~S.O.M.A~ [Solitaire of The Magician Age]

8.3

เขียนโดย Daimaou_no_Sora

วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 22.46 น.

  12 Lesson
  28 วิจารณ์
  21.68K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) อาณาจักรอสูร Shina Dark! [ตอนที่ 4]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

-= ~S.O.M.A~ [Solitaire of The Magician Age] - The Chronicle of Zodas =-

 

http://www.keedkean.com

 

-= ~โซมะ~ [เพชรเม็ดเดียวแห่งยุคจอมเวท] - บทบันทึกแห่งโซดาส =-

 

 -= Lesson 7 : อาณาจักรอสูร Shina Dark! [ตอนที่ 4] =-

 

 

ในวันต่อมาหลังจากที่ทุกคนเก็บข้าวเก็บของเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะออกเดินทาง วิกเตอร์ก็อธิบายถึงเป้าหมายภารกิจของแต่ละคนให้ฟัง โดยผ่านภาพโฮโลแกรม 3 มิติที่แสดงโครงสร้างของเกาะทั้งหมด

“ภารกิจของพวกคุณที่จะต้องทำก็คือ ทำลายแท่งผลึกเวทมนตร์ ที่เป็นตัวกำเนิดม่านเกราะมนตราที่เราเพิ่งฝ่าเข้ามาซะ โดยแท่งผลึกนี้จะมีอยู่ 5 จุด ซึ่งมี 4 จุดที่กระจายอยู่รอบๆเกาะทั้ง 4 ทิศ เหนือ ใต้ ตะวันออก และตะวันตก และจุดที่ 5 จะอยู่บนจุดที่สูงที่สุดบนเกาะแห่งนี้นั่นคือที่นี่!... ยอดเขาดาร์คฮอน ที่ตั้งอยู่จุดกึ่งกลางของ ป่าไร้หนทาง ซึ่งจุดที่ 5 เนี่ยแหละที่อันตรายที่สุด”

“แค่ได้ยินชื่อ “ป่าไร้หนทาง” ชั้นก็ขนลุกแล้วล่ะ”

นีน่าเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึง ป่าไร้หนทาง เพราะป่านี้ตั้งชื่อได้ตรงตามคุณสมบัติของมันมาก เพราะเป็นป่าที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทั้งสภาพอากาศ ทัศนียภาพ และทิศทางซึ่งขนาดมีเข็มทิศหรืออุปกรณ์ GPRS ก็ไม่อาจระบุตำแหน่งที่ถูกต้องได้ ขนาดเหล่าอสูรเองก็ยังมิกล้าย่างกรายเข้าไปในป่าแห่งนี้เลยสักตน

“แล้วภารกิจของพวกคุณล่ะ?”

คอนสแตนตินเอ่ยปากถามพลางเอามือกอดอก ตีหน้าซีเรียสให้วิกเตอร์ ก่อนที่วิกเตอร์จะยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยและเอ่ยขึ้นมาว่า…

“ภารกิจของผมก็คือ ค้นหาแร่ชนิดหนึ่งที่อยู่บนเกาะแห่งนี้น่ะ… และบังเอิญแร่ที่ว่านั่นก็มักจะอยู่แถวๆแท่งผลึกที่พวกคุณจะต้องไปทำลายพอดี”

“แร่ที่ว่านั่นคืออะไร ช่วยบอกรายละเอียดผมฟังหน่อยจะได้ไหม?”

“ขอโทษนะผู้พัน ผมเองก็ยังไม่รู้รายละเอียดแน่ชัดเหมือนกัน แต่เมื่อนานมาแล้วหลังจากมหาสงครามจบลง ดาวเทียมดวงหนึ่งของเราสแกนพบแร่ที่ว่านั่นบนเกาะแห่งนี้ และลองวิเคราะห์โครงสร้างของมันออกมาคร่าวๆ ปรากฎว่ามันมีคุณสมบัติที่จะสามารถโคลนนิ่งตัวของมันเองได้โดยใช้การแบ่งตัวเหมือนกับเซลล์ไม่มีผิดเพื้ยน ผมจะเปิดภาพสแกนของดาวเทียมให้คุณดู”

วิกเตอร์เปิดภาพโฮโลแกรมภาพหนึ่งให้คอนสแตนตินดูซึ่งในภาพนั่นแสดงให้เห็นเป็นพื้นที่หนึ่งที่มีวงกลมเป็นสีแดงและมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5 กิโลเมตร

“และนี่เป็นภาพสแกนจากดาวเทียมเมื่อ 2 วันที่แล้ว”

คราวนี้เขาให้คอนสแตนตินดูภาพโฮโลแกรมอีกภาพหนึ่งซึ่งเป็นพื้นที่เดียวกันแต่วงกลมสีแดงนั่นกลับขยายออกไปมากกว่าเดิมและมีเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 10 กิโลเมตร

“แสดงว่าไอฺ้แร่ที่ว่านั่นมันสามารถเติบโตได้อย่างนั้นเหรอ!?”

“ถูกต้อง! ผลสแกนจากดาวเทียมสามารถเชื่อถือได้ 100%”

“คุณก็เลยคิดจะนำมันกลับไปยังศูนย์วิจัย?”

คอนสแตนตินเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาบ้างแล้วเขาไม่คิดว่าภารกิจที่พวกเขาทำอยู่นั้นจะถูกพ่วงด้วยภารกิจหาสมบัติไปในตัว อัคคามิฬก็เช่นกัน ส่วนนีน่านั้นไม่ต้องพูดถึงเธอเองก็ตื่นเต้นไปกับพวกเขาด้วย ยกเว้น ดร.ไอแซค ที่ทำนิ่งใจเย็นในปากคาบบุหรี่ที่ขนาดเกือบจะเท่าร่างกบของเขาไปด้วย ก่อนที่จะตีหน้าซีเรียสใส่ทุกคนก่อนจะเอ่ยปากขึ้น

“ยังไงซะ ภารกิจหลักก็คือทำลายแท่งผลึกนั่น ส่วนเรื่องการเก็บตัวอย่างแร่นั่นเอาไว้เป็นภารกิจเสริม ซึ่งภารกิจเสริม นั้นถึงจะล้มเหลวก็ไม่มีใครว่า... แต่ภารกิจหลักนั้นต้องสำเร็จอย่างเดียว ไม่มีช่องว่างให้สำหรับความล้มเหลว เข้าใจไหมทุกคน?”

“ครับ/ค่ะ”

ทุกคนขานรับกันอย่างพร้อมเพรียงก่อนจะขึ้นยานของวิกเตอร์แต่คราวนี้นีน่าเป็นฝ่ายมานั่งหลังวิกเตอร์แทนอัคคามิฬ วิกเตอร์กดปุ่มเลื่อนฝาครอบกระจกลงแล้วกดปุ่มที่อยู่ข้างๆให้ยานล่องหนกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อม ก่อนจะค่อยๆบังคับยานออกจากจุดนั้น นีน่าเปิดแผนที่บนเกาะขึ้นมาเพื่อตรวจเช็คจุดที่แท่งผลึกนั่น ที่อยู่ใกล้พวกเขามากที่สุด และคอยแจ้งระยะทางให้กับวิกเตอร์รู้

“วิกเตอร์ แท่งผลึกที่อยู่ใกล้ที่สุดอยู่ทางทิศเหนือจากจุดที่เราอยู่นี่ไปประมาณ 40 กิโลเมตร”

“รับทราบ! ไปกันเลย!”

วิกเตอร์ขานรับพร้อมกับเร่งเครื่องของยานให้เร็วยิ่งขึ้น จนพวกเขาใกล้มาถึงเป้าหมายแรก แต่สถานที่ที่พวกเขาต้องเจอก่อนและจำเป็นที่จะต้องผ่านไปนั่นคือ หมู่บ้านโทรล แต่ดีที่ตอนนี้ยังเช้าตรู่อยู่จึงยังไม่มีโทรลออกมาเดินเพ่นพ่านมากนัก แต่ด้วยความใหญ่โตมโหฬารของพวกมัน ทำให้นีน่าถึงกับต้องตกตะลึง พวกมันแต่ล่ะตัวนั้นแทบจะเหมือนกันหมดทั้งโทรลเพศชายหรือเพศหญิงบวกกับหน้าตาที่ดูโง่เขลาของพวกมัน จะแตกต่างกันตรงที่สัดส่วนเล็กน้อยเท่านั้นอย่างเช่นสีผิวที่มีทั้งดำและเขียวคล้ำ

แต่ทุกคนรู้ดีว่าภายใต้ใบหน้าโง่ๆนั่น เปี่ยมไปด้วยความดุดันและเป็นที่ขยาดของบรรดาจอมเวททั้งหลาย เนื่องจากผิวหนังของพวกมันมีความคล้ายคลึงกับ ไรโนเซบูรัส คือสามารถทนต่อการโจมตีได้แทบทุกชนิด และยังสามารถป้องกันเวทได้อีกด้วย แถมยังมีพละกำลังอันมหาศาลที่เพียงแค่มันเหวี่ยงท่อนแขนหรือขาที่เป็นตะปุ่มตะป่ำและแข็งปานเหล็กกล้าของมันก็สามารถทำให้ยานของพวกเขาลอยไปไกลได้เลยทีเดียว

“นี่… ขับช้าๆหน่อยล่ะ…”

“ระ… รู้แล้วน่า…”

นีน่ากระซิบเตือนวิกเตอร์ให้ลดความเร็วของยานลง และพยายามเคลื่อนยานผ่านหมู่บ้านของโทรลให้เงียบและไวที่สุด เพราะพวกเขาเองก็ไม่อยากมีเรื่องกับโทรลตั้งแต่เช้าตรู่เหมือนกัน และเมื่อพวกเขาออกจากหมู่บ้านโทรลมาได้อย่างปลอดภัย ทั้งนีน่าและวิกเตอร์ต่างถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาพร้อมๆกันแสดงถึงความโล่งอก ซึ่งทำให้ทั้งคู่จ้องหน้าซึ่งกันและกันพร้อมกับระเบิดหัวเราะออกมา ก่อนจะกลับมาตั้งตาตั้งตาทำหน้าที่ของตนอีกครั้ง

หลังจากที่พวกเขาผ่านหมู่บ้านโทรลมาแล้วก็เป็นทุ่งกว้างเวิ้งว้างอีกครั้งแต่ผิวดินของพื้นที่แถบนี้ค่อนข้างอ่อนทำให้วิกเตอร์ต้องฝืนบังคับยานไม่ให้จมไปข้างใดข้างหนึ่งเพราะผิวดินที่โดนไอร้อนจากเครื่องยนตร์นั้นทำให้ผิวดินเกิดการหยุบตัวลง จึงทำให้ระดับการลอยตัวของยานจมไปตามการหยุบตัวของผิวดินด้วยเช่นกัน

“เราใกล้จะถึงที่หมายแล้วล่ะ”

นีน่าคอยรายงานระยะทางให้กับวิกเตอร์อยู่เรื่อยๆ จนในที่สุดพวกเขาก็มาถึงแท่งผลึกอันแรก ลักษณะของมันเป็นแท่งผลึกรูปเสาโอเบลิค 8 เหลี่ยมสูงประมาณ 2 เมตร ที่ตั้งตระหง่านบนโขดหินที่ยื่นออกไปในทะเล แสงสีเหลืองอำพันที่มันเปล่งออกมาเป็นจังหวะคล้ายกับจังหวะการเต้นของหัวใจก็มิปาน วิกเตอร์จอดยานของเขาไว้ใกล้ๆ ก่อนที่ทุกคนจะลงไปสำรวจบริเวณรอบๆแท่งผลึกนั่น โดยมีคอนสแตนตินและอัคคามิฬในชุดเกราะดำ คาสนอฟ และ 3 Android สาวคอยกันหลังให้ ส่วนวิกเตอร์กำลังใช้เครื่องสแกนในมือสแกนหาแร่ที่เขาว่าเอาไว้เมื่อตอนเช้า

“ไม่ไหวๆ มันอยู่ลึกจากผิวดินลงไปมากเลย”

นีน่าซึ่งกำลังติดตั้งระเบิด ไซโคร อยู่ (ระเบิดที่สั่งการด้วยกระแสจิตมีขนาดเท่ากับกล่องไม้ขีดแต่มีพลังทำลายล้างสูง) กำลังบรรจงเชื่อมระเบิดทั้ง 4 ลูกเข้าด้วยกันอย่างระมัดระวัง เมื่อเธอติดตั้งระเบิดทั้ง 4 ลูกเป็นที่เรียบร้อยมันก็ค่อยๆแทรกตัวเข้าไปรวมเป็นเนื้อเดียวกันกับแท่งผลึกนั่นทันที นีน่าตั้งระบบให้กับระเบิดชุดแรกบนแผงควบคุมที่ติดกับท่อนแขนของเธอก่อนจะหันมาบอกกับทุกคน

“วิกเตอร์ ระเบิดชุดแรกไม่มีปัญหา พวกเรารีบไปกันเถอะ… วิกเตอร์ เฮ้! วิกเตอร์!”

นีน่าเห็นวิกเตอร์กำลังทำท่าทางครุ่นคิดโดยไม่สนใจในสิ่งที่เธอพูดเลยแม้แต่น้อย เขาเอาแต่พึมพำหงุบหงิบๆแต่พอจะจับใจความได้ว่าเกี่ยวกับแร่ที่ว่านั่นแน่ๆ นีน่าเดินมาข้างๆเขา ก่อนจะฉกเครื่องสแกนในมือเขาไป

“ฮะ… เฮ้! ทำอะไรของเธอน่ะ!? เอามานี่นะ!”

“ชั้นบอกว่า ระเบิดชุดแรกติดตั้งเสร็จแล้ว! ชั้นพวกเราน่าจะรีบไปยังจุดต่อไปได้แล้ว”

“งั้นเธอก็สั่งให้มันระเบิดซะทีสิ”

“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก”

“หมายความว่าไง? ทำไม่ได้?”

 

“ชั้นลองมาคิดดูดีๆ ถ้าหากเราระเบิดแท่งผลึกนี่ในตอนนี้ และทำให้ม่านพลังเกิดการเปลี่ยนแปลงล่ะก็… พวกอสูรมันก็รู้ว่าพวกเรามานี่ยังไงล่ะ เพราะฉะนั้นชั้นจึงคิดว่า เราน่าจะติดตั้งระเบิดให้ครบทั้ง 5 จุดเสียก่อน และระเบิดมันไปพร้อมๆกัน ถ้าทำแบบนั้นกว่าพวกมันจะรู้ตัว เราก็เผ่นไปไกลแล้ว จริงไหม?”

วิกเตอร์ทำท่าทางครุ่นคิดอีกครั้ง เขาลืมนึกถึงเรื่องที่อาจจะมีอสูรที่เล็ดรอดจากมหาสงครามครั้งก่อนไปเสียสนิท

“อืม… มันก็จริงของเธอนะ ถ้าเผื่อมันเกิดรู้ว่าเรามาที่นี่และคิดจะทำอะไร มีหวังพวกมันคงเตรียมการป้องกันผลึกแท่งอื่นๆแน่ แบบนั้นจะทำให้งานของเรายุ่งยากขึ้นไปอีก”


“งั้นก็ตกลงตามนี้นะ?”

วิกเตอร์พยักหน้าหงึกๆก่อนที่จะพาทุกคนขึ้นยานและออกจากจุดนั้นทันที เป้าหมายต่อไปคือแท่งผลึกที่อยู่ทางทิศตะวันออกซึ่งมีระยะทางที่ไกลพอดู พวกเขาต้องข้ามผ่านทะเลสาบ ซกครา ที่เต็มไปด้วย เซอร์โรซัลโม่ ปลาดึกดำบรรพ์ขนาดใหญ่เท่าปลาบึกบ้านเราแต่มีนิสัยดุร้ายและกินเนื้อสัตว์ทุกชนิดเป็นอาหารแม้แต่พวกเดียวกัน อัคคามิฬพยายามไม่ให้ตัวเองอยู่ริมขอบของตัวยานมากนักเพราะกลัวจะโดนปลาพวกนั้นกระโดดขึ้นมางับและลากตัวเขาลงไปในน้ำ และจบด้วยการที่เขาต้องกลายเป็นมื้อกลางวันให้กับพวกมัน

แต่ไม่ทันไรฝนก็กระหน่ำลงมาทำให้ทัศนียภาพเลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีก แต่นั่นก็ไม่อาจหยุดยั้งพวกเขาให้หยุดปฏิบัติภารกิจได้ จนพวกเขามาถึงปากทางเข้าซอกเขา เพนทราร่า ซอกเขาแห่งนี้คล้ายๆกับแกรนแคนยอนไม่มีผิด จะแตกต่างเพียงแต่ว่ามันไม่งดงามเท่า เนื่องจากพื้นที่แถบนี้เต็มไปด้วยซากโครงกระดูกของสัตว์นานาชนิด และแห้งแล้งราวกับทะเลทรายซาฮาร่า

“อีกประมาณ 270 กิโลเมตร จะถึงที่ตั้งของผลึกแท่งที่ 2 นะ”

“อ่า… รับทราบๆ”

วิกเตอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงยานคางแบบสุดๆ พร้อมกับกัดก้อนขนมปังในมือ เขาชักเริ่มเบื่อๆขึ้นมาซะแล้วสิ นีน่าเองก็เริ่มเซ็งเช่นกัน นี่เป็นการเดินทางที่ยาวนานและน่าเบื่อที่สุดของทั้งคู่ และในไม่กี่ชั่วโมงต่อมาพวกเขาก็มาถึงจุดหมาย โดยจุดที่แท่งผลึกนั่นอยู่ก็คือภายใต้เปลือกของซากต้นไม้แห้งๆที่ดูเผินๆเหมือนกับเป็นแค่ซากต้นไม้เฉยๆ จึงต้องทำการกะเทาะเปลือกไม้นั่นออกถึงจะพบ นีน่าทำการติดตั้งระเบิดอีก 4 ลูกที่แท่งผลึกนั่นเสร็จอย่างรวดเร็ว และไม่รอช้าพวกเขามุ่งหน้าสู่จุดหมายต่อไปที่อยู่ทางทิศใต้ทันที ซึ่งการเดินทางไปยังจุดที่ 3 นั้นลำบากกว่าทั้ง 2 จุดที่เพิ่งผ่านมาเป็นอย่างมาก ทั้งขึ้นเขาลงห้วย แถมยังมีบางช่วงที่พวกเขาต้องลงเดินเท้าเข้าไปต่ออีก จนกระทั่งพลบค่ำพวกเขาก็มาถึงจุดที่เป็นที่อยู่ของแท่งผลึกแห่งที่ 3 แต่คราวนี้มันอยู่ภายในถ้ำ แถมเป็นถ้ำที่มีโทรลอาศัยอยู่เสียด้วย

“โทรลงั้นเหรอ? ชั้นคิดว่าพวกโทรลจะมีอยู่แต่ใน หมู่บ้านโทรล ซะอีกนะ?”

“ชั้นก็ว่าอย่างงั้นแหละ แต่ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้เป็นหลักฐานชี้ชัดว่า พวกมันมีแหล่งอาศัยที่ไม่แน่นอน และอาจจะมีอยู่รอบๆเกาะนี้เลยก็ได้”

พวกเขากำลังนอนหมอบราบกับพื้นบนเชิงเขาใกล้ๆนั่นพลางใช้โหมดกล้องส่องทางไกลจาก คาสนอฟ ส่องดูพฤติกรรมของโทรล 2 ตัวที่ยืนถือกระบองยักษ์อยู่หน้าถ้ำราวกับยักษ์วัดแจ้ง

“ดูเหมือนว่า 2 ตัวนั่นจะเป็นยามรักษาการณ์นะ? ฟรีน่า สแกนหาสิ่งมีชีวิตในถ้ำนั่นสิ?”

“ผลการสแกน ไม่พบสิ่งมีชีวิตอื่นๆภายในถ้ำเลยค่ะ”

“งั้นแสดงว่ามีแค่พวกมัน 2 ตัวสินะ?

วิกเตอร์ดันตัวเองขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ถูกคอนสแตนตินกดหลังเอาไว้จนเขากลับไปอยู่ในท่าเดิมอีกครั้ง เขาหันมามองคอนสแตนตินด้วยสายตาสงสัยปนไม่พอใจเล็กน้อย แต่คอนสแตนตินกลับทำสัญญาณมือเป็นสัญญาณว่าอย่าส่งเสียงดัง พร้อมกับเอ่ยปากเป็นเชิงกระซิบกับทุกคนว่า

“ผมมีแผน”

“ว่ามาได้เลยผู้พัน”

“ผมอยากให้พวกคุณลงไปรอผมแถวพุ่มไม้บริเวณตีนเขานั่น แล้วรอสัญญาณจากผม ผมจะใช้ Rage ของผมจัดการกับโทรลตัวหนึ่งให้ แล้วให้พวกคุณอาศัยจังหวะที่โทรลตัวข้างๆกำลังตื่นตระหนกอยู่ ใช้ระบบพรางตัวของ คาสนอฟ ลักลอบเข้าไปในถ้ำซะ”

“เดี๋ยวก่อนผู้พัน ผิวหนังของโทรลมันสามารถทนต่อการโจมตีได้ทุกชนิดนะ…”

“พวกคุณแค่ทำตามที่ผมบอก แล้วทุกอย่างจะดีเอง”

วิกเตอร์กำลังจะเถียงต่อแต่ก็ถูกนีน่าลากตัวออกไป จากนั้นทุกคนก็ค่อยๆปีนลงจากเชิงเขาและซ่อนตัวตรงพุ่มไม้ใกล้ๆกับตีนเขาที่คอนสแตนตินว่าไว้ ส่วนคอนสแตนตินนั้นเขานำกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆออกมาวางไว้ข้างๆตัวก่อนจะเตะปลายนิ้วชี้บนกล่องนั่นเสียง “ปิ๊บๆ” ดังขึ้นเล็กน้อยทันใดนั้นมันก็ค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็น ปืนไรเฟิลลูกเลื่อนขนาด 37 มิลลิเมตร กระบอกโต ที่ติดศูนย์กล้องอิเล็กทรอนิกส์ และมีรูปทรงล้ำยุคล้ำสมัย เขาดึงลูกเลื่อนให้เปิดออกจากนั้นยัดกระสุนที่เตรียมเอาไว้เข้าไป 3 นัด ก่อนจะดันลูกเลื่อนให้กลับเข้าที่ พลางยื่นหน้าเข้าตรงศูนย์กล้องอิเล็กทรอนิกส์นั่น และทันใดนั้นมันก็ทำการคำนวณวิถีกระสุนให้เสร็จสับ

และเพื่อความมั่นใจเขาจึงยัดกระสุนพิเศษขนาด 17.62 มิลลิเมตร สีเขียวที่เขาเคยกล่าวเอาไว้ในชั่วโมงเรียนของเขานั่นคือ คาร์ทริดจ์ เข้าไปในช่องเล็กๆที่อยู่ด้านข้างของตัวปืนตัวเลข +7750 ปรากฏขึ้นบนแผงหน้าปัดเล็กๆบริเวณศูนย์กล้องนั่น เขาไม่รอช้าเมื่อเป้าหมายคือโทรลที่อยู่ทางด้านขวาที่กำลังเดินเข้ามาในระยะยิงของเขาแล้ว เขาเหนี่ยวไกทันทีเสียง "ปึ้งงง!" ดังขึ้นสั้นๆแต่ดังสนั่นลั่นป่า ก่อนที่คอนสแตนตินจะดึงคานลูกเลื่อนเพื่อดีดปลอกกระสุนออก กระสุนเสริมพลังเวทที่ถูกยิงออกมาพุ่งใส่กลางหน้าผากของมันและทะลุออกไปทางด้านหลังศรีษะทันที

โทรลผู้เคราะห์ร้ายทรุดตัวลงกับพื้นลิ้นจุกปากนอนจมกองเลือดสีเขียวของมันและที่ด้านหลังศรีษะมีรูโบ๋ขนาดใหญ่กว่ารูด้านหน้าเกิดขึ้น สมองสีเขียวคล้ำไหลทะลักออกมานองพื้น นีน่ารู้สึกสยองและอยากจะอาเจียนเมื่อเห็นภาพนั่น ส่วนโทรลอีกตัวยังคงยืนงงกับสภาพของเพื่อนโทรลผู้เคราะห์ร้าย แต่เมื่อมันรวบรวมสติอันน้อยนิดของมันได้แล้วมันถึงกับแหกปากร้องลั่นและวิ่งหนีตะเลิดเข้าป่าไป คอนสแตนตินเมื่อทำหน้าที่เสร็จก็รีบลงมาจากเชิงเขาและมาสมทบกับพรรคพวก

“ตอนนี้แหละ! เดี๋ยวชั้นดูต้นทางให้!”

วิกเตอร์พูดขึ้น นีน่าเองก็ไม่รอช้าเธอรีบตั้งสติให้กลับคืนมาโดยเร็วและวิ่งเข้าไปในถ้ำ นีน่ารีบติดตั้งระเบิดอีกชุดเข้ากับแท่งผลึกที่อยู่บนเนินดินในถ้ำนั่นอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทันก่อนที่โทรลที่วิ่งตะเลิดไปนั้นจะกลับมาและมันอาจจะพาพรรคพวกมาด้วยก็เป็นได้ เมื่อเธอตั้งค่าอะไรต่อมิอะไรเสร็จเธอจึงรีบวิ่งออกมาจากถ้ำแต่ก็พบว่า โทรลที่วิ่งหนีเข้าป่าไปตัวนั้นกลับมาแล้วและกำลังเล่นตะลุมบอนอยู่กับพรรคพวกคนอื่นๆโดยมันกำลังเหวี่ยงกระบองใหญ่ในมือไปมาและเผลอไปโดนอัคคามิฬที่กำลังพุ่งเข้าประชิดตัวประกายไฟและเสียงเหมือนเหล็กถูกกระทบแรงๆดังขึ้น ตัวอัคคามิฬลอยแคว้งกระเด็นไปปะทะกับโขดหินใกล้ๆจนมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แต่ตัวอัคคามิฬนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด เพราะได้เกราะคาสนอฟช่วยไว้ เขายันตัวขึ้นมาได้อีกครั้งพลางรวบรวมคลื่นพลังเวทจากออร่าสีแดงเพลิงรอบๆตัวเข้าที่มือขวาของเขาพร้อมกับบริกรรมคาถาในปาก

“ข้าขอวิงวอนต่อเทพแห่งเปลวเพลิงและผืนดิน จงมอบพลังศักดิ์สิทธิ์สถิต ณ กายข้า จงรวมจิตให้เป็นหนึ่ง! หลอมรวมกายไม่เป็นสอง! ก่อกำเนิดกายาแข็งแกร่งดุจเหล็กไหลไร้ผู้ต้าน! และปัดเป่าอริแห่งข้าให้สิ้นไป!”

“อัคคามิฬ มัวทำอะไรอยู่! รีบมาช่วยกันเร็วเข้าสิ!”

คอนสแตนตินกระหน่ำรัวปืน Mini Gattling ที่แขนขวาของเขาใส่โทรลบ้าคลั่งตัวนั้นแต่ดูเหมือนว่ากระสุนจะถูกดีดกลับออกมาหมด มันยิ่งคลั่งหนักข้อขึ้นไปอีก จนกระทั่งเอมมอนส์ที่พลาดท่าเสียทีให้กับมันนั้นโดนมันใช้เท้าที่เหมือนกับท่อนซุงอันใหญ่โตเหยียบเธอเสียจมดินและคาเอาไว้อย่างนั้น ส่วนนีน่าเองหลังจากนั้นเธอก็เข้ามาช่วยเสริมอีกแรง แต่ดูเหมือนว่าอาวุธของเธอจะไร้ค่าสำหรับงานนี้ ฟรีน่า และ เฟรย่า ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนักเพราะคมเขี้ยวสูญญากาศของเฟรย่าก็ไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนให้กับผิวหนังของมันได้เลยแม้แต่น้อย

อัคคามิฬยังคงบริกรรมคาถาต่อไปเรื่อยๆจนร่างกายของเขาเปล่งแสงออกมาและเกิดลวดลายเหมือนกับลอยสักของยันต์มหาอุตม์ขึ้นมาทั่วทั้งร่าง แรงกดดันมหาศาลจากพลังเวทของเขาทำให้ทุกคนในที่นั้นถึงกับหยุดชะงักทันที ทันใดนั้นเขาก็กระโจนเข้าหาโทรลตัวนั้นแล้วซัดหมัดขวาที่ตอนนี้มีไฟลุกโชติช่วงและเปล่งรัศมีสีแดงเพลิงเข้าที่กลางใบหน้าของมัน

“ถึงภายนอกของแกจะทนทานแค่ไหน แต่ภายในของแกล่ะ!? จะทนนี่ได้รึเปล่า!? เพลิงนรก ผลาญอสุรา!”

 

ใบหน้าของโทรลตัวนั้นถูกหมัดของอัคคามิฬซัดเข้าอย่างจังจนมันยุบลงไปเป็นแอ่ง เลือดสีเขียวพุ่งทะลักออกจากรูจมูกและหูรวมไปถึงเบ้าตาก่อนที่มันจะล้มลงไปกองกับพื้น อัคคามิฬ ถึงกับเข่าทรุดเขาใช้พลังเวทรวมไปถึงพลังกายแทบจะหมดตัวในการประเคนหมัดใส่มันเพียงหมัดเดียว

“ไม่เป็นไรนะ?”

คอนสแตนรีบเข้ามาประคองตัวของ อัคคามิฬ ทันทีด้วยความเป็นห่วง คอนสแตนตินสังเกตุได้ว่าร่างกายของอัคคามิฬนั้นสั่นเทิ้มอย่างกับจ้าวเข้า ซึ่งนั่นทำให้คอนสแตนตินไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

“มะ… ไม่เป็นไรครับ พะ… พวกเราไปกันเถอะ…”

ก่อนที่ทุกคนจะกลับออกจากป่าแห่งนี้วิกเตอร์เดินเข้าไปที่ศพของโทรล 2 ตัวนั่นและควักแคปซูลเล็กๆออกมา 2 เม็ด และยัดมันเข้าไปในปากของโทรลทั้ง 2 ก่อนที่เขาจะเดินตามทุกคนออกไป และทันใดนั้นร่างของพวกมันก็ค่อยๆละลายกลายเป็นไอลอยไปกับสายลมทันทีเหลือแต่คลาบเลือดสีเขียวเอาไว้เท่านั้น และเมื่อทุกคนกลับขึ้นยานกันครบวิกเตอร์ก็ขับมันออกไป แต่หารู้ไม่ว่าการกระทำทุกอย่างของพวกเขานั้นโดนจับตามองจากใครบางคนตั้งแต่ที่พวกเขามาถึงเกาะนี่ตั้งแต่แรกแล้ว

“หึหึ! ในที่สุดก็เจอกันอีกแล้วนะ สาวน้อย แต่ชั้นจะปล่อยเธอไปก่อน เพราะถ้าฆ่าเธอตอนนี้ แผนการที่ชั้นวางไว้ก็จบเห่กันพอดี หึหึ! ฮ่าๆๆ!”

เงาลึกลับที่อยู่บนต้นไม้ค่อยๆถูกแสงจันทร์สาดส่องจนเผยให้เห็นร่างของชายผมสีแดงเพลิง ผู้มีดวงตาคมแววตาชั่วร้ายและมีสีแดงก่ำเหมือนเลือด ผิวซีดขาวราวกับคนตาย สวมเสื้อคลุมคอตั้งตัวยาวสีแดงสดประดับด้วยลวดลายจากทองคำขาวเกือบทั้งตัว ซึ่งเมื่อเขาเห็นนีน่า รอยยิ้มชั่วร้ายค่อยๆปรากฎขึ้นบนใบหน้า ก่อนที่เขาก็หายตัวไปกับท้องฟ้าและสายลมอ่อนๆยามราตรี

ตัดมาที่กลุ่มของวิกเตอร์ตอนนี้พวกเขาตั้งที่พักกันอยู่บริเวณสันเขา คุรุม่า ซึ่งเป็นสันเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างแม่น้ำ ลิเซียร์ กับชายฝั่งทะเลตะวันตกและห่างจากจุดหมายต่อไปประมาณ 320 กิโลเมตร เนื่องจากที่บริเวณนี้ติดกับแม่น้ำฉนั้นคอนแสนตินจึงไม่จำเป็นที่จะต้องเอาน้ำทะเลมากรองให้เป็นน้ำจืดเหมือนกับวันแรก นีน่าและ 3 สาว Android แก้ผ้าโทงๆลงไปเล่นน้ำในแม้น้ำกันอย่างสบายใจเฉิบ ส่วนอัคคามิฬก็ถูกคอนสแตนตินกักบริเวณไว้ชั่วคราว ดร.ไอแซคกับวิกเตอร์กำลังใช้อุปกรณ์สื่อสารที่อยู่ภายในยานนั่นติดต่อไปยังภายนอก แต่ม่านพลังเวทที่ปรกคลุมเกาะนี่อยู่มันรบกวนสัญญาณไปจนหมด ทำให้การติดต่อสื่อสารนั้นทำได้ยากมาก แต่ทั้งคู่ก็ยังพยายามต่อไปโดยค่อยๆปรับคลื่นสัญญาณไปทีละนิด

“นี่คือ ดร.วิกเตอร์ โนว่า จากเกาะไชน่า ดาร์ค … นี่คือ ดร.วิกเตอร์ โนว่า จากเกาะไชน่า ดาร์ค มีใครได้ยินผมมั้ย??”

“…”

เงียบไปพักหนึ่ง แต่ทันใดนั้นเสียงซ่าๆๆก็เริ่มเหมือนกับมีเสียงคนพูดดังเล็ดรอดออกมาแต่ยังไม่ชัดเจนมากนัก พวกเขาเริ่มมีหวังขึ้นมาหน่อย วิกเตอร์จึงปรับสัญญาณให้แรงขึ้นอีกนิดเสียงซ่าๆเริ่มชัดเจนยิ่งขึ้นจนในที่สุด

“นี่คือ ดร.วิกเตอร์ โนว่า จากเกาะไชน่า ดาร์ด ไม่ทราบว่ามีใครได้ยินผมมั้ย?”

“เราได้ยินแล้ว ดร. นี่คือ พร.อ.กอโดเรส แม็กวาย จากเรือ “Leviathan” กองทัพเรือหลวงแห่งสหราชอาณาไลลาริน เราได้รับคำสั่งจากเบื้องบนให้คอยสนับสนุนและรอรับพวกคุณกลับเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ ตอนนี้คุณกับลูกทีมปลอดภัยดีใช่ไหม?”

“พวกเราปลอดภัยดี ภารกิจดำเนินการไปได้สวย ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะเกินวันพรุ่งนี้ภารกิจก็จะสำเร็จลุล่วง”

“เข้าใจแล้ว ดร. เราจะส่งพิกัดของเราไปให้คุณ เมื่อคุณเสร็จสิ้นภารกิจขอให้คุณมาพบกับเราที่จุดนัดหมายที่ระบุบไว้ เลิกการติดต่อ…”

วิกเตอร์เชื่อมต่ออุปกรณ์สื่อสารเข้ากับคาสนอฟเพื่อที่เขาจะสามารถประสานงานกับ Leviathan ได้ง่ายขึ้น ดร.ไอแซค ลอยเข้ามาหาวิกเตอร์ก่อนจะเอ่ยปากถามความคืบหน้าจากเขา

“ติดต่อได้แล้วหรือยัง?”

“ครับ ดร. ดูท่าทางองค์กษัตริย์ทรงเป็นห่วงพวกเรามากเลยนะครับ ถึงกับขนาดส่งกองเรือหลวงอย่าง Leviathan มาช่วยสนับสนุนพวกเราแบบนี้”

“โอ้! กองเรือหลวง Leviathan เลยงั้นรึ? เข้าใจเลือกตัวช่วยได้เหมาะกับสถานการณ์ดีจริงๆเลยนะเนี่ย”

วิกเตอร์ไม่ตอบกลับ เขาได้แต่ยิ้มเล็กน้อยให้ ดร.ไอแซค ก่อนที่จะไปทำธุระส่วนตัว ในคืนนั้นเองอัคคามิฬก็เป็นคนอาสาเฝ้ายามให้กับทุกคน แต่คอนสแตนตินไม่ไว้วางใจกับสภาพร่างกายของเขา จึงขอให้ Android ทั้ง 3 อยู่เฝ้ายามแทน

ท่ามกลางกระแสลมที่เย็นสบายและเงียบสงบ นีน่าเป็นคนเดียวที่นอนเหงื่อแตกพลางส่ายหน้าไปมาหายใจหอบแรง เธอกำลังฝันร้ายอยู่ ในฝันของเธอตอนนี้ปรากฏเป็นร่างปีศาจสีดำทมิฬตัวใหญ่มหึมา ดวงตาของมันเป็นสีดำและนัยน์ตาเป็นขีดสีเหลืองเหมือนกับนัยน์ตาของสัตว์กระหายเลือดไม่มีผิด ปีกขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนปีกค้างคาวผสมการ์กอยล์ขาดรุ่งริ่ง เริ่มกางออกจนกว้างและกระพือสร้างลมซัดให้เธอล้มลง กรงเล็บที่แหลมคมทั้ง 10 ที่พร้อมจะฉีกกระชากทุกสิ่งที่มันสัมผัสแม้แต่อาภรณ์ของเธอ มันค่อยๆย่างก้าวเข้ามาหาเธออย่างช้าๆ พร้อมกับพยายามเอื้อมมือจะคว้าตัวเธอไว้ แต่ก่อนที่กรงเล็บของมันจะสัมผัสตัวเธอ นีน่าก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา เธอพบว่าร่างกายเธอมีแต่เหงื่อจนชุ่มไปหมด เสียงหัวใจเต้นระรั่ว ลมหายใจหอบแรง

“นี่ชั้นฝันไปอย่างนั้นเหรอ? แถมคราวนี้มันเหมือนจริงมากเลย…”

คงจะเป็นเช่นนั้น เธอลุกขึ้นแล้วเดินไปล้างเนื้อล้างตัวที่แม่น้ำ พลางเงยหน้ามองพระจันทร์เต็มดวงที่อยู่บนฟ้าที่มืดสนิท

“เอดิเรด…”

นีน่าสะดุ้งโหยงทันทีเมื่ออยู่ๆเสียงแหบๆยานคางดังก้องในหัวของเธอ เธอสะบัดหน้าให้เรือนผมที่ชุ่มไปด้วยน้ำสาดกระเซ็นไปทั่วทิศทางท่ามกลางแสงจันทร์ช่างเป็นภาพที่งดงามจับจิตจับใจ และเมื่อเธอขึ้นมาจากแม่น้ำและพยายามข่มตานอน แต่เธอก็ไม่สามารถทำได้เพราะคราใดที่เธอหลับตาลงคำว่า เอดิเรด... ที่ชวนขนลุกขนพองนั่นก็ดังก้องขึ้นมาในหัวเสียทุกคราไป


-= Lesson 7 End =-

-= To Be Continue Lesson 8 =-
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา