พันธะหัวใจ...ดวงใจรักซาตาน
10.0
9) บทที่ 9 ผมชื่อมาวิณและพ่อของนาวิณครับ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 9
ผมชื่อมาวิณและพ่อของนาวิณครับ
“คุณองอาจ คุณทำกับฉันอย่างนี้ได้อย่างไร คุณพาเมียน้อย พร้อมเด็กเหลือขอออกไปโชว์ตัว โอ้อวดชาวบ้าน คุณเห็นแก่หน้าฉันบ้างมั้ย ฉันเป็นเมียตบ เมียแต่ง ก็ได้แต่เฝ้าบ้านเหี่ยวแห้ง คุณทำกับฉันอย่างนี้ได้อย่างไร”
เมทินียืนนิ่งใช้ความคิดคำนึงถึงถ่อยคำวาจาเก่าๆ เมื่อนานหลายปีมาแล้วของมารดาพี่ชายพี่สาวต่างมารดาของเธอ มันคือสิ่งที่เธอได้รับฟังเนื่องในวันครบรอบเกิดของเธอที่บิดาพาเธอมาเลี้ยงฉลองครั้งแรกที่โรงแรมแห่งนี้ที่เธอกำลังยืนอยู่ มันคือครั้งแรกและครั้งสุดท้ายก่อนที่ทุกคนในครอบครัวจะทิ้งเธอไป มันคือประโยคคำพูดแห่งความทรงจำที่เธอพยายามจะลืมเลือนแต่ก็ยังจดจำได้ไม่เคยลืมเลยแม้แต่น้อย เหตุการณ์ในอดีตเมื่อหลายปีก่อนแม้จะต่างเวลากันแต่ไม่แตกต่างเรื่องสถานที่และจุดประสงค์ในการมาที่โรงแรมแห่งนี้ มันเหมือนกันอย่างไม่น่าเชื่อจะเป็นไปได้ มันคือการมาเลี้ยงฉลองครบรอบวันเกิดให้แก่ลูกสาวฝาแฝดของเธอ แต่เหมือนสถานที่แห่งนี้จะเป็นดังคำสาปสำหรับเธอและลูกสาว แม้จะแตกต่างกันในลักษณะการใช้คำพูดถ่อยวาจาแต่ความหมายในทุกๆประโยคกับใกล้เคียงกันอย่างไม่น่าเชื่อจะเป็นไปได้ น้ำเสียงในประโยคคำพูดของคุณกานดาภรรยานายประภพพี่ชายของนายภาคีนัยที่กล่าวร้ายประจานเธอต่อหน้าผู้คนมากมายในวันนี้มันยังคงส่งเสียงดังไปมาในห่วงความคิดและความรู้สึก
“ออ...ชื่อเมทินีสินะ นังผู้หญิงไร้ยางอาย แอบลักกินขโมยกินผัวชาวบ้านไม่มีความคิดเลยใช่มั้ย นังแพสหยา”
สุดท้ายชะตากรรมก็ยังคงติดตามทำร้ายความรู้สึกของเธอมันไม่ยอมหยุดตั้งแต่อายุของเธอย่างเข้าวัย 23 ปี เธอมีความฝันและกำลังจะได้ก้าวเดินตามสิ่งที่เธอใฝ่ฝันไว้ เธอได้รับทุนไปศึกษาต่อยังต่างประเทศมันคือความฝันของเธอที่ได้วาดหวังไว้ แต่สุดท้ายเธอกับต้องละทิ้งความฝันที่ยิ่งใหญ่ของเธอมารับเลี้ยงดูลูกชายลูกสาวที่ไม่ใช่ลูกจริงๆ เหมือนดังผู้หญิงที่แต่งงานมีครอบครัวแล้ว
ในขณะเวลาเดียวกันยามนั้นเธอคิดว่าได้พบรักแรกแล้วเช่นกัน ชะตากรรมก็ยังคงกลั่นแกล้งไม่ยอมละเว้นความรักของเธอเหมือนดังเช่นความฝัน ความทรงจำที่เริ่มก่อตัวไม่สามารถเดินไปจนถึงสุดสายรุ้งได้ นายตำรวจไทยใจกล้าหาญคือความรักความผูกผันครั้งแรกของเธอ ...ตรัสลักษณ์คือชายหนุ่มที่สามารถทำให้เธออ่อนแอเหมือนดังลูกนกบนกิ่งไม้ใหญ่ที่ต้องการการปกป้องคุ้มครองไว้ในอ้อมแขนแข็งแรงของใครสักคน...หากความรักคือการเสียสละ....เธอก็ได้รับรู้และค้นพบมันจากรักแรกของเธอแล้วเช่นกัน ตรัสใจดีอ่อนโยนยอมเสียสละหลายๆอย่างเพื่อเธอแม้แต่หน้าที่การงานและครอบครัว จนสุดท้ายเธอก็ทนความเห็นแก่ตัวของตัวเองไม่ได้...เมื่อความรักคือการเสียสละ....เธอจึงยอมที่จะกล่าวคำอำลามอบอิสระให้แก่รักแรกของเธอ ตรัสควรได้รับสิ่งที่ดีกว่าที่ไม่ใช่หญิงสาวที่มีพันธะลูกติดสามคนตรัสไม่ควรมารับผิดชอบภาระที่ไม่มีวันจะปลดเปลื้องได้ในเวลาสั้นๆ จนวันนี้เวลาผ่านมาแล้วห้าปีพันธะที่เธอได้รับมอบหมายไว้ก็ยังคงเหมือนเดิมแล้วยิ่งเลวร้าย หนักหนากว่าเมื่อห้าปีที่แล้วในตอนนี้เธอถูกกล่าวหาว่าเป็นเมียน้อยเมียเก็บของผู้ชายที่เธอไม่รู้จัก ชะตากรรมจะทำร้ายเธอไม่ถึงเมื่อไรกันนะ เธอขอร้องให้หยุดเสียที เสียงความคิดที่เจ็บปวดกล่าวถ่่อยคำวาจาขอร้องต่อชะตากรรมที่ไม่รู้มีตัวตนอยู่หรือไม่
เธอยืนนิ่งเก็บกดความรู้สึกและหยาดหยดน้ำตาไว้อย่างดีและมิดชิดแล้วมองตรงไปยังลูกชายของเธอที่กำลังได้รับการรักษาจากปาดแผลที่ศีรษะ ผ้าสีขาวกำลังพันเป็นวงกลมรอบศีรษะมองดูเหมือนกำลังใส่หมวกใบเล็กๆ ข้างเตียงลูกชายที่นอนเจ็บ เธอจดจำชายหนุ่มที่ตบคุณกานดาด้วยฝามืออันหนาใหญ่จนสลบในทันทีได้ เขายืนนิ่งด้วยความรู้สึกเป็นทุกข์ไม่ต่างจากเธอมากนักหากความทรงจำเธอไม่เลอะเลือนผิดพลาดเธอได้รับฟังเสียงผู้ชายตรงหน้าคนนี้เรียกลูกชายเธอว่าลูกชายของผม...มันจะเป็นจริงอย่างที่เขาพูดหรือไม่เธอยังไม่ต้องการจะรับรู้คำตอบในตอนนี้ ผู้ชายตรงหน้าคงรู้สึกถึงสายตาแวววาวของเธอที่จับจ้องมอง เขายืนตัวตรงแล้วขยับวงหน้าแสนเศร้ามนหมองมาเผชิญหน้ากับเธออย่างตรงๆ แล้วก้าวเดินตรงเข้ามาหาเธออย่างกล้าๆ กลัวๆ
“สวัสดีครับ ผมชื่อมาวิณและพ่อของนาวิณครับ”
เธอยังไม่ตอบรับการแนะนำตัวของมาวิณในทันทีเธอกำลังใช้สายตาสำรวจชายหนุ่มตรงหน้าอย่าง ถี่ถ้วนแม้ชายหนุ่มจะอยู่ในอาการกล้าๆ กลัวๆ และความรู้สึกทุกข์ใจ แต่บุคลิกโดยรวมของมาวิณคือชายหนุ่มรูปหล่อหน้าตาดี ผิวพรรณจะขาวเนียนอย่างน้ำนมวัวสดๆหรืออาจเหมือนดังผิวพรรณของเด็กน้อยแรกเกิด มันไม่ใช่ผิวสีแทนอย่างนายตำรวจตรัสลักษณ์หรือภาคีนัยที่บางครั้งจำเป็นต้องออกไปทำงานนอกสถานที่หรือกลางแจ้งบ่อยๆแต่ที่ผู้ชายทั้งสามคนมีลักษณะและบุคลิกเหมือนกันก็คือบุคลิกร่างกายที่สูงใหญ่โตแข็งแรงอย่างชายชาตรีชาติทหารหรือนักรบ หลังจากสำรวจมาวิณอยู่นานเธอก็พร้อมจะจ้องมองสำรวจวงหน้าและดวงตาของชายหนุ่มตรงๆ เธอมองเห็นน้ำตาในดวงตาแสนเศร้าที่แดงกล่ำจากการร้องไห้เสียใจทุกข์ใจเรื่องลูกชายเธอและอาจจะเป็นลูกชายของผู้ชายตรงหน้าเธอคนนี้ที่ชื่อว่ามาวิณนี้ด้วยเช่นกัน
“ฉันต้องขอโทษด้วยที่ยังเชื่ออะไรคุณตอนนี้ไม่ได้เพราะฉันเชื่อมาโดยตลอดว่าลูกชายของฉันเป็นลูกชายแท้ๆของพี่ชายมาโดยตลอด จนกว่าฉันจะได้รับการยืนยันจากพี่ชายของฉันว่าสิ่งที่คุณพูดเป็นจริง ส่วนในตอนนี้ฉันจะไม่เชื่ออะไรคุณทั้งนั้นถึงแม้คุณจะเป็นบิดาของลูกชายฉันจริงๆ ฉันก็จะไม่รับรู้รับฟังอะไรจากคุณในตอนนี้ทั้งนั้น และฉันต้องขอขอบคุณที่ช่วยฉันไว้ในวันนี้ คุณได้พยายามช่วยฉันและลูกชายฉันรู้สึกขอบคุณมาก ”
“ผมเข้าใจแล้วครับคุณเมทินี มันยังเร็วเกินไปที่จะให้อะไรๆเป็นอย่างที่ใจเราคิดแต่ผมก็จะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าผมเป็นพ่อที่ดีของลูกชายได้ และเรื่องที่ผมได้ช่วยคุณและลูกชายไว้ในวันนี้ ผมดีใจที่ได้ช่วยและผมดีใจที่คุณรู้สึกขอบคุณผมครับ คุณเมทินี”
“หึ หึ !! คุณใช้เวลานานมากถึงจะเริ่มมาพิสูจน์ความรักระหว่างบิดาที่มีต่อลูกชายคุณ คุณมาวิณ”
“ผมย่อมรับว่าผมผิดและไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ แต่ในวันนี้ผมพร้อมจะมาพิสูจน์ความรักและความจริงใจทุกสิ่งทุกอย่างให้คุณได้เห็นแม้มันจะเป็นการเริ่มต้นที่ล่าช้าแต่ผมก็จะขอใช้เวลาพิสูจน์แม้มันจะยาวนานมากๆผมก็พร้อมจะแสดงถึงความจริงใจเพื่อให้คุณและลูกชายของผมเชื่อในความรักของผมที่มีต่อคุณและลูกชายของผมครับ คุณเมทินี”
“อย่างที่ฉันได้บอกคุณไปแล้วฉันจะยังไม่รับรู้รับฟังเรื่องอะไรของคุณในตอนนี้ทั้งนั้นจนกว่าจะได้พบหน้าพี่ชายของฉันเสียก่อน”
“ตกลงครับคุณเมทินี ผมจะพยายามตามหาชาญชัย พี่ชายของคุณมายืนยันต่อหน้าคุณให้ได้ และมันจะใช้เวลาอีกไม่นานครับคุณจะได้เจอหน้าพี่ชายของคุณแน่นอน”
“ตกลงคะ คุณมาวิณหากคุณตามตัวพี่ชายฉันมาพบฉันได้และยื่นยันกับฉันเรื่องลูกชายของคุณ ฉันจะยอมรับฟังเรื่องราวต่างๆ ของคุณและฉันอาจจะยอมรับคุณเป็นบิดาของลูกชายฉันก็ได้”
“ขอบคุณครับ คุณเมทินี ขอบคุณมาก”
อย่างไม่ได้ตั้งตัวเมทินีถูกชายหนุ่มที่เพิ่งรู้จักและอ้างตัวเองเป็นบิดาของลูกชายเธอสวมกอดไว้ในอ้อมแขน หัวไหล่ของมาวิณอยู่ระดับปลายคางของเธอพอดี วันนี้เธอพบเจอแต่เรื่องหนักๆและวุ่นวายมาทั้งวันสิ่งที่เธอต้องการก็คืออ้อมกอดอันอบอุ่นของใครสักคน อาจจะเพื่อปลอบโยนและให้กำลังใจ แต่เธอก็ไม่ได้คาดคิดหรือต้องการจะได้รับอ้อมกอดจากชายหนุ่มที่เพิ่งเจอหน้ากันในครั้งแรก เธอพยายามพยุง ผลักดันตัวเองออกมาจากอ้อมกอดของมาวิณแต่พละกำลังของเธอเหมือนจะใช้จนหมดสิ้นไปนานมากแล้ว เมื่อไม่สามารถหลุดรอดออกไปจากอ้อมแขนอ่อนโยนและอบอุ่นของชายหนุ่มได้เธอจึงปล่อยให้มาวิณสวมกอดเธอต่อไป... ภายใต้ดวงตาจับจ้องของบุคคลในห้องพยาบาลมากมาย บุคคลที่จับจ้องมองมีทั้งที่เธอเพิ่งรู้จักและไม่รู้จัก และหนึ่งในบุคคลที่เธอรู้จักกำลังก้าวเดินตรงเข้ามาหาเธอด้วยอารมณ์ที่เธอไม่เคยพบเจอมาก่อนมันคืออารมณ์ความโกรธและหึงหวง
“คุณมาวิณ ปล่อยคุณเมได้แล้วครับ”
มันคือคำพูดออกคำสั่งที่ทรงอำนาจจากความโกรธ ยังไม่ทันที่มาวิณจะคายวงแขนจากร่างกายเธอ ตรัสก็จับมือทั้งสองข้างของมาวิณออกจากตัวเธอด้วยกำลังความโกรธในทันที มาวิณซวนเซใกล้ล้มแต่ร่างกายสูงใหญ่ถูกรองรับไว้จากร่างเล็กของหญิงสาวสวยที่เธอยังไม่รู้จักและรู้สึกว่าเธอก็กำลังมีอารมณ์ความโกรธใกล้เคียงกับตรัสด้วยเช่นกัน
“นี้คุณทำเกินไปแล้วนะ คุณตรัส”
“ผมทำเกินไปตรงไหนไม่ทราบ คุณผู้หญิง”
“คุณทำร้ายร่างกายพี่ชายฉัน”
“พอเถอะหญิงเล็ก คุณตรัสไม่ได้ตั้งใจทำอะไรพี่ อย่าทำให้เรื่องราวมันวุ่นวายใหญ่โตมากไปกว่านี้เลย”
“แต่พี่คะ เข้าตั้งใจและจงใจใช้กำลังกับพี่จริงๆ นะคะ”
“แล้วถ้าผมตั้งใจและจงใจทำร้ายพี่ชายของคุณจริงๆ คุณจะทำอะไรผมได้ คุณผู้หญิง”
“คุณเกินไปแล้วนะ พี่ชายฉันไม่ต้องการจะเอาเรื่องคุณ แต่คุณนี้อยากจะมีเรื่องจริงๆ ใช่มั้ย”
“ก็อาจจะอยากมีเรื่องอะนะ คุณผู้หญิง”
“เลิกพูดล้อเล่นและเรียกฉันคุณผู้หญิงได้แล้ว ฉันชื่อหญิงเล็ก เป็นน้องสาวของพี่มาวิณ คุณเป็นตำรวจก็น่าจะทำตัวให้เหมาะสมหน่อยนะคุณตรัส คุณมารังแกประชาชนคนธรรมดาอย่างนี้ได้อย่างไร”
“โอ้!โฮ้! รู้จักชื่อผมแล้ว ยังรู้ว่าผมเป็นตำรวจอีกด้วย พวกคุณพี่น้องนี้ไม่ธรรมดาเลยนะครับ โอเคในฐานะตำรวจผมอาจจะทำผิด แต่ในวันนี้ผมอยู่ในฐานะพ่อของลูกชายพี่ชายคุณอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หรือจะทำให้คุณเข้าใจง่ายขึ้นคุณเมทินีในตอนนี้หรือตอนไหนเธอก็ไม่ต่างอะไรจากการเป็นภรรยาของผมแล้ว ถึงเราจะยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงานกันอย่างถูกต้องแต่ผมกับเธอต่างผูกผันกันด้วยพันธะที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ แม้คุณหรือใครก็ไม่มีสิทธิเข้าใกล้เธอหรือลูกชายลูกสาวของเธอยกเว้นผมคนเดียว เข้าใจหรือยังคุณผู้หญิง”
“คุณไม่มีสิทธิทำอย่างนี้กับพี่ชายของฉันคุณตรัส คุณจะใจร้ายแยกพ่อลูกแท้ๆ ออกจากกันไม่ได้”
“นี้คุณคงไม่ได้กำลังจะออกคำสั่งหรือขู่ผมหรอกนะคุณผู้หญิง และหากจะพูดถึงสิทธิผมมีอย่างสมบูรณ์ผมมีทั้งหลักฐานตัวจริงและสำเนา ที่ผมเก็บมันไว้นานหลายปีแล้วเพื่อที่วันนึงจะได้รับรู้ว่าใครที่มันทำร้ายความฝันและชีวิตผมตลอดจนคนรักของผม และสุดท้ายความใจเย็นและพันธะที่ผมผูกไว้ ที่แสนยาวนานของผมก็ได้รับคำตอบในวันนี้จนได้ พี่ชายคุณและครอบครัวของคุณทำความผิดมากมายต่อผมและคนรักของผมในวันนี้ก็ต้องได้รับการลงโทษจากสิ่งที่ทำผิดไว้คุณว่าจริงหรือไม่ครับ คุณผู้หญิง”
“คุณจะทำอย่างนี้ไม่ได้ คุณจะเอาเด็กมาเป็นเครื่องมือต่อลองและแก้แค้นไม่ได้ คุณเป็นตำรวจและเป็นคนดี อย่าทำเรื่องโหดร้ายอย่างนี้เลยนะคะ คุณตรัสฉันรอร้อง”
“หึ หึ ฮ่า ฮ่า !! ตลกมากจริงๆ คุณนี้เข้าใจหาพูดคำหวานๆ มาใช้กับผมแม้คุณจะไม่รู้จักผมมาก่อนเลยแท้ๆ คุณว่าผมเป็นคนดีใช่มั้ย แล้วคนดีอย่างผมควรทำอย่างไรต่อไป ยกลูกชายที่คนรักของผมเลี้ยงดูมาตลอดระยะเวลาห้าปีให้กับพี่ชายคุณอย่างนั้นหรือ คุณไม่คิดว่ามันจะง่ายเกินไปรึไง คุณไม่คิดจะชดเชยอะไรให้ผมกับคนรักของผมเลยใช่มั้ย คุณและครอบครัวไม่พยายามจะชดเชยเวลาที่สูญเสียไปของผมแล้วยังจะมารับเอาสิ่งที่ผมและคนรักทุ่มเทมันไปด้วยความฝันและเวลาที่ไม่สามารถเรียกคืนได้ไปอย่างง่ายๆอย่างไม่รู้สึกผิด พวกคุณไม่คิดว่ามันเป็นการเห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือครับ คุณไม่คิดว่าพวกเราทั้งสองคนที่ควรที่จะได้แต่งงานมีความสุขและอนาคตที่ดี ได้ทำตามความฝันที่เราหวังไว้ แต่สุดท้ายพวกเราทั้งสองคนก็ยังไม่ได้ทำอะไรเลย พวกเราต้องสูญเสียความรักและความฝันสาเหตุเพราะลูกชายของพี่ชายของคุณ เมทินีคนรักของผมต้องสูญเสียทุนที่ได้มาอย่างยากลำบากเธอพยายามอย่างมากมายถึงจะได้มันมา คุณคิดว่าผมกับคนรักของผมควรทำอย่างไรต่อไปดีครับ หลังจากความรักและความฝันสูญเสียไปโดยไม่สามารถเรียกคืนได้แล้ว คุณคิดว่าพวกเราควรได้รับการแก้แค้น จากพวกคุณมั้ยครับ คุณผู้หญิง”
“ฉันๆ..ขอโทษแทนพี่ชาย แต่เรื่องนี้ครอบครัวพ่อแม่ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ นะ เราเพิ่งได้รับรู้ไม่นานมานี้เองว่าพี่ชายฉันมีลูกชาย ถ้าฉันรู้มาก่อนหน้านี้ฉันกับพ่อแม่คงไม่ปล่อยหลานชายไปให้คนอื่นเลี้ยงแน่”
“คุณเอาเหตุผลง่ายๆ มาพูด คุณคิดว่าผมจะเชื่อ หรือจะใจอ่อนยอมยกลูกชายคืนให้ครอบครัวคุณหรือไง คุณผู้หญิง”
“ฉันบอกแล้วฉันชื่อหญิงเล็ก เลิกเรียกฉันคุณผู้หญิงได้แล้ว และฉันก็รู้ว่าเรื่องลูกชายพี่ชายของฉันมันก็ไม่ใช่ปัญหาง่ายๆ ที่จะแก้ไขได้แค่วันสองวัน แต่ฉันขอร้องคุณอย่าใช้เด็กเป็นเครื่องมือแก้แค้นเราเลย นะคะคุณตรัส”
“ผมจะยังไม่รับปากกอะไรคุณตอนนี้ อย่างที่คุณพูดปัญหานี้มันไม่ใช่ปัญหาง่ายๆ คุณและครอบครัวต้องรู้จักการรอคอย อย่างที่ผมเคยรอคอยมาก่อน แล้วคุณจะได้รู้ว่าการรอคอยมันทรมานแค่ไหน หึ หึ”
“คุณตรัส....”
................................................
เมทินียืนจ้องมองการพูดจาโต้ตอบกันระหว่างตรัส มาวิณ หญิงเล็ก เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกมากสิ่งที่ตรัสกำลังพูดโต้ตอบกันกับสองพี่น้องมันน่าจะเป็นคำพูดของเธอมากกว่า การพูดจาโต้ตอบกันดูเหมือนตรัสจะสามารถควบคุมจิตใจและความรู้สึกของสองพี่น้องได้อย่างสมบูรณ์แบบเธอมองเห็นสีหน้าแววตาของสองพี่น้องจะกลัดกลุ่มหนักใจไม่น้อยและความรู้สึกในแววตาเหมือนจะไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอย่างไรต่อไป ทั้งสองพี่น้องเดินจับจูงมือกันอย่างปกป้องคุ้มครองและให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ส่วนตรัสเมื่อหมดปัญหากับสองพี่น้องมาวิณและหญิงเล็กแล้วก็ก้าวเดินตรงไปมุมห้องที่ลูกสาวฝาแฝดของเธอยืนอยู่เคียงข้างกับภาคีนัย อย่างอารมณ์ใกล้เคียงกับความโกรธที่ยังไม่หายดี
“คุณนัยครับ ผมขอลูกสาวคืนด้วยครับ”
“ผมยังจะไม่คืนให้คุณตอนนี้ครับ คุณตรัส”
“ทำไมครับ ผมต้องการลูกสาวผมคืนหรือคุณจะพยายามมีปัญหากับผม ด้วยอีกคนครับ คุณนัย”
“ผมไม่ได้ต้องการมีปัญหากับคุณ และเด็กฝาแฝดสองคนนี้ก็ไม่ใช่ลูกสาวของคุณด้วย”
“เธอเป็นลูกสาวผม โดยถูกต้องตามกฎหมาย และทำไมผมต้องมาบอกคุณด้วย ปล่อยเด็กมาให้ผม ผมจะพาครอบครัวผมกลับบ้าน คุณคงเข้าใจนะครับ ตอนนี้มันดึกมากแล้วเด็กต้องการพักผ่อน”
“นัยจ๊ะ...คืนเด็กให้คุณตรัสไปเถอะนะลูกแม่กับพ่อขอร้อง”
“ผมจะยังไม่คืนครับ คุณแม่ คุณแม่ก็เห็นคุณตรัสกำลังโกรธ อารมณ์ไม่ดีมากๆด้วย แล้วจะให้เด็กๆ ไปอยู่กับเขาได้อย่างไร”
“นัย คืนลูกสาวของพี่ให้กับคุณตรัสไปก่อนเถอะ ลูกสาวพี่ต้องกลับบ้านไปพักผ่อน อย่างที่คุณตรัสเธอบอกจริงๆ”
“พี่ภพ คุณตรัสเขาแค่ต้องการจะทำให้ผมโกรธและลองใจพวกเราทำนั้น ทำมั้ยพี่ภพถึงยอมเขาง่ายๆ แบบนี้ละครับ”
“หึ หึ ฮ่า ฮ่า!!วันนี้มันช่างสนุกและตลกจริงๆ สุดท้ายพวกคุณก็ยอมรับออกมาจนได้ ลูกสาวของผมเป็นหลานสาวฝาแฝดของพวกคุณ สร้างเรื่องก่อกวนงานฉลองวันเกิดของหลานสาวตัวเองและทำร้ายลูกชายของคนอื่น พวกคุณทั้งครอบครัวก็ไม่ต่างอะไรจากสองพี่น้องนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว พวกคุณทุกคนก็ต่างมีส่วนในการขโมยเวลาและความฝันของผมและคนรักเหมือนกัน พวกคุณคิดว่าจะชดใช้เวลาที่สูญเสียไปของผมและคนรักอย่างไร จากนี้ต่อไปผมคิดว่าพวกคุณก็ควรได้รับการแก้แค้นเหมือนอย่างที่สองพี่น้องนั้นเช่นกัน คงต้องเริ่มจากที่พวกคุณต้องรู้จักการรอคอย อย่างที่ผมต้องรอคอยคนรักของผมตลอดเวลาห้าปีอย่างเจ็บปวดและทุกข์ใจ โดยไม่รู้เลยว่าใครคือพ่อแม่ของเด็กที่คนรักเก็บมาเลี้ยงดู พวกคุณสมควรได้รับการแก้แค้นมั้ย”
“ผมต้องขอโทษคุณตรัสกับคุณเมทินีด้วย ผมไม่รู้จริงๆ ว่าวิมลวรรณตั้งท้องเตรียมคลอดลูก ผมเองก็เพิ่งจะรับรู้ทั้งหมดเมื่อไม่นานมานี้เอง เธอส่งรูปภาพมาให้ผมดู ก็รูปเดียวกันกับที่คุณกานดาภรรยาผมเอามาประจานคุณเมทินีในวันนี้หล่ะครับ คุณตรัส”
“พวกคุณนี้ต่างก็ใช้คำอธิบายง่ายๆ แล้วคิดว่าผมจะเชื่อ แล้วทุกอย่างก็จะจบลงอย่างนั้นหรือไง ไม่มีทางจบลงง่ายๆแน่ หากพวกคุณเคยรักใครแล้วต้องจากคนที่เรารักไปเป็นเวลานานแสนนาน เหตุผลเพราะความไม่รู้เรื่องของพวกคุณมันไรสาระและตลกเกินไป หึ หึ ฮ่า ฮ่า ตลกมากจริงๆ ผมยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ครับ คุณประภพ”
“คุณตรัสคุณจะเอาเด็กเล็กมาเป็นเครื่องมือแก้แค้นผมกับครอบครัวไม่ได้พี่ภพและพ่อแม่ผมเราต่างก็ไม่รู้เรื่องนี้ เราไม่ควรได้รับโทษเพราะเราไม่ผิดอะไร คนที่ผิดน่าจะเป็นพี่สาวของคุณเมทินีมากกว่าเธอควรบอกพวกเราเมื่อท้องลูกของพี่ชายผม ไม่ใช่ไปยกลูกให้น้องสาวตัวเองเลี้ยงดูคุณตรัสว่าจริงมั้ยครับ”
“ก็อาจจะจริงอย่างคุณพูดมาคุณนัย แต่อย่างที่คุณพูดวิมลวรรณพี่สาวของคนรักของผม ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย อย่างนั้นพวกคุณก็พยายามตามหาตัววิมลวรรณมาพบผมสิครับ ผมจะสอบถามเหตุผลจากเธอเองทำไมเธอถึงยกลูกสาวให้แก่น้องสาวเลี้ยงแทนที่จะเป็นพวกคุณ และเมื่อตอนนี้ยังไม่มีคำตอบอะไรจากวิมลวรรณ เรื่องของพวกคุณก็ต้องรอไปก่อน และเด็กฝาแฝดก็จะยังมีฐานะเป็นลูกสาวของผมโดยสมบูรณ์ต่อไป คุณคงเข้าใจนะครับ คุณภาคีนัย”
“ผมได้คาดการไว้แต่แรกแล้วครับ คุณตรัสลักษณ์ คุณมันต้องไม่ใช้ธรรมดาแน่ๆ คุณใจเย็นและวางแผนการไว้อย่างเลือดเย็นเป็นเวลาที่นานมากเพื่อที่จะได้ให้ถึงวันนี้วันที่ได้แก้แค้นพวกเรา วันที่คุณจะได้แก้แค้นคนที่ทำให้คุณต้องสูญเสียเวลาและความฝัน ผมขอยอมรับในความใจเย็นของคุณ มันทำให้ผมและครอบครัวต้องเป็นทุกข์และเจ็บปวดจริงๆ จากสิ่งที่คุณพูดมาทั้งหมด คุณจงใจจะไม่คืนหลานสาวให้ผมกับครอบครัวจริงๆ ใช่มั้ย”
“ไม่คืนให้ในตอนนี้ และตลอดไป และพวกคุณก็อย่าได้คิดว่าเมทินีคนรักของผมจะยอมคืนลูกให้ใครง่ายๆเช่นกัน เพราะสิทธิโดยสมบูรณ์ทั้งหมดต้องได้รับการอนุญาตจากผมด้วยเช่นกัน หากผมไม่ยินยอมคืนหลานสาวให้กับครอบครัวของคุณ คุณเมทินีคนรักของผมก็ไม่สามารถใช้สิทธิคืนลูกให้ใครได้เช่นกัน จำใส่ใจไว้ให้ดีด้วยครับ คุณภาคีนัย”
“ดีมากคุณตรัสคุณใจร้ายและเลือดเย็นกว่าที่ผมคิดไว้ วันนี้เป็นวันที่พวกเราพบเจอกันครั้งแรกผมได้รับฟังเรื่องราวความรักของคุณ ผมเริ่มนึกสงสารความรักที่ไม่สมหวังของคุณกับคนรัก ผมมองเห็นคุณเป็นคนดีและมีเมตตา คุณแม่ของผมที่ไม่เคยชื่นชมใครมาก่อนนอกจากผมก็ยังชื่นชมและอวยพรให้พวกคุณได้สมหวังในความรัก แต่ในเวลานี้ผมเองต้องขอถอนคำพูด ผมจะต่อสู่เพื่อให้ได้หลานสาวและมารดาของหลานๆของผมคืนมาให้ได้ คุณเตรียมตัวสูญเสียคนรักอีกครั้งก็แล้วกันคุณตรัสลักษณ์”
“นี้คุณคงไม่ได้กำลังขู่ผมอยู่หรอกนะครับคุณนัย สิ่งที่คุณกำลังจะบอกผมมันมีความเป็นไปได้ไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นด้วยซ้ำ ความคิดคุณนี้ไม่ไร้เดียงสาก็คงพูดออกมาเพราะอารมณ์ของคนกำลังสิ้นหวังเท่านั้น ตอนนี้พวกคุณก็เหมือนกับปลาตัวใหญ่ที่ใช้ชีวิตอยู่ในแอ่งน้ำแต่ก็พยายามป่ายปีนว่ายทวนกระแสของชีวิตขึ้นมาบนบกเพื่อหายใจและใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในแอ่งน้ำเล็กๆที่ปีนป่ายจากมาเพราะคิดว่าตัวเองจะสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนอยู่ในแอ่งน้ำหนองบึงเล็กๆ แต่มันก็เป็นได้แค่ความคิดไร้เดียงสา มันช่างตลกจริงๆ ครับคุณภาคีนัย และผมก็ขอให้คุณใช้ความพยายามอันไร้สาระของคุณต่อไปผมจะคอยดูการพยายามดิ้นรนเพื่อหนีตายของคุณและครอบครัวต่อไป หึ หึ ”
“คุณตรัส....”
..........................................................
เมทินีจ้องมองนายตำรวจตรัสลักษณ์กำลังพูดจากโต้ตอบกับภาคีนัย ประภพ บิดามารดาของภาคีนัย จากสีหน้าแววตาของครอบครัวภาคีนัยทุกคนดูกลัดกลุ่มไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดีความรู้สึกสีหน้าและแววตาของครอบครัวภาคีนัยในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับแววตาและความรู้สึกของสองพี่น้องครอบครัวของมาวิณด้วยเช่นเดียวกัน ตรัสคือบุคคลที่เธอสามารถพึ่งพาได้เสมอตรัสเปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่สำหรับเธอตลอดมา เธอสามารถนอนหลับพักพิงภายใต้ร่มเงาของตรัสได้อย่างไม่รู้สึกกลัวเธอจะรู้สึกปลอดภัยเสมอแม้แต่เวลานี้ สิ่งที่ตรัสกำลังพูดมันคือสิ่งที่เธอต้องการจะพูดมันไม่ใช่สิ่งที่ตรัสต้องการจะพูดจริงๆ โดยพื้นฐานแล้วตรัสเป็นคนมีจิตใจดีงามและรับรู้ความรู้สึกของเธอได้เร็วมาก วันนี้ตรัสแสดงความเลวร้ายเพราะตรัสต้องการจะเป็นเงาให้แก่เธอ เมื่อตรัสอยู่ใกล้ชิดกับเธอเขามักจะสูญเสียความเป็นตัวตนของตัวเขาไปโดยสิ้นเชิง เธอไม่ต้องการให้ตรัสตามคอยปกป้องคุ้มครองเธออีกเมื่อเธอต้องเจอะเจอกับตรัสในครั้งใดเขามักจะยอมเป็นผู้เสียสละเสมอแม้แต่วันนี้ นายตำรวจตรัสลักษณ์ ผู้ดำรงไว้ด้วยเกียรติยศของนายตำรวจผู้มีศักดิ์ศรีกำลังได้รับการดูหมิ่นเหยียดหยามจากบุคคลมากมายเพียงเพราะต้องการจะปกป้องเธอและลูกๆ อีกนานแค่ไหนที่เธอจะหยุดทำร้ายผู้ชายคนนี้เสียที เมทินีน้ำตาไหลรินแม้จะพยายามห้ามและเก็บกดมานานมากแล้ว
“เมหยุดร้องเถอะ ไม่มีใครเอาลูกๆ ของคุณไม่จากคุณได้แน่ผมสัญญา เชื่อผมเถอะเม เชื่อนายตำรวจไทยใจกล้าหาญของเมคนนี้”
เสียงกระซิบแผ่วเบาในอ้อมกอดของตรัส มันคือคำสัญญาที่เธอสามารถเชื่อถือได้เสมอ เธอรู้มาโดยตลอดตรัสพร้อมที่จะขายหัวใจและวิญญาณให้แก่ปีศาจเพื่อแลกกับการให้เธอมีความสุขและสูญเสียน้ำตาน้อยที่สุด และตรัสจะมาอยู่เคียงข้างเธอเสมอเมื่อเธอมีความทุกข์และปัญหาเช่นในวันนี้
“คุณไม่จำเป็นต้องสัญญาอะไรกับฉันตรัส ฉันขอแค่ให้คุณอยู่ข้างๆฉันก็พอ ฉันไม่ต้องการให้คุณต้องขายวิญญาณและหัวใจที่ดีงามของคุณเพื่อฉัน คุณไม่ควรต้องทำเลย ฉันไม่อยากทำร้ายคุณอีกต่อไปแล้วตรัส”
“เราเป็นคนดีตลอดไปไม่ได้หรอกนะเม เมื่อถึงจุดหนึ่งเราก็จำเป็นต้องปกป้องตัวเอง คุณจะปล่อยให้พวกเขาทำร้ายพวกเราเรื่อยไปตลอดไปอย่างนี้ไม่ได้ คุณพอรู้ใช่มั้ยพวกเขาไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปพวกเขาต่างก็มีเงินและอำนาจ คุณคนเดียวไม่สามารถปกป้องคุ้มครองตัวเองได้หรอกเม ผมจะทำหน้าที่เป็นเงาอันเลวร้ายคอยปกป้องคุ้มครองคุณเอง คุณรู้ใช่มั้ยเมื่อผมลงมือทำอะไรก็ตามมันเคยมีคำว่าพ่ายแพ้มาก่อนยกเว้นการได้อยู่ใกล้ชิดคุณ อย่างนั้นหยุดร้องไห้ได้แล้วเม วันนี้พวกเราพาลูกๆ กลับบ้านกันเถอะ”
..............................................................
ภาคีนัยจ้องมองนายตำรวจตรัสลักษณ์และเมทินีสวมกอดกันและพูดคุยกระซิบกระซาบให้กำลังใจซึ่งกันและกัน แม้ภาคีนัยจะไม่ได้ยินน้ำเสียงของทั้งสองคนพูดคุยกันแต่ภาคีนัยรู้สึกโกรธและหึงหวงเื่มื่อต้องคิดว่าทั้งสองคนกำลังคิดวางแผนอะไรกันอยู่ภาคีนัยยิ่งรู้สึกโกรธเป็นร้อยเท่าพันทวี ในยามนี้ภาคีนัยรู้สึกถึงความพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง สิ่งที่ภาคีนัยคิดไว้มันไม่สามารถเป็นไปได้ง่ายๆโดยเฉพาะเรื่องของหลานสาว หญิงที่ถูกใจและหลงรัก ในเวลานี้ภาคีนัยแทบจะมองไม่เห็นความเป็นไปได้อีกต่อไปแล้วบุรุษที่ทำให้เรื่องราวทุกอย่างเป็นแบบนี้ก็คือนายตำรวจตรัสลักษณ์ ผู้เฉลียวฉลาด ผู้กำลังเป็นศัตรูหัวใจของเขาอยู่ในตอนนี้ ชะัตากรรมนำพาคู่รักที่มีอุปสรรคไม่สามารถสมหวังในความรักเมื่อครั้งอดีตให้มาเกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับชีวิตเขา และในวันนี้ภาคีนัยก็จะทำหน้าที่เป็นเสมือนดังชะตากรรมของคู่รักทั้งสองคนอีกครั้ง ภาคีนัยจะทำให้ชะตากรรมของคู่รักทั้งสองเต็มไปด้วยอุปสรรคร้อยแปดพันเก้าความเลวร้ายจะหนักหนามากกว่าครั้งแรกเป็นร้อยเท่่าพันทวี โดยเริ่มแรกภาคีนัยจะจับคู่รักแยกจากกันไปอยู่ให้จนสุดขอบของเส้นสายรุ้งคนละฝากฝั่งจะไม่ให้พวกเขาได้พบเจอสำหวังในความรักแน่นอน ...ชะตากรรมทำร้ายพวกเขาสำเร็จมาแล้วในครั้งแรกและในครั้งนี้เขาภาคีนัยคนนี้ก็คือชะตากรรม ที่คู่รักทั้งสองจะต้องพบเจอ ในครั้งนี้ชะตากรรมก็จะเป็นผู้ชนะอีกครั้งคู่รักคู่นี้จะต้องทนทุกข์ทรมานจนแสนสาหัส ภาคีนัยตั้งจิตมุ่งมั่นและอธิฐานมันด้วยดวงจิตและดวงใจของปีศาจร้ายที่กำลังโกรธและหึงหวง...
จบบทที่ 9 ต่อบทที่ 10 การแย่งชิง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ