ยมทูตสีขาว ภาคการปฏิวัติของโมโมะ

7.3

เขียนโดย อิจิโจ

วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 15.23 น.

  3 บท
  9 วิจารณ์
  9,497 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) นรกบนเส้นขอบฟ้า๑

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

        วันหนึ่งเมื่อพัฒนาหลุดออก
        มองภายนอกรั่วหนามประตูกรง
        แต่กระนั้นแม้โซ่ทลายลง
        ทาสโง่คงหาได้ยินดีไม่
 
        เราดิ้นรนที่จะหลุดพ้นจากสิ่งหนึ่ง
        เราจึงเจ็บปวดเมื่อรู้ว่ามีมันอยู่
        ทว่าวันหนึ่ง เราก็ยิ่งทรมาณเข้าไปอีก
        เมื่อรู้ว่า ไม่มีมันอยู่อีกแล้ว
        เมื่อรู้ว่า
 
        โลกนี้ไม่มีเขาคนนั้นอีกต่อไปแล้ว
 
...............................................................................
 
         เมื่อเข้าช่วงฤดูฝน
        ย่ามเช่านั้นเย็นจับใจ
        

      อันที่จริง ณ อำเภอเล็กๆ แห่งนี้ มันก็หนาวอยู่ตลอดปีแหละ ถึงวันนี้จะอับชื้นเป็นพิเศษ เพราะสภาพอากาศ อย่างไรก็ตาม อากาศมันจะป็นยังไงก็ช่างหัวมันเถอะ แค่วันนี้พื้นแห่งก็บุญแล้ว

         ตลอดเส้นทางเดินเท้าจากประตูรั่วผ่านสนามฟุตบอล ไปจนถึงอาคารหลังใหญ่สีขาวตรงหน้า ถูกปูทางไปด้วยกรีบดอกพิกุลเต็มฟุตบาท

         "คงจะ ร่วงออกมาจากปากคนใบ้ที่ไหนหละมั้ง"

         เด็กสาวม.ปลายคิดเช่นนั้น แล้วเดินเหยียบย่ำพวกมันไป


         เช้าวันนี้ เมธิกา ไม่ได้อารมณ์เสียแต่อย่างใด แต่ปกติเธอก็ไม่เคยร่าเริงเช่นกัน
 
        เมื่อราวๆ สิ้นปีที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ที่โด่งดังจนเป็นข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นไประยะหนึ่ง โรงเรียนประจำอำเภอแห่งนี้ ได้รับแจ้งจากตำรวจว่า มีนักเรียนชั้นม.4-5 ซึ่งเป็นผู้หญิงชะส่วนใหญ่ ได้รวมกลุ่มกันเกือบ 20 คน บุกเข้าทำร้ายกลุ่มนักเรียนคู่อริ ต่างสถาบัณ บริเวณที่จัดคอนเสริร์ต งานวันพ่อ ภายในที่ว่าการอำเภอ มีผู้ได้รับลูกหลง จากการปะทะกันของนักเลง 2 กลุ่ม ถึง 10 ราย ในจำนวนนั้นมีผู้ที่มีอาการสาหัสถึง 4 ราย และแน่นอนว่าสาเหตุที่ทำให้มันกล่ายเป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศ ก็คือ
        มีผู้เสียชีวิตด้วย หนึ่งคน
        หลังจากวันนั้น เหมือนเกิดคำสาปขึ้นไปทั่วชุมชน ไม่เฉพาะในโรงเรียนเท่านั้น การตายของผู้เคราะห์ร้าย ได้เปลี่ยนบรรยากาศอันแสนวุ่นวาย จากหน้ามือเป็น หลังตีน
        ทั้งผู้หลักผู่ใหญ่ ต่างก็ช็อตกับเรื่องนี้ จนแทบไม่มีกะจิตกะใจจะลงโทษผุ้กระทำผิดด้วยซ้ำ แม้แต่สายตาของชาวบ้าน จากที่เคยสมเพชต่อความไร้เดียงสาของ อันธพาลเหล่านี้ กลายเป็นความหวาดกลัวบ้าง อาฆาตแค้นบ้าง
         และแล้ว ในที่สุด วีรกรรมอัญเชิญนรกในอดีต ก็ได้กลืนกินตัวตนของพวกเธอไปเรื่อยๆ กระทั่งเหลือไว้แต่เพียงฝันร้าย แม้แต่กลุ่มนักเลงอีกสถาบัณ ก็ทยอยสลายตัวออกไปตามๆ กัน
        ทั้งอำเภอเข้าสู่ห่วงมิติที่เข็มนาฬิกาหยุดเดิน ราวกับว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
       แต่ไม่ว่าจะยังไง สิ่งที่เปลี่ยนไปมากที่สุด ก็คือ
 
       "สู่เขา ผ่อแหละๆ ปี้เม บ่อใจ๋ก๋า " เสียงกวนบาทาล่องลอยมาจากเด็กผู้ชายสองสามคน พวกนั้นกำลังตั้งวงนินทา เด็กสาวอยู่
       "เออ แม่นบะเห้ย เปิลโดยพักการฌอียนไปเทอมเดียวบ่ดายแต๊ เทอมสองก็มาเฮียนได้แล้ว"
       "หยั่งมาดวงดีง้าวแต๊ะ ฮาใคร่หื้อเปิลจับเข้าคุกเหีย เซ็งเป็ด"
       "เป๋นต้าว่า โฮงเฮียนเฮาจะถึงกลียุคแล้วก้า..."
       ซุบซิบๆๆๆๆ
 
       ไอ่พวกปาก โฮ่งๆ
       ซุบซิบๆๆๆๆ
       ซุบซิบๆๆๆๆ

       โอ้ยหงุดหงิดโว้ย ใจเย็นไว้กำปั้นลูกแม่ ถ้าขืนยังยืนเอ้อระเหยแบบนี้ เดี๋ยวต้องระเบิดอารมณ์ออกมาตั้งแต่วันเปิดเทอมก็ได้ ต้องรีบแผ่นแล้ว

       เมธิกาตัดสินในเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทว่าเสียงโหยห่วนยังคงตามมาหลอกหลอนเธอยังกะ วิญญาณคายาโกะ นี่ถ้าเธอมีข้อกระดูกที่หู ก็คงสามารถพับเอาใบมาอุดรูไปแล้ว
       เด็กสาวใช้ฝ่ามือปิดหูไว้แน่น ขณะวิ่งไปด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ และเมื่อมาถึงเขตปลอดสารพิษ เธอก็หย่อยตัวลงนั่งบนโต๊ะไม้อย่างเงียบๆ ด้วยอาการเหนื่อยหอบ

       อีกสองชั่วโมงก่อนเคารพธงชาติ เหนื่อยเป็นบ้าเลย

       ต้องคอยแคะขี้ตาตื้นตั้งแต่ไก่โห่ แถมต้องแบบกตำราตั้งมากมาย พอกลับถึงบ้านก็มีการบ้านกองเป็นภูเขา ที่สำคัญกลายเป็นขี้ปากเจ้าพวกนั้นอีก
       แน่นอนว่าเธอเข้าใจดี วิถีชีวิตที่กลับด้านจากหัวโจกจอมซ่าที่หาเรื่องได้ทุกวี้ทุกวัน ชะตาผลิดผันทำให้เธอต้องปรับปรุงตัวให้ห่างจากโลกที่แสนมืดมัว มันยากกว่าการเข็ญรถถังขึ้นบันไดตึก และก็ไม่อาจจะเปลี่ยนสายตาที่มองว่าเธอเป็นตัวปัญหาของพวกผู้ใหญ่ได้ ถึงกระนั้น เธอก็ได้ตัดสินใจด้วยตนเองแล้ว ว่าจะเลิกเป็นอัธพาล

      ใช่

      ต่อให้เปลี่ยนภาพพจน์ไม่ได้
      แต่เราจะเปลี่ยนตัวเราเอง
      ทั้งหมดก็เพื่อตัวเราเอง ใครจะด่าจะชมก็เรื่องของพวกแก
 
      กริ๊ง....

      ทันใดนั้นเอง เสียงกระดิ่งดังขึ้นในโสตประสาทของเด็กสาว นำสติออกมาจากภวังค์ เสียงนั้นฟังดูเหมือนอยู่ห่างใกล แต่ที่จริงมันใกล้เพียงปลายจมูก

      "เก่งจังเลยนะ พยายามมาได้ขนาดนี้เชียว"
       !!!!

       เมธิกาสะดุ่งโหย่ง เมื่อจู่ๆ ได้ยินเสียงใครบางคน เป็นเสียงมหัศจรรย์ฟังดูอ่อนโยนชะจนขนลุกไปทั้งตัว 
       ทั้งๆที่เมื่อกี้ไม่มีใครอยู่ชะหน่อย

       "แต่ว่านะ ที่ทำอยู่เนี้ยมันดีอยู่หรอก เพียงแต่ ทำไมกันหละ"

       เฮื้อก

       เมธิกาหันไปมองทางต้นเสียง ก่อนที่ทั้งตัวกลายเป็นอัมพาต เนื่องจากเลือดทั้งหมดในร่างกาย กลายเป็นน้ำแข็ง
 
       เส้นผมสีขาว
       เคียวด้าวยาว ที่คมกริบ
       ชุดประโปงยาวสีขาวคล้ายชุดแต่งงาน
 
      เด็กสาวแทบพูดอะไรไม่ออกเมื่อพบว่าตรงหน้าเธอคือ เด็กผู้หญิงแปลกหน้าในชุดเจ้าสาว กำลังนั่งตัวลอยอยู่บนเคียวยักษ์ บนตักเธอมีแมวดำที่มีกระพรวนใหญ่ติดไว้ที่ปอกคอ ในมือของหล่อนมีวัตถุสีเหลืองดูคุ้นหน้าคุ้นตา
       อ๋อรู้แล้ว กล้วยไง เด็กคนนี้กำลังปอกกล้วยทานอยู่นี้เอง
 
      เอ้ย...ไม่ใช่ เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน เออ...
      ขณะที่เธอกำลังสติสับสน สาวน้อยสีขาวก็เริ่มพูดต่อ

      "ช่วยบอกเหตุผมทีได้ไหม"
      "ห๋า..."
 
      เวลาผ่านไป 10วินาที เมธิกายังคงอยู่ในสภาพรูปปั้นหายใจได้
      ทว่า

      "นี้ยังทอมเอ๋อ จะเงียบไปถึงไหนกัน อย่าเพิงสติแตกสิโว้ย มาคุยกันก่อน"

      เด็กสาวยิ่งอยากสติแต่เมื่อพบว่า คำพูดภาษาเด็กชายน่าเอ็นดูเมื่อชักครู่มาจากปากของเจ้าแมวดำ และไม่ใช่แค่พูดได้ มันยังมีปีกติดที่หลังบินได้อีกต่างหาก
      จะไม่ให้สติแตกได้ไงเหล่า ตั้งแต่แม่ตายไป ก็ไม่เคยมีใครมาพูดภาษาไทยกลางกับฉันเลยชักคนนี้นา เอ้ย...ไม่ใช่เรื่องนั้น

      "เอ่อ.... ขอโทษนะจ๊ะ พอดีว่าเห็นพวกเธอแล้วมันแปลกๆ ไปหน่อยอ่ะ ก็เลยตกใจนะ"
      "แปลก? ยังไงเหรอ"
      "ก็จะว่าไงดีหละ ที่นี้มันจังหวัดเชียงใหม่นะ แต่พวกเธอกลับมาพูดไทยกลางกับฉัน นอกจากนี้ก็ยัง มลอยอยู่บนไม้ได้อีก แถมยังมีแมวที่พูดได้แล้วก็..."
      ด้วยปัจจัยหลายอย่างทำให้เมธิกาสรุปได้ทนทีว่า


      "ผีหรอก....." 


      เมธิกาใส่จีนแมววิ่งสุดชีวิต

      เหตุผลเหรอ เหตุผลบ้าบออะไรกัน
      อ๋อ เรื่องที่เราไม่กลับไปมีเรื่องวิวาทอีกนะเหรอ
      ไม่น่าถามเลย เราม.5แล6แล้วนะ ถ้าไม่รีบหละก็ สอบเข้ามหาลัยไม่ได้กันพอดีนะสิ
     
จริงๆนะ
      ไม่เกี่ยวกับเจ้านั้นชะหน่อย

      ...

      เจ้านั้น...

      จริงสิ

      ไม่มีเจ้านั้นอีกแล้วนี้นา

 

      เห้ยนี้ตูเหม่ออะไรอยู่เนี้ย กำลังวิ่งหนีอยู่ไม่ใช่เหรอ คิดนอกเรื่องได้ไง... อ๊ะ นั้นมัน
     
ทันใดนั้น เมธิการมองเห็นวัตถุดูคุ้นตากองอยู่บนพื้นตรงหน้า
      สิ่งที่สาวน้อยสีขาวเมื่อครู่ทำตกไว้ สิ่งที่มีสีเหลืองสด

      "ใช่แน่ๆ เปลือกกล้วย ถ้าเราเหยียบหละก็ คนอ่าน ฮากลิ้งแน่ๆ... แต่ไม่ได้ นี้ไม่ใช้เวลาจะมาลื้นเปลือกกล้วยนะ... อ๊ะ ขาเรา ขาเรา... ว้าย"

      พลื้ด...ตุ๊บ...

      เด็กสาวหงายหลังตึง จนหัวกระแทกพื้นอย่างแรงแล้วสลบคาเปลือกกล้วยไป

      ขออภัยท่านผู้อ่านอย่างแรง ที่มันไม่ฮา

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา