ะ น่านหละ น่ารักมากกก"
"ยืนชิดกันอีกนิดครับ มองมาทางนี้นะ"
"น้องเจ้าสาวสวยจังเลย"
ฯลฯ
 
ขณะที่ยังปลื้มไม่เสร็จนั้นเอง หญิงสาวสวยจัดในชุดผ้าชีฟอง
สีแดงเพลิงเปลือยไหล่ก็ก้าวเข้ามาในงาน พร้อมด้วยกุหลาบแดง
ราคาแพงช่อใหญ่เต็มอ้อมแขนขาวนวล
 
ความสวยของหญิงสาวทำเอาคนรอบข้างหยุดมองดูเป็นตาเดียวกัน
 
หมอแอ๊ดนั่นเอง...วันนี้หมอแอ๊ดเป็นหญิงสาวเต็มตัวแล้ว
ส่วนเรื่องความงามนั้น แม่ให้มาเต็มๆค่ะ
หมอแอ๊ดนั้นเป็น"คนสวย"แบบไม่ต้องพึ่งมีดหมอ
 
อะนะ...ก็แม่สวยระดับเทพีประจำจังหวัดนะจ๊ะ
แถมหมอแอ๊ดเทคยาคุมมาตั้งแต่มัธยมต้น
 
เจ้าตัวจึงแทบไม่ต่างจากผู้หญิงมาตั้งแต่ไหนแต่ไร 
 แค่ตอนนี้ไปเพิ่มบนเฉาะล่าง หมอแอ๊ดก็สวยจนผู้หญิงจริงๆ
 ต้องชิดซ้าย
 
 แน่นอนว่าไม่เว้นแม้แต่ทิพย์ธิดาที่แอบริษยาชายใจสาว
มาตั้งแต่หมอแอ๊ดยังไม่แปลงเพศ ค่าที่สวยเกินหน้าเกินตา
เจ้าหล่อนน่ะแหละ
 
ยิ่งพอมาตอนนี้หมอแอ๊ดแต่งหน้าแต่งตาผิดกับตอนเรียน
ยิ่งทำให้เจ้าตัวเปล่งประกายโดดเด่นจนเกินหน้าเจ้าสาว
ไหนจะชุดสีแดงแปร๊ดนั่นอีก ทิพย์ธิดาโดนรัศมีหมอแอ๊ด
ข่มจนจืดสนิท หญิงสาวแทบจะกรี๊ดออกมาดังๆ
 
"ของขวัญจากชั้นกับหมอก๊อตจ้ะ"
คนสวยยื่นกุหลาบแดงให้ พอเจ้าสาวยื่นมือมารับกุหลาบช่อโต
หมอแอ๊ดก็โน้มใบหน้ามากระซิบกับเจ้าสาว
 
"ยัยขี้เหร่ โชคดีของไอ่ตรัยมันนะ ที่ไม่ต้องแต่งงานกับผู้หญิง
หน้าเงือกสมองเท่าเม็ดถั่วเขียวผ่าซีกอย่างหล่อน"
 
เท่านี้คุณหมอน้องกวางก็โกรธจนแทบคลั่ง ใบหน้าที่ถูกแต่ง
จนสวยเนี้ยบบิดเบี้ยวด้วยแรงโทสะ แม้จะอยากกรี๊ดหรือปราด
เข้าไปตบหมอแอ๊ดให้หายแค้นเพียงใด
 
เจ้าตัวก็ไม่สามารถทำได้ ด้วยติดที่เป็นงานมงคลของตัวเอง
ทิพย์ธิดาได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจ โกรธจนแทบกระอักเลือด
ที่ถูกสาวสวยด่าและข่มรัศมี แต่ก็ต้องฉีกยิ้มหวาน
 
พอหันมามองคนข้างตัวคุณหมอน้องกวางก็ต้องอารมณ์เสียหนัก
กว่าเดิม เพราะหันมาเห็นพี่เป้กำลังตะลึงกับความงามของ
สาวชุดแดงที่เพิงเดินจากไป หญิงสาวแอบหยิกผู้ที่ได้ชื่อว่า
เป็นสามีเสียหลายหนับชนิดห้อเลือด
 
ซ้ำยังออกอาการน้อยใจจนน้ำตาคลอ เล่นเอาพี่เป้หัวหมุนกับ
อารมณ์ของเจ้าสาว ไหนจะสายตาอยากรู้อยากเห็นของแขกเหรื่อ
และไหนจะนักข่าวอีกเล่า ...ปวดหัวแทน
 
ส่วนหมอแอ๊ดก็เดินไปจิบเครื่องดื่มแบบชิลด์ๆกับเพื่อนๆในแก๊ง
ที่แอบหัวเราะกันคิกคัก อ้อ...ที่ร้ายกว่านั้น นักข่าวหลายคนในงาน
ก็เดินมาคุยกับหมอแอ๊ดแล้วขอถ่ายรูปบ้าง แจกนามบัตรบ้าง
เล่นเอาต่อมอิจฉาคุณหมอน้องกวางฉีดพล่าน
 
การแก้แค้นเล็กๆนี้นับว่าสนุกสะใจเพื่อนๆทุกคนมาก
ตอนพากันเดินออกมาจากงาน เพื่อนหนุ่มเพื่อนสาวเม้าท์กัน
ไม่หยุดปาก ยกเว้นตรัยกับดิวที่พยายามออกปากห้ามแล้ว
ห้ามอีกก็ไม่สัมฤทธิ์ผล ตอนนี้ทุกคนมานั่งเม้าท์กันต่อที่บาร์
ของโรงแรม
 
"บาปนะ" หมอดิวบ่นเสียงอ่อน
"แต่ก็แอบสะใจ"
 
"จริงๆ กรูมีเรื่องจะสารภาพ"
เภสัชกรอั๋นพูดลอยๆ เพื่อนทุกคนหันมามองตัวต้นเสียง
 
"จริงๆยัยกวางกับชั้นมีอะไรกันก่อนไอ่ตรัยอีก"
 
"อ๊าววว ไอ่ชั่ว นี่เมิงล่อยัยกวางตั้งแต่ตอนมันคบไอ่ตรัยเหรอ
ไอ่เพื่อนเลว"
หมอรินแว้ด เจ้าหล่อนเกลียดเรื่องพรรค์นี้ที่สุด
 
"เฮ่ย ไม่ใช่"
คาสโนว่าอั๋นแย้ง
 
"ตั้งแต่ตอนปีสองแล้ว ชั้นรำคาญนิสัยยัยนั่น คบได้ไม่นาน
ก็เลิกกัน อ๊ะ...แต่ถึงไม่รำคาญก็เลิกอยู่ดี"
ชายหนุ่มเผยความจริง ก่อนจะนินทา"อดีต"ต่อไปว่า
 
"ยัยนั่นขู่ชั้นด้วยแหละ จะฆ่าตัวตายมั่งอะไรมั่ง
เล่นเอาชั้นประสาทแทบกิน ตอนที่คบกับไอ่ตรัยแรกๆ
ชั้นก็ว่าจะเตือนแล้ววว"
 
"แล้วทำไมแกไม่เตือน"
หมอดิวถาม เสียงเย็นเฉียบ ปกติหมอดิวไม่เคยอะไรกับใคร
แถมใจอ่อนขี้สงสาร แต่ตอนนี้ท่าทางเอาเรื่องเชียวละ
 
"ยัยกวางมาขอกับฉัน ไม่ให้บอกใคร ให้เห็นกับที่ฉันเป็นคน
ทำลายความบริสุทธิ์ของเค้า เป็นคนแรกของเค้าและเลว
กับเค้ามามาก ... ถ้าเป็นแก แกจะบอกคนอื่นไหม"
 
"แล้วก็นะ ถึงชั้นจะเลวมหาเลวยังไง ชั้นก็ไม่เคยกินในที่ลับ
แล้วมาไขในที่แจ้งนะเว้ย อย่างน้อยผู้หญิงที่โดนชั้นฟัน
ชั้นก็ไม่เคยเที่ยวไปบอกใครละวะ ว่าใครโดนมามั่งแล้ว"
 
เหตุผลของคาสโนว่าหนุ่มทำเอาทุกคนนั่งเงียบ แม้จะมีมุมที่เลว
จนเกินจะรับ แต่ข้อดีน้อยนิดนี่แหละ
...ที่ทำให้ทุกคนยังคบเพื่อนคนนี้อยู่
 
"เอาน่า ยังไงตอนนี้เราก็ไม่ต้องแต่งงานกับกวางแล้วนี่"
หมอตรัยพูดขึ้น เปลี่ยนบรรยากาศเครียดๆให้กลับสู่ปกติ
 
"แล้วเรื่องใช้ทุน ใครได้ไปที่ไหนกันมั่ง บอกกันหน่อยดิ๊"
 
แล้วเสียงเฮฮาเจี๊ยวจ๊าวก็กลับมาอีกครั้ง
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

 

 

 

 



 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา