Kingdom Heart พันธสัญญารัก พันธสัญญาหัวใจ
4) ประเพณีปริศนา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 4
ประเพณีปริศนา
อีกด้านหนึ่งที่เอเทเทียร์
“ว่าอย่างไรนะ พวกเจ้าตามหานางไม่เจอเลยหรือ!?”
“พะย่ะค่ะ...กระหม่อมและพวกทหารตามหาทั่วอาณาจักรแล้ว ไม่เจอเลยพะย่ะค่ะ” ทหารนายหนึ่งพูด
“บ้าเสียจริง เธอหายไปไหนแล้วนี่”
ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มหยักสกถึงไหล่ที่อยู่บนเตียงพูด พลางกุมศรีษะตัวเองด้วยความเครียด สักพักเขาก็คิดขึ้นมาอีกครั้งว่า
“หรือว่าเจ้าจักรพรรดินั่น มันฆ่าเธอไปแล้ว? ไม่สิ บางที...เจ้านั่นอาจจะเอาเธอไปแล้ว” เขาคิด
“เรื่องนี้ พระองค์จะทำอย่างไรต่อไปหรือพะย่ะค่ะ?” ทหารนายนั้นถาม
“หาต่อไป จนกว่าจะเจอนาง ถ้ารู้ว่านางอยู่ที่ไหน รีบสืบเรื่องมาให้ข้ารู้ทันที” เขาพูด
“ขอรับ” ทหารนายนั้นขานรับและเดินออกไปจากห้อง
ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มหยักสกผู้นั้น คือฮาริสนี่เอง เขาอยู่บนเตียงนอนของเขาเพื่อนพักผ่อน อกของเขาเปลือยเปล่า มีแต่ผ้าพันแผลที่พันอยู่ที่รอบอกจนถึงหัวไหล่ของเขา เขายังสับสนอยู่ไม่น้อย เมื่อรู้ว่า ว่าที่นางสนมของเขาได้หายตัวไป
เขาก็ยังพยายามส่งคนให้ตามหาเธอ ซึ่งครั้งแรก ที่เขาได้พบกับเธอที่คฤหาสน์ ที่บ้านของเธอ เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเธอ แล้วหลงรักเธอแทบหัวปรักหัวปรำ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขามีทั้งภรรยา และนางสนมอีก
10 คน ซึ่งเขาต้องการเธอที่จะให้เป็นนางสนมคนที่ 11 ของเขา และ รู้ว่าตัวเธอนั้น ไม่ได้รักเขาเลย
แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังไม่รู้ว่า หญิงสาวผู้นั้น จะเป็นจะตายร้ายดีอย่างไร
ที่แคว้น อิทราเนียร์ เวลาเกือบเที่ยง ที่สวนหย่อมในปราสาท
หญิงสาวผมสีแดงเดินไปเดินมาเหมือนกำลังเดินหาอะไรอยู่สักอย่าง สักพักนางก็เหล่มองไปที่หญิงสาวผมสีบอร์นอ่อนที่ยืนอยู่อีกทางหนึ่ง
“เอริเนีย เจ้าอยู่นี่นี่เอง” นางตอบ
“อ๊ะ! คุณเชอริล” เธออุทาน
“ข้านึกว่าเจ้าจะหนีไปไหนเสียซะแล้ว แล้วเจ้าไปเข้าเฝ้าพระมหาจักรพรรดิ แล้วเรื่องเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?” นางถาม
“ก็...ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ เพียงแต่ถามถึงชื่อ และทำไมถึงต้องหนีองค์ชายฮาริสมาด้วยน่ะค่ะ” เธอตอบ
“อืม...ข้านึกว่าเจ้าจะไปอย่างไรเสียแล้วเพราะท่านพระมหาจักรพรรดิท่านไม่ใช่คนที่ดูใจดีเสียด้วย” นางพูด พลางถอนหายใจไปเฮือกหนึ่ง “เพราะความหลังยามที่พระองค์ยังทรงพระเยาว์น่ะนะ...ทำให้ท่านเป็นคนที่ค่อนข้างเย็นชา และ เออ...”
“เรื่องนี้ พระองค์เล่าให้ดิฉันฟังแล้วล่ะค่ะ” เธอตอบ
“อืม นานๆ ทีพระองค์จะยอมเปิดปากคุยกับผู้อื่นบ้างน่ะนะ” ทหารหญิงพูด “เพราะท่านก็ทำงานอยู่ในห้องทุกวัน จนแทบไม่ได้พูดกับใคร นอกจากโครเชล สามีของฉันที่เป็นทหารคนสนิทของพระองค์” เชอริลพูดพลางถอนหายใจไปเฮือกใหญ่
“งานอะไรหรือคะ?” เอริเนียถาม เพราะความสงสัยของเธอเอง
“แม้แต่เรื่องนี้ ข้าก็ยังไม่รู้หรอก เพราะท่านไม่ยอมบอกใคร ไม่ว่าจะเป็นคนสนิทก็ตามเถอะ ที่แน่ๆ ท่านออกมาทีไร เนื้อตัวถลอกทุกครั้ง” เชอริลพูด
“เอ่อ อย่างนั้นหรอกหรือคะ...” เธอพูด
“รู้แค่ว่ามันเป็นประเพณีที่ราชวงศ์ของพระองค์สืบทอดต่อกันมา แต่ก็ล้มเหลวทุกที” เชอริลตอบ พลางขมวดคิ้ว
หลังจากนั้น...อีกด้านหนึ่งในปราสาท ในห้องที่ดูมืดมัว มีเพียงแสงอาทิตย์ที่สาดส่องมาพอมองเห็นได้เท่านั้น ชายหนุ่มผมสีเงินรวบยาวกำลังกล่าวคาถาอะไรบางอย่างออกมา เขากำลังยืนแผ่มือทั้งสองข้างเพื่อรับลูกไฟสีขาวๆ ที่อยู่บนมือทั้งสองข้าง ก่อนที่เขาจะหลอมรวมลูกไฟทั้งสองลูกให้เป็นหนึ่งเดียว ลูกไฟนั่นกลับระเบิดออกมาทำให้ตัวเขากระเด็นไปกระแทกกับพื้นหินทันที
“อึ้ก...!” เขาอุทานออกมาเบาๆ “ปัดโธ่เอ๊ย! อีกแล้วหรือนี่” เขาพูด พลางจับแผ่นหลังของตัวเองเบาๆ แล้วลุกขึ้นมา ด้วยท่าทีที่หมดแรงจากการใช้พลังของตัวเองมากเกินไป เขาออกจากห้องนั่น แล้วก็เดินมาที่ห้องของตัวเอง พลางล้มนอนไปที่เตียงของเขาแล้วกลิ้งตัวชิดหน้าต่าง พลางมองหญิงสาวสองคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ในสวน สักพักหญิงสาวที่เขาพูดคุยด้วยเมื่อเช้านี้ หันมามองตรงหน้าต่างที่เขามองเธออยู่พอดี เธอส่งยิ้มให้เขา แต่เขาก็ยังมองด้วยสายตาที่ไร้อารมณ์เหมือนเดิม เขาดึงผ้าม่านมาปิด แล้วก็งีบหลับไป
“มีอะไรหรือจ๊ะ” เชอริลถาม เมื่อเห็นเอริเนียแหงนมองหน้าต่างท่าที่งงๆ
“อ...เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เอริเนียพูด เชอริลพลางมองไปจุดที่เอริเนียมอง
“สงสัยท่านทำงานล้มเหลวอีกแล้วกะมั้ง” เชอริลพูด “กิจวัตรของพระองค์เวลาว่างท่านก็เข้าห้อง ออกจากห้องมานอน ฉันสงสัยจังว่าพลังของพระองค์มันไม่หมดเลยหรืออย่างไร ใช้วันละหลายรอบ” เชอริลคิด
“ข้าเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน...” เอริเนียฟังที่เชอริลเล่า พลางเชื่อคล้อยตามไปด้วย
“อืม...เอ้อ! นี่ก็ใกล้เวลาเที่ยงแล้ว เราไปที่ห้องอาหารกันเถอะ ข้าเดาว่าเจ้าคงจะหิวมากแล้ว” เชอริลพูด
“เอ่อ ข้ายังไม่หิว” เอริเนียพูด
“เอาน่า...เดี๋ยวท่าเจ้าเป็นลมแบบเมื่อคืนอีกล่ะ” เชอริลพูด พลางก็รู้ว่า อดแค่มื้อเที่ยงคนไม่ได้ทำงาน เป็นลมเลยหรืออย่างไร
“ไปก็ได้ๆ” เอริเนียยอมใจอ่อน
ในห้องอาหาร ทั้งคู่ก็เดินต่อคิวเพื่อเติมอาหาร เชอริลหยิบจานข้าวสองใบ ใบหนึ่งให้กับตัวเอง แล้วอีกใบหนึ่งส่งให้เอริเนีย
“เอริเนีย เจ้าอยากทานอะไร เดี๋ยวข้าตักให้” เชอริลพูด
“ไม่หรอกค่ะ ข้าตักเองได้” เอริเนียพูด
“ไม่เป็นไรหรอก เธอน่ะ ทานเยอะๆ เสียบ้าง ตัวเธอเหมือนจะมีแต่กระดูก” เชอริลพูดพลางตักเนื้อและผักให้กับเอริเนีย แล้วจูงมือเธอเพื่อไปหาโต๊ะนั่งทานอาหาร แต่สักพัก โครเชลก็เดินมาพอดี
“อ๊ะ! โครเชล เจ้าทำงานเสร็จแล้วเหรอ” เชอริลถาม
“ยังหรอก เราต้องต่อคาบบ่ายอีก กว่าจะได้เลิกก็เย็นนู่น แล้วนี่เธอ... อ้อ! เธอคนเมื่อคืนนี่เอง” โครเชลมองไปที่เอริเนีย ก็จำขึ้นมาได้ทันที
“เธอชื่อเอริเนีย ฉันมาเดินเล่นกับเธอน่ะ ตอนนี้เรากำลังจะทานอาหารด้วยกัน เนอะ เอริเนีย” เชอริลพูด
“อ่า..ค่ะ” เอริเนียขาน
“พอดีเลย ฉันว่าเราเจอที่ว่างแล้วล่ะ ไปกัน ถ...” โครเชลหยุดพูดชั่วคราว เมื่อเห็นชายหนุ่มผมสีเงินยาวรวบถึงกลางหลังรูปร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่เสื้อผ้าของเขาเปลี่ยนไป จากชุดสีดำ กลายเป็นชุดสีแดงเลือดหมู
“ท่านจักรพรรดิ!!” ทั้งสามคนพูด พลางโค้งคำนับ
“ไม่ต้องโค้งคำนับก็ได้” พระองค์ตรัส เอริเนียเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเจอจักรพรรดิเกศาสีเงินผู้นี้อีกครั้ง จนเขาเองก็แอบหัวเราะในใจ พลางคิดว่า นี่เราไปทำอะไรจนทำให้เธอกลัวขนาดนี่เนี่ย
“โครเชล เชอริล พวกเจ้าไปทานอาหารกันสองคนนะ ส่วนแม่นาง มากับข้า” พระองค์ตรัส พลางสั่งเอริเนีย
ชายหนุ่มกับหญิงสาวผมสีแดงโค้งคำนับ แล้วเดินจากไป เหลือแต่เอริเนียที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่คนเดียว
“ยืนตัวแข็งอยู่ทำไม ตามข้ามาสิ” พระองค์ตรัส
“อ๊ะ ค่ะ!” เอริเนียรับคำ แล้วเดินตามพระองค์ไปทันที
หลังจากที่ทั้งคู่นั่งรับประทานอาหารที่โต๊ะนั่งกลางสวน เอริเนียเริ่มสังเกตไปที่จักรพรรดิเกศาสีเงินที่มีนามว่าเอ็ดเวิร์ดผู้นั้น ที่กำลังทานอาหารอยู่ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในละแวกนั้นมองเป็นตาเดียว แต่ก็ไม่ได้รังเกียจอะไร เอริเนียพลางคิดลึกๆ ในใจ
“เพราะท่านก็ทำงานอยู่ในห้องทุกวัน จนแทบไม่ได้พูดกับใคร นอกจากโครเชล สามีของฉันที่เป็นทหารคนสนิทของพระองค์” เชอริลพูดพลางถอนหายใจไปเฮือกใหญ่
“งานอะไรหรือคะ?” เอริเนียถาม เพราะความสงสัยของเธอเอง
“แม้แต่เรื่องนี้ ข้าก็ยังไม่รู้หรอก เพราะท่านไม่ยอมบอกใคร ไม่ว่าจะเป็นคนสนิทก็ตามเถอะ ที่แน่ๆ ท่านออกมาทีไร เนื้อตัวถลอกทุกครั้ง” เชอริลพูด
“เอ่อ อย่างนั้นหรอกหรือคะ...” เธอพูด
“รู้แค่ว่ามันเป็นประเพณีที่ราชวงศ์ของพระองค์สืบทอดต่อกันมา แต่ก็ล้มเหลวทุกที” เชอริลตอบ พลางขมวดคิ้ว
เอริเนียพลางเหม่อคิดถึงเรื่องที่เชอริลพูดซ้ำไปซ้ำมา ถ้าหากถามเรื่องนี้แก่เขาไป เขาจะยอมตอบหรือเปล่า จนกระทั่งจักรพรรดิเกศาสีเงินผู้นั้น เขามองหน้าเธอ
“มีอะไร เจ้าเหม่ออะไร?” พระองค์ถาม จนทำให้เธอสะดุ้งขึ้นมา
“ม...ไม่มีอะไรค่ะ” เอริเนียพูดพลางส่ายหน้า
“ข้าก็นึกไม่ออก นึกว่าเจ้าจะคิดอะไรไม่ดี” พระองค์แกล้งตรัส
“ม...ไม่หรอกเพคะ” เอริเนียส่ายหน้าอีกครั้ง
“อืม...ข้าแค่แกล้งหยอกเจ้าเล่นไป” พระองค์ตอบ พลางหัวเราะออกมาเบาๆ ทำให้เอริเนียที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามยิ้มแบบอายๆ
“อืม...นี่เอริเนีย” พระองค์ตรัส
“คะ?” เอริเนียขาน
“หากเจ้าเป็นลูกบุตรธรรมของตระกูลของแฟรินเซ่จริง แล้วเมื่อก่อนเจ้าเป็นใคร?” พระองค์ถาม
“ข้า...” เอริเนียเริ่มนึกไปสมัยที่เธอยังเป็นเด็ก แต่ก็จำไม่ได้ สิ่งที่เธอนึกถึงไป มันกลับเลือนรางทุกที พระองค์เอาทีพระหฤทัยแทบเต้นไม่เป็นจังหวะ เอริเนียก็ยังนึกไม่ออก พลางคิดว่าตัวเองความจำเสื่อมหรืออย่างไร
เวลาผ่านไปหลายนาที พระองค์เริ่มถอนหายใจขึ้นมา อดีตคงจะเลวร้ายมากเสียกระมั้ง ถึงไม่กล้าเล่า ไม่แน่ก็อาจจะช็อคแล้วสูญเสียความทรงจำไป
“เอาเถอะๆ ข้าไม่ถามล่ะ” พระองค์ตรัส “หากว่ามันเลวร้ายจริงๆ เจ้าก็ไม่ต้องเล่าก็ได้”
เอริเนียหยุดคิดสักพัก เลวร้ายเหรอ...แต่ฉันจำอะไรไม่ได้เลยนะ
“นี่...ท่านจักรพรรดิ อ๊ะ....” เอริเนียเรียก พลางนึกได้ว่า เขาให้เรียกชื่อของเขา พูดคุยกันเอง “ท่านเอ็ดเวิร์ด”
“หืม?” เขาขาน
“เอเทเทียร์จะบุกมาหรือเปล่า” เอริเนียถาม ซึ่งสีหน้าเธอก็ไม่ดีอยู่แล้ว
“ฮาริสน่ะหรือ...? คงยาก เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก” เขาตอบ “ทหารที่นี้ถูกฝึกอย่างเข้มงวด การฝึกรวมถึงการใช้อาวุธ และพลังเวทย์อาคม” เขาอธิบาย
“เวทย์อาคม?” เอริเนียชักงุนงง เวทย์มนต์หรือเปล่า
“พลังเวทย์ของทุกคนในอิทราเนียร์ เดิมทีเอเทเทียร์ก็มี แต่น้อยกว่าที่นี่เยอะ” เขาพูด “กว่าจะบุกเข้ามาในอาณาจักรนี้ได้ ก็คงจะถอนทัพออกไปก่อน” เขาพูดต่อ
“อืม...” เอริเนียถอนหายใจอีกครั้ง
“เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก เพราะเจ้าอยู่ในการดูแลของข้า” เขาตอบ
“ค่ะ...” เอริเนียรับคำ
“แต่ไม่แน่ ถ้าพรุ่งนี้ข้าว่าง ข้าอาจจะพาเจ้าไปนอกวัง” เขาตอบ “เพราะคนแถบๆนั้น จะได้คุ้นกับเจ้า เพราะนิสัยคนที่นี่ ไม่ต้อนรับคนแปลกหน้า” เขาพูดต่อ “เพราะมันมีสถานที่หนึ่ง ที่ข้าอยากจะพาเจ้าไป”
“ที่ไหนหรือคะ” เอริเนียถาม
“ไว้ข้าว่าง ข้าจะพาเจ้าไป ตอนนี้ข้าเองก็ต้องขอตัวไปทำงานก่อน” เขาตอบ “หากเจ้ามีอะไร เจ้าก็ถามข้าได้ที่ห้องของข้าก็แล้วกัน” เขาพูด ทั้งคู่ลุกออกจากโต๊ะนั่งแล้วก็บอกลากัน
แต่ในระหว่างนั้น ฮาริสจะส่งคนมาสอดแนมที่อิทราเนียร์ด้วยหรือเปล่า?
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ