ทอฝันสุดสายรุ้ง

10.0

เขียนโดย Jeremiiz

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 เวลา 02.07 น.

  12 บท
  12 วิจารณ์
  20.55K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) หนูชื่อทอฝันค่ะ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ ๕

          หนูชื่อทอฝันค่ะ

 

          “ทอฝัน...”

            “คุณพ่อ!”

          “ต่อไปนี้หนูจะต้องอยู่คนเดียว ต่อสู้คนเดียว ไม่มีใครอยู่เคียงข้างหนูอีกต่อไปแล้ว ทอฝันต้องเข้มแข็งนะลูก”

          “คุณพ่อ... มารับทอฝันกับพี่ทอป่านไปอยู่ด้วยสิคะ พวกเราสองคนคิดถึงคุณพ่อ... คุณพ่อไปอยู่ที่ไหนคะ”

          “พ่ออยู่ในที่ที่ไกลแสนไกลลูก พ่อต้องไปแล้ว ดูแลตัวเองด้วยนะทอฝัน...”

          “คุณพ่อ... มารับทอฝันไปด้วย! คุณพ่อ!”

            ตึง!

“คุณพ่อ!”

ความผิดปกติบางอย่าง ปลุกเด็กน้อยให้ตื่นจากหลับฝัน... ความฝันที่อยากให้มันเป็นเรื่องจริงเหลือเกิน ภาพของคุณพ่อที่ทอฝันรักรองมาจากพี่ทอป่านยังคงชัดเจนแม้จะมองไม่เห็นอีกต่อไปแล้วก็ตาม

ทอฝันมองไปรอบๆ แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อมองไม่เห็นพี่สาว มีเพียงเจ้ามอมแมมเท่านั้น อีกทั้งตัวเองยังนั่งอยู่บนรถของใครก็ไม่รู้แทนที่จะเป็นบ้านหลังเมื่อคืน รอบๆ ตัวเต็มไปด้วยเข่งผักนานาชนิด ส่วนสองข้างทางก็เป็นผืนนาและผืนป่าโล่งกว้าง มองไม่เห็นใครเลย

แล้วจะทำอย่างไรดี พวกเขากำลังพาเราไปที่ไหน...

          “พี่ทอป่าน!”

            เด็กน้อยร้องตะโกนเรียกชื่อพี่สาวเสียงดังด้วยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เมื่อความหวาดกลัวเข้าคลอบงำ และเมื่อทุกขณะจิตเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น หนูน้อยวัยหกขวบจึงทำได้เพียงแต่นั่งร้องไห้ร้องเรียกชื่อพี่สาวไม่ขาดปาก พร้อมกับทุบไปที่กระจกกั้นด้านหลังคนขับตลอดทาง จนในที่สุด...

            เอี๊ยด!

            ได้ผล รถกระบะที่กำลังขับเคลื่อนด้วยความเร็วเหยียบเบรกกะทันหันจนหนูน้อยหน้าคะมำล้มจุ่มลงไปในเข่งกะหล่ำปลี ขณะที่ชายวัยกลางคนหน้าตาเหี้ยมโหดก้าวลงมาจากรถแล้วจ้องเขม็งไปที่เด็กน้อย

            “โว้ย! อีเด็กบ้า! ตื่นมาก็แผลงฤทธิ์เลยนะ เอ็งจะร้องโวยวายอะไรนักหนาวะ! รำคาญว้อย!”

            “ฝันจะหาที่ทอป่าน...”

            “พี่เอ็งมันไปสบายแล้ว! ไม่ต้องไปห่วงมันหรอก”

            “พี่ทอป่านอยู่ที่ไหน?”

            “อย่ามาถามเซ้าซี้น่ารำคาญ ถ้าไม่อยากอดตายก็นั่งอยู่เงียบๆ แล้วไปกับข้า!”

            เมื่อออกมากราดด่าระบายความรำคาญแล้ว เจ้าของรถขนผักก็กลับเข้าไปในรถอีกรอบ จังหวะนั้นเองที่ทอฝันคิดว่าไม่ควรจะไปกับผู้ชายที่น่ากลัวคนนี้เด็ดขาด ไม่ว่าจะยังไง ก็ต้องตามหาพี่ทอป่านให้เจอเสียก่อน

            คิดได้ดังนั้นเด็กน้อยก็อุ้มตุ๊กตาตัวโปรดไว้แนบอกจนแน่นก่อนจะตัดสินใจกระโดดลงจากรถ ขณะที่เครื่องยนต์กำลังถูกสตาร์ท โชคดีที่คนไม่ดีคนนั้นไม่ได้มัดมือมัดเท้าของเธอเอาไว้ เด็กน้อยจึงวิ่งลงมากลางถนนและวิ่งต่อไปไม่คิดชีวิต ขอเพียงไม่ต้องไปกับผู้ชายแปลกหน้าที่ดูน่ากลัวคนนั้นก็พอ

            “อีเด็กบ้า! กลับมาเดี๋ยวนี้นะ! ฤทธิ์เยอะฉิบ”

            มีเสียงตะโกนด่าดังไล่หลังมา ฝีเท้าน้อยๆ จึงเร่งความเร็วขึ้นอย่างสุดความสามารถ รอบข้างไม่มีใครสักคนเลยเส้นทางข้างหน้าก็ช่างยาวไกลนัก เงาของหลังคาบ้านสักหลังก็ยังไม่มี มีเพียงแต่หนทางโล่งๆ ที่ดูเวิ้งว้าง…

            ใครก็ได้ช่วยที... พี่ทอป่าน... คุณพ่อ...

            ออกแรงวิ่งย้อนทางมาจนถึงสี่แยก ในวินาทีที่จวนตัวนั้น มีหรือฝีเท้าน้อยๆ ของเด็กหกขวบ จะวิ่งหนีก้าวยาวๆ ของผู้ใหญ่ใจยักษ์ได้ทัน

            เหลียวหลังกลับไปก็คือชายฉกรรจ์ผู้น่ากลัว... ส่วนด้านข้างนั้น...

            ปี๊น!!!

            เสียงบีบแตรดังไปทั่วทั้งทุ่ง เด็กน้อยหลับตาปี๋ ด้วยคิดว่าคงถูกรถชนตายแน่ๆ แต่ทว่า... เมื่อลืมตาขึ้นมาก็ต้องตกใจ เมื่อตรงหน้าคือรถเก๋งคันโต ที่อยู่ห่างออกไปเพียงปลายจมูก เจ้าของรถยนต์คันนั้นรีบเปิดประตูออกมาดูเหตุการณ์ด้วยความตื่นตระหนก พร้อมกับที่ชายแปลกหน้าเข้ามาฉุดแขนของเด็กน้อยพอดี

            “โอ๊ย พ่อบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้ระวังน่ะหือ? ดูซิ วิ่งซนจนเกือบจะโดนรถชนตายอยู่แล้ว!”

            ชายหน้าเหี้ยมแกล้งสวมบทบาทเป็นพ่อที่กำลังดุลูก ชายผู้มาใหม่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น

            “ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าลูกสาวคุณบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ”

            “อ๋อ ไม่หรอก คุณไปซะเถอะ เราก็กำลังรีบไปเหมือนกัน”

            “แต่ว่า...”

            “ก็บอกว่าไม่เป็นอะไรไง!”

            “แต่ว่าลูกสาวคุณร้องไห้นะครับ ไม่ดูหน่อยเหรอว่าแกเจ็บตรงไหนรึเปล่า”

            “ช่างเหอะน่า ลูกก็ลูกผม ที่ร้องเนี่ยคงจะตกใจ ไป ขวัญ รีบไป กลับถึงบ้านพ่อจะตีซ้ำ”

            ชายหน้าเหี้ยมออกแรงดึงร่างทอฝันจนตัวปลิว ตั้งใจว่าจะต้องออกเดินทางต่อให้เร็วที่สุด

            “คุณลุงคะ ช่วยด้วยค่ะ หนูชื่อทอฝัน ไม่ใช่ขวัญ แล้วเขาก็ไม่ใช่คุณพ่อของหนูคะ!”

            ทอฝันร้องตะโกนขอความช่วยเหลือออกไปในที่สุด

            สิทธิกรที่กำลังจะเปิดประตูเข้าไปในรถต้องหันกลับมาอีกครั้ง จ้องมองสองพ่อลูกนั่นด้วยความสับสน

            “คุณลุงคะ! ช่วยหนูด้วย! หนูกลัว”

            เมื่อได้ยินดังนั้นแล้ว สิทธิกรก็รู้สึกใจไม่ดีที่จะปล่อยหนูน้อยคนนั้นไปจริงๆ คนที่อ้างตัวว่าเป็นพ่อ ก็ช่างทำตัวไม่สมเอาเสียเลย อีกทั้งหน้าตาก็ห่างไกลกันเหลือเกิน โบราณว่า เด็กย่อมไม่โกหก... และเมื่อเห็นว่าชายคนนั้นกำลังเอามืออุดปากของเด็กน้อยพร้อมกับออกวิ่งด้วยท่าทีที่ร้อนรน ทำให้เขามั่นใจขึ้นทันที

            “เดี๋ยวครับคุณ!”

            สิทธิกรตะโกนเรียก แต่แทนที่จะหยุด เขากลับวิ่งห่างออกไปยิ่งกว่าเดิม เมื่อเห็นดังนั้นแล้ว เขาจึงรีบออกรถ แล้วขับไปขวางหน้าชายต้องสงสัยได้ทันก่อนที่จะขับรถหนีไป

            “เด็กคนนี้ลูกคุณจริงๆ เหรอครับ?”

            “ก็ใช่น่ะสิ อย่าไปฟังมันมาก นั่งนี่น่ะ มันเด็กบ้า ไม่เอาพ่อเอาแม่”

            “ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเด็กแบบนี้อยู่ด้วยนะครับ”

            “ก็อีนี่แหละ”

            “คุณลุงคะ...”

            ทอฝันตะโกนเรียกทั้งน้ำตาด้วยหัวใจที่เว้าวอน

            “ผมว่าคุณอย่าพยายามเลย ไม่มีทางที่จะเป็นลูกคุณได้หรอก หรือไม่อย่างนั้น เด็กคนนี้ก็คงจะเหมือนแม่มากซะจนน่าใจหาย”

            ชายหน้าเหี้ยมเริ่มลุกลี้ลุกลนเมื่อถูกจับได้

            “ลูกชายฉันเป็นตำรวจนะคะ”

            สุนทรีแม่ของสิทธิกรที่นั่งอยู่ในรถด้วย เลื่อนกระจกลงพร้อมกับชะโงกหน้าร่วมสมทบด้วย

            “ปล่อยเด็กไปเถอะ แล้วเราจะไม่เอาเรื่องคุณ”

            ด้วยรูปร่างและหน้าตาของสิทธิกรทำให้เชื่อไปอย่างนั้นแม้ไม่ต้องแสดงหลักฐานใดๆ เขาดูเหมือนตำรวจนอกเครื่องแบบที่น่าเกรงขาม

            ชายฉกรรจ์ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ด้วยข้อเสนอที่แสนจะเสียดาย หากปล่อยเด็กนี่ไป เขาก็จะพลาดเงินก้อนโตจากซ่องเมืองเหนือที่กำลังจะมุ่งหน้าไป แต่นี่ก็มาโดนจับได้อีก ถ้าถูกตำรวจนายนี้จับไปก็คงแย่แน่ๆ โอย ไม่ได้เงินแถมจะต้องติดคุกหัวโตอีก

            “สัญญานะครับ ว่าจะไม่เอาเรื่องผม”

            “เป็นคนที่นี่รึเปล่าน่ะ?”

            สิทธิกรถาม แกล้งสวมบทบาทต่อไป

            “ไม่ใช่ครับ ผมมาจากอุดร”

            “งั้นก็หนีไปให้ซะพ้นๆ อย่าให้เจออีก”

            “ครับๆ ได้ครับ”

            เมื่อได้ยินดังนั้น ก็แทบจะผลักไสทอฝันไปไกลๆ ก่อนจะกระโดดขึ้นรถ แล้วขับออกไปด้วยความเร็วสูงไม่เห็นฝุ่น

            ส่วนทอฝันนั้นก็แสนดีใจ ที่รอดมาจากผู้ชายน่ากลัวคนนั้นได้ แม้จะไม่เข้าใจว่าถูกจับมาด้วยเรื่องอะไรก็ตาม

            “ขอบคุณมากนะคะคุณลุง”

            สิทธิกรยิ้มรับ พร้อมกับยกมือขึ้นลูบศีรษะของเธออย่างเอ็นดู

            “บ้านหนูอยู่ที่ไหนล่ะ เดี๋ยวลุงจะพาไปส่ง”

            ทอฝันส่ายหน้า

            “ไม่มีบ้าน?”

            “ค่ะ”

            “แล้วพ่อกับแม่ล่ะ?”

            ทอฝันส่ายหน้าอีกครั้ง

            “แล้ว... ทำไมหนูถึงมาอยู่กับผู้ชายคนนั้นได้ล่ะ”

            “หนูนอนอยู่ในบ้านร้างกับพี่ทอป่าน แต่ตื่นมาอีกทีก็ไม่เห็นพี่ทอป่านแล้ว เห็นแต่ผู้ชายคนนั้น เขาบอกว่า พี่ทอป่านไปสบายแล้ว...”

            ได้ฟังดังนั้น ก็สร้างความหดหู่ให้เกาะกินในใจของสิทธิกรเหลือเกิน สองพี่น้องผู้น่าสงสาร ถูกจับแยกไปขายที่ซ่องโลกีย์

ป่านนี้พี่ทอป่านของหนูน้อยคนนี้จะเป็นอย่างไรนะ

            “แล้วเราจะเอายังไงกับเด็กคนนี้ดีครับคุณแม่”

            สิทธิกรหันไปปรึกษาผู้เป็นแม่ หญิงวัยทองชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกวักมือเรียกให้ทอฝันเดินเข้าไปใกล้ๆ

            เมื่อทอฝันเห็นหล่อนใกล้ๆ แบบเต็มสองตา ก็รู้สึกเกรงกลัวเหลือเกิน เป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าอวบและขาวผ่อง ผมสีดำสลับขาวเกล้ารวบอย่างเรียบร้อย นัยน์ตาดุดันเวลาที่จ้องมอง น้ำเสียงก็ทรงพลังและเสียงดัง แต่มีรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นยากเกินบรรยาย

            “อืม... หนูน่ะ ไม่มีที่ไปเลยหรือจ๊ะ”

            “ไม่มีค่ะ”

            “ญาติพี่น้องคนอื่นๆ ล่ะ”

            “มีแต่พี่ทอป่านค่ะ แล้วก็คุณแม่กานดา...”

            “คุณแม่เหรอ? ไหนบอกว่าไม่มีพ่อแม่ไง”

            “คุณแม่กานดาพาหนูกับพี่สาวขึ้นรถมาที่นี่ แล้วก็หายไป ไม่ได้มากับพวกเราด้วยค่ะ”

            แม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ผู้หญิงที่เด็กน้อยเรียกว่า คุณแม่กานดา คงไม่ใช่คนดีหรือเป็นแม่แท้ๆ ของเธอแน่นอน

            ยิ่งมองตาเด็กน้อยแล้ว สุนทรีก็ให้ความรู้สึกสงสารและเอ็นดูไปในเวลาเดียวกัน เป็นเด็กผู้หญิงที่น่าตาน่ารัก พูดเสียงเจื้อยแจ้วฟังชัดถ้อยชัดคำ และดูท่าจะฉลาดเกินตัว เป็นยังไงมายังไงล่ะนะ ถึงได้มาพบเจอกันที่นี่ หญิงชะตาเชื่อว่า จะต้องเป็นเพราะโชคชะตาขีดเส้นทางเดินนี้ให้เด็กน้อยเอาไว้แล้วกระมัง

            ถ้าเราไม่ช่วย แล้วใครจะช่วยหนูน้อยคนนี้ได้อีกเล่า...

            “ตากร...”

            “ครับคุณแม่”

            “หนูวรรณของเราน่ะ วันๆ เอาแต่นั่งเล่นคนเดียวใช่มั้ย?”

            “ก็ใช่ครับ แต่บางครั้ง เพื่อนบ้าน คนไร่ คนสวน แถวนั้นก็จะมานั่งเล่นกับแกด้วย”

            “มันจะไม่เหมือนกันน่ะซี... ผู้ใหญ่เล่นกับเด็กมันจะสนุกตรงไหน เด็กน่ะ ต้องเล่นกับเด็ก ถึงจะเข้าใจกัน”

            “คุณแม่หมายความว่าไงครับ”

            “ไหนๆ ก็ไม่รู้ว่าจะพาแม่หนูนี่ไปส่งไว้ที่ไหนแล้ว ก็รับไปอยู่ที่บ้านเราซักพักก่อนก็ได้นี่นา”

            “คุณแม่...”

            “ให้ไปเป็นเพื่อนเล่นกับหนูวรรณ แกคงไม่ขัดข้องอะไรหรอกนะ อีกอย่าง ในบ้านมีเด็กเพิ่มมาอีกคน มันคึกคักดี...”

            “อย่างนั้นหรือครับ”

            “แล้วไว้ค่อยไปจัดการกับเมียแกทีหลังก็ได้ นี่ก็จะเที่ยงอยู่แล้ว แม่หนูนี่คงหิวไส้กิ่วแล้วล่ะ ใช่มั้ย? หือ?”

            ทอฝันพยักหน้ายอมรับน้อยๆ

            “ว่าแต่... ชื่ออะไรล่ะแม่หนู?”

            “ทอฝันค่ะ... หนูชื่อทอฝัน...”

            หญิงชราพยักหน้ารับรู้ พร้อมกับที่ทั้งสองแม่ลูกตัดสินใจนำเด็กน้อยผู้น่าสงสารกลับบ้านไปด้วยในวันนั้น แต่ทอฝัน... จะมีชีวิตที่แสนสุขกับครอบครัวนี้ได้หรือเปล่านะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา