เดชแม่ยาย
4) สะดุดรักข้ามรุ่น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความสะดุดรักข้ามรุ่น
ระหว่างที่ผมกับเจ้าคมยืนคุยกันอยู่ เสียงทักจากข้างหลังอย่างคุ้นเคยก็ดังขึ้น
“อ้าว?พี่มาได้อย่างไงกันล่ะ”เสียงหวานๆพูดแบบเจตนาแอ๊บ ดังทักทาย
เมื่อผมหันไปก็เจอกานดา เทพีสงกรานต์ของหมู่บ้านนางรองเดินกรีดกรายมาในชุดรัดรูปโชว์ทรวดทรงอร่ามชวนให้น้ำลายไหลยามมอง กานดาเดินยิ้มร่ามาเกาะแขนของผม นมคู่ใหญ่ถูไถแขนผมไปมา
“พี่มาที่นี่จะมาดูกานดาเต้นออกกำลังกายเรอะ? น่าบอกกานดาล่วงหน้าสักหน่อย กานดาจะได้แต่งมาให้ยั่วมากกว่านี้”
“โอ้ยย...แม่คุณเอ้ย...แค่นี้ก็ดีกว่าตรงแก้ผ้าหน่อยเดียวแล้ว”เจ้าคมมองแล้วกลืนน้ำลาย”จะมาเต้นจ้ำบะหรือจะมาเต้นออกกำลังกายกันแน่นี่”
กานดาหันไปมองค้อนเจ้าคม
“ปากมอมจริงๆเลยแก นี่ฉันแต่งโชว์มาทำบุญทำทานให้ไอ้พวกมีปัญญาแค่มองแล้วไม่ได้แอ้มต่างหาก อยากดูก็ดูซะ แล้วเอาไปใช้สไลด์ตัวหนอนของแกในจินตนาการเอา ฉันจะได้บุญด้วย”
เจ้าคมยกมือไหว้ท่วมหัว”สาธุ?ขอให้บุญกุศลอันมหาศาลครั้งนี้ของกานดาจงส่งเสริมให้ชาติหน้าไปเกิดเป็นชะนีจริงๆเถอะ จะได้สมใจที่ชาตินี้ต้องมาทนเป็นชะนีในร่างคน วันๆตามหาแต่พี่ผู้ใหญ่เขาแล้วร้องเรียกผัวๆๆๆๆๆ”
“ไอ้คมบ้า....มึงด่ากูเรอะ? ดูสิพี่ ไอ้คมมันด่าว่า กานดาเป็นชะนี ร่านหาผู้ชายนะ พี่ต้องจัดการนะ กานดา ไม่ยอมๆๆๆ”
กานดากอดแขนแล้วเขย่าฟ้องผม นมยิ่งถูแขนจนผมรำคาญต้องจับเอามือของเธอออก และแว้บหนึ่งที่มองไปบนเวทีรู้สึกอุปทานว่า สาวน้อยนั่นมองมาที่ผมและประกายตาวูบหนึ่งดูเหมือนจะไม่พอใจ แต่มันก็แค่วูบเดียวจริงๆ เพราะสาวน้อยยังโยกย้ายส่ายลีลานำเต้นต่อไป
“ปล่อยพี่เถอะกานดา อย่าทำอย่างนี้ ประเจิดประเจ้อน่าเกลียด ใครเห็นจะว่าร้ายให้กานดาเอาได้...”
“เชอะ?ว่าก็ว่าไปสิ กานดาไม่แคร์ เขาจะได้รู้ว่า กานดานี่แหละ ตัวจริงและเป็นว่าที่เมียของผู้ใหญ่บ้านนางรอง”
“ฮื่อออ...เหลวไหลไปกันใหญ่แล้วกานดา ปล่อยพี่นะ...”
“ตอนนี้ให้ปล่อย? คืนนั้นละอัดกานดาระบมเลย ใช่สิ? ได้กานดาแล้วนี่ จะด่าจะว่าจะไล่ส่งอย่างไงก็ได้ กานดามันใจง่ายเอง ที่ยอมไปแล้วเลยเสียเปรียบ”เทพีหมู่บ้านทำดราม่าทันทีและทำท่าเช็ดคราบน้ำตาตรงหางตา
“แต่คืนนั้นน่ะ? พี่อยู่ข้างล่างตลอดเลยนะ กานดาบอกว่าพี่ไม่ต้องน้องทำเอง แล้วกานดาก็เล่นเองทำเองคนเดียวเลยนะ”
“แล้วมันไม่เหมือนพี่ทำตรงไหนล่ะ? สรุปแล้วกานดาทำให้พี่น้ำแตกหรือเปล่า?”กานดาเถียงไม่ลดล่ะ
“พอแล้วกานดา? เราอย่าคุยเรื่องนี้กันเลย กินในที่ลับมาคุยกันในที่แจ้งมันไม่เหมาะ”
เทพีบ้านนางรองสะบัดหน้าทำงอนใส่”ไม่รู้ล่ะ? พี่ต้องยกฐานะของกานดาเสียที มากินฟรีกานดาเฉยๆอย่างนี้ กานดาไม่ยอมนะ หรือจะให้กานดาไปตามพี่มดง่ามมาแฉ...”
“อย่ามาขู่พี่กานดา? เธอก็ไม่ใช่สาวใช่แส้ แล้วคืนนั้นพี่ก็เมามากด้วย ถ้ายังขืนคุยเลอะเทอะกับพี่อย่างนี้ พี่จะเลิกคุยด้วยตลอดไปเลยนะ กานดาก็รู้นิสัยของพี่นี่”ผมพูดเสียงเข้ม กานดาเลยทำท่าหงอๆไป
ผมมองกลับไปบนเวที ร่างน้อยๆนั้นยังนำเต้นอย่างสนุกสนาน ชวนมองและน่าหลงใหลและจะดีกว่านี้มากเลย ถ้าไม่มีฝูงวรนุชเต้นตามอย่างอุบาวศ์สายตาของพวกไอ้เม้งอยู่ข้างล่าง มองแล้วช่างเหมือนนางฟ้ากำลังกรีดกรายร่ายรำสวยงามแล้วมีฝูงเปรตนรกดิ้นทุรนทุรายร้องขอส่วนบุญจังเลย
....การนำเต้นจบลง สาวร่างเล็กเดินเอาผ้าซับเหงื่อมาทางที่ผมยืนอยู่ มีไอ้เม้งตามคุยมาไม่ห่าง และสมุนของมันล้อมมาเป็นขบวน เมื่อมาเจอผมเธอก็ยิ้มและยกมือไหว้ทักทาย
”สวัสดีค่ะ....อ่า....พี่....ผู้ใหญ่....”
“แหม...พี่อะไร? เรียกมันลุงไปเลย ไม่ต้องไปเกรงใจ อายุมันเยอะกว่าพ่อน้องโสอีก....”ไอ้เม้งแทรกแบบไม่เกรงใจ
“ฮึ่มมม...ถ้ากูเป็นลุงของน้องโส กูว่ามึงก็เป็นปู่ของเขาละหว้า...พูดจาไม่ดูสังขารของตัวเอง...”
แต่พอไอ้เม้งจะพูดต่อ โสภาก็ยกมือห้ามมันกับผมไว้
“เอ้อ....พอเถอะค่ะ? แหม...คุยกันได้ถึงใจจังเลยนะคะ เอาเป็นว่าอย่าเถียงกันดีกว่าค่ะ อายเด็กๆแถวนี้นะคะ...”
คำห้ามและประชดนิ่มๆแต่จิกลึกของสาวร่างเล็กทำเอาผมกับไอ้เม้งหยุดเถียงทางวาจา แต่หันมาเชือดเฉือนกันทางสายตาแทน แล้วโสภาก็หันมาถามผมพร้อมรอยยิ้มใสๆหน้าชุ่มเหงื่อ แก้มแดงๆเรื่อๆด้วยเลือดฝาดทำเอาใจผมสั่นๆ
“เอ่อ...พี่ผู้ใหญ่มาที่นี่ทำไมรึค่ะ?”
“เอ่อ...คะ...คือ...ผะ...ผม....เอ้ย...พะ...พี่...จะมา...เอ่อ....”
“คือพี่ผู้ใหญ่เขาจะมาอุดหนุน หมูปิ้งของหนูโสนะ แต่มาไม่ทันมันหมดก่อน”เจ้าคมที่ยืนข้างๆลำคาญเลยพูดแทนให้
“ใช่จ๊ะ?ๆๆใช่...แต่....”ผมหันจ้องหน้าไอ้เม้งแล้วเน้นเสียง”แต่ถูกไอ้พวกขี้หลีเหมาตัดหน้าหมด...”
“เฮ้ย....มึงว่าใคร? ใครขี้หลี พูดดีๆนะ เดี๋ยวมีเรื่อง”กำนันเม้งตาขวางมองผม
“ก็ว่ามึงนั่นแหละ ไอ้วรนุชหัวงู”
“เฮ้ย?ไอ้ผู้ใหญ่นี่กูเป็นกำนันนะ ในเขตตำบลนี้มึงเป็นสายงานใต้บังคับบัญชาของกูนะ พูดจาให้เกียรติกันบ้าง”
“แหมมึงเอายศเอาศักดิ์มาข่มกูหรอ? ต่อให้มึงเป็น ผบ.ตำรวจกูก็จะเรียกมึงว่าไอ้เม้งไอ้เม้ง ไอ้เม้ง มึงจะทำไมกู”
“กูไม่ทนกับมึงแล้วโว้ย.....”ไอ้เม้งโกรธจนหน้าแดง”เด็กๆตื้บมันเลย...”
ลูกน้องมันพอรับคำสั่งแล้วก็ทำท่าจะเข้ารุมผม แต่แล้วกลับลังเล มองหน้ากัน เพราะคราวนี้ไม่มีใครมาห้าม
“เอ่อ...เฮียกำนันจะให้ทำอะไร...เอ่อ....ผู้ใหญ่นะครับ...”เจ้าคนตัวใหญ่ทำท่าสั่นๆถาม
“กระทืบมันไง...”ไอ้เม้งย้ำ
“จะดีหรอเฮียกำนัน...นั่น...เอ่อ...ผู้ใหญ่นะครับ?...”
“เออ..กูรู้แล้วว่ามันเป็นผู้ใหญ่ แล้วทำไม? แล้วมันเป็นพ่อของมึงด้วยหรอ?..”ไอ้เม้งหงุดหงิดกับสมุน
“ไม่ใช่หรอกเฮียกำนัน....แต่...”
“แต่อะไรวะ?”
“แต่นั่นผู้ใหญ่....บ้านนางรองนะครับ?..”ลูกน้องของมันชักเหงื่อตก
“มึงกลัวมันหรอ?”
“แล้วเฮียกำนันเล่าครับ?”ลูกน้องของมันถามกลับ
“เฮ้ย...วันนี้วันอะไร?”ไอ้เม้งทำลังเลแล้วถามลูกน้องมัน
“วันพระครับ เฮียกำนัน”ลูกน้องมันตอบ
“วันพระหรอ อื่มมม.....งั้นวันนี้งดทำร้ายคน กูไม่อยากทำบาป โชคดีของมึงนะ ไอ้ผู้ใหญ่”
ดูมันพูดกัน ใจมดทั้งลูกพี่ลูกน้อง หาข้ออ้างไปแบบมุดดินแห้ง
“ว่าแต่น้องโสพร้อมจะไปกินดินดาน...เอ้ย....ดินเนอร์ กับพี่กำนันหรือยัง...ล่ะจ๊ะ”มันหันไปชวนโสภาต่อ หลังจากเลิกเถียงกับผม
“เอ่อ...คือว่า...โส...”สาวร่างเล็กทำท่าเหมือนหนักใจ
“น้องโสเขาจะไปกินข้าวเย็นกับกู ไอ้ดินเนอร์ดินดานของมึงนะ เขาไม่ไปกินกับมึงหรอก...ไปหากินคนเดียวเหอะ..”
“อะไรนะน้องโส?...ไหนบอกว่าจะไปกับพี่กำนันไง? แล้วไปนัดกับไอ้ผู้ใหญ่หลังเนินนี่ได้ยังไงล่ะ หลอกลวงพี่กำนันเรอะ ทำได้ยังไง? น้องโสใจร้าย....ใจร้ายกับพี่กำนันมั๊กๆๆ”ไอ้เม้งทำเสียงอ้อนน่าถีบให้หงาย
“เอ่อ...โสยังไม่รับปากเลยนะคะ...ลุงกำนัน...”
“พี่กำนันบอกให้เรียกพี่ ทำไมไม่เรียก?”
“เอ่อ..คือโสทำใจเรียกไม่ได้ค่ะ..ลุงกำนัน?.”
“เอาเถอะเรียกบ่อยๆเดี๋ยวก็ชิน แต่พี่กำนันสงสัย ทีไอ้ผู้ใหญ่นี่ทำไมเรียกพี่ได้?”
สาวร่างเล็กยิ้มหวาน”เรียกได้ค่ะ...พี่ผู้ใหญ่นี่เรียกได้สบายเลย...”
“ทำไมเรียกได้?”
“พี่เขาเป็นพระเอกค่ะ...ชัดไหม?”
“เอ่อ..ชัดเลยน้องโส...”
ไอ้เม้งนอกเรื่องกับโสภาไปพักใหญ่ก็กลับมาต่อเรื่อง
“มึงไปนัดน้องโสตอนไหนวะ?”แล้วหันไปมองหน้าสาวร่างเล็ก”จริงเรอะน้องโส ที่ว่านัดกับมันไว้?”
สาวร่างเล็กลังเลชั่วครู่ก็ยิ้มแล้วพยักหน้า”ค่ะ...โสนัดพี่ผู้ใหญ่ไว้ จะไปกันรึยังคะ”
สาวร่างเล็กพูดจบก็เดินมายืนข้างผม เธอมองสบตาผมทำเอาชุ่มชื่นหัวใจบอกไม่ถูก
“แล้วกานดาเล่าพี่? ให้กานดาไปด้วยนะ”เทพีบ้านนางรองเดินเข้ามาเอาหุ่นอวบๆล้นไม้ล้นมือเบียดสาวร่างเล็กเซออกไปจนเกือบหัวทิ่ม พลางจับแขนของผมเขย่าออดอ้อน”กานดาไม่ได้ไปกินข้าวกับพี่มานานแล้ว ให้กานดาไปด้วยนะ”
ผมแกะมือเทพีหุ่นเนื้อ นม ไข่ ออกและค่อยๆดันออกห่างๆ”กานดา?...พี่นัดน้องโสไว้แล้ว ไว้วันหลังนะ”
กานดาทำสีหน้าไม่พอใจ หันไปมองเด็กสาวร่างเล็กแล้วแอ่นอกมองอย่างดูแครน
“ไปกับอีเด็ก...เอ้ย...ไปกับน้องโสตามลำพังหรอ?”
ผมพยักหน้า ส่วนโสภาก็ยืนมองมา หน้าตาของเธอดูเฉยๆ แต่สายตาบ่งบอกว่าไม่พอใจ
“เฮอะ?...”กานดาเดินวนรอบตัวสาวร่างเล็กราวจะสำรวจแล้วเดินมาคุยกับผมเบาๆ”อีเด็กคนนี้มันมีอะไรดีกว่ากานดารึพี่ ตัวก็เล็ก ของก็เล็ก สวยก็น้อยกว่า มีดีแค่สดกว่าเท่านั้น แต่สดนะสู้เก๋าไม่ได้หรอกพี่”
“อย่าคิดสกปรกนะกานดา? พี่กับโสไปกินข้าวกันเฉยๆ ไม่ได้ไปทำบัดสีกัน พูดจาให้เกียรติกันบ้าง ผู้หญิงเหมือนกัน”
กานดาเบ๊ะปาก”เฮอะ?..ใครไปกินข้าวกับพี่เคยรอดสักคนเรอะ? ชะตาหอยขาดแน่ละมึงวันนี้?”
แล้วกานดาก็เดินส่ายก้นพาหุ่นชวนฝันจากไป พลางบ่นพอได้ยิน”เฮอะ?ชวนไปบนนอนฟูกนุ่มๆไม่ไป อยากนอนบนไม้กระดานแห้งๆแข็งๆก็ตามใจ”
“เอาละ?...น้องโสไปกันเหอะ”ผมเอ่ยปากชวนทันที
“ตกลงจะไปกับไอ้ผู้ใหญ่จริงๆเรอะ?”กำนันเม้งยังถามอย่างอาลัยอาวรณ์
สาวร่างเล็กพยักหน้า”ค่ะ...คิวของลุงกำนันไว้วันหลังนะค่ะ..”
ไอ้เม้งทำหน้าจ๋อยๆ ส่วนผมผายมือเชิญสาวร่างเล็กให้เดินไปที่รถของผม ไอ้เม้งมองตาละห้อย ผมหันมายิ้มยักคิ้วเยาะเย้ยมัน แหมมันสะใจจริงๆ แต่เสียงบ่นเจ้าคมดังแว่วๆ
“อีหนูนี่สำคัญนะนี่ แค่ทำใสซื่อพูดอ้อนไม่กี่คำ สิงห์เฒ่าแถวนี้ก็กัดแย่งกันฝุ่นตลบเลย....”
ผมเดินมาหาเจ้าชมที่เก็บร้านเสร็จแล้ว สาวร่างเล็กยิ้มหวานบอกผู้เป็นอา
“อาชม? เอ่อวันนี้โสจะไปกินข้าวเย็นกับ...พี่ผู้ใหญ่นะ...อากลับไปก่อนนะ...”
เจ้าชมสะดุ้ง หน้าตาตื่น”ฮ้าท์....ไปกินข้าวเย็นกับผู้ใหญ่เรอะ? อย่าไปเลยยัยโส....อันตราย....”
“อันตรายอะไร? ไอ้ชม มึงพูดดีๆ กูชวนไปกินข้าว ไม่ได้ลวงน้องโสไปฆ่าหั่นศพ...”
“ก็นั่นแหละพี่...สาวๆไปกิ....น”มันต้องหยุดพูดเมื่อผมชี้หน้ามันแล้วทำตาดุ
“มึงหยุดพูดเลยนะ? เดี๋ยวน้องโสจะตื่นแล้วรู้ตัว...เอ้ย...น้องโสเขาจะกลัวไม่กล้าไปกับกู...”
สาวน้อยปิดปากหัวเราะเสียงใส ดูแล้วน่ารักน่าหลงใหลยิ่งนัก”มีอะไรหรออาชม? พี่ผู้ใหญ่ใจดีและน่ารักอย่างนี้ อาชมพูดเหมือนพี่เขาน่าหวาดกลัวไม่ควรเข้าใกล้...”
“ใช่?ไอ้ชมกูมีอะไรน่ากลัววะ?...ไปเหอะน้องโส...”ผมทำท่าผายมือชวนสาวน้อยเดินไปที่รถของผม
“แต่?...ยัยโส...คือ...”เจ้าชมยังทำท่าห่วง
สาวร่างเล็กหันมายิ้มหวานๆ”เชื่อมือโสเถอะ...ว่าจะปลอดภัยกลับมา...”
“ใช่?....น้องโสปลอดภัยแน่เมื่อไปกับพี่ ส่วนมึงไม่ต้องห่วงกูจะพาน้องโสกลับมาส่งอย่างปลอดภัยแน่ ไอ้ชม...”
แล้วเราก็หันเดินกันไปที่รถ แต่เอ...โสภาบอกว่าให้เชื่อมือว่าเธอจะกลับมาอย่างปลอดภัย ฟังดูแปลกๆ แต่ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะยามนี้รู้สึกลิงโลดใจ ที่จะไปได้กินข้าวกับสาวน้อยวัยใสคนนี้
“พี่?แล้วผมเล่าให้ไปด้วยไหม?”เจ้าคมถามทันทีเมื่อเห็นผมกำลังจะพาโสภาไปเชือดเอ้ย...ไปกินข้าวกันตามลำพัง
“เอ้า?พอไหม สำหรับกลับคนเดียว?...”ผมควักแบงค์สีม่วงให้มันไปหนึ่งใบ
“พอครับพี่...”แต่มันยังมองสาวน้อยโสภาอย่างระแวง พลางกระซิบ”พี่ระวังตัวด้วยนะ?”
“บ้าเรอะกูไปกินข้าวกับน้องโส ต้องระวังอะไร เด็กตัวแค่นี้จะทำอะไรกูได้..”
“นั่นแหละที่ผมห่วง?”
“มึงห่วงเขาหรอ?”ผมถามกระเซ้า
“ห่วงพี่นั่นแหละ ผมว่ามันมีอะไรแปลกๆนะ”
“มึงนี่คิดมาก เขาสิต้องกลัวกู ไม่ใช่กูต้องกลัวเขา กูไปละเสียเวลา...”
แล้วผมก็ขับรถออกมาและตรงดิ่งไปยังตัวอำเภอ ยังไงคืนนี้ต้องมีอะไรติดไม้ติดมือกลับบ้านบ้างละ
ระหว่างนั่งรถกันไปผมลอบมองร่างของเด็กสาวในชุดรัดรูป แหมสัดส่วนมันเร้าใจดีถึงจะร่างจะเล็กแต่สัดส่วนก็ดูเหมาะเจาะ กลิ่นเหงื่อผสมกลิ่นกายของสาวน้อยคลุ้งอยู่ในรถ โดยมีแอร์เป็นสื่อนำ ผมสูดแล้วใจสั่นๆ จนอยากจะละพวงมาลัยไปกอดฟัด แต่ใจเย็นๆ สาวน้อยคนนี้ยังเด็กนักและดูจะใสซื่อ ที่สำคัญดูเธอจะมีใจให้เรา ถ้าเห็นแก่เงินคงยอมไปกับไอ้เม้งแล้ว
“มองทางบ้างสิคะ? ชำเลืองมองโสอย่างงี้เดี๋ยวก็ขับรถตกถนนหรอก”เสียงใสๆเอ่ยบอก แหมรู้ด้วยว่าเราแอบมอง
“เปล่าครับ...น้องโส ไม่ได้แอบมองแต่พี่...ชื่นชมนะ หุ่นน้องโสนี่ดีจริงๆ ไม่รู้มาก่อนเลยว่าเป็นครูเต้นนำแอร์โรบิกด้วยเต้นนำได้สง่าแล้วสวยงามจริงๆ”
สาวน้อยยิ้ม”ก็โสเคยเรียนเต้นมาสมัยยังอยู่กรุงเทพฯเพื่อไว้ออกกำลัง ส่วนเรื่องที่พี่ผู้ใหญ่ว่าสวยงามและสง่านี่ แล้วดีพอ..เอ่อ..จะสู้....เอ่อ...คนที่ชื่อกานดาได้ไหมคะ...”
ผมหันมามองสาวน้อยแล้วตอบไม่ถูก เล่นถามแบบจี้จุดใจดำอย่างนี้”ก็ดีไปคนละอย่าง แต่พี่ไม่ขอวิจารณ์ เพราะการวิจารณ์สัดส่วนของผู้หญิง ผู้ชายดีๆเขาไม่ทำกันหรอก”
“แล้วผู้ชายชั่วๆเขาชอบทำกันหรอคะ?”สาวน้อยถามกลับจนผมต้องหันไปมองหน้า
“เอ่อ...จะ..จ๊ะ....”
“โสโชคดีนะ...ที่ได้มากับคนดี....”สาวน้อยมองสบตาของผมยิ้มๆ
ผมถอนหายใจยาวๆแล้วถามสิ่งคาใจ
“ทำไมน้องโสไม่ไปกับไอ้เม้งล่ะ ทำไมมากับพี่แล้วยังโกหกว่านัดไว้แล้วด้วย ทั้งที่เรายังไม่เคยได้คุยกันเลย”
สาวน้อยถอนหายใจ มองออกไปทางหน้าต่าง
“โส...เบื่อพวกผู้ชายที่มองโสแล้วคิดแต่เรื่องจะร่วมเตียงมีเซ็กส์ ทำไมผู้ชายชอบมองผู้หญิงแล้วคิดแค่นั้นก็ไม่รู้? คิดอย่างอื่นบ้างไม่ได้เลยรึไง ? เช่นผู้หญิงคนนี้เก่งนะ ผู้หญิงคนนั้นกล้าหาญนะ มีเรื่องมากมายให้น่าชื่นชมเกี่ยวกับผู้หญิง แต่ผู้ชายก็มองแค่เรื่องเซ็กส์ และชอบคุยว่าเคยมีเซ็กส์ด้วยและเป็นอย่างไง?”สาวน้อยถอนหายใจหลังจากร่ายยาว
เอ่อ...น้องเอ๋ย...พี่ก็คิด แต่ตอนนี้ขอทำตัวเป็นคนดีเอาใจไปก่อน
“ทำไม ไอ้เม้งมันมองน้องโสอย่างงั้นรึ งั้นพรุ้งนี้พี่จะไปจัดการมันให้เอง พี่จะสั่งสอนมันให้จำไว้ว่าห้ามมายุ่งกับน้องโสและต่อไปนี้พี่จะให้น้องโสเป็น?....เอ่อ....”
สาวน้อยจ้องตาผมแล้วยิ้ม”เป็นอะไรล่ะคะ?...”
“เป็นคนพิเศษ...ที่พี่ต้องคอยดูแล..และห่วงใยก็แล้วกันนะ...”
ผมตอบแบบอึดอัด รู้สึกว่ายามอยู่ใกล้สาวคนนี้ ลวดลายชั้นเชิงที่เคยใช้หลอกพาสาวๆไปล่อ มันกลับไม่กล้าจะนำออกมาใช้ รู้สึกเขินอายที่จะพูดสิ่งที่ตรงกับใจและความรู้สึกจริงๆ
“อย่าเลยค่ะ? ความจริงกำนันเม้งก้อไม่ได้วุ่นวายกับโสเท่าไหร่หรอก? แต่โสแปลกใจว่าหมู่บ้านนี้คนหนุ่มๆหายไปไหนหมด ที่มาตามมาดูและมาจีบโส ทำไมมีแต่คนสูงวัยและคนแก่?”
คำตอบของสาวน้อยทำเอาผมสำรักไอโขรกๆ
“เป็นอะไรไปคะ...”เด็กสาวยื่นมือมาจับไหล่ของผม พร้อมถามอย่างห่วงใย
“มะ...มะ..ไม่เป็นไรหรอก...แค่มัน...เอ่อ...ไอธรรมดาน่ะ...”
ธรรมดาครับที่จะเป็นอย่างนั้น เพราะถ้าลองไอ้เม้งมันหมายตาผู้หญิงคนไหนก็ไม่มีใครในหมู่บ้านกล้ายุ่ง ใครกล้าแหยมมักถูกมันส่งลูกน้องมากระทืบคางเหลือง ส่วนผมเองก็เช่นกันถ้าใครเป็นผู้หญิงของผมก็ไม่มีใครกล้ามาแตะ แต่น่าประหลาดตรงที่ ผมกับไอ้เม้งไม่เคยชอบผู้หญิงคนเดียวกันเลยสักครั้ง จะมีก็ครั้งตั้งแต่สมัยวัยรุ่นที่มันมาจีบสร้อยแข่งกับผม ผ่านไปเกือบๆ 20 ปี เพิ่งจะมาแข่งจีบโสภากันนี่แหละ และเป็นช่วงที่น่าสังเวชมากเพราะ หัวหงอกกันแล้วแต่มาแย่งจีบเด็ก..
ระหว่างทางที่เรานั่งรถไปด้วยกัน ผมก็เริ่มคุยกับเธอ
“ว่าแต่น้องโสนี่เป็นคนกรุงเทพฯโดยกำเนิดรึ?”ผมเริ่มซักประวัติของเธอ
“ใช่ค่ะ? คุณพ่อเป็นคนกรุงเทพฯ ส่วนคุณแม่เป็นคนต่างจังหวัด ทั้งสองพบรักกันที่บ้านเกิดของคุณแม่ และคุณย่าชอบคุณแม่มาก เพราะคุณแม่เป็นคนสวย เรียบร้อยและมารยาทดี แต่น่าเสียดายที่คุณพ่อเสียไปแล้ว”น้ำเสียงเด็กสาวฟังเศร้าๆ
“เอ่อ...พี่เสียใจด้วย...อ้า..อย่าคุยเรื่องเศร้าเลยดีกว่า เอาละ...ถึงแล้ว ร้านนี้อร่อยที่สุดในตัวจังหวัดแล้ว”
ผมจอดรถและพาสาวน้อยเข้าไปนั่งในร้านอาหารติดริมแม่น้ำ บรรยากาศดี ยิ่งยามใกล้ค่ำอย่างนี้ ได้นั่งกินไปดูแม่น้ใหลเอื้อยไป คุยกับสาวๆไปเพลินอย่าบอกใครเลย
“น้องโสอยากทานอะไรสั่งเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”ผมแสดงความใจปล้ำหวังหลอกเด็กให้เหลิง
“พี่ผู้ใหญ่สั่งเถอะ โสเกรงใจ”เด็กสาวยังไว้ตัว
ผมเลยสั่งอาหารมา3 – 4 อย่างและนั่งกินกันไปเรื่อยๆ
“เคยมากินข้าวกับไอ้เม้งอย่างนี้หรือเปล่า?”
เด็กสาวส่ายหัว”ไม่กล้าหรอกค่ะ? ลุงกำนันแกไม่น่าไว้ใจ....”
“แล้วมากับพี่นี่แสดงว่า น้องโสไว้ใจพี่”ผมถามอย่างกระหยิ่มในใจ ที่สาวน้อยไว้ใจผมมากกว่าไอ้เม้ง
“ก้อ..พี่ผู้ใหญ่นี่ สำหรับโสดูแล้วซื่อๆดี ที่สำคัญ....”
“อะไรหรือ? ไอ้ที่สำคัญของน้องโสน่ะ?”ผมขมวดคิ้วจ้องมองเด็กสาว เธอเห็นอะไรในตัวผมจึงไว้ใจยอมมาด้วย
“โสรู้สึกว่า....”เธอเว้นช่วงไปอึกใจ ผมกลับรอฟังอย่างอึดอัด”ขอโทษนะคะ คือโสไม่กล้าพูดน่ะ”
“พูดมาเถอะ พี่อยากรู้”
“คือโสเห็นความเหงาในดวงตาของพี่น่ะ ความเหงาเหมือนเฝ้ารอใครบางคน”ผมฟังถึงตัวชาวูบหันหน้าออกไปมองแม่น้ำ เด็กสาวเห็นอาการของผมถึงหน้าเสีย”ขอโทษนะค่ะ ถ้าเรื่องนี้มันสะเทือนใจพี่ผู้ใหญ่โสไม่พูดแล้ว เราพูดเรื่องอื่นกันเถอะ”
ผมยิ้มแล้วมองหน้าเด็กสาว”สบายใจเถอะ คนเราทุกคนย่อมมีความหลังทั้งนั้นทั้งเรื่องดีและไม่ดี แต่เขาว่าคนเหงาย่อมเข้าใจคนเหงา แล้วน้องโสเคยเหงาอย่างงั้นด้วยรึ?”
“ไม่เคยค่ะ....โสยังเด็กอยู่นะคะ ยังไม่เคยมีแฟน แต่เคยเห็นคนมีแฟนแล้วอยู่ห่างไกลจากแฟนของตัวเอง เขาท่าทางจะมึนๆงงๆไม่ค่อยรู้สึกตัวว่ามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เหมือนพี่ผู้ใหญ่นี่แหละค่ะ”
“โฮ่ะ...พี่ดูแย่ขนาดนั้นเชียวเรอะฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า...”
แล้วเราก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน แต่ผมกับหัวเราะได้เต็มเสียงเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่สร้อยจากไป
“อื่มม....น้องโส? พี่ว่าเราไปเดินห้างชื้อของใช้กันก่อนดีกว่า เอาไหม?”
ผมชวนสาวน้อยหลังกินมื้อค่ำกันเสร็จแล้ว
“แต่โส..ไม่ได้เอาเงินมา.”เด็กสาวท่าทางอึดอัด
ผมยิ้ม”ไม่เป็นไร น้องโสอยากได้อะไร พี่จะชื้อให้”
เด็กสาวก้มหน้ายิ้มที่มุมปากตาวาว ท่าทางคงอยากได้อะไรเหมือนกันแหละ แต่คงจะไม่มีเงินชื้อเอง พอมีคนจะชื้อให้เลยดีใจ เด็กๆก็อย่างนี้แหละยังใสซื่อเก็บอาการไม่ค่อยอยู่
เราเดินห้างประจำอำเภอซึ่งไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีสินค้าจำเป็นให้เลือกชื้อหลายอย่าง เด็กสาวชื้อของประเภทสบู่ยาสีฟันและเครื่องสำอางหลายอย่างผมคอยถือตระกล้าเดินตามเธอ และปล่อยเธอเลือกชื้อตามสบายโดยไม่อั้น อยากได้อะไรหยิบเลยและผมก็รู้สึกมีความสุขอย่างประหลาด
“นี่ไงเจอแล้ว?”เด็กสาวก้มลงหยิบสบู่ก้อนกลมๆขนากเขื่องขึ้นมา”ของจริงหรือเปล่า”เด็กสาวเอามาอ่านสลากและพิจจารณาอย่างถ้วนถี่”โสเคยเจอของปลอมเข็ดเลยต้องดูให้ดีก่อนชื้อ”
แล้วเธอก็เอามาใส่ตระกล้าก่อนเดินนำหน้าผมไปชื้ออย่างอื่น ผมอดหยิบมาดูไม่ได้ว่าสบู่อะไรวะ ต้องปลอมด้วย ขายดีขนาดไหน ยี่ห้ออะไร แต่เมื่ออ่านสลากแล้วต้องรีบวางและรู้สึกอายๆยังไงไม่รู้ เพราะสลากมันเขียนว่า
“ใช้สำหรับล้างในส่วนซ่อนเร้นของสตรี อ่านสลากให้ดีก่อนชื้อ ระวังของปลอมและเลียนแบบ”แม่งเอ้ยใครเห็นกูตอนยืนอ่านหรือเปล่าวะผมกัดฟันมองเด็กสาวตามหลังไป อีหนูเอ้ย...หนูเป็นคนแรกในชีวิตที่ให้ผู้ใหญ่คนดังอย่างพี่พามาชื้อสบู่ล้างจิมิได้เนี๋ย
“อ้าวผู้ใหญ่มาได้ยังไง”เสียงทักดังมาจากข้างๆ เมื่อผมหันไปก็เจอเจ๊เดือนคนรู้จักที่ย้ายจากบ้านนางรองมาขายของในตัวอำเภอ เจ๊เดือนหันไปเห็นโสภามากับผมก็ยิ้ม”ไง?ผู้ใหญ่ เดี๋ยวนี้ลดอายุคู่ควงลงขนาดนี้เลยรึ ระวังพรากผู้เยาว์นะ”
“แหม?เจ๊เดือนผมแค่พาเด็กมาเที่ยวชื้อของน่ะ ไม่ได้คิดอะไรหรอก”ผมพูดยิ้มๆเขินๆ
“เอ็นดูเด็กว่างั้น? แต่เจ๊ว่าผู้ใหญ่จะให้เด็กดูเอ็นมากกว่า”เจ๊เดือนดักคออย่างรู้ทัน
“ก้อเอ็นดูไปก่อน ถ้าเด็กอยากดูเอ็นผมก็ขัดไม่ได้หรอก”
ระหว่างที่ผมคุยกับเจ๊เดือน เด็กสาวไปหยุดยืนตรงซุ้มขายชุดชั้นใน เธอยืนมองชุดชั้นในที่ใส่หุ่นโชว์แล้วถอนหายใจก่อนเดินไปดูอย่างอื่นต่อ ผมเดินตามไปแต่หยุดมองชุดชั้นในก็ได้เห็นราคา โอ้โฮ้? ยกทรงกับกางเกงในนี่ราคามันน่าขนลุกขนาดนี้เลยรึ? มิน่าเล่าเด็กสาวถึงไม่กล้าจะชื้อ อื่ม..จะชื้อให้ก็ไม่รู้ขนาด แต่ผมนึกออกจึงเดินกลับไปหาเจ๊เดือน และให้แกกะขนาดของโสภาให้
“คัพB เด็กคนนั้นขนาดนี้แน่นอน แต่เจ๊ว่า คัพนี้ก็ไม่เบานะ สำหรับผู้หญิงตัวเท่านั้น”
“ขอบคุณเจ๊? แค่กะไซร์ให้ก้อพอ ไม่ต้องวิจารณ์”ผมบอกแกขำๆ
“ทำไมจะไปพิสูทธ์เองรึ? แต่เอ..น่าแปลกนะ”เจ๊เดือนทำสงสัย
“น่าแปลกอะไร?”
“ไม่เคยเห็นผู้ใหญ่พาผู้หญิงคนไหนมาเดินชื้อของเลย ท่าทางเด็กคนนี้จะมีอะไรพิเศษสำหรับผู้ใหญ่ม้าง...”
“อย่าทำเป็นเดาเลย ผมก็แค่พาเด็กมาชื้อของธรรมดาเท่านั้น ไม่มีอะไรจริงๆ”ผมบอกปัดๆไป
“แต่เอ...เจ๊รู้สึกว่าเด็กคนนี้มันคุ้นๆนะท่าทางการเดินและหน้าตา อื่ม.....แต่นึกไม่ออกว่ะ แต่เอาเหอะ จะเหมือนใครก็ช่างยังไงท่าทางจะไม่รอดมือผู้ใหญ่อยู่แล้ว ไงๆก้อเบาๆมือหน่อยนะ เด็กมันยังเล็ก สงสารเด็กมัน เจ๊ไปละ”
แหมพูดซะกูชั่วเป็นอาชืพเลย ผมเดินตามเด็กสาวชื้อของอีกสอง-สามอย่างซึ่งรวมๆที่ชื้อราคาก็ไม่เท่าไหร่ เมื่อจ่ายเงินเสร็จก็กลับมาที่รถ และเวลาก็เกือบๆสองทุ่มแล้ว
“พี่ว่าเราไปหาอะไรเย็นๆดื่มกันก่อนไหม เดินห้างตั้งนานทั้งร้อนทั้งเมื่อย”ผมแสร้งชวนเพื่อถ่วงเวลา และหาช่องจะเผด็จศึก หากมีโอกาศ
“โสว่าเรากลับกันเหอะ กว่าจะถึงบ้านมันจะดึกนะ”สาวน้อยพูดซื่อๆ
“แต่ว่า....”
“กลับเถอะพี่ผู้ใหญ่ ถ้ากลับกันดึกๆแล้วมีใครเห็นว่าพี่ผู้ใหญ่กลับมากับโสแล้วเขาเอาไปคุยกัน พี่ผู้ใหญ่จะเสียชื่อนะคะ”
ผมสะดุ้งในคำพูดของเด็กสาว แทนที่จะกลัวตัวเองเสียหายว่ากลับมากับผู้ชายมืดๆค่ำๆ ดันกลัวผมเสียหายเพราะกลับไปกับเธอดึกๆ เออ...เป็นไปได้ แต่ผมมานึกอีกที เด็กสาวคนนี้ก็ดูใสซื่อดี และมองแววตาแล้วรู้สึกเธอพูดเหมือนจริงใจไร้เดียงสาแท้ๆไม่เสแสร้ง อื่ม...ค่อยๆเลี้ยงไปก่อนและคอยระวังไอ้เม้งก็พอ พร้อมเมื่อไหร่ค่อยลงมือก็ได้นี่
....ผมจึงขับรถพาเด็กกลับ เด็กสาวหยิบถุงเอาของที่ชื้อมาออกมาดูและทดลองใช้แป้งบ้าง น้ำหอมบ้างแล้วถามผมถึงคุณภาพ ผมมองความน่ารักและไร้เดียงสาแล้วพาลนึกไปถึงสร้อย นึกถึงตอนที่ชื้อแป้งหอมเครื่องสำอางมาฝากจากในเมืองแล้วเธอดีใจกระโดดกอดผม พร้อมกับมองอย่างชื่นชมยินดี ท่าทางของสาวน้อยตอนนี้ก็แทบไม่ต่างกัน
“ท่าทางพี่ผู้ใหญ่จะหมดเงินไปเยอะเลยนะ ชื้อให้โสเยอะแยะอย่างนี้”
“อื่ม...ไม่เท่าไรหรอก?ขอแค่น้องโสได้แล้วมีความสุข พี่ก้อยินดีเสียเงินชื้อให้เท่าไรก้อได้?”ผมลอบมองแล้วเห็นเด็กสาวอมยิ้ม
“แล้วพี่ผู้ใหญ่ชื้อให้สาวๆทุกคนอย่างงี้เลยรึเปล่าคะ?”เด็กสาวปรายตามองผมแล้วถามกระเซ้ามายิ้มๆ
“ก้อทุกคนแหละ...อ้าวล้อเล่น”ผมต้องรีบบอกเมื่อเห็นเด็กสาวหน้าสลด”พี่ไม่เคยเดินห้างกับสาวๆมาก่อนเลยในชีวิต เพิ่งมีน้องโสนี่แหละ คนแรก”
“ไม่ใช่สาวๆหรอก?โสยังเด็กอยู่เลยนะคะ อย่าลืม ยังไม่ใช่สาวๆ”เด็กสาวพูดน้ำเสียงงอนๆ
“แล้วน้องโสอายุเท่าไรล่ะ?”
“โสเพิ่ง16 ย่าง 17 ปีเอง”
“อ้าวไหนเจ้าคมมันว่า18 – 19 แล้ว แต่ยังไง 16 – 17นี่ก็ถือว่าเป็นสาวใช้ได้แล้วนะ”
“ใครล่ะที่ชื่อคมแล้วบอกพี่ผู้ใหญ่ว่าโส18 – 19 โสโตขนาดนั้นเลยรึ?”
“ก้อเห็นว่าจบม . 6 แล้วน่าจะประมาณนั้นนี่”
“โสสอบเทียบเลื่อนชั้นได้ค่ะ....เลยจบไว”
“มิน่าเล่า?ถึงตัวเล็กดูยังเด็กๆจัง”
“แล้วพี่ผู้ใหญ่คิดว่าโส โตแค่ไหน?”
ผมหันไปมองแล้วพิจจารณา เด็กสาวนอนพิงเบาะเอนตัวเอามือประสานท้ายทอยมองผมด้วยสายตาซื่อๆและยิ้มยั่วๆ ผมถอนหายใจ แล้วหันกลับมามองถนน
“ก้อประมาณนั้นแหละ?”ผมหัวเราะเบาๆ
“ประมาณไหน?”เด็กสาวยังถาม
“เอ่อ....น้องโส. พี่ถามอะไรอย่างหนึ่งจะได้ไหม? แล้วขอให้ตอบจริงๆ”ผมเปลี่ยนเรื่อง
“จะถามอะไรล่ะ?”
“เอ่อ....คือว่า น้องโสเคย...เอ่อ...มีแฟนรออยู่ที่กรุงเทพฯไหม?”
สาวน้อยหัวเราะตัวโยน”ไม่มีหรอกค่ะ? บอกแล้วไงว่าโสยังเด็ก และแม่ของโสก็เข้มงวดเรื่องคบผู้ชาย โสเชื่อฟังแม่ค่ะ เลยไม่เคยมีแฟน แต่ก็มีพวกคนแก่ๆชอบมาจีบโส ชวนไปชื้อโน่นชื้อนี่ แต่โสไม่เคยไปด้วยหรอก พวกนี้มันชอบหลอกเด็ก แม่บอกว่าให้โสระวัง อย่าเห็นแก่ของที่เอามาล่อน่ะ”
แหมฟังแล้วเหมือนถูกหลอกด่า
“แล้วอย่างพี่ล่ะ?เข้าข่ายไหม? พวกคนแก่ที่มาหลอกน้องโสน่ะ”
“พี่ผู้ใหญ่ยังไม่แก่นะ ดูดีกว่าพวกคนวัยเดียวกันเสียอีก โสอยู่ใกล้แล้วรู้สึกปลอบภัยและอบอุ่น”
“จริงหรอ?”ผมรู้สึกปลื้มน้อยๆและออกจะเขินๆเมื่อเด็กสาวชมซึ้งๆหน้า”หลอกคนแก่ให้ดีใจเล่นหรือเปล่า?”
“อย่าพูดว่าตัวเองแก่สิ? ไม่งั้นจะแก่จริงๆนะ? สำหรับโส พี่ผู้ใหญ่ยังดูหนุ่มและแข็งแรง ที่สำคัญ?”
“อะไรหรอ?”ผมถามทันทีเมื่อเด็กสาวพูดค้างไว้แค่นั้น
“ไว้อีกสักพักให้โสแน่ใจก่อนแล้วจะบอกพี่ผู้ใหญ่ เอาละถึงบ้านอาชมแล้ว ขอบคุณนะพี่ผู้ใหญ่ที่กรุณาชื้อของให้โส”
เด็กสาวเปิดประตูและหอบของก้าวลงเมื่อรถจอดสนิท
“เดี๋ยวก่อนโส?”ผมเรียกเด็กสาวแล้วยื่นถุงให้เธอ”เห็นโสอยากได้เลยชื้อมาให้”
“อะไรหรอ?”เด็กสาวทำหน้างงๆแล้วรับมาเปิด พอเห็นเป็นชุดชั้นในที่เธอยืนดูที่ห้างก็อุทานตาโต”โอ้โฮ้.....พี่ผู้ใหญ่ชื้อให้โสหรอ อูยย์ แพงขนาดนี้โส....”
“รับไว้เหอะ?โสคู่ควรที่จะใส่มัน พี่อยากให้โสรับไว้แล้วใส่ให้....”
“แล้วใส่ให้อะไรหรอคะ?”เด็กสาวมองผมแบบเหล่ๆ
“แล้วใส่มันเสริมความมั่นใจนะสิ?”ผมตอบเลี่ยงๆจากความตั้งใจเดิม
“ขอบคุณคะ”เด็กสาวยกมือไหว้ผม
“กลับมาแล้วเรอะ?”เจ้าชมออกมารับหลานสาว”ปลอดภัยไหม?”
ผมฟังแล้วไม่พอใจ”ทำไมถามทุเรศๆอย่างงั้นวะไอ้ชม น้องโสไปกับกูแล้วมันอันตรายขนาดนั้นเชียวรึ?”
“ก็ใกล้เคียงนะพี่ ใครๆเขาก็รู้กันทั้งหมู่บ้าน ว่ากิตติศัพท์ความเอื้ออารีย์ต่อสาวๆในหมู่บ้านนี้ของพี่น่ะมันขนาดไหน?”
“อาชมคะ โสปลอดภัยดี แล้วพี่ผู้ใหญ่เขาก้อสุภาพกับโสมาก อาอย่าพูดกับพี่เขาอย่างงั้นนะ ฟังไม่ดีเลย”เด็กสาวบอกอาของตัวเองเสียงขุ่นๆ
“เห็นไหมไอ้ชม ฟังหลานของมึงพูด แล้วคราวหลังมึงพูดดีๆกับกูนะ ไม่งั้นโดนแน่ คราวนี้เห็นแก่โสนะ กูจะไม่เอาเรื่อง”
เจ้าคมหน้าเจื่อนๆไป
“พี่กลับก่อนนะน้องโส”ผมหันไปบอกเด็กสาว
เจ้าชมหอบของเดินเข้าบ้านไปก่อน เด็กสาวยืนยิ้มโบกมือให้ผม
“ขับรถกลับบ้านดีๆนะพี่ผู้ใหญ่ แล้วคืนนี้โสจะฝันถึงค่ะ...”พูดจบเด็กสาวก็หันหลังวิ่งตามเจ้าชมเข้าบ้านไป
...ผมยืนยิ้มมองตามจนเด็กสาวเข้าบ้านไป หัวใจชุ่มชื่นเหมือนกลับมาเป็นหนุ่มอีกครั้ง........
ผมขับรถกลับมาถึงบ้าน พบว่าสายใจยังไม่กลับ เมื่อเข้ามาภายในบ้านผมก็นั่งเล่นที่ห้องรับแขก สายใจยกน้ำมาให้ ผมเอ่ยขอบใจ สายใจยืนมองผมยิ้มๆ จนผมแปลกใจ
“ยิ้มอะไรรึ?”ผมหันไปถามแม่บ้านสาวทรงโต
“เด็กคนนั้นสวยมากไหม?”
“เด็กคนไหน?”ผมถามกลับ
“ก็คนที่ทำให้พี่กลับมาดึกนี่ไง”
ผมยิ้มแล้วถอนหายใจ
“อ้อ...สายใจรู้ได้ไง วันๆไม่เห็นได้ออกไปไหน?”
“พี่คมบอกตอนกลับมาเอารถ บอกว่าพี่พาครูสอนเต้นแอร์โรบิกคนใหม่ไปเที่ยว”
“อื่ม...ก็สวยและน่ารักดี...แต่ออกจะเด็กเล็กไปหน่อย....เลยไม่ค่อยเน้นเท่าไร...”
ผมตอบไปตรงๆ แต่สายใจเดินมายืนข้างๆมองผมตาหวานเชื่อม
“ระดับผู้ใหญ่นี่นะ คำนึงเรื่องอายุ สาวเกิน 15 คนไหนเขาก็อยากได้พี่เป็นผัว แค่บอกเข้าแถวมารอแบให้แล้ว...”
“พูดเกินไปนะสายใจ...ว่าแต่วันนี้ยังไม่กลับบ้านเรอะ?”
“กลับได้ไง? ก็พี่ยังไม่กลับมา เลยต้องเฝ้าบ้านรออยู่นี่ไง”
สายใจเดินมานั่งข้างๆผมแล้วโน้มตัวมากอดคอซบมาที่อกผม
“พี่?นานแล้วนะ ส่งส่วยให้สายใจหน่อยสิ”
ผมค่อยๆประคองร่างของสายใจลุกเดินไปที่ห้องนอน สายใจยังอ้อน
“อีกหน่อยสายใจคงหมดความหมาย ถ้าเด็กนั่นเข้ามาที่นี่ ทุกวันนี้ก็แทบจะไม่มีความหมายอยู่แล้วนี่”
ผมประคองสายใจนั่งลงที่เตียงนุ่ม แล้วคิดคำนึงถึงเด็กสาวโสภาแว้บหนึ่ง....
“ไม่เคยมีใครมีความหมายสำหรับพี่ สายใจก็รู้...”
“แต่พี่คมบอกว่าเด็กคนนี้ท่าทางไม่เหมือนคนอื่นๆที่พี่เคยเจอมา..”
สายใจกอดคลึงเคล้าตามร่างกายของผม เพื่อสร้างอารมณ์ให้ผม และค่อยๆถอดเสื้อของผมออก
“เด็กคนนั้นดูเป็นเด็กดีนะ ท่าทางซื่อๆ และ...”
“ทำแสร้งหน้าซื่อ หวังโก่งค่าตัวรึเปล่า..”
เสียงสายใจพูดเยาะๆและดูแครน
“อย่าพูดอย่างนั้น เด็กคนนั้นไม่เหมือนคนอื่นๆ”
“ระวังจะไปหลงเด็กจนโงหัวไม่ขึ้นนะ?”
สายใจพูดทีเล่นทีจริง
“สายใจก็รู้นี่....พี่เคยรักใครที่ไหน...และก็ไม่เคยคิดที่จะรักใครด้วย.....”
ผมบอกแม่บ้านคู่สวาทไปตรงๆ
“แม้นแต่สายใจก็ไม่เคยเลยหรอ?”
สายใจถามแบบกระเซ้า
“ไม่มีข้อยกเว้นให้ใครทั้งนั้น...แหละ...สายใจอย่าลืมข้อตกลงของเราสิ....”
ผมบอกเธอและเริ่มกอดจูบกันเพื่อบรรเลงบทพิศวาสเหมือนที่เคยมีต่อกันมา..
ทุกอย่าผ่านไปตามท่วงท่าและลีลาของมัน เริ่มต้นอย่างแผ่วพลิ้ว รุนแรงอย่างบ้าคลั่งในช่วงต่อมา และสงบลงเมื่อถึงจุดหมาย....
เกมกามของผมกับสายใจจบลง เธอนอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ผมเดินมายืนที่หน้าต่าง การมีเซ็กส์ของผมมันก็แค่สัญชาตญาณเท่านั้น มันไม่ได้ลึกซึ้งหรือตราตรึงใจ หลายปีมานี่ ผมมีสัมพันธ์กับสาวมากหน้า เพื่อหวังค้นหาเซ็กส์ที่ขาดหายไปกว่า 20 ปี แต่ยิ่งค้นหา ผมกลับไม่เจอ ไม่เคยกระฉูดได้สะใจและอิ่มเอมในอารมณ์ เลยผมเดินออกมานอกห้อง สวมใส่เสื้อยืดกางเกงบ็อกเซอร์ ผมเดินมาเรื่อยๆมานั่งที่ศาลาหน้าบ้าน....
....สร้อย...ใต้ดวงจันทร์เดียวกันนี้เธออยู่ที่ไหนนะ...ผมมองไปที่ดวงจันทร์ ภาพของสร้อยในวันวานปรากฎฉายอยู่ในดวงจันทร์กลมโต แล้วภาพนั้นก็ถูกภาพของโสภาเบียดตกหายไป อ้าวทำไมเป็นอย่างนั้นเล่า?.......
พ่อเคยบอกว่าทุกสิ่งฟ้ากำหนดมา แต่ผมเคยถามพ่อว่าแล้วฟ้าทำไมชอบกำหนดสิ่งที่โหดร้ายมาให้แก่มนุษย์ พ่อบอกว่าฟ้ามักโหดร้ายและปราณีกับมนุษย์พอๆกัน แต่เมื่อผมถามว่าแล้วเจตนาของฟ้าคืออะไร? พ่อจะตอบว่าก็เพื่อทดสอบคนไง แล้วฟ้าจึงได้ทดสอบอย่างโหดร้ายนักล่ะ.......................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ