บทเพลงรักสะกิดใจ นายสุดฮอต!!
8.8
เขียนโดย Namizz
วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 20.37 น.
27 chapter
129 วิจารณ์
42.06K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558 09.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
25) ~ 25 ~
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความซุ้มประตูทางเข้าชั้นในของสวนสนุกมีขนาดใหญ่มาก ถนนที่ปูด้วยอิฐสีขาวกว้างพอให้รถห้าคันจอดเรียงตามขวางได้ทอดยาวไปไกล สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านขายอาหารและของเล่นเด็ก ซึ่งมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กดังขึ้นอย่างเซ็งแซ่ ลึกเข้าไปจะพบการลานเครื่องเล่นนานาชนิด
เมื่อก๊วนของฉันเดินเข้ามาในสวนสนุกแห่งนี้ ทุกคนดูจะตื่นตาตื่นใจกับเครื่องเล่นกันมาก รวมทั้งตัวฉันด้วย เพราะนานแล้วที่ตัวฉันไม่ได้มาที่นี่...จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่มาก็ตอนอายุ 6 ขวบ หลังจากนั้นก็ไม่ได้มาเที่ยวที่นี่อีกเลย เพราะบัตรค่าเข้าแพงมากกก...ทุกคนประเดิมเล่นเครื่องเล่นกันมากมาย เช่น ไวกิ้ง ชิงช้าสวรรค์ รถไฟเหาะ แม้กระทั่งม้าหมุนก็ไม่ปล่อยให้พลาด แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ยอมเล่นอะไรเลยตั้งแต่เข้ามา เอาแต่นั่งเหม่อดูเพื่อนๆเล่นกัน
"นียา...ไปเล่นกันเถอะ..มาทั้งทีของฟรีต้องเอาให้คุ้ม" โซฟีวิ่งเข้ามาชวนฉันให้ไปเล่นเฮอริเคน แต่ฉันส่ายหน้าปฏิเสธ
"วันนี้ฉันรู้สึกไม่สบายน่ะ..มัน..เวียนหัวยังไงไม่รู้ พวกเธอไปเล่นกันเถอะ" ฉันตอบออกไปอย่างนั้น
"เป็นอะไรมากหรือเปล่า..ไหนดูหน่อยซิ" พูดจบฝ่ามือบางก็มาอังมาที่หน้าผากของฉันเรียบร้อยแล้ว...ฉันแอบสังเกตสีหน้าของโซฟี..มองแล้วรู้สึกทราบซึ้ง..สมแล้วที่เป็นนางฟ้าในใจโพทส์....
"ฉันไม่เป็นไรหรอกหน่า...นั่งอีกสักพักก็คงหาย...นั่นไง!โพทส์กวักมือเรียกแล้ว..." ฉันบอกปักอย่างเกรงใจ
"อืมม...งั้นพักผ่อนเยอะๆนะ.." พูดจบร่างบางก็วิ่งออกไปทันที เพราะโพทส์จ้องมาทางฉันอย่างเอาเรื่อง เหอะๆๆ ฉันจึงต้องนั่งอยู่คนเดียวเหมือนเดิม...
~~ เมื่อชีวิตของคนเรามันสั้นนัก...สิ่งที่ช้านนนนพอจะทำ~~
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้น ฉันมองหน้าจอก็ขึ้นว่า’มารดา’ แค่เห็นชื่อฉันก็ไม่อยากรับสาย...ฉันมีสีหน้าลังเล แต่ก็ตัดสินใจที่จะ...
"สวัสดีค่ะ...แม่" ฉันกรอกเสียงลงไปอย่างหน่ายๆ
'นียาเหรอลูก...นี่แม่เองนะ ไปเที่ยวสนุกไหม แล้วกินข้าวหรือยัง...อย่าตากแดดมากนะลูก เดี๋ยวไม่สบาย แล้วก็....' แม่ยังไม่ทันพูดจบ ฉันก็แทรกขึ้น
"มีเรื่องแค่นี้ใช่ไหมคะ...งั้นวางล่ะค่ะ"
'ดะ...เดี๋ยวนียา! ...แม่รู้ข่าวแล้วนะว่าโรงเรียนนั้น...ผ่านการประเมิน...ขอบใจมากนะลูก..นียาทำให้ความหวังของแม่เป็นจริง...แม่รัก....'
ติ๊ดด!!
ฉันกดวางสายทันที ไร้ประโยชน์ถ้าจะได้ยินคำๆนั้น เพราะตอนนี้ ฉันไม่ต้องการมันแล้ว...ถ้าโรงเรียนนี้ไม่ผ่านการประเมิน...แม่ก็คงจะไม่มีวันพูดดีๆแบบนี้กับฉันหรอก...เสียเวลา....
แม่รักลูกนะ...นียา
อีกด้านหนึ่งของผู้เป็นแม่...เธอกำลังจะพูดในสิ่งที่เธอเก็บไว้มานาน...แต่ทำไม..นี่เธอเป็นแม่ที่ไม่เอาไหนเลย...ตลอดเวลา เธอรู้..ว่าลูกสาวของตัวเองเจ็บช้ำแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่เธอจะเข้าไปทำหน้าที่ของคนเป็นแม่...แม่ขอโทษ.....
"โห! ตอนมันตีลังกากลับหัวอยู่นะ...คอฉันแทบหักแหนะ" ไอซ์เดินโม้มาตามทางเดินที่กำลังจะมาหาฉัน..ซึ่งก็ทำให้ทุกคนตั้งใจฟังไอซ์อย่างเต็มที่
"เป็นอะไรไปนียา...นั่งจ้องโทรศัพท์อยู่ได้...หิวล่ะสิ งั้นเราไปหาอะไรกินกันดีกว่า นี่ก็เลยเที่ยงมาแล้วนะ" ร่างอ้วนของโซดาเสนอเรื่องกินขึ้นทันที แต่ทว่า
~~เมื่อชีวิตของคนเรามันสั้นนัก สิ่งที่ฉันพอจะทำ~~
"ฮัลโหล...ว่าไง ละ...ลู.." ฉันกำลังจะเรียกชื่อลูกปลาออกมา แต่
'หยุดนะ! เอ่อ..แกไม่ต้องพูดชื่อฉันขึ้นมาหรอก..เพราะฉันกะจะเซอร์ไพร์พวกนั้น เอาเป็นว่าแกออกมารับฉันที่โรงจอดรถชั้นนอกก็แล้วกัน..อย่างให้ใครรู้และตามแกมานะ..ฉันจะรอ..'สิ้นเสียงลูกปลาก็วางสายไปทันที
"เอ่อ..คือ พวกแกไปกันก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันตามไปทีหลัง เผอิญปวดท้องน่ะ..ไว้เจอกันนะ" พูดจบฉันก็หันขวับจะวิ่งออกไป แต่
"เดี๋ยวนียา! " เฟิร์นตะโกนเรียกชื่อ ส่งผลให้ฉันเบรกแทบไม่ทัน
"ฉันขอยืมโทรศัพท์แกหน่อยดิ..พอดีเครื่องฉันตังหมดอ่ะ..แกเอาของฉันไว้ติดต่อก็แล้วกัน" ฉันลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยอมให้ไป
"ขอบใจย่ะ!" เฟิร์นเอ่ยขึ้นแล้วยิ้มให้ เช่นเดียวกับฉันที่วิ่งแยกออกไปอย่างรวดเร็ว
"เฟิร์น เมื่อกี้แกพึ่งเติมตังค์ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไม.." โซดาถามขึ้นอย่าสงสัย
"ฉันแค่อยากรู้อะไรบางอย่าง..." พูดจบเฟิร์นก็กดโทรศัพท์เข้าที่สายที่รับ ทันที...แล้วก็เป็นอย่างที่เธอคิด...ลูกปลาคงเริ่มแล้วสินะ...สายตามุ่งมั่นเมื่อครู่ถูกทดแทนด้วยความเศร้าซึมทันที...
ตึ้งงงง!!!
เสียงของสายกีตาร์เส้นสุดท้ายได้ขาดออก ในขณะที่เต็งหนึ่งกำลังเล่นอยู่... เขามีสีหน้าแปลกใจ ตั้งแต่เคยจับกีตาร์ เขาไม่เคยทำสายมันขาดเลยสักครั้ง แต่ตอนนี้.. ชายหนุ่มคิดได้แค่นั้นก็ต้องวางกีตาร์ลงข้างเตียง...
แกร็ก...
ประตูถูกเปิด นางพยาบาลชุดขาวเดินเข้ามา พลางชะโงกหน้าเข้าไปดูข้างใน เสียงกีตาร์ที่ดังลอดออกไปเมื่อครู่ บัดนี้ได้เงียบลงแล้ว..พอมองไปที่เตียงคนไข้ก็เห็นเต็งหนึ่งเอาหมอนพิงกำแพงแล้วนั่งกอดอกอยู่... ผิวที่ดูขาวซีดในตอนนี้ ได้ซีดมากขึ้นกว่าเดิม...
"ไม่ต้องมาบังคับผมให้ยาก...ยังไงผมก็ไม่กินยาสับปะรังเคนั่นหรอก ให้มาผมจะบ้วนทิ้ง"
"........." นางพยาบาลได้แต่ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ
"นี่ผมพูดจริงๆนะ พี่พยาบาลคนสวย...กินหรือไม่กินก็ต้องตายอยู่ดี...สู้ไม่กินแล้วรู้สึกดีจะดีกว่านะ อีกอย่างมันสิ้นเปลืองด้วย เม็ดนึงก็ตั้งแพง คิดซะว่าผมบริจาคยาเม็ดนี้ให้คนที่ป่วยเหมือนผมเถอะ" เต็งหนึ่งพูดด้วยท่าทีสบายๆ แต่น้ำเสียงลึกๆของเขา..กลับทำให้คนที่ได้ยินใจหาย
"แต่ถ้าลูกไม่กิน..ลูกก็จะอยู่ได้ไม่นาน...นะเต็งหนึ่ง" เสียงของคุณแม่แทรกขึ้น เต็งหนึ่งที่ตอนแรกมองหน้าพี่พยาบาล ก็ต้องหันพึ่บมาทางต้นเสียงทันที ก่อนจะอ้าปากค้าง อย่างตกใจ..คุณแม่ค่อยๆเดินเข้าไปหาแล้ววางปิ่นโตอาหารไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียง
"แม่...." เขาครางออกมาอย่างแผ่วเบา
"แม่รู้ทุกอย่างแล้ว....เออนี่! กินยาเร็วๆสิลูก จะได้กินข้าวที่แม่อุตส่าห์ทำมาให้ ดูสิแม่ทำแต่ของโปรดเต็งเลยนะลูก..." แม่พยายามหลบสายตา เพื่อไม่อยากให้ลูกชายได้เห็นความรู้สึกที่เจ็บปวด....
เต็งหนึ่งรีบหยิบยาที่อยู่ในถาดเอาเข้าปากรวดเร็ว นางพยาบาลรีบเทน้ำใส่แก้วให้แทบไม่ทัน...เขาไม่อยากเห็นแม่เสียใจอีก...เข้ารู้...เขาเคยเห็น ตอนที่พ่อตายไป แม่ทุกข์ทรมานแค่ไหน...แต่นี่..เขากำลังจะจากไป...แล้วแม่เขาล่ะ...แม่จะเสียใจมากไหมนะ...แล้วแม่จะอยู่กับใคร...คำถามมากมายพลุดขึ้นมาในหัวสมอง
"เหม่ออยู่นั้นแหละ..งั้นไม่ต้องกิน หน้าแม่มันมีอะไรนักหนา ถึงได้จ้อง" คุณแม่พูดอย่างประชด
"อะไรอ่ะครับ..ผมกินยาแล้ว แม่อย่าใจร้ายกับผมสิ" เขาดึงปิ่นโตมาจากมือแม่ ก่อนจะเปิดฝา
"กินนะคร๊าบบบ" แม่มองเต็งหนึ่งยิ้มๆ ก่อนจะเดินไปหยิบทิชชูมาให้ แต่ในห้องมันไม่มี แม่เลยออกไปของนางพยาบาลข้างนอก พอกลับเข้ามาอีกทีก็ไม่เห็นเต็งหนึ่งบนเตียงแล้ว เหลือแต่กล่องปิ่นโตเท่านั้น
"เต็งหนึ่งลูก..." คุณแม่เดินตามหาเขารอบห้อง ดูแม้กระทั่งใต้เตียง แล้วก็ต้องตกใจเมื่อกล่องปิ่นโตบนเตียงมีแต่คราบอ๊วก...แม่เลยเดินตรงไปที่ห้องน้ำแล้วเปิดประตูออกอย่างตกใจ..เต็งหนึ่งนั่งชันเข่าอยู่ตรงชักโครก เขากำลังอ๊วกเหมือนไม่มีอะไรออกจากท้อง
"เป็นอะไรลูก..กับข้าวไม่อร่อยเหรอ ทำไมเป็นแบบนี้"
"เปล่าๆๆๆครับแม่ ไม่มีอะไร..กับข้าวของแม่อร่อยปกติดี แต่ผมไม่ปกติเท่านั้นแหละ...ผม...ผมไม่ปกติ ฮือออ..." เต็งหนึ่งพูดๆแล้วก็ร้องไห้ออกมาทำเอาแม่ตกใจ
"ฮืออ..ผมไม่ปกติทำไมผมต้องเป็นแบบนี้..ผมอยากกินกับข้าวที่แม่ทำมาให้ แต่ผมก็กินไม่ได้ ผมมันไม่ปกติ.." คุณแม่ดึงเต็งหนึ่งเข้ามากอดอย่างไม่รังเกียจคราบอ๊วกที่ยังติดอยู่ที่ปากของเขา... เขาร้องไห้น้ำตานองหน้าทำให้คนเป็นแม่น้ำตาพานจะไหลออกมาด้วย..แม่พูดได้แต่คำว่า..
"แม่อยู่ตรงนี้นะลูก..ไม่ต้องคิดอะไรนะ แม่จะอยู่กับลูกเสมอ...เต็งหนึ่ง"
หญิงสาวเดินออกห่างจากซุ้มประตูสวนสนุก เพื่อไปยังลานจอดรถของที่นี่..นียาชะโงกหน้ามองหาใครอีกคนที่นัดให้เธอออกมารับ...แต่เมื่อมองไปทางไหนก็มีแต่ความว่างเปล่า..เพราะที่นี่มีแต่รถยนต์เท่านั้น หญิงสาวเริ่มเมื่อยกับการยืนรอ จึงนั่งชันเข่าอยู่ใกล้ๆรถสีดำคันหนึ่ง....
พรึ่บ!!
ผ้าเช็ดหน้าสีขาวของใครบางคนได้ปิดหน้าของหญิงสาว...เธอเริ่มดิ้นเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของคนร้าย แต่แล้ว ร่างกายของเธอก็เริ่มหมดแรง...กลิ่นยาแปลกๆจากผ้าเช็ดหน้าทำให้สติเริ่มเลือนราง แล้วตาของเธอก็ปิดลง....
"นิ่งแบบนี้ตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง"
ร่างบางของหญิงสาวอีกคนสบถออกมาเบาๆ แต่ที่มุมปากกลับยิ้มอย่างพอใจในผลงานของตน....
"เฟิร์น ฉันว่านียามันไปนานเกินไปแล้วนะ...เข้าห้องน้ำอะไรวะ สองชั่วโมง " โซดาเอ่ยขึ้นหลังจากที่ยัดขนมปังที่เหลือจากให้อาหารปลาเมื่อครู่
"เออ...นั่นดิ ฉันว่านียามันต้องหลงทางแหงๆ " ไอซ์เดินเข้ามาสมทบและพูดขึ้น...แต่สิ่งที่เฟิร์นกำลังคิด ไม่ใช่อย่างนั้น...การที่นียาหายไป ต้องเป็นฝีมือลูกปลาแน่นอน!
"งั้นฉันจะไปบอกอาจารย์วา...ส่วนพวกเธอไปตามหานียาให้ทั่ว โอเคนะ" โพทส์รีบลากโซฟีแยกออกไปอย่างรวดเร็ว
"งั้นเราแยกตามหากันเถอะ" เอ็มพูดขึ้น แต่เฟิร์นก็ยกมือขึ้นห้าม
"ไม่ต้องตามหาหรอก...ฉันรู้ว่านียาอยู่ที่ไหน...ถ้าเดาไม่ผิด นียากำลังตกอยู่ในอันตราย!" เฟิร์นพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา ซึ่งทำให้คนที่เหลือเสียวสันหลังวาบทันที
"นะ...นี่มันเกิดอะไรขึ้น..ฟะ...เฟิร์น" โซดาถามตะกุกตะกัก แต่เฟิร์นไม่ตอบคำถาม และพูดขึ้นว่า
"หาคอมให้ฉันสักเครื่อง...เราก็จะได้รู้ที่อยู่ของนียา...และลูกปลา..." สิ้นเสียง ทุกคนต่างเงียบอย่างน่าใจหาย แต่คนที่ตั้งสติได้คือเอ็ม เขาเดินนำทางไปที่ซุ้มเกมส์คอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็ว
~~กริ๊งงงง...กริ๊งงงงๆ~~
เสียงริงโทนรุ่นแรกๆที่คนในปัจจุบันไม่เคยคิดที่จะใช้ดังขึ้น ทำให้คนที่นอนหลับอยู่ ลืมตาขึ้นมาทันที มือขาวซีดของเขาพยายามเอื้อมไปเปิดลิ้นชักข้างเตียง และเขาก็หยิบมันออกมา..เบอร์ที่ไม่คุ้นตาทำให้คิ้วทั้งสองข้างเริ่มพันกัน ก่อนที่จะตัดสินใจกดรับสาย
'ฮัลโหล...พี่เต็งหนึ่งเหรอคะ!!' เสียงปลายสายพูดรัวแทบไม่รู้เรื่อง
"........." แต่เขาก็ไม่ได้ตอบ มีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาดังลอดเข้าไปในสาย
'นี่เฟิร์นเอง พี่เต็งหนึ่งคะ ช่วยนียาด้วย นียากำลังตกอยู่ในอันตราย พี่ต้องช่วยนียานะคะ!!'
"อะไรนะ!!" เต็งหนึ่งร้องเสียงดังอย่างลืมตัว แต่เมื่อเขาได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เขาก็ต้องพยายามใจเย็นลง
'ตอนนี้เรารู้สถานที่ที่สองคนนั้นอยู่...แต่เฟิร์นกลัว...กลัวไปไม่ทัน แล้วทุกอย่างมันจะสาย....' หญิงสาวพูดเสียงเศร้าขึ้นมา ยิ่งทำให้เต็งหนึ่งกระวนกระวายมากยิ่งขึ้น
"นียาอยู่ที่ไหน!!" ชายหนุ่มพูดเสียงหนักแน่น
'ดะ...ดาดฟ้าบนหอประชุมโรงเรียน....' เต็งหนึ่งกดวางสายทันที เขารู้สึกเป็นห่วงนียาทุกลมหายใจเข้าออก...หัวใจของเขาอยากจะไปพบนียาซะเดี๋ยวนี้เลย...
แต่เขาก็ต้องหยุดความคิดไว้แค่นั้น เมื่อนึกขึ้นได้ว่าร่างกายของเขาตอนนี้ แทบจะไม่มีเรี่ยวแรง และไม่สามารถออกไปจากโรงพยาบาลนี้ได้...นี่เขาทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ... เต็งหนึ่งมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเลื่อนลอย สายตาของเขากำลังร่ำไห้อย่างสิ้นหวัง แต่แล้วภาพในอดีตก็ฉายขึ้นมา คำสัญญาที่เขาเคยให้ไว้กับเธอ.. ทำให้เขามีกำลังใจ นึกฮึดสู้อีกครั้ง...
'พี่สัญญาว่าพี่จะอยู่เคียงข้างนียา ไม่ว่านียาจะอยู่ที่ไหนพี่จะอยู่...ในใจของนียาเสมอ'
เราจะต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้...เราต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเธอ...เราจะไม่มีวันผิดคำพูดอีก...ไม่มีวัน!!!....
...นียา...รอพี่ก่อนนะ พี่จะไปหาเธอเดี๋ยวนี้แหละ!!...
===============
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.2 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ