บทเพลงรักสะกิดใจ นายสุดฮอต!!

8.8

เขียนโดย Namizz

วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 20.37 น.

  27 chapter
  129 วิจารณ์
  42.04K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558 09.57 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

18) ~ 18 ~

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
     ~ ~ อ๊อด ~ ~ อ๊อด ~ ~
               
 
     เสียงออดดังขึ้นเพื่อบ่งบอกให้รู้ว่าหมดเวลาแห่งการเรียนรู้แล้ว ร่างบางทั้งสองกับร่าง (โอ่ง) อีกหนึ่งเดินออกมาจากห้องเรียนดนตรีอย่างพร้อมเพรียง แต่พอเดินไปได้ไม่เท่าไหร่ ฉันก็ต้องหยุดกะทันหันเพราะพึ่งนึกถึงเรื่องบางอย่าง...
 
 
“หยุดเดินทำไมนียา...มีอะไรเหรอ” เฟิร์นถามขึ้นอย่างสงสัย
 
 
“ปะ...เปล่าหรอก...คะ...คือ...” นียาตอบอย่างตะกุกตะกัก จึงทำให้เพื่อนอีกสองยิ่งเพิ่มความสงสัย
 
 
“อ๋อ! จะไปหานายดอกหญ้านั่นใช่ไหมล่ะ” โซดาพูดขึ้นมาพลางทำหน้ายียวน
 
 
“กะ...ก็เขาจะเอาโทรศัพท์คืนนี่ ฉันก็ต้องเอาไปให้...แกอย่าคิดมากไปเลย” ฉันตอบพลางเหลือบมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง
 
 
“อืม...งั้นพวกฉันกลับก่อนก็แล้วกัน...ถ้ามีอะไรก็โทรมานะ บาย” เฟิร์นโบกมือลาฉัน  ก่อนที่จะลากโซดาตามไปติดๆ
               
 
     เมื่อเพื่อนทั้งสองแยกทางออกไปแล้ว ฉันก็ต้องหันหลังกลับไปที่ห้องดนตรีเหมือนเดิม เฮ้ออ~~ ถ้าคิดออกให้มันเร็วกว่านี้ก็คงไม่ต้องมาเดินให้เหนื่อยเล่นฟรีๆหรอก คิดแล้วก็เซ็งกับตัวเองจริงๆ แต่พอฉันเดินใกล้ห้องดนตรีมากเท่าไหร่เสียงของกีตาร์โปร่งก็ก็ดังขึ้นมากเท่านั้น ฉันค่อยๆเดินเข้าไปข้างในห้องนั้นอย่างเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่แล้ว...
               
 
"มาแล้วเหรอ...ทานตะวัน..." เสียงของคนตรงหน้าเอ่ยขึ้นในขณะที่เขายังหันหลังอยู่ ทว่าเมื่อเขาหันหน้ามา ฉันก็แทบช็อค...ทำยังไงดี...ทีตอนอยากให้มาดันไม่มา  ทีตอนนี้ดันโผล่หน้ามาซะงั้น
               
 
"หน้าฉันมันมีอะไรติดอยู่หรือเปล่า...ฮึ" ชายหนุ่มใช้มือลูบหน้าตัวเองเพราะหญิงสาวตรงหน้าจ้องเขาตาไม่กระพริบ
               
 
"อะ....เอ่อ  เปล่านิ อ่ะ!นี่ของนายใช่ไหม" ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมายื่นให้เขาดู
               
 
"ใช่  ของฉันเอง"เต็งหนึ่งตอบรับเบาๆ
               
 
"ฉันเจอมันที่หน้าประตูห้องนี้ ก็เลยเก็บมันเอาไว้ เผื่อจะได้คืนเจ้าของ" ฉันรีบพูดขึ้นเพราะเขาหลี่ตามองฉันอย่างจับผิด
               
 
"ขอบใจนะ...ทานตะวัน..." เต็งหนึ่งเผยรอยยิ้มให้ฉันอย่างร่าเริง ให้ตายเหอะ เขาจะรู้ไหมนะว่ารอยยิ้มแบบนี้มันทำให้ขาของฉันอ่อนยวบ แต่มันก็เป็นยิ้มที่กวนบาทากระไรนี่!
               
 
"ฉันชื่อนียา...ไม่ใช่ทานตะวันอะไรของนาย..เรียกให้มันถูกด้วย แล้วก็...เปลี่ยนจากคำขอบใจเป็นอย่างอื่นได้ไหม" ฉันเอ่ยขึ้นยิ้มๆ เต็งหนึ่งหันมาสบตาชั่วครู่ แล้วก็พูดขึ้น
               
 
"เธอคงจำไม่ได้จริงๆสินะ....ทำไม...ทำไมเธอต้องลืมฉันด้วย" เต็งหนึ่งพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แววตาของเขาตัดเพ้ออย่างน้อยใจ จากนั้นไม่นานเขาก็กลับมาเป็นเต็งหนึ่งคนเดิม
               
 
     ฉันมองหน้าเขาอย่างไม่ค่อยเขาใจ...เขาพูดเหมือนกับว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อนอย่างนั้นแหละ เมื่อพยายามใช้ความคิด พยายามนึกให้ออกว่าเคยรู้จักหรือเปล่า แต่ทว่า ยิ่งคิด มันก็ยิ่งเจ็บ...ฉันรู้สึกว่าสมองกำลังบีบแน่นเข้าหากัน มันปวด..มาก  เต็งหนึ่งเห็นสีหน้าฉันแล้วเขาก็ต้องตกใจ
               
 
"นียา!  ไหวหรือเปล่า เดี๋ยวฉัน..." เต็งหนุ่มพูดขึ้นอย่างตกใจ แต่ฉันก็พูดแทรก
               
 
"ไม่....ไม่ต้อง ฉันแค่รู้สึกปวดหัวนิดหน่อย...เดี๋ยวมันก็คงจะหายไปเอง..แล้วตกลงว่าไง ที่ฉันถามน่ะ"
               
 
"เธอต้องการอะไร" ฉันถอนหายใจก่อนจะพูดว่า
               
 
"อย่าหาว่าฉันทวงบุญคุณเลยนะ  ฉันแค่ต้องการให้นายมาช่วยฉันในงานนิทรรศการ อีกสามวันข้างหน้า...นายจะว่ายังไง" ฉันถามขึ้นพลางเหลือบมองเขาด้วย
               
 
"งานอะไร" เต็งหนึ่งถามเสียงนิ่ง
               
 
"แสดงคอนเสิร์ต" ฉันหลบสายตาที่กำลังมองฉันอย่างไม่แน่ใจ เอ๊ะ!ตานี่จะมองโหดไปทำไมกัน...เมื่อกี้ยังดูอบอุ่นอยู่เลย...กะอีแค่คอนเสิร์ต ใช่ว่านายนั่นจะไม่เคยสักหน่อย
               
 
"สิ่งตอบแทนล่ะ" เขาถามขึ้นทำเอาฉันที่พึ่งตั้งตัวได้แทบทรุดลงที่เดิม
               
 
"นายจะเอาอะไรอีกล่ะ ฉันอุตส่าห์เก็บของของนายไว้ให้ก็ดีแค่ไหนแล้ว หรือว่าต้องการเงิน..ฉันไม่มีให้หรอกนะ บ้านฉันจน.."ฉันแว๊ดใส่เขาโดยไม่ยั้ง ส่งผลให้เขามองฉันอย่างขำๆ ก่อนที่จะปล่อยก๊ากออกมา
               
 
"ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆๆ ใครเขาจะไปรีดไถเธอกันหะ! เธอนี่จอมพญาเบ๊อะของแท้เลย ฮ่าๆๆๆๆ...." เสียงหัวเราะของเขายังคงเส้นคงวา แต่สีหน้าฉันไม่ขำด้วยเขาจึงต้องเงียบลงโดยปริยาย
               
 
"เพลงนายก็ร้องได้ ดนตรีนายก็เล่นเป็น แล้วนายจะเอาอะไรอีก"
               
 
"ลูกมือ..อย่างเธอยังไงล่ะ" สิ้นเสียงของเต็งหนึ่งฉันอยากจะกระโดดถีบยอดหัวเขาจริงๆ ถ้าให้ฉันทำแล้วฉันจะไปขอให้เขาช่วยทำไมกันล่ะ
               
 
"หา!ว่าไงนะ นายจะให้ฉันทำอะไร เต้นอะโกโก้ แดนซ์เซอร์ หรือหางเครื่องล่ะ" ฉันถามขึ้น อย่างเซ็งๆๆ
               
 
"เบ๊อะไปใหญ่แล้วคุณหนู ใครเขาจะไปดูหุ่นแหนมยโสของคุณล่ะ อย่าพึ่งคิดสั้นนักสิ" -o- และยังที่ฉันไม่ทันจะอ้าปากด่า เขาก็...
               
 
"หยุดเลย...ฟังฉันพูดให้จบก่อน  แน่นอน ฉันไม่ได้ต้องการให้เธอไปเต้นแร้งเต้นกาที่บนเวทีเพราะมันเป็นการเสียเกียรติ เธอก็น่าจะรู้...แต่ลูกมือในความหมายของฉันคือ เธอต้องเล่นเปียโน และฉันจะเป็นผู้ขับร้อง เข้าใจหรือยังล่ะ" เต็งหนึ่งอธิบายยืดยาวจึงทำให้ฉันเริ่มมึนกับสิ่งที่ได้ยิน
               
 
"ระ...เหรอ  อย่างนั้นเองเหรอ แหะๆๆ แล้วจะให้ฉันเล่นเพลงอะไรล่ะ เหลือเวลาแค่สามวันเท่านั้นเองนะ ฉันคิดว่า..." ฉันต้องหยุดพูดทันทีเพราะกระดาษโน้ตเพลงได้ปลิวมาฟาดเข้ากับหน้าฉันอย่างจัง
               
 
"นั่นคือโน้ตเพลง ที่เธอจะต้องซ้อม แต่เรายังขาดอีกสิ่งหนึ่งคือไวโอลิน...ก็ต้องเป็นหน้าที่ของเธอแล้วล่ะที่จะต้องหาคนมาเล่นไวโอลินให้ได้"
               
 
"ให้ฉันเนี่ยนะเป็นคนหา  นายจะบ้าหรือเปล่า ฉันพึ่งย้ายมาที่นี่ ยังไม่รู้จักใครมาก แล้วจะให้ไปหาได้ที่ไหนล่ะ"ฉันตวัดสายตาใส่เขาอย่าไม่พอใจนัก แต่เจ้าตัวก็ยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
               
 
"ไม่รู้ล่ะ ถ้าเธอทำไม่ได้...งานนี้ก็ยกเลิก เอาไงจ๊ะ..ทานตะวัน..." น้ำเสียงกวนประสาทของเขาทำให้ฉันจะเถียงออกไปแต่แล้ว เขากลับเดินเขามาใกล้ๆฉันส่งผลให้ฉันต้องเดินถอยหลังไปชนเปียโนที่ตั้งอยู่กลางห้อง  แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เขาก้มหน้าลงมาจนระยะห่างของเขาและฉันห่างกันไม่ถึง 3 เซ็น ต่างคนต่างจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของฝ่ายตรงข้ามอย่างค้นหา แต่แล้วร่างสูงก็เอ่ยขึ้น
               
 
"ตั้งใจซ้อมล่ะ...ทานตะวัน.." พูดจบก็เดินผละออกไปทันที แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเดินออกจากห้อง เสียงของฉันก็ดังขึ้น...
               
 
"เรื่องวันนั้น...ขอโทษนะ..." ฉันพูดออกไปแล้ว ในที่สุดก็ได้พูดออกไป ฉันรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกและในเวลาเดียวกัน เต็งหนึ่งก็ก้าวเดินออกไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ประดับอยู่มุมปาก..เพียงแค่นี้เขาก็มีความสุขแล้ว ขอเพียงแค่เธอ..มีรอยยิ้มที่สดใสมอบให้เขา แค่นี้ เขาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว....
 
 
               
"เฮ้ย!แล้วนี่แกจะหาใครมาเล่นไวโอลินล่ะ เหลือเวลาแค่สองวันเองนะโว๊ย นียา" เสียงร้องทักของคนร่างอ้วนดังขึ้น ในขณะที่กำลังยัดขนมปังฟาร์มเฮาส์ชิ้นที่สามอย่างเอร็ดอร่อย
               
 
"ก็นั่นน่ะสิ ฉันถึงต้องมานั่งเครียดอยู่อยู่นี้ไงล่ะ เฮ้ออ...กลุ้ม~~"ฉันถอนหานใจดังพรืดดด หลังจากที่ตอบคำถามโซดา
               
 
"ทำไมแกไม่มองคนใกล้ตัวบ้างล่ะ..."เฟิร์นเอ่ยขึ้นอย่างเรียบเฉย
               
 
"แล้วใครล่ะที่มันเล่นไวโอลินได้...คนใกล้ตัวตอนนี้ก็มีแต่ไอ้หมูหน้าเหลี่ยม และช็อคโกแลต รสทรูโทนสองชิ้น"
               
 
     ฟิ้วววว.....ปุ๊บบ!  ป๊าบบบ!.....
 
 
               
 "เสียงแรกนี่คือกล่องขนมปังฟาร์มเฮาส์ ส่วนเสียงที่สองนี้คือฝ่ามือจากคนใกล้ตัว และเสียงสุดท้ายที่คาดว่าจะไม่น่าจะโดน มาจากสันหนังสือวิทยาศาสตร์ที่อยู่ในมือลูกปลา....
               
 
"~~สำนึกผิดแย้วววคร๊าบบบบ~~" ฉันร้องโอดครวญอย่างน่าหมั่นไส้
               
 
"สมควรแล้วล่ะที่โดน ชิชิ...^U^" โซดาหันมาพยักเพยิดหน้าใส่ฉัน เห็นแล้วมันอยากจะจับหมูลงกระทะไฟร้อนๆซะจริงๆ...ฮึย!
               
 
"ฉันหมายถึง...ทำไมแกไม่ให้นักไวโอลินมือหนึ่งของโรงเรียนช่วยล่ะ...อยู่ใกล้ตัวเองแท้ๆ" เฟิร์นพูดขึ้นหลังจากที่มองฉันกับโซดาทำสงครามเย็นกันอยู่ได้สักพัก
               
 
"แล้วมันผู้นั้นเป็นใครกันล่ะ....อย่าบอกนะ....ว่า.." ฉันหันไปมองคนที่คิดว่าน่าจะใช่ และเมื่อลูกปลาไม่ตอบ ฉันก็ต้องยิ้มอย่างดีใจ
               
 
"โอ้~~~อลิซในดินแดนต้นมะขามเปียก (เวน)" ประโยคนี้ได้หลุดออกมาจากปากของนังอ้วน เอ้ย! โซดา และทุกคนก็ต้องพุ่งสายตาไปที่ลูกปลา...ซึ่งยืนพิงเสาอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ
               
 
"ลูกปลาจร้า~~ ช่วยฉันหน่อยนะ..นะ..นะ ฉันไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใครแล้ว นอกจากเธอ อลิซใน เอ้ย! เพื่อนรักของฉัน..." เสียงอ้อนๆของฉันทำให้ลูกปลาเริ่มมีปฏิกิริยา ขยับหนีไปเรื่อยๆ
               
 
"ทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ...ในโรงเรียนนี้มีคนเล่นเป็นตั้งเยอะ ฉันขอปฎิเสธก็แล้วกัน ขอโทษนะนียา..."ลูกปลาเอ่ยเสียงเรียบ
               
 
"โห่....งั้นฉันต้องโดนนายเต็งหนึ่งเจาะกบาลเอาแน่ๆ ทำไงดีล่ะ" คำพูดของฉันส่งผลให้ลูกปลา หันกลับมาทันที
               
 
"พี่เต็งหนึ่ง...เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้" น้ำเสียงนิ่งแต่แววตาดูกระตือรือร้น
               
 
"เมื่อกี้นียามันก็มาบ่นให้ฟังแล้วไง แกมัวแต่สนใจหนังสือ...พี่เต็งหนึ่งน่ะ เขาจะขึ้นคอนเสิร์ตในวันนิทรรศการ โดยมีไอ้นียาเป็นมือเปียโน แต่ก็ยังขาดนักไวโอลิน...น่ะ" พอโซดาพูดจบปุ๊บสีหน้าของลูกปลาก็เปลี่ยนไปทันที รอยยิ้มที่นานๆทีจะได้เห็น แต่พอได้สติลูกปลาก็พูดขึ้น
               
 
"ฉันจะช่วยแก...นียา" ลูกปลาตอบตกลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
               
 
"จริงๆๆนะ...เยสสสส!!!"ฉันตะโกนร้องอย่างดีใจ  โดยที่ไม่ได้สังเกตสายตาของเฟิร์น...ที่มองลูกปลาอย่างผิดหวัง
               
 
'แกคิดจะทำอะไร....ลูกปลา'
               
 
"หวัดดี...สาวๆนั่งทำอะไรกันอยู่หรอ" สองหนุ่มคนละมาดเดินเข้ามาทักกลุ่มของฉัน
               
 
"เปล่าหรอกไอซ์...ก็นั่งคุยกันตามประสา ว่าแต่ลมอะไรหอบพวกนายมาถึงที่นี่ล่ะ"เฟิร์นเอ่ยทักทั้งสองเป็นคนแรก แล้วชายหนุ่มอีกคนก็พูดขึ้น
               
 
"เจ้าแห่งสายลมพัดพาเอาหัวใจพวกฉันมาที่พวกเธอยังไงล่ะ(แหวะ)^_^" เอ็มยิ้มโปรยเสน่ห์ให้ทุกๆคน แต่ขอโทษ นายไม่ใช่สเป็กฉันย่ะ!
               
 
"หุหุ ล่อเล่นหน่า...เล่นแค่นี้อย่างอนเลยนะ ที่พวกฉันมาก็เพื่อจะมาบอกนียาว่า เย็นนี้อย่าลืมไปทำเวรนะจ๊ะ สาวน้อย..." พอเอ็มพูดจบน้ำที่กำลังจะลงคอฉันก็ต้องสำลักออกมา
               
 
     แคร็กๆๆ แคร็กๆๆๆ
               
 
"ถะ...ถึงเวรพวกเราแล้วเหรอ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลยล่ะ"ฉันถามออกไปอย่างนั้นแต่ใจกลับเต้นไม่เป็นจังหวะ
               
 
"เธอเคยรู้เรื่องอะไรกับเขาไหมเนี่ย เอาเป็นว่าอย่าลืมแล้วกัน พวกฉันไปก่อนล่ะ บาย" ไอซ์ตอบก่อนที่จะวิ่งออกไปโดยที่ไม่ลืมโบกมือลา
               
 
"ว้าวววว...ถ้างั้น วันนี้แกก็ต้องอยู่สองต่อสองกับเจ้าชายในดวงใจน่ะสิ  น่าอิจฉาว่ะ" โซดาเอ่ยขึ้น มือทั้งสองผสานกันทำท่าแบบเพ้อฝันสุดๆ
               
 
"อิจฉาบ้าอะไร ฉันไปทำเวร (ขอย้ำ เวน) นะโว๊ย ไม่ได้ไปฮันนีมูน แกนี่ประสาท" ฉันพูดออกไปอย่างกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง
               
 
"โฮะๆๆๆ แล้วทำไมสาวน้อยของเราต้องหน้าแดงด้วยล่ะจ๊ะ" เฟิร์นแซวขึ้น ช่วยโซดาอีกแรง
               
 
"พวกแกพอเถอะ...ฉันเห็นแล้วสงสารนียามัน เดี๋ยวไม่มีกะจิตกะใจเรียนคาบต่อไปกันพอดี  ไปเข้าห้องกันได้แล้ว" ต้องขอบคุณลูกปลาหรือต้องฆ่ามันทิ้งดี...ฉันจึงต้องเดินสงบปากสงบคำเข้าห้องไป
 
               
 
     การเรียนในคาบบ่ายของวันนี้ก็ยังคงดำเนินต่อไป มีทั้งความสนุกสนาน ความเคร่งเครียด ความน่าเบื่อและอื่นๆ อีกมากมาย แต่ความรู้สึกทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้อยู่ในสมองของนียาเลยสักนิดเดียว ก็เพราะว่าพึ้นที่การจดจำนั้น ได้ถูกอีกความคิดหนึ่งกลบเกลื่อนไปหมดแล้ว
               
 
"เฮ้ออ...ในที่สุดฉันก็ส่งงานอาจารย์ลัคณาหมดแล้ว...อะไรมันจะสุขสบายขนาดนี้น้า~~" โซดาทำท่าโล่งใจสุดๆ เพราะได้เคลียร์งานที่ยังค้างคาเสร็จหมดแล้ว
               
 
“ดีใจด้วยว่ะเพื่อน...ถึงแม้ว่าแกจะส่งงานช้าที่สุดในห้อง อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ส่ง จริงไหม” เฟิร์นเดินอ้อมมาโอบไหล่โซดาด้วยความเคยชิน
 
 
“ฉันจะถือว่านี่คือคำชมนะ...งั้นเรากลับกันดีกว่า เออ...นียา แกอย่าหักโหมมากนักนะ ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ เดี๋ยวมันจะดีขึ้นเอง” โซดาพูดขึ้นอย่างล้อเลียน ส่งผลให้คนที่เหลือปล่อยก๊ากๆๆออกมาพร้อมกัน
 
 
“ไอ้โซดา!ไอ้เพื่อนเฮงซวย กลับมานี่เดี๋ยวนี้นะ โธ่เว้ย!” ฉันสบถออกมาไม่เป็นคำพูด หลังจากที่เพื่อนทั้งสามได้วิ่งออกไปแล้ว คงเหลือแต่ฉันคนเดียวที่ยังยืนอยู่กับที่...
 
 
===============

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา