ฝากหัวใจไว้ที่...ฮานอย

9.0

เขียนโดย กะทิแก้ว

วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2554 เวลา 00.33 น.

  25 ตอน
  40 วิจารณ์
  35.58K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

19) เหตุการณ์ไม่สงบ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ชายหนุ่มปั่นจักรยานมาจอดหน้าร้านขายเฝอ (ก๋วยเตี๋ยวเวียดนาม) ข้างทาง ถึงแม้เขาจะเกิดจากครอบครัวที่เรียกว่ามีอันจะกิน แต่เขาก็กินง่ายอยู่ง่ายไม่เรื่องมากนัก โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน  เขาสามารถกินอาหารข้างทางได้อย่างเอร็ดอร่อย
 
ร้านอาหารข้างทางส่วนใหญ่ที่เวียดนาม จะเป็นเก้าอี้และโต๊ะเตี้ยๆ ที่มีประชาชน คนเวียดนาม รวมถึงนักท่องเที่ยว สามารถหากินได้ง่ายและมีราคาถูก
 
“กินได้มั๊ยคุณ ถ้าไม่ได้ผมเปลี่ยนร้านก็ได้” ชายหนุ่มถาม ทำลายความเงียบของหญิงสาว
 
หญิงสาวเอง ก็กินง่ายอยู่ง่ายเช่นเดียวกับชายหนุ่ม “ตอนนี้ฉันหิวจนกินควายได้ทั้งตัวแล้ว ฉันขอสอง”  หญิงสาวแกล้งพูดเสียงดังโดยยื่นปากไปทางชายหนุ่ม

"นี่คุณ คำว่าควายหันไปทางอื่นก็ได้ ไม่ต้องหันมาทางนี้ แล้วก็อย่าทำเป็นเล่นนะคุณ ชามนึงไม่ใช่เล็กๆ นะ เบิ่งตาดูก่อนค่อยสั่ง ตะกละจริงๆ ผู้หญิงอะไร"
 
หญิงสาวยกกำปั้น ชูไปทางหน้าชายหนุ่ม “ช่วยอะไรไม่ได้ ก็กว่าฉันจะได้กิน หิวจนตาลายแล้วเนี่ย ไปสั่งเลยคุณ โทษฐานที่ทำให้ฉันกินอาหารผิดเวลา”
 
ชายหนุ่มส่ายหน้าเอือมระอายัยตัวร้าย แต่เขาเองก็เดินไปสั่งให้หญิงสาว พลางคิดในใจ (สรุป ใครต้องใช้ใครเนี่ย เนียนเลยนะยัยปิ่นหัก) ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันไปถามหญิงสาว
 
“เอาไก่หรือเนื้อล่ะคุณ”

“ฉันไม่กินเนื้อ ขอเฝอไก่สองชามเลยคุณ เร็วๆ ไส้ฉันจะขาดแล้ว”
 
ชายหนุ่มสั่งเฝอไก่ให้หญิงสาวสองชาม และสั่งเฝอเนื้อให้ตัวเขาเองหนึ่งชาม พอแม่ค้านำเฝอมาวางที่โต๊ะ
 
“ว๊าว น่ากินจังเลย ฉันกินก่อนนะ ไม่เกรงใจล่ะ” หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่มอย่างลืมตัว
 
ชายหนุ่มคิดในใจ (ยัยนี่เหมือนเด็กไม่รู้จักโต พอได้อะไรถูกใจก็ยิ้มแย้มเหมือนเด็กๆ ที่ได้ของเล่นใหม่ยังไงยังงั้น) และชายหนุ่มก็หันไปพูดกับหญิงสาว
 
“ก็แน่นอนหล่ะ ถ้าเกรงใจใครเค้าจะสั่งมาทิ้งขว้างตั้ง 2 ชาม ฉันยังไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหนตะกละเท่าเธอมาก่อนเลย” ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ
 
“เดี๋ยวถ้าเธอกินไม่หมดนะ ฉันจะลงโทษ” ชายหนุ่มแกล้งยั่ว
 
“คอยดูละกัน ฉันมันนักกีฬากินทน เยาวชนชิงแชมป์โลก” หญิงสาวมั่วตำแหน่ง เพื่ออวดอ้างความสามารถของเธอ พร้อมกับคิดในใจ (รู้จักฉันน้อยไปแล้ว นายปากเสีย)
 
หญิงสาวกินอย่างเอร็ดอร่อย จนหมดชามแรก พร้อมๆ กับชายหนุ่ม หญิงสาวเลื่อนชามที่หมดออกห่างจากตัว และเลื่อนชามใหม่มาวางตรงหน้า และลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อย ชายหนุ่มได้แต่นั่งมองตาปริบๆ
 
“มองอะไร ไม่เคยเห็นคนกินเหรอ”
 
“เคยนะ จะบ้าเหรอมีใครไม่เคยเห็นคนกิน แต่ฉันกำลังคิด ใครจะเลี้ยงเธอไหวเนี่ย ท้องยุ้ง พุงกระสอบขาดนี้ คานจะรับน้ำหนักเธอไหวมั๊ยเนี่ย เพราะอยู่สูงด้วย” ชายหนุ่มพูดพร้อมหัวเราะ
 
“หยุดเลย อย่าทำลายความอร่อยฉัน ด้วยปากเสียๆ ของนาย ไปเลย นายจะไปไหนก็ไปเลย ทางที่ดี อย่าลืมซื้อน้ำยาล้างส้วมนะ เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะจับกรอกปาก แล้วเอาแปรงทองเหลืองขัดฟันให้”
 
“นี่ยัยบ้า กินของเขาแท้ๆ เฝอนี่มันไม่มียางเลยเหรอยัย อ่อ คงจะเหมือนคนกินอยู่มั๊ง ไม่มียาง….” ชายหนุ่มหยุดพูดเพียงแค่นี้
 
“นายว่าฉันไม่มียางอายเหรอ”
 
“ผมพูดตอนไหน”
 
หญิงสาวแกล้งทำปากขมุบขมิบด่าชายหนุ่ม
 
“แอบแช่งอะไรผม ใครแช่งขอให้ติดคอ” ชายหนุ่มแกล้งหญิงสาว
 
“แครก แครก แฮ๊ก” หญิงสาว สำลักหน้าดำหน้าแดง
 
“ฮ่า ฮ้า ฮ่า แสดงว่าเธอแช่งฉันอยู่สิ สมน้ำหน้า กรรมตามสนอง”
 
“แครก แครก ไอ้บ้า นายพูดมากน่ะสิ ฉันเลยสำลักน้ำลายนาย แหวะ”
 
“อย่าคุณ อย่าเพิ่งอ้วกตอนนี้ ผมไม่อยากเสียเงินไปฟรีๆ นะ กินเสร็จไม่พอ จะอ้วกไว้ให้แม่ค้าดูต่างหน้า ผมสงสารเขา แล้วบางทีคนเขาจะคิดว่าคุณท้องด้วย ถ้าผมโดนเข้าใจผิดล่ะแย่เลย ใครจะคิดว่า ผมจะมีเมียขี้เหร่แบบนี้ ฮ่า ฮ้า ฮ่า”
 
“ไอ้บ้า” หญิงสาวพูดเสร็จพร้อมกระแทกตะเกียบบนโต๊ะ และเดินหนีชายหนุ่ม
 
ชายหนุ่มเดินไปจ่ายเงินแม่ค้าเฝอเสร็จ ก็ปั่นจักรยานตามหญิงสาว
 
“มาสิคุณ มาขึ้นรถ ผมจะเอารถไปส่งคืนแล้วคืนนี้เราพอแค่นี้ จะได้กลับไปพักผ่อน ผมเหนียวตัวจะแย่แล้ว อากาศที่นี่ เดือน เมษายน ร้อนพอๆ กับกรุงเทพบ้านเราเลย”
 
หญิงสาวยังเดินไม่สนใจ เนื่องจากงอนชายหนุ่มเมื่อครู่
 
“จะขึ้นรถ หรือไม่ขึ้น ไม่ขึ้นคุณหาทางกลับเอง เอาสิ ข้างหน้า ไฟไม่สว่าง อยากโดนฉุดก็ตามใจ”
หญิงสาวมองตามที่ชายหนุ่มพูด ก็เห็นว่า มุมที่เธอกำลังจะเดินไปถึงนั้น มืดจริงๆ อย่างที่ชายหนุ่มบอก
 
“หรือ ชอบที่มืดๆ อารมณ์เปลี่ยวเหรอคุณ บอกผมก็ได้นะ วันนี้ผมจะยอมทำบุญช่วยคุณเอง”
 
“ไอ้…ไอ้ เฮ้อ ฉันเบื่อความปากเสียนายเต็มทนแล้วนะ นายชักโครก” หญิงสาวว่าชายหนุ่ม
 
“เธอคิดว่าฉันไม่เบื่อเธอเหรอ ยัยโถส้วม ผู้หญิงอะไร ปากจัด คำก็ด่า สองคำก็ด่า” ชายหนุ่มพูดพร้อมแกล้งปั่นจักรยานให้เร็วขึ้น
 
หญิงสาวมองทางข้างหน้า แล้วหาทางเพื่อเลี่ยงไปเดินทางอื่น เมื่อหญิงสาวเห็นว่าชายหนุ่มปั่นจักรยานแซงหน้าเธอไปแล้ว เธอก็เลี้ยวขวาไปอีกซอยหนึ่ง ซึ่งถนนที่ชายหนุ่มพาเธอมากินนั้น เรียกว่า ย่าน Old Quarter หรือเรียกว่าถนน 36 สาย ซึ่งแต่ละสายก็จะมีของแบบเดียวกันขายในแต่ละสาย เช่น ถนน Hang Bac จะขายสินค้าประเภทเครื่องเงิน หรือถนน Hang Ca ขายปลา เป็นต้น ซึ่งถนนแต่ละสายสามารถเชื่อมต่อหากันได้ หญิงสาวเดินไปเรื่อยๆ โดยลืมคิดไปว่า เธอจะกลับโรงแรมยังไง ในเมื่อ เงินก็ไม่มี ที่ตั้งของโรงแรมเธอก็ไม่รู้ หญิงสาวยังคงเดินต่อไป
 
ส่วนธงรบ เมื่อเขาปั่นจักรยานมาถึงช่วงที่ชายหนุ่มบอกหญิงสาวว่าเป็นมุมมืดแล้ว ชายหนุ่มหันมามองหญิงสาว “เอ๊า ยัยบ้านี่ หายไปไหน เก่งนักหรือไง ฉันเบื่อที่ต้องคอยดูแลเธอเต็มแก่แล้วนะ ยัยดื้อ” ชายหนุ่มคิด แต่เขาเองก็ลืมคิดไปว่า ถ้าเขารำคาญเธอจริงๆ ทำไมเขาไม่คืน เงินและพาสปอร์ตให้กับเธอ
 
ชายหนุ่มปั่นจักรยานย้อนกลับไปทางเดิมเพื่อหาหญิงสาว เมื่อไปถึงช่วงที่เขาปั่นจักรยานแซงหน้าหญิงสาวมา เขาเองเจอซอยทั้งซ้ายและขวา ชายหนุ่มลองโผล่ไปดูทั้งฝั่งซ้ายและขวา และก็ไม่เห็นหญิงสาว “ฉันไม่มีเวลามาเล่นซ่อนแอบกับเธอนะ ผู้หญิงตัวคนเดียว แล้วนี่ก็ประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ แล้วด้วย…เฮ้อ”
 
“เอาว่ะ ไปฝั่งซ้ายมือเนี่ยแหละ เป็นไงเป็นกัน ถ้ายัยนี่เป็นอะไรไป เราคงรู้สึกผิดไปทั้งชีวิต” ชายหนุ่มพูดกับตัวเอง
 
หญิงสาวแกล้งเดินช้าๆ เนื่องจากตอนนี้หญิงสาวเองก็เริ่มกลัว เพราะภาษาก็ไม่ได้เรื่อง แถมยังจำอะไรไม่ได้สักอย่าง หญิงสาวคิดว่าเดี๋ยวชายหนุ่มต้องมาตามหาเธอ เธอเดินตรงไปเรื่อยๆ ก็เห็นทางแยกไปซอยต่างๆ ได้อีก แล้วจะไปทางไหนดีเนี่ย ก็พอดีกับ มีหนุ่มเวียดนามเมาเหล้า กำลังเข้ามาพูดกับเธอจนชิดตัว หนุ่มเวียดนามพูดภาษาเวียดนามใส่หญิงสาว และพยายามเดินมาดึงแขนหญิงสาว
 
“หยุดนะ ไอ้บ้า ปล่อย ปล่อยฉัน” หญิงสาวตะโกนสุดเสียงเพราะตกใจในท่าทีคุกคามของชายชาวเวียดนาม และหญิงสาวเองก็คิดว่าเดี๋ยวคงมีคนมาช่วย แต่มุมนี้ก็เป็นอีกมุมหนึ่งมีมืด และปลอดคน เนื่องจากร้านค้าและบ้านเรือนของคนเวียดนามส่วนใหญ่มักจะปิดเร็ว แม้ตรงนี้จะเป็นที่เที่ยวและแหล่งช๊อปปิ้งของนักท่องเที่ยว
 
และก็เหมือนพระมาโปรด ในความรู้สึกของหญิงสาว ที่ชายหนุ่มปั่นจักรยานมาเห็นพอดี ชายหนุ่มรีบทิ้งจักรยาน และเดินไปหาหญิงสาว
 
ด้วยความดีใจและลืมตัวเธอวิ่งเข้าไปกอดชายหนุ่มและร้องไห้กับเขา “หือ หือ ช่วยฉันด้วย ฉันกลัว คุณ ฉันกลัว หือ หือ” หญิงสาวพูดน้ำตานองหน้า ซบอยู่กับอกของชายหนุ่ม
 
ธงรบแกล้งตะโกนเรียกตำรวจ เพราะเขาเคยได้ยินว่า ส่วนใหญ่พวกที่ทำผิดในเวียดนามจะกลัวตำรวจมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะโดนโกง หรือ ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากพ่อค้าแม่ค้า มีคนบอกว่า ให้ตะโกนเรียกตำรวจ พวกนี้มักจะกลัว และไม่กล้าที่จะทำผิด เพราะกลัวตำรวจนั่นเอง
 
เมื่อหนุ่มเวียดนามเห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งหนีไปพร้อมกับตะโกนด่าเขาเป็นภาษาเวียดนาม ชายหนุ่มเดาจากท่าทีขึงขังที่ตะโกนแล้วหันมาทางชายหนุ่มและหญิงสาว
 
หญิงสาวยังตกใจกับเหตุการณ์ ยังลืมตัวกอดชายหนุ่มไว้แน่น
 
“นี่คุณ สรุป คุณอาจจะรอดจากไอ้หื่นเมื่อกี้นี้ แต่ตอนนี้ผมกำลังจะตาย เพราะคุณรัดผมซะแน่นขนาดนี้”
 
หญิงสาวตกใจ รีบปล่อยแขนออกจากตัวชายหนุ่ม พร้อมยืนเช็ดน้ำตา และยังร้องไห้ไม่หยุด
 
“โอ๊ย หยุดสักทีคุณ หรือเสียดายที่เมื่อกี้ผมมาเจอซะก่อน อยากไปกับหนุ่มเวียดนามก็ไม่บอก”
 
“ฮือ หือ ฮือ…ไอ้บ้า ก็เพราะปากนายแบบนี้แหละ ฉันถึงมาเจอแบบนี้”
 
“เอ๊าคุณ มาโทษผมได้ไง คุณเดินหนีผมมาเองนะ ก็ผมให้คุณขึ้นจักรยานทำไมคุณไม่ขึ้น”
 
หญิงสาวเถียงไม่ออก ชายหนุ่มเลยได้ความเงียบมาแทน
 
“ไป คุณ ขึ้นรถ”
 
คราวนี้หญิงสาวยอมขึ้นรถโดยไม่พูด และนิ่งเงียบไปตลอดทางที่ชายหนุ่มกำลังนำรถจักรยานไปส่งคืน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา