Pain ขอแค่นี้ก็พอแล้ว
7) คู่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความห้องเรียนของคณะแพทย์
นักศึกษากำลังทำกิจกรรมต่างๆรออาจารย์เขามาสอน บ้างคุย บ้างนั่งเฉยๆ บ้างทำการบ้าน สามนั่งคิดอะไรเพลินๆอยู่คนเดียว
“สาม!!” เสียงทักทายของเพื่อนในห้องคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับเสียงตีโต๊ะของเขา “นั่งคิดอะไรอยู่หรอ”
สามหันไปมองเจ้าของเสียง ดาวคณะเรานี่เอง “ก็นิดหน่อยน่ะ”
“คิดถึง อัญ ล่ะสิ” ดาวแหย่เขาเล่น “ห่างกันนิดหน่อยไม่ได้เลยนะ”
“ไม่ล่ะมั้ง”
“แหมๆ อย่าทำเขินไปหน่อยเลยน่า ชั้นเองก็คิดถึงอัญเหมือนกัน” ดาวไม่สนใจคำแก้ตัวของ สาม แม้แต่น้อย “ถ้าไม่ติดที่ว่ากิจกรรมของ กรรมการนักศึกษานะ...”
“เฮ้ยๆ เธอเป็นเลสไปแล้วหรือไง” สาม ขัดเธอไว้แต่ดูท่าจะไม่เป็นผล
“ทั้งน่ารักและบอบบาง อ๊าง” ดาวหลุดไปอยู่โลกส่วนตัวเสียแล้ว “เวลาเธอมอง ทั้งเวลาที่พูดด้วยน้ำเสียงปกติ อ๊า อยากโดน อัญ ดุด่าแบบเหยียดหยามซักครั้ง ตบตีชั้นทีสิ อ๊าง แค่คิดก็ไม่ไหวแล้ว”
“เฮ้ย M โผล่แล้ว” สามหนักใจกับเพื่อนของเขาที่กู่ไม่กลับเสียแล้ว
“สาม ขอถามไรอย่างดิ” เพื่อนชายคนหนึ่งที่นั่งด้านหน้าเขา หันกลับมาสนทนาด้วย “ทำไมนายมักจะมองหน้า ดาว แล้วคิดอะไรซักอย่างตลอดล่ะ”
“แกไม่คิดจะฟังคำตอบของคำถามก่อนหน้านี้เลยหรือไง” สาม มองหน้ากลับ “ก็เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน แต่นึกไม่ออก”
“หมายถึง เคยเจอมาก่อนแล้วจำหน้าไม่ได้หรอ” เขาถามกลับ
“เปล่า จำได้ว่า ไม่เคยเจอดาวนี่แน่นอน แต่กลับรู้สึกคุ้นหน้า เหมือนเคยที่ไหนเนี่ยแหละ” สามเอ่ยไปพลางนึกไปพลาง
“เป็นมุกจีบสาวสมัยก่อนหรือเปล่า” เพื่อนของเขาแหย่
“เฮ้ย ผิดแล้วมั้ง”
“ผัวะ!!” หัวของเพื่อนเขาก้มลงติดโต๊ะอย่างรวดเร็วตามแรงของฝ่ามือจากเพื่อนอีกคน สามผงะเล็กน้อยก่อนจะกลับมาตั้งตัวใหม่
“นี่นาย ออกจากบ้านไม่เอาของมาเรียนเลยหรือไงยะ” สาว High light ผมทองเป็นลอนยาว เอ่ยด้วยเสียงวีนแตก สีหน้าที่อ่อนล้าเล็กน้อย อาการหอบเบาๆและเหงื่อที่ออกตามรูขุมขน บ่งบอกได้อย่างดีถึงสาเหตุของอาการวีนแตก “ให้ชั้นแบกกระเป๋ามา 2 ใบ หนังสือวิชาแพทย์ไม่ใช่เบานะยะ”
“โทษที โทษที ไม่นึกว่าเธอจะแบกมาให้” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงใจเย็นสุดๆ “ขอบใจนะรุ้ง”
สาวเจ้าของชื่อชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหลบหน้าไปทางอื่น “สำนึกบุญคุณกันด้วยล่ะ กรี” เธอยื่นกระเป๋าให้ สีหน้าของเธอแดงขึ้นเล็กน้อย
“อือ แต่ว่าวันนี้ไม่ต้องใช้หนังสือนะ ชั้นเลยไม่เอามา” เขาตอบพลางจะรับกระเป๋ามา
“ทะ...ทะ...ทำไมไม่บอกกันก่อน” รังสีอัมหิตแพร่ออกมาจากสาวผมทองอย่างรุ่นแรง เธอดึงกระเป๋ากลับมา “ไปตายซ้า~”
“โครม” กระเป๋า 2 ใบใส่หนังสือแพทย์ที่หน้าและใหญ่กว่าสมุดหน้าเรื่อง ถูกเหวี่ยงอัดเข้าที่หน้าของคู่กรณีเต็มๆ จนล่วงลงไปกองกับพื้น
“ไม่สนแล้ว” สาวผมทองฮึดฮัดใส่แล้วโยนกระเป๋าที่มีสมุดหน้าเหลือง เอ๊ย! หนังสือแพทย์ทับเขาอีกที แล้วกลับไปนั่งที่ของตัวเอง
ทุกคนในห้องหันมาสนใจแต่ไม่มีใครคิดจะเข้าไปช่วย มันเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว
“เป็นไรหรือเปล่า” สามเอ่ยถาม ขณะที่คู่สนทนากำลังกระเสือกกระสนลุกขึ้นมา
“ไม่เป็นไร ชินแล้วล่ะ” กรีตอบด้วยสีหน้าปกติ “เจ้าแม่งอนแล้วชั้นต้องขอตัวก่อนล่ะนะ” เขาลุกไปหา รุ้งที่กำลังนั่งกอดอกอย่างไม่พอใจ
“สามไปกินข้าวด้วยกันมั้ย” กรีเอ่ยถามเพื่อนของเขา ขณะที่คนอื่นๆทยอยออกจากห้องเรียน
“คงไปด้วยไม่ได้ล่ะ วันนี้มีนัดน่ะ” สามตอบ
“สาวผมขาว อัญศร สินะ” กรีลองเดา “งั้นไปด้วยกันเลยมั้ยล่ะ ชั้น รุ้ง นาย แล้วก็ อัญ 4 คนทานด้วยกันจะสนุกกว่านะ”
“ไม่รู้เค้าจะมามั้ยล่ะนะ” สามตอบด้วยท่าทีหนักใจเล็กน้อย
“จะไปกันได้หรือยัง ชั้นขี้เกียจรอแล้วนะ” สาวผมทอง เข้ามาเร่งทั้งคู่
“อา นั่นสินะ” กรีเอ่ยด้วยเสียงทำใจ
“ค่ะ ขอโทษนะคะ”
“อัญ มีอะไรหรือเปล่า” สามเดินเข้าไปหาสาวผมขาวหลังจากที่กลุ่มนักศึกษาคนอื่นๆที่มาล้อมเธอไว้ออกไปแล้ว
“เปล่าน่ะ แค่ธุระนิดหน่อย” เธอตอบ
“วันนี้ เพื่อนชั้นอยากให้เธอไปทานอาหารด้วยไปด้วยกันมั้ย” สามเอ่ยถามทันที “ถ้าไม่ว่าง....”
“ไปสิ” อัญ ตอบทันที
สามชะงักเล็กน้อย ก่อนตอบ “อะ...อืม”
“เพิ่งเคยเห็นตัวเป็นๆเลยนะครับ ดาวหางตา” กรีเอ่ยขึ้นขณะที่ร่วมวงรับประทานอาหาร “ดูจืดเหมือนในทีวีเลย”
“ไม่ชอบแต่งหน้าน่ะ” อัญ ตอบนิ่งๆ
“แต่ กลับกล้าทำสีผม กับใส่ Contact Lane ซะงั้น” เขาเอ่ยต่อเหมือนจะจับผิด
“มันมีเหตุผลน่ะ” อัญเลี่ยงประเด็น
“ทำตัวเด่นขนาดนี้ ไม่กลัวพวกหมันไส้หรอ” รุ้งเอ่ยถามตามที่เห็น
“ไม่กลัวหรอก โดนมาแล้วล่ะ” อัญ ยิ้มตอบเหมือนเป็นเรื่องตลก แตคนที่เคยอยู่ในเหตุการณ์รู้ดีนั่นแค่กลบเกลื่อน
“แล้วเธอทำไงล่ะ หมายถึงตอบโต้ยังไง ประมาณเนี้ย” สาวผมทองถามต่อ
“ทำเฉยน่ะ ไม่ได้สนใจอะไร” อัญ ตอบด้วยท่าทีนิ่งๆ คำตอบของเธอทำให้คนถามงงเข้าไปอีก “ก็ถ้าเราไม่สนใจ เดี๋ยวพวกก็เบื่อไปเองล่ะ แล้วเธอทำอย่างนี้ไม่โดนหรอ”
“จัดการไปหมดแล้วล่ะ” กรีตอบแทน รุ้งที่กำลังจะตอบ “จัดการซะหงอเลย จนในห้องไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว” เสียงของเขาฟังดูหนักใจใช่เล่น
“ใครบอกยะ เค้าเรียกว่าเกรงใจต่างหาก” รุ้งแหวใส่กรีทันที ทั้งคู่เหมือนจะทะเลาะกันแต่จริงๆแล้ว รุ้งฝ่ายรุกคนเดียวไม่เปิดโอกาสให้กรีโต้ตอบเลยแม้แต่น้อย จนกรีหงอแทน แบบนี้เค้าเรียกทะเลาะหรือเปล่าเนี่ย
“ทั้งคู่ดูน่ารักดีนะ เหมือนเป็นแฟนกันเลย” อัญ แอบหัวเราะนิดๆพร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยหน้าตาใสซื่อ
“ใช่ซะ....”
“แหมพูดงี้ผมเขินแย่เลย” กรีตัดบทรุ้งทิ้งไปดื้อๆ แย่งตอบก่อนที่เธอจะมีโอกาสเปิดปากพูด “ถึงจะใช่ก็คงเป็น คู่รัก คู่กัด กันล่ะมั้ง” เขาหันไปทางรุ้งที่อึ้งจนแสดงออกมาทางสีหน้า เลือดที่ถูกสูบฉีดไปยังใบหน้าให้แสดงสีของมันอย่างชัดเจน
“อะ..อะ...อะ...ไอ้บ้า แกไปตอบแบบนั้นได้ไงยะ” รุ้งกระหน่ำทั้งคำพูดและการกระทำใส่เพื่อนของเธออย่างสุดแรง สีหน้าที่แดง ไม่รู้ว่าโกรธหรืออายกันแน่
“แต่ทางฝั่ง อัญ เองก็เหมือนกันไม่ใช่หรอ ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ ทั้งที่อยู่คนละคณะ ดูเหมือนแฟนเหมือนกันนะครับ” กรีเอ่ยย้อนใส่ทั้งคู่ทำเอาสามที่กำลังทานข้าวเกือบสำลัก
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ ก็แค่เพื่อนกันน่ะ บ้านเราทางเดียวกัน ไม่สิข้างกันเลยก็ว่าได้” สามรีบแก้ต่างกันไม่ให้ฝ่ายหญิงเสียหาย
“เพื่อนสมัยก่อนหรอ แถมอยู่ข้างบ้านอีก ถ้าเรียนห้องเดียวกันจะเหมือนการ์ตูนรักเลยนะ” กรีแหย่เล่น แต่สามยิ่งกระวนกระวายใหญ่ ยิ่งทำให้ กรีรู้สึกสนุกขึ้นไปอีก “ผิดกับคู่ชั้นกับรุ้ง ที่เป็นคู่รักคู่กะ....”
“โครม!!”
“ใครเป็นคู่รัก กับนายยะ” ไม่ทันที่กรีจะพูดจบ ฝ่าเท้าเล็กที่ใส่ส้นสูงปะทะเข้ากลางลำตัวเขาเสียก่อน ร่างที่ไร้การป้องกันล่วงลงพื้นทันที “อย่ามาเหมารวมชั้นสิยะ”
“เฮ้ย เป็นไรเปล่า” สามหันไปสนใจเพื่อนชายที่ล่วงลงไปนอนที่พื้น เป็นโอกาสดีที่จะเบี่ยงประเด็นออกไปแล้ว
“ช่างหัวสิยะ” รุ้งฮึดฮัด กลับมานั่งที่ตัวเองหลังจากลุกขึ้นไประบายอารมณ์กับเพื่อนชายที่นอนกับพื้น
“ไม่เป็นไร” กรีตะเกียดตะกายกลับขึ้นมานั่งที่เดิม “ถึงไหนแล้วล่ะ”
‘เฮ้ย ช่วยลืมหน่อยเหอะ’
“รู้จักกันมานานแล้ว ทำไมไม่ลองคบกันดูล่ะ” กรีเอ่ยถามพร้อมจองมองด้วยสายตาที่เจ้าเล่ห์ไม่น้อย
“นั่นสิ”
สามถึงกับสะอึกหลังจากเจอคำถามนี้เข้าไปก่อนจะหันไปหาตัวช่วยที่นั้งเงียบอยู่นานแล้ว “ช่วยพะ...พูด...หน่อย...” เขาเงียบลงหลังจากเห็นเจ้าตัวนั่งก้มหน้า ใบหน้าที่แดงกล่ำยิ่งกว่าคนเป็นไข้ สีหน้าที่เศร้าหมองแววตาของเธอเหมือนกับจะร้องไห้ออกมา ตอนนี้เขาไม่รับรู้สิ่งใดทั้งสินนอกจากเพื่อนสาวผมขาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“สาม...สาม...” กรีลองเรียกดู แต่ไร้การตอบสนองใดๆกลับมา
“ขอโทษนะ ไว้มีโอกาสจะเล่าให้ฟัง” สามตอบกลับมาแล้วนั่งก้มหน้าเหมือนสำนึกผิด ทำให้รุ้งและกรีงงไปตามๆกัน
“เห็นมั้ย นายเล่นซะเสียหมดเลย” รุ้งโวยวายใส่เพื่อนเขา “นายนี่มัน...”
กรีลุกขึ้นพร้อมกับลูบหัวรุ้งเบาๆให้เธอสงบลง “นั่นสินะ ชั้นเล่นมากเกินไปหน่อย ขอโทษด้วยละกัน”
“แล้วเจอกันนะ” คำกล่าวลาระหว่างเพื่อนในยามเย็นดังขึ้น หลังจากที่หมดคาบเรียนแล้ว ในขณะที่กำลังจะเดินออกจาก เขต มหาลัย เขาหันไปเห็นกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังล้อมวงเด็กสาวผมขาว อัญ อีกแล้ว
“ไปเที่ยวกับพี่หน่อยมั้ย น้องสาว”
“เดี๋ยวพี่เลี้ยงหมดเลย อยากได้อะไรบอกมาได้เลย”
อัญ พยายามออกจากวงล้อมของพวกวัยรุ่น แต่แรงผู้หญิงหรือจะสู้แรงชาย แค่ผลักเบาๆเธอก็กลับไปอยู่กลางวงแล้ว “ชั้นมีธุระค่ะ ขอทางไปหน่อย” เธอหันมาเจรจา
“แหม ไม่มีเยื่อใยเลยแฮะ”
“อ้า ขอโทษทีที่ให้รอนะ” เสียงของชายหมุ่นที่คุ้นหูเป็นอย่างดี เอ่ยขึ้นพร้อมกับแทรกตัวเขามากลางวง คว้ามือเธอแล้วเดินออกจากวง “ขอบคุณ ที่อยู่รอเป็นเพื่อนให้เพื่อนผมนะ”
“อะไรของเอ็งไอ้นี่” พวกที่มาหาเรื่องกันไม่ให้เขาออก “มามั่วนิ่มอย่างนี้ เดี๋ยวพาไปจัดหนักทั้งคู่เลย”
สามไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเจรจา “ก็ได้ ชั้นทนเห็นไม่ได้ก็แค่นั้น รุมล้อมผู้หญิงคนเดียวแบบนี้เห็นแล้วทุเรศชะมัด ผู้ชายซะเปล่า” เขาเอ่ยด้วยเสียงจริงจัง
“ไอ้นี่ ปากช่างไม่น่าไว้เลย” ท่าทีของพวกวัยรุ่นหันไปทางสามทันที
“เดี๋ยว คุณมีธุระกับชั้นไม่ใช่หรอ อย่าเอาคนนอกมาเกี่ยวสิ ชั้นไม่รู้จักหมอนี่ด้วยซ้ำ” อัญ เอ่ยแทรก พร้อมกับเสนอตัวเองออกไปแทน “จะไปไหนล่ะ ชั้นจะไปด้วย”
“ว่าง่ายแต่แรกก็ดีแล้ว...”
“หมับ!!” มือปริศนา วางลงบนหัวของวัยรุ่น 1 ในนั้น พร้อมกับออกแรงบีบจนเสียงดัง “ปึด ปึด”
“มีธุระอะไรกับรุ่นน้องชั้นหรอ” เสียงที่ถูกดัดให้ดูเหี้ยมเกรียมเอ่ยขึ้นอย่างไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ ทุกคนหันไปมองต้นเสียงทันที
“เฮ้ย ไอ้โอมนี่หว่า” เล่าวัยรุ่นต่างมหาลัย ถ่อยทิ้งระยะออกมา “วะ..วันนี้แหละ...พวกชั้น...จะจัดการแก” เสียงที่สั้นระริกตามร่างกาย เอ่ยออกมาด้วยความกลัว “คนเราเยอะกว่า อาวุธก็มี กลัวอะไร” พวกนั้น ชักมีดบ้าง สนับมือบ้าง กระบองบ้าง
“กริ้งๆๆ” เสียงโทรศัพท์ที่ทำด้วยปากของชายผมยาวดังขึ้น ฟังยังไงก็รู้ว่าแกล้งทำเสียง “แปปนะ โทณศัพท์ กริ้งๆ” เขาลื้อกระเป๋า โยน Cutter ไม่ได้เก็บใบออกมา ตามด้วย ฟุตเหล็กที่ปักกับพื้น โยนระเบิดมือออกมา ทำให้ทั้งกลุ่มเหวอทันที ถึงจะไม่ได้แก้สลักก็เถอะนะ “นี่เอง กริ้งๆ” ชายผมยาวปิดหน้า หยิบ desert eagle ออกมาแนบหู “ฮัลโหล อืมๆ” เขาสนทนากับปืน สติพี่ยังดีมั้ยครับ “ของพวกนายน่ะ” เขาหันปากกระบอกไปทางพวกวัยรุ่นด้วยสายหน้าที่ยิ้มเอาจริง
“ชิ ฝากไว้ก่อนเถอะ” พวกวัยรุ่นรีบหนีทันที ทิ้งทั้ง 3 ไว้หน้า มหาลัย
“ขอบคุณที่ช่วยนะคะ” อัญ กล่าวพร้อมกับก้มหัวให้
“ไม่ต้องหรอก ตอบคุณเพื่อนน้องเถอะ” โอมเอ่ยกลับ
“แต่ว่าปืนนั่น และก็ระเบิดนี่...” สามเอ่ยพลางยื่นของที่พี่เค้าทำตกให้
“ของปลอมน่ะ พี่เล่น BB GUN น่ะ” โอมตอบพร้อมกับเก็บ “เดี๋ยวยิงให้ดูเลยก็ได้” เขาหันปืนไปทางพื้นข้างๆแล้วเหนี่ยวไกทันที ไม่ทีนที่ ปี 1 ทั้ง 2 จะห้าม
“ปั้ง!!” เสียงปืนดังสนั่นไปทั่วมหาลัย
“เอ ของปลอมดังขนาดนี้หรอคะ” อัญเอ่ยพลางปิดหูตัวเอง
“เอ ไม่มั้ง” โอมเหงื่อเริ่มออกทั้งหน้า “สงสัยพี่จะหยิบของจริงมา” เขายิ้มแห้งๆพร้อมกับหัวเราะแฮะๆกลบเกลื่อน
“เฮ้ย ใครยิงปืน” ยามวิ่งไล่ทันที
“เผ่นและ” โอมวิ่งหนีทันที ทิ้งปี 1 ทั้ง 2 ไว้หน้า มหาลัย
ทั้งคู่ยืนเงียบไม่ไปไหน ไม่พูดอะไรจนเวลาผ่านไปเกือบจะ 10 นาทีแล้ว
“....” ทั้งคู่เอ่ยขึ้นพร้อมกันแล้วก็เงียบ
“สามก่อนสิ” อัญโยนไปหาคู่สนทนา
“อัญก่อนก็ได้” สามเองก็โยนกลับเช่นกัน
“เอ่อ...ขอบคุณนะ ที่มาช่วย” สีหน้าของอัญ แดงขึ้นเธอหลบหน้าไปทางอื่นไม่อยากให้คู่สนทนาเห็นสีหน้าของเธอ “แล้วก็ขอโทษนะที่พูดไปแบบนั้น”
“อะ..อือ ไม่เป็นไรหรอก มันจวนตัวนี่นา” สามเอ่ยพร้อมรอยยิ้มที่สบายๆ “กลับกันเถอะ”
“อือ”
“ขอโทษนะครับคุณเค็นโด้ นี่ใช่ Desert Eagle ของคุณหรือเปล่า”
“ง่ะ ไม่ใช่ครับคุณตำรวจ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ