~S.O.M.A~ [Solitaire of The Magician Age]

8.3

เขียนโดย Daimaou_no_Sora

วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 22.46 น.

  12 Lesson
  28 วิจารณ์
  21.37K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) อาณาจักรอสูร Shina Dark! [ตอนจบ]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

-= ~S.O.M.A~ [Solitaire of The Magician Age] - The Chronicle of Zodas =-

 

http://www.keedkean.com

 

-= ~โซมะ~ [เพชรเม็ดเดียวแห่งยุคจอมเวท] - บทบันทึกแห่งโซดาส =-

 

 -= Lesson 8 : อาณาจักรอสูร Shina Dark! [ตอนจบ] =-

 

เช้าของวันถัดมา หลังจากที่พวกเขาเก็บสัมภาระเสร็จเรียบร้อย ทุกคนก็ออกเดินทางกันต่อ โดยในระหว่างการเดินทางนั้นนีน่าก็ครุ่นคิดถึงเรื่องที่เธอฝันเมื่อคืน วิกเตอร์เหลือบมาเห็นสีหน้าซีเรียสของเธอ จึงเอ่ยปากถามขึ้น

“มีอะไรอย่างงั้นเหรอ?”

“มะ… ไม่มีอะไรนิ”

นีน่าพยายามหันหน้าหนีไปทางอื่น ส่วนวิกเตอร์เองก็ไม่มีเวลามานั่งซักไซ้ไล่เรียงอะไรมากมายนัก เพราะพวกเขาต้องไปถึงจุดหมายให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะทำภารกิจให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ และพาทุกคนกลับบ้านอย่างปลอดภัย อีกประมาณ 70 กิโลเมตรก็จะถึงจุดหมาย แต่พวกเขาก็ต้องผ่านป่ารกชื้นบรรยากาศอึมครึมชวนขนหัวลุก เพราะในป่าแห่งนี้นั้นแสงอาทิตย์ไม่สามารถสาดส่องเข้ามาได้เนื่องจากต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นเป็นจำนวนมากที่สูงตระหง่านเสียจนมองไม่เห็นยอดไม้แถมกิ่งก้านของต้นไม้เหล่านั้นยังประสานกันจนกลายเป็นม่านสีเขียวเข้มทึบเปรียบดั่งหลังคาบ้านที่ทำจากใบไม้ก็มิปาน

แถมยังเสียงร้องจากสัตว์ป่านานาชนิดที่พวกเขาไม่เคยพบเจอที่แข่งกันร้องข่มขวัญผู้ที่ล่วงล้ำอาณาเขตของมันเข้ามาอีก และอยู่ๆวิกเตอร์ก็ต้องเบรคกระทันหันจนเกือบทำให้คอนสแตนตินหน้าทิ่ม และสิ่งที่ทำให้วิกเตอร์ต้องทำอย่างนั้นก็คือ ฝูง เพนเทอร่า พาร์ดัส จำนวนมากที่เดินตัดหน้ายานของเขา พวกมันมีลักษณะคล้ายคลึงกับเสือเขี้ยวดาบแต่ลำตัวจะมีสีดำเงางาม มีขาหน้า 4 ขา และหลัง 2 ขา โดยที่ขาแต่ละข้างนั้นจะมีกรงเล็บสีเงินประกายรุ้งที่แหลมคม จนน่าจะสามารถตัดโลหะแข็งๆได้ในคราเดียว แต่ที่น่าแปลกก็คือพวกมันมีดวงตา 2 คู่ และดุร้าย

“ทุกคนเงียบไว้นะ มันมีประสาทสัมผัสที่ไวมาก”

วิกเตอร์พูดกระซิบผ่านอุปกรณ์สื่อสารให้ทุกคนรับรู้ แต่ถึงเขาไม่บอกก็ไม่มีใครคิดจะส่งเสียงอยู่แล้ว นี่ถ้าสามารถกลั้นหายใจได้เป็นเวลานานๆล่ะก็คงทำไปนานแล้วล่ะ แต่ผิดกับ ดร.ไอแซค ที่ใช้ประโยขน์จากระบบทางเดินหายใจของกบที่หายใจทางผิวหนังเรื่องนั้นจึงสบายมากสำหรับเขา และในที่สุด เพนเทอร่า พาร์ดัส ตัวสุดท้ายก็เดินผ่านไป วิกเตอร์ค่อยๆเร่งเครื่องอย่างช้าๆ จนในที่สุดพวกเขาก็หลุดออกมาจากป่ารกชื้นนั่นได้สำเร็จ แต่ก็ต้องมาเจอกับลานหินกว้างขนาดเท่ากับสนามฟุตบอลแห่งหนึ่ง ที่มีก้อนหินสีขาวโพลนเล็กๆอยู่เต็มไปหมด และฝั่งตรงข้ามของลานหินนี่ก็คือจุดหมายที่พวกเขาต้องไป แต่วิกเตอร์ก็ยังคงไม่ขยับยานของเขาไปไหนทั้งสิ้น

“ทำไมล่ะ? รีบไปต่อสิ แท่งผลึกนั่นอยู่ตรงหน้าเองนะ”

“ไม่ได้หรอก… มันเป็นทางตันน่ะ”

“ทางตัน!? นี่นายตาบอดรึเปล่า? ชั้นไม่เห็นว่ามันจะตันตรงไหน มีแต่ลานหินกว้างๆเท่านั้นเอง”

“คอยดูให้ดีนะ… เอ่อ… ผู้พันครับ!”

คอนสแตนตินที่กำลังนั่งมองลานหินกว้างนั่นอยู่ ก็หันมามองวิกเตอร์พร้อมแสดงท่าทีสงสัยนิดๆ ก่อนจะเอ่ยปากถามเขากลับ

“มีอะไรอย่างงั้นหรือครับ?”

“คุณช่วยหยิบก้อนหินที่อยู่แถวๆนั้นแล้วโยนเข้าไปในลานหินตรงหน้านั่นให้ทีสิครับ”

คอนสแตนตินทำตามที่วิกเตอร์บอก เขาหยิบก้อนหินเล็กๆแถวยานขึ้นมาแล้วโยนมันเข้าไปในลานหิน ปรากฎว่าก้อนหินนั่นยังไม่ทันที่จะตกถึงพื้น แท่งปลายเรียวแหลมสีแดงจำนวนมากก็พุ่งขึ้นมา และพุ่งแทงขึ้นมาเรื่อยไล่จากจุดที่ก้อนหินนั่นถูกโยนเข้าไป ไปจนสุดลานกว้าง นีน่าเห็นเช่นนั้นเป็นต้องกลืนน้ำลายลงคอเอือกใหญ่ วิกเตอร์หันมายิ้มให้นีน่าก่อนจะเอ่ยปากขึ้น

“ที่นี่เรียกว่า คริมสันเกรฟ เป็นลานที่พวกอสูรใช้สำหรับประหารชีวิตผู้ที่ทรยศหรือหมดประโยชน์สำหรับพวกมันแล้ว เพียงแค่ย่างเท้าเข้าไปแม้แต่มิลเดียวมีหวังได้พรุนเป็นรังผึ้งแน่”

“แล้วเราจะผ่านไปได้ยังไงล่ะ?”

“เราคงต้องอ้อมไปทางอื่นแล้วล่ะ”

“แต่เป้าหมายอยู่ตรงหน้าแล้วนะ นายจะเสียเวลาอ้อมไปทำไมกัน?”

“นี่เธอไม่เข้าใจรึ! เราฝ่าเข้าไปไม่ได้! จะมีก็แค่บินข้ามไปเท่านั้น!... เอ๊ะ! บินเหรอ? จริงด้วยสิ!”

วิกเตอร์ที่อยู่ๆก็เกิดความคิดดีๆขึ้นมา สิ่งที่เขาหลงลืมไป นั่นคือความสามารถของฟรีน่าที่สามารถทำให้ตัวเองลอยอยู่กลางอากาศได้ เขาแสยะยิ้มเล็กน้อยพลางมองไปที่ฟรีน่าที่อยู่ตรงหน้า

“คิดอะไรดีๆขึ้นมาได้แล้วอย่างงั้นสิ?”

“อืม... แต่เราต้องใช้ฟรีน่าช่วยอีกแรง”

วิกเตอร์เปิดฝาครอบกระจกออกและลงจากยานไป นีน่าเองก็ตามลงมาด้วย เขาไม่รอช้าเข้าไปหา Android สาวของเขาทันทีก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบว่า

“ฟรีน่า เปิดใช้ระบบ Wing of Eternal รหัสผ่านคือ วิ้น!”

“ยืนยันรหัสผ่าน ทำการเปลี่ยนรูปแบบ Wing of Eternal”

วิกเตอร์วาดมือของเขาเป็นวงกลม แต่คราวนี้มันใหญ่พอๆกับตัวของฟรีน่าและเมื่อประตูมิติสีดำถูกเปิดออก ฟรีน่าก็เดินเข้าไปในประตูมิตินั้นและโผล่ออกมาอีกด้านแต่รูปลักษณ์ของเธอเปลี่ยนไป จากแค่ Android ในชุดเมดธรรมดาๆแต่คราวนี้กลายเป็น Android เมดที่มีเกราะสีทองอร่ามสลับกับผลึกแก้วสีฟ้านวลติดตั้งอยู่ทั่วทั้งตัว และที่เด่นชัดที่สุดเห็นจะเป็นปีกสีทองที่มีแผงปีกส่วนหนึ่งเป็นผลึกสีฟ้านวลขนาดใหญ่ทั้ง 2 ข้างที่อยู่ด้านหลังนั่น และเมื่อทุกคนเห็นก็ต้องอ้าปากค้างกันยกใหญ่

“[อะไรจะขนาดนั้น!!]”

ทุกคนคิดเป็นแบบเดียวกันหมดไม่เว้นแม้แต่นีน่า

“เอาล่ะ เราจะให้ฟรีน่าทยอยพาทุกคนบินข้ามลานหินนี่ไป ใครจะเป็นคนไปก่อน?”

วิกเตอร์มองมาที่ทุกคนแต่ก็ไม่มีใครอาสาที่จะไปก่อน เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเก็บ อาชูร่า เข้าแคปซูล และไปยืนตรงหน้า Android ของเขา เพื่อแสดงให้ดูเป็นตัวอย่าง ฟรีน่า ค่อยๆลอยตัวขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับยื่นมือให้วิกเตอร์จับ ก่อนที่ปีกทั้ง 2 ข้างจะเปล่งแสงสีฟ้าออกมาตามด้วยกระแสลมจากปีกนั่น ทันใดนั้นทั้งคู่ก็ค่อยๆลอยขึ้นจากพื้นสู่อากาศ ฟรีน่าค่อยๆพาวิกเตอร์ข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามของลานหินกว้างนั่นและปล่อยเขาลงอย่างนิ่มนวล วิกเตอร์ทำท่าโบกไม้โบกมือเป็นเชิงว่า “ไม่เป็นอะไร ชิลๆน่า”

เมื่อทุกคนเห็นเช่นนั้นก็ยอมให้ฟรีน่าพาตัวเองบินข้ามลานหินกว้างไป แต่มีคนหนึ่งที่สบายสุดเห็นจะเป็น ดร.ไอแซค ที่ใช้แท่นลอยตัวของตัวเอง เขาลอยข้ามผ่านลานหินไปอย่างง่ายดาย จนเมื่อทุกคนข้ามมากันครบ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาคือ ทะเลสาบขนาดใหญ่และตรงกลางของทะเลสาบที่ว่านั่นมีแท่งผลึกอันที่ 4 ตั้งโดดเด่นอยู่บนเกาะเล็กๆนั่น และที่สำคัญในทะเลสาบแห่งนี้มี ฝูง เซอร์โรซัลโม่ ว่ายวนเวียนอยู่แถวเกาะนั่นอีกด้วย

เป็นหน้าที่ของฟรีน่าอีกเช่นเคยที่ต้องพานีน่าข้ามทะเลสาบไป เมื่อฟรีน่าบินมาถึงช่วงกลางทาง ก็มี เซอร์โรซัลโม่ ตัวเคื่องตัวหนึ่งกระโดดขึ้นมางับขาของนีน่าเอาไว้ทำให้ระเบิดอีกชุดที่นีน่าถืออยู่ในมือร่วงลงน้ำไปแต่โชคยังดีที่เธอสวมเกราะเอาไว้ด้วย ไม่อย่างงั้นขาของเธอคงขาดไปด้วยแล้ว มันพยายามสลัดและถ่วงตัวเองเพื่อให้นีน่าร่วงลงไปในน้ำพร้อมกับมัน

“อ่ะ! ระเบิด! แก! ปล่อยนะ! ไอ้ปลาอัปลักษณ์!”

นีน่าอัญเชิญศาตราของตนออกมา เปรี้ยง!!ๆๆ เธอยิงใส่ เซอร์โรซัลโม่ ที่งับขาเธออยู่ 2-3 นัด มันร่วงลงน้ำไปแต่ยังไม่จบเหล่า เซอร์โรซัลโม่ ตัวอื่นๆต่างพากันกระโดดขึ้นมาจากน้ำเพื่อไล่งับทั้งคู่ แต่ฟรีน่าไม่ปล่อยให้มันทำอะไรนีน่าได้เป็นครั้งที่ 2 เธอเพิ่มระดับเพดานบินของเธอให้สูงขึ้นไปอีก แต่นั่นก็ทำให้พวกเธอแลนด์ดิ้งลงบนเกาะนั่นไม่ได้ เพราะถ้าเธอแลนด์ดิ้งลงตอนนี้เท่ากับว่าเป็นการประเคนนีน่าให้ไปเป็นอาหารกับพวกมัน

คอนสแตนตินรีบใช้ Rage อีกครั้ง อัคคามิฬและวิกเตอร์ต่างใช้ปืน Gatling คอยยิงสกัด เซอร์โรซัลโม่ ที่กระโดดขึ้นมาแต่จำนวนของพวกมันมีเยอะเกินไป เอมมอนส์ ใช้ลำแสงจากฝ่ามือทั้ง 2 ของเธอคอยช่วยอีกแรง ส่วน เฟรย่า เองก็ใช้คมเขี้ยวสุญญากาศที่สร้างขึ้นซัดใส่พวกมันเรียงตัวอย่างแม่นยำ จำนวนของมันค่อยๆลดลงเรื่อยๆ จนทำให้ฟรีน่าสามารถปล่อยให้นีน่าลงพื้น เพื่อทำหน้าที่ในการติดตั้งระเบิดอีกชุดที่ยังเหลืออยู่ได้

 

ฟรีน่า หันมาใช้อาวุธที่วิกเตอร์ส่งผ่านประตูมิติมาให้คอยคุ้มกันนีน่าอีกแรง และเมื่อนีน่าติดตั้งระเบิดเป็นที่เรียบร้อยก็รีบวิ่งมายังจุดที่ฟรีน่าอยู่ทันที ฟรีน่าเองก็ไม่รอช้ารีบพานีน่าบินกลับเข้าฝั่งอย่างรวดเร็ว นีน่าเมื่อลงสู่พื้นก็ต้องทรุดฮวบลงกับพื้นพร้อมกับสบถออกมาเสียงดังลั่น

“เวรเอ้ย!! ไอ้ปลาบ้านั่น! มันทำระเบิดชุดหนึ่ง ของชั้นตกน้ำไป!”

“แบบนี้ก็แย่สิ! ถ้าเป็นแบบนี้เราก็ไม่สามารถทำลายผลึกแท่งที่ 5 ได้”

“ระ… เราไม่ได้เตรียมระเบิดสำรองมาเลยรึไงครับ ดร.!?”

“ถึงเตรียมมาก็ใช่ว่าจะใช้ได้ เพราะระเบิดทั้ง 5 ชุดถูกเชื่อมต่อเข้ากับแผงควบคุมของนีน่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และไม่สามารถตั้งค่าการควบคุมใหม่ได้อีกด้วย จึงมีวิธีแก้เพียงวิธีเดียวนั่นคือ ต้องติดตั้งระเบิดทั้ง 5 ชุดใหม่หมดเลยน่ะสิ”

“วะ…! ว่ายังไงนะครับ!? ติดตั้งใหม่หมดงั้นเหรอ! เราไม่มีเวลามากขนาดนั้นหรอก!”

อัคคามิฬถึงกับหน้าเสียทันทีเมื่อแผนการที่พวกเขาทำมาทั้งหมดไม่เป็นไปตามคาด ส่วนคอนสแตนตินนั้นได้แต่ยืนกอดอกพลางถอนหายใจปลงกับชะตาที่เกิดขึ้น ทันใดนั้นนีน่าก็ลุกพรวดขึ้นก่อนจะหันหลังกลับ วิกเตอร์รู้ว่าเธอกำลังจะกระโดดลงน้ำเพื่อไปเอาระเบิดชุดที่เธอทำตกน้ำไปกลับมาเขาจึงรีบรั้งตัวเธอเอาไว้ แต่เธอก็พยายามดิ้นแต่ก็สู้แรงของวิกเตอร์ไม่ได้

“ปล่อยชั้นนะ! วิกเตอร์!”

“นีน่า… นีน่า!! ถ้าเธอโดดลงไปตอนนี้ก็เท่ากับว่าเธอเอาชีวิตไปทิ้ง! คาสนอฟ มันยังไม่สมบูรณ์แบบจนถึงขั้นทนการกัดหลายๆครั้งของ เซอร์โรซัลโม่ ได้หรอกนะ ใจเย็นๆ ค่อยๆคิด! มันต้องมีทางออกสักทางนั่นแหละน่า!”

นีน่าเริ่มใจเย็นลงและไม่แสดงท่าทีขัดขืน วิกเตอร์เองเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ค่อยๆปล่อยมือจากแขนของเธอ นีน่าทรุดลงกับพื้นอีกครั้งพลางใช้มือค่อยๆกำหญ้าแห้งๆบนพื้นนั่นและกำมันไว้แน่น

“ตะ… แต่ชั้นต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป…”

“ยัยบ้าเอ้ย! เลิกนิสัยที่ชอบคิดว่าตัวเองต้องแบกรับภาระเอาไว้คนเดียวสักทีจะได้มั้ย!”

ขณะที่วิกเตอร์และคนอื่นๆกำลังใช้ความคิดกันอย่างเคร่งเครียดอยู่ๆ ดร.ไอแซค ก็ดูเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาบังคับแท่นลอยตัวเข้าไปใกล้ๆกับวิกเตอร์ ก่อนที่จะพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“วิกต์ เธอลืม Leviathan ไปแล้วรึ?”

“Leviathan... จริงด้วย! บนเรือลำนั้นมีไอ้นั่นอยู่ใช่ไหมครับ?”

วิกเตอร์รีบเปิดอุปกรณ์สื่อสารของเขาทันที เขาติดต่อไปยังเรือขนาดยักษ์ที่จอดรอพวกเขาอยู่ และห่างออกไปนอกชายฝั่งทะเลทางทิศตะวันตกประมาณ 550 ไมล์ทะเล (1,017.5 กิโลเมตร)

“ดร.วิกเตอร์ โนว่า ถึงกองเรือ Leviathan … ดร.วิกเตอร์ โนว่า ถึงกองเรือ Leviathan ถ้าได้ยินแล้วตอบด้วย!”

“นี่ พร.อ.กอโดเรส แม็กวาย มีอะไรก็ว่ามา ดร.”

“ท่านนายพล ผมอยากให้คุณใช้ I-Onic-Railgun ที่ติดตั้งอยู่บนเรือทำลายอะไรบางอย่างให้ผมหน่อย”

“ทำไม่ได้หรอก ดร. ปืนนั่นยังอยู่ในขั้นทดลอง เรายังไม่อยากเสี่ยงนำมันออกมาใช้ในตอนนี้ คุณพอจะมีตัวเลือกอื่นให้ผมบ้างไหม? ดร.”

“ไม่มี! ปืนนั่นจริงอยู่ที่มันยังอยู่ในขั้นทดลอง แต่ถ้าใช้พลังงานไฟฟ้าแค่ 25% ตัวปืนก็ยังพอทนแรงดันไฟฟ้าได้อยู่ ไม่มีเวลามากแล้วท่านนายพล ถ้าเกิดอะไรขึ้นผมขอรับผิดชอบเอง!! เพราะฉะนั้น ผมจะส่งพิกัดของเป้าหมายไปให้”

“แต่เกาะนั่นมีม่านมนตราคุ้มกันอยู่นะ ดร. กระสุนของ I-Onic-Railgun ที่ใช้พลังงานแค่ 25% ผมเกรงว่าจะสูญเปล่า”

“ผมจะทำลายผลึก 4 ชิ้นที่สร้างม่านมนตรานั่นให้ และเมื่อมันอ่อนกำลังลงคุณก็อาศัยจังหวะนั้น ทำลายผลึกอีกชิ้นที่เหลือซะ! เลิกการติดต่อ!!”

ในขณะที่วิกเตอร์กำลังสื่อสารกับท่านนายพล ดร.ไอแซค ก็นำยานกระสวยที่พวกเขาใช้ฝ่าเข้ามายังเกาะแห่งนี้ออกมาเพื่อเตรียมการหนี ซึ่งคนอื่นๆนั้นขึ้นยานนำไปก่อนแล้วเพื่อทำขั้นตอนการตรวจเช็คระบบต่างๆให้เรียบร้อย ส่วนนีน่ากำลังเซ็ตค่าเตรียมความพร้อมของระเบิด 4 ชุดที่เธอวางเอาไว้ก่อนจะขึ้นยานตามคนอื่นๆไป นีน่ากลับมาประจำที่นั่งคนขับอีกครั้ง วิกเตอร์เองก็เข้ามาประจำตำแหน่งคนนำทางเช่นเดิม นีน่ากดสวิตซ์สีส้มเรืองแสงหมายเลข 1 เพื่อเปิดระบบส่งพลังงานให้กับเครื่องยนต์ตัวแรก แต่ก่อนที่เธอจะออกยานเธอต้องสั่งให้ระเบิดทั้ง 4 ชุดระเบิดก่อน

เธอรวบรวมสมาธิจดจ่อกับระเบิดทั้งหมด ทันใดนั้นรัศมีประกายรุ้งสว่างจ้าก็แผ่กระจายออกมาจากแกนกลางของแท่งผลึกทั้ง 4 เป็นวงกว้างพร้อมๆกัน ก่อนที่มันจะค่อยๆหดตัวกลับเข้าไป ณ จุดเดิม ทันใดนั้นเสียงเหมือนกับเสียงดีดสายกีตาร์สั้นๆแต่ดังแทบแก้วหูแตกก็เกิดขึ้น ตามมาด้วยแสงสว่างจ้าบาดตา ตบท้ายด้วยการระเบิดที่รุนแรงจนทำให้เกาะทั้งเกาะถึงกับสั่นสะเทือน บรรดาสัตว์ป่านานาชนิดต่างพากันวิ่งตะเลิดออกมาจากแหล่งอาศัยของตนเป็นว่าเล่น รวมไปถึงสัตว์ปีกจำพวกนกดึกดำบรรพ์อย่าง สไปเลอนิส ชีล่า ที่ต่างบินว่อนไปทั่วท้องฟ้า และเมื่อแรงสั่นสะเทือนพร้อมกับแรงระเบิดหมดลง ก็ดูเหมือนว่าม่านมนตราที่คุ้มกันเกาะทั้งเกาะอยู่ก็ค่อยๆอ่อนกำลังลง

 

“ชาร์ตพลังงานจนถึงระดับที่กำหนดแล้วครับท่านนายพล!!”

 

ที่สะพานเดินเรือของเรือรบหลวง Leviathan นายทหารที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ควบคุมปืนที่ว่านั่นหันมาบอกกับท่านนายพลกอโดเรสที่นั่งกอดอกอยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่งที่อยู่ด้านหลัง

 

“ดีมาก!! นับถอยหลังก่อนยิง 3 วินาที”

 

“เป้าหมาย 1,370 กิโลเมตร ค่าความคลาดเคลื่อน 1.087% เริ่มนับถอยหลัง 3... 2... 1...!!”

“ยิงได้!!!”

ในจังหวะนั้นเอง ทางด้านนายพลกอโดเรสเมื่อเห็นว่าม่านพลังเริ่มปั่นป่วนเขาสั่งให้ยิง Railgun ทันที แสงสีฟ้าอมขาวที่ด้านข้างของกระบอกปืนยาว 15 เมตรนั่นเรืองแสงขึ้นก่อนจะมีแสงสีขาวสั้นๆพุ่งออกไปด้วยความเร็ว มัค 50 (50 เท่าของความเร็วเสียง) ในไม่กี่อึดใจกระสุนเรืองแสงนั่นก็พุ่งผ่านชั้นเกราะมนตราได้อย่างง่ายดายและกระทบกับแท่งผลึกที่ถูกฝังอยู่ในหิมะบนยอดเขาดาร์คฮอนอย่างแม่นยำ มันระเบิดและแตกออกเป็นเสี่ยงๆก่อนที่ม่านพลังจะหายไปจนหมด นีน่าเริ่มดันโยกช้าๆ ยานค่อยๆยกตัวขึ้นเหนือพื้น เธอบังคับยานฝ่าฝูง สไปเลอนิส ชีล่า จนมีหลายครั้งที่เธอเผลอชนพวกมันร่วงไปบ้างก็มี จนในที่สุดพวกเขาก็ฝ่าฝูงนกดึกดำบรรพ์ออกมาจนได้ ทุกคนต่างตะโกนโวกเวกด้วยความดีใจกันยกใหญ่โดยหารู้ไม่ว่าทั้งหมดที่พวกเขาเพิ่งทำลงไปนั้น เป็นจุดเริ่มต้นของความหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า

“หึหึ! ในที่สุดพันธนาการที่กักขังท่านราชาอสูร และเหล่าอสูรทั้งหลายก็ถูกทำลาย ต้องขอบใจเธอมากนะสาวน้อย หึหึ! ฮ่าๆๆๆๆ!”

ชายในชุดแดงนั่นยืนแหกปากหัวเราะร่าต่อหน้าแท่งผลึกสีม่วงที่ภายในนั้นมีปีศาจขนาดมหึมาตัวเดียวกันกับที่นีน่าเห็นในฝันไม่มีผิด มันกำลังหลับใหลและรอวันหวนคืนสู่โลกภายนอกอีกครั้ง

บนเรือ Leviathan ที่มีกองเรือทั้งน้อยใหญ่คุ้มกันอยู่โดยรอบ ซึ่งกำลังมุ่งหน้าสู่แผ่นดินไลลาริน หลังจากที่นำยานลงจอดบนดาดฟ้าของเรือเป็นที่เรียบร้อย ทั้งหมดก็ได้รับการต้อนรับเยี่ยงวีรบุรุษ และหลังจากทำภารกิจอันเหน็ดเหนื่อย นีน่าก็ต้องประหลาดใจเมื่อคนที่เธอพบเป็นคนแรกนั่นก็คือผู้ที่เป็น แม่ ของเธอนั่นเอง หล่อนนั้นมีลักษณะที่คล้ายกับนีน่ามากเหมือนเป็นคนๆเดียวกันถ้าไม่นับการแต่งกายที่ออกจะไปทางแนวแม่ศรีเรือนล่ะก็นะ ดวงตาของนีน่าเบิกกว้าง อาการเหนื่อยล้าหายเป็นปลิดทิ้งในทันที ก่อนที่เธอจะโผเข้าสวมกอดผู้เป็นแม่ ด้วยความคิดถึงอย่างสุดซึ้ง

“แม่คะ! แม่มาทำอะไรที่นี่?”

“ไม่ได้เจอกันตั้งเกือบ 4 ปี ลูกโตเป็นสาวขึ้นนะ”

“ของมันแน่อยู่แล้วล่ะค่ะ! ว่าแต่ว่าแม่จะบอกหนูได้หรือยัง? ว่าแม่มาทำอะไรที่นี่?”

“เอ่อ… เรื่องนั้นน่ะ…”

“พี่ค๊าาาา!”

ยังไม่ทันที่แม่ของนีน่าจะตอบคำถามเธอ อยู่ๆก็มีผู้หญิงผมทองอีกคนกระโจนเข้ากอดนีน่าเสียจนเธอล้มก้นจ้ำเบ้า

“ละ… เลน่า!?”

 

“คิดถึงพี่จังเลย”

ผู้หญิงผมทองอีกคนที่ว่านั่นมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับนีน่าราวกับแกะ ใช่แล้วเธอคือน้องสาวฝาแฝดของนีน่านั่นเอง ทุกอย่างบนเรือนร่างของเธอเหมือนกับนีน่าทุกอนู แต่จะแตกต่างกันตรงแนวการแต่งกายเท่านั้น เลน่า นั้นเธอมักจะสวมเสื้อเชิตแขนกุตบางๆและเอาชายเสื้อมาผูกเป็นปมเอาไว้เผยให้เห็นเสื้อในสีสันสดใสและส่วนของเนินอกผ่านใยผ้าบางๆนั่น ส่วนกางเกงนั้นเธอจะสวมเป็นกางเกงยีนขาสั้นเต่อรัดรูป และมีหมวกคาวบอยห้อยอยู่ด้านหลัง ส่วนรองเท้าจะเป็นรองเท้าบูทหนังกลับสีน้ำตาลอ่อนยาวเกือบถึงเข่า และมักจะชอบสวมถุงมือหนังแบบเปิดข้อนิ้วอยู่เสมอ ผิดกับนีน่าที่ชอบแต่งแนวโปร่ง โล่ง สบาย เธอสวมกอดกับนีน่าและคลอเคลียยังกับแมว


“ฮ่ะๆๆ พอได้แล้ว เลน่า พี่จั๊กกะจี้นะ ฮ่ะๆๆ”

เลน่าซุกไซร้ซอกคอของเธอไปมาพลางเอามือบีบหน้าอกของนีน่า และทันใดนั้นเธอก็ต้องอุทานออกมาดังลั่น พลางเอามือจับหน้าอกตัวเอง โดยไม่แคร์ต่อสายตาเหล่าทหารแถวๆนั้นเลยแม้แต่น้อย

“พี่หน้าอกใหญ่ขึ้นอีกแล้วนี่นา? โอ้ย!!”

ไม่ทันไรกำปั้นจากผู้เป็นแม่ก็เขกโป็กเข้าให้ที่กลางกระหม่อมของเธออย่างแรง เล่นเอาเลน่ามึนไปพักใหญ่ นีน่าเผลอหัวเราะออกมา เธอไม่เคยคิดว่าจะได้กลับมาเจอครอบครัวในสถานที่แบบนี้ แต่นีน่าก็สังเกตุเห็นว่ามีคนหนึ่งที่หายไปนั่นคือน้องชายของเธอ

“แม่คะ แล้ว เซโร่ ล่ะ?”

“เขาก็… ยืนอยู่ข้างหลังลูกตั้งนานแล้วไงล่ะจ๊ะ”

เมื่อนีน่าหันหลังมาก็เจอเข้าชายหนุ่มผมดำยุ่งเหยิงอายุประมาณ 22 ปี ที่กำลังยืนทำหน้าตาหน่ายโลกเหมือนกับวิกเตอร์ไม่มีผิด แต่เพียงว่าเขาไม่ได้สวมแว่นหนาเต๊อะเหมือนกับวิกเตอร์ และสีผิวก็ไม่ได้ซีดเผือกเหมือนกับวิกเตอร์ด้วย เขายืนนิ่งกึ่งหลับกึ่งตื่นในชุดนอนสีเขียวเข้ม ในปากคาบแปรงสีฟันเอาไว้ พลางเอามือเกาหัวแกร๊กๆ ก่อนจะเอ่ยปากพลางหาวกับนีน่าว่า

“อา… รุณสวัสดิ์… พี่นีน่า…”

“อรุณสวัสดิ์บ้าบออะไรกันยะ! นี่มันบ่าย 3 โมงแล้วนะ! โอ้ย!!”

เลน่าแว๊กใส่น้องชายของตนเป็นการใหญ่ ซึ่งเช่นเคยหมัดอรหันต์จากแม่ประเคนใส่กลางกระหม่อมของเธออีกครั้ง คราวนี้ เลน่า ถึงกับทรุดลงกับพื้นพลางเอามือบีบขมับร้อง ซี๊ดๆ น้ำตาไหลพราก ส่วนนีน่าก็ได้แต่ขำในตัวของน้องสาวของเธอ

ในคืนนั้นเมื่อครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา แม่ของนีน่าก็เลยจัดงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของนีน่าและทุกๆคนที่โรงอาหารใหญ่ภายในเรือนั่นอย่างสนุกสนาน นีน่าซึ่งไม่ชอบเสียงเอะอะโวยวายอยู่แล้วเธอจึงขอแยกตัวออกมายืนรับลมเย็นๆตรงระเบียงพลางยกแก้วน้ำผลไม้ในมือขึ้นมาจิบ ในขณะที่เธอกำลังมองดูท้องฟ้ายามราตรีพร้อมกับรับลมเพลินๆอยู่นั้น เลน่า ก็เดินเข้ามาหาเธอ และดูเหมือนว่าจะเมาเล็กน้อยด้วย ทั้ง 2 เงียบกันอยู่พักใหญ่อยู่ๆ เลน่า ก็เอ่ยปากขึ้นมาว่า

“ห่างเหินกันไปตั้ง 4 ปีพี่หาแฟนได้สักคนหรือยังเนี่ย?”

คำถามนั่นเล่นเอานีน่าสำลักน้ำผลไม้ออกมาทันทีซึ่ง เลน่า เมื่อเห็นท่าทางของ นีน่า นั้นเธอก็พอจะเดาคำตอบได้คร่าวๆ เพราะฉะนั้นถึง นีน่า ไม่ตอบคำถามเธอ คำตอบก็ปรากฏบนหน้าของ นีน่า อย่างเด่นชัด หลังจากที่ นีน่า ตั้งสติได้นิดหน่อยจึงหันมาพูดกับน้องสาวของตัวเองว่า

“ทะ… ทำไมอยู่ๆ ถึงถามพี่แบบนั้นล่ะ?”

“ช่างชั้นเถอะน่า… แค่ตอบมาให้ตรงกับคำถามที่ชั้นถามพี่ก็พอ...”

“สงสัยเธอคงจะเมามากแล้วสินะ? มาๆ เดี๋ยวพี่พาไปส่งที่ห้อง”

นีน่าประคองน้องสาวเธอในสภาพเมาแอ๋ไปส่งถึงหน้าห้องนอน ก่อนจะหยิบคีย์การ์ดจากกระเป๋ากางเกงของเธอ แล้วเสียบมันเข้าไปในช่องเล็กๆที่อยู่ข้างบานประตู และเมื่อประตูห้องเปิดออก นีน่า ก็ค่อยๆประคอง เลน่า ไปยังเตียงที่มีผ้าปูสีขาวสะอาดและอ่อนนุ่มและค่อยๆหย่อนตัวเลน่าลงบนเตียง แต่เลน่ากลับดึงร่างของนีน่าลงไปนอนข้างๆเธอ ก่อนจะขึ้นมาคร่อมตัวพี่สาวของเธอเอาไว้ นีน่า พยายามดิ้นแต่ก็ดิ้นไม่หลุด เลน่า กดข้อมือทั้ง 2 ข้างของ นีน่า ลงกับเตียง ก่อนจะเริ่มก้มหัวลงมาไซร้ซอกคอของเธออย่างแผ่วเบา

“พี่นีน่า… ชั้นรักพี่นะ… เพราะฉะนั้นชั้นจะไม่ยอมยกพี่ให้กับผู้ชายคนไหนอย่างเด็ดขาด…”


-= Lesson 8 End =-

-= To Be Continue Lesson 9 =-

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา