Kingdom Heart พันธสัญญารัก พันธสัญญาหัวใจ

-

เขียนโดย White_Clover

วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 12.41 น.

  6 chapter
  21 วิจารณ์
  16.17K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ทหารสอดแนมของเอเทเทียร์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 5

ทหารสอดแนมของเอเทเทียร์

 

                ในคืนวันเดียวกัน เอริเนียยังนอนไม่หลับ พลางนึกถึงพระราชปุจฉาที่จักรพรรดิเกศาสีเงินหรือเอ็ดเวิร์ด เรื่องความหลังของเธอ เธอลองทวนความทรงจำไปมาหลายครั้ง แต่ยังนึกไม่ออก ว่าแท้จริง เธอเป็นใครกันแน่ เพราะตั้งแต่เธอยังเด็ก เธอจะได้ว่า เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว เธออยู่สถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นเวลาสองปี โดยที่เธอจำอะไรไม่ได้ แม้กระทั่งชื่อของตัวเอง “เอริเนีย” มันเป็นชื่อใหม่ของเธอ ที่แม่บุญธรรมของเธอเป็นคนสร้างชื่อนั้นเพื่อแทนตัวเธอเอง แต่ยิ่งเธอคิดอย่างไร เธอก็ยิ่งอยากรู้มากขึ้นเท่านั้น เธอคิดไปมาอยู่หลายครั้ง จนหลับไปในที่สุด แต่ระหว่างที่เธอหลับ เธอก็ฝันเห็นหญิงสาวที่กำลังพาเด็กหญิงตัวเล็กๆ และมีชายหนุ่มที่วิ่งมากับพวกเธอด้วย เหมือนกำลังหนีอะไรสักอย่าง แต่แล้ว ก็เหลือเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนเดียวรอดชีวิตเพียงผู้เดียว แต่ที่แปลกก็คือ เด็กหญิงตัวเล็กๆ คนนั้น หน้าตาเหมือนกับเธอ ทำให้เธอสะเทือนใจขึ้นมาในความฝัน น้ำตาเริ่มไหลพรากออกมา

                ความฝันครั้งแรกได้จบสิ้นลง แต่ความฝันรอบที่สอง ทำให้เธอสะเทือนใจขึ้นมาอีกครั้ง เธอฝันเห็นตัวเธอเองที่กำลังร่ำไห้อยู่

“เอ็ดเวิร์ด ได้โปรดเถอะ เรื่องนี้ข้าอธิบายได้นะ!!” เสียงเธอในความฝันพูดอย่างสะอึกสะอื้น

                ต่อให้พูดซ้ำหลายครั้ง ความหวังที่เธอจะได้พูดความจริงก็ค่อยๆ หายไปทุกที เธอเคาะประตูหน้าห้องของชายหนุ่มผมสีเงิน แล้วร่ำไห้ไปด้วย จากใบหน้าที่ดูเย็นชา กลายเป็นใบหน้าที่ดูโกรธเกรี้ยวแล้วโหดเหี้ยมยิ่งนัก เขาเดินแล้วเปิดประตูขึ้นมา ก็พบหญิงสาวที่เรียกเขา เขาหักห้ามอารมณ์โทสะไม่ได้ เขาใช้มือของเขาตบที่แก้มของเธอไปอย่างแรง จนทำให้ล้มไปพร้อมกับแก้มที่ฟกช้ำ

“อย่าคิดจะมาหาข้าอีก เจ้าออกไปจากที่นี่ได้แล้ว ข้าไม่ต้องการหญิงสาวที่มีมารยาอย่างเจ้า!!” เขาตะคอก

“ข้าเปล่านะ เรื่องทั้งเรื่องมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด” เธอพูด

“เข้าใจผิดอะไรกัน หลักฐานก็มีอยู่คาตา เจ้าโครเชลมันก็ทรยศข้า แล้วก็เจ้าอีก!!” เขาตะคอกขึ้นมาอีกครั้ง

“ข้าเปล่านะ เรื่องนี้ข้าอธิบายได้ ขอร้องล่ะ ฟังข้าก่อน” หญิงสาวยังอ้อนวอน แต่เขาชักดาบออกมาจ่อคอของเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่โหดเหี้ยมว่า

“หากเจ้ายังไม่ออกไปจากที่นี่ ไม่สิอาณาจักรของข้า เจ้าเตรียมตายด้วยคมดาบของข้าได้เลย อย่าให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก ยิ่งตายยิ่งดี!!”

                สิ้นสุดคำพูดของชายหนุ่มนัยน์ตาสีเลือด ทำให้เธอตื่นออกความฝัน ด้วยใบหน้าที่เหงื่อตกซกๆ เหมือนกับคนเจอผี

“ฝันไปหรอกเหรอ...” เอริเนียคิดแล้วถอนหายใจ พลางลุกขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวันของเธอ แล้วเดินไปรอบปราสาท จนมาพบกับเชอริลอีกครั้ง

“อรุณสวัสดิ์จ้าเอริเนีย เมื่อคืนหลับสบายไหม?” เชอริลถาม ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ เมื่อคืนก็หลับไม่ค่อยสนิทเท่าไร ฝันร้ายน่ะ” เอริเนียพูด

“งั้นหรือ? เหมือนข้าเลย เมื่อคืนนี้โครเชลนอนดิ้นมาถีบสันหลังของข้า จนมาตอนเช้า ข้าปวดหลังเลย สงสัยคราวหน้า คงต้องจับมัดมือมัดเท้าไว้ด้วย” เชอริลพูด พลางทำหน้าแหยๆ “เอ้อ นี้! ท่านมหาจักรพรรดิเขาไปรอเธอที่คอกม้าน่ะ รีบไปหาท่านเถอะ เดี๋ยวข้าพาไป” เชอริลพูด แล้วจูงมือเอริเนียไป จนมาถึงคอกม้า แล้วเชอริลก็เดินจากไป แล้วบอกว่า มีธุระ

 “มาแล้วเหรอ เอริเนีย...” ชายหนุ่มผมสีเงินพูด

“เอ่อ ค่ะ” เอริเนียขาน

“เจ้าขี่ม้าเป็นหรือเปล่า?” เขาถาม

“ก็...ได้นิดหน่อยค่ะ” เอริเนียตอบ จนเขาจูงม้าสีดำตัวโปรดของเขาออกมา พลางคิดลึกไว้ว่าลูกคุณหนูทุกคนก็แบบนี้ ขี่ม้าไม่เป็น

“ถ้างั้นเจ้าก็คงต้องนั่งตัวเดียวกับข้าแล้วล่ะ” เขาพูด แล้วส่งผ้าคลุมหน้ามีน้ำตาลเข้มให้เธอ

“ม...ไม่เป็นหรอกค่ะ ข้าขี่เองได้” เอริเนียพูด

“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าหากเจ้าตกม้าตายขึ้นมาล่ะ เรื่องใหญ่” เขาพูด

“คงไม่นะคะ” เอริเนียพูด เดินเข้ามาหาเธอแล้วก็อุ้มเธอพาดกับไหล่ไปจนทำให้เธอตกใจขึ้นมา

“นี่ท่านจะทำอะไร ปล่อยข้านะ!!” เอริเนียพูด

“ตัวเบาๆ แบบนี้ ขี่ม้าคนเดียว สงสัยตัวเจ้าจะปลิวก่อน” พระองค์ตรัส

“ปล่อยข้าลงนะ ข้าบอกว่าข้าขี่ม้าได้นะ!!” เอริเนียพูด แต่พระองค์ก็ไม่สนพระหฤทัย พลางตรัสไปว่า

“ไปรอบเมืองได้แล้ว…”

                ทันทีที่พระองค์พูดจบ พระองค์สวมผ้าคลุมหน้า แล้วก็ประทับบนพระปฤษฎางค์ของอาชาตัวโปรดของพระองค์พร้อมกับหญิงสาวร่างบาง แล้วควบพระอาชาออกจากพระราชวังไปอย่างรวดเร็ว

                จนเวลาถัดมา มาถึงหมู่บ้านที่พระองค์บอก เอริเนียที่นั่งอยู่ตรงกลางอ้อมอกของพระองค์ มองด้วยสายตาที่อยากรู้อยากเห็น เธอเห็นในสิ่งที่แปลกไปจากอาณาจักรที่เธออาศัยไปมาก ทั้งโชว์การแสดงแปลกๆ

ขนมพื้นเมือง เด็กเล่นลูกแก้วประหลาด ที่โยนขึ้นแล้วสามารถเปลี่ยนสีได้ แน่นอนว่ามันต้องเป็นของเล่นที่แพงมากแน่ๆ และอื่นๆ อีกมากมาย ที่เธอไม่เคยเห็น จนพระองค์ตรัสกับเธอว่า

“เจ้าชอบใช่ไหมล่ะ? ที่นี่มันก็มีสิ่งของที่เจ้าไม่เคยเห็นทั้งนั้นแหละ” พระองค์ตรัส

“ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย เพราะตั้งแต่ข้าเด็กๆ ข้าอยู่แต่ในบ้าน ไม่ค่อยได้ออกมาเที่ยวเล่นแบบคนอื่นๆ”

เอริเนียพูด จนทำให้พระองค์แย้มพระโอษฐ์ออกมา

“ข้าเองก็ไม่เคยได้ออกมาเหมือนกัน เพราะตอนข้าเด็กๆ พระมารดาสั่งห้ามไม่ให้ออกนอกวัง ถ้าจะออกข้าต้องปีนกำแพง แล้วให้โครเชลและเชอริลมารับที่นอกวัง” พระองค์ตรัส

“แล้วพระมารดาของท่านไม่ทรงทราบเลยหรือว่าท่านแอบหนีออกไป” เอริเนียถาม

“รู้สิ...พอรู้เข้า พระบิดาก็สั่งให้ทหารมาตามหาจนพบตัวข้า ข้าจำได้ว่าวันนั้นพระบิดาลงโทษข้า พร้อม

โครเชลและเชอริล โดยการคัดลายมือว่า ฉันจะเป็นเด็กดี ให้หมดเล่ม ยิ่งข้านึกถึงไป ข้าก็ยิ่งอยากจะขำ” พระองค์ตรัส แล้วทรงพระสรวลออกมา “แต่ก็แย่เหมือนกัน ที่ท่านทั้งสองต้องเสด็จสวรรคตไป...” พระองค์ตรัสอีกครั้ง “แต่ก็เอาเถอะมันก็ผ่านไปแล้ว ไม่สามารถที่จะเรียกคืนกลับมาได้อีก”

                พระองค์ตรัส ทำให้เธอเชื่อคล้อยตามไปด้วย  สักพัก พระองค์ก็ทอดพระเนตรไปที่ชายชราที่ขายขนมที่คล้ายกับก้อนข้าว แต่ถูกคลุกด้วยแป้งและผัก

“เจ้าหิวหรือยัง?”

“ก็นิดหน่อยค่ะ” เอริเนียพูด

“อืม...เดี๋ยวข้าจะลงไปซื้อขนมข้าวมาให้เจ้า ข้าก็เริ่มหิวมาเหมือนกัน” พระองค์ตรัส

“ขนมข้าว?” เอริเนียสงสัย เพราะไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย

“ขนมพื้นเมืองของที่นี่ เจ้าทานแล้วเจ้าจะติดใจ” พระองค์ตรัส แล้วก็ลงจากพระปฤษฎางค์ของอาชาของพระองค์ เหลือแค่เอริเนียที่ยังอยู่บนหลังม้า “เจ้าอยู่ตรงนี้ ข้าจะผูกเชือกไว้ ใครมาทักเจ้ามาแบบไม่ดี เจ้าอย่าไปพูดคุยกับเขา” พระองค์ตรัส แล้วเดินไปซื้อขนมข้าวที่พระองค์ตรัสถึงสักประมาณสี่ก้อน แล้วก็เดินกลับมา พระองค์ยื่นอาหารที่พระองค์เรียกว่าขนมข้าวมาให้เอริเนียก้อนหนึ่ง เอริเนียมองขนมด้วยความแปลกใจ ชื่อก็ไม่คุ้นแล้ว หน้าตายังไม่คุ้น เธอมองด้วยความสงสัย ในขณะนั้น พระองค์ยังไม่ขึ้นบนพระปฤษฎางค์อาชาของพระองค์ สักพัก พระองค์ตรัสมาว่า

“ทานเสียสิ ไม่เช่นนั้นมันจะเย็นชืดหมดนะ ทำให้ต้องให้ข้าสั่งอยู่เรื่อย” พระองค์ตรัส ทำให้เธอจำต้องยอมทานเข้าไป แต่เธอก็ชอบมันขึ้นมาทันที พระองค์ก็ทอดพระเนตรไปที่เธอด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยแย้มพระโอษฐ์

                หลังจากที่ทานเสร็จแล้ว พระองค์ก็ขึ้นบนพระปฤษฎางค์อาชาของพระองค์ทันที แล้วควบอาชาเสด็จไปในสถานที่พระองค์บอก ซึ่งพระองค์บอกว่าไกลมาก กว่าจะมาถึง ก็เกือบตกเย็น

                สถานที่พระองค์บอกนั้น ทีแรกมองดูเหมือนป่าธรรมดา แต่พอเข้าไป กลับกลายเป็นป่าที่ดูประหลาดตามาก เพราะไม่ว่าจะเป็นต้นไม้หรือลำธาร สิ่งที่เธอเห็น เป็นสีที่ต่างไปจากธรรมชาติมาก

“ที่นี่...” เอริเนียเริ่มคิดไปชั่วครู่

“สถานที่ข้าบอกอย่างไรล่ะ ที่นี่เป็นป่าเวทมนต์” พระองค์ตรัส

“ป่าเวทมนต์?” เอริเนียสงสัย เพราะไม่เห็นอะไรที่เหมือนเวทมนต์เลย

“เพราะว่าป่าแห่งนี้จะเปลี่ยนสีตามฤดูกาลที่เปลี่ยนไป ทุกคนเลยเรียกว่าป่าเวทมนต์” พระองค์ตรัส จนทำให้เธอเข้าใจขึ้นมาบ้าง สักพัก ทั้งคู่ก็ลงจากหลังม้า เอริเนียมองดูรอบๆ ไปอย่างเพลิดเพลิน ส่วนพระองค์เองก็ทอดพระเนตรไปที่เธออย่างสบายพระหฤทัย ถึงแต่กระนั้น พระองค์ยังคิดในพระหฤทัยอยู่ว่า ทำไมถึงมีความรู้สึกนี้ผุดขึ้นมา ตั้งแต่พบเธอครั้งแรก จนถึงวันนี้ อาจจะเป็นเพราะความผูกพันเสียมากกว่า

แต่สักพัก พระองค์ก็ได้เสียงและกลิ่นของใครคนหนึ่งที่ไม่ใช่หญิงสาวที่มากับเขาด้วย แต่เป็นเสียงของอะไรกันล่ะ?

สักพัก สิ่งที่พระองค์ได้ยินนั้น ก็ปรากฏขึ้นมาหลังพุ่มไม้ รอบๆตัวพระองค์ เอริเนียที่เดินเล่นไปมาพลอยตกใจไปด้วย

                และนั่นคือทหารของเอเทเทียร์ ที่มาสอดแนมมาถึงอิทราเทียร์ พระองค์ดึงตัวของเอริเนียเขามาไว้ใกล้ตัวพระองค์

“บ้าน่า เจ้าพวกนี้...” พระองค์ตรัสพลันทรงกริ้วขึ้นมาทันที เพราะคิดไว้แล้วว่าฮาริสต้องส่งทหารตามตัวมาถึงที่ แต่ตอนนี้พระองค์และเอริเนียก็ไม่สามารถไปไหนได้ เพราะทหารล้อมรอบเต็มไปหมด ส่วนอาชาของพระองค์ก็สะบัดเชือกที่ผูกไว้กับต้นไม้จนหลุดแล้วหนีไปด้วยความตื่นตกใจ แต่โชคยังดีที่อาวุธคู่กายของพระองค์อยู่กับตัวของท่าน

“ส่งผู้หญิงคนนั้นมาให้พวกข้า เจ้านายของข้าต้องการตัวนาง หากเจ้าไม่อยากตายเจ้าก็ยอมทำตามแต่โดยดี” ทหารนายหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่น่าฟังยิ่งนัก แต่ก็คิดหรือว่าพระองค์จะยอมง่ายๆ

“...” พระองค์เงียบไม่ตอบอะไร พลางสั่งให้เอริเนียไปหลบอยู่ทางข้างหลังส่วนตัวพระองค์ก็หยิบอาวุธออกมา พลันตรัสด้วยน้ำเสียงที่ดูเลือดเย็นว่า “เจ้าพวกไพร่ไร้มารยาท คิดหรือว่าเรื่องแค่นี้ข้าจะยอมง่ายๆ หรืออย่างไรกัน...” พระองค์ตรัส “ต้องข้ามศพข้าไปก่อน ถึงจะได้ตัวนางไป” พระองค์ตรัสอีกครั้ง

“ถ้าอย่างนั้นก็ได้...ท่านฮาริสจะต้องพอใจแน่เมื่อเห็นหัวของแก...” ทหารนายนั้นพูดอีกครั้ง ดูเป็นคนที่น่ารังเกียจมาก ทั้งหน้าตา รวมถึงน้ำเสียง

“สามหาว...” พระองค์ตรัส พลันสั่งให้เอริเนียถอยห่างจากตัวของเขา แล้วก็เริ่มต่อสู้ตัวคนเดียวกับพวกเหล่าทหารสักประมาณ 7-8 คนที่มาท้าสู้กับพระองค์

                สิ่งที่เอริเนียเห็นอยู่ตรงหน้า เป็นภาพการต่อสู้ที่ดุเดือด ภาพแบบนี้ เธอคิดว่าเหมือนเคยเห็นมาก่อน

หรือว่า อดีตของเธอ? เอริเนียเริ่มจำได้ขึ้นมาลางๆ อีกครั้ง แต่ก็พูดได้แค่ในใจว่า อย่านะ ไม่นะ แล้วเธอก็ร้องไห้ออกมาโดยไม่มีสาเหตุ

                ส่วนเอ็ดเวิร์ด ก็ยังต่อสู้กับพวกทหารสอดแนมพวกนั้น เขาพยายามจะใช้พลังเวทมนต์ของตัวเองในการต่อสู้ แต่ในตอนที่เขาใช้ เขาเริ่มรู้สึกปวดแปล๊บที่สมองขึ้นมาอีกครั้ง จนเหมือนคนที่กำลังอ่อนแรง

“บ้าน่า นี่มันอะไรกัน” พระองค์คิด พลางกุมพระเศียรของพระองค์เองด้วยความเจ็บปวด เอริเนียที่ยืนดูอยู่เริ่มรู้สึกเป็นห่วงเขาขึ้นมา แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้ ดาบเธอก็ยังไม่เคยจับ เวทมนต์ก็ไม่มี เธอก็อยากจะหาทางช่วยเขา แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จนทหารนายหนึ่ง พยายามจะฟันที่ตัวของพระองค์ พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูโหดร้ายว่า “ตายเสียเถอะ!! อย่าอยู่เลยแก!!”

                เอริเนียเริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมาอีกครั้งเพราะภาพนี้ เหมือนภาพติดตาของเธอ ที่ครอบครัวถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหด แต่ในช่วงเวลานั้น พระองค์ได้สติกลับมาอีกครั้ง พระองค์จึงหลบไปอย่างรวดเร็ว พอพวกทหารรู้ พระองค์ก็ยืนอยู่ข้างๆ เอริเนียอีกครั้ง

“ท...ท่าน ทำไม?” เอริเนียพูด แล้วตกใจขึ้นมาอีกครั้ง

“ขอโทษนะ แต่ข้าจำเป็นต้องใช้เจ้า” พระองค์ตรัส

“ท่านจะทำอะไร?” เธอถาม

“แค่ครั้งเดียว เจ้าไม่เป็นไรหรอก” พระองค์ตรัส แล้วใช้พระกรข้างขวากอดรัดตัวเธอ ส่วนข้างซ้าย ปิดตาของเธอ เหมือนจะไม่ให้มองเห็นอะไร

“ข้าขอใช้พลังของเจ้า...” พระองค์ตรัส สักพัก พระเนตรของพระองค์จากสีแดงเลือดเข้ม กลายเป็นสีเลือดแดงที่ส่องประกายออกมาพร้อมกับพายุขนาดใหญ่ที่สามารถพัดผู้คนจนกระเด็นปลิวว่อนออกไปได้ ทหารสอดแนมพวกนั้น ไม่สามารถตั้งหลักได้ เลยปลิวลอยไป บางคนชนกับต้นไม้ บางคนก็ลอยเคว้งคว้าง แต่ผลสุดท้าย ก็ตกลงมาทุกคนด้วยสีหน้าที่ดูเจ็บปวด แล้วก็สิ้นลมในที่สุด

“ช่วยไม่ได้นะ...มาด้วยวิธีไหน ก็จัดการด้วยวิธีนั้น...” พระองค์ตรัส ขณะที่จะเปิดตาของเอริเนียอีกครั้ง แต่เธอก็หมดสติไปเสียก่อน เพราะว่าอาชาของท่านได้ตื่นตกใจหนีไปเสียก่อน พระองค์ทรงคิดในพระหฤทัยอีกครั้งว่า คงต้องพักกันที่นี่แล้วกระมั้ง แล้วพระองค์ก็อุ้มตัวเธอแล้วไปอีกทางหนึ่งที่ไม่มีคู่ต่อสู่ตายอยู่ตรงหน้าอย่างที่พระองค์ต่อสู้เมื่อสักพักนี้ พอมาถึงสถานที่พระองค์คิดว่าเหมาะแล้วก็วางตัวเธอไว้ที่โคนต้นไม้ แล้วใช้ผ้าคลุมที่คลุมตัวของเธออยู่นั้นห่มตัวเธอไว้ แล้วก็บรรทมข้างๆตัวเธอในที่สุด...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา