พิศวาสสีชมพู
3) ตอนที่ 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเหตุการณ์ครั้งนั้นดูเหมือนจะเลือนหายไปจากสารบบ ถ้าหากไม่เป็นเพราะงานการกุศลที่ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง8 จัดทำละครเรื่องพิเศษที่แต่งขึ้นเฉพาะกิจ เพื่อต้องการจัดหารายได้เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมในหลายจังหวัดของประเทศพร้อมๆกัน และงานครั้งนี้ ยังเป็นการแนะนำตัวนักแสดงคนใหม่ของช่องหลายๆคน ในบทบาทต่างๆกัน
“ซัน คุณก้องเรียกพบด่วน” ปกป้องเอ่ยขึ้นหลังจากรับโทรศัพท์สายตรงจากผู้บริหารช่อง8 ที่ซัน หรือตะวัน สิริพิพัฒน์ สังกัดอยู่ในฐานะพระเอกหนุ่มเนื้อหอม โลกส่วนตัวสูง
“มีเรื่องอะไรหรอ” ซันที่นั่งอ่านนิตยสารสุขภาพอยู่เอ่ยถาม หากแต่สายตากลับไม่ได้ละจากเนื้อหาตรงหน้าเลย
“งาน” ปกป้องเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงห้วนสั้นตามนิสัย หากแต่คนฟังไม่ได้รู้สึกอะไรไปมากกว่ารับรู้และพยักหน้าเป็นการตอบรับ ก่อนจะลุกขึ้นยืนบิดตัวเล็กน้อย จากการนั่งท่าเดิมมานานกว่า ครึ่งชั่วโมงแล้ว
“งั้นก็ไปกันเลย” เอ่ยพูดจบก็ออกเดินตรงไปยังลานจอดรถทันที
“พี่แจงว่ายังไงนะคะ คุณก้องเรียกให้ภัสเข้าไปพบด่วน มีอะไรหรือเปล่า” เสียงแพรานภัสเอ่ยอย่างแปลกใจ เพราะเธอเพิ่งเข้าไปพบคุณก้อง หรือก้องหล้า ผู้บริหารช่องเมื่อเกือบ 2 ชั่วโมงก่อน
“ก็เนี๊ย คุณก้องหล้านภาลัยโทรมาเมื่อกี้นี่เอง จะโทรกลับไปถามหรือเปล่าล่ะ” แจงตอบกลับกวนๆ พร้อมทำหน้าตายใส่ ทำเอาคนฟังถึงกับทำหน้ายุ่ง เพราะเธอตั้งใจว่าจะกลับมานอนพักที่คอนโดหากแต่เมื่อถึงเวลาจริงกลับต้องฝ่ารถติดกลับไปยังสังกัดใหม่อีกครั้ง
“เฮ้อ พี่แจงไปคนเดียวไม่ได้หรอ ภัสอยากนอนจะแย่แล้ว” หญิงสาวออกอาการงอแงเหมือนเด็กๆ แต่คนฟังก็หาได้สนใจไม่ กลับออกเดินไปยังโต๊ะรับประทานอาหารขนาดสำหรับ 4 ที่ เผื่อจะรับประทานอาหารที่ซื้อเข้ามาก่อนจะเอ่ยขึ้นไม่ดังนัก
“มีเวลาอีกประมาณชั่วโมงหนึ่ง จะทำอะไรก็รีบทำเข้า อีก 15 นาทีต้องออกจากที่นี่” คำบอกเล่า เหมือนประกาศิตที่แพรวนภัสรู้ดีว่า ต้องเป็นไปตามนั้น จึงได้แต่ทำหน้าเหนื่อยใส่ก่อนจะเดินมานั่งเก้าอี้ตัวข้างๆกัน เพื่อลงมือรับประทานอาหารส่วนของตน
ทางด้านตึกสูงกว่า 25 ชั้น อันเป็นที่ตั้งของสำนักงานบริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ที่ประกอบไปด้วยแผนกต่างๆมากมาย ห้องประชุมขนาดต่างๆจำนวนมาก เพื่อใช้สำหรับวางแผนสำหรับงานที่แตกต่างกัน รวมถึงห้องสำหรับผู้บริหารงานสาขาต่างๆของช่อง ซึ่งเวลานี้ก็เป็นเวลาทำการปกติของตึก จึงคับคั่งไปด้วยผู้คน ทั้งพนักงาน และผู้ที่มาติดต่องาน ทำให้ดูวุ่นวายไปหมด
“คุณก้องคิดยังไงคะ ถึงจะให้แพรวนภัสมาเป็นนางเอกละครการกุศลคู่กับซัน” จันทร์ฉายเอ่ยเสียงตะหนก เมื่อทราบความต้องการของผู้บริหารช่อง ที่อยู่ในเหตุการณ์ขณะที่ก้องหล้าต่อสายตรงไปยังผู้ที่จะรับบทบาทดังกล่าว
“ทำไมล่ะ ฉายคิดว่าจะมีปัญหาหรือยังไง” ก้องหล้าเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี เพราะเขาเองไม่คิดว่าจะเกิดปัญหาอะไร
“ก็แพรวนภัสยังไม่เคยมีประสบการณ์การแสดงมาก่อน อีกอย่างก็เพิ่งมีกระแสข่าวภาพลบของเธอออกมา” จันทร์ฉายเอ่ยเสียงวิตก ก่อนจะพิงพนักเก้าอี้ด้วยใบหน้าเครียดขึง
“ไม่มีก็ต้องลอง ไม่งั้นเมื่อไหร่จะมีประสบการณ์ล่ะ ส่วนเรื่องข่าว ฉายเองก็รู้ไม่ใช่หรอ ว่าความจริงมันเป็นยังไง” ก้องหล้ายังเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ทุกข์ไม่ร้อน เพราะจะว่าไป เรื่องข่าวเสียๆที่เกิดขึ้นของแพรวนภัส ส่วนใหญ่มักเป็นการเขียนขึ้นจากนักข่าวที่ต้องการตีกระแสเรียกความสนใจอยู่บ่อยครั้ง แม้จะมีภาพประกอบหากแต่หญิงสาวก็มีคำอธิบายที่น่าเชื่อถือได้ ยิ่งเรื่องความประพฤติ ที่ได้รับการการันตีจากเหล่านางแบบด้วยกันแล้วว่าเป็นเด็กดี ขยันทำงาน แม้จะโดนกดดัน หรือวีนใส่จากนางแบบรุ่นพี่ หากแต่ก็ไม่เคยตอบโต้กลับทั้งที่หลายๆคนยุให้ทำก็ตาม
“แล้วซันล่ะคะ รายนั้นจะไม่มีปัญหาแน่หรอ” จันทร์ฉายยังไม่คลายความกังวล เมื่อนึกถึงบุคคลอันเป็นที่เกรงใจของหลายๆคน เพราะบุคลิกนิ่งเงียบ หากแต่ฝีมือการแสดงของเขานั้นร้ายกาจไม่แพ้ดวงตา ที่สามารถสยบหญิงสาวที่ไม่ว่าจะมาดมั่นหรือร้ายกาจเพียงใดก็ต้องยอมอยู่ใต้อาณัติ หากเขาต้องการ
“มีปัญหาอะไรล่ะ อยู่ใกล้สาวสวยแถมเซ็กซี่ขนาดนั้น มีแต่จะชอบใจ” ก้องหล้าเอ่ยอย่างอารมณ์ดีเช่นเดิม หากแต่ทอดสายตามองไปด้านนอกกระจกห้องทำงานชั้น26 อย่างไม่มีจุดหมาย และซ่อนความนัยเอาไว้มากมาย
“ถ้าคุณก้องคิดแบบนั้น งั้นฉายของตัวก่อนนะคะ จะได้ติดต่อไปแจ้งคนอื่นๆ” เมื่อไม่เห็นประโยชน์ที่จะคัดค้าน เธอจึงเอ่ยขอตัวเพื่อไปจัดการส่วนที่เหลือต่อในทันทีเมื่อได้รับคำอนุญาต
“พ่อจัดการให้แล้วนะ เราก็ทำตัวดีๆ ตั้งใจเรียนหนังสือด้วยล่ะ” ทันทีที่ผู้อำนวยการฝ่ายจัดหานักแสดงปิดประตูลง เจ้าของห้องจึงกดโทรศัพท์ส่วนตัวจากเบอร์ที่ตั้งไว้เป็นพิเศษทันที
“จริงหรือครับคุณพ่อ ขอบคุณนะครับ ผมรักพ่อที่สุดเลย” เสียงตอบกลับอย่างดีใจของบุตรชายเพียงคนเดียว ทำให้สีหน้าที่มีรอยวิตกฉายรอยยิ้มขึ้น เขามีความสุข ถ้าหากลูกชายเพียงคนเดียวของเขามีความสุข ตั้งแต่ภรรยาของเขาเสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุเมื่อเกือบสิบปีก่อน เขาก็เอาแต่ทุ่มเทเวลาแทบจะทั้งหมดกับการทำธุรกิจ โดยลืมนึกถึงบุตรชายเพียงคนเดียว ที่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่เลี้ยง ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างเขากับบุตรชาย ยิ่งผ่านวันเวลามาเท่าใด ความห่างเหินก็ดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มขึ้น จนกลายเป็นรอยร้าว ที่เขาเป็นคนสร้างมันขึ้นมา แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านพ้นไป จากเด็กชายตัวน้อยว่าง่าย กลายเป็นเด็กหนุ่มอารมณ์ร้อนเอาแต่ใจ ติดเพื่อนจนเกือบจะเสียคน หากไม่เพราะผู้หญิงคนนั้น
“คุณภัสมาแล้วค่ะ” เสียงเลขาหน้าห้องดังขึ้นผ่านทางเครื่องรับโทรศัพท์ภายใน ทำให้ก้องหล้าจำต้องหยุดคิดถึงเรื่องราวต่างๆ เพื่อจัดการปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้น
“เชิญเข้ามา” เอ่ยจบก็กลับมานั่งบนเก้าอี้ตัวโตรอผู้ที่กำลังจะก้าวเข้ามา
“สวัสดีค่ะคุณก้อง” สองสาวเอ่ยแทบจะพร้อมกัน ก่อนจะนั่งลงตามคำอนุญาตของเจ้าของห้อง
“รบกวนหรือเปล่า โทรเรียกกระทันหันไปหน่อย” ก้องหล้าเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มๆอย่างคนใจดี ทำให้ทั้งสองที่ดูจะเกร็งๆผ่อนคลายลง เพราะไม่บ่อยนักที่จะต้องเข้าพบเจ้าของช่องเอง
“ไม่เลยค่ะ พอดีวันนี้ภัสว่างแล้วค่ะ” แพรวนภัสเอ่ยเสียงหวาน พรางรอคอยสิ่งที่ทำให้เธอต้องรีบออกมาจากห้องชุดอย่างเร่งด่วน
“ผมมีละครจะให้ภัสเล่น” เจ้าของห้องยังหนุ่มเอ่ยเพียงแค่นั้น สองสาวก็มองหน้ากันอย่างยินดีก่อนจะรอคำพูดต่อไป
“เป็นละครการกุศล ไม่ยาวมากนัก บทนางเอก ภัสคิดว่าไหวหรือเปล่า” คำถามที่เหมือนจะคาดหวังกับคำตอบ ทำเอาเจ้าของชื่อถึงกับพยักหน้ารับในทันที
“ไหวค่ะ ภัสไหว ภัสจะพยายามเล่นสุดความสามารถเลยค่ะ แต่ว่าจะไม่ทำให้ทุกคนเสียเวลาหรอคะ ภัสยังไม่เคยเล่นมาก่อนแบบนี้” ตอบรับอย่างยินดี หากแต่เมื่อนึกถึงคนอื่นๆที่ต้องร่วมแสดงกับเธอก็อดหวั่นใจไม่น้อย ยิ่งเป็นละครการกุศลด้วยแล้ว เธอกลัวจะกลายเป็นตัวถ่วงของกองละคร
“อย่าคิดมาก ถ้ามั่นใจ ตั้งใจ ก็ไม่ต้องกลัว” ก้องหล้าให้กำลังใจหญิงสาวอีกครั้ง ก่อนจะยื่นบทละครส่วนที่เป็นของหญิงสาวส่งให้พร้อมด้วยตารางเวลาถ่ายทำ
“เรื่องเวลามีปัญหาอะไรหรือเปล่า” เอ่ยถาม เมื่อเห็นทั้งคู่เปิดดูเงียบๆ
“ไม่มีค่ะ อาจจะมีบ้างในส่วนที่ติดงานเดินแบบที่รับเอาไว้ก่อน แต่ถอนตัวได้ค่ะ” แจงผู้จัดการส่วนตัวสาวเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นช่วงวันเวลาหนึ่งที่เธอจำได้ว่าเพิ่งตกปากรับคำงานเดินแบบของคุณหญิงอะไรสักอย่างของวงการไฮโซที่ต้องการจัดแสดงผ้าไหมไทย
“ลองคุยกับคุณจันทร์ฉายดูแล้วกันว่ายังไง เอาล่ะผมหมดธุระแล้ว ไม่รบกวนเวลาแล้วล่ะ"”ก้องหล้าเอ่ยเมื่อหมดธุระในส่วนของเขาแล้ว จากนั้นทั้งสองจึงไหว้ลากลับออกไป
“ซันมาหรือยัง” เมื่อร่างของนางเอกคนใหม่ลับตาลงไปแล้ว เขาก็ไม่รอช้าที่จะกดอินเตอร์คอมเพื่อสอบถามไปยังเลขาสาว
“เมื่อครู่แจ้งมาแล้วค่ะ ว่าอีกไม่เกิน 5 นาทีจะมาถึง โอ๊ะ กำลังเดินมาแล้วค่ะ” เลขาสาวแจ้งข้อมูลให้ทราบ หากแต่ไม่ทันไรก็เห็นบุคคลในบทสนทนาก้าวออกจากลิฟมา
“งั้นให้เข้ามาได้เลย” ก้องหล้าเอ่ยตอบก่อนจะพิงศรีษะลงบนพนักเก้าอี้เพื่อรอคอย
“ค่ะ” ตอบรับพรางลุกขึ้นยืนเพื่อต้อนรับพระเอกหนุ่มคนสำคัญของช่อง
“คุณก้องรออยู่ด้านใน เชิญเลยค่ะ” เอ่ยจบ จึงได้รับการพยักหน้าเป็นการตอบรับ ก่อนทั้งสองหนุ่มจะเปิดประตูเข้าไป
“คุณก้องเรียกผมมา มีงานอะไรด่วนหรือครับ” ซันเอ่ยทันทีที่เห็นหน้าเจ้าของห้อง หลังจากยกมือทำความเคารพในฐานะเจ้านายและผู้มีอาวุโสกว่า และนั่งลงฝั่งตรงกันข้าม ภายนอก แม้ซันจะดูเหมือนเป็นคนหยิ่งยโส ไม่ยอมก้มหัวให้ใคร หากแต่เขาก็รู้จักกาลเทศะ ติดตรงที่เป็นคนแข็งๆ พูดจาตรงไปตรงมา จนดูเหมือนเป็นคนหยาบกระด้าง
“ละครการกุศล ว่าจะปั้นนางเอกใหม่ด้วย ซันช่วยหน่อยได้ไหมล่ะ” ก้องหล้าเอ่ยแบบสบายๆ เพราะเขารู้ดีว่า คนอย่างตะวัน ถ้าเป็นเรื่องงานที่ตนเลือกให้แล้ว เขาไม่เคยปฏิเสธ
“ถ้าตารางไม่ชนกันก็ไม่มีปัญหาครับ” พระเอกหนุ่มเอ่ยตอบอย่างไม่ลังเลใจ หรือจะเสียเวลาคิดแม้แต่นิดเดียว และนั่นก็เป็นการเรียกรอยยิ้มมุมปากแก่ผู้เป็นนายออกมา ก่อนจะพูดคุยถามถึงบทบาทเล็กน้อย ก่อนจะลากลับไปโดยไม่ได้สนใจตารางงานของตน ที่ส่วนใหญ่จะให้ปกป้อง เพื่อนและผู้จัดการส่วนตัวดูแล
“คุณก้องคิดยังไงนะ ถึงจะให้ซันประกบดาราใหม่ แล้วยายแพรวนภัสนั่นก็เหมือนกัน ไม่รู้จะเล่นได้หรือเปล่า ละครการกุศลด้วย เรื่องก็สั้น เวลาการถ่ายก็น้อย น่าจะเลือกนางเอกที่เก่งๆหน่อย การทำงานจะได้ไม่มีปัญหา นี่อะไร กว่าจะถ่ายจบแต่ละฉาก ฉันไม่อยากจะคิด” เสียงของก้อยพนักงานสาวพยายามสวยเอ่ยขึ้น ก้อยเป็นหนึ่งในทีมงานละครเรื่องนี้ เพราะรู้ดีว่าพระเอกนางเอกใหม่ โอกาสที่จะมีปัญหาเรื่องการแสดงอารมณ์ บล๊อกกิ้ง เป็นเรื่องธรรมดา แต่เพราะละครเรื่องนี้ เป็นละครจานด่วน เวลาน้อยนิดที่มีอยู่ ไม่วายกลัวปัญหา ยิ่งมีพระเอกเป็นถึงหนุ่มหล่อหน้านิ่งคนนี้อีกด้วย
“เอาน่ายายก้อย จะบ่นมากไปทำไม คำสั่งก็คือคำสั่ง ดูอย่างคุณฉายสิ ยังแย้งท่านไม่ได้เลย” กิ๊ฟซี่สาวประเภทสองจีบปากจีบคอเอ่ย
“ก็นั่นสิ ฉันล่ะเหนื่อยตั้งแต่ยังไม่เริ่มงานเลยหละ” ก้อยยังบ่นไม่เลิก พร้อมทำหน้าตาเบื่อหน่าย
“อย่าเพิ่งเหนื่อยเลยหล่อน ไปช่วยกันหาเสื้อผ้าเข้าฉากกันดีกว่า เสียเวลาเปล่าๆ” กิ๊ฟซี่เอ่ยพรางชวนเพื่อนร่วมงานสาวไปทำงานในส่วนของตน
“ว่าแต่ ดูคุณภัสไม่แรงเห็นเหมือนที่เป็นข่าวเลย” ก้อยเอ่ยขณะเดินตามเพื่อนกลับไปยังโต๊ะทำงานส่วนตัว
“ของแบบนี้ เราไม่รู้จักมักคุ้น ไม่รู้หรอก ว่าจริงๆแล้วเขาเป็นยังไง ดูคนให้ดูนานๆ อย่าเพิ่งไปตัดสินอะไรเลย” เสียงของตุ๊กตา หัวหน้ากองละครเอ่ยขึ้นลอยๆ ทำเอาสองสาวตกใจก่อนจะกลับที่นั่งคิดงานกันอย่างขมักเขม้น
“เด็กพวกนี้จริงๆเลย เม้าส์เขาไปทั่ว ระวังเหอะวันหนึ่งจะโดนเจ้าตัวเขามายืนอยู่ข้างหลัง” ตุ๊กตาเอ่ยพรางส่ายหน้า ก่อนจะเข้าไปนั่งกลุ้มใจกับปัญหาของตน คล้อยหลังพี่ใหญ่ สองสาวต่างเอาหัวข้อสนทนาที่ถูกขัดเมื่อครู่มาพูดคุยอย่างออกรสออกชาด ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนแต่อย่างใด.
จบตอนแล้วนะคะ คิดยังไงเม้นท์คุยกันนะคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ