Angel's quest Part I Staff of angel
7.2
3) Staff of angel บทที่3 เงามืดที่หวนกลับ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความAngel Quest
บทที่ 3 เงามืดที่หวนกลับ
ดวงจันทร์สาดแสงลงบนพื้นโลก แผ่นดินไพริเวนเดอร์ที่กว้างใหญ่ มองจากมุงบนจะเห็นแสงตะคุ่มๆอยู่เป็นจุด เป็นเครื่องบ่งบอกถึงความเจริญของบริเวณนั้น มีเงาร่างสูงยืนบนเทือกเขาแบล็กไวท์มองมันอยู่ เทือกเขาแบล็กไวท์เป็นเทือกเขาที่สูงเป็นอันดัย2 รองจากเทือกเขาไพริออเนอร์ที่สูงที่สุดในไพริเวนเดอร์
เงานั้นเดินกินลมชมวิวจากการที่จากที่นี่มานาน มันเตรียมที่จะรับศึกหนักในเวลาข้างหน้าที่จะถึงในเพียงไม่กี่อึดใจ เพราะมันเสี่ยงยิ่งนักที่จะไปพบกับผู้ที่เป็นเสมือนเจ้าชีวิตของมัน
“บางทีอยู่อย่างเจ้าก็ดีนะ วินด์ดอน”
เสียงทุ้มๆของเงาๆนั้นดังขึ้นเพื่อกลบความเงียบโดยมีผู้ฟังคำรามเบาๆบนต้นไม้ใหญ่ “ไม่รู้ว่าฟลอริกซ์จะเล่นตุกติกอะไรอีก บางทีมันอาจเปนครั้งสุดท้ายที่เจ้าจะเจอข้าก็ได้นะ วินด์ดอน”
เสียงครางคล้ายเสียงนกดังจากต้นไม้ใหญ่อีกรอบ
“หรือบางทีก็ไม่แน่ ข้าอาจจะได้นั่งบัลลังค์ก็ได้ ใครจะรู้ ถ้าฟลอริกซ์เล่นตุกติก ข้าจะไม่เอามันไว้แน่” เงานั้นพูดเสียงเบาๆพอได้ยินสำหรัประโยชน์นี้ กลัวว่าจะมีใครได้ยินเข้า “ไม่ต้องห่วงหรอก วินด์ดอน ยังไงซะ ตาแก่ฟลอริกซ์ก็ต้องอาศัยข้าเป็นไม้เท้าอยู่วันค่ำ มันไม่มีทางทำอะไรข้าหรอก ข้าไปนะ”
เงาลึกลับเดินหายไปในถ้ำลับแห่งหนึ่งในเทือกเขานี้ เงานั้นเดินไปเรื่อยๆลึกลงไปในความมืดมิดของถ้ำ เงานั่นสามารถเดินในถ้ำนี้ได้โดยไม่ชนกับผนังถ้ำมืดๆ เพราะตาของมันสามารถมองเห็นได้ในความมืด ความมืดเพียงแค่นี้เป็นเหมือนกับแสงอาทิตย์ยามกลางวัน ในที่สุดมันเดินมาถึงหน้าประตูบานหนึ่งมีขนาดใหญ่พอที่จะให้ช้างตัวใหญ่3-4ตัวสามารถเดินเข้าไปได้โดยไม่ต้องเบียดกัน เงานั้นเริ่มกระซิปบางอย่างกับประตูบานนั้น เป็นภาษาที่ฟังไม่ออก ประตูค่อยๆปลดผนึกเปิดอ้าให้เงานั้น เมื่อทันทีที่ประตูเปิด แสงสีแดงของหินนืดวิ่งกระทบเงานั้น กลายเป็นคนสวมผ้าคลุมสีดำ เขาค่อยๆเปิดใบหน้าที่มีผ้าคลุมบดบังอยู่ เป็นชายวัยกลางคนหน้าตาน่ากลัว ผมขาวยาวปรกไหล่ทั้งสอง มีแผลเป็นที่บริวณหน้า เขาถอนหายใจยาวๆก่อนจะเดินเข้าไปในใจกลางห้อง
“คิดถึงจังเลย ไม่ได้กลับบ้านกี่ปีแล้วเนี่ย ร้อยสองร้อยปีแล้วมั่ง”
ชาวเผ่าดาร์กต่างแหงนมองชายผู้นี้เป็นตาเดียวราวกับว่าชายผู้นี้จะทำอันตรายพวกเขาอย่างไงอย่างงั้น “มาทั้งทีไม่ต้อนรับกันบ้างหรือ อ้าว ว่าไง นีมิร่า!”
สาวเผ่าดาร์กที่ถูกเรียกชื่อหลบหน้าเขาทันที เพราะเกรงกลัวบางอย่างที่จะเกิดขึ้นถ้ายังสมาคมกับเขาอยู่
“อะไรกันเนี่ย ทำไมไม่ต้อนรับข้าเหมือนทุกท่ะทุกคน”
ไม่มีเสียงตอบรับแม้เสียงเดียว โดยปกติที่ชายคนนี้กลับมาจะมีผู้คนคอยต้อนรับอย่างอบอุ่นแต่ครั้งนี้ไม่มีซักราย
“เห็นทีคงต้องเป็นท่านจริงๆสิ ที่จะต้อนรับข้าแบบอาจจะอบอุ่นอยู่ซักนิด”
เขาเดินลึกเข้าไปในห้องลับ ห้องลับภายในถ้ำแห่งนี้ เป็นฐานทัพลับของชาวเผ่าดาร์กที่ยังมีชีวิตรอดที่เหลือ พวกนี้ชอบบรรยากาศแบบเป็นที่มืด แต่อบอุ่นด้วยหินหนืด พวกเขาสามารถเดินลุยมันไปได้โดยไม่เป็นอะไร เป็นความสามารถฟ้าประทานของเผ่าดาร์ก ชายเมื่อครู่เดินผ่านประตูอีกบานหนึ่ง ซึ่งไร้บานประตู ภายใน มีบังลังค์ของราชาเผ่าดาร์ก ทันทีที่ราชาเผ่าดาร์กเห็นเขา ถึงกับบ้าคลั่งด้วยความโกรธ เขาชี้หน้าด่าชายคนนั่นทันที
''เจ้ายังกล้ามาเหยียบที่นี่อีกรึ เดสโฟร''
ชายคนนั้นเดินมาคุกเข่าตามธรรมเนียมเก่าแก่ เพื่อแสดงความเคารพต่อราชาของเขา ยอมรับต่อความผิดบางอย่างที่ได้ทำ
“เป็นท่านจริงๆด้วยที่จะกล่าวต้อนรับข้า”
เดสโฟรพูดพร้อมกับรอยยิ้มเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวของเขาผุดขึ้น
''ข้าต้องขออภัยด้วย เมื่อร้อยปีที่แล้วที่ไม่สามารถกลับมาหาท่านได้ เพราะข้าโดนยายแก่ตอนนี้เป็นผีเฝ้าวิหาร ริบพลังแทบไม่เหลือ''
''ข้าไม่ได้พูดเรื่องเจ้า เจ้าจะเป็นตายยังไง ข้าไม่สนใจ แต่เรื่องที่เจ้าไม่สามารถนำคทานางฟ้ามาปลดผนึกเทพของพวกเราได้ มันเเป็นเรื่องที่ข้ายอมรับไม่ได้''
''แต่ว่า...''
''ไม่มีแต่ อะไรทั้งนั้น พลาดคือตาย ทหาร นำตัวมันออกไป!!''
''ถ้าพวกเจ้าตัวไหนกล้าเข้ามาละก็ ตายแน่!!''
เดสโฟร ชักดาบคู่ใจเล่มหนึ่งออกมาควงรอบนึงแล้วตั้งท่าเตรียมพร้อม ถ้ามีใครคนใดกล้าเข้ามาหาเขา มันคนนั้นจะไม่มีทางรอด
''ที่ข้ามาที่นี่ ไม่ได้ที่จะมาตาย แม้ข้ารู้ว่ามาแล้วคงต้องโดนฆ่าตายแล้วข้าจะมาทำไมกันเล่า ที่ข้ามาวันนี้ก็เพื่อเสนอบางสิ่ง ที่ข้าคิดว่าตัวท่านเองคงจะพอใจ''
ฟลอริกซ์แปลกใจแต่ก็ต้องยอมฟังคำพูดของเดสโฟรเอว่าเขาจะได้ผลประโยชน์เพิ่มขึ้นมาอีกจากการที่เดสโฟรจะเสนอ
''แล้วเจ้ามาที่นี่ทำไม''
''ข้าแต่ราชาแห่งข้า ตอนนั้นข้าได้ทำลายวิหารนั่นไม่เหลือซาก ท่านก็รู้ว่าถ้าคทาอยู่ที่นั่น มันคงจะทำลายไม่ได้ แต่เพราะว่าพวกคนเฝ้าวิหาร ได้พาคทาไปแล้ว คทาโดนปลดผนึกทำให้เรามีโอกาสได้มากขึ้น และยิ่งง่ายกว่าเดิมด้วยซ้ำ''
ราชาแห่งดาร์ก ฟังอย่างนั่นก็คิดตาม มันจริงอน่างที่เดสโฟรบอกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเดสโฟร ราชาเชื่อเขาสนิทใจ
''ข้าก็รู้ว่าท่านได้ยินคำทำนายนั่นเหมือนกัน มันเป็นเรื่องบ้าบอเรื่องหนึ่งแต่หากอัศวินจากดินแดนอันไกลโพ้นมาที่นี่จริง มันก็คงจะไม่สามารถสู้กับพวกเราได้หรอก ข้าเลยจะบอกท่านว่า ตอนนี้เรายังมีโอกาสและง่ายกว่าเดิมด้วยซ้ำ''
''จริงของเจ้า ทหาร ปล่อยเขา''
พวกทหารหยุดการที่ต้องการจับตัวเดสโฟรทันที ทั้งๆที่พวกเขายังไม่สามารถจะจับเดสโฟรได้เพราะกลัวความสามารถของเขา
''งั้นข้าจะให้โอกาสเจ้าเดสโฟร นี่เป็นงานชิ้นสุดท้าย ถ้าเจ้าทำพลาด เจ้าตาย''
''ครับท่าน ฟลอริกซ์''
เดสโฟรเดินออกมาจากถ้ำลับโดยมีสีหน้าพอใจเป็นที่สุด เขาทำสำเร็จสามรถเกลี้ยกล่อมราชาแห่งดาร์กให้เชื่อตามเขาได้ เขาเดินมุ่งหน้าไปยังต้นไม้ใหญ่ต้นเดิมที่เขาคุยกับสิ่งปริศนา
“เห็นไหม วินด์ดอน ข้าหลอกตาแก่นั้นได้ ใช่มันไม่กล้าทำอะไรข้า แค่ขู่เท่านั้น ข้าเองก็เกือบจะได้ตำแหน่งราชาแล้วถ้ามันตัวไหนเข้ามา”
เดสโฟรพูดอย่างร่าเริงกับสิ่งที่อยู่บนต้นไม้เดิม เขาเดินเข้าไปใกล้ต้นไม้นั่นอีก “เอาล่ะ ลงมาได้แล้ว วินด์ดอน”
บางอย่างลงจากต้นไม้ มันมีลักษณะคล้ายกับนกเหยี่ยวสีดำ แต่ตัวใหญ่กว่าหลายเท่าตัว เดสโฟรทักทายมันอย่างสนิทสนม เขาเรียกมันว่า ''วินด์ดอน'' เขาบังเอิญเจอมันตอนที่มันยังเป็นทารก เขาเลี้ยงมันจนเติบใหญ่ มันจึงถวายทั้งชีวิตแก่เขา
เดสโฟรขึ้นขี่หลังมันบอกว่าเขาพร้อมแล้ว วินด์ดอนครางเบาๆก่อนออกตัวบินขึ้นไปบนท้องฟ้า โต้ลมหนาวยามราตรี เดสวินมองจันทร์เต็มดวงสีเงิน ก่อนที่วินด๋ดอนจะบินต่ำลงไปยังที่หมายที่เขาบอกไว้ล่วงหน้า ไพริออน เมืองหลวงของไพริเวนเดอร์
บทที่ 3 เงามืดที่หวนกลับ
ดวงจันทร์สาดแสงลงบนพื้นโลก แผ่นดินไพริเวนเดอร์ที่กว้างใหญ่ มองจากมุงบนจะเห็นแสงตะคุ่มๆอยู่เป็นจุด เป็นเครื่องบ่งบอกถึงความเจริญของบริเวณนั้น มีเงาร่างสูงยืนบนเทือกเขาแบล็กไวท์มองมันอยู่ เทือกเขาแบล็กไวท์เป็นเทือกเขาที่สูงเป็นอันดัย2 รองจากเทือกเขาไพริออเนอร์ที่สูงที่สุดในไพริเวนเดอร์
เงานั้นเดินกินลมชมวิวจากการที่จากที่นี่มานาน มันเตรียมที่จะรับศึกหนักในเวลาข้างหน้าที่จะถึงในเพียงไม่กี่อึดใจ เพราะมันเสี่ยงยิ่งนักที่จะไปพบกับผู้ที่เป็นเสมือนเจ้าชีวิตของมัน
“บางทีอยู่อย่างเจ้าก็ดีนะ วินด์ดอน”
เสียงทุ้มๆของเงาๆนั้นดังขึ้นเพื่อกลบความเงียบโดยมีผู้ฟังคำรามเบาๆบนต้นไม้ใหญ่ “ไม่รู้ว่าฟลอริกซ์จะเล่นตุกติกอะไรอีก บางทีมันอาจเปนครั้งสุดท้ายที่เจ้าจะเจอข้าก็ได้นะ วินด์ดอน”
เสียงครางคล้ายเสียงนกดังจากต้นไม้ใหญ่อีกรอบ
“หรือบางทีก็ไม่แน่ ข้าอาจจะได้นั่งบัลลังค์ก็ได้ ใครจะรู้ ถ้าฟลอริกซ์เล่นตุกติก ข้าจะไม่เอามันไว้แน่” เงานั้นพูดเสียงเบาๆพอได้ยินสำหรัประโยชน์นี้ กลัวว่าจะมีใครได้ยินเข้า “ไม่ต้องห่วงหรอก วินด์ดอน ยังไงซะ ตาแก่ฟลอริกซ์ก็ต้องอาศัยข้าเป็นไม้เท้าอยู่วันค่ำ มันไม่มีทางทำอะไรข้าหรอก ข้าไปนะ”
เงาลึกลับเดินหายไปในถ้ำลับแห่งหนึ่งในเทือกเขานี้ เงานั้นเดินไปเรื่อยๆลึกลงไปในความมืดมิดของถ้ำ เงานั่นสามารถเดินในถ้ำนี้ได้โดยไม่ชนกับผนังถ้ำมืดๆ เพราะตาของมันสามารถมองเห็นได้ในความมืด ความมืดเพียงแค่นี้เป็นเหมือนกับแสงอาทิตย์ยามกลางวัน ในที่สุดมันเดินมาถึงหน้าประตูบานหนึ่งมีขนาดใหญ่พอที่จะให้ช้างตัวใหญ่3-4ตัวสามารถเดินเข้าไปได้โดยไม่ต้องเบียดกัน เงานั้นเริ่มกระซิปบางอย่างกับประตูบานนั้น เป็นภาษาที่ฟังไม่ออก ประตูค่อยๆปลดผนึกเปิดอ้าให้เงานั้น เมื่อทันทีที่ประตูเปิด แสงสีแดงของหินนืดวิ่งกระทบเงานั้น กลายเป็นคนสวมผ้าคลุมสีดำ เขาค่อยๆเปิดใบหน้าที่มีผ้าคลุมบดบังอยู่ เป็นชายวัยกลางคนหน้าตาน่ากลัว ผมขาวยาวปรกไหล่ทั้งสอง มีแผลเป็นที่บริวณหน้า เขาถอนหายใจยาวๆก่อนจะเดินเข้าไปในใจกลางห้อง
“คิดถึงจังเลย ไม่ได้กลับบ้านกี่ปีแล้วเนี่ย ร้อยสองร้อยปีแล้วมั่ง”
ชาวเผ่าดาร์กต่างแหงนมองชายผู้นี้เป็นตาเดียวราวกับว่าชายผู้นี้จะทำอันตรายพวกเขาอย่างไงอย่างงั้น “มาทั้งทีไม่ต้อนรับกันบ้างหรือ อ้าว ว่าไง นีมิร่า!”
สาวเผ่าดาร์กที่ถูกเรียกชื่อหลบหน้าเขาทันที เพราะเกรงกลัวบางอย่างที่จะเกิดขึ้นถ้ายังสมาคมกับเขาอยู่
“อะไรกันเนี่ย ทำไมไม่ต้อนรับข้าเหมือนทุกท่ะทุกคน”
ไม่มีเสียงตอบรับแม้เสียงเดียว โดยปกติที่ชายคนนี้กลับมาจะมีผู้คนคอยต้อนรับอย่างอบอุ่นแต่ครั้งนี้ไม่มีซักราย
“เห็นทีคงต้องเป็นท่านจริงๆสิ ที่จะต้อนรับข้าแบบอาจจะอบอุ่นอยู่ซักนิด”
เขาเดินลึกเข้าไปในห้องลับ ห้องลับภายในถ้ำแห่งนี้ เป็นฐานทัพลับของชาวเผ่าดาร์กที่ยังมีชีวิตรอดที่เหลือ พวกนี้ชอบบรรยากาศแบบเป็นที่มืด แต่อบอุ่นด้วยหินหนืด พวกเขาสามารถเดินลุยมันไปได้โดยไม่เป็นอะไร เป็นความสามารถฟ้าประทานของเผ่าดาร์ก ชายเมื่อครู่เดินผ่านประตูอีกบานหนึ่ง ซึ่งไร้บานประตู ภายใน มีบังลังค์ของราชาเผ่าดาร์ก ทันทีที่ราชาเผ่าดาร์กเห็นเขา ถึงกับบ้าคลั่งด้วยความโกรธ เขาชี้หน้าด่าชายคนนั่นทันที
''เจ้ายังกล้ามาเหยียบที่นี่อีกรึ เดสโฟร''
ชายคนนั้นเดินมาคุกเข่าตามธรรมเนียมเก่าแก่ เพื่อแสดงความเคารพต่อราชาของเขา ยอมรับต่อความผิดบางอย่างที่ได้ทำ
“เป็นท่านจริงๆด้วยที่จะกล่าวต้อนรับข้า”
เดสโฟรพูดพร้อมกับรอยยิ้มเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวของเขาผุดขึ้น
''ข้าต้องขออภัยด้วย เมื่อร้อยปีที่แล้วที่ไม่สามารถกลับมาหาท่านได้ เพราะข้าโดนยายแก่ตอนนี้เป็นผีเฝ้าวิหาร ริบพลังแทบไม่เหลือ''
''ข้าไม่ได้พูดเรื่องเจ้า เจ้าจะเป็นตายยังไง ข้าไม่สนใจ แต่เรื่องที่เจ้าไม่สามารถนำคทานางฟ้ามาปลดผนึกเทพของพวกเราได้ มันเเป็นเรื่องที่ข้ายอมรับไม่ได้''
''แต่ว่า...''
''ไม่มีแต่ อะไรทั้งนั้น พลาดคือตาย ทหาร นำตัวมันออกไป!!''
''ถ้าพวกเจ้าตัวไหนกล้าเข้ามาละก็ ตายแน่!!''
เดสโฟร ชักดาบคู่ใจเล่มหนึ่งออกมาควงรอบนึงแล้วตั้งท่าเตรียมพร้อม ถ้ามีใครคนใดกล้าเข้ามาหาเขา มันคนนั้นจะไม่มีทางรอด
''ที่ข้ามาที่นี่ ไม่ได้ที่จะมาตาย แม้ข้ารู้ว่ามาแล้วคงต้องโดนฆ่าตายแล้วข้าจะมาทำไมกันเล่า ที่ข้ามาวันนี้ก็เพื่อเสนอบางสิ่ง ที่ข้าคิดว่าตัวท่านเองคงจะพอใจ''
ฟลอริกซ์แปลกใจแต่ก็ต้องยอมฟังคำพูดของเดสโฟรเอว่าเขาจะได้ผลประโยชน์เพิ่มขึ้นมาอีกจากการที่เดสโฟรจะเสนอ
''แล้วเจ้ามาที่นี่ทำไม''
''ข้าแต่ราชาแห่งข้า ตอนนั้นข้าได้ทำลายวิหารนั่นไม่เหลือซาก ท่านก็รู้ว่าถ้าคทาอยู่ที่นั่น มันคงจะทำลายไม่ได้ แต่เพราะว่าพวกคนเฝ้าวิหาร ได้พาคทาไปแล้ว คทาโดนปลดผนึกทำให้เรามีโอกาสได้มากขึ้น และยิ่งง่ายกว่าเดิมด้วยซ้ำ''
ราชาแห่งดาร์ก ฟังอย่างนั่นก็คิดตาม มันจริงอน่างที่เดสโฟรบอกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเดสโฟร ราชาเชื่อเขาสนิทใจ
''ข้าก็รู้ว่าท่านได้ยินคำทำนายนั่นเหมือนกัน มันเป็นเรื่องบ้าบอเรื่องหนึ่งแต่หากอัศวินจากดินแดนอันไกลโพ้นมาที่นี่จริง มันก็คงจะไม่สามารถสู้กับพวกเราได้หรอก ข้าเลยจะบอกท่านว่า ตอนนี้เรายังมีโอกาสและง่ายกว่าเดิมด้วยซ้ำ''
''จริงของเจ้า ทหาร ปล่อยเขา''
พวกทหารหยุดการที่ต้องการจับตัวเดสโฟรทันที ทั้งๆที่พวกเขายังไม่สามารถจะจับเดสโฟรได้เพราะกลัวความสามารถของเขา
''งั้นข้าจะให้โอกาสเจ้าเดสโฟร นี่เป็นงานชิ้นสุดท้าย ถ้าเจ้าทำพลาด เจ้าตาย''
''ครับท่าน ฟลอริกซ์''
เดสโฟรเดินออกมาจากถ้ำลับโดยมีสีหน้าพอใจเป็นที่สุด เขาทำสำเร็จสามรถเกลี้ยกล่อมราชาแห่งดาร์กให้เชื่อตามเขาได้ เขาเดินมุ่งหน้าไปยังต้นไม้ใหญ่ต้นเดิมที่เขาคุยกับสิ่งปริศนา
“เห็นไหม วินด์ดอน ข้าหลอกตาแก่นั้นได้ ใช่มันไม่กล้าทำอะไรข้า แค่ขู่เท่านั้น ข้าเองก็เกือบจะได้ตำแหน่งราชาแล้วถ้ามันตัวไหนเข้ามา”
เดสโฟรพูดอย่างร่าเริงกับสิ่งที่อยู่บนต้นไม้เดิม เขาเดินเข้าไปใกล้ต้นไม้นั่นอีก “เอาล่ะ ลงมาได้แล้ว วินด์ดอน”
บางอย่างลงจากต้นไม้ มันมีลักษณะคล้ายกับนกเหยี่ยวสีดำ แต่ตัวใหญ่กว่าหลายเท่าตัว เดสโฟรทักทายมันอย่างสนิทสนม เขาเรียกมันว่า ''วินด์ดอน'' เขาบังเอิญเจอมันตอนที่มันยังเป็นทารก เขาเลี้ยงมันจนเติบใหญ่ มันจึงถวายทั้งชีวิตแก่เขา
เดสโฟรขึ้นขี่หลังมันบอกว่าเขาพร้อมแล้ว วินด์ดอนครางเบาๆก่อนออกตัวบินขึ้นไปบนท้องฟ้า โต้ลมหนาวยามราตรี เดสวินมองจันทร์เต็มดวงสีเงิน ก่อนที่วินด๋ดอนจะบินต่ำลงไปยังที่หมายที่เขาบอกไว้ล่วงหน้า ไพริออน เมืองหลวงของไพริเวนเดอร์
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ