~S.O.M.A~ [Solitaire of The Magician Age]

8.3

เขียนโดย Daimaou_no_Sora

วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 22.46 น.

  12 Lesson
  28 วิจารณ์
  21.25K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) องครักษ์แห่งเจ้าหญิง vs. เจ้าหญิงแห่งองครักษ์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

-= ~S.O.M.A~ [Solitaire of The Magician Age] - The Chronicle of Zodas =-

 

http://www.keedkean.com

 

-= ~โซมะ~ [เพชรเม็ดเดียวแห่งยุคจอมเวท] - บทบันทึกแห่งโซดาส =-

 

-= Lesson 9 : องครักษ์แห่งเจ้าหญิง vs. เจ้าหญิงแห่งองครักษ์ =-

 

นีน่าพยายามฝืนตัวเองสู้กับแรงของเลน่าแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าร่างของเธอจะขยับได้เลยแม้แต่น้อย เลน่าเริ่มเอามือค่อยๆคลึงเคล้นหน้าอกของนีน่าอย่างแผ่วเบา และเริ่มบรรจงปลดกระดุมเสื้อของนีน่าออกอย่างช้าๆพร้อมกับไซร้ซอกคอนีน่าไปด้วย ก่อนที่จะเลื่อนใบหน้าขึ้นมาและตวัดปลายลิ้นเลียใส่ใบหูของนีน่าเบาๆ

“อ๊ะ! อื้ม~~”

ทันใดนั้นสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อประตูห้องถูกเลื่อนเปิดออกโดยหญิงสาวผมยาวรวบเป็นหางม้าสีดำเงางาม และมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับพวกเธอ การแต่งเนื้อแต่งตัวดูอลังการงานสร้างกว่ามากในชุดกิโมโนติดเครื่องประดับเต็มยศสีแดงดูสง่างามพร้อมด้วยเครื่องประดับบนหัวที่บ่งบอกฐานะของตนนั่นคือปิ่นปักผมที่ทำจากเพชรที่มีตราสัญลักษณ์ของราชวงศ์โซระที่เป็นสัญลักษณ์รูปนก 2 หัวกำลังกางปีกประดับตกแต่งอยู่

“ทั้ง 2 คนกำลังทำอะไรกันอยู่มิทราบ!?”

เธอแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างแรงกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ซึ่งเมื่อทั้งคู่เห็นหญิงสาวผู้นั้นก็ต้องรีบผละออกจากกันทันทีด้วยความตกใจ

“อะ…องค์หญิงรุซุนะ!?”

“ทั้ง 2 คนแต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วไปพบชั้นที่ลานจอดยานขนส่งด้วย”

องค์หญิงรุซุนะ เดินออกไปจากห้อง โดยมีองครักษ์ 2 คนตามไปติดๆ ทั้ง 2 สาว ต่างพากันรีบจัดองค์ทรงเครื่องของตนให้เข้าที่เข้าทางอย่างรีบเร่งก่อนจะวิ่งตามออกไป เมื่อทั้งคู่ขึ้นไปถึงลานจอดยานขนส่ง ก็ต้องพบว่าไม่ใช่แค่พวกเธอเท่านั้นที่ถูกเรียกมา อัคคามิฬ เองก็ถูกเรียกมาด้วยเช่นกัน ซึ่งเขาและเหล่าองครักษ์คนอื่นๆต่างยืนล้อมองค์หญิงรุซุนะ ดุจป้อมปราการที่คอยระวังภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นกับเธอ

ทั้งคู่เดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าเหล่าองครักษ์นั่นก่อนจะนั่งคุกเข่าโดยชันเข่าขึ้นหนึ่งข้างแสดงความเคารพอย่างหนอบน้อมและเอ่ยขึ้นมาพร้อมๆกันว่า…

“องค์หญิง ทรงเสด็จมาทำอะไรที่นี่เหรอเพคะ?”

“เฮ้อ~~ บอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่า… ไม่ต้องพูดราชาศัพท์กับชั้นก็ได้~~”

องค์หญิงรุซุนะตรงดิ่งเข้าไปพยุงทั้งคู่ให้ลุกขึ้น พร้อมกับเข้าสวมกอดทั้งคู่อย่างแนบแน่นจนทั้งคู่แทบหายใจไม่ออก พลางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เหมือนกับไม่ได้เจอทั้งคู่มาเป็นระยะเวลานานมาก

“ไม่ได้เจอกันตั้งนานแน่ะ… คิดถึงพวกเธอจังเลย”

“นะ… นั่นสินะ 5 - 6 ปีได้แล้วล่ะมั้งเพคะ? เนอะ!? พี่นีน่า~”

“อะ… อืม~ ว่าแต่ว่า… องค์หญิง มีธุระอะไรกับพวกหม่อมชั้นอย่างนั้นเหรอเพคะ?”

องค์หญิงรุซุนะยิ้มเล็กน้อย พลางส่งสายตาเป็นเชิงให้สัญญาณกับองครักษ์ชายเผ่าปักษาหน้าตาหล่อเหลาเอาการผู้มีดวงตาที่ชะชากบาดใจบรรดาสาวๆได้ดั่งมนตร์สะกด พร้อมกับปีกวิหคสีขาวบริสุทธิ์ขนาดใหญ่ของเขาที่อยู่กลางหลัง เขาเดินเข้ามาหาองค์หญิงทันทีอย่างรู้งาน ก่อนจะคลี่ม้วนกระดาษในมือของเขาออก และประกาศวลีที่เขียนอยู่ในม้วนกระดาษนั่นเสียงดัง

“พระบรมราชโองการ ข้าพเจ้ากษัตริย์เทนชิ ผู้ปกครองสหราชอาณาจักรโซระ และจอมกษัตริย์คอสรอฟ ผู้ปกครองสหราชอาณาจักรไลลาริน ข้าพเจ้าทั้ง 2 มีความเห็นตรงกันที่จะขอแต่งตั้งให้ เลน่า ฟอลเรน ลอสโอริเทียร์ รับหน้าที่เป็น 1 ในองครักษ์รักษาพระองค์ ผู้มีหน้าที่ปกป้องและคุ้มครองราชบุตรีลำดับที่ 7 องค์หญิงรุซุนะ และแต่งตั้งให้ อัคคามิฬ เพลิงศาตรา ขึ้นรับตำแหน่งเป็น 1 ใน 10 นักรบสวรรค์ จูเท็นเซ็น ผู้ที่มีความรับผิดชอบ และอำนาจการตัดสินใจสูงสุดในตำแหน่งองครักษ์ทั้งมวล ข้าพเจ้าหวังว่าพวกท่านคงจะภาคภูมิใจกับตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย และปฏิบัติหน้าที่นั้นๆอย่างสุดกำลัง สิ้นสุดพระบรมราชโองการ”

“ข้าพเจ้า อัคคามิฬ เพลิงศาตรา ขอน้อมรับพระราชโองการ และขอสาบานว่าจะรับใช้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจนกว่าชีวิตจะหาไม่พะย่ะคะ!”

“ข้าพเจ้า เลน่า ฟอลเรน ลอสโอริเทียร์ ขอน้อมรับพระราชโองการ และให้สัตย์สาบานว่าจะรักษาชีวิตขององค์หญิงรุซุนะจนกว่าชีวิตจะหาไม่เพคะ”

ปักษาหนุ่มเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าของทั้งคู่ พร้อมกับพึมพำอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นม้วนกระดาษในมือของเขาก็เปล่งแสงสีเหลืองอำพันขึ้นมา และเมื่อแสงนั่นจางลงม้วนกระดาษก็ถูกแบ่งออกเป็น 2 ม้วน ก่อนจะยื่นม้วนกระดาษให้ทั้งคู่รับมันไว้ เลน่า กำมันไว้ในมืออย่างภูมิใจ พร้อมกับหันไปมองพี่สาวของเธอก่อนจะยิ้มกว้างพร้อมกับชูนิ้วเป็นสัญลักษณ์ สู้ตาย ให้พี่สาวของตน ส่วน นีน่า เองนั้นก็ปลาบปลื้มในตัวน้องสาวของเธอจนน้ำตาไหล

“เรื่องนี้สินะที่เป็นสาเหตุให้ทุกคนมาอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ถ้างั้น... เลน่า... พี่ขอแสดงความยินดีกับเธอด้วยนะ พี่มั่นใจว่าเธอต้องทำหน้าที่นี้ได้ดีอย่างแน่นอน”

“ฮิฮิ~ พี่นี่ล่ะก็ วางใจได้เลยเพราะมันเป็นหน้าที่ที่ชั้นใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่”

“ในที่สุด! ชั้นก็ได้ตัวเธอมาอยู่เคียงข้างแล้วสินะ แต่น่าเสียดายที่ นีน่า ไม่ได้รับตำแหน่งนี้ด้วย เสด็จพ่อใจร้ายที่สุดเลย~~”

 

“เอาเถอะน่าองค์หญิง ขืนพระองค์เอาหม่อมชั้นไปด้วยมีหวัง จอมกษัตริย์คอสรอฟ คงจะไม่ยินยอมเป็นแน่แท้ อีกอย่างหม่อมชั้นก็วางมือจากการเป็น 1 ในองครักษ์ของจอมกษัตริย์คอสรอฟ มาตั้ง 4 ปีแล้วด้วย”

 

“นั่นสินะ ชั้นเองก็ไม่อยากให้เสด็จพ่อมีเรื่องกับทางจอมกษัตริย์ของไลลารินเหมือนกัน...”

องค์หญิงรุซุนะดีใจจนแทบจะกระโดดกอดคอ แต่ก็โดนปักษาหนุ่มทำเสียงกระแอ้มกระไอเป็นเชิงห้ามเอาไว้ เธอจึงทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนจะถอยออกไปจากคู่ของฝาแฝดและเอามือทั้ง 2 ข้างท้าวสะเอวอย่างมั่นใจก่อนจะเอ่ยปากขึ้นมาว่า…

“เกือบลืมไป พรุ่งนี้! จะมีการทดสอบเธอนะ เลน่า~”

“ทดสอบหม่อมชั้นอย่างนั้นเหรอเพคะ!?”

“ใช่! พรุ่งนี้จะมีการทดสอบ ว่าเธอเหมาะที่จะดำรงตำแหน่งองครักษ์หรือไม่! ทุกคนที่จะเข้ามาเป็นองครักษ์ได้นั้นไม่ใช่สักแต่ว่าจะแต่งตั้งขึ้นมาตามพระบรมราชโองการของเสด็จพ่อหรอกนะ อัคคามิฬ นายเองก็เช่นกัน เมื่อกลับถึงโซระแล้ว นายก็ต้องได้รับการทดสอบเพื่อที่จะเป็น จูเท็นเซ็น เช่นกัน มันเป็นกฎตั้งแต่นมนานมาแล้วน่ะนะ”

“พะย่ะค่ะ! องค์หญิง”

“แล้วพอจะบอกได้ไหมเพคะ ว่าจะทดสอบหม่อมชั้นยังไง?”

“อืม~~ ยังไม่บอกดีกว่า ฮะๆ เอาล่ะๆ นี่ก็ดึกมากแล้ว…ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ก็ไปพักผ่อนซะให้เต็มที่ พรุ่งนี้เช้าก็มาพบชั้นที่นี่ก็แล้วกัน”

เมื่อสิ้นสุดคำพูดแกมคำสั่งขององค์หญิงผู้เอาแต่ใจ ทุกคนก็ต่างพากันแยกย้ายไปพักผ่อนตามอัธยาศัยของตัวเอง โดยห้องพักขององค์หญิงรุซุนะนั้นจะถูกแยกออกไปต่างหาก ซึ่งถูกจัดให้อยู่ในโซน VIP ชั้น 1 ซึ่งเป็นที่เอาไว้รับรองสำหรับแขกคนสำคัญระดับสูงที่สุด และมีเวรยามคอยตรวจตราและเฝ้าอยู่หน้าห้องอย่างแน่นหนา ซึ่งองค์หญิงรุซุนะถึงกับออกไปไล่ตะเพิดเหล่าทหารหาญที่รับหน้าที่เฝ้ายามให้ด้วยตนเอง เนื่องจากไว้ใจเฉพาะเหล่าองครักษ์ของเธอเท่านั้น และคนที่ต้องลำบากก็คือหนุ่มปักษากับสาวมิโกะในชุดฮากามะสีขาวแดงท่าทางอรชรอ้อนแอ้นน่าเอ็นดูน่ารักน่ายิกผู้มีเรือนผมยาวสีทองเป็นประกาย และมีนัยต์ตาสีม่วงดุจอัญมณีล้ำค่า ที่กำลังยืนเล่นยันต์ที่เธอเสกขึ้นมาและสั่งให้มันลอยคว้างไปมาในอากาศก่อนจะทำให้มันร่วงลงกับพื้นและทำซ้ำๆกันไปมาหลายต่อหลายรอบจนหนุ่มปักษาที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับการแพทย์ยุคใหม่ เริ่มที่จะรู้สึกรำคาญขึ้นมา

“เอ่อ… หยุดทำแบบนั้นจะได้ไหมครับคุณเลียนน่า? พอดีผมไม่มีสมาธิที่จะอ่านหนังสือ”

“ขะ…ขออภัยค่ะ คุณเดฟ ชั้นก็แค่อยากจะใช้เวลาว่าง ฝึกการควบคุมยันต์ให้เก่งๆ เท่านั้นเองค่ะ”

“ยะ…อย่างนั้นเหรอครับ แค่นี้คุณยังไม่เก่งพออีกเหรอครับเนี่ย?”

“คนเราน่ะ ถ้ายิ่งคิดว่าตนมีฝีมือเก่งกาจแค่ไหน ความคิดนั้น ก็จะยิ่งทำให้ตนอ่อนแอลงเท่านั้นนะคะ~”

“นั่นสินะครับ ถ้าคนเราคิดว่าตัวเองเก่งกาจ ก็จะมักจะละเลยการฝึกฝน จนทำให้ตัวเองอ่อนแอลง เข้าใจแล้วล่ะครับ ผมจะจำเอาไว้ก็แล้วกัน”

หลังจากบทสนทนาสั้นๆทั้ง 2 ก็กลับไปตั้งหน้าตั้งตาทำกิจกรรมก่อนหน้านั่นของตนเองต่อ และมีหลายครั้งที่หนุ่มปักษาเผลอแอบหลับไปบ้าง สาวน้อยมิโกะจึงใช้เวทมนตร์เสกยันต์ที่มีคำว่า คึกคะนอง เป็นอักษรสีทองที่เขียนเหมือนกับตัวหนังสือภาษาญี่ปุ่นตรงกลางผืนยันต์ที่ทอจากผ้าไหมและเอาแปะไว้ที่หน้าผากของตนและหนุ่มปักษาทำให้ทั้งคู่ตาสว่างและกระปรี้กระเปร่าไปตลอดทั้งคืน

เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อเวลาแห่งการทดสอบมาถึง เลน่า ซึ่งมาเตรียมตัวรอการทดสอบจากองค์หญิงตั้งแต่เช้าตรู่โดยมี นีน่าและครอบครัวมาคอยยืนให้กำลังใจและเป็นพี่เลี้ยงอยู่ห่างๆ ซึ่ง เลน่า พอที่จะคาดเดาได้ว่าการทดสอบของเธอต้องเป็นการวัดระดับฝีมืออย่างแน่แท้แต่ทว่า…อีกฝ่ายเป็นใครกันล่ะ?

 

“ในเมื่อเตรียมตัวพร้อมกันแล้ว ชั้นจะขอเริ่มการทดสอบ ณ บัดนี้!”

องค์หญิงรุซุนะซึ่งมาในชุดกิโมโนอันสง่างามเช่นเคย โดยมีมิโกะสาวน้อยผมทองคอยยืนถือร่มบังแดดให้อยู่ข้างๆ เธอประกาศเสียงดังอย่างกับจะเปิดพิธีซะใหญ่โต แต่งานนี้ก็ดูท่าจะใหญ่โตจริงๆนั่นละ เพราะการทดสอบครั้งนี้ได้รับความสนใจจากบรรดาทหารที่พากันมาชมอย่างแน่นขนัด โดยเฉพาะ พร.อ.กอโดเรส แม็กวาย ที่จับจองที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดเพื่อจะได้รับชมมวยคู่เอกได้อย่างชัดเจน องค์หญิงรุซุนะ ส่งสัญญาณมือให้คนที่สวมเสื้อคลุมสีดำที่มีฮูทคลุมหัวเอาไว้อย่างมิดชิด ที่กำลังยืนนิ่งอยู่ข้างหลังของเธอให้เดินเข้ามาใกล้ๆ และกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับคนๆนั้น เขาพยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะก้าวออกมาข้างหน้า ในคราวนี้ เลน่า รู้แล้วว่าคนๆนี้คือคู่ต่อสู้ของเธออย่างแน่นอน แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าเป็นใคร แต่ก็คงจะพอเดาได้นิดหน่อยเพราะดูจาก องครักษ์ที่ยืนรายล้อมองค์หญิงรุซุนะมีคนหนึ่งที่หายไปนั่นก็คือ อัคคามิฬ เมื่อทั้งคู่ออกมายืนประจันหน้ากัน ปักษาหนุ่มก็ออกมาป่าวประกาศถึงกฎกติกาของการทดสอบในครั้งนี้ให้ทั้ง 2 และคนอื่นๆได้รับรู้

“สำหรับกฎกติกาในการทดสอบครั้งนี้นั้นง่ายมาก ถ้าหาก เลน่า ฟอลเรน ลอสโอริเทียร์ สามารถล้ม อัคคามิฬ เพลิงศาตรา ผู้ซึ่งเคยหรือเป็น 1 ใน องครักษ์ของเราลงได้ก็จะถือว่าผ่านการทดสอบ ส่วนระยะเวลานั้นมีให้ไม่จำกัด ซึ่งในการทดสอบครั้งนี้ทางเราได้ทำการกางเขตแดนคุ้มภัยเอาไว้ให้แล้ว ดังนั้นทั้งคู่จึงสามารถแสดงฝีมือออกมาได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกลัวว่าบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องจะโดนลูกหลง และห้ามออมมือให้กันโดยเด็ดขาด! ขอให้คิดว่าการทดสอบครั้งนี้เดิมพันด้วยชีวิตของตนเอง ทั้งคู่เข้าใจแล้วใช่ไหม?”

 

ปักษาหนุ่มมองทั้ง 2 คนที่พยักหน้าพร้อมกันเพื่อเป็นการตอบรับ

 

 ถ้าอย่างนั้นก็… เริ่มได้!”

ทันทีเมื่อสิ้นเสียงประกาศ อัคคามิฬ เป็นฝ่ายรุกเข้าหา เลน่า ก่อนโดยการถีบเข้าที่กลางใบหน้าของเธอแต่ดีที่เธอสามารถยกแขนขึ้นมากันเอาไว้ได้ทัน แต่ด้วยความแรงของการถีบนั้นทำให้เธอกระเถิบถอยหลังไปประมาณ 2-3 ก้าว แต่ อัคคามิฬ ไม่ปล่อยโอกาสให้เธอได้ตั้งตัว เขาพุ่งเข้าหาเธอก่อนจะซัดหมัดซ้ายตรงเข้าที่เดิม แต่เธอก็ยังสามารถปัดป้องมันเอาไว้ได้ แต่ใช่ว่าการโจมตีของเขาจะจบแต่เพียงเท่านี้ เขาย่อตัวลงเล็กน้อยก่อนจะปลดปล่อยเปลวเพลิงสีดำออกมาจากหมัดขวาแล้วซัดเข้าที่หน้าท้องของเธอเต็มๆ เสียง ตูม! ของการระเบิดพลังเวทออกมาดังขึ้น ร่างของเธอลอยขึ้นไปในอากาศเล็กน้อย และลอยกระเด็นไปตามแรงของหมัด ก่อนที่จะตกกระทบพื้นและกลิ้งไป 3-4 ตะหลบ เล่นเอาทุกคนถึงกับตาค้างอ้าปากพะงาบๆไม่เชื่อในสายตาตัวเอง

“ระ…เร็วชะมัด!!”

ทุกคนคิดแบบเดียวกันหมดยกเว้น นีน่า ที่ได้แต่เอามืออุดปากตัวเองเอาไว้พลางมองที่ร่างของน้องสาวของตนที่นอนแผ่สองสลึงแน่นิ่งราวกับคนตาย แต่ อัคคามิฬ เป็นคนเดียวที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นรอยยิ้มเริ่มปรากฏบนใบหน้าของเขาแต่ไม่ใช่รอยยิ้มแห่งชัยชนะแต่เป็นรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจปนกับประหลาดใจไปในตัว เขาถอดเสื้อคลุมของตัวเองออก ก่อนจะเริ่มตั้งกาดมวยในแบบที่ตัวเองถนัดซึ่งเป็นการแสดงให้คู่ต่อสู้ถึงแม้ตอนนี้จะยังนอนสลบไม่ได้สติอยู่ก็ตามทีให้รู้ว่าตอนนี้เขาเอาจริง

“สมแล้วที่เป็นน้องสาวของคุณนีน่า จะแกล้งนอนไปถึงไหนกันครับ!! ผมรู้ว่าคุณรับหมัดของผมเมื่อครู่นี้ได้ทัน”

“แหม่ๆ รู้ด้วยเหรอเนี่ย… สมแล้วที่เป็นองครักษ์ เมื่อกี้คือ หมัดทะลายภูผา อย่างนั้นล่ะสินะ ใช้หมัดซ้ายตรงหลอกล่อให้คู่ต่อสู้ป้องกันส่วนของใบหน้าแล้วปล่อยหมัดจริงใส่กลางลำตัวซึ่งไร้การป้องกัน เป็นหมัดที่รุนแรงใช้ได้เลย นี่ขนาดกันได้แล้วแท้ๆ ยังเล่นเอาจุกไปบ้างเหมือนกัน ถ้าไม่ทันล่ะก็มีหวังชั้นคงเสร็จนายไปตั้งแต่เมื่อกี้แล้วล่ะ”

“ถือว่าโชคยังเข้าข้างคุณนะครับ เพราะตั้งแต่ผมเจอคู่ต่อสู้หลายต่อหลายคนมาเนี่ย เพิ่งจะมีคุณคนแรกนี่แหละที่ป้องกันกระบวนท่านี้ของผมได้ทัน”

เลน่า ยันตัวเองขึ้นทั้งๆที่ยังคงจุกอยู่กับหมัดเมื่อครู่ แต่เมื่อเธอรวบรวมสติกลับคืนมาได้ เธอก็ตั้งท่ากาดมวยเหมือนๆกับอัคคามิฬ และพุ่งตัวเข้าหาเขาทันที อัคคามิฬ คิดว่าการกระโจนเข้าหาคู่ต่อสู้ตรงๆแบบนั้นเป็นเรื่องที่โง่เง่าสิ้นดี เขาสวนหมัดตรงออกไปเพื่อหวังจะใช้ความเร็วในการพุ่งตัวเข้ามาของเธอทำร้ายตัวเธอเอง เลน่าแสยะยิ้มพลางคิดในใจ “หลงกลแล้ว”

 

ทันใดนั้นแสงสีฟ้าสว่างขึ้นรอบตัวของเธอพร้อมกับเสียงดัง ตูม!! สั้นๆ ทันใดนั้นร่างของเธอก็หายไปต่อหน้าต่อตาของเขาทันที อัคคามิฬ หันซ้ายหันขวาแต่ก็ไม่มีวี่แววของเธอ จนกระทั่ง… “อั่ค!!” เขารู้สึกเหมือนกับถูกชกเข้าที่สีข้างอย่างแรง เขาหันกลับไปมองหาที่มาของการโจมตีที่ว่านั่นแต่ก็ถูกชกเข้าให้ที่กระพุ้งแก้มอย่างแรงจนเขาเกือบจะเซล้มลง เขาคิดว่าขืนยืนอยู่เฉยๆต่อไปแบบนี้ก็เท่ากับว่าเขากลายเป็นเป้านิ่งให้เธอสอยเล่นๆน่ะสิ เขาจึงตัดสินใจเคลื่อนที่ไปรอบๆพร้อมกับหาจุดผิดสังเกตไปด้วย ในที่สุดเขาก็หาจุดผิดสังเกตเจอจนได้ นั่นคือร่างเลือนลางของเธอซึ่งถ้าไม่เพ่งดีๆก็จะไม่มีทางสังเกตเห็นได้เลย “ตรงนั้นเรอะ!!”

 

อัคคามิฬ คิดแต่ไม่ไวเท่าหมัดของเขา เขาซัดเปลวเพลิงสีดำอีกครั้งไปที่ร่างเลือนรางนั่น ตูม!! เขามั่นใจว่าเธอโดนมันเข้าอย่างจัง แต่ทว่าร่างนั่นกลับจางหายไปเหลือเพียงแค่พื้นสีดำเป็นวงที่ถูกเปลวไฟที่ร้อนแรงเผาจนไหม้เท่านั้น

 

“ไม่ใช่การทำให้ตัวเองกลมกลืนไปกับสภาพรอบข้าง แต่เป็นการเพิ่มความเร็วจนทำให้เกิดภาพติดตาอย่างงั้นเรอะ!!”

 

อัคคามิฬถึงกับอุทานออกมาเสียงหลง เขาไม่เคยพบเคยเจอมนุษย์คนไหนที่สามารถเร่งความเร็วของร่างกายตัวเองได้จนถึงขีดสุดขนาดที่ทำให้เกิดภาพติดตาได้ขนาดนี้ ขณะที่อัคคามิฬกำลังเผลอตัวอยู่นั้น เลน่า ก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้าก่อนจะถีบเข้าที่ท้ายทอยของเขาอย่างแรง คราวนี้คนที่กระเด็นคืออัคคามิฬที่เป็นฝ่ายกระเด็นไปบ้าง เลน่าเพื่อเป็นการให้เกียรติคู่ต่อสู้เธอจึงเอาจริงเช่นกัน เธอไม่เปิดโอกาสให้อัคคามิฬได้ตั้งตัว เธอกระโจนเข้าหาเขาทันทีพร้อมกับเตะอัดเข้าไปที่หน้าท้องของเขาจนตัวลอยไปกระแทกกับข่ายมนตร์ที่มิโกะสาวกางเอาไว้ และในจังหวะที่เธอกำลังจะเข้าไปซ้ำนั่นเอง อัคคามิฬลุกพรวดขึ้นพร้อมกับจับขาของเธอเอาไว้ก่อนจะเหวี่ยงเธอเข้ากับข่ายมนตร์จนข่ายมนตร์นั้นสะเทือนจนเกือบร้าว ก่อนที่เขาจะผละตัวออกมาเพราะไม่รู้ว่าเธอจะซ่อนลูกเล่นอะไรเอาไว้อีกบ้าง เลน่ายังคงนอนแน่นิ่งเพราะหัวของเธอกระแทกเข้ากับข่ายมนตร์อย่างแรง

 

“สำหรับทักษะ ความเร็ว และพลังกำลัง ถือว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยมสำหรับคนที่เพิ่งเคยประลองกับผมครั้งแรก แต่คุณคิดว่าคุณทำได้แค่นี้อย่างนั้นเหรอครับ ถ้าเป็นเช่นนั้นผมคงจะฝากชีวิตและความปลอดภัยขององค์หญิงรุซุนะเอาไว้กับคุณไม่ได้ล่ะมั้งครับ”

 

อัคคามิฬพูดกับร่างที่นอนแน่นิ่งของเธอ ซึ่งคำพูดของเขานั้นถึงกับทำให้ร่างของเธอกระตุกขึ้นมาเล็กน้อยเธอเริ่มรู้สึกตัวแล้วและกำลังค่อยๆพยุงตัวขึ้นอย่างช้าๆ เธอยืนขึ้นได้ในที่สุดแต่ก็ยังคงมึนๆอยู่บ้าง

“แบบนี้ก็แย่สิ เล่นตัดสินคนจากการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียวแบบนี้ ของจริงนั้นมันต่อจากนี้ต่างหากล่ะ”

 

“ถ้าอย่างงั้นผมขอดูฝีมือทั้งหมดของคุณให้ประจักษ์กับตาหน่อยเถอะ ว่าคุณน่ะเหมาะสมกับตำแหน่งนี้รึเปล่า!! อ๊ะ!!”

 

ขณะที่อัคคามิฬกำลังจะทะยานตัวเข้าหาเลน่า แต่ทว่าร่างกายท่อนล่างของเขากลับไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลยแม้แต่น้อย เขาพยายามฝืนร่างกายของตัวเองแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เขารู้สึกว่าตัวเขาหนักขึ้นๆ จนในที่สุดเขาก็ทรุดฮวบลงกับพื้นแต่ไม่วายที่จะเอามือฝืนยันตัวเอาไว้

 

“มนตราควบคุมแรงดึงดูดเฉพาะจุด!? ตั้งแต่เมื่อไหร่กันและทำไมเธอถึงใช้มนตราแบบเดียวกับคุณนีน่าได้ล่ะ?”

 

“นายลืมไปหรือเปล่าว่าพวกชั้นน่ะเป็นฝาแฝดกันนะ อะไรที่พี่สาวชั้นทำได้...ชั้นเองก็ทำได้เหมือนกัน เอาล่ะ...เรามาจบการประลองในครั้งนี้กันดีกว่า”

 

ในขณะที่อัคคามิฬยังไม่สามารถขยับร่างกายได้ถนัดนั้น เลน่าเธอก็เริ่มตั้งท่าโดยการเผยฝ่ามือทั้ง 2 ออกไปด้านข้างก่อนจะพึมพำอะไรบางอย่างเบาๆ ซึ่งมีแต่อัคคามิฬเท่านั้นที่ได้ยิน

 

“หัตถ์ซ้ายเบิกทวาราศักดิ์สิทธิ์ อัญเชิญจุตรธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ หัตถ์ขวาเบิกทวาราศักดิ์สิทธิ์ อัญเชิญจตุรธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ”

 

กระแสลมเริ่มก่อตัวและกรรโชกแรงขึ้น จนอัคคามิฬต้องเอาแขนบังกระแสลมที่ซัดเข้าหน้าเขาเอาไว้เล็กน้อย เลน่า เอามือทั้ง 2 ข้างที่มีลูกบอลสีแดง สีเหลือง สีเขียว และสีฟ้า ค่อยๆบีบเข้าหากัน แต่ดูเหมือนว่าจะใช้แรงในการบีบอัดพลังเวทนี้มากพอดู ซึ่งดูได้จากสีหน้าที่เอาจริงเอาจังของเธอ

“ซ้ายขวาบีบอัดสู่ศูนย์กลาง ผนึกธาตุ หลอมรวมจิต สถิตย์สู่กายา!”

แสงสว่างเจิดจ้าบาดตาเกิดขึ้นชั่วขณะก่อนจะค่อยๆจางลง เมื่อมันจางหายไปจนหมด ทุกคนต้องส่งเสียงฮือฮาออกมากันยกใหญ่รวมไปถึง อัคคามิฬ ที่ยืนตาค้างกับภาพที่ตนเห็นอยู่ตรงหน้า นั่นก็เพราะทั้งร่างกายของ เลน่า นั้นเปล่งประกายแสงสีเหลืองทองอร่ามระยิบระยับ พร้อมด้วยวังวนของกระแสลมและน้ำที่ห้อมล้อมร่ายกายเธออยู่เป็นระลอกๆ มือและเท้าทั้ง 2 ข้างรวมไปถึงเรือนผมที่ยาวสลวยของเธอนั้นตอนนี้ถูกปกคลุมเต็มด้วยเปลวเพลิงสีแดงฉานที่กำลังลุกโชติช่วงชัชวาล

อัคคามิฬ เมื่อเห็นเช่นนั้นจึงคิดว่าแบบนี้ไม่ดีแน่ เพราะเขาสัมผัสถึงระดับพลังเวทของ เลน่าในตอนนี้ได้มันต่างกับเขาอย่างสุดขั้ว เขาต้องคิดหาทางทำอะไรสักอย่างกับพันธนาการแรงดึงดูดที่ตรึงขาของเขาอยู่ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเริ่มคิดอะไร อยู่ๆเขาก็รู้สึกเหมือนโดนซัดเข้าที่ใบหน้าอย่างจังจนเขาลอยกระเด็นแต่ยังไม่ทันที่ร่างของเขาจะตกกระทบพื้นเขาก็ต้องรู้สึกเหมือนโดนเตะงัดเข้าที่กลางหลังอย่างแรงทำให้ร่างของเขาลอยขึ้นเหนือพื้นอีกครั้งก่อนจะรู้สึกเหมือนโดนตอกด้วยส้นเท้าที่กลางหน้าท้องจนหลังกระแทกกับพื้นลานจอดยานขนส่งที่แข็งยิ่งกว่าคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างแรงจนเกิดเป็นรอยแตกร้าวทำให้เขากระอักเลือดออกมาทันที

“อะ!…อะไรกัน!?”

เขาพยายามที่จะยันตัวลุกขึ้นแต่ก็ทำได้แค่ชันเข่าเท่านั้นพลางมองไปที่ เลน่า แต่ว่าเธอไม่ได้ขยับออกจากจุดที่เธอยืนอยู่เลยแม้แต่เซ็นเดียว เหล่าผู้ชมต่างพาเงียบสนิทมีแต่เสียงคลื่นและสายลมที่ซัดสาดเข้ากับตัวเรือเท่านั้น ก่อนจะพากันดูภาพ Replay ที่บันทึกเอาไว้จากกล้องที่ใช้ถ่ายกระสุนปืนด้วยความเร็วในระดับต่ำสุดๆ และความจริงทั้งหมดก็เฉลยออกมาโดยภาพที่ Replay อยู่นั้นแสดงให้เห็นว่าร่างกายของ เลน่า นั้นขยับออกไปด้วยความเร็วสูงมากจนเกิดเป็นร่างซ้อนขึ้นมา ขนาดกล้องยังจับร่างซ้อนนั้นได้เป็นแค่โครงร่างเลือนลางเท่านั้น แถมเธอไม่ได้เคลื่อนที่ออกจากจุดที่เธอยืนอยู่เลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ร่างซ้อนของเธอกำลังทำท่าเหมือนต่อยและเตะลมอยู่กับที่เท่านั้น โดยมีร่างของ อัคคามิฬ ที่อยู่ห่างจากตัวเธอประมาณ 10 เมตรเห็นจะได้ และกำลังลอยตกสู่พื้นอย่างช้าๆก่อนจะถูกซัดให้ลอยขึ้นไปอีกครั้งและจบด้วยการตกกระทบพื้นจนร้าวเพียงแค่นั้นเอง

อัคคามิฬ ฝืนตัวเองลุกขึ้นมาจนได้และพยายามรักษาระยะห่างของเขากับเธอให้ห่างกันมากที่สุด จนใครๆก็คิดว่า นี่แหละคือวิธีที่ดีที่สุด แต่ทว่าถึงเขาจะทิ้งระยะห่างของเขากับเธอมากแค่ไหนก็ไม่วายโดนซัดเข้าที่ก้านคออย่างแรงจนเกือบทำให้เขาวูบไปซึ่งนั่นทำให้เขาหยุดชะงักเล็กน้อย และทันใดนั้นลูกถีบที่ไร้ตัวตนก็กระหน่ำเข้าใส่ไปทั่วทั้งตัวของเขา เสียงจากการโจมตีนับครั้งไม่ถ้วนดังสนั่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ระยะโจมตี 15 เมตร! ไม่สิ… มากกว่านั้น”

ปักษาหนุ่มถึงกับอุทานออกมา ส่วนองค์หญิงรุซุนะก็ได้แต่นั่งเงียบเหมือนเป่าสาก พลางดูองครักษ์มือหนึ่งของตนถูกซัดอยู่ฝ่ายเดียว ส่วนเลียนน่าเองก็พยายามฝืนตัวเองบังคับยันต์เขตแดนคุ้มภัยให้เสถียรมากที่สุด แต่ทว่าระดับพลังเวทของคนที่อยู่ข้างในนั้นมันมีมากเกินไปจนเขตแดนเริ่มมีรอยปริขึ้นมาในบางจุด เธอจึงตัดสินใจนำแผ่นยันต์เปล่าอีก 8 แผ่นออกมาและควบคุมมันให้ลอยอยู่กลางอากาศตรงหน้าเธอก่อนจะกัดปลายนิ้วชี้ของตัวเอง และนั้นใช้เลือดจากปลายนิ้วเขียนเป็นตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นใส่แผ่นยันต์ทั้ง 8 นั่นก่อนจะท่องมนตร์ด้วยน้ำเสียงฉะฉาน

“ด้วยอักขระโลหิตแห่งข้า ขออันเชิญมหาเทพ 8 ทิศ อุดร ประจิม บูรพา ทักษิณ พายัพ อีสาน หรดี อาคเนย์ จงมาสถิตย์ ณ แผ่นยันต์ทั้ง 8 นี้ จงกลายเป็นเกราะมนตราคุ้มภัยอันแข็งแกร่งไร้ผู้ต้าน จงไป! อภิมหาเขตแดนคุ้มภัย ยันต์มหาเทพอวยชัย 8 ทิศ!”

เขตแดนคุ้มภัยของเดิมถูกทำให้หายไปและถูกแทนที่ด้วยเขตแดนอันใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิมหลายเท่า แต่ดูเหมือนว่าการทดสอบครั้งนี้จะรู้ผลตั้งแต่ก่อนที่เขตแดนอันใหม่จะถูกสร้างขึ้นเสียอีก เพราะสภาพของ อัคคามิฬ ในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนที่ใกล้ตายเต็มที เขาทรุดฮวบลงไปนอนสลบเหมือดไร้ซึ่งปฎิกิริยาตอบสนองใดๆทั้งสิ้น ส่วน เลน่า เพื่อความมั่นใจเธอจึงยังไม่ปลดเวทผนึกธาตุออกจากร่าง เธอยังคงยืนอยู่ ณ จุดเดิมของเธอพลางมองร่างของ อัคคามิฬ ที่ชักกระตุกนิดๆ และเริ่มชักรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นสั่นอย่างกับจ้าวเข้า สัญลักษณ์ที่ดูเหมือนกับรอยสักมหาอุตม์ก็ค่อยๆเรืองแสงขึ้นตั้งแต่หลังมือและลามไปทั่วทั้งตัวและทันใดนั้นเปลวเพลิงสีดำทมิฬก็ค่อยๆปลกคลุมไปทั้วทั้งร่าง เขาค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นมาอย่างช้าๆและยังคงสั่นเหมือนจ้าวเข้าอยู่พลางยืนหลังค่อมเหมือนกับคนแก่ๆ ตาจากที่เคยเป็นสีดำนั้นตอนนี้กลายเป็นสีแดงสว่างอยู่ท่ามกลางกลุ่มเปลวเพลิงสีดำนั่น

“ระดับพลังเวทของเขาค่อยๆเพิ่มมากขึ้น อะไรกันเนี่ย!?”

เลน่า จ้องมองร่างที่ดูแปลกไปของ อัคคามิฬ ไม่กระพริบ แต่เธอก็ประมาทไม่ได้กับระดับพลังเวทของเขาที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนน่ากลัว เธอลองซัดหมัดไร้ตัวตนไปที่เขาอีกครั้ง มันถูกปัดออกอย่างง่ายดายด้วยการสะบัดแขนของเขาเพียงนิดเดียวเท่านั้น และเมื่อเธอลองดูอีกครั้งปรากฏว่าร่างของ อัคคามิฬ หายไปก่อนที่หมัดไร้ตัวตนจะถึงตัว และมาปรากฏตรงหน้าเธอพร้อมกับง้างหมัดเอาไว้รอ ก่อนจะซัดหมัดขวาตรงเข้าที่กลางหน้าท้องของเธออย่างแรงเปลวเพลิงสีดำถูกปล่อยออกมาตามด้วยกระแสลมที่แผ่กระจายปะทะเข้าหน้าของเหล่าผู้ชม จนทำให้หมวกของทหารบางนายปลิ้วหายไป

เลน่า ทรุดพลางสำลักเอามือกุมท้องของตัวเอง แต่จังหวะที่เข่าของเธอกำลังจะถึงพิ้น หน้าแข้งของ อัคคามิฬ ก็ฟาดเข้าที่ก้านคอของเธออีกครั้ง คราวนี้ เลน่า เป็นฝ่ายกระเด็นไปบ้างแต่ อัคคามิฬ ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยเขาพุ่งตัวตามการกระเด็นของเธอไปก่อนจะซัดหมัดกดเข้าที่ใบหน้าของเธอจนตัวเธอหมุนคว้างไปในอากาศก่อนที่จะตกถึงพื้น และไถลไปไกลหลายเมตร บรรยากาศกลับมาเงียบกริบอีกครั้ง “นี่มันอะไรกันวะ!?” ผู้ชมคิดเหมือนกันหมดยกเว้นครอบครัวของ เลน่า และปักษาหนุ่ม

“กะ…เกิดอะไรขึ้น! รอยสักแปลกๆบนตัวของ อัคคามิฬ มันคืออะไรกัน!?”

“…”

ปักษาหนุ่มตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนต้องอุทานขึ้นมาอีกครั้ง แม้แต่องค์หญิงรุซุนะที่ในตอนแรกนั้นยังนั่งชมการทดสอบนี้อย่างสบายอกสบายใจอยู่เลยแต่ตอนนี้กลับมีท่าทีร้อนรน และตัวเธอเองก็เริ่มสั่นขึ้นมาเช่นกัน เพราะไม่คาดคิดว่าพลังแฝงของอัคคามิฬ จะตื่นขึ้นในตอนนี้ ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปมีหวัง เลน่า ต้องตายแน่ๆ จึงหันไปมอง องครักษ์ทั้ง 2 พลางเอ่ยปากออกคำสั่งเสียงดัง

“ทั้ง 2 คน! ยุติการทดสอบครั้งนี้ซะ! ชั้นไม่อยากให้มีใครตาย”

“พะ…พะย่ะค่ะ / พะ…เพคะ”

ซึ่งในระหว่างนั้น อัคคามิฬ ก็กำลังประเคนทั้งหมัดทั้งเท้าซัดใส่ร่างที่ไร้สติของ เลน่า เล่นอย่างเมามันส์ เธอถูกจับเหวี่ยงไปกระแทกกับทางโน่นทีทางนี้ทีเหมือนลูกพินบอล บาดแผลตามร่างกายยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนทำให้พื้นในเขตการทดสอบเต็มไปด้วยคราบเลือดของ เลน่า และไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปช่วยเพราะกลัวโดนลูกหลง นีน่า เองก็อยากจะเข้าไปช่วยน้องสาวของตนแต่ก็ถูกผู้เป็นแม่ห้ามเอาไว้

 

“ทะ…ทำไมล่ะคะแม่! ถ้าขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้ เลน่า อาจจะตายก็ได้นะ!”

“นี่เป็นความตั้งใจของ เลน่า นะจ๊ะ ลูกจะเข้าไปขัดขวางความตั้งใจของน้องอย่างงั้นเหรอ?”

“ตะ…แต่ว่า!”

“ขอให้ลูกจงเชื่อมั่นในตัวน้องเถอะนะจ๊ะ”

นีน่าถึงกับเข่าทรุด มองร่างที่นอนจมกองเลือดของน้องสาวตัวเอง

“แบบนี้ยังจะให้อยู่เฉยๆได้อีกเหรอ!?”

เธอไม่สนใจอะไรอีกแล้วแม้แต่คำพูดของแม่ตัวเอง เธอถีบตัวเองออกจากจุดนั้นและพุ่งเข้าหา อัคคามิฬ ที่กำลังยืนนิ่งๆพลางจ้องมองร่างจนกองเลือดนั่นทันที แต่ยังไม่ทันที่เธอจะก้าวข้ามเขตแดน เสียงหนึ่งก็ตะโกนขึ้นมา

“อย่าเข้ามานะ! ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามเข้ามาขัดขวางการทดสอบของชั้นทั้งนั้น!”

เลน่า ค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเลเสื้อผ้าขาดหลุดรุ่ย รอยยิ้มค่อยๆปรากฏบนใบหน้าของเธอ สร้างความตื่นตะลึงให้กับเหล่าผู้ชมกันอย่างท้วนหน้า ไม่น่าเชื่อว่าเธอโดน อัคคามิฬ ผู้คลุ้มคลั่งซัดไปหลายต่อหลายดอกถ้าเป็นคนธรรมดาป่านนี้คงลาโลกไปนานแล้ว แต่นี่เธอกลับยืนขึ้นมาได้อีกครั้งแถมยังยิ้มให้เขาอีกด้วย

“ดีนะที่ได้พลังจากธาตุดินป้องกันเอาไว้ ร้ายกาจไม่ใช่เล่นเลย ถึงจะควบคุมตัวเองไม่ได้ก็เถอะ แต่ให้มันมีขอบเขตกันบ้างสิ! ชั้นเองก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนกันนะ…”

เลน่า ยังคงทำเป็นพูดเล่นพูดหยอกพลางปาดเลือดออกจากริมฝีปากของเธอ อัคคามิฬ ไม่รอช้าเมื่อศัตรูอยู่ตรงหน้าก็พุ่งเข้าใส่ทันทีและรัวหมัดเข้าใส่เธอไม่ยั้ง ซึ่งน่าแปลกที่เธอสามารถหลบมันได้ทุกหมัดแถมลีลาในการหลบยังพลิ้วไหวดุจสายน้ำอีกด้วย ซึ่งทำให้ เลียนน่า และ ปักษาหนุ่ม ที่กำลังจะเข้ามาช่วยได้แต่อึ้งกิมกี่ก่อนจะถอยออกไป

“รวดเร็วดุจสายลม แข็งแกร่งดุจหินผา นิ่มนวลดุจธารา ทรงพลังดุจเปลวเพลิง นี่คือคุณสมบัติของ ผนึกธาตุ หลอมรวมจิต สถิตย์สู่กายา ของเธออย่างนั้นสินะ?”

องค์หญิงรุซุนะคิดไปพลางตั้งอกตั้งใจดูการทดสอบไปพลาง และเมื่อ อัคคามิฬ เริ่มหมดเรี่ยวหมดแรงหลังจากซัดหมัดจำนวนมากใส่ลมก็ต้องหยุดชะงักลง เลน่า ถือโอกาสตีตัวออกห่างจากเขาทันที พลางกล่าวบทอัญเชิญอะไรบางอย่างที่เหมือนกับพี่สาวของเธอเปี๊ยบ

“ด้วยพันธะสัญญาแห่งโมดูล จงมาศาสตราแห่งข้า!”

ทันใดนั้นที่มือและเท้าของ เลน่า ก็เปล่งแสงสีขาวขึ้นก่อนจะกลายเป็นสนับมือและรองเท้าที่ทำจากทองคำขาวอันงดงาม แต่นั่นก็ทำให้คนดูพากันฮือฮากันยกใหญ่ไม่ใช่เรื่องศาสตราวุธของเธอ แต่เป็นความแปลกใจ เนื่องจากการทดสอบตั้งแต่เริ่มที่เธอสู้กับ อัคคามิฬ เธอสู้ด้วยมือเปล่ามาตลอดเลยงั้นเหรอ? เลียนน่า เอามือกุมที่หน้าอกของตัวเองเนื่องจากระดับพลังเวทอันมหาศาลของทั้งคู่ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอต้องเค้นพลังเวทในตัวออกมาเกือบหมดเพื่อควบคุมไม่ให้เขตแดนของเธอต้องแตกเป็นเสี่ยงๆ อัคคามิฬในร่างที่ขาดสติพุ่งเข้าจู่โจมใส่เลน่าอย่างต่อเนื่อง เธอหลบการโจมตีเหล่านั้นพร้อมกับพึมพำอะไรบางอย่างไปด้วย

“หัตถ์ซ้ายเบิกทวาราศักดิ์สิทธิ์ อัญเชิญฉรธาตุทั้ง 6 แสงสว่าง ความมืด สายฟ้า น้ำแข็ง ไม้ โลหะ หัตถ์ขวาเบิกทวาราศักดิ์สิทธิ์ อัญเชิญฉรธาตุทั้ง 6 แสงสว่าง ความมืด สายฟ้า น้ำแข็ง ไม้ โลหะ ซ้ายขวาบีบอัดสู่ศูนย์กลาง ผนึกธาตุ หลอมรวมจิต สถิตย์สู่กายา! จำแลงร่างนฤคเทพขั้นสมบูรณ์!”

ร่างของ เลน่า เปล่าแสงอีกครั้งคราวนี้เรือนผมของเธอรวมไปถึงมือและเท้าที่ลุกไปด้วยเปลวไฟหายไปพร้อมกับวังวนสายลมและน้ำ แต่กลายเป็นร่างทั้งร่างของเธอถูกห่อหุ้มไปด้วยออร่าสีทองอร่ามแทน แววตาเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน อัคคามิฬ ในร่างเปลวเพลิงทมิฬก็ดูท่าจะหวั่นๆไปเหมือนกัน เลียนน่า คราวนี้ถึงขั้นกระอักเลือดทันที เพราะระดับพลังเวทของ เลน่า เพิ่มขึ้นไปอีกจนเขตแดนก็ดูท่าจะเอาไม่อยู่เหมือนกันมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆทันที เมื่อไร้ซึ่งเขตแดนเหล่าคนดูก็รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลของระดับพลังเวทที่เพิ่มมากขึ้นจนรู้สึกอึดอัด ปักษาหนุ่มรีบเข้ามาดูอาการของมิโกะสาว

“เป็นอะไรมากไหม?”

“มะ…ไม่ไหวค่ะ~ ระดับพลังเวทของทั้ง 2 คน มันมีมากจนเกินไป ต้องขออภัยด้วยค่ะคุณเดฟ”

“ไม่เป็นไร เธอเองก็พยายามอย่างเต็มที่แล้วล่ะ ตรงนี้ปล่อยเป็นหน้าที่ของผมเอง ส่วนคุณก็ไปพักผ่อนก่อนเถอะ”

เลียนน่า ปลีกตัวเองออกไปตามคำสั่งของปักษาหนุ่ม ก่อนที่เขาจะบอกให้ทุกคนระวังลูกหลงที่จะเกิดขึ้นด้วย เนื่องจากไม่มีอะไรคอยกันให้แล้ว ซึ่งทุกคนเองก็ต่างพากันถอยออกมาให้ห่างจากทั้งคู่มากที่สุด ซึ่งในตอนนี้ทั้งคู่ต่างจ้องมองกัน ดูท่าทีด้วยความสงบนิ่งไม่เคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น ก่อนที่ อัคคามิฬ จะเปิดฉากคลุกวงในของ เลน่า เขาซัดหมัดที่ปลกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงสีดำทมิฬใส่ เลน่า อย่างจังแต่ปรากฏว่าพลาด ทั้งๆที่หมัดของเขาซัดโดนเธอเข้าเต็มๆแต่มันกลับทะลุผ่านตัวเธอออกไป

“เสียใจด้วยนะ นายไม่มีทางโจมตีโดนชั้นในตอนนี้ได้หรอก~”

ด้วยเวทมนตร์สถิตย์ธาตุขั้นสุดยอดของเธอทำให้การโจมตีของเขาทะลุผ่านร่างของเธอไป อัคคามิฬ รีบถีบตัวออกห่างจากเธอทันที และถอยไปตั้งหลักก่อนจะค่อยๆรวบรวมเปลวเพลิงสีดำทั้งหมดเอาไว้ที่หมัดขวา ความกดดันที่ส่งผลต่อคนดูเพิ่มมากขึ้นไปอีก บรรยากาศรอบๆตัว อัคคามิฬ เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง กลุ่มก้อนเมฆบริเวณนั้นเริ่มก่อตัวขึ้นและค่อยๆมืดลงเรื่อยเหมือนกับจะเกิดพายุ ทันใดนั้นเขาก็ซัดหมัดที่อัดแน่นไปด้วยพลังเวทเพลิงทมิฬออกไปเป็นคลื่นสีดำทมิฬ พื้นที่อยู่ใต้คลื่นนั้นแตกออกไปเป็นทางไปตลอดแนว เลน่า แสยะยิ้มเล็กน้อยก่อนจะซัดหมัดไร้ตัวตนสวนคลื่นเพลิงทมิฬนั่น

“ทวาราศักดิ์สิทธิ์ พายุหเขี้ยวไร้ลักษณ์ เทพมังกรคำราม!!

คลื่นทมิฬถูกแยกออกเป็น 2 ส่วนและผ่านร่างของเธอไป แต่ทว่าหมัดที่เธอปล่อยออกไปนั้นยังคงอยู่และปะทะเข้ากับร่างของ อัคคามิฬ เต็มๆ เสียงดังสนั่นพร้อมกับแสงสว่างจ้าบาดตาเกิดขึ้นอีกทั้งแรงสั่นสะเทือนของบรรยากาศที่สั่นไหวอย่างรุนแรงและแปรปรวน

เมื่อทุกอย่างจบลง ภาพที่ทุกคนเห็นอยู่ตรงหน้าคือร่างของ อัคคามิฬ ที่ตอนนี้รอยสักเรืองแสงและเปลวไฟสีดำได้หายไปหมดแล้ว กำลังนอนสลบแผ่สองสลึงเสื้อผ้าขาดหลุดรุ่ยบาดแผลเต็มไปหมดทั้งร่างกาย และคนที่ยืนอยู่นั่นก็คือเลน่า แต่เธอเองก็ถึงขีดจำกัดของร่างกายเหมือนกันเพราะฝืนเค้นเอาพลังออกมาจนหมด เธอทรุดฮวบลงกับพื้นร่างกายค่อยๆกลับมาเป็นเหมือนเดิม บาดแผลเต็มตัวไม่แพ้ อัคคามิฬ เช่นกัน นีน่า และครอบครัว ต่างพากันเข้าไปประคองร่างของ เลน่า ที่อิดโรยแสดงถึงความอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด หน่วยแพทย์สนามรีบออกมาดูอาการของทั้งคู่ทันที พลางส่งสัญญาณให้กับทุกคนรู้ว่าทั้งคู่ปลอดภัย และตอนนั้นเองปักษาหนุ่มก็ออกมาประกาศผลการทดสอบเสียงสั่น

“ผะ…ผลการทดสอบ ละ…เลน่า ฟอลเรน ลอสโอริเทียร์ เธอผ่านการทดสอบ และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นองครักษ์ของราชบุตรีลำดับที่ 7 อย่างสมเกียรติและภาคภูมิ ขอแสดงความยินดีด้วย!!”

ทุกคนต่างพากับปรบมือให้กับ เลน่า ซึ่งทำให้ นีน่า ที่กำลังประคองร่างของน้องสาวตนเองอยู่นั้นน้ำตาไหลและหยดลงบนใบหน้าของเธอ ส่วน อัคคามิฬ นั้นก็ยังคงไม่ได้สติจนหน่วยแพทย์สนามต้องหามเขาขึ้นเปลและรีบพาเขาออกไปจากจุดนั้นทันที

“ชะ…ชั้นผ่านการทดสอบแล้วใช่ไหม~? พี่~”

“ชะ…ใช่เธอเก่งมากเลยล่ะ”

เลน่า เอื้อมมือมาปาดคลาบน้ำตาให้พี่สาวของตน พร้อมกับยิ้มให้ทุกคนเล็กน้อย

“ดะ…ดี~ จัง~ เลย~”

เลน่าสลบไปด้วยความเหนื่อยล้า หน่วยแพทย์สนามรีบรุดเข้ามาหาเธอทันทีและหามตัวเธอตาม อัคคามิฬ ไปเช่นกัน องค์หญิงรุซุนะและปักษาหนุ่มตรงเข้ามาหา นีน่า และยื่นมือมาจับบ่าของเธอเบาๆ ก่อนจะเดินจากไป เหล่าคนดูต่างพากันแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ทุกคนต่างก็พูดคุยเรื่องการทดสอบเมื่อครู่นี้กันอย่างออกรส และก่อนที่ นีน่า จะรู้สึกตัวเธอก็ต้องพบว่าคนในทีมที่บุกอาณาจักรอสูรมาด้วยอย่างเช่น ดร.ไอแซค, คอนสแตนติน และ วิกเตอร์ รวมไปถึง 3 สาว Android ก็ไม่มาดูการทดสอบในครั้งนี้ด้วย เธอจึงขอแยกตัวจากแม่และน้องชายออกไป และในระหว่างทางเธอก็พบเข้ากับ วิกเตอร์ ที่เดินถือคลิบบอร์คพลางดูบึกกระดาษจำนวนมากนั่นโดยไม่มองทางเดินเลยสักนิด

“ไง วิกเตอร์ ทำไมนายไม่ไปดูการทดสอบของ เลน่า ล่ะ?”

“ขอโทษนะ พอดีฉันมีงานวิจัยด่วนเข้ามาน่ะ”

“งานวิจัย? วิจัยอะไร?”

“อืม… พอดี ดร.ไอแซค เขาไปแอบเก็บตัวอย่างแร่ที่ชั้นเคยบอกกับเธอตอนที่อยู่อาณาจักรอสูรมาได้น่ะ ก็เลยนั่งค้นคว้ากันทั้งคืน เออใช่! เธอมาก็ดี ช่วยมาด้วยกันกับชั้นหน่อยสิ”

นีน่า เดินตาม วิกเตอร์ ไปอย่างว่าง่ายเธอเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า ไอ้แร่ที่ว่านั่นมันจะวิเศษวิโสยังไง และเมื่อเธอเดินตามเขาไปถึงห้องวิจัยเฉพาะกิจ ภายในห้องนั้นมีเครื่องมือขนาดย่อมๆอยู่มากมายแต่ไม่ครบครันเหมือนกับที่ศูนย์วิจัย แต่ที่เธอสะดุดตาก็คือโครงสร้างโลหะที่เหมือนกระดูกคน 3 โครงที่นอนอยู่บนแท่นที่อยู่กลางห้อง โดยมีโครงสร้างหนังสังเคราะห์ 2 ชุด และโครงสร้างเรซิ่นสังเคราะห์อีก 1 ชุด ที่อยู่ในหลอดแก้วเหมือนกับในศูนย์วิจัย เธอลองมองดูสิ่งที่อยู่ในหลอดแก้วนั่นดีๆ ก็ต้องตกใจจนเผลออุทานออกมาเสียงหลงเพราะมันคือ โครงภายนอกของ Android 3 สาวนั่นเอง…


-= Lesson 9 End =-

-= To Be Continue Lesson 10 =-

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา