ดาบสะท้านยุทธภพ
7.7
5) การออกเดินทางท้องยุทธภพครั้งแรก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“เหลียงจิ้งบ้านเจ้าก็เป็นแบบนี้แล้ว ข้าว่ามาอยู่ที่บ้านข้าดีกว่านะบ้านข้าน่ะ ใหญ่โตมากเลยนะ”
ไป่พอเห็นบ้านของเหลียงจิ้งแล้วถึงชวนให้ไปอยู่ด้วย
“ขอบใจนะ แต่ข้าคิดไว้แล้วละข้าจะไปอยู่ในถ่ำบนภูเขา ข้าจะได้มีเวลาฝึกยุทธด้วย”
เหลียงจิ้งพูดออกมาพร้อมชี้ไปที่ภูเขาลูกหนึ่งที่หลังบ้านเขา
“เหลียงจิ้งข้าว่า เจ้าอยู่กับไป่พอดีกว่านะ”
เซียวอี้หลิงพยายามพูดให้เหลียงจิ้งใจอ่อนไปอยู่กับไป่พอเพราะว่าถ้าเหลียงจิ้งออกไปอยู่คนเดียวมันอันตราย
“ข้าขอบใจพวกเจ้าทั้งสองคนจริงๆนะแต่ข้าตัดสินใจแล้ว”
พอเหลียงจิ้งพูดจบเราก็รีบใส่วิชาตัวเบาที่ยังไม่ค่อยคล่องกระโดดออกไป แต่ดั้นบินไปชนต้นไม้นี่สิ
“เหลียงจิ้งไม่เป็นอะไรแน่นะ”
ไป่พอตะโกนเรียก
“ข้าไม่เป็นไรสบายดี”
เหลียงจิ้งลุกขึ้นมาแล้วตะโกนกลับ
“พี่ไป่เราจะไม่ตามไปดูเหลียงจิ้งเขาจริงๆหรออาการหน้าเป็นห่วงนะ”
เซียวอี้หลิงมองตามเหลียงจิ้งแล้วพูดกับไป่พอ
“ไม่เป็นไรหลอกน่ะ ให้เขาอยู่คนเดียวสักพักคงจะดีขึ้นเอง เอาล่ะเรากลับกันเถอะ”
แล้วไป่พอก็จูงมือเซียวอี้หลิงเดินกลับบ้านไป
‘ถ่ำนี้เหละ’
เหลียงจิ้งคิดในใจแล้วก็รีบเข้าไปในถ่ำทันที พอไปถึงเหลียงจิ้งก็รีบก่อไฟทันทีเพราะว่ามันมืดมาก แล้วก็หยิบเพลงดาบของพ่อเขามาอ่านแล้วเริ่มฝึกยุทธทันที เหลียงจิ้งฝึกจนเช้ายังไม่ได้นอนหลับเลย
‘อะไรกันเช้าแล้วหรอ’
เหลียงจิ้งเห็นว่าเช้าแล้วจึงรีบแต่งตัวไปเรียนวรยุทธที่สำนักฮ่อนบันทันที พอเหลียงจิ้งไปถึงศิษย์ทุกคนก็มาเข้าแถวกันอย่างเป็นระเบียบ เหลียงจิ้งจึงเดินไปหาไป่พอแล้วถามไป่พอ
“ไป่พอมีงานอะไรหรอ”
ไป่พอก็ดึงเหลียงจิ้งอยู่ข้างหน้าตัวเอง
“วันนี้พวกเราเรียนจบแล้ว อาจารย์จะให้เราพวกเราไปท่องยุทธภพเพื่อนฝึกฝนตัวเองแล้วอีก 6 เดือน จะมาสอบเลื่อนระดับ คราส 2 กัน ถ้าใครจิตใจดีช่วยเหลือคนอื่น ในนั้นจะมีอาจารย์ของพรรคฮ่อนบันอยู่เต็มไปหมดเลยและแต่ละคนก็จะมีบททดสอบของตัวเองบางทีเราคิดว่าทำอย่างนี้ถูกแต่มันก็ไม่ใช่ถึงเราจะคิดว่าถูกแต่ในสายตาคนอื่นมันคือการทำผิดอย่างมหัน ถ้าใครทำตามบททดสอบของพวกเขาผ่านก็จะได้ป้ายความดีจากอาจารย์เหล่านั้นมา ให้ไปรวบรวมมาให้ได้มากที่สุดเพื่อจะได้เข้าสอบคราส 2 ฝ่านธรรมะ ส่วนใครที่ไม่ทำความดีก็จะไม่มีป้ายความดีก็ไม่สามารถมาสอบเลื่อนระดับเป็นคราส 2 ฝ่ายธรรมะได้ ต้องรอปีหน้าถึงจะมีสิทธ์ไปรวบรวมป้ายความดีมาใหม่ หรือคนที่มีจิตใจชั่วร้ายก็อาจจะหลงผิดไปเข้าร่วมกับพวกอธรรมเลยล่ะ ข้าหวังว่าเจ้าคงไม่เป็นเหมือนพวกนั้นหรอนะ”
ไป่พออธิบายอย่างละเอียดให้ฟัง
“อื่มข้าไม่เป็นพวกอธรรมแน่นอนเจ้าวางใจเถอะ”
เหลียงจิ้งพูดออกมาอย่างหมั้นใจ
“อ่าวเหลียงจิ้งเจ้าก็มากับเขาด้วยหรอ”
เซียวอี้หลิงทักทานเหลียงจิ้ง
“งานสำคัญอย่างนี้ข้าจะไม่มาได้ยังไง ข้าต้องเป็นจอมยุทธผู้ทรงคุณธรรมให้ได้”
เหลียงจิ้งพูดออกมาแล้ว ยกดาบขึ้นมาชี้ไปบนฟ้าด้วยมือเดียว นักเรียนทุกคนเห็นต่างตกใจกันยกใหญ่
“นั่นมันเหลียงจิ้งเจ้าเด็กไม่เอาไหนหนิมันเอาแรงที่ไหนมายกดาบเล่มใหญ่ขนาดนี้”
นักเรียนคนหนึ่งพูดออกมา เซียวอี้หลิงได้ยินเข้านางโกรธมาก
“ใครว่าเพื่อนข้าไม่เอาไหน แน่จริงก็ออกมาสู้กับเพื่อนข้าสิ”
เซียวอี้หลิงตะโกนออกมาเสียงดัง
“น้องหลิงใจเย็นๆก่อน เหลิยงจิ้งเป็นวรยุทธที่ไหนกัน”
ไป่พอพูดออกมา
“ชั่งเหอะๆ แค่นี้ไม่เห็นจะต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตเลย”
เหลียงจิ้งพยายามพูดให้เซียวอี้หลิงสงบลง
“คิดว่าข้ากลัวเพื่อนเจ้าหรอไอ่เหลียงจิ้งกระจอก ไอ่ลูกไม่มีพ่อ พ่อแกไปไหนว่ะทำไมไม่มาสอยวรยุทธให้แก่ ฮ่าๆ ๆ”
เด็กหนุ่มถือทวนพูดออกมาพร้อมกับชี้หน้าเหลียงจิ้ง เหลียงจิ้งกำหมัดแน่นเหลียงจิ้งไม่พอใจมากๆที่มาว่าเราแบบนี้
“ทำไมๆ แค่นี้โกรธๆ ฮ่า โกรธแล้วไง มาสู้กันสักตั้งมั้ยเอาป่าวๆ”
เด็กหนุ่มยกทวนของเขาขึ้นมา เหลียงจิ้งโกรธมากเขาจับดาบของเขาออกมาแล้วจู่โจมใส่ทันทีแค่กระบวนท่าเดียวทวนของชายหนุ่มก็หักเป็นสองท่อน ชายหนุ่มตกใจถึงกับผมตั้งเลยที่เดียว นักเรียนทุกคนที่เห็นเหตุการก็ไม่มีใครกล้าว่าเหลียงจิ้งอีกเลย
ส่วนไป่พอก็ทำตาโตยืนอ้าปากค้างเลยที่เดียว
“เป็นไงใครจะสู้กับเพื่อนข้าอีกเข้ามา”
เซียวอี้หลิงถ้า แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาสู้ด้วยเลย
“จำไว้อย่ามาว่าข้าไม่มีพ่ออีก”
เหลียงจิ้งใช้ดาบชี้ไปที่หน้าของชายหนุ่มแล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา
“ศิษย์ทุกคนอย่างมีเรื่องกันฟังทางนี้ก่อน วันนี้ศิษย์ฮ่อนบันทุกคนเรียนจบแล้ว ทางสำนักจะปล่อยให้ไปฝึกฝนด้วยตัวเอง แล้วอีก 6 เดือน จะมาสอบเป็นคราส 3 กัน แยกย้ายได้”
ชายแก่อายุ 80 กว่าปีผมขาวมีหนวดเครายาวกว่า 10 นิ้ว ใส่ชุดสีฟ้ามาพูดอยู่หน้าสำนักฮ่อนบัน
“พวกเรา เดินทางไปพร้อมกันเลยมั้ย”
ไป่พอชวนเหลียงจิ้งกับเซียวอี้หลิงให้ร่วมเดินทางไปด้วยกัน
“อื่ม ขอบใจมาก แต่ข้าว่าถ้าให้ข้าไปกับพวกเจ้า ข้าก็เป็น...เป็น”
เหลียงจิ้งพูดออกมาพร้อมหันหลังให้ทั้งสองคน
“เป็นอะไร”
ไป่พอถามเหลียงจิ้ง
‘ให้ข้าไปกับพวกเจ้าหรอข้าจะทนดูคนที่ข้ารักอยู่กับเพื่อนที่ข้ารักได้ยังไง ข้าออกเดินทางไปคนเดียวดีกว่า ถึงไปกับเจ้าข้าก็เป็น กขค เปล่าๆ’
เหลียงจิ้งคิดใจใน
“ข้าคิดไว้แล้วว่าข้าจะออกเดินทางไปคนเดียว ถึงไปกับพวกเจ้าข้าก็ได้แต่พึ่งพวกเจ้าแล้วเมื่อไหล่เราจะแกร่งล่ะ”
เหลียงจิ้งไม่อย่างไปกับพวกเขาเลยหาเหตุผลมาอ้าง
“ใช่เจ้าพูดมีเหตุผล”
ไป่พอจับไหล่เหลียงจิ้งแล้วพูดออกมา
เซียวอี้หลิงดูออกว่าเหลียงจิ้งคิดอะไรอยู่
“อื่มข้าก็ว่าอย่างนั้นเราต่างคนต่างไปกันเถอะ จากกันตรงนี้นะ”
แล้วเซียวอี้หลิงกับเหลียงจิ้งก็เดินไปในทิศทางตรงข้ามกัน
“อ่าวเราข้าล่ะ”
ไป่พอพูดออกมาเบาๆพร้อมชี้มาที่ตัวเอง
“เซียวอี้หลิงรอข้าด้วย”
ไป่พอก็วิ่งตามเซียวอี้หลิงไป เหลียงจิ้งก็หันมามองเซียวอี้หลิงสักพักแล้วหันกลับมาเดินต่อ
“เจ้าบ้าเอ้ย”
เซียวอี้หลิงพูดออกมาเบาๆ แต่ไป่พอวิ่งมาถึงพอดี
“อะไรนะว่าข้าบ้าหรอ”
ไป่พอพูดกับเซียวอี้หลิงและชี้หน้าตัวเอง
“ไม่มีอะไร”
เซียวอี้หลิงตอบกลับแล้วก็รีบเดินเร็วเข้าไปอีก
‘อะไรของเขานะ’
ไป่พอคิดในใจ
โปรดติดตามตอนต่อไป
ไป่พอเห็นบ้านของเหลียงจิ้งแล้วถึงชวนให้ไปอยู่ด้วย
“ขอบใจนะ แต่ข้าคิดไว้แล้วละข้าจะไปอยู่ในถ่ำบนภูเขา ข้าจะได้มีเวลาฝึกยุทธด้วย”
เหลียงจิ้งพูดออกมาพร้อมชี้ไปที่ภูเขาลูกหนึ่งที่หลังบ้านเขา
“เหลียงจิ้งข้าว่า เจ้าอยู่กับไป่พอดีกว่านะ”
เซียวอี้หลิงพยายามพูดให้เหลียงจิ้งใจอ่อนไปอยู่กับไป่พอเพราะว่าถ้าเหลียงจิ้งออกไปอยู่คนเดียวมันอันตราย
“ข้าขอบใจพวกเจ้าทั้งสองคนจริงๆนะแต่ข้าตัดสินใจแล้ว”
พอเหลียงจิ้งพูดจบเราก็รีบใส่วิชาตัวเบาที่ยังไม่ค่อยคล่องกระโดดออกไป แต่ดั้นบินไปชนต้นไม้นี่สิ
“เหลียงจิ้งไม่เป็นอะไรแน่นะ”
ไป่พอตะโกนเรียก
“ข้าไม่เป็นไรสบายดี”
เหลียงจิ้งลุกขึ้นมาแล้วตะโกนกลับ
“พี่ไป่เราจะไม่ตามไปดูเหลียงจิ้งเขาจริงๆหรออาการหน้าเป็นห่วงนะ”
เซียวอี้หลิงมองตามเหลียงจิ้งแล้วพูดกับไป่พอ
“ไม่เป็นไรหลอกน่ะ ให้เขาอยู่คนเดียวสักพักคงจะดีขึ้นเอง เอาล่ะเรากลับกันเถอะ”
แล้วไป่พอก็จูงมือเซียวอี้หลิงเดินกลับบ้านไป
‘ถ่ำนี้เหละ’
เหลียงจิ้งคิดในใจแล้วก็รีบเข้าไปในถ่ำทันที พอไปถึงเหลียงจิ้งก็รีบก่อไฟทันทีเพราะว่ามันมืดมาก แล้วก็หยิบเพลงดาบของพ่อเขามาอ่านแล้วเริ่มฝึกยุทธทันที เหลียงจิ้งฝึกจนเช้ายังไม่ได้นอนหลับเลย
‘อะไรกันเช้าแล้วหรอ’
เหลียงจิ้งเห็นว่าเช้าแล้วจึงรีบแต่งตัวไปเรียนวรยุทธที่สำนักฮ่อนบันทันที พอเหลียงจิ้งไปถึงศิษย์ทุกคนก็มาเข้าแถวกันอย่างเป็นระเบียบ เหลียงจิ้งจึงเดินไปหาไป่พอแล้วถามไป่พอ
“ไป่พอมีงานอะไรหรอ”
ไป่พอก็ดึงเหลียงจิ้งอยู่ข้างหน้าตัวเอง
“วันนี้พวกเราเรียนจบแล้ว อาจารย์จะให้เราพวกเราไปท่องยุทธภพเพื่อนฝึกฝนตัวเองแล้วอีก 6 เดือน จะมาสอบเลื่อนระดับ คราส 2 กัน ถ้าใครจิตใจดีช่วยเหลือคนอื่น ในนั้นจะมีอาจารย์ของพรรคฮ่อนบันอยู่เต็มไปหมดเลยและแต่ละคนก็จะมีบททดสอบของตัวเองบางทีเราคิดว่าทำอย่างนี้ถูกแต่มันก็ไม่ใช่ถึงเราจะคิดว่าถูกแต่ในสายตาคนอื่นมันคือการทำผิดอย่างมหัน ถ้าใครทำตามบททดสอบของพวกเขาผ่านก็จะได้ป้ายความดีจากอาจารย์เหล่านั้นมา ให้ไปรวบรวมมาให้ได้มากที่สุดเพื่อจะได้เข้าสอบคราส 2 ฝ่านธรรมะ ส่วนใครที่ไม่ทำความดีก็จะไม่มีป้ายความดีก็ไม่สามารถมาสอบเลื่อนระดับเป็นคราส 2 ฝ่ายธรรมะได้ ต้องรอปีหน้าถึงจะมีสิทธ์ไปรวบรวมป้ายความดีมาใหม่ หรือคนที่มีจิตใจชั่วร้ายก็อาจจะหลงผิดไปเข้าร่วมกับพวกอธรรมเลยล่ะ ข้าหวังว่าเจ้าคงไม่เป็นเหมือนพวกนั้นหรอนะ”
ไป่พออธิบายอย่างละเอียดให้ฟัง
“อื่มข้าไม่เป็นพวกอธรรมแน่นอนเจ้าวางใจเถอะ”
เหลียงจิ้งพูดออกมาอย่างหมั้นใจ
“อ่าวเหลียงจิ้งเจ้าก็มากับเขาด้วยหรอ”
เซียวอี้หลิงทักทานเหลียงจิ้ง
“งานสำคัญอย่างนี้ข้าจะไม่มาได้ยังไง ข้าต้องเป็นจอมยุทธผู้ทรงคุณธรรมให้ได้”
เหลียงจิ้งพูดออกมาแล้ว ยกดาบขึ้นมาชี้ไปบนฟ้าด้วยมือเดียว นักเรียนทุกคนเห็นต่างตกใจกันยกใหญ่
“นั่นมันเหลียงจิ้งเจ้าเด็กไม่เอาไหนหนิมันเอาแรงที่ไหนมายกดาบเล่มใหญ่ขนาดนี้”
นักเรียนคนหนึ่งพูดออกมา เซียวอี้หลิงได้ยินเข้านางโกรธมาก
“ใครว่าเพื่อนข้าไม่เอาไหน แน่จริงก็ออกมาสู้กับเพื่อนข้าสิ”
เซียวอี้หลิงตะโกนออกมาเสียงดัง
“น้องหลิงใจเย็นๆก่อน เหลิยงจิ้งเป็นวรยุทธที่ไหนกัน”
ไป่พอพูดออกมา
“ชั่งเหอะๆ แค่นี้ไม่เห็นจะต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตเลย”
เหลียงจิ้งพยายามพูดให้เซียวอี้หลิงสงบลง
“คิดว่าข้ากลัวเพื่อนเจ้าหรอไอ่เหลียงจิ้งกระจอก ไอ่ลูกไม่มีพ่อ พ่อแกไปไหนว่ะทำไมไม่มาสอยวรยุทธให้แก่ ฮ่าๆ ๆ”
เด็กหนุ่มถือทวนพูดออกมาพร้อมกับชี้หน้าเหลียงจิ้ง เหลียงจิ้งกำหมัดแน่นเหลียงจิ้งไม่พอใจมากๆที่มาว่าเราแบบนี้
“ทำไมๆ แค่นี้โกรธๆ ฮ่า โกรธแล้วไง มาสู้กันสักตั้งมั้ยเอาป่าวๆ”
เด็กหนุ่มยกทวนของเขาขึ้นมา เหลียงจิ้งโกรธมากเขาจับดาบของเขาออกมาแล้วจู่โจมใส่ทันทีแค่กระบวนท่าเดียวทวนของชายหนุ่มก็หักเป็นสองท่อน ชายหนุ่มตกใจถึงกับผมตั้งเลยที่เดียว นักเรียนทุกคนที่เห็นเหตุการก็ไม่มีใครกล้าว่าเหลียงจิ้งอีกเลย
ส่วนไป่พอก็ทำตาโตยืนอ้าปากค้างเลยที่เดียว
“เป็นไงใครจะสู้กับเพื่อนข้าอีกเข้ามา”
เซียวอี้หลิงถ้า แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาสู้ด้วยเลย
“จำไว้อย่ามาว่าข้าไม่มีพ่ออีก”
เหลียงจิ้งใช้ดาบชี้ไปที่หน้าของชายหนุ่มแล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา
“ศิษย์ทุกคนอย่างมีเรื่องกันฟังทางนี้ก่อน วันนี้ศิษย์ฮ่อนบันทุกคนเรียนจบแล้ว ทางสำนักจะปล่อยให้ไปฝึกฝนด้วยตัวเอง แล้วอีก 6 เดือน จะมาสอบเป็นคราส 3 กัน แยกย้ายได้”
ชายแก่อายุ 80 กว่าปีผมขาวมีหนวดเครายาวกว่า 10 นิ้ว ใส่ชุดสีฟ้ามาพูดอยู่หน้าสำนักฮ่อนบัน
“พวกเรา เดินทางไปพร้อมกันเลยมั้ย”
ไป่พอชวนเหลียงจิ้งกับเซียวอี้หลิงให้ร่วมเดินทางไปด้วยกัน
“อื่ม ขอบใจมาก แต่ข้าว่าถ้าให้ข้าไปกับพวกเจ้า ข้าก็เป็น...เป็น”
เหลียงจิ้งพูดออกมาพร้อมหันหลังให้ทั้งสองคน
“เป็นอะไร”
ไป่พอถามเหลียงจิ้ง
‘ให้ข้าไปกับพวกเจ้าหรอข้าจะทนดูคนที่ข้ารักอยู่กับเพื่อนที่ข้ารักได้ยังไง ข้าออกเดินทางไปคนเดียวดีกว่า ถึงไปกับเจ้าข้าก็เป็น กขค เปล่าๆ’
เหลียงจิ้งคิดใจใน
“ข้าคิดไว้แล้วว่าข้าจะออกเดินทางไปคนเดียว ถึงไปกับพวกเจ้าข้าก็ได้แต่พึ่งพวกเจ้าแล้วเมื่อไหล่เราจะแกร่งล่ะ”
เหลียงจิ้งไม่อย่างไปกับพวกเขาเลยหาเหตุผลมาอ้าง
“ใช่เจ้าพูดมีเหตุผล”
ไป่พอจับไหล่เหลียงจิ้งแล้วพูดออกมา
เซียวอี้หลิงดูออกว่าเหลียงจิ้งคิดอะไรอยู่
“อื่มข้าก็ว่าอย่างนั้นเราต่างคนต่างไปกันเถอะ จากกันตรงนี้นะ”
แล้วเซียวอี้หลิงกับเหลียงจิ้งก็เดินไปในทิศทางตรงข้ามกัน
“อ่าวเราข้าล่ะ”
ไป่พอพูดออกมาเบาๆพร้อมชี้มาที่ตัวเอง
“เซียวอี้หลิงรอข้าด้วย”
ไป่พอก็วิ่งตามเซียวอี้หลิงไป เหลียงจิ้งก็หันมามองเซียวอี้หลิงสักพักแล้วหันกลับมาเดินต่อ
“เจ้าบ้าเอ้ย”
เซียวอี้หลิงพูดออกมาเบาๆ แต่ไป่พอวิ่งมาถึงพอดี
“อะไรนะว่าข้าบ้าหรอ”
ไป่พอพูดกับเซียวอี้หลิงและชี้หน้าตัวเอง
“ไม่มีอะไร”
เซียวอี้หลิงตอบกลับแล้วก็รีบเดินเร็วเข้าไปอีก
‘อะไรของเขานะ’
ไป่พอคิดในใจ
โปรดติดตามตอนต่อไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ