พิศวาสสีชมพู
12) ตอน 12
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความขอโทษที่หายไปนานนะคะ พอดีไม่ว่างเข้าเวบเลย จากนี้จะเอามาอัพให้เรื่อยๆค่ะ เริ่มกันเลยนะคะ
หลังจากละครการกุศลที่จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ์และเป็นการเปิดตัวนางเอกใหม่ของช่องครั้งแรกออกฉายสู่สายตาประชาชน ก็เรียกคะแนนความนิยมจากประชาชนได้อย่างที่คาดหวัง และสิ่งที่เป็นผลกำไรอีกอย่าง นั่นก็คือความสนใจในตัวนางเอกคนใหม่ที่ต้องการ ทำเอาทั้งผู้จัดและนักแสดงต่างพากันปลื้มและได้รับกำลังใจล้นหลาม
“เป็นไงบ้างฉาย ผมบอกแล้ว ว่าแพรวนภัสทำได้”ก้องหล้าเอ่ยขึ้น หลังจากฟังสรุปเนื้อหางานบางส่วน ที่จันทร์ฉายนำมาปรึกษา
“ค่ะ ทำได้ดีเสียด้วย” เธอเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้ม เมื่อนึกถึงผลการสำรวจความเห็นจากประชาชนถึงคะแนนความนิยมที่แม้ละครจะเพิ่งลงจอเพียงไม่กี่ตอน กลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของเนื้อหาและนักแสดง โดยเฉพาะนักแสดงนำชายและหญิง
“คิดไม่ผิดจริงๆ” ก้องหล้าเอ่ยด้วยแววตาเป็นประกาย คิดไม่ผิดที่ตัดสินใจทำตามคำขอของบุตรชาย
“แล้วตอนนี้คุณก้องวางแผนยังไงบ้างคะ” จันทร์ฉายเอ่ยถามแนวทางอีกครั้งจากนายใหญ่
“ผมว่า ค่อยๆป้อนงานจะดีกว่านะ ผมไม่อยากสร้างกระแสมากเกินไป เดี๋ยวหน้าจะช้ำหมด” ไม่จำเป็นต้องหยุดคิดนาน เพราะสิ่งที่ช่องยึดมาตลอด ก็คือ แม้ดาราในสังกัดจะกำลังมีกระแสมาแรง หากแต่ก็ไม่จำเป็นต้องอัดงานให้มากจนเกินไป เพราะนอกจากจะทำให้ประชาชนเบื่อหน้าแล้ว ดาราจะเหนื่อยเกินไปและอาจจะโทรมเพราะพักผ่อนน้อย
“แล้วเรื่องข่าวระหว่างภัสกับซันล่ะคะ”เมื่อเรื่องงานจบลง เรื่องข่าวที่เกิดขึ้นจึงเป็นประเด็นที่ต้องพูดถึง
“ปล่อยไป ให้เป็นเรื่องของเขา”ก้องหล้าเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจกับข่าวที่เกิดขึ้นนัก แม้ว่าตอนนี้ ข่าวของคนทั้งคู่กำลังเป็นที่กล่าวถึงอย่างโจทย์จัณฑ์
“หรือคุณก้องคิดว่า ทั้งสองคนจะมีอะไรกันอย่างที่เป็นข่าว”จันทร์ฉายยังเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ เพราะปกติแล้วก้องหล้าจะไม่ปลื้มนักกับการโปรโมทละครด้วยเรื่องแบบนี้
“ไม่รู้สิ แต่ถ้าจะเป็นจริง ก็ไม่เห็นจะแปลก” ก้องหล้าหันหน้าเข้าหากระจกที่อยู่เบื้องหลังโต๊ะทำงาน ก่อนจะคิดอย่างหนัก
“แต่ที่แน่ๆ แพรวนภัสดังแน่ค่ะงานนี้”จันทร์ฉายเอ่ยปิดท้าย ก่อนจะก้าวไปยังประตู เพื่อให้เจ้าของห้องได้ใช้ความคิดส่วนตัวเงียบๆคนเดียว
แม้จะเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทเงินทุนขนาดใหญ่ติดอันดับของประเทศที่รับช่วงต่อจากบิดาหากแต่เธอกลับไม่เคยอยู่เฉยๆอย่างที่หลายๆคนอยากให้เป็น การทำงานที่แทบจะหาวันหยุดไม่ได้ ทำเอาคนเป็นพ่อแม่ถึงกับส่ายหน้าระอาในความดื้อรั้นของบุตรสาว หากแต่นั่นกลับแฝงไปด้วยความภาคภูมิใจที่คำสั่งสอนตั้งแต่เยาว์วัย ไม่สูญเปล่า
“จะไปไหนแต่เช้าลูก” เสียงหวานของหญิงสาวที่อายุล่วงเลยเลขห้าแต่เพราะดูแลตัวเองดีมาโดยตลอดทำให้ยังดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงมากโขเอ่ยขึ้น ฉุดรั้งหญิงสาวร่างบางที่กำลังกระหืดกระหอบวิ่งลงบันไดจากชั้นบนมุ่งหน้ายังประตูบ้านต้องหยุดและเปลี่ยนทิศทางมายังโต๊ะรับประทานอาหารที่ตอนนี้เต็มไปด้วยอาหารเช้า เรียกน้ำย่อยในกระเพาะอาหารให้ทำงานในทันที
“นัดลูกค้าไว้ค่ะคุณแม่ อาหารเช้าน่าทานจังเลยค่ะ” ว่าพรางมองอาหารเช้าบนโต๊ะตาปรอยราวกับเด็กน้อยที่เห็นของโปรดตรงหน้าแต่รับประทานไม่ได้เพราะไม่ได้รับอนุญาต
“ก็ทานก่อนสิลูก รีบมากขนาดนั้นเชียวหรอ” แม้จะยังคงจัดวางอาหารบนโต๊ะราวกับไม่สนใจอีกคน หากแต่กิริยาต่างๆก็ไม่รอดพ้นสายตาเรียกรอยยิ้มจากคนมอง ก่อนจะส่ายหน้าระอากับความไม่รู้จักโตของบุตรสาว
“ไม่ทันแล้วค่ะ นัดไว้ 7 โมงครึ่ง อีกอย่างวันนี้มูนตื่นสายด้วย” เสียงที่เอื้อนเอ่ยฟังดูน่าสงสารยิ่งนัก
“ถ้าอย่างนั้นรอเดี๋ยวลูก แม่จะใส่กล่องไว้ทานบนรถแล้วกัน ดีมั๊ย” น้ำเสียงและท่าทางที่เหมือนจะไม่ได้คิดอะไรมาก หากแต่นั้นกลับเรียกรอยยิ้มสดใส
“ขอบคุณค่ะคุณแม่ น่ารักที่สุดในโลกเลยค่ะ” ว่าพรางวางข้าวของที่หอบหิ้วอย่างพะรุงพะรังไว้บนเก้าอี้ตัวใกล้ ก่อนจะนั่งลงดื่มนมสดที่มารดาเพิ่งเทให้เมื่อครู่
“น้อยๆหน่อยยายมูน อ้อนอะไรคุณแม่แต่เช้า”เสียงห้าวที่ดังก่อนเจ้าตัวจะโผล่เข้ามา ทำให้หญิงสาวแทบจะสำลักนมที่กำลังดื่ม
“พี่ซันตื่นเช้าเป็นด้วย สงสัยวันนี้ฝนจะตก”นอกจากจะคำพูดล้อเลียนแล้ว หญิงสาวยังทำหน้าทะเล้นใส่คนฟัง จนได้รับรางวัลเป็นการยีผมยาวสลวยที่หวีเรียบร้อยแล้วจนยุ่งเหยิง
“อย่าเว่อร์ พี่ตื่นแบบนี้นานแล้วจ๊ะน้องรัก ว่าแต่รีบไปไหน เพิ่งจะ 7 โมงเช้าเอง”หลังจากแกล้งน้องสาวคนเดียวเรียบร้อยแล้ว ก็เลื่อนเก้าอี้นั่งลงข้างๆ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย
“มูนนัดลูกค้าดูแบบไว้ ไม่ทันแล้วพี่ซัน สายแน่ๆ คุณแม่ขาเสร็จหรือยังคะ”เมื่อได้ยินเวลาที่พี่ชายบอก ทำเอาเจ้าตัวรีบลุกจากที่นั่งแทบจะทันที ก่อนจะเอ่ยถามมารดาเสียงดังลั่น
“เสร็จแล้วจ้า”นางเอ่ยตอบก่อนจะเดินถือถุงใส่กล่องอาหารมายื่นให้
“แล้วจะกินยังไงหึ ให้ป้องขับรถให้แล้วกัน จะได้กินสะดวกๆ”ซันเอ่ยพรางมองเลยไปยังบุคคลที่ถูกพาดพิง ก็ได้รับการพยักหน้าตอบรับ
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ซัน มูนเกรงใจพี่ป้อง”แม้จะแอบดีใจที่ไม่ต้องขับรถเอง หากแต่ก็อดเกรงใจอีกคนไม่ได้ที่ต้องมาคอยดูแลเธอ ซึ่งปกติน้อยครั้งนักที่เธอจะขอให้มาช่วยขับรถให้
“อย่าเรื่องมาก วันนี้พี่ไม่ได้ไปไหน ไปได้แล้วเดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก”ตะวันเอ่ยอย่างตัดบท ก่อนจะก้มหน้ารับประทานอาหารในจานตรงหน้า เพื่อเป็นการยุติบทสทนา ทำให้ทุกฝ่ายจำต้องทำตามอย่างเสียไม่ได้
“โอเคค่ะ ไปนะคะ” ว่าพรางเข้ากอดและหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่ ก่อนจะแวะมาหอมแก้มพี่ชายผ่านๆ ก่อนจะก้าวนำออกจากห้อง พร้อมทั้งยื่นของในมือให้ปกป้อง ที่ยืนรออยู่แล้ว
ขณะนั่งลงบนเก้าอี้ประจำพรางเหลือบตามองไปยังด้านนอก คุณมัทนาจึงเอ่ยกับบุตรชายในทันที เมื่อเห็นบุตรสาวก้าวพ้นจากประตูบ้านไปนานพอสมควรแล้ว
“แม่ว่ามูนทำงานหนักเกินไปแล้ว หรือซันว่าไง”เปิดฉากเอ่ยถึงเรื่องงาน ที่นางเป็นกังวลมานานพอสมควร เพราะยิ่งนับวัน บุตรสาวก็ดูเหมือนจะทุ่มเทกับการทำงานมากขึ้น แม้จะภูมิใจในความสำเร็จของลูก หากแต่การทำงานจนแทบไม่ได้พักผ่อนแบบนี้ นางก็ไม่ค่อยจะปลื้มนัก
“ไม่ดีหรอครับ น้องขยันทำงาน ไม่เอาแต่เที่ยวเล่นเหมือนลูกคนรวยคนอื่นๆ” แม้จะเข้าใจความหมาย หากแต่เพราะเขาเองก็รู้ดีว่าบิดามารดาภาคภูมิใจมากแค่ไหน ที่เห็นลูกที่ตัวเองเลี้ยงดูมาแต่อ้อนแต่ออก เอาการเอางานสมกับที่คอยสั่งสอน ให้ขยันทำงานทำการ ไม่ใช่เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆใช้เงินที่พ่อแม่สร้างมาหาได้อย่างที่บรรดาลูกของเพื่อนๆในสังคมเป็นกัน
“มันก็ดี แต่ซันก็เห็น น้องทำงานจนแทบไม่ได้หยุดพัก”แม้คำตอบจะบอกว่าห่วงเรื่องการพักผ่อน หากแต่มีหรือที่คนอย่างตะวันจะไม่รู้ ว่าแท้จริงแล้วมารดานั้นคิดอะไรอยู่
“แม่ห่วงเรื่องอะไรกันแน่ครับ” เพราะเคยได้ยินมารดาเปรยเรื่องหนุ่มๆของน้องมาบ้างจึงเอ่ยถามให้แน่ใจ
“ก็ทุกเรื่องนั่นหละ”แม้จะอยากยอมรับตรงๆ แต่ก็รู้สึกกระดากอายที่จะต้องบอกตรงๆ จึงต้องตอบเลี่ยงๆไป
“ระบุเลยดีกว่าครับคุณแม่ กลัวลูกสาวไม่มีแฟนล่ะสิ”เพราะรู้ความคิดมารดา ตะวันจึงเอ่ยแซวออกมาก่อนจะหัวเราะเพราะได้รับค้อนวงเบ่อเร้อจากผู้หญิงที่เขารักมากที่สุดคนหนึ่ง
“เฮ้อ รู้แล้วยังจะมาถามแม่อีก”บ่นแล้วก็พาลทำให้รู้สึกตื้อจนต้องวางช้อนลง
“ไม่เห็นคุณแม่จะห่วงซันบ้างเลย” เมื่อเห็นท่าทางของมารดา ชายหนุ่มเองก็อดเป็นห่วงไม่ได้ จึงต้องเปลี่ยนเรื่องคุย
“เรานะรึต้องห่วงเรื่องไม่มีแฟน ห่วงว่าจะพลาดทำใครท้องล่ะสิไม่ว่า”เมื่อเห็นท่าทีของบุตรชายที่ทำเหมือนน้อยอดน้อยใจ ก็อดจะหัวเราะก่อนจะเอ่ยย้อนกลับไปไม่ได้
“ไม่มีทางหรอกครับ ซันป้องกันอย่างดี”แม้จะรู้ว่ามารดาพูดเล่น แต่เพื่อความสบายใจของมารดา เขาจึงต้องชี้แจงเสียงดังฟังชัด
“ยังไงก็ระวังๆบ้าง ลดๆลงหน่อยก็ดีนะ ข่าวเนี๊ย แม่อ่านแต่ละทีแล้วปวดใจ”สีหน้าและท่าทางที่แสดงออกว่าเป็นห่วงก็ทำให้คนฟังอดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้
“โอเคครับ”แม้จะไม่แน่ใจว่าจะทำได้ หากแต่คำสัญญาที่เอ่ยออกไปก็ทำให้สีหน้าคนฟังดีขึ้นได้
“ว่าแต่คุณพ่อไปไหนล่ะครับ”ตะวันเอ่ยอีกครั้งหลังจากรับประทานอาหารเช้าไปได้สักพัก เมื่อเห็นว่าเลยเวลาอาหารเช้ามาพอสมควรแล้ว หากแต่ไม่เห็นบิดามาร่วมโต๊ะด้วย
“ออกไปตีกอล์ฟแต่เช้าแล้ว”คุณมัทนาเอ่ยพรางจัดการอาหารตรงหน้าต่อโดยไม่ได้มองหน้าบุตรชายแม้แต่น้อย
“คุณแม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ลูกสาวแม่สวยขนาดนั้น ไม่แน่นะครับ ป่านนี้อาจจะแอบดูใจใครไว้ก็ไม่รู้” จะเพราะสีหน้าที่ดูออกว่ายังกังวลไม่คลาย หรือเพราะตัวเองก็อดห่วงด้วยก็ไม่รู้ ทำให้ตะวันคิดหาวิธี
“ยังไง ซันก็ดูน้องแทนแม่ด้วยนะลูก”แม้จะรู้ว่าบุตรชายรักน้องสาวมากแค่ไหน แต่คนเป็นแม่ก็ไม่วายพูดย้ำเตือนลูกชายอีกครา
“ไม่ต้องห่วงครับ” คำตอบที่หลุดออกจากปากพระเอกหนุ่มแม้จะไม่ดังนัก หากแต่มั่นคงจนคนฟังรับรู้ได้
อ่านแล้วเม้นท์บอกกันนะคะ ชอบหรือไม่ชอบยังไง อยากให้แก้ไขอะไรตรงไหน จะได้จัดการให้ค่ะ ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ