ยมทูตสีขาว ภาคการปฏิวัติของโมโมะ
7.3
2) นรกบนเส้นขอบฟ้า๒
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ท้องฟ้าที่ถูกเมฆปกคลุม
มองไม่เห็นดวงดาว
ทุกอย่างมืดมิด
ยิ่งทำให้หัวใจใครบางคนหดหู่
ทว่าหัวใจบางคนกลับโกรธแค้น
ที่บ้านหลังหนึ่ง กลิ่นธูปอบอวนไปทั่ว
มีแขกจำนวนมากมายกำลังนั่งพูดคุยกันบนเก้าอี้ ที่เจ้าบ้านเตรียมมารองรับ
ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนบ้าน และคนที่คุ้นเคย
ทุกคนที่อยู่ในชุดดำ
ดอกไม้สีขาวกำลังร่ายรำ
ใครบางคนกำลังหลับใหล
ทุกคนรู้ดีว่า เด็กชายคนนั้นไม่มีทางจะลุกขึ้นมาได้อีก
สันติ จันทร์มาลา ซาตะ 13/5/37 มรณะ 6/12/52
เขาถูกสังหารในคืนหนึ่ง ขณะที่พาน้องชายไปดูลิเก เนื่องด้วยคืนนั้นมีงานเทศกาลฉลองวันพ่อ ซึ่งปกติแล้ว หลังงานเลิกจะมีกลุ่มวัยรุ่นที่ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน ยึดพื้นที่ในงานเป็นสมรภูมิ แต่คราวนี้มีสิ่งที่ต่างไปจากปกติ ภายหลังที่เหตุการณ์เริ่มไม่เข้าท่า สองพี่น้องเริ่มตั้งท่าจะกลับ ทว่า ในตอนนั้นเอง กระสุนปริศนพุ่งทะลงกลางอกเด็กหนุ่มอย่างจัง
ร่างของเด็กหนุ่มถูกหามส่งโรงพยาบาลใกล้ๆ กลางดึก
ทว่าสายเกินไป
หลังจากที่คนในครอบครัวทราบข่าว ก็พากันมาหาเด็กหนุ่ม
สันติมีโอกาสมองหน้าครอบครัวที่เขารักมากที่สุดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตาย แล้วจากไปอย่างสบง
กรงนกที่ถูกเปิดออก เพื่อเจ้านกน้อยจะได้โบยบิน
ทว่า มันไม่สามารถกลับไปหาฝูงของกันได้
ความผูกพันที่ถูกความตายมาพรากจาก
ทว่า เด็กสาวถูกบางสิ่งเผาผลาน
ภายในห้องรับแขก
เจ้าบ้านและคนเฒ่าคนแก่อื่นๆ กำลังจัดเตรียมพื้นที่สำหรับรองรับพระภิกษุที่จะมาถึงในอีกไม่ช้า
กล่องขนาดใหญ่ถูกปะดับประดาด้วยดอกไม้
บรรยากาศเงียบกริบ ราวกับว่ามีบางอย่างมาอุดปากเอาไว้ ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร ขณะนี้ทุกคนที่อยู่ที่นี้กำลังรับรู้สิ่งที่เจ็บปวดกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ไม่เว้นแม่แต่ผู้เป็นน้องชาย
เด็กผู้ชายคนหนึ่งขังตัวเองอยู่ในห้องมืดทึบ
เขาไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตา
กริ๊ง....
“เอ๊อ...”
เสียงกระดิ่งดั่งขึ้น ปลุกเด็กหนุ่มให้ตื่นจากความมืดมนต์
เขาลุกขึ้นเปิดไฟในห้องให้สว่างก่อนที่จะเดินไปเลื่อนม่านหน้าต่างออก แล้วพยายามมองหาต้นเสียง
ทว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาเห็นใครบางคน เขาจำคนๆนั้นได้
นั้นคือ ปีศาจ
...................................................................................................................................................
กริ๊ง...
เด็กสาวเมธิกากำลังเตรียมตัวสำหรับเข้าร่วมพิธี
งานศพของ สันติ
แฟนหนุ่มของเธอเอง
“เอาหละเน่อ”
จะทุกข์ทรมานขนาดไหนก็ตาม แต่เราจะค่อยหลบหน้าคนอื่นไม่ได้ ฉะนั้นตอนนี้ ฉันต้องข่มอารมณ์ให้มิดชิดที่สุดเท่าที่จะทำได้
ไม่มีน้ำตา สิ่งที่เธอนำมาด้วยมีแค่พวงหลีก ที่นักเรียนในชั้นเธอช่วยกันทำ ไม่มีปัญหาอะไร
เราร้องไห้มากแล้ว
จะไม่ร้องอีกเด็ดขาด
เด็กสาวผู้ที่จิตใจเต็มไปด้วยรอยแผลรวบรวมสมาธิ เพื่อจะขึ้นเรือนรับแขก
คืนนี้ฉันเอาของมามอบให้เธอ
พอเสร็จแล้วก็หมดธุระ แล้วค่อยกลับบ้าน อะไรกับของกล้วยๆนี้นา
ทันใดนั้นเอง
พลื้ด...!!!
เมธิกาพบว่าตัวเองกำลังล้มตัวลงอย่างแรกเนื่องจากเท้าซ้ายของเธอเผลอไปเหยียบวัตถุประหลาดสีเหลือง
มันคือเปลือกกล้วย(อีกแล้ว)
เมธิกาแทบสติแตกเมื่อรู้อารมณ์อมทุกข์เมื่อกี้กำลังแง้มช่องรอยร้าวหัวใจที่แตกออกเมื่อตอนที่เธอลื่นเปลือกกล้วย
เย็นไว้ๆๆๆๆๆๆๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี้ เราแค่ล้มลง เอาหละลุกขึ้นปัดกระโปงแล้วก็เดินขึ้นปันไดไปได้แล้ว...ชะ..!!!!!
แต่เมื่อสาวมองขึ้นไปข้างบน
ใครบางคนยืนรออยู่บนนั้น
“อ๊ะ”
เมธิกาสบตากับเด็กชายที่อายุน้อยกว่าประมาณ2-3ปีที่กำลังยืนหน้าบึ้งตึง ดูออกทันที่ว่ากำลังโกรธอย่างสุดขีดอยู่
เด็กคนนั้นคือ อนันต์ จันทร์มาลา น้องชายของสันติ
ด้วยความตกใจเมธิกาได้แต่ยืนจ้องหน้าเด็กชายด้วยความกลัวอยากไม่เคยรู้สึกมาก่อน ทั้งๆที่เสียดตายมาหลายหนแล้ว ทว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เธอได้สัมผัสกับความหดหู่อย่างแท้จริง
จะ..จะ...ใจเย็นๆเข้าไว้นะ
ก่อนอื่นต้องทักทายเขาก่อน ว่าแต่ทำไม่น้องเขาต้องทำหน้าโกรธด้วยหละ ที่สำคัญเราจะพูดอะไรดีหละ น้องเขาพึ่งเสียพี่ชายไป และๆๆๆๆ อ๋อใช่พวงหลีกนี้ไง
“เอ๊าะ จำได้หละ นี้เป๋นน้องบ่าวของ อ้ายสันแม่นก่อ”
“ฮ้องผมว่า อันก็ได้ปี้เมย์”
“โห้ จำปี่ได้โตยก๋า เออ.... นี้ตี้โฮงเฮียนเปิลเยี๊ยะอันนี้มาฮื่อนะ “
“ขอบคุณนักๆ ปี้”
อนันต์ก้าวลงบันไดมารับพวงหลีกในมืออดีตพี่สะใภ้ ก่อนที่จะวางมันพิงกับขอบบันได
“เออ...ปี้...เสียใจโตยเน้อ...อ้ายสันเปิ้ลเป๋นคนดี ยังไงเหีย ก็....”
แล้วตูควรจะปลอบใจเขายังไงดีหวะ ขนาดตัวเองยังเกือบจะปล่อยโห่ออกมาตั้งหลายหน
“ปี้เมย์”
เสียงอันแสนเยือกเย็กของอนันต์ลอยปะทะเข้ากับใบหูของเมธิกาอย่างจัง
เธอจึงรู้ทันทีว่า มีบางสิ่งไม่ชอบมาพากล
“มะ..มีอะหยั๊งก๋า”
“ปี้แม่นก็ที่ ฆ่าอ้ายสัน”
อ๊ะ
เอ๋
เอ๋อ
เฮื่อก..
จิตใจที่อ่อนเพียรจู่ๆก็พุ่งออกมาจากอกของเด็กสาว
ความเงียบและความหนาวเย็นปกคลุมไปทั่วร่าง
เมธิกาได้แค่จ้องสายตาที่เธอกลัวที่สุดจนแทบไม่สามารถขยับตัไปไหนได้อีก
ใช่แล้ว ....ฉันฆ่าเขาเอง
......................................................................................................................
กริ๊ง.....
“เอ๋...แปลกจังเลยนะแดเนี้ยล”
“อะไรหรอ โมโมะ”
“ดูนกตัวนี้สิ”
สาวน้อยสีขาวกับแมวดำนั้งเล่นอยู่บนหลังคาบ้าหลังนึ่ง
ที่มือขวาของโมโมะกำลังหิ้วกรงนกกระจอกสีทองขนาดใหญ่ส่วนมืออีกข้าง กำลังยัดอะไรบางอย่างที่มีสีเหลืองเข้าปากหยับๆ มันคือกล้วยหอม(อีกแล้ว)
“นกกระจอกตัวนี้มันทำไมหรอ”
“ก็ดูสิทั้งๆที่ประตูกรงเปิดแล้วแท้ๆ แต่ไหงมันไม่ออกมาบินหละ”
“ไหนๆ เลทมีซี นี้เธอจะบ้าเหรอจับนกใส่กรงเล็กแล้วเอามาใส่ไว้ในกรงใหญ่อีกชั้นหนึ่ง แล้วก็เปิดเฉพาะกรงข้างในแล้วมันจะบินยังไงเหล่า”
“ชะอ่าว จริงด้วยแฮะ อ้ำ...หยับๆๆ”
โมโมะยังคงปลอกกล้วยเข้าปากอันแล้วอันเหล่า
“มันจะบินได้ยังไงกันเหล่า ถึงแม้ว่าประตูกรงจะเปิด ทว่าเมื่อออกมาก็ยังมีกรงอีกชั้นอยู่
เธอคนนั้นก็เหมือนกัน คิดว่าเมื่อไม่มีเขาคนนั้นแล้วก็คิดว่าตัวเองเป็นอิสระ
แต่ความจริงแล้วเธอไม่สามารถโบยบิดได้ เพราะมีสิ่งที่ขังเธอไว้โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว
หรือผู้ให้ถูกคือเธอลืมห่วงสิ้นสุดท้ายที่เด็กหนุ่มมอบมันไว้ไงหละ
เนอะ แดเนี้ยล”
“อื่ม....ก็เกือบจะเก็ตแล้วหละ ว่าแต่โมโมะ”
“อ้ำ...หยับๆๆๆ ฮีฮะไฮเฮอ?”
“เวลาเธอกินกล้วยนะหัดทิ้งเปลือกให้มั้นเป็นที่เป็นทางหน่อยได้ไหมหา รู้ทั้งรู้ว่ามุขลื่นเปลือกกล้วยมันไม่ฮาแล้วยังจะเล่นอีก”
“อ้ำ...หยับๆๆๆๆ อาหย่อยจัง”
“เฮ่อ ไม่พูดด้วยแล้วไปดีกว่า”
และทันทีที่เจ้าแมวพูดไห้กำลังจะลุกขึ้นยืนของขาอยู่นั้น
“เมี้ยว!!!!”
แดเนียลลื่นเปลือกกล้วย
“ฮะๆๆๆ หัวขมำ ไปเลยแฮะ อ้ำ.....หยับๆๆๆ
มองไม่เห็นดวงดาว
ทุกอย่างมืดมิด
ยิ่งทำให้หัวใจใครบางคนหดหู่
ทว่าหัวใจบางคนกลับโกรธแค้น
ที่บ้านหลังหนึ่ง กลิ่นธูปอบอวนไปทั่ว
มีแขกจำนวนมากมายกำลังนั่งพูดคุยกันบนเก้าอี้ ที่เจ้าบ้านเตรียมมารองรับ
ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนบ้าน และคนที่คุ้นเคย
ทุกคนที่อยู่ในชุดดำ
ดอกไม้สีขาวกำลังร่ายรำ
ใครบางคนกำลังหลับใหล
ทุกคนรู้ดีว่า เด็กชายคนนั้นไม่มีทางจะลุกขึ้นมาได้อีก
สันติ จันทร์มาลา ซาตะ 13/5/37 มรณะ 6/12/52
เขาถูกสังหารในคืนหนึ่ง ขณะที่พาน้องชายไปดูลิเก เนื่องด้วยคืนนั้นมีงานเทศกาลฉลองวันพ่อ ซึ่งปกติแล้ว หลังงานเลิกจะมีกลุ่มวัยรุ่นที่ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน ยึดพื้นที่ในงานเป็นสมรภูมิ แต่คราวนี้มีสิ่งที่ต่างไปจากปกติ ภายหลังที่เหตุการณ์เริ่มไม่เข้าท่า สองพี่น้องเริ่มตั้งท่าจะกลับ ทว่า ในตอนนั้นเอง กระสุนปริศนพุ่งทะลงกลางอกเด็กหนุ่มอย่างจัง
ร่างของเด็กหนุ่มถูกหามส่งโรงพยาบาลใกล้ๆ กลางดึก
ทว่าสายเกินไป
หลังจากที่คนในครอบครัวทราบข่าว ก็พากันมาหาเด็กหนุ่ม
สันติมีโอกาสมองหน้าครอบครัวที่เขารักมากที่สุดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตาย แล้วจากไปอย่างสบง
กรงนกที่ถูกเปิดออก เพื่อเจ้านกน้อยจะได้โบยบิน
ทว่า มันไม่สามารถกลับไปหาฝูงของกันได้
ความผูกพันที่ถูกความตายมาพรากจาก
ทว่า เด็กสาวถูกบางสิ่งเผาผลาน
ภายในห้องรับแขก
เจ้าบ้านและคนเฒ่าคนแก่อื่นๆ กำลังจัดเตรียมพื้นที่สำหรับรองรับพระภิกษุที่จะมาถึงในอีกไม่ช้า
กล่องขนาดใหญ่ถูกปะดับประดาด้วยดอกไม้
บรรยากาศเงียบกริบ ราวกับว่ามีบางอย่างมาอุดปากเอาไว้ ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร ขณะนี้ทุกคนที่อยู่ที่นี้กำลังรับรู้สิ่งที่เจ็บปวดกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ไม่เว้นแม่แต่ผู้เป็นน้องชาย
เด็กผู้ชายคนหนึ่งขังตัวเองอยู่ในห้องมืดทึบ
เขาไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตา
กริ๊ง....
“เอ๊อ...”
เสียงกระดิ่งดั่งขึ้น ปลุกเด็กหนุ่มให้ตื่นจากความมืดมนต์
เขาลุกขึ้นเปิดไฟในห้องให้สว่างก่อนที่จะเดินไปเลื่อนม่านหน้าต่างออก แล้วพยายามมองหาต้นเสียง
ทว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาเห็นใครบางคน เขาจำคนๆนั้นได้
นั้นคือ ปีศาจ
...................................................................................................................................................
กริ๊ง...
เด็กสาวเมธิกากำลังเตรียมตัวสำหรับเข้าร่วมพิธี
งานศพของ สันติ
แฟนหนุ่มของเธอเอง
“เอาหละเน่อ”
จะทุกข์ทรมานขนาดไหนก็ตาม แต่เราจะค่อยหลบหน้าคนอื่นไม่ได้ ฉะนั้นตอนนี้ ฉันต้องข่มอารมณ์ให้มิดชิดที่สุดเท่าที่จะทำได้
ไม่มีน้ำตา สิ่งที่เธอนำมาด้วยมีแค่พวงหลีก ที่นักเรียนในชั้นเธอช่วยกันทำ ไม่มีปัญหาอะไร
เราร้องไห้มากแล้ว
จะไม่ร้องอีกเด็ดขาด
เด็กสาวผู้ที่จิตใจเต็มไปด้วยรอยแผลรวบรวมสมาธิ เพื่อจะขึ้นเรือนรับแขก
คืนนี้ฉันเอาของมามอบให้เธอ
พอเสร็จแล้วก็หมดธุระ แล้วค่อยกลับบ้าน อะไรกับของกล้วยๆนี้นา
ทันใดนั้นเอง
พลื้ด...!!!
เมธิกาพบว่าตัวเองกำลังล้มตัวลงอย่างแรกเนื่องจากเท้าซ้ายของเธอเผลอไปเหยียบวัตถุประหลาดสีเหลือง
มันคือเปลือกกล้วย(อีกแล้ว)
เมธิกาแทบสติแตกเมื่อรู้อารมณ์อมทุกข์เมื่อกี้กำลังแง้มช่องรอยร้าวหัวใจที่แตกออกเมื่อตอนที่เธอลื่นเปลือกกล้วย
เย็นไว้ๆๆๆๆๆๆๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี้ เราแค่ล้มลง เอาหละลุกขึ้นปัดกระโปงแล้วก็เดินขึ้นปันไดไปได้แล้ว...ชะ..!!!!!
แต่เมื่อสาวมองขึ้นไปข้างบน
ใครบางคนยืนรออยู่บนนั้น
“อ๊ะ”
เมธิกาสบตากับเด็กชายที่อายุน้อยกว่าประมาณ2-3ปีที่กำลังยืนหน้าบึ้งตึง ดูออกทันที่ว่ากำลังโกรธอย่างสุดขีดอยู่
เด็กคนนั้นคือ อนันต์ จันทร์มาลา น้องชายของสันติ
ด้วยความตกใจเมธิกาได้แต่ยืนจ้องหน้าเด็กชายด้วยความกลัวอยากไม่เคยรู้สึกมาก่อน ทั้งๆที่เสียดตายมาหลายหนแล้ว ทว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เธอได้สัมผัสกับความหดหู่อย่างแท้จริง
จะ..จะ...ใจเย็นๆเข้าไว้นะ
ก่อนอื่นต้องทักทายเขาก่อน ว่าแต่ทำไม่น้องเขาต้องทำหน้าโกรธด้วยหละ ที่สำคัญเราจะพูดอะไรดีหละ น้องเขาพึ่งเสียพี่ชายไป และๆๆๆๆ อ๋อใช่พวงหลีกนี้ไง
“เอ๊าะ จำได้หละ นี้เป๋นน้องบ่าวของ อ้ายสันแม่นก่อ”
“ฮ้องผมว่า อันก็ได้ปี้เมย์”
“โห้ จำปี่ได้โตยก๋า เออ.... นี้ตี้โฮงเฮียนเปิลเยี๊ยะอันนี้มาฮื่อนะ “
“ขอบคุณนักๆ ปี้”
อนันต์ก้าวลงบันไดมารับพวงหลีกในมืออดีตพี่สะใภ้ ก่อนที่จะวางมันพิงกับขอบบันได
“เออ...ปี้...เสียใจโตยเน้อ...อ้ายสันเปิ้ลเป๋นคนดี ยังไงเหีย ก็....”
แล้วตูควรจะปลอบใจเขายังไงดีหวะ ขนาดตัวเองยังเกือบจะปล่อยโห่ออกมาตั้งหลายหน
“ปี้เมย์”
เสียงอันแสนเยือกเย็กของอนันต์ลอยปะทะเข้ากับใบหูของเมธิกาอย่างจัง
เธอจึงรู้ทันทีว่า มีบางสิ่งไม่ชอบมาพากล
“มะ..มีอะหยั๊งก๋า”
“ปี้แม่นก็ที่ ฆ่าอ้ายสัน”
อ๊ะ
เอ๋
เอ๋อ
เฮื่อก..
จิตใจที่อ่อนเพียรจู่ๆก็พุ่งออกมาจากอกของเด็กสาว
ความเงียบและความหนาวเย็นปกคลุมไปทั่วร่าง
เมธิกาได้แค่จ้องสายตาที่เธอกลัวที่สุดจนแทบไม่สามารถขยับตัไปไหนได้อีก
ใช่แล้ว ....ฉันฆ่าเขาเอง
......................................................................................................................
กริ๊ง.....
“เอ๋...แปลกจังเลยนะแดเนี้ยล”
“อะไรหรอ โมโมะ”
“ดูนกตัวนี้สิ”
สาวน้อยสีขาวกับแมวดำนั้งเล่นอยู่บนหลังคาบ้าหลังนึ่ง
ที่มือขวาของโมโมะกำลังหิ้วกรงนกกระจอกสีทองขนาดใหญ่ส่วนมืออีกข้าง กำลังยัดอะไรบางอย่างที่มีสีเหลืองเข้าปากหยับๆ มันคือกล้วยหอม(อีกแล้ว)
“นกกระจอกตัวนี้มันทำไมหรอ”
“ก็ดูสิทั้งๆที่ประตูกรงเปิดแล้วแท้ๆ แต่ไหงมันไม่ออกมาบินหละ”
“ไหนๆ เลทมีซี นี้เธอจะบ้าเหรอจับนกใส่กรงเล็กแล้วเอามาใส่ไว้ในกรงใหญ่อีกชั้นหนึ่ง แล้วก็เปิดเฉพาะกรงข้างในแล้วมันจะบินยังไงเหล่า”
“ชะอ่าว จริงด้วยแฮะ อ้ำ...หยับๆๆ”
โมโมะยังคงปลอกกล้วยเข้าปากอันแล้วอันเหล่า
“มันจะบินได้ยังไงกันเหล่า ถึงแม้ว่าประตูกรงจะเปิด ทว่าเมื่อออกมาก็ยังมีกรงอีกชั้นอยู่
เธอคนนั้นก็เหมือนกัน คิดว่าเมื่อไม่มีเขาคนนั้นแล้วก็คิดว่าตัวเองเป็นอิสระ
แต่ความจริงแล้วเธอไม่สามารถโบยบิดได้ เพราะมีสิ่งที่ขังเธอไว้โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว
หรือผู้ให้ถูกคือเธอลืมห่วงสิ้นสุดท้ายที่เด็กหนุ่มมอบมันไว้ไงหละ
เนอะ แดเนี้ยล”
“อื่ม....ก็เกือบจะเก็ตแล้วหละ ว่าแต่โมโมะ”
“อ้ำ...หยับๆๆๆ ฮีฮะไฮเฮอ?”
“เวลาเธอกินกล้วยนะหัดทิ้งเปลือกให้มั้นเป็นที่เป็นทางหน่อยได้ไหมหา รู้ทั้งรู้ว่ามุขลื่นเปลือกกล้วยมันไม่ฮาแล้วยังจะเล่นอีก”
“อ้ำ...หยับๆๆๆๆ อาหย่อยจัง”
“เฮ่อ ไม่พูดด้วยแล้วไปดีกว่า”
และทันทีที่เจ้าแมวพูดไห้กำลังจะลุกขึ้นยืนของขาอยู่นั้น
“เมี้ยว!!!!”
แดเนียลลื่นเปลือกกล้วย
“ฮะๆๆๆ หัวขมำ ไปเลยแฮะ อ้ำ.....หยับๆๆๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ